01 May 2014
Review

จอยักษ์ใหญ่! รีวิว Sony 4K TV KD-84X9000 ตัวแรกของไทย บทบัญญัติใหม่แห่งวงการ


  • lcdtvthailand

ภาพ

เรื่องสเป็คของภาพคงเริ่มตั้งแต่ความละเอียดจอแบบ 4K หรือ 3840 x 2160 พิกเซล มากกว่า Full HD ถึง 4 เท่า มาพร้อมชิพประมวลผลถึง 3 ชิพด้วยกันได้แก่ X-Reality, XCA7, และ XCA8-4K ซึ่งรวมกันทั้งหมดเรียว่าระบบประมวลผล “4K X-Reality Pro” ใช้ Backlight แบบ Dynamic Edge LED หรือ Edge LED ที่ทำ Local Dimming ได้นั้นเอง ขนาดของจอภาพใหญ่สะใจวัยรุ่นถึง 84″ ทีมงานได้ใช้ตลับเมตรวัดเส้นทะแยงมุมเพื่อความชัวร์ก็ได้ 84″ โป๊ะเช๊ะแม่นยำ ส่วนเทคโนโลยี 3D ก็หันมาใช้แบบ 3D Passive ซึ่งแต่เดิม Sony จะใช้ 3D แบบ Active คงเกริ่นก่อนว่าการทดสอบนั้นจะใช้แผ่นหนัง Blu-ray แบบ 1080p เป็นหลัก และยังมี Content ความละเอียด 4K แท้ๆจากทาง Sony อีกด้วย โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่สั่งทำพิเศษทั้ง Software และ Hardware เพื่อที่จะเล่นภาพ 4K ผ่าน HDMI ครับ  

Picture Format : สัดส่วนหน้าจอ 
มี Wide Zoom / Normal / Full / Zoom / Captions ผมทดสอบกับพวก Content หนัง HD ต่างๆก็เลือกแบบ Full เพื่อให้ภาพเต็มจอพอดีเป๊ะ

สัดส่วนภาพ

Picture Mode :โหมดภาพสำเร็จรูป
โหมดภาพสำเร็จรูปของ Sony ของตัวท็อปๆแทบทุกรุ่นแบบแกะกล่องออกมาสดๆโดยมิได้ปรับภาพอะไรเลยจะมีความถูกต้องเที่ยงตรงของภาพอยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยเฉพาะโหมด Custom ซึ่งค่าแสงสีและ White Balance ใกล้ค่าอ้างอิงมาก อย่างโหมด Custom วัดค่าอุณหภูมิสีได้ที่ 6484K ใกล้เคียงกับ 6500K ซึ่งเป็นค่าอ้างอิงอย่างมากมาย ข้อควรระวังคือทีวีจะตั้ง Light Sensor หรือเซนเซอร์ที่คอยปรับระดับความสว่างของทีวีอัตโนมัติให้เป็น On เป็นค่าเริ่มต้นเริ่มต้น ควรจะปิดฟังก์ชั่นนี้ทิ้งไปเสียหากท่านต้องการที่จะปรับภาพเพราะมันจะมีผลกระทบกับค่าภาพที่เราปรับโดยเฉพาะระดับความสว่างที่จะแปรฝันตามระดับความสว่างในห้อง 

โหมดภาพสำเร็จรูปพร้อมกับอัตราการบริโภคไฟ
ModeColor Temp (K)fL
Vivid1499756.53
Standard897232.23
Custom6484          23.96

