ภาพ
มาดูคุณสมบัติด้านภาพกันบ้าง ถึงแม้เป็นรุ่นเล็ก แต่ก็มิได้หมายถึงลูกเล่นด้านภาพจะเล็กตามซีรีส์ของมัน เริ่มจากความละเอียดหน้าจอแบบ HD Ready 1366 x 768 มาพร้อมกับชิพประมวลผลตัวเก่ง BRAVIA Engine 3 มีการเคลมค่าคอนทราสต์เรโชไว้สูงถึง 100,000:1 และมีมุมมองการรับชม 178 องศาทั้งแนวตั้งและแนวนอนครับ
โหมดภาพสำเร็จรูป :: Scene
Sony เองจะมีโหมดภาพสำเร็จรูปให้เราเลือกมากมายให้ “Matching” กับคอนเทนต์ที่เรารับชมอยู่ เพียงแค่เรากดปุ่ม Scene บนรีโมทคอนโทรลเท่านั้นก็สามารถเลือกได้เลยครับ นับว่ามีประโยชน์มากเช่นจะเล่น Game ก็กด Scene และปรับไป Game ทีวีก็จะแสดงแสงสีให้ตัดการทำงานระบบประมวลผลบางอย่างทิ้งเพื่อให้แสดงภาพได้ไวทันใจที่สุด ตลอดจนมีการปรับโหมดเสียงให้อัตโนมัติให้มีไดนามิกเรนจ์ที่กว้างขึ้น การเล่นเกมส์ก็จะตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้นครับ หรือหากจะต่อคอมพิวเตอร์ก็สามารถเลือกปรับโหมด Scene ให้เป็น Graphics ได้เลย ระดับแสงสว่างและความคมชัดของตัวอักษรบนจอก็จะดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เหมาะกับการใช้งานเป็นจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์เป็นต้น
ส่วน “โหมดภาพหลัก” ที่มีให้ปรับกันใน Picture Mode ก็ได้แก่
1. Vivid :: สว่างสุด สีสดสุด อุณหภูมิสีออกไปในโทน “เย็น” (Cool)
แนะนำ ==> เหมาะกับห้องที่มีแสงสว่างจากภายนอกมารบกวนมากๆ หรือเปิดโชว์ตามห้างร้าน
2. Standard :: ความสว่างและความสดใสอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง อุณหภูมิสีเป็นโทน “กลาง” (Neutral)
แนะนำ ==> เหมาะกับการรับชมปกติภายในบ้าน
3. Custom :: แสงสีและความคมชัดจะ Soft ลงมากๆ อุณหภูมิสีจะออกโทน “อุ่น” (Warm)
แนะนำ ==> เหมาะกับห้องมืดๆที่คุมแสงได้ ได้บรรยากาศแบบโรงหนัง
หมายเหตุ :: โหมดภาพแบบ Scene และ Picture Mode สามารถปรับใช้ร่วมกันได้ ดังนี้การปรับภาพจากอันใดอันหนึ่งก็จะส่งผลกระทบต่ออีกโหมดหนึ่ง
Picture Mode | Color Temp (K) | Luminance (fL) | เหมาะกับห้อง |
Vivid | 12041 | 105 | เปิดในห้าง |
Standard | 8800 | 72.95 | Bright Room |
Custom | 5909 | 60.12 | Bright Room |
Custom (Photo) | 8678 | 70.53 | Bright Room |
Custom (Cinema) | 6047 | 51.91 | Bright/Dim Room |
Custom (Game) | 8711 | 74.64 | Bright Room |
Custom (Graphics) | 6002 | 59.97 | Bright Room |
Custom (Sports) | 9792 | 71.09 | Bright Room |
