แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - ndrank

หน้า: [1]
1

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดี๋ยวนี้ หลายๆ แบรนด์ก็พยายามเข้าถึงแง่คิดของกลุ่ม Millennials (อายุ 25-34 ปี) แต่อย่าลืมว่าคนกลุ่มนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ ประชากรโลกเท่านั้น กลุ่มที่เด็กกว่าก็สำคัญไม่แพ้กัน เรากำลังจะพูดถึงกลุ่ม Generation Z ที่มีอายุระหว่าง 12-24 ปี เป็นกลุ่มที่มีความเป็นตัวของตัวเอง สูง กล้าแสดงออก และมีความคิดคิดค้น

ว่ากันว่า Gen Z เป็นกลุ่มที่ได้ขึ้นชื่อว่าติดโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่สุด แต่จริงๆ แล้ว คงไม่มีใครก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์มือถือได้ตลอดเวลา เว้นแต่คุณจะไม่หลับไม่นอน จาก การสำรวจของ Wildness พบว่า 9 ใน 10 คน ของกลุ่ม Gen Z จะมีการแบ่งเวลาพักจากการเล่นมือถือ และ 54% จะทำแบบนั้นทุกๆ วัน

ในส่วนของการติดตามแบรนด์ หรือคนดัง กลุ่ม Gen Z 52% บอกว่า พวกเขาจะติดตามคนที่มีชื่อเสียงคนโปรดใน Social Media และ 60% จะคุยกับเพื่อน และ ครอบครัวเกี่ยวกับแบรนด์ที่ตนเองสนใจ

นอกจากนี้ 7 ใน 10 ของกลุ่ม Gen Z บอกว่า พวกเขาได้ลบแอพพลิเคชั่นที่ไม่จำเป็นออกไปด้วย สำหรับวัยรุ่นชาวอเมริกา แอพฯ ที่พวกเขาลบออกคือ  Twitter และ Vine สำหรับ Facebook ก็ไม่ได้รับข้อยกเว้นเหมือนกัน เนื่องด้วย 21% ของผู้ตอบแบบสอบถามบอกว่า พวกเขาจะลบ Facebook ในบางกรณี  และยังมีประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจ และไม่ได้ระบุอยู่ในอินโฟกราฟฟิก ดังนี้

• เมื่อให้พวกเขาคัดเลือกเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เพียงชิ้นเดียว มีเพียง 4% เท่านั้น ที่เลือกสรรโทรทัศน์
• ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีอายุระหว่าง 12-24 ปี 38% บอกว่าในชีวิตประจำวันพวกเขาใช้ Snapchat มากกว่า Facebook
• เมื่อเจาะลึกให้เพิ่มมากขึ้น จะพบว่ากลุ่มที่มีอายุ 12-14 ปี มีเพียง 44% ที่ใช้ Facebook เป็นประจำทุกวัน
• 66% ของกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 12-24 ปี จะใช้ Social Media อื่นๆ ด้วย เป็นต้นว่า Instagram, Twitter, Tumblr, Yik Yak, Vine และ Pinterest
• 9 ใน 10 คน จะดู YouTube ทุกวัน
• 80% ใช้ Social Media ทุกวัน
• 77% จะใช้ทั้งโทรศัพท์ และดูทีวีไปพร้อมๆ กัน
• 62% ของกลุ่มสำรวจ เคยโพสต์วิดีโอลงใน Social Media และ 27% บอกว่า จะโพสต์วิดีโอทุกๆ วีค และ 12% จะโพสต์วิดีโอทุกวัน
• 84% ใช้ Social Media เพื่อความเบิกบานใจ
• 82% ใช้ Social Media เพื่อค้นหาอะไรใหม่ๆ และเรื่องที่น่าดึงดูด
• 76% ใช้ Social Media เพื่อสื่อสารกับคนอื่นๆ
• 77% จะใช้ Social Media, SEO,Google adwords ด้วยความระแวดระวัง และระมัดระวัง ก่อนจะโพสต์อะไรสักอย่าง เพื่อป้องกันความกระทบกระเทือนที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง และคนอื่นๆ



สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
tel : 026420450
website :www.ndrankseo.com

2

ทั้งนี้เพราะเครื่องใช้ไม้สอยพกพาอย่างแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนกำลังทำให้ตลาดComputerพีซีหดหาย เหล่าผู้ประกอบการคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) จึง รวมตัวกันเทเงินกว่า 70 ล้านเหรียญสหรัฐ ทำ SEO,Google adwords หรือแคมเปญเพื่อป่าวประกาศให้ชาวดิจิทัลเห็นประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ตัวจริง งานนี้คู่แข่ง และสัมพันธมิตรน้อยใหญ่อย่าง HP, Dell และ Lenovo รวมถึง Intel และ Microsoft ต่างทิ้งหัวโขนเพื่อรวมพลังให้ตลาดพีซีอยู่รอด

การรวมตัวนี้ถือเป็นการเคลื่อนที่ครั้งประวัติศาสตร์ เนื่องจากคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Dell, HP และ Lenovo กลับยอมรวมพลังเพื่อทำแคม เปญร่วมกัน โดยแคมเปญนี้เพิ่งถูกแถลงต่อมวลชนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมาตามเวลาสหรัฐฯด้วยชื่อแคมเปญ “PC Does  What” ซึ่งก็กระจ่างอยู่แล้วว่าเป็นการร่วมสาธิตให้โลกเห็นนวัตกรรมคอมพิวเตอร์พีซีที่ไม่มีในเครื่องไม้เครื่องมือพกพา

ตามกำหนดการ แคมเปญนี้จะเริ่มจุดพลุในช่วงวีคหน้า ขอบข่ายแคมเปญครอบคลุมสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ โฆษณาออนไลน์ และโซเชียลมีเดีย โดยหัวเรือใหญ่ของงานคือ Intel และแคมเปญนี้ใช้เอเจนซี่ McGarry Bowen ที่ Intel ใช้บริการประจำ

Steve Fund ประธานฝ่ายการตลาดของ Intel ยอมรับว่านี่คือครั้งแรกที่แนวร่วมซึ่งเป็นบริษัทพีซีรายใหญ่ที่สุดในโลก 5 รายมารวมตัวกัน  โดยเหตุหลักที่เพิ่งมีการรวมตัวครั้งนี้คือการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ในแวดวง พีซีทั้งระบบปฏิบัติการ Windows 10 และชิปประมวลผล ตระกูล Core ยุคที่ 6 ทั้งหมดนี้ทำให้กองทัพพีซีประสิทธิภาพเยี่ยมจาก Dell, Lenovo และ HP กำลังจะเริ่มเปิดตลาด ซึ่งแคมเปญนี้นับว่าเป็นการ จุดพลุให้ผู้ใช้ตระหนักว่าได้เวลาเปลี่ยนเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีที่ใช้งานอยู่ได้แล้ว

ข้อมูลจาก Dell ระบุว่าช่วงปัจจุบัน Computerที่มีอายุมากกว่า 4 ปีนั้นมีจำนวนมากกว่า 600 ล้านเครื่องทั่วโลก ตัวเลขนี้สะท้อนถึงกลุ่ม ตลาดที่ชัดเจน และแคมเปญนี้จะเป็นการบอกเหตุที่ทำให้ลูกค้าตกลงใจเปลี่ยนคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ที่ดีกว่า



สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
tel : 026420450
website : net design rank

3

ใครที่ชอบดูวิดีโอออนไลน์ อาจคุ้นเคยกับโฆษณาจากแบรนด์ต่างๆ ที่จะมาก่อนดู และคั่นเวลาระหว่างดู ซึ่งบางคนก็รู้สึกรำคาญ โดยเฉพาะโฆษณาที่กดข้ามไม่ได้ แต่อย่าลืม ว่าไม่อะไรได้มาฟรีๆ ถ้าอยากดูวิดีโอ ก็ต้องดูโฆษณา เป็นการเปลี่ยน ในขณะที่บางwebก็คัดเลือกใช้ Pop-up เพื่อโฆษณาสินค้า

สำหรับผู้บริโภคแล้ว อาจรู้สึกว่ากำลังโดนยัดเยียดให้ต้องดูสื่อโฆษณาที่ไม่อยากดู จึงเป็นที่มาของการใช้ซอฟต์แวร์ บล็อกสื่อโฆษณา Pop-up และมัลแวร์ต่างๆ เพื่อตัดความรำคาญ

