แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - Ailie662

หน้า: 1 ... 248 249 [250] 251 252 ... 261
4483


ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กล่าวว่า ตามที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้มอบนโยบายให้ ดีป้า เดินหน้าผลักดันให้ทุกภาคส่วนสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ผ่านการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ด้านดิจิทัลแก่ประชาชน ส่งเสริมและสนับสนุนภาคธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานขนาดใหญ่ เอสเอ็มอี ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยในตลาดสด รวมถึงเกษตรกร และชุมชนในชนบทเข้าถึงและเลือกใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมกับบริบทของตนเองจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ แก้ไขปัญหา ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ซื้อหวยออนไลน์ ฟันฝ่าผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และเตรียมความพร้อมสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลต่อไป

สำหรับ กิจกรรม Smart Economy Showcase จะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และผู้ประกอบการรายย่อยในภาคอุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ในจังหวัดอุบลราชธานี สงขลา และพิษณุโลก สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีคุณภาพจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพที่ขึ้นทะเบียนกับ ดีป้า ก่อนเลือกประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ ตอบโจทย์ธุรกิจ อีกทั้งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ขยายช่องทางการตลาด และสร้างโอกาสทางการค้า โดยดีป้า ได้คัดเลือกดิจิทัลสตาร์ทอัพผู้ให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลใน 5 ประเภท ประกอบด้วย Logistics/Delivery, POS, E-Payment, Digital Content และ Services รวมจำนวนกว่า 30 รายเข้าร่วมกิจกรรม เพื่อให้คำแนะนำปรึกษาได้ตรงตามความต้องการใช้จริงของบรรดาผู้ประกอบการในพื้นที่


“ดีป้า ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทางจังหวัด หน่วยงานพันธมิตร และเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ บริหารจัดการกระบวนการทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยดิจิทัลโซลูชันที่ตอบโจทย์ความต้องการ อีกทั้งเป็นการสร้างความมั่นใจ และยกระดับผู้ประกอบการไทยท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และข้อจำกัดมากมาย เตรียมความพร้อมในการเปลี่ยนผ่านจังหวัดอุบลราชธานี สงขลา และพิษณุโลกสู่เมืองเศรษฐกิจอัจฉริยะต้นแบบต่อไป” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว

ดีอีเอส ผนึก ดีป้า นำเทคโนโลยีดิจิทัล ติดปีกผู้ประกอบการในพื้นที่ 3 จังหวัด
ดีอีเอส ผนึก ดีป้า นำเทคโนโลยีดิจิทัล ติดปีกผู้ประกอบการในพื้นที่ 3 จังหวัด

 กิจกรรม Smart Economy Showcase จะมีการจัดแสดงเทคโนโลยีดิจิทัลจากเครือข่ายดิจิทัลสตาร์ทอัพ ซึ่งผู้ประกอบการที่สนใจสามารถปรึกษา สอบถาม และเจรจาจับคู่ธุรกิจ หรือร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เรียนรู้การใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ได้จากเจ้าของเทคโนโลยีตัวจริง เพื่อสร้างความมั่นใจในการประยุกต์ใช้กับธุรกิจของตนเองได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

4484


ตลาดหุ้นไทยเปิดซื้อขายช่วงเช้ายืนในแดนบวก รับแรงซื้อหุ้นพลังงานนำตลาด หลังราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งยืนเหนือ 72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง และรัฐบาลเดินหน้าเปิดประเทศ หวังฟื้นเศรษฐกิจ

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า การซื้อขายหุ้นไทยช่วงเช้าวันที่ 16 กันยายน 2564 ดัชนีหุ้นไทยเปิดซื้อขายปรับเพิ่มขึ้น โดย ณ เวลา 10.40 น. เพิ่มขึ้น 5.72 จุด หรือ0.35% อยู่ที่ 1,633.76 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 18,047.71 ล้านบาท รับแรงซื้อหนุนในกลุ่มพลังงานจากราคาน้ํามันดิบโลกพุ่งขึ้นยืนเหนือ 72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังสต็อกน้ํามันดิบสหรัฐลดลงมากนอกจากนี้ รัฐบาลยังยืนยันการเปิดประเทศ 4 stage เรียกความเชื่อมั่นและเป็นผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ แต่ยังต้องระวังแรงขายลดความเสี่ยงก่อน FTSE rebalance จะลดน้ําหนักหุ้นไทยลงประมาณ 44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ราคาทองซื้อหวยออนไลน์วันนี้ 16 ก.ย.64 ลดลง 50 บาท ทองคำแท่งขายออก 28,000 บ.

ราคาทองวันนี้ สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขายประจำวันที่ 16 กันยายน 2564 (ครั้งที่ 1) ลดลง 50 บาท ทองคำแท่งขายออก 28,000 บ. ทองคำรูปพรรณขายออก 28,500 บาท

ราคาทองวันนี้ สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขายประจำวันที่ 16 กันยายน 2564 (ครั้งที่ 1) เมื่อเวลา 09.24 น. ลดลง 50 บาท ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 27,900.00 บาท ขายออกบาทละ 28,000.00 บาท ทองคำรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,394.12 บาท ขายออกบาทละ 28,500.00 บาท

ราคาทอง ประจำวันที่ 15 กันยายน 2564 สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาขาย 5 ครั้ง เพิ่มขึ้น 150 บาท ทองคำแท่งรับซื้อบาทละ 27,950.00 บาท ขายออกบาทละ 28,050.00 บาท ทองคำรูปพรรณรับซื้อบาทละ 27,439.60 บาท ขายออกบาทละ 28,550.00 บาท


สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 1,800 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (15 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาทองคำพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นสหรัฐยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.3 ดอลลาร์ หรือ 0.68% ปิดที่ระดับ 1,794.8 ดอลลาร์/ออนซ์

 

4485


นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงาน LiVE Demo Day : The New Road to Capital Market ที่จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยระบุว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2564 และเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาสก็พบว่าสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ แม้จะยังไม่แข็งแรงมากนัก

ทั้งนี้รัฐบาลได้สร้างสมดุลระหว่างการรักษาสุขภาพควบคู่กับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยยืนยันความพร้อมของระบบสาธารณะสุขไทย ขณะเดียวกัน ก.คลังได้ใช้มาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อช่วยลดภาระเรื่องการนำเข้าชุดตรวจ ATK รวมทั้งออกมาตรการให้หน่วยงานหรือองค์กรสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อชุดตรวจ ATK มาหักลดหย่อนภาษีได้

นายอาคม ยังกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีการกู้เงินจำนวนมากถึง 1.5 ล้านล้านบาท ผ่าน พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท และพ.ร.ก. เงินกู้เพิ่มเติม 5 แสนล้านบาทในการแก้ปัญหาและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 นั้นถือเป็นความจำเป็นในการใช้เครื่องมือทางการคลังเข้ามาช่วยในภาวะที่นโยบายการเงินไม่สามารถเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ และทุกประเทศก็มีการกู้เงินในช่วงวิกฤตนี้ และยืนยันรัฐบาลไม่มีปัญหาในเรื่องของการหารายได้ซื้อหวยออนไลน์เพิ่มขึ้น เพราะรัฐบาลได้วางโครงสร้างที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและรายได้ของประเทศในอนาคต เช่น โครงการ EEC และการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาค

 

“ที่มีการพูดว่ารัฐบาลกู้เยอะ และไม่มีปัญญาในการหารายได้เพิ่มขึ้นนั้น จริงๆ แล้วเรามี โดยให้มองภาพโครงการ เช่น EEC ก็เป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มุ่งเน้นการเคลื่อนย้ายธุรกิจที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามา และการผลักดันการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาค และนโยบายส่งเสริมธุรกิจนิวเอสเคิฟซึ่งนับว่าเป็นโอกาสของไทยทั้งนั้น” นายอาคม กล่าว

 

อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง
อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง


นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ยอมรับในช่วงวิกฤตโควิด ผู้ประกอบการโดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีนั้นสาหัส ซึ่งกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ทำงานร่วมกัน โดยได้ออก พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟูของธปท. วงเงินรวม 2.5 แสนล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี ปัจจุบันมีการเบิกจ่ายแล้วเกือบ 1 แสนล้านบาท ช่วยเหลือเอสเอ็มอีแล้ว 3 หมื่นราย ขณะที่มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ เพื่อช่วยธุรกิจที่ปิดกิจการชั่วคราว ปัจจุบันให้บริการไปแล้ว 74 ราย มูลค่ารวมกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท จากวงเงินรวม 1 แสนล้านบาท

 

ขณะที่ด้านตลาดทุน ถือเป็นอีกแหล่งเงินทุนของธุรกิจขนาดใหญ่ที่สามารถเข้ามาระดมทุนได้ และอีกส่วนหนึ่งคือพอร์ต mai ซึ่งเปิดให้เพื่อธุรกิจเอสเอ็มอีเข้ามาระดมทุน อย่างไรก็ตาม การที่จะเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ต้องมีกฎที่เข้มงวด โดยเฉพาะความโปร่งใสในเรื่องระบบข้อมูล การบันทึกบัญชีต่างๆ ต้องมีความชัดเจน ซึ่งเป็นส่วนที่เอสเอ็มอีจดทะเบียนถูกต้อง แต่ยังขาดองค์ความรู้ เงื่อนไข ที่จะเข้ามาในระบบดังกล่าว ทั้งนี้มองว่าเงินออม หรือ สภาพคล่องในประเทศยังมีอีกมาก เพียงแต่จะทำอย่างไรให้เกิดความเชื่อมโยงกันระหว่างเจ้าของเงินออมและภาคธุรกิจ

4486


Canaan บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ขุด Bitcoin รับรู้รายรับรายไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เติบโตเป็นประวัติการณ์แตะ 167 ล้านดอลลาร์ รับอานิสงส์ตลาดคริปโต

theblockcrypto รายงานว่า Canaan บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ขุด Bitcoin ได้กล่าวในรายงานผลประกอบการเมื่อวันพุธว่า บริษัทขายฮาร์ดแวร์เครื่องขุดเหรียญคริปโตได้กว่า 5.9 ล้านเทราแฮชต่อวินาที (TH/s) ในระหว่างไตรมาส ซึ่งหมายความว่า TH/s ของอุปกรณ์ Avalon แต่ละตัวมีราคาประมาณ 32 ดอลลาร์ จำนวนอัตราแฮชนั้นคิดเป็นประมาณ 4% ของกำลังการแฮชปัจจุบันทั้งหมดของเครือข่าย bitcoin

