แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - deam205

หน้า: 1 ... 247 248 [249] 250 251 ... 266
4465
ผู้ชายควรกิน Low GI สุขภาพที่มีโภชนาการสูงปลอดสารพิษ ข้าวหอมทุ่งกุลาร้องไห้แท้ 100%
ข้าวออร์แกนิกปลอดสารแท้ 100%ข้าวออแกนิคสำหรับทารก  ข้าวกล้องออร์แกนิคส่งทั่วไทย #ข้าวออแกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิค หรือ #ข้าวออร์แกนิก หรือ "#ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (#OranicRice)
ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก (#OranicFood) หรือเรียกง่ายๆเป็นภาษาไทยว่า "ข้าวเกษตรอินทรีย์" หรือ "ข้าวอินทรีย์" / ข้าวมะลินิลเพื่อสุขภาพ  คือ ข้าวที่ผ่านการผลิตทางการเกษตรโดยไม่ใช้สารเคมี ปุ๋ยเคมี หรือวัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น (รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์ ข้าวที่ไม่ตัดต่อทางพันธุกรรม) กระบวนการผลิตข้าวไม่มีการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช ก่อนการปลูกข้าวจะต้องเตรียมหน้าดินก่อนด้วยวิธีธรรมชาติ ทุกขั้นตอนการผลิตข้าวจะไร้สารปนเปื้อนที่เกิดมนุษย์ จะไม่ผ่านการฉายรังสี ไม่เพิ่มเติมสิ่งปรุงแต่งลงไปในข้าว 




  กลุ่มข้าวหอมมะลิอินทรีย์ข้าวออแกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิค หรือ ข้าวออร์แกนิก หรือ "ข้าวเกษตรอินทรีย์"  (Oranic Rice)   กลุ่มข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ คืออะไร?
1. ส่วนประกอบทุกอย่างล้วนมากจากธรรมชาติ โดยข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารสังเคราะห์ใด ๆ ในการเพาะปลูก ข้าวกล้องปะกาอำปึลอินทรีย์เลย ข้าวก็จะถูกปลูกและเจริญเติบโตมาด้วยอาหารจากธรรมชาติล้วน ๆ ส่วนข้าวก็จะเป็นการปลูกในนา ไม่ใส่วัตถุสังเคราะห์ใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยวิทยาศาสตร์ และสารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ใช้แต่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกจากธรรมชาติในการเพาะปลูกข้าว ส่วนเมล็ดพันธุ์ข้าวที่นำมาเพาะปลูกจะต้องไม่มีตัดต่อพันธุกรรม และต้องมีการเตรียมหน้าดินก่อนการเพาะปลูกข้าวด้วยวิธีธรรมชาติ คือ จะต้องทำให้ปลอดสารพิษไม่น้อยกว่า 3 ปี เหล่านี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการสร้างอาหารแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง 100% มีกลิ่นหอมตามแบบธรรมชาติ ทุกขั้นตอนในการปลูกข้าวและการแปรรูปข้าวจะต้องอยู่ในมาตรฐานที่ผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานต่าง ๆ ส่วนประกอบทุกอย่างจึงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มีสารพิษตกค้างหรือสารก่อมะเร็ง
2. ข้าวออแกนิคจะไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ เลย ส่วนประกอบทุกอย่างจะต้องมาจากธรรมชาติ เพราะถ้ามีการใช้สารเคมีก็จะไม่ถือว่าเป็นข้าวออแกนิค ซึ่งการไม่ใช้สารเคมีที่ว่านั้นหมายถึง การไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี 
3. ไม่ก่อให้เกิดมลพิษในกระบวนการปลูก  ปลูกข้าวหอมมะลิแดงออแกนิค เพราะข้าวออแกนิคนั้น นอกจากจะมุ้งเน้นให้ผู้บริโภคมีสุขภาพที่ดีแล้ว จุดประสงค์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือการช่วยลดมลพิษให้กับธรรมชาติ เพราะเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการใช้สารเคมีต่าง ๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี หรือสารเร่งการเจริญเติบโตต่าง ๆ นั้นจะก่อให้เกิดสารพิษตกค้างในดิน ในน้ำ และในอากาศ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปได้บางทีก็อาจใช้ระยะเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ซึ่งวิธีการปลูก  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค แบบธรรมชาตินี้เองจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียไป เพราะนอกจากจะได้รับประทานข้าวที่ปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย

ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิค
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://xn--22c6daqhyo0am1a6t.net/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ
1. ข้าวหอมมะลิorganic
2.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์
3. ข้าวปะกาอำปึลออแกนิคคือ
4.  ข้าวผสมหลายสายพันธุ์ปลอดสารสุรินทร์
5. ข้าวกล้องหอมมะลิแดงออแกนิคคือ6.  ข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค7. ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออแกนิคคือ


#ข้าวออร์แกนิกสุรินทร์  #ข้าวออแกนิคสุรินทร์  #ข้าวออแกนิกสุรินทร์   #ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  #ข้าวสุขภาพสุรินทร์
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 

4466
บมจ.สยามแม็คโคร เดินหน้ารับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ ทั้งไทย-มาเลเซีย หลังผู้ถือหุ้นไฟเขียว เตรียมเพิ่มทุนขาย PP เป็นค่าตอบแทนการรับโอนกิจการทั้งหมดจาก CPRH คาดดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1-3 สัปดาห์ พร้อมยื่นไฟลิ่งขาย PO เพิ่ม Free Float ตามเกณฑ์ตลท.

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ บมจ.สยามแม็คโคร หรือ MAKRO เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้ารับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ในประเทศไทยและมาเลเซีย จากบริษัท ซี.พี.รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด หรือ CPRH หลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 ของบริษัทฯ และบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ บมจ.สยามแม็คโคร 
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ บมจ.สยามแม็คโคร

บริษัทฯ จะดำเนินการเพิ่มทุนจดทะเบียนและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement หรือ PP) เพื่อเป็นค่าตอบแทนการรับโอนกิจการดังกล่าว ซึ่งคาดว่า กระบวนการรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์จะแล้วเสร็จภายใน 1-3 สัปดาห์ นับจากวันที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท

 


หลังจากนั้นจะยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อขออนุมัติเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO) โดย CPALL บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF จะร่วมขายหุ้นสามัญที่ถือใน MAKRO บางส่วน เพื่อเพิ่มสัดส่วนการกระจายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อย(Free Float) เป็นไม่น้อยกว่า 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)

 

“จะส่งผลดีต่อหุ้น MAKRO ที่จะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) เพิ่มขึ้น สภาพคล่องการซื้อขายที่ดีขึ้น รวมถึงมีโอกาสในการเข้าคำนวณในดัชนีสำคัญต่าง ๆ เช่น SET 50 และ MSCI ส่งผลให้หุ้น MAKRO เป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น และยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านฐานะการเงินเพื่อเป็นเงินทุนรองรับการขยายธุรกิจ ลดต้นทุนทางการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการของ MAKRO”นางสุชาดากล่าว

บริษัทฯ มีแผนผนึกกำลังร่วมมือกับเอสเอ็มอี (SMEs) และผู้ผลิตสินค้ารายย่อยของไทยอย่างต่อเนื่อง โดย ให้การสนับสนุนผ่านการเป็นช่องทางการกระจายสินค้าของผู้ประกอบการไทยสู่ตลาดต่างประเทศผ่าน “แพลตฟอร์มแห่งโอกาส” สร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์และยกระดับสินค้าไทยให้มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล นำประเทศไทยก้าวเป็นฮับหรือศูนย์กลางของอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภค (Fresh Food and Grocery) ในภูมิภาค และเป็นครัวของโลก (Kitchen of the World) โดยเชื่อว่า สินค้าไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้ หากได้รับการสนับสนุน

 

“เราพร้อมเป็นช่องทางการกระจายสินค้าและนำแพลตฟอร์มออนไลน์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่พัฒนาขึ้นมาสร้างโอกาสแก่เอสเอ็มอีและผู้ผลิตสินค้ารายย่อยของไทย โดยร่วมมือกันนำสินค้าไทยออกสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อรับโอกาสการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น”นางสุชาดากล่าว

4467

คาด SET ได้รับปัจจัยบวกการเตรียมเปิดประเทศในวันที่ 1 พ.ย. อย่างไรก็ตาม มองเป็นปัจจัยบวกระยะสั้น โดยคาดตลาดน่าจะรอดูผลตัวเลขนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามามากกว่า ขณะที่ความกังวลด้านเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น กดดันภาวะการลงทุน ทำให้กรอบบนยังถูกจำกัดที่แนวต้าน 1640-1648 จุด ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1630 และ 1620 จุด ตามลำดับ กลยุทธ์การลงทุนใช้การ Selective Buy หรือเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง

ล็อคเป้าลงทุน:

พอร์ตหลักเน้นหุ้นเชิงรับ 1) หุ้นที่คาดกำไร 3Q64 เติบโตทั้ง YoY, QoQ BBL KBANK BDMS RJH 2) หุ้นที่ได้อานิสงส์คลายล็อกดาวน์เพิ่มเติม MINT ERW CRC SPALI

พอร์ตเทรดดิ้ง 1) หุ้นพลังงานที่ได้ momentum เชิงบวกจากราคาน้ำมันทรงตัวสูง BCP PTTEP TOP 2) หุ้นที่ได้อานิสงส์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เป็นขาขึ้น IVL

Conviction Call แนะนำซื้อ/Long หุ้น BCP, TOP ธุรกิจโรงกลั่นฟื้นตามค่าการกลั่นที่ปรับขึ้น ธุรกิจการตลาดมีปริมาณขายเพิ่มขึ้นจากการเปิดเมือง และระยะสั้นหลีกเลี่ยงการลงทุน/Short หุ้น CBG, TU ต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นกดดันกำไร 3Q64 ลดลงทั้ง YoY, QoQ

ADVERTISEMENT


ประเด็นสำคัญ

# ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลง ยุโรปปิดผสมผสานราคาน้ำมันขยับขึ้น

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลง กดดันจากหุ้น Tech และหุ้นพลังงาน นลท. ยังคงกังวลต้นทุนพลังงานที่ขยับขึ้นกระทบเงินเฟ้อพุ่งขึ้น นอกจากนี้ยังจับตาการรายงานงบ 3Q64 ของ บจ.ใน S&P500 โดยคาดว่าจะขยายตัว 28%YoY และ 95%QoQ ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดผสมผสาน ราคาน้ำมันปรับขึ้น

# 1 พ.ย.ยกเลิกกักตัว นทท.จาก ป.ท.เสี่ยงต่ำ หนุนหุ้น reopening

สำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วและเดินทางเข้าไทยทางอากาศ โดยจะประกาศรายชื่อประเทศความเสี่ยงต่ำในภายหลัง ความคืบหน้าในการเปิดประเทศที่ชัดเจนขึ้น เรามองเป็น sentiment บวกต่อหุ้น reopening เช่น โรงแรม ค้าปลีก ร้านอาหาร ขนส่ง ระยะสั้นเก็งกำไร MINT ERW CRC BEM ZEN

# คาดงบ 3Q64 หุ้นกลุ่มสินเชื่อฯ กำไรลดลง YoY, QoQ

เราคาดว่าบริษัทที่ประกอบธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคจะรายงานกำไร 3Q64 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ หลักๆ เกิดจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เรายังเห็น downside risk ของการเติบโตของสินเชื่อ การตั้งสำรองฯ และการแข่งขันที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เรามองว่า MTC จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุดจากแนวโน้มที่จะมีการแข่งขันทางราคา เพราะคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด

Wealth Strategy

แนะนำกองทุน TMBGQG โดยกองทุนหลักเน้นลงทุนในทั่วโลกที่พื้นฐานแข็งแกร่ง คุณภาพสูง ผลประกอบการเติบโต

บทวิเคราะห์วันนี้

กลุ่มเงินทุน – พรีวิว 3Q64: คาดกำไรลดลง YoY, QoQ

กลุ่มท่องเที่ยว – ยกเลิกกฎกักตัวสำหรับประเทศความเสี่ยงต่ำ เริ่ม 1 พ.ย.

