นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปีนี้มีดอกผลกว่า 4,000 ล้านบาท จากปี 2555 กำไรอยู่ที่ 2,254 ล้านบาท ส่วนหนึ่งประเมิน2,800 ล้านบาท เป็นกำไรที่ไม่ใช่ตัวเงิน เนื่องจากมีการปรับวิธี
ลงบัญชีจากการที่ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่เพิ่มสัดส่วนถือใบหุ้นในบริษัทเป็นจาก 20% จากเดิม 9% อีกส่วนหนึ่งเป็นกำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งมีสมัยปัจจุบันบวกหลายด้าน เช่น รายได้จากค่าผ่านทางที่มีปริมาณรถยนต์ผ่านทางเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันทางด่วนในเมืองมีอัตราเฉลี่ยวันละ 1.084 ล้านคน คาดว่าในปีนี้จะโตเพิ่มอีก 2% อยู่ที่วันละประมาณ 1.105 ล้านคัน ขณะที่ทางด่วนนอกเมืองมีความโน้มเอียงปริมาณรถยนต์ผ่านทางเพิ่มขึ้นถึง 7% สาเหตุที่ปริมาณรถยนต์ผ่านทางเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจดี มีกิจกรรมทางธุรกิจมากขึ้น ผู้ใช้ทางได้รับความสะดวกจากทางด่วนเส้นใหม่ๆ เช่น วงแหวนใต้ ทำให้มีการเดินทางเชื่อมระบบทางด่วนเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น ยังมีวัตถุปัจจัยบวกเรื่องการปรับค่าผ่านทาง ซึ่งจะถึงกำหนดปรับค่าผ่านทางในวันที่ 1 ก.ย.นี้ โดยจะมีการปรับทุกๆ 5 ปี และปีนี้บริษัทได้ตรวจดูและส่งหนังสือแจ้งไปยังการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แล้วว่าการพิจารณาดัชนีผู้บริโภคตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าจะต้องมีการปรับขึ้นค่าผ่านทาง แต่จะปรับขึ้นเป็นจำนวนเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของภาครัฐ โดยทุกทีจะปรับขึ้นที่ละ 5, 10 และ 15 บาท "ผลประกอบการปี 2555 มีกำไรสูงสุดเท่าที่ตั้งบริษัทมา โดยเป็นกำไรทั้งจากการดำเนินงาน และการลงทุนในบริษัทอื่นๆ ส่วนในปี 2556 ก็ถือว่าเป็นปีที่ดี เนื่องจากมีข่าวดีหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปริมาณรถยนต์ผ่านทางเพิ่มขึ้น ประกอบกับจะมีการปรับขึ้นค่าผ่านทาง และงานก่อสร้างโครงการทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก วงเงินลงทุนประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทเป็นผู้รับใบอนุญาตดำเนินการได้ก่อสร้างเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ปัจจุบันมีความคืบหน้าของงานก่อสร้างประมาณ 2% และจะเปิดให้บริการปลายปี 2559 คาดว่าโครงการนี้จะคุ้มทุนในปีที่ 17-18 จากระยะเวลาสัญญาสัมปทาน 30 ปี"นางพเยาว์ กล่าว สำหรับการปรับค่าผ่านทางนั้น บริษัทได้ดำเนินการตามขั้นตอนคือได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังกทพ.แล้ว ขณะที่กทพ.ได้ตั้งคณะอนุพิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่ยังไม่ได้เชิญให้บริษัทส่งผู้แทนไปร่วมเพื่อสนทนา คาดว่าภายในเดือนส.ค.นี้จะต้องสรุปตัวเลขที่จะต้องปรับขึ้นค่าผ่านทาง เพื่อให้มีผลทันตามสนธิสัญญาที่จะต้องปรับในวันที่ 1 ก.ย.นี้ โดยปกติหลังปรับขึ้นค่าผ่านทางปริมาณรถยนต์จะลดลงประมาณ 2 เดือนแรก หลังจากนั้นจะทยอยเพิ่มขึ้น

การดัดตน "ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่" ภายใต้การนำทัพของ พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ด้วยวิถีทางดำเนินธุรกิจที่เต็มไปด้วย วิธีพลิกแพลง จนวันนี้ "ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่" สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มแมส กลายเป็นวงจรข่ายธุรกิจขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไทยที่ประสบความสำเร็จทางด้านการตลาด สามารถแก่งแย่งส่วนแบ่งจากแบรนด์ต่างชาติได้ ด้วยยอดขายอันดับ 2 ในธุรกิจขายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลายชั้น ในวันนี้ ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ ตั้งเป้าเจริญงอกงามอย่างท้าทายว่ารายได้จะทะลุ 1 หมื่นล้านบาท ใน 5 ปี นับจากปี 2555 ที่ปิดตัวเลขไปที่ 5,878 ล้านบาท การจะก้าวไปถึงจุดมุ่งหมายดังกล่าว ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ ได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดไว้อย่างรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแบรนด์ การวางสินค้าใหม่ โปรโมชั่น การนำระบบซีอาร์เอ็ม รวมถึงการทำตลาดที่เข้มข้น พญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ กล่าวว่าด้วยความที่เป็นแบรนด์ไทย ดังนั้นสนามแข่งจึง"ไม่ธรรมดา" โจทย์ที่ต้องหาคำตอบ คือ การหาจุดต่าง (Differentiation) ในการวาง Positioning ของสินค้า จุดต่างจึงต้องมีใน 2 ส่วน คือผลิตภัณฑ์ที่เสนอต่อลูกค้า และระบบบริหารเครือข่าย เริ่มจากสินค้า ซึ่งกลยุทธ์ไม่เน้นการออกของซื้อของขายใหม่มากนัก ปีนี้จะมีสินค้าใหม่ประมาณ 10 รายการ และยังเน้นไปที่กลุ่มเฮลท์แอนด์บิวตี้ ตามเทรนด์ผู้บริโภค แม้สินค้าใหม่จะเป็นตัวสนับสนุนยอดขาย แต่ต้องบริหารให้ดี ดูเวลาให้เข้าที อย่างเช่น เทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่นิยมการมีผิวขาวมาแรงไม่ขาดระยะ จึงได้มีการออกผลผลิตเครื่องดื่ม อะบาโลน คอลลาเจน มาตอบโจทย์ผู้บริโภค ซึ่งทำยอดขายแล้วถึง 13 ล้านขวด "ในแง่การบริหารการจัดการ หากป้อนสินค้าใหม่เข้าไปมากเกินไป สมาชิกนักธุรกิจ อาจโฟกัสไม่ถูก ยังไม่ทันได้เรียนรู้หรือเข้าใจในผลิตภัณฑ์ที่ดีพอ ก็มีตัวใหม่เข้ามาอีก อาจทำให้ทำงานไม่มีอำนาจ" พญ.นลินี บอกว่าการไต่ไปสู่ระดับยอดขาย 1 หมื่นล้าน "เราต้องเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10-15% การบริหารเครือข่ายถือเป็นอีกกลยุทธ์สำคัญ" จากแนวโน้มกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่อายุต่ำกว่า 30 ปี เข้ามาสมัครเป็นสมาชิกเพิ่มมากขึ้น และยังมีรุ่นเจเนอเรชั่น 2 ของนักธุรกิจอิสระที่เริ่มเข้ามาทำธุรกิจต่อจากรุ่นพ่อแม่มากขึ้น คิดเป็นสัดส่วนแค่ 5% จากเมื่อ 3-5 ปีที่แล้ว ขึ้นมาถึง 20% ในปัจจุบันของจำนวนสมาชิกกว่า 6 ล้านรหัส เป็นนักธุรกิจ 5 แสนรหัส ซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะเป็นแรงหนุนยอดขายของบริษัทในอนาคต 

นายบุญยง ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ประเทศไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SINGER เปิดเผยว่า บริษัทประมาณว่าอัตราผลประโยชน์สุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 8-10% ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วที่อยู่ในระดับ 7.6% สาเหตุหลักมาจากการลดต้นทุนในการผลิต ของซื้อของขาย รวมถึงเงินได้รวมที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ค่าตอบแทนเงินกู้ของธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ก็ลดลง หลังจากที่ถูกจัดอันดับความน่าไว้ใจให้อยู่ในอันดับที่ดีขึ้น และลูกหนี้ที่เป็นในระบบร้านค้าเชิงการซื้อขายมีการชำระหนี้ตรงต่อเวลาตามกรอบที่วางไว้ ด้านรายได้รวมปีนี้ ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่คาดการณ์การเจริญเติบโตของรายได้ที่ 15% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 2,964 ล้านบาท โดยธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่มีโครงการขยายการขายสินค้าเชิงพาณิชย์ให้กับร้านค้ามากขึ้น โดยปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 45-50% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนอยู่ 40% ซึ่งจะส่งผลให้รายได้เพิ่ม