Canaan กล่าวว่านี่เป็น "ยอดขายรายไตรมาสที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์การดำเนินงานของบริษัท" ซึ่งเพิ่มขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบเป็นรายปีและมากกว่า 1.5 เท่าในไตรมาสแรก

อย่างไรก็ดีหลังจากหักต้นทุนขายสินค้าที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์ (ประมาณ 101 ล้านดอลลาร์) แล้ว Canaan มีกำไรขั้นต้นที่ 66 ล้านดอลลาร์โดยมีรายได้สุทธิประมาณ 40 ล้านดอลลาร์ นั่นหมายความว่าเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 40% สำหรับสายธุรกิจการผลิตเครื่องขุดของ Canaan

ขณะที่ยอดขายของ Canaan ส่วนใหญ่มาจากระดับการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในอุปกรณ์การทำเหมืองจากผู้ซื้อสถาบันตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอเมริกาเหนือ

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน Canaan มี Backlog ตามสัญญามูลค่า 161 ล้านดอลลาร์สำหรับการสั่งซื้อล่วงหน้าอุปกรณ์ที่ยังไม่ได้ส่งมอบให้กับลูกค้า

ขณะที่ในส่วนของไตรมาส 3 บริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้ซื้อหวยออนไลน์ "เพิ่มขึ้นตามลำดับ 10% ถึง 30%" ซึ่งในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ขายอุปกรณ์ขุดอย่างน้อย 40,000 หน่วยให้กับ Mawson, Hive Blockchain และ Genesis Digital Assets

นอกจากนี้ Canaan ยังกล่าวในเดือนมิถุนายนว่าได้เริ่มขุด bitcoin ด้วยตนเองในคาซัคสถานท่ามกลางการปราบปรามการขุด crypto ของจีน

4487


ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้(15 ก.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 34,814.39 จุด เพิ่มขึ้น 236.82 จุด ได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 3% นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,814.39 จุด เพิ่มขึ้น 236.82 จุด หรือ +0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,480.70 จุด เพิ่มขึ้น 37.65 จุด หรือ +0.85% ดัชนี Nasdaq  ปิดที่ 15,161.53 จุด เพิ่มขึ้น 123.77 จุด หรือ +0.82%

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีซื้อหวยออนไลน์หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.81% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 3% ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 3.64% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 4.18% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับตัวขึ้น 3.35% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 2.08%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางปรับตัวขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดีดตัวขึ้น 1.68% หุ้น 3M บวก 1.01% หุ้นฮันนีเวลล์ เพิ่มขึ้น 0.68% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ปรับตัวขึ้น 0.88% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 0.48% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ขึ้น 1.36% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ เพิ่มขึ้น 1.01%


หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นตามทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ โดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ขึ้น 1.16% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 0.75% หุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 0.68% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ขึ้น 1.28%
          
หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.68% หลังบริษัทประกาศแผนซื้อหุ้นคืนในวงเงินสูงถึง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มการจ่ายเงินปันผล

ตลาดได้ปัจจัยบวกจากรายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) พุ่งขึ้นสู่ระดับ 34.3 ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 18.0 จากระดับ 18.3 ในเดือนส.ค. โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน รวมทั้งความเชื่อมั่นของบริษัทในภาคการผลิต

นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 ก.ย.นี้ เพื่อหาสัญญาณการปรับลดวงเงิน QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

4488


กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยความสำเร็จโครงการติดปีกธุรกิจออนไลน์สร้างรายได้ฝ่าโควิด-19 ผ่านกิจกรรม 1 ร้าน 1 live หลังจับมือ Shopee และ Lazada ติวเข้มกลยุทธ์ สร้างธุรกิจให้อยู่รอด พร้อมเพิ่มทักษะดันยอดขายให้ปังบนโลกออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการซื้อหวยออนไลน์สินค้าชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 100 ราย โดยจัดให้มีการไลฟ์สดขายสินค้า ส่งผลให้ยอดขายผู้ประกอบการสินค้าชุมชนโตขึ้น 10 % พร้อมเพิ่มยอดการเข้าถึงและมองเห็นถึง 237% รวมมียอดผู้เข้าชมระหว่างการไลฟ์สดกว่า1 หมื่นราย นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่นที่จะก้าวสู่การเป็นผู้ค้าออนไลน์มืออาชีพ

นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า โครงการติดปีกธุรกิจออนไลน์สร้างรายได้ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ด้วยกิจกรรม ‘1 ร้าน 1 Live’ ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมมือกับ Shopee และ Lazada แพลตฟอร์มจำหน่ายสินค้าออนไลน์ชั้นนำของไทย เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการมีช่องทางการขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ โดยจัดหาผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้เฉพาะด้านมาถ่ายทอดประสบการณ์ นำจุดอ่อน-จุดแข็งของธุรกิจมาทำการวิเคราะห์เพื่อวางแนวทางในการพัฒนาการบริหารจัดการด้านการตลาด ก่อนติวเข้มและเสริมแกร่งผู้ประกอบการให้สามารถขยายตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างมืออาชีพ

รวมทั้งจัดกิจกรรมการถ่ายทอดประสบการณ์จากกูรูด้านการตลาดออนไลน์เพื่อเพิ่มยอดขายให้แก่ผู้ประกอบการ เช่น เทคนิคการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผ่านการให้ส่วนลด เทคนิคการไลฟ์สดขายสินค้า เทคนิคการเพิ่มการมองเห็นให้กับร้านค้า เคล็ดลับขายสินค้าอย่างไรให้ยอดพุ่ง และเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 100 ร้าน จัดกิจกรรมไลฟ์สดขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของ Shopee และ Lazada แบ่งเป็น ไลฟ์สดขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของ Shopee : Shopee Live จำนวน 57 ร้านค้า และผ่านแพลตฟอร์มของ Lazada : Laz Live จำนวน 43 ร้านค้า โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทบริโภค เช่น น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ กระยาสารท ข้าวกล้องอบกรอบ มะม่วงหิมพานต์เผา ฯลฯ

นอกจากนี้ ทั้ง 2 แพลตฟอร์มยังช่วยทำโปรโมชั่นและประชาสัมพันธ์การขายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการฯ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและมองเห็นร้านค้าออนไลน์ เป็นการกระตุ้นและสร้างการรับรู้ร้านค้ามากขึ้น โดยกิจกรรม ‘1 ร้าน 1 Live’ มีผู้เข้าชมสินค้าของผู้ประกอบการฯ รวมกว่า 10,000 วิว ในระยะเวลา 1 เดือน เพิ่มขึ้นกว่า 237 % และมียอดขายโดยรวมเพิ่มขึ้น 10% นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ประกอบการท้องถิ่นที่จะใช้วิธีการไลฟ์สดมาเพื่อเพิ่มยอดขายสินค้า และเป็นก้าวสำคัญที่จะพัฒนาสู่การเป็นผู้ค้าออนไลน์มืออาชีพ

นางสาวสกาวเดือน วงศ์ตระกูล ผู้บริหารบริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวว่า ผลสำเร็จของโครงการติดปีกธุรกิจออนไลน์สร้างรายได้ฝ่าโควิด-19 ในครั้งนี้ ทางบริษัทฯ ได้จัดหลักสูตรเพื่อติวเข้มให้ความรู้แบบหมดเปลือกกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ แนะวิธี หรือเทคนิคการนำสินค้าไปฝากที่แพลตฟอร์มของ Shopee จะต้องทำอย่างไร หรือทำยังไงให้สินค้าเป็นที่สนใจของผู้ซื้อ และร่วมไลฟ์สดผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

นายวีระพงศ์ โก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ลาซาด้า จำกัด (ประเทศไทย) กล่าวว่า ความร่วมมือกันในครั้งนี้ เริ่มจากภาครัฐเห็นถึงผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบในวงกว้างกับประชาชน รวมถึงผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ที่ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ ทำให้ขาดรายได้ ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งช่องทางอี-คอมเมิร์ซ นับเป็นช่องทางการตลาดที่สามารถช่วยกู้วิกฤตให้ผู้ประกอบการได้ เพราะเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วและตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยมี Lazada เป็นแพลตฟอร์มกลางเพื่อเชื่อมต่อผู้ซื้อกับผู้ขาย และกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภค ทั้งนี้ ยังจัดทำแคมเปญสนับสนุนด้านการตลาด เช่น จัดทำคูปองส่งฟรี รวมถึงการประชาสัมพันธ์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก และสร้างการยอมรับในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น

ทั้งนี้จากผลสำรวจโครงการ Thailand Digital Outlook ระยะที่ 3 ของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา รายงานว่า ประชาชนยอมรับและเชื่อถือการใช้ e-Commerce มากขึ้น โดยประชาชนมีการซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์สูงขึ้น โดยเพิ่มขึ้นจาก 37.7% เป็น 76.6% และประเทศไทยมีมูลค่าการชําระเงินออนไลน์ผ่าน Mobile Banking สูงที่สุดในโลก ปัจจุบันคนไทยมีพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ย 6 - 10 ชั่วโมงต่อวัน ในกิจกรรมอาทิ การทํางาน ความบันเทิง และ ซื้อ-ขายออนไลน์ โดยพบว่า ใช้เพื่อการทํางาน เช่น ประชุมออนไลน์ จากนโยบาย Work from Home คิดเป็น 75.2 %การเรียนออนไลน์ คิดเป็น 71.1 % ซื้อสินค้าออนไลน์ คิดเป็น 67.4% และเพื่อการติดต่อสื่อสารสนทนา 65.1% และ การทําธุรกรรมด้านการเงินออนไลน์ 54.7 %