BCH – จุดกลับเข้าซื้อที่ดี อัพเกรดสู่ OUTPERFORM

4468
ไอเอ็มเอฟเผยแพร่รายงานล่าสุด ปรับลดตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจทั้งของอเมริกา และมหาอำนาจอุตสาหกรรมอื่นๆ ตลอดจนถึง 5 ชาติชั้นนำของอาเซียนที่มีไทยรวมอยู่ด้วย โดยระบุเหตุผลสำคัญว่า เนื่องจากการชะงักงันยาวนานของห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งความกดดันด้านเงินเฟ้อ กำลังถ่วงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจากวิกฤตโควิด-19

ในรายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ฉบับล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (12 ต.ค.) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ปรับลดคาดการณ์อัตราเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 5.9% จากระดับ 6% ที่คาดไว้เมื่อเดือนกรกฎาคม แต่คงตัวเลขคาดการณ์ของปีหน้าอยู่ที่ 4.9% ตามเดิม

อย่างไรก็ดี รายงานสำทับว่า วิกฤตโรคระบาดที่ดูจะเลวร้ายลง ทำให้แนวโน้มการเติบโตของพวกประเทศกำลังพัฒนาที่มีรายได้ต่ำกำลังมืดมนลง ขณะที่ประเทศมั่งคั่งก็เผชิญปัญหาห่วงโซ่อุปทานชะงักงันอย่างเรื้อรัง

สำหรับอัตราเงินเฟ้อ ไอเอ็มเอฟคาดว่าจะสามารถลดลงสู่ระดับก่อนโควิดระบาดได้ ในช่วงปีหน้า

กระนั้น กีตา โกปินาถ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ เตือนว่า ธนาคารกลางทั้งหลายควรเตรียมพร้อมเพื่อให้สามารถรับมือได้อย่างรวดเร็ว หากมีความเสี่ยงเงินเฟ้อขาขึ้นเพิ่มขึ้น ท่ามกลางการฟื้นตัวซึ่งอยู่ในรูปแบบที่ไม่คุ้นเคยกันมาก่อน

โกปินาถยังคาดว่า ราคาพลังงานจะเริ่มลดลงตอนสิ้นไตรมาสแรกปีหน้า

ขณะเดียวกัน กิจกรรมการผลิตทั่วโลกได้รับผลกระทบจากความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์กับอุปทาน และการขาดแคลนชิ้นส่วนสำคัญ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ท่ามกลางภาวะตึงตัวด้านแรงงานจากการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่ทำให้คนจำนวนมากยังลังเลที่จะกลับไปทำงาน ขณะที่ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกยังระส่ำระสายหลังวิกฤตโรคระบาดส่งผลให้ประเทศต่างๆ ใช้มาตรการล็อกดาวน์เมื่อปีที่แล้ว

อเมริกานั้นได้รับผลกระทบจากปัญหาเหล่านี้อย่างรุนแรง ดังนั้นไอเอ็มเอฟจึงหั่นแนวโน้มอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ของอเมริกาลง 1% เต็ม มาอยู่ที่ 6% ภายใต้สมมติฐานที่ว่า รัฐสภาสหรัฐฯ ที่พวกสมาชิกแตกแยกกันอย่างหนัก จะยังคงอนุมัติข้อเสนองบประมาณด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านสังคม รวมเป็นมูลค่าราว 4 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่ถ้าหากรัฐสภาอเมริกันเกิดลดทอนงบประมาณดังกล่าวลงจำนวนมาก ก็อาจทำให้แนวโน้มการเติบโตของอเมริกาและพวกประเทศคู่ค้า ต้องดิ่งวูบลงไปอีก

รายงานยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์สำหรับประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำอื่นๆ เช่น เยอรมนีถูกลดตัวเลขคาดการณ์จีดีพีลง 0.5% จากที่คาดไว้ที่ 3.1% เมื่อเดือนกรกฎาคม และญี่ปุ่นจาก 2.8% เหลือ 2.4%



สำหรับจีน อัตราคาดการณ์จีดีพีถูกปรับลงแค่ 0.1% มาอยู่ที่ 8% ด้วยเหตุผลว่ามีการปรับลดการลงทุนสาธารณะอย่างรวดเร็วเกินคาด ส่วนตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจอินเดียคงเดิมที่ 9.5%

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มของประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ในเอเชียดูไม่ค่อยดีนักเนื่องจากภาวะโรคระบาดที่เลวร้ายลง โดยไอเอ็มเอฟหั่นตัวเลขคาดการณ์สำหรับ 5 ชาติอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ลง 1.4%


X


รายงานยังเตือนอันตรายของแนวโน้มเศรษฐกิจที่การเติบโตไร้ความสมดุล สืบเนื่องจากปัญหาการกระจายวัคซีนอย่างไม่เสมอภาค โดยประเทศรายได้ต่ำที่ประชากรถึง 96% ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด มีแนวโน้มที่การเติบโตจะชะลอตัวยาวนานกว่า และปัญหาความยากจนก็จะรุนแรงกว่า

ความเหลื่อมล้ำในการกระจายวัคซีนยังส่งผลต่อการฟื้นฟูมาตรฐานการครองชีพ โดยที่แนวโน้มขาลงยืดเยื้อจากวิกฤตโรคระบาด ยังอาจสร้างความสูญเสียต่อเศรษฐกิจรวม 5.3 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟคาดว่า ประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าจะฟื้นแนวโน้มการเติบโตสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤตได้ภายในปีหน้า และขยายตัวในอัตราสูงกว่าช่วงก่อนวิกฤต 0.9% ในปี 2024 ขณะที่ตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา ไม่รวมจีน ถูกคาดหมายว่า เมื่อถึงปี 2024 จะยังมีอัตราเติบโตต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตถึง 5.5%

โกปินาถทิ้งท้ายว่า ท่ามกลางแผลเป็นระยะยาว นโยบายสำคัญอันดับแรกควรเป็นการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างน้อย 40% ในทุกประเทศภายในสิ้นปีนี้ และเพิ่มเป็น 70% ในช่วงกลางปีหน้า

(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์)

4469

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานเปิดเผยถึงกรณีกระทรวงแรงงานเสนอ ครม.พิจารณาอนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างและแท็กซี่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เล็งเห็นถึงความลำบากรับจ้างของผู้ขับขี่รถรับจ้างสาธารณะในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาด โควิด-19 และศบค.มีมาตรการออกมา นายกฯ จึงมอบหมายให้กระทรวงแรงงานไปพิจารณาการช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ แต่บังเอิญกรณีของผู้ขับขี่รถสาธารณะที่มีอายุเกิน 65 ปีซึ่งไม่สามารถลงทะเบียนตามมาตรา 40 แห่งพ.ร.บ.ประกันสังคมได้ นายกฯ และตนจึงได้ร่วมกันพิจารณาหาทางออกด้วยการให้เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประสานงานกับกระทรวงคมนาคม โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นผู้รับนโยบายเรื่องนี้จากนายกฯด้วยเช่นกัน

โดยเรื่องดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)ไปแล้ว เหลือแต่การกำหนดตัวเลขเงินเยียวยา ซึ่งมีข่าวว่าจะใช้งบประมาณ 16,000 ล้านบาท จ่ายเยียวยาให้แก่ผู้ขับขี่รถรับจ้างสาธารณะประมาณ 16,000 ราย

เมื่อถามว่า การจ่ายเงินเยียวยาดังกล่าวจะจ่ายในรูปแบบใด นายสุชาติกล่าวว่า ใช้รูปแบบเดียวกับจ่ายให้กับผู้ประกันตนมาตรา 40 จะเป็นการจ่ายให้เดือนละ 5,000 บาทเป็นเวลา 2 เดือน รวมเป็นคนละ 10,000 บาท ส่วนจะจ่ายเงินดังกล่าวได้เมื่อไหร่นั้นขอให้สอบถามจาก รมว.คมนาคม เพราะกระทรวงคมนาคมเป็นผู้ตรวจสอบรายชื่อจากผู้ถือใบขับขี่สาธารณะ และเรื่องดังกล่าวถือเป็นการช่วยเหลือดูแลประชาชนทุกกลุ่ม

4470

ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่างมาก หลังจากที่ล่าสุดพวกเขาออกมาบอกเองว่า ราฟาแอล วาราน ปราการหลังชาวฝรั่งเศสจะต้องอดลงเล่นให้ทีมไปพักหนึ่งจากการที่ได้รับบาดเจ็บด้านกล้ามเนื้อตรงขาหนีบในตอนที่ไปเล่นกับทีมชาติฝรั่งเศส
    แมนฯ ยูไนเต็ด ใช้คำว่า "Few weeks" กับจำนวนเวลาที่ วาราน ต้องพักรักษาตัว ซึ่งมันหมายความว่ายังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเขาต้องพักนานแค่ไหน แต่เป็นที่เชื่อกันว่าราวๆ แล้วน่าจะอยู่ที่ 2-3 สัปดาห์ ปัญหาคือช่วงเวลาที่ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เจอกับโปรแกรมหินมากๆ ไม่ว่าจะเป็นเกมลีกกับ เลสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ รวมถึงเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ต้องดวลกับ อตาลันต้า อีก

    ทั้งนี้ ผลงานส่วนตัวของ วาราน ถือว่าโดดเด่นพอตัวแม้ว่าจะเพิ่งมาอยู่กับทีมและถึงแม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเสียประตูมาติดต่อกันหลายนัดแล้วก็ตาม ซึ่งวันนี้เราจะมาดูกันว่าที่ผ่านมา วาราน มีความสำคัญกับด้านต่างๆ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด มากแค่ไหน

    - ลูกกลางอากาศ
    ด้วยส่วนสูงระดับ 191 เซนติเมตร ทำให้มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ วาราน จะรับมือกับลูกกลางอากาศได้อย่างโดดเด่น อย่างฤดูกาลก่อนเขาก็มีค่าเฉลี่ยการชนะในจังหวะดวลกลางอากาศมากถึง 2.4 หนต่อนัดกับการเล่นใน ลา ลีกา ให้กับ เรอัล มาดริด มาแล้ว

 

ADVERTISEMENT


แมนยู เสียหายหนัก! เจาะความสำคัญของ วาราน กับ แมนฯ ยูไนเต็ด
 

    ทั้งนี้ ถึงแม้จะเพิ่งเจอกับเกม พรีเมียร์ลีก ซึ่งเน้นลูกกลางอากาศมากกว่า ลา ลีกา เป็นซีซั่นแรก แต่ตลอดการลงเล่นในลีก 5 นัดที่ผ่านมาของเขานั้น วาราน ก็มีค่าเฉลี่ยการชนะจังหวะดวลลูกกลางอากาศถึง 2.4 ครั้งต่อเกมเลยทีเดียว ทำให้เขาเป็นนักเตะที่มีค่าเฉลี่ยด้านนี้ดีที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยอันดับ 2 คือ ปอล ป็อกบา ที่ทำไป 2.1 ครั้งต่อนัด ขณะที่หากเทียบกับแนวรับด้วยกันแล้วล่ะก็ เขาก็มีผลงานด้านนี้เหนือกว่า ลินเดอเลิฟ (2 ครั้งต่อเกม จากการลงเล่น 4 นัด) หรือ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (1.8 หนต่อนัด จากการลงเล่น 6 เกม) ด้วย

    - การเข้าสกัด
    1.6 หนต่อนัด คือค่าเฉลี่ยการสกัดโดน.ในลีกของ วาราน ตลอดช่วง 5 นัดที่ผ่านมา ทำให้เขาถือเป็นนักเตะที่มีผลงานด้านนี้ดีที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด หากนับรวมแบบทุกตำแหน่ง เป็นรองเพียง เฟร็ด ที่ทำได้ 2.5 ครั้งต่อเกม กับ อารอน วาน-บิสซาก้า ซึ่งทำได้ 2 หนต่อนัดเท่านั้น