PageFair และ Adobe จึงได้ทำการสำรวจการใช้ซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณา พบว่า ในช่วง 12 เดือน (ไตรมาสที่ 2 ของปี 2014 – ไตรมาสที่ 2 ของปี 2015) มีอัตราการใช้งานเพิ่ม ขึ้น 41% ทำให้เกิดคลื่นระลอกใหญ่ในการทำการตลาดออนไลน์ โฆษณาออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการทำ SEO,Google adwords และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใน Social Media และในเดิอนมิถุนายน ปี 2015 มีผู้ใช้งานซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณา ทั่วโลกรวมแล้วกว่า 198 ล้านคน ซึ่งนับเป็นสามเท่าเมื่อเปรียบกับ 2 ปีที่แล้ว

ลักษณะคอนเทนต์ถูกใช้ซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณามากมาย
จากรายงานระบุว่า อันดับ 1 เกม 26.5% ตามมาด้วย Social Network 19.1% และwebที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ

 
เจาะลึกแต่ละประเทศ
ประเทศที่มีการใช้ซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณามาก คือ กรีซ 37% ส่วนเมืองไทย มีเพียง 5% เท่านั้น
จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน ประเทศที่ครองแชมป์อันดับ 1 คือ อเมริกา มีผู้ใช้งาน 43 ล้านคนต่อเดือน ส่วนไทยมี 9.4 แสนคน

แพลตฟอร์มที่มีการใช้ซอฟต์แวร์บล็อกสื่อโฆษณามากที่สุด คือ Google Chrome ที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 51% อยู่ที่ 126 ล้านคน ตามมาด้วย Firefox และอื่นๆ

ทั้งนี้ การบล็อกโฆษณาบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยังมีการใช้งานไม่มากนัก แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อ iOS9 เปิดตัว อาจรับการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์บล็อกโฆษณาจาก App Store  และยังติดตั้งได้ง่าย สำหรับผู้ใช้ Safari
แล้วแบรนด์จะทำเช่นใด

สิ่งที่แบรนด์และนักการตลาดต้องตระหนักคือ การวางแผน ด้วยเหตุว่าผู้บริโภคมีทางเลือกเยอะขึ้น เลือกสรรที่จะเปิดรับเพียงเล็กน้อย หรือเลือกเฟ้นที่จะไม่รับเลย นักการตลาดจึงต้องให้ ความสลักสำคัญกับการสร้างประสบการณ์ ทั้งเนื้อหา และประสิทธิภาพ วิธีการการใช้ Social Media ไม่ใช่แค่การหว่าน แต่เป็นการเข้าถึงเฉพาะกลุ่ม แบรนด์ต้องกำหนดเป้าหมายให้ ชัดเจนเสียก่อน จึงจะสื่อสารกับพวกเขาได้

Social Media ก็จะเป็นเครื่องอุปกรณ์สำคัญ ที่จะช่วยให้แบรนด์เข้าถึงผู้ใช้ และนำไปสู่การบอกปากต่อปาก ที่แพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ขอแค่คอนเทนต์มีคุณภาพ และดึง ดูดพวกเขาได้ อย่าลืมว่าคอนเทนต์ที่ประสบความสำเร็จ ไม่จะเป็นต้องอาศัยการโหมโฆษณาจากแบรนด์อย่างเดียว ขึ้นกับว่ามีคนกล่าวถึงมากแค่ไหนต่างหาก


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
tel : 026420450
website : http://www.netdesignrank.com/

4

แม้ว่าโซเชียลมีเดียจะเป็นเครื่องอุปกรณ์ด้านการตลาดที่ทรงพลังและต้นทุนต่ำ แต่ผู้ประกอบการโดยเฉพาะอย่างยิ่งเอสเอ็มอีไม่ควรใช้ทุกอย่างที่มีอยู่แต่ควรที่จะเลือกสรรใช้สื่อสังคมOnlineที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในยุคปัจจุบันอย่างพอดี โดยมีหลักเกณฑ์ในการเลือกคัดและไตร่ตรองใช้โซเชียลมีเดียอย่างเหมาะสมดังนี้

    หนึ่ง....ใครคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ อย่างเช่น เพศหญิง เพศชาย,กลุ่มอายุ,ความสนใจส่วนตัว เป็นต้น โดยโซเชียลมีเดียแต่ละประเภทจะมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่ต่างกันออกไป  โดยไม่จำเป็นต้องคัดเลือกใช้สื่อที่ไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายหลัก

    สอง...กิจการหรือของซื้อของขายที่คุณทำอยู่เหมาะกับสื่อประเภทใด ตัวอย่างเช่น หากทำBusinessที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาพ ดังเช่น ช่างภาพ สินค้าตกแต่งต่างๆ น่าจะเหมาะกับการใช้อินสตาแกรมเป็นสื่อหลัก ขณะที่ธุรกิจการค้าที่ต้องมีการสาธิตขั้นตอนใช้อาจต้องใช้ยูทูปเป็นหลัก ถ้าหากเน้นให้ความรู้กับผู้ใช้งานก็ใช้เฟซบุ๊คหรือทวิตเตอร์ เป็นอาทิ

    สาม...ความถี่ในการอัพเดตเรื่องราวของผลิตภัณฑ์และบริการ ผู้ติดตามโซเชียลมีเดียจะมีความคาดหวังต่อการอัพเดตคอนเทนท์ที่แตกต่างกันออกไป อาทิ ทวิตเตอร์ มีความคาด หวังในการอัพเดตคอนเทนท์ถี่ที่สุด ขณะที่ผู้ติดตามยูทูปไม่ได้คาดหวังต่อการอัพเดตคอนเทนท์บ่อยครั้ง

    สี่...อย่าคิดว่าโซเชียลมีเดียจะตอบโจทย์ได้ทุกอย่าง ผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ต่างคาดหวังว่าโซเชียลมีเดียจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ในวงกว้างโดยมีต้นทุนที่ต่ำหรือหลาย คนคาดหวังเรื่องการไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ความจริงแล้วสื่อดั้งเดิม ตัวอย่างเช่น สิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ต่างเป็นสื่อที่มีอิทธิพลอยู่แม้ว่าจะถูกลดจุดสำคัญลง การแบ่งงบประมาณส่วนหนึ่ง ในการซื้อสื่อและทำประชาสัมพันธ์บนสื่อเก่ายังมีจุดสำคัญอยู่

    ห้า...ขาดทีมงานที่ดูแลเรื่องโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ แม้เวลานี้โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มจะสามารถเชื่อมโยงถึงกันได้หมดโดยเขียนคอนเทนท์เพียงครั้งเดียว แต่ถ้าหาก กิจการค้าไม่มีผู้ดูแลด้านโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ อาจทำให้การใช้สื่อOnlineไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เหตุเพราะผู้รับสารอาจมองไม่เห็นความสำคัญของคอนเทนท์เนื่องจาก เนื้อหาซ้ำกันมากเกินไป

    หก...เว็บยังมีความสำคัญ แม้สมัยนี้ผู้คนจะนิยมติดตามข่าวสารผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้น แต่เว็บอย่างเป็นทางการของบริษัทยังคมีจุดสำคัญเช่นกัน เนื่องมาจากมี ความน่าเช่อถือและสามารถนำไปอ้างอิงได้ ผู้สร้างจึงไม่ควรละเลยที่จะพัฒนาเว็บไซต์อย่างเป็นทางการให้มีความน่าดึงดูดใจในการเข้าไปชม จะอย่างไรก็ตามผู้สร้างสามารถใช้โซเชียลมีเดียในการดึงผู้ชมเข้าไปยังwebและให้เวบไซท์ช่วยเผยแพร่โซเชียลมีเดียได้

    คำเสนอแนะจากชำนัญพิเศษด้านการตลาดOnlineไม่ว่าจะเป็นทางด้าน seo,google adwords ชี้นำว่าผู้ผลิตควรใช้โซเชียลมีเดียไม่เกิน 5 ชิ้น โดยหลักแล้วจะใช้เฟซบุ๊คแฟนเพจ ทวิตเตอร์ อินสตราแกรม ยู ทูป เป็นเครื่องอุปกรณ์หลัก ที่สำคัญคือต้องรู้จักการบริหารจัดการคอนเทนท์ให้เหมาะสมกับรูปแบบของสื่อและสอดประสานกันอย่างเป็นระบบ เช่นว่า กำหนดเวลาการโพสต์คอน เทนท์ให้มีความต่อเนื่อง เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้งานโซเชียลมีเดียได้อย่างลงตัว



สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
tel : 026420450
website : www.netdesignrank.com/ppc.aspx

5


 การกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อาทิ การพัฒนาOnlineคอนเท็นต์ หรือการทำธุรกิจออนไลน์ เช่นว่า อีคอมเมอร์ซ เพื่อสอดรับกับนโยบาย Digital Economy ของไทย นั้นสามารถมองตัวอย่างจากต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จอย่างเกาหลีใต้ ที่ใช้โมเดลให้ภาคเอกชนในกิจการที่เกี่ยวเนื่องเป็นแกนกลางหลักในการขับเคลื่อนเพื่อสร้าง ความได้เปรียบจากการพัฒนาบริการที่ตอบโจทย์ประชาชน

    หรือ มาเลเซียซึ่งเป็นประเทศที่มีพัฒนาการทางไอซีทีสูงกว่าไทยไม่มากนักได้เลือกเฟ้นใช้โมเดลที่มีภาครัฐเป็นสิ่งเร้าให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจแบบดิจิทัลพร้อมทั้งมี หน้าที่กำกับดูแลให้เป็นไปตามเป้าหมายของนโยบาย ทั้งนี้ ไทยอาจคัดเลือกใช้โมเดลใดโมเดลหนึ่งหรือปรับใช้นำทั้งสองโมเดลมาผสมผสานกันตามความพร้อมของ อุตสาหกรรมไอซีทีไทย

      การวางรากฐานการศึกษาควบคู่ไปกับการให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับประชาชนถือเป็นเหตุสู่ความสำเร็จที่สำคัญของนโยบาย Digital Economy เพราะเป็น การสร้างอุปสงค์และเร่งเร้าให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามมา

    ในขณะเดียวกัน หากประเทศสามารถขจัดปัญหาการขาดแคลนแรงงานวิชาชีพด้านTechnologyได้จะมีผลให้การพัฒนาสู่ Digital Economy ทำได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งภาครัฐ และภาคเอกชนควรร่วมมือกันให้การสนับสนุนด้านการศึกษาต่อทางด้านTechnologyสารสนเทศรวมถึงสร้างสิ่งจูงใจด้านรายได้เพื่อสร้าง ดูดดึงและรักษาแรงงานในด้าน ไอซีที



สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
tel : 026420450
website :www.netdesignrank.com/ppc.aspx

6

ประชาสัมพันธ์ผ่านวิธีเลือกOnlineในปี 2557 ยังคงมีการเจริญเติบโตอย่างสืบเนื่องและคาดว่าจะยังขยายตัวไปจนถึงอีกสามปีภายหน้านั่นคือปี 2561 ทางสำนักข่าว Business Intelligence ได้ออกบทพินิจพิจารณาถึงความโน้มเอียงของการโฆษณาออนไลน์ของโลกไว้โดยเห็นว่า โฆษณาออนไลน์บน Mobile Device จะครองบทบาทสูงสุดในสามปีข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นSEO google adword หรือแม้แต่ พวก socail network

    เฉพาะในอเมริกา การโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียจะยังมีอัตราการเติบใหญ่อย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี 2561 คาดว่าจะมีค่าโฆษณาแตะ 14,000 ล้านเหรียญภายในปี 2561 ภายใต้อัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละ  18% จากปี 2557 ที่คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวม 8,500 ล้านเหรียญ

    เทรนด์ของการโฆษณาOnlineภายในระยะเวลาสามปีข้างหน้า Business Intelligence ได้ตรวจสอบว่าการโฆษณาบนสื่อเคลื่อนที่อย่างโทรศัพท์เคลื่อนที่สมาร์ทโฟนหรือแท็บเลตจะเป็นสื่อที่มียอดการลงสื่อโฆษณาออนไลน์สูงสุด โดยจะแซงหน้าการโฆษณาบนสื่อที่อยู่กับที่อย่างComputerพีซีในสิ้นปี 2557 และเมื่อถึงปี 2561 สื่อโฆษณาออนไลน์บนสื่อเคลื่อนที่ได้จะมีราคาถึงสองในสามของการสื่อโฆษณาOnlineและมี มูลค่าแตะ 9,100 ล้านเหรียญ