4489


SCB มุ่งสู่การเป็นองค์กร Tech Company ชี้ธุรกิจธนาคารต้องปรับตัวภายใน 3-5 ปี ไม่เช่นนั้นจะแข่งขันยากภายใต้สภาพแวดล้อมและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB กล่าวในเวทีสัมมนา “อนาคตสถาบันการเงินไทย” ในงานTHAILAND NEXT The Future of Financial System อนาคตโลกการเงิน จัดโดย เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ระบุว่า ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ต้องปรับตัวจาก Finance Market สู่ Technology Company โดย SCB ตั้งเป้าหมายซื้อหวยออนไลน์ไว้ว่าต้องทำให้บรรลุเป้าหมายภายใน 3-5 ปี

“ใครที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรได้ตามช่วงเวลานี้ โอกาสที่จะอยู่อย่างแข็งแกร่งจะน้อยลง อย่างธนาคารไทยพานิชย์ ตั้งโจทย์นี้มา 6 ปีแล้ว กับรูปแบบของธุรกิจภายใต้สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ที่จะได้รับผลกระทบจากระบบเศรษฐกิจ การบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทน ตลอดจนการมาถึงของเทคโนโลยี พร้อมการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค รวมถึงการเปิดกว้างของกฎระเบียบทางการเงินใหม่”

 

SCB เข้าสู่ยุคดิจิทัลด้วยการนำเทคโนโลยี และดาต้ามาใช้เพื่อให้เกิดความแม่นยำ และลดต้นทุน ทั้งยังเปิดโอกาสให้คนเข้าถึงบริการใหม่ๆ ในต้นทุนที่ต่ำลงได้  ขณะที่โควิด-19 และปัญหาเชิงโครงสร้างของไทย มีผลกระทบต่อสถาบันการเงิน ดังนั้นต้องทำให้การบริหารความเสี่ยงและผลตอบแทน เหมาะสมต่อการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมของธุรกิจ และโครงสร้างรายย่อย

 

“ในส่วนภาระหนี้ครัวเรือน มองว่าทางแก้คือไม่ใช่หาวิธีไปลดหนี้ แต่ต้องเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้มากกว่า ไม่เช่นนั้นระบบเศรษฐกิจจะมีแต่หดตัว” นายอาทิตย์ กล่าว

4490


ต้องบอกได้เลยว่าเป็นประเด็นดราม่าที่ร้อนแรงมากหลังจากที่พิธีกรฝีปากกล้า "มดดำ คชาภา ตันเจริญ" ได้พูดในรายการ ถึงกระแสความดังความฮอตของ "ลิซ่า ลลิษา มโนบาล" หรือ "ลิซ่า BLACKPINK" แต่ช่วงหนึ่งได้มีการพาดพิงซื้อหวยออนไลน์เปรียบเทียบไปถึง "นิชคุณ หรเวชกุล" และ "แบมแบม กันต์พิมุกต์ ภูวกุล" จนเกิดเป็นกระแสแบน "มดดำ" พุ่งติดเทรนทวิตเตอร์อันดับหนึ่งข้ามวันข้ามคืน

ล่าสุดนักแสดงหนุ่ม "อ้น สราวุธ มาตรทอง" ก็ได้ออกมาโพสต์ให้กำลังใจกับ 2 หนุ่มนักร้องซูเปอร์สตาร์เกาหลีสัญชาติไทยผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า "จงยืนหยัดอย่างมั่นคง พี่อ้นขอเป็นกำลังใจให้น้องทั้งสองคนนะคับ #นิชคุณ #แบมแบม เชื่อว่ากว่าจะมายืนอยู่ในจุดนั้นได้ ต้องผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านลำบาก ผ่านท้อ ผ่านเหงา จนแทบจะหมดใจ #แต่น้องแน่มากที่มาถึงวันนี้ ไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวหรือเสียใจอะไรทั้งนั้น พี่ เพื่อน แฟนๆที่รักน้องทุกคน ส่งกำลังใจไปอยู่ใกล้ๆ เสมอแม้อาจไม่ได้เห็นหน้ากันครบทุกคน

คนที่ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจมากมายให้กับคนรุ่นหลังๆหรือแม้แต่คนรุ่นเดียวกัน เป็นตัวอย่างในความอดทนพากเพียรและมานะพยายาม ย่อมเป็นคนที่สง่างามอย่างไม่ต้องสงสัย KEEP ON FIGHTING BROTHERS #เชื่อว่าเดี๋ยวต้องมีคนมาส่งกำลังใจให้น้องตรงนี้อีกเพียบ คอยดูสิ"

งานนี้ทำเอาเหล่าแฟนคลับทั้งหลายเข้ามาร่วมให้กำลังใจและกดไลค์กันเป็นจำนวนมาก

4491


ความเคลื่อนไหวของคณะเจ้าหน้าที่และนักเทนนิสทีมชาติไทย ที่เดินทางไปแข่งขันเทนนิสชิงแชมป์โลก ประเภททีมชาย รายการ "เดวิส คัพ บาย ราคูเท็น 2021" เวิลด์กรุ๊ป 2 กับ ทีมชาติเดนมาร์ก ระหว่างวันที่ 17-18 ก.ย.2564 ณ เมืองคอเลง ประเทศเดนมาร์ก

ล่าสุด พันเอก วัฒนา จันทร์ไพจิตต์ ผู้จัดการทีม, ดร.ธนากร ศรีชาพันธุ์ กัปตันทีม ได้นำคณะเจ้าหน้าที่และนักเทนนิสชายทีมชาติไทย เดินทางไปฝึกซ้อมที่สนามแข่งขันจริง ณ ซิดแบงก์ อารีน่า ซึ่งมีกำหนดฝึกซ้อมที่สนามแห่งนี้ ระหว่างวันที่ 14-16 ก.ย.2564 ก่อนเปิดฉากแข่งขัน วันที่ 17 ก.ย.เป็นวันแรก

นอกจากนี้ คณะเจ้าหน้าที่และนักเทนนิสทีมชาติไทยยังได้รับเกียรติจาก นางศิริลักษณ์ นิยม เอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน และนางสาววรัญญา ฉันทพันธุ์ ที่ปรึกษา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ที่เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจนักเทนนิสทีมชาติไทย เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา ณ สนามฝึกซ้อม ภายในคอเลง เทนนิสคลับ



นางศิริลักษณ์ นิยม เอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน กล่าวว่า ดีใจมากที่มีโอกาสได้มาเยี่ยมนักเทนนิสทีมชาติไทยที่จะแข่งขันเดวิส คัพ ตั้งแต่ได้รับหนังสือแจ้งมาจากสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ ก็มีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะมาให้กำลังใจนักกีฬา เพราะเป็นเรื่องที่สถานเอกอัครราชทูตให้ความสำคัญ เมื่อทราบว่ามีนักกีฬาไทยมาก็พร้อมที่จะมาให้กำลังใจ และพร้อมสนับสนุนอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เพราะถือว่านักกีฬามาทำชื่อเสียงให้ประเทศไทยและมาสร้างความสัมพันธ์ในระดับประชาชนระหว่างไทยกับเดนมาร์กให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

"โดยเฉพาะในปีนี้เป็นปีที่ไทยกับเดนมาร์กครบรอบความสัมพันธ์ 400 ปีของการติดต่อกันครั้งแรก ซึ่งเราก็ถือว่าการมาแข่งขันกีฬากันในครั้งนี้เป็นการกระชับมิตรความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเดนมาร์ก และเป็นโอกาสที่เรากำลังเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ 400 ปีพอดี ทางสถานทูตไทยก็จะเผยแพร่การมาแข่งขันเทนนิสครั้งนี้ให้คนไทยที่อยู่เดนมาร์กได้รับทราบ และร่วมกันมาเชียร์ให้กำลังใจนักกีฬา เราพร้อมที่จะส่งกำลังใจและเชียร์นักกีฬาไทยอย่างเต็มที่" นางศิริลักษณ์ กล่าว

ด้าน "ผู้พันหลอด" พันเอก วัฒนา จันทร์ไพจิตต์ ผู้จัดการทีมไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณท่านเอกอัครราชทูต ณ กรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งได้กรุณาให้เกียรติเดินทางมาพบปะเยี่ยมและให้กำลังใจนักกีฬา เพื่อรับฟังว่าทีมไทยมีปัญหาอะไรบ้าง และพยายามที่จะช่วยเหลือ รวมทั้งนำสิ่งของ เช่น อาหาร ผลไม้ น้ำดื่ม มามอบให้ด้วย โดยในวันที่ 17 ก.ย. ท่านเอกอัครราชทูตติดภารกิจสำคัญมาก แต่จะมีคณะผู้ใหญ่และเจ้าหน้าที่จากสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคเปนเฮเกน เดินทางมาให้กำลังใจทีมเดวิสคัพไทย

ขณะที่ "เน็ต" พลภูมิ โควาพิทักษ์เทศ นักหวดมืออันดับ 2 ของไทย กล่าวว่า สำหรับเดวิสคัพครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 5 แล้วที่ได้รับใช้ประเทศ ส่วนความพร้อมของตนนั้นก่อนมาแข่งขันเดวิสคัพก็ใช้ชีวิตอยู่ในทวีปยุโรปมาได้เดือนกว่าแล้ว ถือว่ามีความพร้อมมาก ไม่มีอาการบาดเจ็บอะไร ฟิตเต็มที่ ส่วนเป้าหมายในเดวิสคัพครั้งนี้ ต้องบอกตามตรงว่า ทีมไทยเป็นรองทีมเดนมาร์กอยู่พอสมควร แต่จะพยายามเต็มที่ และอยากได้ชัยชนะ ก็ขอให้แฟนกีฬาเทนนิสชาวไทยช่วยกันติดตามเชียร์ทีมเดวิสคัพทีมชาติไทยกันด้วย

4492


บริษัท อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ (เอเอสไอ) ได้เปิดตัวกองทุนเปิด อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด โกล. ไดนามิค ดีวิเด็น ฟันด์ ("กองทุนเปิด ABGDD") ในประเทศไทย มุ่งหวังให้ผู้ลงทุนไทยสร้างโอกาสในการซื้อหวยออนไลน์เก็บดอกผลจากรายรับและการเติบโตของมูลค่าเงินทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก

กองทุนเปิด ABGDD นี้มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศชื่อ กองทุน Aberdeen Standard SICAV I – Global Dynamic Dividend Fund ("กองทุนหลัก")  ซึ่งลงทุนในหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่าทั่วโลก ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่แตกต่าง โดยกองทุนหลักมุ่งหวังที่จะมอบโอกาสในการรับผลตอบแทน[1] จากกระแสรายรับเป็นประจำทุกเดือน[2] รวมถึงโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากกำไรจากมูลค่าของหุ้นที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย

กองทุนหลัก ซึ่งบริหารจัดการโดยทีมผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญในหลักทรัพย์ทั่วโลกของ ASI มีนโยบายลงทุนในพอร์ตการลงทุนที่ประกอบด้วยหุ้นจำนวน 80-100 หุ้นที่กระจายไปในหลากหลายกลุ่มธุรกิจ และหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยมีกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นคัดสรรหุ้นรายตัวจากการพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน (Bottom-up) และคำนึงถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน[3] ทีมงานมืออาชีพด้านการลงทุน 120 คนใน 13 สำนักงานร่วมคัดเลือกบริษัทที่มีคุณภาพสูงสุดทั่วโลกกว่า 2,000 บริษัท ด้วยข้อมูลเชิงลึกพร้อมความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในตลาดต่างๆ โดยมีบริษัทที่จะเข้าลงทุนถึง 1,100 บริษัทซึ่งส่วนใหญ่มีแนวโน้มการจ่ายเงินปันผลตอบแทนที่งดงาม


โดยกองทุนหลักมีการกระจายการลงทุนในหลากหลายแนวกลยุทธ์และลงทุนในหุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า ซึ่งเป็นการลงทุนอย่างสมดุล และทำให้กองทุนหลักได้รับประโยชน์จากแรงขับเคลื่อนการเติบโตแบบวัฏจักรและในเชิงโครงสร้าง

กองทุนหลักมุ่งหวังจะมอบกระแสรายรับจากเงินปันผลแก่ผู้ลงทุนไม่ว่าภาวะตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง ซึ่งจะช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับโอกาสจากผลตอบแทนในช่วงรอจังหวะลงทุนในภาวะตลาดที่ท้าทาย และได้รับประโยชน์จากการเติบโตของมูลค่าเงินทุนเมื่อตลาดกลับมาฟื้นตัว

นอกเหนือจากการวิเคราะห์ความแข็งแกร่งด้านปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแล้ว ทีมผู้จัดการกองทุนยังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากการกระจายตัวของแหล่งรายได้ประจำ ด้วยการคัดเลือกหุ้นปันผลทั่วโลกในการลงทุน ทั้งนี้ กองทุนหลักได้ใช้กลยุทธ์การลงทุนระยะยาวในบริษัทที่จ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ ผนวกกับกลยุทธ์การจับจังหวะซื้อขายในระยะสั้นเพื่อหาโอกาสในการรับปันผลจากหุ้นที่จ่ายปันผลพิเศษและสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มผลตอบแทนในพอร์ตลงทุน

ทางกองทุนเปิด ABGDD ยังได้มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนไทย


นายเบ็น ชีฮานน์  ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านการลงทุน -อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ กล่าวว่า "สำหรับผู้ลงทุนไทยที่แสวงหารายรับแบบสม่ำเสมอ ซึ่งขณะนี้มักมุ่งเน้นลงทุนในพันธบัตร การปรับพอร์ตลงทุนโดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่จ่ายปันผล จะช่วยให้ผู้ลงทุนได้รับประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยง และเพิ่มศักยภาพที่จะยกระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ในการลงทุน และโอกาสในการเพิ่มอัตราผลตอบแทนสำหรับพอร์ตการลงทุนของตนเอง ทั้งนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกได้นำเสนอหุ้นที่จ่ายปันผลจำนวนมากและหลากหลายเพื่อการลงทุน โดยขณะนี้ บริษัทหลายแห่งกำลังปรับเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล และทยอยซื้อหุ้นคืน สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในการให้รางวัลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับภาพรวมการจ่ายเงินปันผล กองทุนหลักมีนโยบายลงทุนทั้งในหุ้นคุณค่าและในหุ้นเติบโต ครอบคลุมการลงทุนทั้งสองแนวทางในกรณีที่แนวทางใดแนวทางหนึ่งมีการดำเนินการที่ดีกว่า "

นายโรเบิร์ต เพนนาโลซา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย - อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด อินเวสเม้นท์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "ผู้ลงทุนไทยทุกวันนี้ต้องการรายรับจากการลงทุนในหุ้นมากกว่าเดิม เพื่อเก็บไว้ใช้จ่ายในยามเกษียณ ด้วยอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรที่อยู่ในระดับต่ำมาก ทำให้การจัดพอร์ตการลงทุนแบบเดิมที่มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นร้อยละ 60 และพันธบัตรร้อยละ 40 ไม่สามารถตอบโจทย์ผู้ลงทุนได้อีกต่อไป กองทุนเปิด อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด โกล. ไดนามิค ดีวิเด็น ฟันด์ ของเราจึงได้มอบบริการที่แตกต่างอย่างเหนือระดับโดยผสมผสานโอกาสการสร้างรายรับ และการเติบโตของมูลค่าเงินทุนเข้าด้วยกัน ซึ่งมีเป้าหมายจะช่วยให้ผู้ลงทุนไทยคว้าโอกาสสร้างผลตอบแทนในภาวะตลาดขาขึ้น ขณะที่ยังได้รับดอกผลในรูปกระแสเงินสดในช่วงรอให้ตลาดกลับมาฟื้นตัวเมื่ออยู่ในภาวะขาลง"

ชนิดหน่วยลงทุนที่กองทุนเปิด ABGDD นำเสนอแก่ผู้ลงทุนไทยมีทั้งหมด 3 ชนิด เพื่อตอบสนองความต้องการลงทุนที่แตกต่างกัน เริ่มจากหน่วยลงทุนชนิดสะสมมูลค่า (ABGDD-A) ซึ่งมุ่งหวังที่จะนำเงินปันผลไปลงทุนต่อเพื่อโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุนในระยะยาว  ส่วนชนิดที่สอง หน่วยลงทุนชนิดขายคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (ABGDD-R) นั้น เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการแสวงหารายรับแบบสม่ำเสมอ และชนิดสุดท้าย คือ กองทุนรวมเพื่อการออมแบบพิเศษ (ABGDD-SSF) ที่จะมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุน พร้อมกับโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของมูลค่าหน่วยลงทุนในระยะยาว ทั้งนี้ หน่วยลงทุนทั้ง 3 ชนิดนี้ได้มีการป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน และลดความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนสำหรับผู้ลงทุนไทย

4493


คุณชวลิต ทิพพาวนิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัล Asia Responsible Enterprise Awards 2021 หรือ AREA 2021 ในสาขา Health Promotion จาก Enterprise Asia ซึ่งเป็นองค์กรอิสระที่ดำเนินงานด้านการสนับสนุน ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคเอเชีย จากโครงการ IRPC Unite in the fight against COVID-19 ที่ได้ดำเนินการในช่วงวิกฤตการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ได้ดูแลและให้ความช่วยเหลือพนักงานและครอบครัว พร้อมกับช่วยเหลือสังคม ปกป้องบุคลากรทางการแพทย์ให้ปลอดภัยจากเชื้อไวรัสโควิด-19 การสร้างอาคารตรวจโรคระบบทางเดินหายใจแรงดันลบ อาคารระยองรวมใจพัฒน์ ให้แก่โรงพยาบาลระยอง เพื่อใช้เป็นอาคารตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 และสามารถใช้เป็นอาคารตรวจโรคทางเดินหายใจ หลังจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 หมดลงแล้ว การมอบเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบพร้อมผ้าพลาสติกคลุมเตียงให้แก่โรงพยาบาลระยอง การมอบผ้าสปันบอนด์ ซึ่งผลิตจากเม็ดพลาสติกของบริษัทฯ ให้แก่มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช นำไปตัดเป็นชุดใส่ป้องกันการติดเชื้อ (PPE) เพื่อส่งมอบให้แก่โรงพยาบาลทั่วประเทศกว่า 200 แห่ง การนำผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมของบริษัทฯ ไปต่อยอดสร้างมูลค่าทางธุรกิจ เช่น ผ้า Melt blown Fabric หน้ากากผ้ากราฟีน KleanTeQ Mask และยังเป็นการตอบแทนสังคมโดยสร้างความมั่นคง และความเข้มแข็งทางด้านสาธารณสุขให้แก่ประเทศไทย

4494


นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งเห็นความสำคัญของผู้ประกอบการรายเล็กโดยเฉพาะ SMEs และ Startups ที่มีบทบาทสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ โดยมีแผนกลยุทธ์สำคัญในการเสริมศักยภาพและสนับสนุนการระดมทุนของธุรกิจเหล่านี้ ล่าสุด ร่วมกับ ก.ล.ต. จัดงาน “LiVE Demo Day : The New Road to Capital Market” ตอกย้ำบทบาทการส่งเสริมครบทุกมิติ สอดคล้องนโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งเพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคต โดยได้รับเกียรติจาก รมว. คลัง นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ ปาฐกถาพิเศษ “ยุทธศาสตร์ส่งเสริม SMEs / Startups ซื้อหวยออนไลน์เพื่อยกระดับขีดความสามารถและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย”

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินหน้าบทบาทในการส่งเสริม SMEs และ Startups ให้เติบโตไปอีกขั้นผ่านกลไกตลาดทุน มุ่งพัฒนาผู้ประกอบการผ่าน LiVE Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยเตรียมความพร้อมในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนสำหรับผู้ประกอบการ โดยได้ร่วมกับพันธมิตรในทุกภาคส่วน พัฒนาบริการต่าง ๆ เพื่อมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ อาทิ การจัดทำ e-Learning เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ขั้นพื้นฐานและเชิงลึก การให้บริการ Business Coaching ผ่านโครงการ LiVE Acceleration Program และ LiVE Incubation Program เป็นต้น นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดตั้ง LiVE Exchange ซึ่งเป็นตลาดรองสำหรับ SMEs และ Startups ที่มีการระดมทุนในวงกว้าง (IPO)

โดยได้ทำงานร่วมกับ ก.ล.ต. พัฒนาหลักเกณฑ์รองรับการระดมทุนในวงกว้าง และการจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดรองสำหรับ SMEs และ Startups หวังเพิ่มช่องทางการระดมทุนสำหรับ SMEs และ Startups ซึ่งได้เปิดรับฟังความคิดเห็น (Public Hearing) ไปเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง


นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับบริษัทหลักทรัพย์ ในการพัฒนาระบบซื้อขายสำหรับ LiVE Exchange ซึ่งจะมีกลไกการซื้อขายและการกำกับดูแลที่แตกต่างจาก SET และ mai โดยรูปแบบการซื้อขายจะเป็นลักษณะ Auction-based วันละ 1 รอบ และชำระราคาและส่งมอบหุ้นภายในวัน โดยจะมีการจำกัดประเภทผู้ลงทุนให้สอดคล้องกับความเสี่ยงในการลงทุน เบื้องต้นมีบริษัทหลักทรัพย์ที่สนใจเข้าร่วมทดสอบระบบเพื่อให้บริการ LiVE Exchange แล้วกว่า 25 ราย คาดเปิดให้บริการได้ภายในสิ้นปี 2564 นี้

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลและส่งเสริมพัฒนาตลาดทุน เล็งเห็นความสำคัญและบทบาทของ SMEs และ Startups ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย ก.ล.ต. จึงดำเนินนโยบายอย่างเป็นรูปธรรมที่จะทำให้ตลาดทุนเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง (Capital Market for All) โดยมุ่งหวังให้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนที่สำคัญสำหรับกิจการทุกขนาดและทุกประเภท ซึ่งรวมถึง SMEs และ Startups สอดคล้องแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (ปี 2561 - 2580) และแผนพัฒนาตลาดทุนไทยฉบับที่ 3 (ปี 2560 - 2564)


ก.ล.ต. ได้ดำเนินการให้ SMEs และ Startups สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในตลาดทุนมาอย่างต่อเนื่องและมีการพัฒนาอย่างเป็นลำดับขั้นมาตั้งแต่กลางปี 2562 ทั้งในเรื่องการออกหลักเกณฑ์รองรับการระดมทุนในตลาดทุนของ SMEs และ Startups ควบคู่กับการให้ความรู้และวิธีการระดมทุนผ่านตลาดทุน โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เข้าถึงผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การออกหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการเสนอขายหลักทรัพย์ในวงจำกัด (SME-PP) ของบริษัทจำกัด และปรับปรุงการระดมทุนผ่านระบบคราวด์ฟันดิง (Crowdfunding) ปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่ระดมทุนผ่าน SME-PP และ Crowdfunding จำนวน 83 ราย มูลค่าระดมทุนรวม 795 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 ส.ค.2564)

“นอกจากนี้ เพื่อให้การระดมทุนในตลาดทุนครอบคลุมกิจการ SMEs และ Startups ก.ล.ต. จึงได้ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ออกหลักเกณฑ์รองรับการระดมทุนในวงกว้างของ SMEs และ Startups (SME-PO) และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดรอง (LiVE Exchange) โดยพิจารณาผ่อนปรนหลักเกณฑ์เพื่อให้มีความเหมาะสม และยังคงหลักการเรื่องการคุ้มครองผู้ลงทุนที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าหลักเกณฑ์ SME-PO จะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2564”

การขับเคลื่อนการพัฒนา SMEs และ Startups ผ่าน LiVE Platform ของกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ผ่านมา ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมือจากเครือข่ายพันธมิตรกว่า 25 องค์กร ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ตลาดทุน มหาวิทยาลัย ในการร่วมพัฒนาบริการต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านกลไกตลาดทุนได้อย่างมีคุณภาพ รวมทั้งได้รับเงินทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการ และเงินทุนสนับสนุนสำหรับผู้ประกอบการ SMEs / Startups จากกองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF)

งาน “LiVE Demo Day : The New Road to Capital Market” จัดขึ้นในวันที่ 14 ก.ย.2564 เวลา 10.00-16.30 น. ในรูปแบบ Virtual Conference โดยมีหลากหลายหัวข้อสัมมนาน่าสนใจ และมี 21 บริษัท SMEs และ Startups จาก LiVE Acceleration Program 2020 มานำเสนอข้อมูลธุรกิจและศักยภาพการเติบโตสู่การระดมทุนในอนาคต ผู้สนใจดูรายละเอียดและติดตามรับชมที่เฟสบุ๊ก LiVE Platform และ SET Thailand รวมถึงยูทูป SET Thailand

4495


นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 กันยายนนี้ บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดยใช้ชื่อย่อ 'BBIK' ในการซื้อขายหลักทรัพย์ และเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของบริษัทฯ ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน เพื่อเข้าไปช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจและปลดล็อกศักยภาพการเติบโตให้แก่ลูกค้าองค์กร โดยรับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย จะทำให้บริษัทฯ เป็นหุ้น IPO น้องใหม่ที่นักลงทุนให้ความสนใจ

ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 25 ล้านหุ้นในช่วงที่ผ่านมาที่ราคาหุ้นละ 18 บาท ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่ดีเกินกว่าความคาดหมาย ตอกย้ำถึงศักยภาพและความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ รวมถึงโอกาสการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทฯ วางแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายเป็นบริษัทคอนซัลต์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันชั้นนำแบบครบวงจร ได้แก่ 1.การเพิ่มบุคลากรและพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี ตลอดจนวางแผนพัฒนาศูนย์การพัฒนาทักษะ (Learning Academy Center) 2.พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านเทคโนโลยีและดิจิทัลเพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (Software as a Service หรือ SaaS) รวมถึงจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Research and Development Center) 3.เสริมศักยภาพการบริหารจัดการภายในผ่านการยกระดับระบบซอฟต์แวร์เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กร 4.ขยายพื้นที่สำนักงานรองรับการเพิ่มบุคลากร 5.ลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องและมีศักยภาพเพื่อสร้างการเติบโตและรับมือความผันผวนของตลาด และ 6.เสริมศักยภาพด้านเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

บริษัทฯ ได้รุกขยายธุรกิจผ่านความร่วมมือกับบริษัทชั้นนำของประเทศ โดยผนึกความร่วมมือกับบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR จัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อบริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด (ORBIT) โดยเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 50 ล้านบาท บริษัทฯ ถือหุ้น 60% และ OR ซึ่งถือหุ้นผ่าน Modulus ที่เป็นบริษัทย่อย ถือหุ้น 40% เพื่อร่วมมือกันดำเนินธุรกิจและสร้างสรรค์โอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ให้ OR เพื่อเป็นผู้นำด้านดิจิทัลในอุตสาหกรรมค้าปลีกต่อไป ซึ่งบริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จาก ORBIT ปลายปีนี้ และรับรู้รายได้เต็มปีตั้งแต่ปี 2565

ด้าน นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า บมจ.บลูบิค หรือ BBIK เป็นบริษัทที่ขับเคลื่อนโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่ปรึกษา เคยผ่านงานกับบริษัทคอนซัลต์ชั้นนำระดับโลก และได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าองค์กรที่เป็นบริษัทชั้นนำในกลุ่ม SET 50 และ SET 100 รวมถึงบริษัทจดทะเบียนระดับแนวหน้าของประเทศหลายราย ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตที่ดี นอกจากนี้ BBIK ได้วางแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจ โดยเฉพาะการเพิ่มบุคลากรและฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะที่เป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนการขยายบริการด้านการจัดหาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านไอทีเพื่อไปปฏิบัติงานยังไซต์งานของลูกค้า รวมถึงการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ OR จะส่งผลดีต่อศักยภาพการเติบโตในอนาคต จึงเชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในหุ้น IPO น้องใหม่ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม กล่าวว่า บมจ.บลูบิค กรุ๊ป หรือ BBIK ถือเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเมชันของประเทศไทย ที่มีศักยภาพการเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของภาพรวมธุรกิจในด้านนี้ เนื่องจากปัจจุบันองค์กรชั้นนำต่างๆ ล้วนมีความต้องการพัฒนาขีดความสามารถและรูปแบบการทำงานให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล จึงมีความต้องการบริษัทที่ปรึกษาเพื่อเป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกำหนดกลยุทธ์และปลดล็อกศักยภาพการเติบโต จึงทำให้ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ BBIK เติบโตอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพสามารถแข่งขันได้กับบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก

4496


“เอ็นไอเอ” เปิดตัวสำนักงานภูมิภาคแห่งแรก ยกระดับนวัตกรรมใน 11 จังหวัดภาคเหนือ ปักหมุด ‘เชียงใหม่’ สู่การเป็นศูนย์กลางภูมิภาคนวัตกรรม เชื่อมหน่วยงานท้องถิ่น ขับเคลื่อนนวัตกรรมระดับภูมิภาค สู่การเป็นพื้นที่นวัตกรรมหลากหลาย ทั้งเป็นบ้านหลังใหม่ของสตาร์ทอัพทั่วโลก

โดยเอ็นไอเอวางแผนพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่และภูมิภาค ภายใต้กลไก 3 ด้าน ได้แก่ การสนับสนุนด้านการเงิน (Finance) การสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายภูมิภาค (Network) และการบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะ (Intelligent) พร้อมเดินหน้าต่อยอดผลักดันเชียงใหม่สู่ “จังหวัดศูนย์กลางการพัฒนานวัตกรรมในภูมิภาคภาคเหนือ” ตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะเกิดการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งสิ้น 263 ล้านบาท และก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดของภาคเหนือ (GPP) เพิ่มขึ้น 0.042% และเกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้น 0.0011%

 

แปลงโฉมล้านนา

พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า เอ็นไอเอเริ่มพัฒนากิจกรรมด้านนวัตกรรมมาเกิน 15 ปี เน้นการทำงานผ่านการให้ทุนกับผู้ประกอบการนวัตกรรมในพื้นที่ พร้อมทำงานร่วมกับธุรกิจ สมาคม จนมาถึงจุดเปลี่ยนพบว่าการให้ทุนอย่างเดียวไม่เพียงพอและโครงสร้างพื้นฐานหลายส่วนในระดับภูมิภาคก็เริ่มจะก่อกำเนิดขึ้น อีกทั้งหนึ่งในปัญหาหลักสำคัญของการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรมของไทยคือ การกระจุกตัวของการพัฒนาอยู่เฉพาะในเมืองหลวง เด็กจบใหม่จำนวนมากต้องย้ายถิ่นฐานมาทำงานที่กรุงเทพฯ แทนที่จะได้อยู่พัฒนาบ้านเกิดของตน