และอัตรากำไรสุทธิมากขึ้น ปี 2556 ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ตั้งงบประมาณลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 200 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะนำไปใช้ในการซื้อรถให้กับพนักงานเพื่อทำการตลาดให้เข้าถึงลูกค้าโดยตรง ซึ่งเฟสแรกจะอนุมัติซื้อรถจำนวน 150 คัน โดยจะทำให้ในปีนี้ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่มีจำนวนรถที่ใช้ในการบริการลูกค้า 1,500 คัน และอีกส่วนหนึ่งจะนำไปใช้เพื่อแพร่กระจายสาขาอีก 10 แห่ง เพิ่มหนทางให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้นเช่นกัน

นางณิชชา จิรเมธธนกิจ ผู้จัดการฝ่ายผู้ลงทุนสัมพันธ์ ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ เปิดเผยว่า ในช่วง 5 ปีข้างหน้า (2556-2560) จะมีขนบธรรมเนียมใช้งบลงทุนรวม 1 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของบริษัท เพื่อสำรวจและทดลองผลิตสินค้ารุ่นใหม่ 43% รองลงมาคือสินค้ารุ่นเดิมๆ  48% นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมงบลงทุนไว้สำหรับธุรกิจใหม่ๆ ที่มีสมรรถนะ รวมทั้งการซื้อและควบรวมภารกิจ (M&A) อีก 15% ซึ่งงบในส่วนนี้เป็นของธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ ที่เตรียมไว้สำหรับการลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสในการเจริญ ไม่ว่าจะเป็นการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือรวมถึงการซื้อกิจการ ยังไม่รวมงบการซื้อกิจการของกองกลางลูก "ในช่วง 5ปีข้างหน้า เฉพาะของธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่มีแผนลงทุน3.6 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่ 43% หรือ 1.5 แสนล้านบาท เป็นการเตรียมไว้ หากมีงวดลงทุนอื่นๆ ที่มีศักยภาพ รวมถึงการซื้อกิจการ ซึ่งมีเพียงธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ ที่เตรียมงบส่วนนี้ไว้ในแผนลงทุน5 ปี" เธอกล่าวต่อว่า ในปี2556 นี้ บริษัทตั้งเป้าโควตายอดขายเติบโต 5% และปริมาณยอดผลิต 3% ใกล้เคียงกับอัตราการเพิ่มพูนรูปทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งการเติบโตส่วนหนึ่งเป็นผลจากปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจากนโยบายรถคันแรก ด้านการผลิตเก็งว่าจะมีปริมาณขายสูสีปีก่อน สำหรับภาพรวมธุรกิจในปีนี้ บริษัทคาดว่าตลาดรวมน่าจะอยู่ที่ 6-7ดอลลาร์ บนพื้นฐานราคาน้ำมันเฉลี่ยที่ระดับ 100-110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล "กลุ่มธุรกิจเครื่องคำนวนพื้นที่ตั้งกลยุทธ์ระยะยาวให้ทุกกลุ่มธุรกิจ มีผลตอบแทนของเงินลงทุน หรือ ROIC สูงสุด ติดอันดับ 1 ใน 25 ของแต่ละอุตสาหกรรม ภายในปี 2563 เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง ซึ่งหากได้รับผลตอบแทนที่ดี นักลงทุนก็สนใจลงทุนในบริษัทมากขึ้น"

นายฆอร์เก้ โลเปซ-ดอริกา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เปิดเผยถึงต้นฉบับตลาดในปีนี้ว่า จะให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์มากขึ้น หลังจากทำตลาดในไทยมากว่า 6 ปี ภายใต้กลเม็ดราคาและปริมาณ ทำตลาดแบบป่าล้อมเมืองมีจำนวนการตลาด 16% ในปีที่ผ่านมา โดยกลยุทธ์การสร้างแบรนด์จะมุ่งสร้างความแตกต่างจากผู้นำตลาด เพื่อให้ผู้ใช้จดจำแบรนด์ได้ "ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่เริ่มให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์มากขึ้น โดยงบการตลาดทั้งหมดจะถูกใช้ในการสร้างแบรนด์ รองรับการทดสอบในธุรกิจอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความเฉียบพลัน จากการที่มีแบรนด์อื่นเข้ามาเป็นผู้เล่นหน้าใหม่" ผู้บริหารธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่กล่าวและว่า พร้อมกันนี้ได้จัดสรรงบ 60 ล้านบาทเปิดตัวแคมเปญใหม่ภายใต้แนวคิด “คิดให้ใหญ่ ไปให้สุด” พร้อมกันกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยมีภาพยนตร์โฆษณาสร้างการรับรู้ในวงกว้างและย้ำแนวคิดดังกล่าว พร้อมจัดกิจกรรมการตลาดเข้าถึงกลุ่มคนเมืองมากขึ้น รวมทั้งลุกลามช่องทางการจำหน่าย จากปัจจุบันเน้นวิถีทางการจำหน่าย ซึ่งจะเริ่มทำแคมเปญโปรโมชั่น ณ จุดขาย มากขึ้น ส่วนช่องทางร้านค้าปลีกดั้งเดิม ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ถือว่ามีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว สมัยปัจจุบันตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่า 4.5 หมื่นล้านบาท ประมาณเติบโต 10% ในปีนี้ โดยธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่วางจุดหมายปลายทางผู้นำอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 25% ภายใน 5 ปีข้างหน้า จากขณะนี้ แบรนด์อื่นครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในแง่คอร์ปอเรทแชร์ มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 50% โดยสิ้นปีนี้ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดบวกเป็น 20% ทางด้านศัตรูสำคัญในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อดีตผู้นำตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในไทยภายใต้การบริหารงานของบริษัท เตรียมลุยกิจกรรมเสริมการขายและการตลาดตั้งแต่ต้นปี พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้ร่วมกับผู้ช่วยเหลือธุรกิจศูนย์การค้าซีคอนสแควร์ บริการภายในทั้งซีคอนสแควร์ สาขาศรีนครินทร์ และสาขาบางแค ทั้งในบริเวณศูนย์อาหาร สวนสนุกโยโย่แลนด์ และจุดให้บริการต่างๆ เป็นระยะเวลา 5 ปี (2556-2560) นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จัดกิจกรรมเปิดประสบการณ์ผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ นำเสนอจากฝีมือ "เบน อึง" ครีเอทีฟมิกโซโลจิสต์ชื่อดัง ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการสถาบัน ฟลูอิด อัลเคมี่ ในมาเลเซีย สร้างคอเล็คชั่นใหม่ให้ลูกค้าของเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์และเมเจอร์โบวล์ฮิต ถือเป็นการแก้เกมของแบรนด์อื่น ที่ไม่มีการเปิดตัวของซื้อของขายใหม่ลงตลาดท่ามกลางสินค้าอื่นของค่ายคู่แข่ง 

upppppppppp

นายภูริต ภิรมย์ภักดี ผู้อำนวยการสายการตลาดธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดผลิตภัณฑ์ทุกรายการ โดยเฉพาะสินค้าที่มีศักยภาพและยามทางการตลาดสูงเช่น สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพราะอัตราเติบโตสูงถึง 200% ซึ่งกำหนดการดังกล่าวสอดคล้องกับแนวนโยบายบริษัทที่จะเพิ่มสัดส่วนยอดขายจากการงาน เครื่องคำนวณพื้นที่ให้มีสัดส่วน 30% ภายใน 5 ปี(2555-2559) จากปัจจุบันมีสัดส่วน 15% ล่าสุดกงสีทุ่มงบลงทุน 300 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ที่ จังหวัดปทุมธานี เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าอีก 5 พันชิ้นต่อเดือน จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตคาดคะเน 5 พันชิ้นต่อเดือน ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาบริษัทเสียโอกาสทางการตลาด และสร้างยอดขายเพิ่มปริมาณทางการตลาดได้เพียง 15% ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวอยู่ระหว่างการออกแบบและคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในปลายปีนี้ ระหว่างที่โรงงานใหม่ยังไม่แล้วเสร็จ ยังมีแบบอย่างจะจ้างผลิตสินค้าเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ ส่วนพื้นที่โรงงานนั้นจะแบ่งการให้ทุนเป็น 2 เฟส เพื่อรองรับการสะพัดตัวของตลาดและการเติบโตในอนาคต “ที่ผ่านมาเรามีข้อตกลงด้านโรงงานทำให้มีสินค้าเข้าทำตลาดน้อย ส่งผลให้สินค้ามีมาร์เก็ตแชร์ในตลาด 15% เท่านั้น ทั้งที่เราทายว่าจะครองส่วนแบ่งตลาดได้มากกว่านี้หรืออยู่ที่ระดับ 30% แต่เมื่อมีสินค้าไม่พอทำให้สูญเสียโอกาสทางการตลาด แต่ปีนี้บริษัทได้ทำการตลาดเชิงรุกมากขึ้นด้วยการทุ่มงบประมาณ 120 ล้านบาท ทำตลาดทั้งปี พร้อมเปิดตัวสินค้า 2 ชิ้นใหม่ ซึ่งคาดว่าจะช่วยเคี่ยวเข็ญให้สิ้นปีมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 30-35%” นายภูริต กล่าว ขณะที่ตลาดรวมมีอัตราเติบโต 40% คิดเป็นค่ากว่า 2,800 ล้านบาท ส่วนความเอนเอียงตลาดปีนี้คาดว่า ยังเติบโตสืบไปเพราะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่ม นายภูริต กล่าวอีกว่า ในภายหน้าบริษัทมีแผนจะขยายไลน์สินค้า  หลังจากปีที่ผ่านมาทุ่มงบ 250 ล้านบาท ซื้อโรงงานมาอยู่ในพอร์ต อย่างไรก็ตาม จากแผนธุรกิจดังกล่าวบริษัทคาดว่าจะผลักดันยอดขายรวมธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า10% จากปีก่อน

นายแอนโตนิโอ เดล โรซาริโอ ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลวิธีการตลาดในปี2556 ของกลุ่มธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่เน้นลงทุนด้านการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงโภคินมากยิ่งขึ้น พร้อมกับขับเคลื่อนสิ่งใหม่การตลาดและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เพื่อสานเป้าหมายของบริษัทที่จะขยายกิจธุระทั่วโลกให้โตขึ้นสองเท่าภายในปี 2020 ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ในประเทศไทย ปัจจุบันเป็นผู้นำในท้องตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ด้วยส่วนแบ่งตลาด 55.5% ณ สิ้นปี 2555 ปัจจุบันตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของไทยมีมูลค่าประมาณ 4.4 หมื่นล้านบาท ณ เดือนมกราคม 2556 ตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยรวมมีมูลค่า ประเมิน 1.69 แสนล้านบาท(ที่มา: นีลเสน) "ในปีที่ผ่านมา เรามียอดขายและการก้าวหน้าเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงเป็นประวัติการณ์ ด้วยความเป็นผู้นำในตลาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีส่วนแบ่งตลาด 55.5% ณ เดือนม.ค.2556 ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ 16.5%" ด้านนายพรวุฒิ สารสิน รองประธานกรรมการ บริษัท ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในเดือนมี.ค.นี้ บริษัทคู่แข่งขันจะเปิดสายการผลิตใหม่ที่มีความเร็วสูงระดับซูเปอร์ไฮสปีดที่โรงงานในรังสิตเพื่อผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งช่วยให้รองรับความอยากด้านการบริโภคที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ ภายในปีนี้บริษัทคู่แข่งก็จะเดินเครื่องสายการผลิต เพิ่มอีกสามสาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มปริมาณกำลังการผลิตของบริษัท ได้เพิ่มมากขึ้น โดยสายการผลิตทั้งสี่สายดังกล่าวใช้เงินลงทุนเข้าประจำที่ประมาณ 2,600 ล้านบาท พลตรีพัชร รัตตกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัทคู่แข่ง กล่าวว่า ในเดือนเม.ย.นี้จะเปิดโรงงานใหม่ที่จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยงบประมาณลงทุนกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นอีกสามเท่าตัว และโรงงานแห่งใหม่นี้ ยังสามารถรองรับการผลิตของซื้อของขายชนิดอื่นๆในอนาคตอีกด้วยp