ADVERTISEMENT


 

แมนยู เสียหายหนัก! เจาะความสำคัญของ วาราน กับ แมนฯ ยูไนเต็ด
 

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ วาราน ทำได้เหนือกว่า 2 คนนั้นก็คือเขาเสียฟาวล์น้อยด้วย เพราะเขาเสียฟาวล์ไปแค่ 0.2 หนต่อเกมเท่านั้น ขณะที่ เฟร็ด กับ วาน-บิสซาก้า มีตัวเลขด้านนี้อยู่ที่ 1 ครั้งต่อเกม กับ 0.6 หนต่อนัด ตามลำดับ ซึ่งในบรรดาแนวรับของทีมนั้นเขาก็ถือเป็นคนที่เสียฟาวล์น้อยที่สุดด้วย

    - การผ่าน.
    จนถึงตอนนี้ วาราน ถือเป็นนักเตะเอาท์ฟิลด์ (หมายถึงนับรวมทุกตำแหน่งนอกจากผู้รักษาประตู) ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่มีเปอร์เซ็นต์การผ่าน.เข้าเป้ามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของทีม หากนับเฉพาะคนที่ลงเล่นในลีกอย่างน้อย 5 เกม หลังจากที่เขาผ่าน.เข้าเป้ามากถึง 87.8 เปอร์เซ็นต์ โดยคนที่ทำได้ดีกว่าเขาคือ ลุค ชอว์ (88.7 เปอร์เซ็นต์) กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ (88.6 เปอร์เซ็นต์)

 

แมนยู เสียหายหนัก! เจาะความสำคัญของ วาราน กับ แมนฯ ยูไนเต็ด
 

    - การเคลียร์และบล็อก
    กองหลังที่ดีควรจะต้องเคลียร์.ให้เด็ดขาดเพื่อที่จะได้ไม่เสี่ยงทำให้ทีมโดนคู่แข่งบุกใส่ต่อ ซึ่งจนถึงตอนนี้ วาราน ทำได้ดีมากๆ ในด้านดังกล่าว จากการที่เขามีค่าเฉลี่ยด้านนี้อยู่ที่ 3.6 ครั้งต่อเกมด้วยกัน โดยในขุมกำลังของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้ มีแค่ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่ทำได้ดีกว่าเขา จากการที่ แม็กไกวร์ ทำไป 4.2 หนต่อเกม

 

แมนยู เสียหายหนัก! เจาะความสำคัญของ วาราน กับ แมนฯ ยูไนเต็ด
 

    นอกจากนี้ วาราน ยังถือเป็นนักเตะที่คอยบล็อกจังหวะต่างๆ ของคู่แข่งได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทีมในตอนนี้ด้วย ที่จำนวน 11 ครั้ง โดยแบ่งเป็นการขวางลูกยิงได้ 4 หน และขวางการผ่าน.ของคู่แข่งได้ 7 ครั้ง ซึ่งคนที่ทำได้เหนือกว่าเขาคือ วาน-บิสซาก้า ที่ทำไป 16 หน

4471
หุ้นไทยภาคเช้าปิดบวก 7.33 จุด รับแรงซื้อหนุนหลังรัฐบาลประกาศเตรียมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติวันที่ 1 พ.ย.นี้ ตามเงื่อนไขฉีดวัคซีน จำกัดจำนวนประเทศ และราคาน้ำมันดิบโลกทรงตัวระดับสูงเหนือ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าวันที่ 12 ตุลาคม 2564 เคลื่อนไหวในแดนบวก รับแรงซื้อหนุนจากปัจจัยบวกหลังรัฐบาลประกาศเตรียมเปิดประเทศวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 รับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัว แต่มีเงื่อนไขการฉีดวัคซีนและจํากัดจํานวนประเทศ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบโลกยังทรงตัวระดับสูงเหนือ 80 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 1,640.77 จุด เพิ่มขึ้น 7.33 จุด หรือเปลี่ยนแปลง 0.45% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 55,071.80 ล้านบาท ขณะที่ ดัชนีสูงสุดอยู่ที่ 1,646.85 จุด และต่ำสุดอยู่ที่ 1,637.49 จุด


หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

AOT ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 5,441.59 ล้านบาท

CPALL ปิดที่ 64.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,454.11 ล้านบาท

TRUE ปิดที่ 4.34 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,012.04 ล้านบาท

KBANK ปิดที่ 141.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,978.81 ล้านบาท

BANPU ปิดที่ 13.60 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1,104.06 ล้านบาท

 

หลักทรัพย์ที่ดันดัชนีมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่

AOT ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท มีผลต่อดัชนี 4.3304 จุด

CPALL ปิดที่ 64.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มีผลต่อดัชนี 0.5835 จุด

KBANK ปิดที่ 141.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มีผลต่อดัชนี 0.513 จุด

AWC ปิดที่ 4.76 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท มีผลต่อดัชนี 0.4989 จุด

BDMS ปิดที่ 22.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มีผลต่อดัชนี 0.4129 จุด

4472
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เผยเงินบาท ปิดตลาดวันนี้ (12 ต.ค.)ที่ 33.31 บาทต่อดอลลาร์ เป็นระดับแข็งค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ตามกระแสฟันด์โฟลว์เข้าหุ้นและบอนด์ไทย รับอานิสงส์จากข่าวการเดินหน้าเปิดประเทศของไทย

นางสาวกาญจนา โชคไพศาลศิลป์ ผู้บริหารงานวิจัยศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า  เงินบาท ปิดตลาดวันนี้ (12 ต.ค.)ที่ระดับ 33.31 บาทต่อดอลลาร์ (แข็งค่าสุดในรอบ 2 สัปดาห์) แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับระดับเปิดตลาดที่ 33.70 บาทต่อดอลลาร์

โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นตามสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ ประกอบกับได้รับอานิสงส์จากข่าวการเดินหน้าเปิดประเทศของไทย
 

ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในช่วงที่เหลือของสัปดาห์นี้  ได้แก่ เม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ สถานการณ์ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีน สถานการณ์โควิด และบันทึกการประชุมเฟด และข้อมูลเงินเฟ้อของจีนและสหรัฐฯ

4473
ขายส่งอุปกรณ์กีฬา.com อุปกรณ์กีฬามาตรฐาน ทุกชนิด สั่งได้ในราคาถูก เข้าเว็บไซต์ที่นี่เว็บไซต์ขายส่งอุปกรณ์กีฬาดอทคอม จัดตั้งขึ้นในปี 2555  ดำเนินธุรกิจเป็นผู้จัดจำหน่ายขายส่งอุปกรณ์กีฬาขายส่งไม้แบดมินตัน, ขายส่งลูกฟุต., ขายส่งลูกบาสเกต. ขายส่งลูกวอลเล่.#ขายอุปกรณ์กีฬา#ร้านขายอุปกรณ์กีฬา#บริษัทอุปกรณ์กีฬา#จำหน่ายอุปกรณ์กีฬา#อุปกรณ์กีฬามาตรฐาน ทุกชนิด สั่งได้ในราคาถูกwww.ขายส่งอุปกรณ์กีฬา.comโปรโมชั่นวันนี้ !!!!!  ( สั่งสินค้าครบ 10,000 บาท จัดส่งฟรี ทั่วประเทศ)เว็บไซต์ขายส่งอุปกรณ์กีฬาดอทคอม มุ่งเป็นเว็บไซต์ชั้นนำในการผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์กีฬา  ที่ครองใจทั้งลูกค้าสั่งซื้อหน้าเว็บไซต์1. เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพดีราคาถูก2. ให้บริการจัดส่งสินค้าที่รวดเร็ว และตรงกับความต้องการของลูกค้า3. สร้างพันธมิตรในการค้า4. นำนวัตกรรมสิ่งใหม่ๆมาพัฒนาสินค้า และบริการอยู่เสมอเว็บไซต์ขายส่งอุปกรณ์กีฬาดอทคอม www.ขายส่งอุปกรณ์กีฬา.comเลขที่ 339/303  เพชรเกษม69 ซอยอิทรปัตย์9 แยก5 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม 10160มือถือ: 087-035-6821,081-801-4274Line ID : nattiyaya,hearhuiสินค้าส่วนใหญ่พร้อมส่งทันที แต่อาจมีบางครั้งที่มีเจ้าใหญ่สั่งเหมา โดยที่ไม่ได้จองล่วงหน้าทำให้ของขาด จึงต้องผลิตใหม่ รอ 10 – 15 วันเรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสินค้าและสรรหานวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะสามารถบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและก้าวขึ้นไปเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน

4474
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 

4475
กรมทรัพย์สินทางปัญญาขานรับนโยบาย "สินิตย์ เลิศไกร" รมช.พาณิชย์ เดินหน้าปฏิรูปการจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา นำเทคโนโลยีมาใช้ในการปรับรูปแบบหนังสือสำคัญการจดทะเบียนสิทธิบัตรการประดิษฐ์และอนุสิทธิบัตรจากกระดาษเป็นรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Certificate) ทำให้ออกหนังสือสำคัญฯเร็วกว่าเดิม 3 เท่า จากเดิม 60 วันหลังจากรับจดทะเบียนเหลือ 15 วัน พลิกโฉมการออกหนังสือสำคัญฯจากเอกสารนับร้อยหน้าเหลือเพียงหน้าเดียว พร้อมการันตีความน่าเชื่อถือ ตรวจสอบรายละเอียดจากฐานข้อมูลกรมฯผ่าน QR Code และเลขอ้างอิงได้ทันที อนาคตขยายให้บริการหนังสือสำคัญการรับจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาประเภทอื่นๆ ต่อไป

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาเดินหน้ายกระดับงานบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคธุรกิจและประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยอีกหนึ่งบริการที่กรมฯได้นำเทคโนโลยีมาใช้พัฒนาการให้บริการประชาชนคือ การออกหนังสือสำคัญการจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์และอนุสิทธิบัตรในรูปแบบ “e-Certificate” ซึ่งพบว่า ได้ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ โดยนับตั้งแต่เปิดให้บริการดังกล่าว กรมฯสามารถออกหนังสือสำคัญฯไปแล้วกว่า 1,600 คำขอ สะท้อนภาพการบริการที่สะดวกรวดเร็ว น่าเชื่อถือ และตอบสนองการใช้งานของภาคธุรกิจ โดยใช้เวลาเหลือเพียง 15 วันหลังจากรับจดทะเบียนจากเดิม 60 วัน



โดยกรมฯ ได้ปรับลดกระบวนการออกหนังสือสำคัญฯและปรับโฉมเอกสารให้อยู่ในรูปแบบกระดาษเพียงแผ่นเดียว พร้อมมีข้อมูลสำคัญครบถ้วน สามารถสแกน QR Code เพื่อดูรายละเอียดจากฐานข้อมูลกรมฯได้ทันที ทำให้เจ้าของสิทธิสามารถนำหนังสือสำคัญดังกล่าวไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้เร็วขึ้น และนำไปใช้ทำธุรกรรมได้สะดวกขึ้นอาทิ การอนุญาตใช้สิทธิ การเจรจาธุรกิจ เป็นต้น อีกทั้งยังเพิ่มมิติความน่าเชื่อถือด้วยการใช้หมายเลขอ้างอิง ลายน้ำ และลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถตรวจสอบผ่านระบบออนไลน์ได้ทันที ยากต่อการปลอมแปลง และที่สำคัญยังใช้เป็นหลักฐานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา อาทิ ศาล อัยการ ตำรวจได้อีกด้วย

“กรมทรัพย์สินทางปัญญาพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่ “Smart DIP” อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อยกระดับการให้บริการภาคธุรกิจและประชาชนในทุกมิติ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางสายด่วนกรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร 1368”