 

ดังนั้น การจัดตั้งสำนักงานภาคเหนือ หรือ NIA Lottovip Northern Regional Connect จึงเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรม และสร้างโอกาสการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมในส่วนภูมิภาคของประเทศไทย รวมถึงเป็นการสร้างอัตลักษณ์ของย่านเมือง หรือระเบียงนวัตกรรม ให้มีความโดดเด่นก่อให้เกิดกิจกรรม และการลงทุนทางด้านนวัตกรรมต่อไป


ย่านบ่มเพาะนวัตกรรมแห่งใหม่

ดังนั้น สำนักงานภาคเหนือ ถือเป็นสำนักงานภูมิภาคแห่งแรกของ NIA ตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเมืองอันดับสองรองจากกรุงเทพฯ ที่มีความพร้อมสู่การเป็นเมืองนวัตกรรม เนื่องจากมีโครงสร้างพื้นฐานทางนวัตกรรมหลากหลาย มีสถาบันการศึกษาชั้นนำในภูมิภาคที่สามารถเป็นแหล่งผลิตนวัตกรได้

 

และมีสภาพแวดล้อมที่พร้อมต่อการเป็นบ้านหลังใหม่ของดิจิทัลโนแมดและสตาร์ทอัพจากทั่วโลก โดยสำนักงานจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างกลไกด้านนวัตกรรมกับผู้ประกอบการภาคเอกชน เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างกิจกรรมทางด้านนวัตกรรมในพื้นที่

 

โดย สำนักงานภาคเหนือตั้งอยู่ภายในอาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ดำเนินงานครอบคลุม 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน และ 3 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง รวมเป็น 11 จังหวัด ขนาดพื้นที่รวม 108,102 ตารางกิโลเมตร ประมาณ 21% ของประเทศ รวมประชากรว่า 7.8 ล้านคน คิดเป็น 12% ของประชากรทั้งประเทศ ทั้งนี้เชียงใหม่ยังเป็นศูนย์กลางของสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจ

 

และวางเป้าหมายว่าในปี 2569 จะมีศูนย์กลางในการพัฒนานวัตกรรมเพิ่มขึ้นอีกใน 4 จังหวัด ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อจังหวัดโดยรอบทั้ง 11 จังหวัดนี้ เกิดย่านนวัตกรรมในภูมิภาคขึ้นอีก 2 แห่ง เกิดการจ้างงานในพื้นที่เพิ่มขึ้นอีก 3,000 อัตรา มีการเข้าถึงนวัตกรรมทางด้านสังคมของตัวแทนชุมชนไม่น้อยกว่า 400 คน

 

เกิดการลงทุนในการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทั้งสิ้น 263 ล้านบาท ก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดของภาคเหนือ (GPP) เพิ่มขึ้น 0.042% และเกิดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) เพิ่มขึ้น 0.0011%


ซึ่งในภูมิภาคนี้มีความพร้อมนั่นคือ การรวมตัวกันของอุตสาหกรรมอนาคต ได้แก่ อุตสาหกรรมอาหาร การแพทย์ การท่องเที่ยว นวัตกรรมสังคม และดีพเทคสตาร์ทอัพ อีกทั้งยังมีมหาวิทยาลัยในภูมิภาค 16 แห่ง อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ 7 แห่ง และย่านนวัตกรรม 2 ย่าน จึงถือได้ว่าในภูมิภาคนี้มีความพร้อมของยุทศาสตร์

 

‘ฮับ’ นวัตกรระดับภูมิภาค

พันธุ์อาจ อธิบายเพิ่มเติมว่า  การพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรม และยกระดับความสามารถด้านนวัตกรรมในส่วนภูมิภาคยังมีประเด็นท้าทายอยู่ 7 ประเด็นสำคัญ ที่ต้องเร่งดำเนินการ ได้แก่

1. การเพิ่มวิสาหกิจฐานนวัตกรรม ที่เพียงพอต่อการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง “ระบบนวัตกรรม”

2. การเพิ่มจำนวนนวัตกรในระบบนวัตกรรมของไทยมีความเก่ง และความเชี่ยวชาญ ในการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง

3. การใช้ประโยชน์ โครงสร้างพื้นฐาน ทางนวัตกรรมและการเข้าถึงบริการทางนวัตกรรมในทุกภาคส่วน

4. การสร้างโอกาสทางนวัตกรรมในระบบภูมิภาค

5. การทำให้ กฎ ระเบียบ และ นโยบาย เป็นเรื่องง่ายกับกระบวนการทางนวัตกรรม

6. การเป็นชาตินวัตกรรมที่ “คนไทย” และ “นานาชาติ” ยอมรับ

7. การทำให้ระบบนวัตกรรมไทย “ตอบสนอง” ต่อการเปลี่ยนแปลงโลก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันด้วยนวัตกรรม อาทิ ฝุ่นควัน

 

ซึ่งเอ็นไอเอได้มีการวางแผนแนวทางพัฒนาผ่านกลไก 3 ด้าน ได้แก่ การสนับสนุนด้านการเงิน การสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายภูมิภาค และการบริหารจัดการข้อมูลอัจฉริยะ แต่ทั้งนี้การดำเนินงานไม่สามารถทำได้เพียงองค์กรเดียวจึงได้มีการร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรนวัตกรรมในพื้นที่ภาคเหนือ (Northern Innovation Thailand Alliance) เพื่อผลักดันเชียงใหม่ให้เป็นเมืองนวัตกรรมตัวอย่างของไทยและภูมิภาค ต่อไป

 

เพื่อนำไปสู่ความพร้อมในการเป็นพื้นที่ที่มีโครงสร้างพื้นฐานด้านนวัตกรรมที่หลากหลาย พร้อมในการเป็นแหล่งผลิตนวัตกรจากสถาบันการศึกษาชั้นนำในภูมิภาค พร้อมในการเป็นบ้านหลังใหม่ของ Digital Nomand และสตาร์ทอัพจากทั่วโลก พร้อมเป็นเบ้าหลอมนวัตกรรม และไลฟ์สไตล์แคปปิตอลของภูมิภาค และพร้อมเป็นแซนด์บ็อกแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและการนำร่องไปสู่การขยายผลในอนาคต

 

ด้าน วิเชียร  สุขสร้อย  รองผู้อำนวยการด้านเศรษฐกิจและสังคม เผยถึงการกลไกสนับสนุนด้านการเงินว่า จุดเด่นของเอ็นไอเอคือ การทำหน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการ ให้สามารถเข้าถึงแหล่งการเงิน โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีความสนใจทำธุรกิจนวัตกรรมเพื่อก้าวกระโดดในแง่ของการสร้างรายได้ใหม่ๆ  ฉะนั้นผู้ประกอบการในระดับภูมิภาค ภาคเหนือมีสัดส่วนได้รับทุนสนับสนุนจำนวนมากทั้งสตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการที่ต้องการทำธุรกิจนวัตกรรม จึงทำให้ภาคเหนือเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล

 

ซึ่งสำนักงานได้ทำการเชื่อมโยงแหล่งทุนต่างๆที่เหมาะสมกับการพัฒนาผู้ประกอบการ อาทิ หน่วยงานภาครัฐที่มีหลากหลายกระทรวง หรือแม้กระทั่งภาคเอกชน และนักลงทุน ทำให้ที่ผ่านมาภาคเหนือมีการให้ทุนสนับสนุนมากกว่า 78 ล้านบาท ซึ่งจากการเทียบในและภูมิภาคพบว่าภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่มีความพร้อมในแง่ของการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมได้โดดเด่นกว่าภาคอื่น สัดส่วนผู้ประกอบการภาคเหนือแบ่งออกเป็นกลุ่มไบโอเทคโนโลยี เกษตรและอาหาร ประมาณ 16 ราย ส่วนดิจิทัลและบริการ  34 ราย และทางฝั่งของภาคการผลิต ประมาณ 9 ราย ดังนั้นการดำเนินการทั้งหมดนี้จะเป็นการผลักดันให้เศรษฐกิจระดับภูมิภาคเติบโตอย่างยั่งยืนได้

 

ทั้งนี้ อาจารย์ วรจิตต์ เศรษฐพรรค์  คณบดีวิทยาลัยพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีชุมชนแห่งเอเชีย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เปิดมุมมองถึงนวัตกรรมเพื่อสังคมและคุณภาพชีวิตยุค 5G ว่า มหาวิทยาลัยเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น โดยใช้พื้นที่ในมหาวิทยาลัยเป็นสถานที่บ่มเพาะนวัตกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พลังงาน การดูแลสิ่งแวดล้อม การขจัดพีเอ็ม 2.5 ทั้งมีการพัฒนาในพื้นที่มหาวิทยาลัย และขยายสู่ในชุมชน

 

สำหรับนวัตกรรมเพื่อสังคมทางมหาวิทยาลัยได้เป็นโหนดขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคมประจำภาคเหนือตอนบน 1 หน้าที่ของโหนดคือ ต้องแสวงหาผู้ประกอบการหรือบุคคลที่สนใจเข้าร่วมโครงการจากนั้นจะมีการให้ทันสนับสนุนธุรกิจ และเครือข่ายพี่เลี้ยง ทั้งหมดนี้จะเป็นการสร้างเครือข่ายในภาคเหนือและระบบนิเวศนวัตกรรม จากการสนับสนุนภายใต้ระยะเวลา 2 ปี ได้สนับสนุนทุนไป 11 ผลงาน ส่วนในปีนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินงาน 17 ผลงาน ดังนั้นทุนที่ให้ไปไม่เกิน 3 แสนบาท ต่อผลงาน โดยที่ผู้ขอรับทุนร่วมสมทบทุนไม่น้อยกว่า 10% อีกทั้งภายใต้การดำเนินงานจะมีระบบพี่เลี้ยงและสื่อต่างๆเพื่อผลักดันผลงานอีกด้วย

 