อย่างไรก็ตาม ภายในระยะเวลาสามปีภายหน้า จะไม่มีโอกาสได้เห็นอัตราการเจริญเติบโตของโฆษณาOnlineอย่างก้าวกระโดดอีกต่อไป โดยปี2557นี้ ยอดการโฆษณาผ่านสื่อเคลื่อนที่มีการเติบโตถึง 71%ขณะที่สื่อ  Non Mobile มีอัตราการก้าวหน้าที่ 14% คาดว่าในสามปีข้างหน้า อัตราการโตขึ้นของโฆษณาผ่านสื่อเคลื่อนที่จะยังอยู่ในเลขสองหลัก ขณะที่สื่อ Non Mobile จะคงเหลืออัตราการเติบโตเพียงเลขหลักเดียว




สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
tel : 026420450
website:http://www.ndrankseo.com/

7


หลายท่านอาจเคยทราบมาบ้างแล้วว่า Google AdWords นั้นมีประสิทธิภาพในการแสดงผลสื่อโฆษณาได้อย่างกว้างไกลไปทั่วโลก เพียงแค่ผู้ชมสามารถเชื่อมต่อเข้าสู่โลกnetได้ ท่านเจ้าของธุรกิจก็ สามารถทำโฆษณา Google AdWords ไปถึงผู้ชมได้ทุกที่ตามปรารถนา โดยไม่มีเขตแดนใดมากั้น

แต่อีกแง่มุมหนึ่งเกี่ยวกับความสามารถของ Google AdWords ซึ่งคนโดยมากอาจมองข้ามไป ก็คือ สามารถเฉพาะเจาะจงโฆษณา Google AdWords  ให้แสดงผลอยู่ในขอบเขตพื้นที่ (Location) ทั้งระดับจังหวัดและ ระดับประเทศตามความเหมาะกับBusinessได้  ก็เพราะว่าบางธุรกิจอาจไม่พร้อมที่จะให้บริการผู้บริโภคได้กว้างใหญ่หรือครอบคลุมทั่วประเทศ เช่น ธุรกิจการค้าร้านดอกไม้, บริการซ่อมรถ ซึ่งขอบเขตพื้นที่เป็นตัวแปร สำคัญต่อการให้บริการมาก

และหากเจ้าของธุรกิจการค้ามีการทำสื่อโฆษณาออนไลน์ด้วย Google AdWords โดยไม่ได้กำหนดขอบพื้นที่ การแสดงผลโฆษณาให้เหมาะ ตัวอย่างเช่น ทำให้สื่อโฆษณาแสดงผลแก่ผู้ชมทั่วประเทศไทยโดยที่กิจการเองก็ พร้อมให้บริการแค่ในจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งเท่านั้น  ก็จะทำให้เกิดผลเสียที่ไม่คาดคิด เช่น

    เสียรายจ่ายจากผู้บริโภคที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย จากสถิติของผู้ชมที่คลิกผลการค้นหาในส่วนสื่อโฆษณา Google AdWords ในประเทศไทย 60% ที่คลิกชมมาจากต่างจังหวัด และอีก 40% มาจากกรุงเทพมหานคร
    เพราะฉะนั้น ถ้ากิจการนั้นพร้อมจำหน่ายสินค้าหรือให้บริการแค่ในเขตกรุงเทพมหานคร แต่เปิดโฆษณา Google AdWords ไปทั่วประเทศ ก็อาจทำให้เสียค่าใช้จ่ายไปโดยไร้ประโยชน์ ดังเช่น อาจมีผู้บริโภคคลิกเจอผลการ ค้นหาจากจังหวัดเชียงใหม่และโทรติดต่อมาเหตุเพราะสนใจสินค้าหรือservice แต่เจ้าของธุรกิจการค้าไม่สามารถให้บริการได้ เนื่องจากอยู่นอกเขตพื้นที่ อีกทั้งเจ้าของBusinessเองก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการคลิกโฆษณาไปแล้ว เป็นต้น
     