โหมด Custom และเลือก Color Temp เป็น Warm 2 อุณหภูมิสีใกล้กับระดับอ้างอิงมากๆ
ทดสอบภาพ 2 มิติ (1080p)
แน่นอนว่าด้วยขนาดจอใหญ่ถึง 84″ คงเปรียบประหนึ่งกับการยกโรงหนังมาไว้ที่บ้าน คอนเทนต์ที่ร่วมทดสอบได้แก่หนังเรื่องเก่งอย่าง Journey 2 , Fast Five, Avatar, Toy Story 3 รวมถึงเกมส์ Sony PS3 ด้วย ซึ่งพวกนี้ส่วนใหญ่มีความละเอียดแบบ 1080p ทั้งหมด และก็ยังมี Content สาธิตแบบ 4K แท้ๆของ Sony อีก 4-5 Contents แต่ก่อนอื่นต้องปรับภาพให้ได้ค่าอ้างอิงเสียก่อน Sony เองจะมีเมนูให้ปรับ White Balance อย่างละเอียด แต่ไม่สามารถปรับ Color Garmut (R,G,B,C,M,Y) ได้ ดังนี้การปรับจะเน้นไปที่ Dynamic Range (หัวใจหลัก) , Color, และ White Balance เป็นหลักครับ ซึ่งใช้เวลาปรับและเช็คความถูกต้องประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้นเอง ค่าต่างๆจัดอยู่ในระดับดีเยี่ยม โดยเฉพาะ Gamma หรือระดับความสว่างทุกช่วง IRE ก็อยู่ในระดับ 2.2 (ระดับอ้างอิง) ซึ่งจัดได้ว่าสุดยอดมาก ดังนี้ใครจะถอย Sony 84″ ตัวนี้จะเอาไปโคลนนิ่งก็ได้นะครับ ^ ^

Sony KD-84X9000
Basic Calibration
Backlight7
Picture100
Brightness61
Color51
Hue0
Color TempWarm 2
Sharpness50
Advanced           Off
White Balance
R Gain0
G Gain-7
B Gain0
R Bias-4
G Bias-8
B Bias -8

การทดสอบภาพเริ่มจากหนังเรื่อง Journey 2 อารมณ์แรกที่ได้สัมผัสคือความใหญ่ของภาพมันเต็มลูกตาแบบใหญ่สะใจวัยรุ่น โทนแสงสีจะต่างจากเทพ HX925 ไปพอสมควรคือเจ้า Sony KD-84X9000 จะมีสีสันที่เข้มข้นขึ้นมาอีกระดับ กล่าวคือมวลเม็ดสีมีความหนาแน่นขึ้น หากเปรียบเปรยเป็นเค้กก็เหมือน “ชีสเค้ก” ที่มีเนื้อที่อัดแน่นให้รสสัมผัสอันเข้มข้นและมีรสชาดที่กลมกล่อม มิติภาพจัดอยู่ในเกณฑ์ดี เริ่มต้นที่คุณพ่อแฮงค์ค้นพบป่าอุดมสมบูรณ์ในเมืองที่สาบสูญให้ความรู้สึกเต็มตาแบบในโรงหนัง ความคมชัดของภาพเนื่องจากจอมีความใหญ่มากในระดับ 84″ ความละเอียดจอ 3840 x 2160 แต่หนังที่เล่นมีความละเอียดแค่ 1920 x 1080 หากดูใกล้ๆก็จะมีติดนวลบ้าง แต่ระยะห่างซัก 2 เมตรขึ้นไปก็ถือว่าเพียงพอที่เสพย์ความคมชัดระดับ Full HD บนจอ 4K โดยไม่ต้องคอยจับผิดความนวลมนของการ Upscale สัญญาณภาพมากนัก ผมปรับระดับ Brightness จาก 50 เป็น 61 ซึ่งเผยรายละเอียดในที่มืดอาทิเช่นตามซอกของพุ่มไม้หรือบรรยากาศในป่าลึกออกมาให้เด่นชัดมากยิ่งขึ้น เรื่องมุมมองของภาพเนื่องจาก Panel ชนิดใหญ่พิเศษ อาจจะไม่ได้เก็บหมดทุกองศาเหมือนพวก Panel ขนาดเล็ก เพื่อสีสันที่ถูกต้องที่สุดแนะนำให้นั่งกลางจอ หากจะเฉียงซ้ายขวานิดหน่อยก็ยังพอได้อยู่ มุมมองที่ทาง Sony แนะนำคือไม่เกิน 60 องศา 