โดยผลงานนวัตกรรมเพื่อสังคมที่สนใจได้แก่ 1.ยกระดับสถานประกอบการ ผ่านการใช้นวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และกระบวนการใหม่ๆ 2.ต้องคำนึงถึงวิถีชุมชน พร้อมกับชูจุเด่นอัตลักษณ์ท้องถิ่น อาทิ เชิงวัฒนธรรม คุณค่าและมูลค่าเพิ่ม 3.นวัตกรรมพร้อมใช้ มีการรับรองมาตรฐาน 4.มีประโยชน์ต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนเชิงธุรกิจ

4497


นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) เปิดเผยว่า ในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 การมีวินัยของตนเองโดยการปฏิบัติตาม “การป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แบบครอบจักรวาล (Universal Prevention for COVID-19)” นับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ คือ การระมัดระวังป้องกันตนเองขั้นสูงสุดตลอดเวลาของทุกคน ให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด-19 แม้ยังไม่พบว่ามีความเสี่ยง ด้วยการออกจากบ้านเมื่อจำเป็น เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ทำความสะอาดสิ่งของ แยกของใช้ส่วนตัว เลือกทานอาหารปรุงสุก และหากมีความเสี่ยงควรตรวจด้วยวิธี ATK ซึ่งยังคงต้องปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัด

โดยที่ผ่านมา “เครดิตบูโร” ได้พัฒนาการช่องทางให้บริการตรวจเครดิตบูโรออนไลน์มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในสังคมยุคดิจิทัลและในสถานการณ์โควิด-19 และที่สำคัญยังรองรับผู้ใช้บริการที่อยู่ต่างจังหวัดให้สามารถเข้าถึงการตรวจเครดิตบูโร ได้หลากหลายช่องทาง ที่รวดเร็ว ง่าย และสะดวกสบาย ดังนี้

1. ตรวจเครดิตบูโรออนไลน์ ผ่านโมบาย แอพพลิเคชั่น อยู่ที่ไหนก็ตรวจได้…ทุกที่ทุกเวลา ส่งรายงานรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (NCB Lottovip e-Credit Report) ทางอีเมล ได้ทันที

ADVERTISEMENT


-ผ่านโมบายแอพ “Krungthai NEXT”ธนาคารกรุงไทย รับรายงานข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง ทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง (เป็นไปตามเงื่อนไขที่เครดิตบูโรกำหนด)

-ผ่านโมบายแอพ “MyMo”ธนาคารออมสิน รับรายงานข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง ทางอีเมลภายใน 24 ชั่วโมง (เป็นไปตามเงื่อนไขที่เครดิตบูโรกำหนด)

-ผ่านโมบายแอพ “KKP Mobile” ธนาคารเกียรตินาคินภัทร รับรายงานข้อมูลเครดิตและเครดิตสกอริ่ง ทางอีเมลได้ทันที

-ผ่านโมบายแอพ “ttb touch” ธนาคารทีทีบี รับรายงานข้อมูลเครดิต ทางอีเมลได้ภายใน 3 วันทำการ

2.ตรวจเครดิตบูโรเพื่อรับรายงานข้อมูลเครดิต (แบบสรุป) ฟรีโมบายแอพ “ทางรัฐ”, ที่ทำการไปรษณีย์และเคาน์เตอร์บริการไปรษณีย์ ทุกแห่งทั่วประเทศ และตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ www.dga.or.th


3.สำหรับการยื่นคำขอตรวจเครดิตบูโรอื่น ๆ นั้น ก็มีหลากหลายช่องทาง เป็นแบบจัดส่งรายงานกลับไปให้ทางไปรษณีย์ ลงทะเบียน ภายใน 7 วันทำการ (เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเอง) มีดังนี้

-เคาน์เตอร์ธนาคาร (เฉพาะบุคคลธรรมดาของตนเอง และชาวต่างชาติ) ได้ที่ธนาคารกรุงไทย, กรุงศรี, ธอส., แลนด์แอนด์เฮ้าส์  (ทุกสาขา)  และ ธ.ก.ส. (เฉพาะสาขา) โดยแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ธนาคาร และยื่นบัตรประชาชนของตนเอง

-ใช้บัตร ATM ธนาคารกรุงไทย ไทยพาณิชย์ ผู้ใช้บริการมีบัตรของธนาคารไหน ใช้ตู้ ATM ธนาคารนั้น โดยเลือกทำรายการผ่านหน้าจอ (เมนู ตรวจเครดิตบูโร)

-ใช้โมบาย แอพพลิเคชั่น สำหรับผู้ที่ลงทะเบียน ธนาคารมือถือกรุงไทย ออมสิน และทีทีบีใช้บริการธนาคารออนไลน์ ธนาคารกรุงไทย กรุงศรี ผู้ใช้บริการต้องมีบัญชีธนาคาร และเลือกทำรายการผ่านเว็บไซต์

-ที่ทำการไปรษณีย์และเคาน์เตอร์บริการไปรษณีย์ ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือสามารถดูช่องทางตรวจเครดิตบูโรเพิ่มเติมได้ที่ www.ncb.co.th เมนูตรวจเครดิตบูโร

เครดิตบูโรได้ให้ความสำคัญในการสร้างวินัยทางการเงินด้วยตนเอง และการรณรงค์สร้างวัฒนธรรม “ออมก่อนกู้ คิดก่อนใช้ มีวินัย เมื่อมีหนี้” เพื่อเป็น การส่งเสริมให้ประชาชนมีการวางแผนการเงิน พร้อมมีวินัยในการออมเงินและรักษาเครดิตของตนเอง เป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนักในเรื่องการออม ภาระหนี้ การบริหารจัด การหนี้ การมีวินัย ใช้หนี้ครบใช้หนี้ตรงตามเวลา เพราะอยากเห็นคนไทยมีวินัยทางการเงินเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/news/262131/

4498


วันนี้ ( 12 ก.ย.) จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิค-19 อย่างต่อเนื่อง ทำให้จังหวัดสุรินทร์ต้องเร่งฉีดวัคซีน ให้กับประชาชนโดยเฉพะกลุ่มเสี่ยง 608 คือ กลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว 7 โรค และ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 1สัปดาห์ขึ้นไป อย่างต่อเนื่องเช่นกัน

โดยเฉพาะที่ ตำบลกระโพ ตำบลบะ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เป็นพื้นที่มีการเลี้ยงช้างมากที่สุดในประเทศไทย ทางสาธารณสุขอำเภอท่าตูม โรงพยาบาลท่าตูม ได้จัดทีมเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาลออกฉีดวัคซีนให้กับประชาชน กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม 608 ในพื้นที่ 2 ตำบล ที่บริเวณศูนย์คชศึกษาบ้านตากลางหมู่บ้านช้าง โดยมีการฉีดวัคซีนเข็มแรก เป็นซิโนแวค เข็มสองเป็น แอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 1,500 โดส ซึ่งมีทั้งผู้ฉีดเข็มแรก และเข็มสอง

ทั้งนี้ที่เป็นการสร้างสีสันบรรยากาศคลายเครียด ให้กับกลุ่มเสี่ยง ผู้สูงอายุ ที่เป็นคนเลี้ยงช้าง เป็นเจ้าของช้าง ด้วยการฉีดวัคซีนโควิด-19 บนหลังช้างให้โลกจดจำ บางคนขี่ช้างมารับการฉีดวัคซีนเอง บางคนให้ลูกหลานขี่ช้างพามาฉีดวัคซีน โดยแพทย์ และพยาบาลที่ทำการฉีดวัคซีนให้ต้องขึ้นไปยืนรอบนเรือนขึ้นช้าง จากนั้นควาญช้างจะขี่ช้างมาเทียบ แพทย์จะฉีดวัคซีนให้ ซึ่งผู้ที่นั่งช้างมาฉีดวัคซีนมีทั้ง นายศิริศักดิ์ ร่วมพัฒนา รองนายก อบจ.สุรินทร์ นายประกิต กลางพัฒนา อดีตผู้ใหญ่บ้านตากลาง ซึ่งทั้งสองคน เป็นทั้งควาญช้างและเจ้าของช้างหลายเชือกด้วย นอกนั้นมีผู้สูงอายุ อีกหลายคนที่นั่งช้างมารับการฉีดวัคซีนในครั้งนี้



ขณะที่ ศูนย์ข้อมูล COVID-19 จังหวัดสุรินทร์ รายงานสถานการณ์สถานการณ์ COVID-19 จังหวัดสุรินทร์ (ระลอกใหม่ 26 มิถุนายน 2564) ข้อมูลระหว่างวันที่ 26 มิถุนายน 2564 ถึง 11 กันยายน 2564 เวลา 18.00 น. พบผู้ติดเชื้อยืนยันสะสม 13,931 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่ +150 ราย อยู่ระหว่างรักษา 3,019 ราย (โรงพยาบาลสนาม 584 ราย) หายป่วยสะสม 10,863 ราย (รายใหม่ +176 ราย) เสียชีวิตสะสม 49 ราย (รายใหม่ 3 ราย) อำเภอปราสาท 2 ราย อำเภอท่าตูม 1 ราย

ส่วนการฉีดวัคซีน การดำเนินงานวัคซีน COVID-19 จังหวัดสุรินทร์ ข้อมูลสะสมตั้งแต่ วันที่ 5 เมษายน ถึง 9 กันยายน 2564 วัคซีนทั้งหมด 446,720 โดส Sinovac 267,720 โดส (คงเหลือ 26,148 โดส) AstraZeneca 170,600 โดส (คงเหลือ 39,230 โดส) Pfizer 8,400 โดส (คงเหลือ 1,032 โดส) ฉีดวัคซีนไปแล้ว 39,071 โดส เข็มที่ 1 จำนวน 261,241 ราย เข็มที่ 2 จำนวน 128,435 ราย เข็มที่ 3 จำนวน 9,395 ราย (Booster) ให้กับบุคลากรสาธารณสุขและด่านหน้า

4499


ทัพฮีโร่พาราไทยสุดตื่นตาตื่นใจกับ อควาเรีย ภูเก็ต (Aquaria Phuket) พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใจกลางเมืองภูเก็ต พร้อมด้วยความมหัศจรรย์ของพิพิธภัณฑ์ทริกอาย (Trick Eye) พิพิธภัณฑ์ศิลปะภาพลวงตา 3 มิติ จากระบบ AR (โลกเสมือนจริง) สุดล้ำ ที่แรกของโลก ในกิจกรรมภายใต้โครงการ 'ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์' ที่ได้รับการสนับสนุนโดยกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย และ จังหวัดภูเก็ต 'ปุ๊' สุจิรัตน์ ปุกคำ นักแบดมินตันหญิงคนเก่งของไทย ดีกรี 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง พาราลิมปิกเกมส์ สุดประทับใจ เหมือนได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ทำให้เหล่านักกีฬามีความสุข