4476
เถ้าแก่น้อย ปรับแผนจัดจำหน่าย ขยายกำลังผลิตรับตลาดจีนฟื้น ล่าสุดได้รับคัดเลือกเป็นโรงงานต้นแบบการจัดการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19

นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสาหร่ายทะเลแปรรูปทั้งในและต่างประเทศ  “เถ้าแก่น้อย” เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดในไตรมาสสุดท้ายนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

 

หลังจากที่บริษัทได้เร่งปรับกลยุทธ์การจัดจำหน่ายในประเทศจีน เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่กำลังฟื้นตัว ส่งผลให้มียอดคำสั่งซื้อทยอยกลับมาตั้งแต่ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564  

 

“บริษัทปรับกลยุทธ์การขายในประเทศจีนโดยการเพิ่มตัวแทนจำหน่ายสินค้า ปัจจุบันเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดี เห็นได้จากออเดอร์ที่เข้ามาตั้งแต่ช่วงต้นครึ่งปีหลัง 2564 แต่บริษัทไม่สามารถตอบสนอง Supply สินค้าได้ทันตามออเดอร์ที่เข้ามา เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19

อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ 
อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์

โดยหลังจากได้วางมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันและควบคุมโรคโควิด 19 ภายในโรงงาน ส่งผลให้แนวโน้มดีขึ้นในไตรมาส 4/64 ประกอบกับบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่เพิ่มเติม ทำให้สามารถเดินเครื่องจักรผลิตสินค้าได้ทันกับความต้องการของลูกค้าในจีนได้อย่างแน่นอน”  

 


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาที่มีผลกระทบต่อการผลิต บริษัทได้ปรับมาตรการเชิงรุก โดยให้ความสำคัญในการดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคในพื้นที่เฉพาะ (Bubble and Seal) เพื่อป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19  จนได้รับเกียรติบัตรสถานประกอบกิจการที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาอยุธยาโมเดล

 

และถือเป็นโรงงานต้นแบบมาตรฐานในการจัดการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 ภายใต้ “เศรษฐกิจเดินหน้า อยุธยาปลอดภัย ทุกภาคส่วนร่วมใจ ห่างไกลโควิด” จากหน่วยงานราชการในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา 

เถ้าแก่น้อย ปรับกลยุทธ์ เพิ่มกำลังผลิตบุกแดนมังกร
เถ้าแก่น้อย ปรับกลยุทธ์ เพิ่มกำลังผลิตบุกแดนมังกร

บริษัทได้ดำเนินการตามแนวทางปฎิบัติที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ โดยจัดหาที่พักให้กับพนักงานทั้งในและนอกโรงงาน จัดทำทะเบียนพนักงาน พัฒนาโปรแกรมในโทรศัพท์มือถือมาใช้ในการกำกับดูแลพนักงาน สามารถระบุสถานที่หรือเวลาพนักงานทำงานอยู่ รวมถึงระบุที่นั่งบนรถรับ-ส่งพนักงาน และจำกัดที่นั่งไม่เกิน 50%

 

อีกทั้งจัดทำแนวทางการเข้ารับการรักษากรณีพนักงานติดเชื้อและพนักงานกลุ่มเสี่ยง รวมถึงมีที่พักให้แก่พนักงานต่างด้าว ติดตั้งระบบสแกนใบหน้า เพื่อคัดกรองพนักงาน และบุคคลกภายนอก นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้ลดการสัมผัส และติดตั้งเจลแอลกอฮอล์ให้ครอบคลุมทุกจุดสัมผัส ซึ่งบริษัทได้สื่อสารให้พนักงานทุกคนปฏิบัติตาม โดยจัดทำเป็นสื่อ 3 ภาษา ได้แก่ ไทย เมียนมา และกัมพูชา 

 

“จากการปรับมาตรการเชิงรุกในการบริหารจัดการภายในโรงงานผลิต ส่งผลดีต่อกระบวนการผลิตสินค้าในโรงงานและความสามารถการผลิตสินค้า ล่าสุดได้ทยอยติดตั้งเครื่องจักรใหม่เพื่อขยายกำลังการผลิต รองรับคำสั่งซื้อสินค้าจากประเทศจีนที่เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ปัจจุบัน TKN มียอดคำสั่งซื้อจากจีนเฉลี่ย 150-170 ตู้คอนเทนเนอร์ และได้ร่วมกับคู่ค้าวางแผนบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์เพื่อแก้ไขปัญหาค่าระวางการขนส่งสินค้าทางเรือและตู้คอนเทนเนอร์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 500%”

 

4477
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ถูกดิสรัปอย่างมากในโลกยุคปัจจุบัน ทั้งถูกดิสรัปจากเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้น รวมถึงกระแสการลงทุนแบบใหม่ที่เข้ามา เช่น การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ที่สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง

"ภากร ปีตธวัชชัย" กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ” ต่อแผนการรับมือความท้าทายดังกล่าว ว่า ตลาดทุนในอนาคตตลาดหลักทรัพย์ฯ จะต้องปรับตัวเพื่อรองรับความต้องการการลงทุนของนักลงทุนกลุ่มเดิม ได้แก่ นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนบุคคล นักลงทุนต่างประเทศ ที่เป็นฐานการลงทุนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน และนักลงทุนคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีหลายโจทย์สำคัญที่ต้องดำเนินการ ได้แก่ การเข้ามาลงทุนจะต้องทำได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์ในการลงทุนที่มีความหลากหลาย รวมถึงจะต้องสามารถซื้อขายได้ตามจำนวนที่ต้องการ(ตามวงเงินที่ต้องการลงทุน) เช่น การซื้อหุ้นต่างประเทศ หรือกระทั่งการซื้อหุ้นขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นไทย ต้องสามารถซื้อขายตามจำนวนเงินที่ผู้ลงทุนต้องการ

สำหรับการพัฒนาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์การลงทุนเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนดังกล่าว เช่น ตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) ที่อิงกับสินทรัพย์ต่างๆ ในลักษณะการซื้อขายเศษส่วนของหุ้น (Fractional Shares) ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ในราคาที่ถูกลง เช่น DR อ้างอิงหุ้นแอ๊ปเปิ้ล สามารถซื้อขายที่ราคา 10 20 หรือ 50 บาท ต่อหุ้นได้ เป็นต้น เบื้องต้นจะออก DR อ้างอิงหุ้นต่างประเทศก่อน และในระยะถัดไปจะนำหุ้นไทยที่มีมูลค่าสูงมาอ้างอิง



นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มองโจทย์สำคัญว่าจะทำอย่างไรให้นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ 24 ชั่วโมง ในสินทรัพย์บางประเภทเช่น สินทรัพย์ที่อิงกับต่างประเทศ (Global Asset) ที่ควรซื้อขายได้ในเวลากลางคืน เพราะเป็นช่วงกลางวันที่ตลาดหุ้นต่างประเทศเปิดทำการ  ซึ่งช่วงแรกอาจจะไม่ได้เปิดให้ซื้อขาย 24 ชั่วโมง แต่จะเป็นลักษณะการขยายเวลาที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมา ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) ก็ได้มีการขยายเวลาการซื้อขายในช่วงกลางคืนแล้ว

ภากร กล่าวอีกว่า ระบบนิเวศ (Ecosystem) ของตลาดทุนไทยในช่วงที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ ขณะที่ปัจจุบันยังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ภายหลังมีแพลตฟอร์มการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ เกิดขึ้นมาขนานกับ Ecosystem ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงต้องเดินหน้าพัฒนาตลาดทุนในรูปแบบใหม่ เพื่อให้บริการนักลงทุนได้ดีมากยิ่งขึ้น

ในอนาคต ตลาดหลักทรัพย์ตั้งเป้าหมายเข้ามาเป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อเชื่อมต่อการให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต ซึ่งประกอบด้วยการออกและเสนอขายโทเคน (Token Issuing) การซื้อขายและการทำรายการ (Trading and Clearing) กระเป๋าเงิน (Wallet) และการให้บริการนักลงทุนและผู้ออกสินทรัพย์ (Investor and Issuer Services) ได้อย่างครบถ้วน

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนจัดตั้งศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไทย (Thai Digital Assets Exchange: TDX) ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างขออนุญาตสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และคาดว่าจะออกมาให้บริการได้ภายในเร็วๆ นี้ โดย TDX ถูกออกแบบมาเป็นระบบเปิด เพื่อให้เกิดการต่อเชื่อมได้มากที่สุด


อย่างไรก็ดี TDX ไม่ได้มีไว้ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) แต่มีไว้เพื่อซื้อขายสินทรัพย์ที่เป็นโทเคนเพื่อการลงทุน (Investment Token) รวมถึงตั้งเป้าเป็นแพลตฟอร์มกลางเพื่อเชื่อมต่อการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่นเดียวกับโปรแกรม Settrade Streaming ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปัจจุบัน

“เรามองว่าในอนาคตจะมีโลกเก่า กล่าวคือ ตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นศูนย์กลางซื้อขายหุ้นปัจจุบัน และโลกใหม่ ซึ่งก็คือการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์รูปแบบใหม่ TDX จะเกิดขึ้นขนานกัน แม้ปัจจุบันยังเห็นภาพไม่ชัดเจนว่าอนาคตตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปลี่ยนแปลงไปในรูปแบบใด แต่เชื่อว่าทั้ง 2 ตลาดจะเกิดขึ้นขนาดกันไปสักช่วงหนึ่ง จนถึงวันหนึ่งที่เราเห็นว่าตลาดใดตลาดหนึ่งดีกว่าอีกอันหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด วันนั้นนักลงทุนจะวิ่งเข้าตลาดนั้นตลาดเดียว แต่คิดว่ายังต้องใช้เวลาอีกหลายปี”

สถานการณ์โควิด-19 นั้นมีผลกระทบต่อตลาดทุนอย่างมาก เพราะส่งผลกระทบต่อวิธีการทำงานของบริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ และนักลงทุน แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือว่าได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เพราะมีการปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลมาโดยตลอด ทั้งการเปิดบัญชี การประเมินความเสี่ยงนักลงทุน (Suitability Test) การยืนยันตัวตนผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ฯลฯ ที่สามารถให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลได้ทั้งหมด

ในส่วนของบริษัทจดทะเบียน พบว่ามีการปรับตัวค่อนข้างมาก สะท้อนผ่านความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการเงินผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการออกหุ้นเพิ่มทุน (Secondary Offering)

ท่ามกลางโควิด-19 พบว่า ตลาดทุนไทยมีผู้เข้ามาลงทุนมากขึ้น สะท้อนผ่านจำนวนนักลงทุนใหม่ที่เข้ามาเปิดบัญชี เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากราว 7-8 แสนรายในปี 2563 มาอยู่ที่ราว 2 ล้านราย ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน และนักลงทุนมีการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น จากเฉลี่ย 7 หมื่นล้านบาทต่อวันในปี 2563 มาอยู่เฉลี่ย 9 หมื่นล้านบาทต่อวันในปีนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีความกว้างและมีขนาดใหญ่ขึ้น กลายเป็นเครื่องมือหนุนเศรษฐกิจและธุรกิจให้เติบโต

แนวโน้มอนาคตเชื่อว่าจะมีการเปิดบัญชีลงทุนของนักลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่องเพราะ ตราบใดที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังอยู่ในระดับต่ำนักลงทุนยังแสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูงต่อเนื่อง