และให้ค่าใกล้เคียงกับ 6500K (D65) มากที่สุด
จึงเลือกเป็นโหมดในการปรับภาพเบื้องต้นและทดสอบในครั้งนี้
ผลการทดสอบคุณภาพของภาพ
ผมใช้เครื่องเล่น Blu-ray Player Oppo BDP-95 กับสาย LCD HDMI V1.4 เป็นเครื่องมือ Reference ในการทดสอบครั้งนี้ครับ เริ่มจากเรื่อง Batman :: The Dark Knight ซึ่งผมเอามาดูทวนความจำอีกซักครั้งก่อนภาคใหม่ที่มีชื่อยาวขึ้นไปอีกพยางค์ซึ่งก็คือ The Dark Knight Rises จะลงโรงครับ ความคมชัดและรายละเอียดของภาพโดยรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเกินขาด ปกติแล้วเมื่อผมทดสอบพวก LED หรือ LCD TV 32″ ราคาประหยัดนั้นมักจะเจอ “สากเสี้ยน” และ “ความหยาบกระด้าง” ที่เห็นแบบ “จับต้องได้” แต่ Sony 32EX310 ตัวนี้ทำได้ดีเกินคาด “ความละเมียดละไม” ในการไล่เฉดสีต่างๆดูกลมกลืนเป็นธรรมชาติ มีความเป็นกลางสูง หากใช้โหมด Custom (ใน Picture Mode) หรือโหมด Cinema ใน Picture Mode ความคมชัดจะดู “บาง” ไปซักนิด สามารถปรับ Sharpness ขึ้นมาให้อยู่ในระดับซัก +10 เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมให้มีมากยิ่งขึ้น โดยไม่สูญเสียโทนภาพแนวโรงหนังไปมากนัก
สีสันของใบหน้าตัวละครต่างๆอย่าง Harvey Dent ก็ดูเป็นธรรมชาติ ความคมชัดและรายละเอียดอยู่ในเกณฑ์ดีปานกลาง คือไม่ได้เห็นรายละเอียดสิว ไฝ ฝ้า กระ เกลื้อน (ฮา) เด่นชัดแบบ LED TV รุ่นท็อปๆที่ราคาสูงสุดโต่งแต่ก็แสดงรายละเอียดออกมาได้ “พอเหมาะพอเจาะ” ไม่ได้นุ่มนวลจนละลายรายละเอียดที่สำคัญหายไปแบบ LCD TV รุ่นถูกๆที่มีขายกันตามท้องตลาดในระดับราคาต่ำกว่าหนึ่งหมื่นบาท
ผมลองเปลี่ยนมารับชมหนัง Blu-ray เรื่องโปรดอีกเรื่อง James Bonds 007 :: Casino Royale ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในภาพที่ดีที่สุดภาพหนึ่งในในแง่ของความเข้มข้นของฉากแอ็คชั่นที่ไม่ได้ใส่จนเลอะเทอะน่าเบื่อและบทดราม่าอันกินใจ ใบหน้าของ James Bonds (Daniel Craig) ในโหมดภาพ Standard ให้ความสดใสและจัดจ้านในเกณฑ์กำลังดี ไม่แสบลูกตา มิติภาพอยู่ในเกณฑ์ดีพอใช้ คือไม่ได้ล่องลอยเป็นก้อนคล้ายๆ 3D เพราะไม่มี Motion Flow เข้ามาช่วย แต่ก็ไม่ได้แบนราบไปเสียทีเดียว เพราะความสามารถในการแสดงสีดำและไล่เฉดความมืด (Shadow Detail) ทำได้ดีเกินคาดไปมาก ซึ่งปกติราคาระดับนี้ผมเจอ “อาการดำจม” มาแล้วแทบทั้งนั้น 32EX310 ก็ไม่ได้แสดงอาการดำจมให้ทีมงานเห็นแบบชัดแจ้งได้เลย มิติภาพแบบธรรมชาติ (ไม่หลอกตา) จึงแสดงออกมาได้อย่างโดดเด่นเกิดคาด !!!