ความเคลื่อนไหวของทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทยที่ได้เดินทางกลับจากการแข่งขันในมหกรรมกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 โตเกียว 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น กลับมาเข้าสู่การกักตัวที่จังหวัดภูเก็ต เป็นเวลา 14 วัน ภายใต้โครงการ 'ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์' ที่ได้รับการสนับสนุนโดยกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย จังหวัดภูเก็ต ซึ่งสามารถฝึกซ้อมร่างกายหรือทำกิจกรรมต่างๆ ภายในจังหวัดภูเก็ตได้เหมือนนักท่องเที่ยวทั่วไป

ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ทัพพาราไทยที่นำมาโดย สามสาว 'ปุ๊' สุจิรัตน์ ปุกคำ เจ้าของ 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดงจากกีฬาแบดมินตัน, 'แก่น' อำนวย เวชวิฐาน ดีกรีเหรียญทองแดงจากแบดมินตัน, 'แวว' สายสุนีย์ จ๊ะนะ เจ้าของเหรียญทองแดงวีลแชร์ฟันดาบ พร้อมด้วยเหล่านักกีฬาจากชนิดกีฬา แบดมินตัน, ยกน้ำหนัก, ยูโด, ยิงปืน และ เทนนิส ก็ได้ออกจากที่พัก 'โฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน ภูเก็ต ป่าตอง บีช รีสอร์ท' เพื่อร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ที่ การกีฬาแห่งประเทศไทย และหลายๆ ภาคส่วนในจังหวัดภูเก็ตได้เตรียมไว้ให้



ทั้งนี้หลังจากทั้งหมดได้รับประทานอาหารขึ้นชื่อของทางจังหวัดภูเก็ตกันอย่างเอร็ดอร่อย ในช่วงบ่ายเหล่าฮีโร่พาราไทยก็ได้ไปพบกับความตื่นตาตื่นใจของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใจกลางเมืองภูเก็ตที่ชื่อว่า อควาเรีย ภูเก็ต (Aquaria Phuket) ณ ศูนย์การค้า เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า ซึ่งนักกีฬาทุกคนต่างตื่นเต้นกับการได้ชมสัตว์น้ำหลากหลายชนิด ที่มีมากกว่า 25,000 ตัว ได้เห็นความมหัศจรรย์แห่งท้องทะเล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ 'ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์' ที่ได้เตรียมต้อนรับไว้ให้ฮีโร่ของคนไทยและเหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

สำหรับ อควาเรีย ภูเก็ต มีการจัดแสดงให้ได้ชมกันถึง 8 โซน โดยพาเหล่าทัพพาราเริ่มต้นเดินชมจากแหล่งน้ำไปสู่ลำธาร จากลำธารไปสู่ท้องทะเล มีทั้ง มิสติก ฟอเรสต์ (Mystic Forest) จัดแสดงปลาน้ำจืดนานาชนิด โดยจำลองบรรยากาศของป่าหิมพานต์ แถมยังมีโซน จิวส์ ออฟ ดิ จังเกิล (Jewels of the Jungle) ที่จัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานหายาก นอกจากนี้ยังมีโซน ริเวอร์ เคฟ (River Cave) แสดงสัตว์น้ำจืด แต่โซนที่เหล่าฮีโร่พาราไทย ตื่นตาตื่นใจอย่างมาก คือโซน โคสตัล เฮเวน (Coastal Heaven) ซึ่งจัดแสดงปลาทะเลนานาชนิด ทำให้ทุกคนต่างร่วมกันถ่ายรูปกับปลาตัวใหญ่อย่างสนุกสนาน พร้อมทั้งชมการให้อาหารปลา, ให้อาหารตัวนากแสนซน และการให้อาหารนกเพนกวิน ที่ทำให้นักกีฬาได้ชมแล้วมีความสุขอย่างยิ่งยวด ต่างพากันแวะถ่ายรูปและบันทึกวีดีโอแทบทุกโซน ประทับใจกับปลากระเบนยักษ์และตื่นเต้นความงามของปลานานาชนิดกว่า 25,000 ตัว



หลังจากนั้นทัพพาราไทยยังได้ไปชมพิพิธภัณฑ์ทริกอาย (Trick Eye) สวรรค์แห่งภาพลวงตาสุดสนุก ซึ่งถือเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะภาพลวงตา 3 มิติ จากระบบ AR (โลกเสมือนจริง) สุดล้ำ ที่แรกของโลก ผสมผสานเทคโนโลยีโลกเสมือนกับโลกความจริง ลงบนผลงานนิทรรศการเพื่อให้ภาพและวิดีโอดูสมจริงสนุกสนานและน่าตื่นเต้น โดยทัพพาราไทยได้พบกับความน่าตื่นเต้นของมังกรทะเลพ่นไฟขณะยืนอยู่บนสะพานที่เบื้องล่างคือน้ำตก หรือจะแหวกว่ายไปกับฉลามวาฬและปลาต่างๆในแท็งก์ใหญ่ อีกทั้งยังได้พบกับหมีขั้วโลกนั่งอยู่บนผาน้ำแข็งเป็นต้น ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์ทริกอาย จะมีโซนจัดแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจกว่า 5 ธีมด้วยกันเลยทีเดียว

'ปุ๊' สุจิรัตน์ ปุกคำ นักแบดมินตันหญิงคนเก่งของไทย ดีกรี 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดง พาราลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 16 โตเกียว 2020 เผยความรู้สึกว่า ตนรู้สึกสนุกมากๆ กับสิ่งที่ทางโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ได้เตรียมไว้ให้เหล่านักกีฬาพาราไทย ตื่นตาตื่นใจกับภาพวาด ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวที่ตนไม่เคยได้เห็นมาก่อนในพิพิธภัณฑ์ทริกอายที่มีชื่อเสียงของจ.ภูเก็ต อีกทั้งยังมีปลาหลากหลายสายพันธุ์ให้ได้ดูและได้ดูแบบใกล้ชิดมากๆ วันนี้รู้สึกจริงๆ ว่าเหมือนได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

'สำหรับการได้มีโอกาสมาร่วมโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ครั้งนี้รู้สึกประทับใจมากๆ เพราะก่อนหน้านี้เวลาไปแข่งขันต่างประเทศและต้องกลับมากักตัวที่ไทยก็จะได้อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม แต่พอมีโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ เมื่อคนที่มากักตัวแล้วตรวจไม่พบเชื้อโควิดก็จะสามารถออกไปทำกิจกรรมเที่ยวทะเล ชายหาด ชมเมืองโบราณ ได้รับประทานอาหารอร่อยๆ หรืออย่างเช่นที่ปุ๊ และเพื่อนๆ นักกีฬาได้มีโอกาสมาในวันนี้ รู้สึกประทับใจจริงๆ ทั้งโรงแรมที่พัก เจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลและสถานที่ต่างๆ ภายในจังหวัดที่สวยงาม ต้องขอบคุณการกีฬาแห่งประเทศไทย ขอบคุณจังหวัดภูเก็ต ที่ได้ร่วมกันทำโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ นี้ขึ้นมาด้วยค่ะ' นักตบขนไก่หญิงคนเก่งของไทยกล่าว

4500


หลังจากปล่อยผลงานเดี่ยว LALISA ออกมาตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย. จนกลายเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก จนทำให้แฟนๆต่างตั้งตารอที่จะได้ดูโชว์เต็มๆของเจ้าตัวบนเวทีกันเป็นแถว ล่าสุด “ลิซ่า ลลิษา มโนบาล” หรือ “ลิซ่า BlackPink” ก็ได้ขึ้นโชว์บนเวทีเป็นครั้งแรก ผ่านทางรายการ The Tonight Show Starring Jimmy Fallon ทางสถานี NBC เรียกได้ว่าเปิดโชว์แรกในรายการทีวีระดับอินเตอร์กันเลยทีเดียว

การกลับมาออกรายการ The Tonight Show Starring Jimmy Fallon ยังนับเป็นการกลับมาอีกครั้งของ ลิซ่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยไปปรากฏตัวพร้อมเพื่อนๆร่วมวง BlackPink มาแล้วเมื่อเดือน มิ.ย.ปี 2020 การแสดงของ ลิซ่า ครั้งนี้เป็นที่จับตามองอย่างมากเพราะหลายๆคนมั่นใจว่า ลิซ่า ที่เป็นศิลปินเค-ป็อปที่เต้นเก่งที่สุดคนหนึ่งของวงการจะมีลีลาการเต้นที่ยากกว่าในมิวสิควิดีโออย่างแน่นอน และ ลิซ่า ก็ไม่ทำให้แฟนๆผิดหวังเมื่อเธอโชว์เต้นด้วยสีหน้าท่าทางที่มั่นใจและทรงพลัง

จิมมี ฟอลลอน ยังได้พูดเปรียบเทียบแบบติดตลกถึงคนดูมิวสิควิดีโอของ ลิซ่า กับการแข่งขัน NFL เกมแรกของซีซันด้วยว่า “เมื่อคืนนี้มีคนดูการแข่งขันระหว่าง Bucs vs. Cowboys มากกว่า 20 ล้านคน ลิซ่า จาก BlackPink ก็ได้ยินว่าแบบ 20 ล้านวิวแล้ว น่ารักเนอะ” ส่วนตอนนี้ยอดวิวยังคงพุ่งไม่หยุด แตะ 85 ล้านวิวและคาดว่าจะถึง 100 ล้านวิวโดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 วัน โดย 24 ชม. ยอดวิวอยู่ที่ 65.3 ล้านวิว ทุบสถิติมิวสิควิดีโอหญิงที่มียอดวิว YouTube ใน 24 ชม. หลังเปิดตัวสูงสุดของ เทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่เคยทำไว้ที่ 65.2 ล้านวิว จากมิวสิควิดีโอ ME! ที่ร้องกับ เบรนดอน อูรี ด้วย

หน้า: 1 ... 248 249 [250] 251 252 ... 261