4478
CLASS FOR ZOOM : เนรมิตห้องเรียนให้มีชีวิตด้วย BREAKOUT ROOMSการจัดหมู่และมอบหมายงานให้กับนักเรียนได้ทำงานกลุ่มร่วมกัน ซึ่งจะช่วยสร้างบรรยากาศครื้นเครงให้เกิดขึ้นทุกครั้งหากเรานึกถึงบรรยากาศในห้องเรียนจริง เมื่อไหร่ก็ตามที่ครูบาอาจารย์เริ่มต้นด้วยการชี้แจงกับนักเรียนในห้องเรียนว่า "นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คน" หลังจากประโยคนี้ นักเรียนจะเริ่มจับกลุ่มกันและเริ่มพูดคุยกันในกลุ่มกันเจี๊ยวจ๊าวในห้องเรียน และนี่เองคือความมีชีวิตของห้องเรียนจริง ที่ต้องบอกว่า มันหายไปเมื่อเราทำกิจกรรมนี้ให้เกิดขึ้นทางออนไลน์ และถึงแม้ ใน Zoom Meeting จะมีฟีเจอร์นี้มาให้เราได้ใช้กันในสถานการณ์การเรียนตลอดปีโควิดที่ผ่านมา ก็ยังสร้างประสบการณ์ได้ไม่สมบูรณ์แบบเท่าที่ผู้สอนและผู้เรียนคาดหวัง
และล่าสุด Class นฤมิตความมีชีวิตชีวาให้กับห้องเรียนด้วยฟีเจอร์การแบ่งกลุ่มให้ห้องเรียนออนไลน์ให้เกิดขึ้นผ่านการปรุงแต่ง Breakout Rooms ใน Zoom ซึ่งนับเป็นการรุดหน้าที่สำคัญสำหรับห้องเรียนเสมือนจริง ที่ให้ประสบการณ์ที่ดีทั้งกับนักเรียนและครูผู้สอนให้มีเครื่องมือที่แยบยล ในการแบ่งกลุ่มทำงานช่วยสร้างการมีส่วนร่วมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด


แหล่งที่มา : CLASS FOR ZOOMติดต่อสอบถาม : Zoom Thailand

4479
ธอส.ขยายเวลา 8 มาตรการช่วยลูกค้าเดิมจากผลกระทบโควิด"พักชำระหนี้- ลดงวดผ่อน" ถึงสิ้นปี 64 แจ้งความประสงค์ลงทะเบียนภายใน 29 ต.ค.นี้

จากการที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)ได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากสถานการณ์โควิด-18 ผ่าน 8 มาตรการ ตาม “โครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ” ครอบคลุมทั้งการแบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดเงินต้น ตัดดอกเบี้ย) พักชำระเงินต้นและจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย และพักชำระทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย

อย่างไรก็ดี ยังมีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ล่าสุด ธอส. จึงได้ขยายระยะเวลาความช่วยเหลือให้กับลูกค้าเดิมที่อยู่ระหว่างการใช้มาตรการ ต่อไปถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 โดยมีรายละเอียดของมาตรการที่ขยายระยะเวลาความช่วยเหลือจำนวน 8 มาตรการ ประกอบด้วย

 

มาตรการที่ 9, 10, 11 และ 11 New Entry : แบ่งจ่ายเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดเงินต้น ตัดดอกเบี้ย) เหลือ 25% หรือ 50% หรือ 75% ของเงินงวดผ่อนชำระในปัจจุบัน โดยทั้ง 4 มาตรการ ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ สถานะ NPL และลูกหนี้สถานะ NPL ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ และต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจ หรือการค้า เนื่องจาก COVID-19 และไม่สามารถผ่อนชำระเงินงวดให้ธนาคารได้ตามสัญญาเงินกู้
มาตรการที่ 13 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ (ไม่เป็น NPL ไม่อยู่ขั้นตอนของกฎหมาย และไม่อยู่ระหว่างทำข้อตกลงประนอมหนี้) และต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจ หรือการค้า เนื่องจาก COVID-19 และไม่สามารถผ่อนชำระเงินงวดให้ธนาคารได้ตามสัญญาเงินกู้
 

มาตรการที่ 14 : พักชำระเงินต้น และจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยรายเดือน พร้อมลดดอกเบี้ยลงเหลือ 3.90% ต่อปี สำหรับลูกหนี้ที่สถานะ NPL และลูกหนี้ NPL ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ และต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจ หรือการค้า เนื่องจาก COVID-19 และไม่สามารถผ่อนชำระเงินงวดให้ธนาคารได้ตามข้อตกลงปรับโครงสร้างหนี้ หรือ ตามคำพิพากษา
มาตรการที่ 15 พักชำระเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ย สำหรับลูกค้าที่มีสถานะบัญชีปกติ ไม่อยู่ระหว่างการประนอมหนี้หรือสถานะกฎหมาย
มาตรการที่ 16 พักชำระเงินต้นและพักชำระดอกเบี้ย สำหรับลูกหนี้ที่มีสถานะ NPL (ค้างชำระเงินงวดติดต่อกันมากกว่า 3 เดือน) หรืออยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ 
ทั้งนี้ ลูกค้าเดิมที่อยู่ใน 8 มาตรการข้างต้นและต้องการขยายระยะเวลาความช่วยเหลือไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ผ่าน Application : GHB ALL หรือ GHB Buddy บน Application Line พร้อมกับ Upload หลักฐานยืนยันว่าได้รับผลกระทบทางรายได้ให้ธนาคารพิจารณา ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 29 ตุลาคม 2564 กรณีที่ลูกค้าไม่มีสมาร์ทโฟนสามารถกรอกข้อมูลเพื่อแจ้งความประสงค์ขอรับความช่วยเหลือตามมาตรการได้ที่ www.ghbank.co.th 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th, Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ  Application : GHB ALL
 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิดตามนโยบายรัฐบาล โดยกระทรวงการคลัง มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ถึงปัจจุบันผ่านมาตรการต่าง ๆ รวม 20 มาตรการ และจนถึง ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีจำนวนลูกค้าเข้ามาตรการช่วยเหลือของธนาคารรวมสูงสุดเป็นจำนวนถึง 977,736 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 853,271 ล้านบาท 

"ปัจจุบันส่วนใหญ่สามารถปรับตัวได้ และกลับมาผ่อนชำระตามปกติ คงเหลือลูกค้าที่ยังอยู่ระหว่างการได้รับความช่วยเหลือตามมาตรการรวมจำนวน 189,686 บัญชี เงินต้นคงเหลือ 190,834 ล้านบาท ดังนั้น เพื่อเป็นการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าที่ยังคงได้รับผลกระทบจากโควิด ธนาคารจึงได้ขยายระยะเวลาความช่วยเหลือให้กับลูกค้าเดิมต่อไปถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 "

4480

รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ มองน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในไตรมาส 1 ปี 65 ดันเงินเฟ้อพุ่ง ต้นทุนการผลิตการขนส่งเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเผชิญกับภาวะ Stagflation ที่เศรษฐกิจโตต่ำ สวนทางเงินเฟ้อทีเพิ่มขึ้น แนะลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันแบบขั้นบันได

      รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาน้ำมันตลาดโลกขึ้นไปสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ปี 2557 หรือ ในรอบเกือบ 7 ปี คาดการณ์แนวโน้มราคาน้ำมันเป็นขาขึ้นไปจนถึงกลางปีหน้าเป็นอย่างน้อย และมีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือปรับตัวทะลุระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า ซึ่งแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องจะส่งผลกระทบทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนภาคการผลิต การขนส่งคมนาคมสูงขึ้น และค่าใช้จ่ายครัวเรือนปรับตัวเพิ่มขึ้น

       โดยคาดว่าช่วงปลายปีราคาน้ำมันน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 75-95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวดีต่อเนื่องและกลุ่มโอเปคพลัสยังคงไม่เพิ่มกำลังการผลิตไปมากกว่าเดิมอาจเห็นราคาน้ำมันในตลาดโลกขึ้นแตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ในช่วงไตรมาสแรกปีหน้า ณ ระดับราคาดังกล่าวน่าจะจูงใจให้ผู้ผลิตน้ำมันเพิ่มอุปทานในตลาด รวมทั้งกลุ่มโรงกลั่นผลิต Shale oil ในสหรัฐน่าจะกลับมาผลิตเพิ่ม

       แต่หากราคาน้ำมันยังไม่แตะ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เชื่อว่ากลุ่มโอเปกพลัสคงมติเดิมเพิ่มกำลังการผลิตเพียงวันละ 4 แสนล้านบาร์เรล ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนจากอุปสงค์ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น  นอกจากนี้ ไนจีเรียยังประสบปัญหาเพิ่มกำลังการผลิตตามข้อตกลง ราคาก๊าซธรรมชาติที่สูง หลายชาติลดการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าเพื่อลดภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะประเทศจีนได้มีนโยบายในการลดการปล่อยคาร์บอนในเชิงรุก หันมาใช้น้ำมันและพลังงานทางเลือกอื่นๆ ทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นอีก

อ่านข่าว : เปิดเบื้องหลัง ‘ราคาน้ำมัน’ ขึ้น หรือ ลง เกิดจากอะไร ?



อย่างไรก็ตาม ล่าสุด จีนอาจปล่อยน้ำมันดิบคงคลังทางยุทธศาสตร์ประมาณ 33-82 ล้านบาร์เรล คงจะช่วยบรรเทาการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันได้บ้าง เนื่องจากจีนมีสต็อกน้ำมันราคาต้นทุนที่ถูกกว่าราคาในตลาดโลกปัจจุบันประมาณ 5-10 ดอลลาร์โดยเฉลี่ย และหลังจากกลางปีหน้าแล้ว อุปทานในตลาดน้ำมันน่าจะเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ว่า อิหร่านจะสามารถส่งออกน้ำมันได้ และมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตกต่ออิหร่านน่าจะยุติลง

       ทั้งนี้ ผลบวกของราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจโดยรวมของไทยมีน้อยมากเพราะประเทศไทยเป็นประเทศนำเข้าพลังงานและน้ำมันสุทธิ โดยผลประโยชน์จะเกิดต่อธุรกิจอุตสาหกรรมพลังงานเท่านั้น และอาจมีผลบวกต่อสินค้าที่ใช้ทดแทนกันสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้น้ำมันเป็นวัตถุดิบสำคัญ ธุรกิจยางธรรมชาติอาจได้ประโยชน์จากยางสังเคราะห์และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่แพงขึ้น

       นอกจากนี้ ราคาน้ำมันแพงยังได้รับผลจากการที่เงินบาทอ่อนค่าและเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีกด้วย ทิศทางค่าเงินบาทอาจอ่อนค่าทะลุระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ จากดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลในปีนี้ ดุลการค้าเกินดุลลดลงอย่างมาก คาดว่าปีนี้ดุลบัญชีเงินทุนมีเงินไหลออกสุทธิไม่ต่ำกว่า 3-4 พันล้านดอลลาร์ โดยมีทั้งการไหลออกของเงินลงทุนโดยตรง แต่การลงทุนในหลักทรัพย์ในตลาดการเงินเริ่มเป็นซื้อสุทธิ ปีที่แล้วเงินทุนไหลออกสุทธิประมาณ -3.59 พันล้านดอลลาร์ อัตราการค้าปรับตัวลดลงเป็นผลมาจากราคานำเข้าสินค้าเพิ่มสูงกว่าอัตราการเพิ่มขึ้นของราคาส่งออก


รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีความเสี่ยงมากขึ้นที่เศรษฐกิจไทยอาจเผชิญภาวะ Stagflation คือ ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว เติบโตต่ำและเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นมาก สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่เผชิญอยู่เวลานี้คือ รายได้ชะลอตัว หนี้สินท่วม ค่าครองชีพสูงขึ้น แถมยังว่างงานอีกหรือทำงานต่ำระดับ ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องเร่งดำเนินการนโยบายเข้มงวดทางการเงินเพิ่มขึ้นหรือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจากการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อเพราะช่องว่างการผลิต (Output Gap) ของเศรษฐกิจไทยยังติดลบค่อนข้างมาก มีกำลังการผลิตส่วนเกินเหลืออยู่จำนวนมาก การใช้นโยบายการเงินและการคลังแบบผ่อนคลายมีความจำเป็นต่อการประคับประคองการฟื้นตัวของการจ้างงานและการกระเตื้องขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

       โดยอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นเป็นปัญหาทางด้านอุปทานเป็นหลัก คือ ราคาพลังงานสูงขึ้น บาทอ่อนค่า และราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้นจากน้ำท่วมพื้นที่เกษตรกรรม ราคาสินค้าอุตสาหกรรมบางส่วนปรับตัวสูงขึ้นจากการขาดแคลนวัตถุดิบ การชะงักของระบบจัดส่งและค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้น ปัญหาบางส่วนเกิดจากการหยุดดำเนินการผลิตของโรงงาน เกิดการการชะงักงันของระบบจัดส่งโลจิสติกส์ จากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ภาวะ Stagflation ของเศรษฐกิจไทยอาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น  ขณะที่ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณของ Excess Demand ใดๆ มีฟองสบู่อยู่บ้างในตลาดการเงิน ส่วนตลาดผลผลิตไม่มีเลย ตอนนี้มีแต่ Excess Supply อุปสงค์ขยายตัวต่ำกว่าระดับความสามารถการผลิตของประเทศ

       ส่วนมติของ กบง. เพื่อควบคุมราคาน้ำมันด้วยการปรับลดการใช้น้ำมันปาล์มดิบผสมไบโอดีเซลจะส่งผลกระทบต่อราคาผลปาล์ม กระทบอุตสาหกรรมพลังงานชีวภาพ มาตรการนี้จะทำให้ความต้องการใช้ไบโอดีเซลลดลงเหลือเพียง 2-3 ล้านลิตรต่อวัน ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตพลังงานชีวภาพทั้ง ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ และอาจทำให้ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยขาดทุนจากต้นทุนสต็อกที่สูงและต้องขายตามราคาที่รัฐบาลกำหนดใหม่ การแก้ปัญหาราคาไบโอดีเซลด้วยวิธีดังกล่าวก็เลยสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา และอาจทำให้กิจการไบโอดีเซลของไทยบางแห่งต้องหยุดกิจการไป

       โดยมองว่ามาตรการช่วยเหลือประชาชนและธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ สามารถดำเนินการได้ ด้วยการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันแบบขั้นบันได ใช้น้ำมันน้อยเสียในอัตราต่ำกว่าใช้น้ำมันมาก ยิ่งใช้น้ำมันมากยิ่งเสียในอัตราสูง ยกเว้นสำหรับรถโดยสารมวลชนและรถขนส่งสินค้า ปรกติรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมากส่วนใหญ่เป็นรถยนต์กำลังแรงสูง cc สูงของผู้ร่ำรวย ส่วนการใช้เงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน อุดหนุนราคานั้น ควรนำเอาอัตราเงินเฟ้อมาพิจารณาเป็นเกณฑ์ร่วมกับระดับราคาน้ำมันที่ตั้งเป้าเข้าอุดหนุนราคา ดูที่ระดับที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและภาคการผลิตและภาคขนส่ง เช่น ระดับราคาน้ำมันดีเซลไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร หรือ ระดับของอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่า 4% ขึ้นไป สำรวจดูจะพบว่า ธุรกิจขนส่งคมนาคมกระทบหนักสุด อุตสาหกรรมปิโตรเคมี เหมืองแร่ ก็จะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก

       ส่วนอุตสาหกรรมการผลิตอื่นๆ กระทบมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่า ใช้พลังงานและน้ำมันมากหรือน้อยในกระบวนการผลิตสินค้า ธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง อุตสาหกรรมเหล็ก กิจการเซรามิค ต้นทุนจะเพิ่มสูงขึ้นมาก ส่วนที่ได้รับอานิสงค์ ได้ผลบวก คือ ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ธุรกิจพลังงาน พวกธุรกิจการค้าก็ไม่น่าจะกระทบมากนัก

       อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ แต่เศรษฐกิจไทยน่าจะยังมีอัตราการเติบโตได้ในระดับ 0.5-0.8% ส่วนปี 2565 ยังมีความไม่แน่นอนสูง ต้องรอดูปัจจัยต่างๆ ทั้งภายนอกภายในให้ชัดเจนก่อน และต้องรอดูว่าจะมีการเลือกตั้งและมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือไม่ แต่พอคาดการณ์ในเบื้องต้นได้ว่า เศรษฐกิจไม่น่าจะติดลบ ส่วนบวกแค่ไหนนั้นต้อง รอดูปัจจัยต่างๆให้ชัดเจนก่อน แต่ค่อนข้างแน่ใจว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้ายังไม่สามารถเติบโตได้เต็มศักยภาพ (เศรษฐกิจไทยมี Potential GDP อยู่ที่ประมาณ 5-6% เติบโตได้ในระดับนี้โดยไม่มีเงินเฟ้อสูง) ผลผลิตที่เกิดขึ้นจริง (Actual GDP) ต่ำกว่าผลผลิตที่ระดับศักยภาพ (Potential GDP) ค่อนข้างมากมาร่วม 5-6 ปีแล้ว และมากขึ้นอีกในช่วงสองปีที่ผ่านมาจากวิกฤติเศรษฐกิจโควิด จึงมีกำลังผลิตส่วนเกิน ปัจจัยการผลิตและแรงงานไม่ได้ถูกใช้เต็มประสิทธิภาพ Output Gap หรือ ช่องว่างการผลิตของไทยจึงติดลบมากกว่าหลายประเทศในอาเซียน 

4481

หลังจาก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ ว่า กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุฯ (PIF) ร่วมด้วย อแมนด้า สเตฟลี่ย์ และพี่น้องรูเบน ได้เข้าเทคโอเวอร์สโมสร “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อย ด้วยเงินจำนวน 300 ล้านปอนด์ หรือ 12,000 ล้านบาท

ถือเป็นการ “ปิดตำนาน” ไมค์ แอชลี่ย์ ไปโดยปริยาย และทำให้ 20 ทีมพรีเมียร์ลีก เหลือแค่ 6 ทีมเท่านั้นที่มีคนอังกฤษ เป็นเจ้าของ


 

อันที่จริงการได้คนท้องถิ่น และเป็นเลือดแท้เข้ามาบริหารฟุต. ถือเป็นสิ่งที่แฟน.โหยหา เพราะในสถานการณ์จริงๆ ยุคปัจจุบัน แทบจะไม่มี “คนพื้นที่” ที่จะรักฟุต. และมีเงินถุงเงินถังพอที่จะบริหารจัดการ

ADVERTISEMENT


ยิ่งในพรีเมียร์ลีก ที่มีมูลค่าขนาดนี้ยิ่งยากเข้าไปใหญ่

แอชลี่ย์ ที่เป็นชาว “จอร์ดี้” ขนานแท้ และมีเลือด “เดอะ แม็คไพร์” แบบเต็มข้อ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนฟุต.ทูน อาร์มี่ มันมีแสงสว่างเห็นได้ชัดเจน เมื่อได้คนท้องถิ่นมาบริหารทีมที่รัก

เขาสร้างอาณาจักรหมื่นล้านด้วยตัวเอง หลังออกจากโรงเรียนตั้งแต่ 16 ขวบ ก่อนจะเป็นเจ้าของกิจการขายอุปกรณ์กีฬา ชื่อดังอย่าง สปอร์ต ไดเรคท์ และขยายสาขาธุรกิจเสื้อผ้ากีฬาไปเรื่อยๆ Sports Direct International plcไปทั่วประเทศ ทั้งลดแลกแจกแถมแบบยาใจคนจน

น่าเสียดายที่ แอชลี่ย์ ในภาพผู้บริหารที่ไปนั่งเชียร์ในกลุ่มแฟน. ไม่ได้ทำอะไรที่เหมือนกับสาวกทีมแห่งไทน์ไซด์เขาคิดกันเอาไว้เลย


 
เขาเล็งเหลี่ยมไปที่ผลประโยชน์, กำไร, ยอดบัญชีในธนาคาร มากกว่าผลงานของทีมรัก ซึ่งเป็นทีมที่อยู่ในมือของเขาเองแท้ๆ

แอชลี่ย์ เลือกที่จะทำอะไรสร้างความไม่พอใจให้กับแฟน. เหมือนกับเขาไม่รู้จักเนื้อแท้และตัวตนของทีม โดยเฉพาะเปลี่ยนชื่อสนามจาก “เซนต์ เจมส์ พาร์ค” มาเป็น “สปอร์ต ไดเรคท์ อารีน่า” ทำให้แฟน.โกรธจัด เพราะชื่ออยู่กับทีมมากกว่า 119 ปี

ทำสัญญาตกลงเงินสปอนเซอร์ จาก วองก้า บริษัทเงินกู้ ชื่อดัง และมีแผนจะเปลี่ยนชื่อสนาม เป็น วองก้าสเตเดี้ยม แน่นอนว่า โดนประท้วงเละเทะอีกครั้ง

การเป็นทีมใหญ่ และเป็นทีมเดียวของเมือง ทำให้แฟน.เจ็บปวดมาตลอด นับตั้งแต่เขาเข้ามาถือหุ้นใหญ่ของสโมสรตั้งแต่ปี 2007

อย่างไรก็ตาม หลังจาก แอชลี่ย์ ทำให้แฟน.ไม่พอใจ (อีกแล้ว) ในการไม่ต่อสัญญา ราฟา เบนิเตซ แล้วไปเอา สตีฟ บรู๊ซ ที่เคยคุมคู่ปรับอย่าง ซันเดอร์แลนด์มาทำงานแทน แม้ว่า บรู๊ซ จะเป็นสาวกนิวคาสเซิ่ล ตั้งแต่รุ่นพ่อก็ตามแต่


 
สุดท้าย แอชลี่ย์ ยิ่งทำให้แฟน.แค้นเข้าไปอีก เมื่อคิดจะขายนั้น แฟน.ชอบอยู่แล้ว แต่การจะขายทีมแบบอยากได้เงินจนตัวสั่น ถึงขั้นไปฟ้องร้องรัฐบาลอังกฤษ เรื่องไม่ยอมปล่อยให้ขาย อันนั้นมันก็เกิดเหตุ

.....วัดกันถึงตำนานการขายนิวคาสเซิ่ล กินระยะเวลามานานพอสมควร นับจากมีข่าวแรกตั้งแต่ปี 2017

สุภาพสตรีคนหนึ่งถูกจับภาพได้ว่า เข้ามาชมเกมระหว่าง นิวคาสเซิ่ล กับ ลิเวอร์พูล เมื่อ 1 ตุลาคม 2017 ในเกมที่เสมอกัน 1-1 ทั่วๆ ไปคงไม่ได้สนใจอะไรมาก คงแปลกใจว่า กล้องลืมสวิตช์หรือเปล่า ทำไมจับภาพผู้หญิงผมสั้นสีบลอนด์คนนี้นานมาก แต่ “สหายสาย.”เคร่งคิดเครียดกันว่า ตกลงสตรีผู้นี้มาทำอะไรที่นี่

จะซื้อ ลิเวอร์พูล หรือจะซื้อนิวคาสเซิ่ล กันแน่ เพราะชื่อของอแมนด้า สเตฟลี่ย์ ไม่ธรรมดา

เธอคือบุคคลสำคัญในการดีลระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ชีค มันซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน

3 เดือนต่อมา ชื่อของเธอถูกนำไปตีข่าวหน้า 1 ว่ากำลังดีลธุรกิจให้กับกลุ่มทุนตะวันออกกลาง เพื่อมาซื้อสโมสรนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด พร้อมกับพันธมิตรหลัก “รอยเบน บราเธอร์ส” บริษัทอสังหาริมทรัพย์ และเป็นภาพชัดเจนอย่างมากเมื่อปีที่แล้ว แต่ดีลของ ชีค กับ แอชลี่ย์ ไม่จบ


 
ไม่ใช่ครั้งแรก และคนแรกๆ ที่อยากจะได้ นิวคาสเซิ่ล ไปครอบครอง.............