ทดสอบกับฟรีทีวี
ผมลองรับชมรายการ “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ของคุณสรยุทธ์ในช่วงเที่ยงๆในวันหยุดสุดสัปดาห์นี่แหละครับ มันจึงทำให้ผมสามารถ “จดจำ” และ “แยกแยะ” ได้ว่าทีวีตัวไหนสามารถแสดงภาพจากฟรีทีวีได้ดีกว่ากัน !!! เพราะปัจจัยในการทดสอบของผม “คงที่” ด้วยกล่องรับสัญญาณของ DTV แบบ Analog และ Output มาเป็นสาย AV เหลือง ขาว แดง โดยผมนั่งรับชมในระยะไกลประมาณ 1.5-2 เมตร ก็ยอมรับว่า “พอใจ” ในคุณภาพของภาพ คงต้องให้เครดิตความละเอียดหน้าจอแบบ HD Ready 1366×768 เลยทำให้ภาพไม่ค่อยแตก คงความคมชัดได้ดีเยี่ยม และรวมถึงขนาดหน้าจอที่เล็กพอประมาณจึงไม่สามารถฟ้องความหยาบกร้านของแหล่งสัญญาณแบบ Standard Definition แต่หากเป็นทีวีจอใหญ่ๆก็จะฟ้องออกมาค่อนข้างเด่นชัดเลย โดย Sony 32EX310 เองก็มีตัวจับสัญญาณอัจฉริยะเรียกว่า “Intelligent Picture Plus” ซึ่งจะทำให้เรารู้ถึง “ความแรง” ของระดับสัญญาณจากแหล่งสัญญาณที่เป็น Analog อย่างสาย AV หรือจากช่องต่อ RF เป็นต้น ซึ่ง DTV ก็ผมกดมาเต็มหลอด ซึ่งหลอดพลังจะแสดงเป็น “สีเขียว” ซึ่งแปลว่ามีสัญญาณแรงมาก ส่วนการต่อเสาหนวดกุ้ง (แบบโบราณ) เนืองจากแถวบ้านผมค่อนข้างอับสัญญาณ ตัวหลอดค่าพลังความแรงสัญญาณจึงโชว์ต่ำมากจึงแสดงเป็น “สีแดง” และสุดท้ายด้วยโหมด Picture Optimisation เราสามารถเลือกปรับสมดุลของ “ระดับความคมชัด” (Crisp) และ “ระดับความนุ่มนวล” (Smooth) ของภาพ ในการแสดงกับแหล่งสัญญาณ Analog แบบบ้านๆได้อีกด้วย หากชอบภาพ “คมๆ” หน่อยก็เลื่อนปรับไปด้านซ้าย (Crisp) ให้ภาพมันคมขึ้น แต่หากเยอะไปก็จะแสดงพวก Noise และความหยาบกร้านออกมาด้วย หรือหากชอบ “นุ่มนวล” ก็ปรับไปทางขวา (Smooth) ครับ
สรุปเรื่องภาพผมยกให้ดีเกินความคาดหมายครับ รายละเอียดและความคมชัดอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงค่อนข้างดี คือดีกว่า LCD TV BX320 ของปีนี้ และ BX300 ปีที่แล้วแบบจับต้องได้ แค่สีสัน ความอิ่มของสี และรายละเอียดก็กินขาดแล้ว แต่ก็ยังดีไม่ถึงระดับ LED TV รุ่นพี่อย่าง EX520 ซึ่งเป็นจอความละเอียด Full HD เลยให้รายละเอียดยิ่บย่อยได้ดีกว่าอีก Step นึง ลูกเล่นของการปรับภาพอย่างพวกโหมดภาพสำเร็จรูปทั้งใน Picture Mode และ Scene ก็เหมาะมากสำหรับ “มือใหม่หัดเล่น” แถมยังมีพวกลูกเล่น Live Color / Adv Contrast Enhancer / Clear White เข้าไปเสริมอีกในโหมดปรับภาพขั้นสูงครับ จึงค่อนข้างประทับใจในความ “ใจป้ำ” ของ Sony ที่ลงทุนใส่ลูกเล่นเสริมพวกนี้เข้ามาให้ !!!