นายเดวิด นาร์โดน กรรมการผู้จัดการธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่กล่าวถึงแผนให้ทุนที่วางไว้ 5 ปีด้วยมูลค่าลงทุน 4 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนปีนี้ 8,000 ล้านบาท ใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก นอกจากนี้ ยังได้เริ่มขยายอุตสาหกรรมอีก 2 แห่ง โดยแห่งใหม่นี้ทั่วไปพื้นที่ 640 ไร่ (256 เอเคอร์ หรือ 102 เฮกตาร์) โดยพร้อมจะรองรับลูกค้าที่จะเข้ามาก่อสร้างโรงงานได้ในราวปลายปี 2556 โดยธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมยังคงเพิ่มพูนตัวต่อเนื่อง และเป็นธุรกิจหลักที่มีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนตัวรายได้และผลประกอบการให้มากขึ้นในอนาคต ซึ่งปัจจุบันมีนิคมอุตสาหกรรมด้วยกัน 7 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งสิ้น 36,137 ไร่ (14,500 เอเคอร์ หรือ 5,800 เฮกตาร์) รองรับผู้ใช้ 555 ราย เป็นผู้ประกอบการในด้านต่างๆ และมีหนังสือสัญญาที่ดินและโรงงานรวม 832 สัญญา โดยตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา ลูกค้ามีส่วนร่วมในการความเจริญรุ่งเรืองเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศ ด้วยเม็ดเงินลงทุนรวมกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมคิดเป็นอัตราส่วนกว่า 45% ของรายได้รวมและยังมีเวลาที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต ด้วยปัจจัยยกมือต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาของอุตสาหกรรมในประเทศไทย ข้อสัญญาการค้าเสรีระหว่างไทยกับออสเตรเลีย จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และชาติสมาชิกอาเซียน การย้ายฐานการผลิตจากพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยไปยังแถบอีสเทิร์นซีบอร์ด รวมไปถึงแง่คิดในทางบวกของนักลงทุนจากออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาที่มีต่อการลงทุนในประเทศไทย ในปี 2556 นี้ตั้งเป้าอัตราเติบโตของเงินรายได้ด้วยตัวเลขสองหลัก โดยได้ประมาณยอดขายที่ดินไว้ที่ 1,600 ไร่ (640 เอเคอร์ หรือ 256 เฮกตาร์) ลูกค้าใหม่ 50 ราย และสัญญาที่ดินและโรงงานใหม่อีก 80 ฉบับ ตั้งเป้ารายได้ 2,000 ล้านบาทจากบริการสาธารณูปโภค ซึ่งครอบคลุมกลุ่มบริการที่เกี่ยวกับน้ำ ตั้งแต่การผลิตน้ำประปาไปจนถึงการทำจัดการน้ำเสีย โดยกลุ่มธุรกิจนี้สามารถสร้างรายได้ 22% ของรายได้รวม และคาดว่าธุรกิจสาธารณูปโภคจะเจริญงอกงาม 20% ตั้งเป้ารายได้ในปี 2557 ที่ 2,000 ล้านบาท นอกจากสองธุรกิจข้างต้นแล้ว โครงการโรงไฟฟ้าเป็นอีกหนึ่งเงินได้สำคัญ โดยโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งได้ร่วมทุนกับโกลว์ในอัตราถือหุ้น 35/65 บริษัทยังได้เข้าไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก กำลังการผลิต 126 เมกะวัตต์ ร่วมกับบริษัท กัลฟ์ เจพี จำกัด โดยถือหุ้นในอัตราส่วน 25.01% โครงการนี้จะเริ่มปฏิบัติภารกิจในช่วงกลางปี 2556 นอกจากนั้นยังมีแผนจะลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอีก 7 โครงการ แต่ละโครงการมีกำลังการผลิต 120 เมกะวัตต์ "สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้า ผมเชื่อว่าเรามีสิ่งของในการเติบโตอยู่สองประการ คือ ฐานลูกค้านิคมอุตสาหกรรมของเรา ซึ่งก็มีความพึงปรารถนาด้านพลังงานไฟฟ้าอยู่มาก และความร่วมแรงกับหุ้นส่วนระดับโลกอย่าง โกลว์ จีดีเอฟ ซูเอซ และกัลฟ์ เจ พาวเวอร์ ญี่ปุ่น"นายนาร์โดน กล่าวและว่า ขณะนี้ เงินปันผลจากการถือหุ้นในโครงการเหล่านี้ มีราคารวมคิดเป็น 8% ของรายได้และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นเท่าตัวภายใน 5 ปีข้างหน้า จนกลายเป็นแหล่งรายได้สำคัญอีกแห่ง