 
การเทคโอเวอร์ นิวคาสเซิ่ล เป็นประเด็นต่อเนื่องกันมาเป็นปีๆ นับตั้งแต่ แอชลี่ย์ ประกาศจะขายหุ้นทั้งหมด เมื่อ 19 ตุลาคม 2017 ภายใต้สนนราคาที่ 400 ล้านปอนด์



ชีค คาเล็ด บิน ซาเยด อัล เนฮายาน จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

“จีเอซีพี สปอร์ตส์” กลุ่มทุนสหรัฐ นำโดย ปีเตอร์ เคนย่อน อดีตซีอีโอแมนยูฯ-เชลซี ก็จะสนใจซื้อ


 
เจมส์ ปัลล็อตต้า ประธานสโมสรโรม่า ก็สนใจจะขายหุ้นมาลงทุนที่นี่


 
ขนาด “พริตตี้บอย” ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ยอดกำปั้นไร้พ่ายชาวอเมริกัน ก็ยังมีข่าวจะซื้อมาแล้ว

รวมไปถึงการยืนยันชัดเจนที่สุดที่สามารถระบุวันที่ได้ก็คือ 23 พฤษภาคม 2019 ชีค คาเล็ด บิน ซาเยด อัล เนฮายาน วัย 62 ปี มหาเศรษฐี และเป็นเครือราชวงศ์ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นผู้ปกครองกรุงอาบูดาบีกำลังจะซื้อนิวคาสเซิ่ล ได้สำเร็จ 350 ล้านปอนด์ แต่สุดท้ายก็ดีลล่ม!!!

ท่านชีคแห่ง “บิน ซาเยด กรุ๊ป” เป็นลูกพี่ลูกน้องของ ชีค มันซูร์บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน เจ้าของทีม แมนเชสเตอร์ซิตี้ ดังนั้นในเรื่องของความร่ำรวยนั้น ไม่มีการยืนยันว่า ระหว่าง ชีค คาเล็ด กับ ชีค มันซูร์ ใครมีสะตุ้งสตางค์มากกว่ากัน แต่การทำงานในฐานะนักลงทุนนั้น ชีค คาเล็ด คือบุคคลที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ

ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี 2017 ชีค คาเล็ดคนนี้พยายามที่จะเข้ามาเทคโอเวอร์ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูลมาแล้ว โดยจะทุ่มเงินถึง 2,000 ล้านปอนด์ หรือกว่า 80,000 ล้านบาท แต่ถูกปฏิเสธ ก่อนจะนำมาสู่การซื้อนิวคาสเซิ่ล แล้วก็ล่มอีก

เมื่อกลุ่ม “บิน ซาเยด กรุ๊ป” จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถอนทัพไปหนนี้กลายเป็นอีกส่วน นั่นก็คือจากฟากฝั่งของซาอุดีอาระเบีย

โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่ทรงสนพระทัย ที่จะเข้าเทคโอเวอร์ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยจะให้ตัวแทนของพระองค์ทำการเข้าซื้อเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว

ซึ่งเป็น “คนละกลุ่ม” ที่เคยติดต่อ ดีลกับ ลิเวอร์พูล นั่นคือเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด อับดุลลาห์ อัล ซาอุด แห่งซาอุดีอาระเบีย เหมือนกัน

เป็นเงิน “คนละกลุ่ม” กับเจ้าชายอัลดุลลาห์ บิน มูซาอัดบิน อับดุลลาซิซ อัล-ซาอุด แห่งซาอุดีอาระเบีย ที่เป็นเจ้าของทีมเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในปัจจุบัน

จนกระทั่งช่วงโควิด กลางปีที่แล้ว ซาอุฯ มาในชื่อของ “ซาอุดี พับลิก อินเวสต์เมนต์ฟันด์ (พีไอเอฟ)” โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม 2020 สื่อหลักพร้อมใจกันตีข่าวว่า “จะซื้อได้”

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม 2020 “สื่อหลัก” พร้อมระบุว่า มันจบแล้วครับนาย!!!

เหตุผลไม่ได้มาจากคนขาย มันมาจากความไม่ชอบมาพากลของคนซื้อ

...........ตั้งหลักกันในวันที่ 16 เมษายน 2020 ปรากฏมีข่าวดังเมื่อจะมีการเทคโอเวอร์นิวคาสเซิ่ล 300 ล้านปอนด์

อแมนด้า สเตฟลี่ย์ จากเดิมคือ “นายหน้า” พลิกบทบาทและแต่งองทรงเครื่อง กลายมาเป็น “เศรษฐีนี” เมื่อเป็นนักบริหารจาก “ซาอุดี พับลิก อินเวสต์เมนต์ฟันด์ (พีไอเอฟ)” มาซื้อทีม ซึ่งเป็นเงินทุนจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งประเทศซาอุดีอาระเบีย

หากเทคโอเวอร์ สำเร็จกลุ่มนี้จะถือหุ้น 80 เปอร์เซ็นต์ และ“รอยเบน บราเธอร์ส” ที่จะถือหุ้นอีก 20 เปอร์เซ็นต์

ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากมีข่าว และทำท่าจะจบ ซึ่งเข้าก็ “เข้าทางปืน” สื่ออังกฤษที่เขียนกระตุ้นการเจรจาให้จบโดยเร็ว พร้อมสมอ้างสารพัดเหตุผล โดยยังไม่ได้มีการเข้าสู่กระบวนการกลั่นกรองใดๆ

5 วันหลังจากฝุ่นตลบ ก็มีข่าวว่าผู้บริหาร บีอิน สปอร์ต (beIN) ผู้ถือลิขสิทธิ์ใหญ่ของ.อังกฤษ ได้ส่งจดหมายถึงทีมพรีเมียร์ลีก ว่า ให้ร่วมคัดค้านการเทคโอเวอร์ เพราะเงินที่นำมาเทคโอเวอร์นั้นไม่มีที่มา


 
ความไม่โปร่งใสก็คือ ซาอุฯ มีสตรีมมิ่งเถื่อนลักลอบถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก ทำให้ทุกทีมเสียรายได้!!!!

ใช้ชื่อว่า beoutQ ล้อไปกับเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวจริงคือ beIN Sport!!!!

ตัวละครเดินเพ่นพ่านเต็มหน้าจอมอนิเตอร์...อแมนด้า สเตฟลี่ย์,ไมค์ แอชลี่ย์, ชีค มันซูร์ บิน ซาเยดอัล นาห์ยาน, ชีค คาเล็ด บินซาเยดอัล เนฮายาน, โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน และ ไฟซาลบิน ฟาฮัด อับดุลลาห์ อัล ซาอุด...

ยูซุฟ อัล-โอเบียดลี่ คือ ซีอีโอของ beIN ร่อนจดหมายถึงประธานของสโมสรพรีเมียร์ลีกทั้งหมด และริชาร์ด มาสเตอร์ ซีอีโอของพรีเมียร์ลีก เพื่อให้มาร่วมโฟกัสการซื้อสโมสร “เดอะ แม็คไพส์” ในเรื่องของการ “ขโมยลิขสิทธิ์” การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้เชิงพาณิชย์ของแต่ละทีมลดลง

ใช้คำว่า “Pirate Service” เลยทีเดียว!!!

ในขณะที่กำลังเบียดๆ กันอยู่นั้นมีข่าวว่า ซาอุดีอาระเบีย ประกาศขอสู้ในการบิดเป็นเจ้าภาพกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ปี 2030 แข่งกับกาตาร์ ซึ่ง กาตาร์ เองก็ประกาศพร้อมแย่งสิทธิ์กับ ซาอุดีอาระเบีย ในการจัด.เอเชี่ยนคัพ

นัยทาง “การเมือง” เริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จากที่เดือนมิถุนายน 2017 เมื่อ 6 ชาติอาหรับ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, บาห์เรน, อียิปต์, ลิเบีย และเยเมน กับอีก 2 ชาติ คือ มัลดีฟส์ และมอริเชียส ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์

เหตุผลคือการกล่าวหาว่า กาตาร์ เป็นประเทศที่ทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค ด้วยการสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม หรือ ไอเอส ซึ่งข้อกล่าวหาของซาอุดีอาระเบียนี้ละม้ายกับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยประณามอิหร่าน ว่าให้การสนับสนุนการก่อการร้ายในซีเรียและเยเมน

อีกทั้งท่าทีที่ดีต่อกันผิดสังเกตกับ อิหร่าน ที่ค้านกับชาติอาหรับ, กาตาร์ ยังใช้สื่อผิดประเภท, การเข้าไปแทรกแซงภายในของหัวเมืองต่างๆ และกาตาร์ยังถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนกลุ่มกบฏฮูธีในเยเมน

แม้จะไม่มีการสู้รบหรือเข่นฆ่ากันแต่การคว่ำบาตรทุกด้าน ทั้งทางการทูต, เศรษฐกิจ, การค้า, ระบบขนส่ง, การบิน, เครื่องอุปโภค-บริโภค

ให้หลังการคว่ำบาตรไม่ถึง 2 เดือน โทรทัศน์ช่องที่มีชื่อว่า “beoutQ” เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในซาอุดีอาระเบีย เดือนสิงหาคม 2017มีการถ่ายทอดสดกีฬาต่างๆ มากมาย จนเป็นที่แพร่หลายในประเทศ



อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการเปิดรับสมาชิก แต่ไม่มีใครบอกได้เลยว่า ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของ

แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เห็นกันทั่วโลกว่า ถ่ายทอดสดผ่านช่อง beIN sport จะกลายเป็น beoutQ ในซาอุดีอาระเบีย!!!!

ต่อด้วยโครงการ “ซัลวาโปรเจกท์” ซึ่งดินแดนนี้เป็นพรมแดนที่ติดต่อทางบกระหว่าง ซาอุฯ กับกาตาร์ ดังนั้น โครงการขุดคลองจะส่งผลทำให้ทั้งสองประเทศไม่มีพรมแดนทางบกติดต่อกันอีกต่อไป เพื่อเปลี่ยนกาตาร์ให้เป็นประเทศเกาะกลางทะเล

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุน ทางการเงินจากกลุ่มบริษัทเอกชนของซาอุฯ กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ถือเป็นหนึ่งวิธีการแซงก์ชั่นความสัมพันธ์ทางการทูตกับรัฐบาลโดฮา แบบ 100%

เท่ากับว่า “politicising sport” นับเป็นนัยที่ซับซ้อนอย่างแท้จริง

เรื่องราวบานปลายเข้าไปอีก

“Republic TV” สื่อใหญ่แห่งประเทศอินเดีย เป็นเจ้าแรกตีข่าวเมื่อ 29 เมษายน ว่า ฮาติซเซนกิซ วัย 36 ปี ชาวตุรกี คู่หมั้นของจามาล คาช็อกกี นักข่าวและคอลัมนิสต์ชาวซาอุดีอาระเบีย ที่ถูกสังหารโหดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2018 ซึ่งเธอได้ส่งจดหมายไปยังพรีเมียร์ลีก อังกฤษเพื่อร้องขอไม่ให้การดีล เกิดขึ้น

มีการระบุว่าโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม คาช็อกกี ที่อิสตันบูล ประเทศตุรกีหลังจาก คาช็อกกี ได้เข้าไปขอเอกสารในการหย่าร้างกับภรรยาเก่า เพื่อนำไปทำพิธีแต่งงานอย่างถูกกฎหมาย กับ ฮาติซ โดย คาช็อกกีถูกเปิดเผยในภายหลังว่า ถูกฆ่าหั่นศพเป็นชิ้นๆ อย่างเ.้ยมโหด

ไม่มีการตอบโต้เรื่องนี้แต่อย่างใดในวันนั้น

มีแต่ข่าวที่ออกมาจะพลุแล้วดับลงไปก็คือ ซาอุดีอาระเบีย พร้อมที่จะเสนอยื่นแข่งขันในการข้อสัญญาณการถ่ายทอดสดฟุต.พรีเมียร์ลีกอังกฤษ รวมไปถึง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถ้าหากการเจรจาเทคโอเวอร์นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เป็นผลสำเร็จ

จนถึงวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ “บีบีซี” รายงานว่า โจทย์ใหญ่อยู่2 ข้อที่เป็นสิ่งที่ “น่ากังวล” ที่สุดของดีลซื้อทีมดังแห่งไทน์ไซด์

นั่นคือเรื่องส่วนตัวของ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน บินอับดุลลาซิซ อัล-ซาอุด ที่อยู่เบื้องหลังการเซ็นสัญญาในครั้งนี้

หลักๆ ก็คือ ในข้อ F1.2 : เจ้าชายโมฮัมเหม็ดบิน ซัลมาน จะมีอิทธิพลต่อสโมสรอื่นหรือไม่ กล่าวคือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่มีเจ้าชายซาอุฯอีกพระองค์ คือ เจ้าชายอัลดุลลาห์ บิน มูซาอัดบินอับดุลลาซิซ อัล-ซาอุด เป็นเจ้าของทีม

เมื่อปี 2017 กับ 2019 รายงานระบุว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บินซัลมาน เคยสั่งกักขังเจ้าชายอับดุลลาห์ และคนใกล้ชิดระดับสูง มาแล้ว โดยบังคับให้แลกทรัพย์สินหลายพันล้านเหรียญ กับอิสรภาพ

อีกเรื่องคือ ข้อ F.1.6 : ความเชื่อมั่นจากองค์กรสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับเรื่องคดีต่างๆ ของ เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ซึ่งสำนักข่าวกรองตะวันตก เชื่อว่าการสังหารจามาล คาช็อกกี นักข่าวซาอุฯที่สถานทูตประจำอิสตันบูล ตุรกี ได้รับคำสั่งจากเจ้าชาย ทำให้เหตุผลจากหน่วยข่าวกรองต่างๆ มีผลต่อการตัดสินใจในการพิจารณา

.........เรื่องเงียบไปเกือบเดือน มาถึงวันพุธที่ 17 มิถุนายน องค์การการค้าโลก (WTO) ตัดสินว่า มีส่วนเกี่ยวข้องละเมิดกฎหมายลิขสิทธิ์ระหว่างประเทศ

เวลานั้นเหลือเพียงรอการรับรองจาก พรีเมียร์ ลีก และกระบวนการตรวจสอบ เพื่อเช็คข้อมูลว่าที่เจ้าของคนใหม่ รวมประวัติด้านอาชญากรรม

WTO ที่รับหน้าที่ในการดูแลเรื่องของการซื้อขายระหว่างประเทศ ได้เข้ามาตรวจสอบถึงความเรียบร้อยต่างๆ และพบว่าเป็นเรื่องจริงที่กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบียมีส่วนเกี่ยวข้องกับ “บีเอาท์คิว” (beoutQ) สถานีโทรทัศน์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก ซึ่งอาจเป็นเหตุที่ทำให้ดีลการซื้อขายทีมต้องถูกยกเลิก แม้กลุ่มทุนซาอุฯ จะยืนยันมาก่อนหน้านี้มาโดยตลอดว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับบีเอาท์คิวแม้แต่น้อย

บีอิน สปอร์ต คือผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีกของโซนตะวันออกกลาง มีการเซ็นหนังสือสัญญาอย่างเป็นทางการระยะเวลา3 ปี ตีเป็นมูลค่า 400 ล้านปอนด์ และ ยูเซฟ อัล-โอเบดลีผู้บริหารบีอิน สปอร์ต ได้ร้องเรียนถึง ประธานสโมสร พรีเมียร์ ลีก ขอความร่วมมือต่อต้านการเทคโอเวอร์ “เดอะ แม็กพายส์” และโจมตี รัฐบาลซาอุดีอาระเบีย สมรู้ร่วมคิดปล้นสัญญาณแพร่ภาพเกือบ 3 ปี

ยืดเยื้อมายาวนานเกือบ 4 เดือนที่สุดแล้ว ดีลระหว่าง “สาลิกาดง” นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด กับ กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย ได้ประกาศแยกทางไม่มีการดีลใดๆ อีกต่อไป

แถลงการณ์โดยกลุ่มทุนซาอุดีอาระเบีย, PCP Capital Partners และ รูเบน บราเธอร์ส ถึงการตัดสินใจยุติการเจรจาเทคโอเวอร์สโมสรนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2020

จะโทษใครก็ไม่ได้ เมื่อ แอชลี่ย์ “พร้อมขาย” แต่คนซื้อต่างหากที่ “ไม่พร้อม”

.............18 เดือนผ่านไปในที่สุด นิวคาสเซิ่ล ตกอยู่ในมือของ “ซาอุดี พับบลิก อินเวสต์เมนต์ฟันด์” ที่ไป “แก้ลำ” มาใหม่ ในมูลค่า 300 ล้านปอนด์

ว่ากันว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน บิน อับดุลลาซิซ อัล-ซาอุด รวยกว่า 2 มหาอำนาจในโลกลูกหนังด้านการเงินมโหฬารมากๆ

รวยกว่า ชีค มานซูร์ เจ้าของแมนฯซิตี้ 11 เท่า!!!

รวยกว่า นาสเซอร์ อัล-คาไลฟี่ เจ้าของ ทีมเปแอสเช 50 เท่า!!!!!

แต่เดี๋ยวก่อน…..ที่ทำภาพกันขึ้นไปว่าจะมีสตาร์เดินทางเข้ามาร่วมทัพมากมาย คงเป็นไปไม่ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ คงต้องหายใจลึกๆ อีกหลายอึกใจพระพุทธ

3 ปีข้างหน้า ถ้าลุยจริงจังแบบ โรมัน อบราโมวิช หรือ ชีค มานซูร์ก็น่าสน

ของอย่างนี้ รวยอย่างเดียวไม่พอ ต้องชอบด้วย!!!!

บี แหลมสิงห์

4482


‘สนธิรัตน์’ โชว์กึ๋น พลังงานสะอาดสร้างธุรกิจ ชี้เป็นโอกาสซื้อหวยออนไลน์ถูกกฎหมายโลกยุคใหม่ เตือนเป็นความท้าทายของรัฐ ก่อนรถอีวีภาษีศูนย์ ครองตลาดบ้านเรา

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษ Clean Energy for All : พลังงานสะอาดเพื่อการสร้างธุรกิจ ในหลักสูตรของโครงการ Cleantech for Business เทคโนโลยีสะอาดเพื่อการสร้างธุรกิจ ผ่านโปรแกรม ZOOM โดยนำเสนอการพัฒนาที่ยั่งยืนกับการปรับตัวขององค์กรธุรกิจภายใต้แนวคิด “CLEAN” เริ่มจาก C คือ Climate action ที่คนทั่วโลกให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกนำมากำหนดเป็นพันธสัญญาเพื่อออกระเบียบต่างๆ เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดังนั้น ทุกฝ่ายจะต้องเตรียมการรองรับให้เป็นส่วนหนึ่งในองค์ประกอบธุรกิจ เพราะเรื่องนี้จะเกิดมิติใหม่ในทิศทางของการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน

L คือ Low carbon โดยการลดการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นหลักการสำคัญ การลงทุนด้านธุรกิจสีเขียวจะเป็นคำตอบ การลงทุนในปัจจุบันกำลังหันไปสนใจในกลุ่มกิจการด้านความยั่งยืนเพิ่มมากขึ้น E คือ Energy Mix เพราะการพึ่งพาเพียงพลังงานฟอสซิลไม่ใช่คำตอบอีกต่อไป ในปี 2019 เราได้เห็นพัฒนาการที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียน ปัจจุบันทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับการนำศักยภาพของแหล่งพลังงานหมุนเวียนมาใช้ มีการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ฟาร์มกังหันลม และสร้างระบบไมโครกริดที่พึ่งพาแหล่งพลังงานหมุนเวียน ปัจจัยต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นความต้องการเทคโนโลยีในการผลิตและส่งไฟฟ้าที่ทันสมัย นโยบายส่งเสริมพลังงานสีเขียวของรัฐบาล และความต้องการแหล่งพลังงานที่มั่นคง เชื่อถือได้โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบโครงข่ายไฟฟ้าหลักในภาวะฉุกเฉิน ล้วนส่งผลให้ตลาดไมโครกริดขยายตัว


A คือ Appropriate process โดยกระบวนการผลิตรูปแบบใหม่ต้องเป็นมากกว่าการลดต้นทุน แนวโน้มกระบวนการผลิตในอนาคตจะหันมาให้ความสนใจกับประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และ N คือ New Innovation ซึ่งนวัตกรรมทางเศรษฐกิจใหม่คือทางรอดสู่การพัฒนาที่ยังยืน ธุรกิจจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ได้เริ่มชี้ชัดถึงโอกาสที่เป็นไปได้ในการนำรูปแบบธุรกิจแบบหมุนเวียน ในขณะเดียวกันหลายองค์กรได้นำเอาเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพลิกสร้างความยั่งยืน

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ประเทศไทยยังถือว่าไม่ช้าเกินไป ในวันที่ประเทศทั่วโลกหันมาให้ความสนใจพลังงานสะอาด เพราะหลายประเทศเพิ่งประกาศออกมา เช่น จีน อินเดีย ปัจจุบันแผนพัฒนาพลังงานฉบับใหม่ของไทยให้ความสำคัญอย่างมากกับความเป็นกลางทางคาร์บอน และการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน สอดคล้องกับกระแสทั่วโลกที่กำลังหันมาให้ความสนใจกับเรื่องนี้ เพราะความเป็นกลางทางคาร์บอนไม่ใช่เป็นเพียงนโยบายเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเท่านั้น แต่มันคือเส้นทางที่ทุกประเทศต้องเดินร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นายสนธิรัตน์ กล่าว่า ที่สำคัญรัฐบาลไทยในอนาคตต้องหันมาให้ความสนใจกับการช่วยภาคอุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีการผลิตให้มีความสะอาดและลดการปล่อยคาร์บอน เพราะในอนาคตเรื่องสิ่งแวดล้อมเหล่านี้จะไม่ได้เป็นเพียงความพยายามในการลดปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่มันจะกลายเป็นข้อกำหนดของหลายประเทศในการนำเข้าสินค้าด้วย



อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังกล่าวถึงการขนส่งด้วยรถยนต์พลังงานไฟฟ้า(EV) ไม่ว่าจะเป็น รถส่วนบุคคลหรือรถสาธารณะ จะต้องบริหารจัดการการเปลี่ยนผ่านให้ดี เพราะถ้าเปลี่ยนผ่านไม่ดี ก็จะเป็นการทำลายจุดแข็งของประเทศไทยในบางเรื่อง เช่น อุตสาหกรรมการผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศ

“สิ่งที่ต้องพึงระวังคือรถยนต์ไฟฟ้าจากบางประเทศที่เข้าสู่ประเทศไทยในภาษีเป็นศูนย์ ซึ่งเป็นข้อตกลงเก่าแก่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เรายังไม่เข้าใจเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้า ว่าวิ่งในถนนได้ เพราะวันที่เราตกลงกันนั้น เรายังคิดว่ารถยนต์ไฟฟ้าคือรถกอล์ฟ ดังนั้น ถ้าเราเปลี่ยนผ่านเร็ว รถยนต์ไฟฟ้าจากบางประเทศจะเข้ามาครองตลาดในประเทศไทย สิ่งที่สำคัญคือเราจะรักษาอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เราเป็นผู้ผลิตเพื่อการส่งออกไว้ได้อย่างไร ดังนั้น จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนผ่านมาใช้รถยนต์อีวี ไม่ใช่เปลี่ยนผ่านแล้วสร้างปัญหาใหม่ให้เรา” นายสนธิรัตน์ กล่าว

หน้า: 1 ... 247 248 [249] 250 251 ... 266