ภาพจากหนังเรื่อง Journey 2 ได้ความเข้มข้นของสีเพิ่มขึ้นมา มิติภาพอยู่ในเกณฑ์ดี
จอ 84″ ความละเอียด 4K สามารถ “เอาอยู่” Source 1080p ได้อย่างดี ดูแล้วไม่ได้รู้สึกว่าไม่ชัดเลย ทั้งๆที่ Source กับหน้าจอมีความละเอียดต่างกันถึง 4 เท่า
ภาพจากเรื่อง Fast Five ความแตกต่างระหว่างแนวภาพของ 84X9000 (ในรูป) VS 65HX925 84X9000 = สีสันเข้มข้นและอิ่มกว่า // 65HX925 = กระจ่างใส สีสันนวลเป็นธรรมชาติ

สรุปข้อดีของ Panel ตัวท็อปของ Sony ทั้ง 2 ประเภท1. FPR Panel (84X9000): สีสันเข้มข้นขึ้น เม็ดสีมีน้ำหนัก มุมมองเฉียงๆยังคงสีสันได้ดี
2. OptiContrast Panel (HX925, HX855) : กระจ่างใส โทนสีเป็นธรรมชาติ ไม่มีสีใดล้น มีความสมดุลสูง
ส่วนฟีเจอร์อีกหนึ่งอย่างที่อดที่จะไม่เล่นไม่ได้เลยคือ “Reality Creation” หากท่านไหนเคยไปเดินงานเครื่องเสียงแล้วเห็น Projector 4K ของ Sony จะมีลูกเล่น Reality Creation เช่นกัน หลักการคือใช้ชิพประมวลผลเพิ่มความคมชัดและแสงเงาให้กับภาพที่มีความละเอียดไม่สูงนักให้มีความคมชัดขึ้นมาเทียบชั้นระดับ 4K เช่นยกระดับ Source แบบ 1080p ให้มีความคมชัดเทียบชั้น Source 4K จะได้เหมาะสมกับความละเอียดหน้าจอระดับ 4K มากขึ้น (Upscaling) โดยเจ้า Reality Creation มีให้เราเลือกแบบ Auto และ Manual ซึ่งเลือกปรับระดับ Resolution (รายละเอียดและความคมชัด) และ Noise Filtering  (ลด Noise และ Grain ของภาพ) เองได้ จากรูปผมเปิด Reality Creation ให้เป็น “Off VS Auto” รายละเอียดหนวดเคราของคุณปู่โดดเด้งเป็นอย่างมาก ดูง่ายๆจากเดิมหนวดเคราจะดูกลืนกันเป็นปื้น (Off) VS สามารถแยกแยะออกได้เป็นเส้นๆพร้อมแสงเงาและประกายมันวาวตามเส้นหนวด (Auto) ความคมชัดที่เพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัวจนสามารถรับรู้ด้วยตาเปล่าได้ ทว่าความคมชัดที่ได้มาอาจจะต้องแลกด้วยเกรนภาพที่หยาบขึ้นรวมถึง Noise ที่ปรากฏออกมามากขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ผมคงมิอาจฟันธงได้ว่าแบบไหนดีกว่ากัน ? คงขึ้นอยู่กับ “รสนิยม” ของท่านมากกว่าว่าชอบภาพแนวคมชัดสไตล์ 4K ฮาร์ดคอร์ = เปิดใช้งาน Reality Creation // หรือชอบนุ่มนวลเป็นธรรมชาติแต่ไม่ถึงกับเบลอ = ปิดการใช้งาน Reality Creation 

หมายเหตุ Reality Creation ที่ให้เลือกเลือกว่าจะเปิดหรือปิดการใช้งาน ใช้เฉพาะกับ Source ที่ไม่ใช่ 4K นะครับเช่น พวก 1080p 720p แต่หากเป็น Source 4K แท้ๆก็แนะนำให้ปิดครับ       

การเปิด Reality Creation เพิ่มความคมชัด และแสงเงา สังเกตรายละเอียดหนวดเคราคมชัดขึ้นเห็นเป็นเส้นๆเลย
Reality Creation แบบ Manual มีเมนูย่อยให้เลือกปรับตามใจชอบได้อีกได้แก่ Resolution = เพิ่มความคมชัดและรายละเอียด และ Noise Filtering = ลด Noise ยิ่บๆอย่างพวก Mosquito Noise