    เสียความรู้สึก ในส่วนของลูกค้าที่อยู่นอกพื้นที่เขตบริการแต่เห็นโฆษณาในอินเตอร์เน็ตและมีความสนใจในสินค้าหรือserviceอาจโทรเข้ามาเพื่อสอบถามแต่ได้รับการปฏิเสธการให้ให้บริการอาจรู้คว้าน้ำเหลว และ ขาดความเชื่อมั่นในของซื้อของขายและserviceของบริษัทหรือแบรนดนั้นไปเลยก็ได้ แต่ถ้าใครที่งบไม่มากพอสำหรับการลงโฆษณาก็สามารถหันมาใช้บริการรับทำ seo ได้
     


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
tel : 026420450
website: http://www.ndrankseo.com/product/3/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B3-%E0%B9%82%E0%B8%86%E0%B8%A9%E0%B8%93%E0%B8%B2-google-adwords-ppc

8

ถึงขณะนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าข้อความหรือความคิดทางมาร์เกตติ้งของคุณถูกส่งผ่านสื่อดิจิตอลไม่มากก็น้อย แต่เมื่อคุณต้องปรับพฤติกรรมเข้าสู่การตลาดบน  Google อย่างการทำ SEO และ Google adwords รวมทั้ง  Twitter Facebook Pinterest หรือ Instagram แล้ว ทีเด็ดในการสื่อสารก็ต้อง ปรับตัวและการหาความรู้เรื่องธรรมชาติของโซเชียลมีเดียถือเป็นเรื่องจำเป็น ต่อไปนี้เป็นทิปแล็กน้อยที่ช่วยมือใหม่ในการตรวจ แผนมาร์เกตติ้งบนโซเชียลเนคเวิร์กว่าพอจะไปได้หรือยัง

 
1. ศึกษาว่าใครเป็นผู้บริโภคที่มีประสิทธิภาพของคุณ
       การเดาและการคิดเอาเอง (ภาษาวัยรุ่นเรียก “จิ้น”) ว่ากลุ่มผู้รับสารของคุณเป็นใครนั้นไม่ healthy ต่อกิจการค้าของคุณอย่างแน่นอน ลองสุ่มเข้าไปเช็คผู้ซื้อที่เข้ามาเยี่ยมชมwebของคุณว่าเขาเป็นคนยังไง จะ สามารถติดต่อได้เช่นใด และมีใครเป็นเพื่อนบ้างบนโลกโซเชียลเนคเวิร์ก  เมื่อศึกษาระยะหนึ่งคุณจะสามารถบอก common characteristic หรือลักษณะบุคลิกร่วมบางอย่างของลูกค้าและนำมันไปเป็นฐาน ในการวิเคราะห์ data ต่างๆ  ในภาคหน้า

 
2. ส่งสารให้ที่เหมาะสมกับบริบทของผู้รับสาร
       ลองเว้าไปซื่อๆ ว่าเพื่ออะไรลูกค้าของคุณถึงเกิดไอเดียอยากร่วมธุรกิจกับคุณขึ้น มา เพราะเหตุใดคุณถึงชนะคู่แข่ง คำตอบของพวกเขาจะมีkeywordให้คุณทราบว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการต่อไปของคุณควร ก้าวไปทางไหนและ ยังอาจบอกข้อด้อยของคุณที่ต้องแก้ไขในภายหน้า ยิ่งไปกว่า นี้คุณยังอาจเลียนแบบภาษาที่ผู้บริโภคใช้เพื่อมาใส่ในงาน digital marketing ชิ้นต่อไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วย

 
3. รู้ว่าผู้บริโภคอยู่ในสังคมอย่างไหน
       รู้จัก purchasing path (กระบวนการซื้อสินค้าหรือบริการ) ของผู้บริโภคและเจาะให้ได้ว่าเขานิยมรับข้อมูลจากไหน แหล่งที่คุณจะหาคำตอบนี้ได้มีหลายวิถีทาง ได้แก่ คุณอาจหาทำแบบสอบถามตรงไปหาลูกค้า หรือหาข้อมูลทั่วไปในอุตสาหกรรมของคุณมาเป็น ตัวอ้างอิง เมื่อคุณหาทางแทรกเข้าไปอยู่ในแหล่งข้อมูลเหล่านั้นได้ จงทำให้ข้อมูลของตนเองเด่น น่าวางใจและหาที่อื่นไม่ได้ จำไว้ว่าข้อมูลที่เยินยอหวาน เลียนจน น่าคลื่นไส้อาจทำให้ลูกค้าปิดหน้าต่างเว็บเนื่องมาจากต้องขอเวลาไปอ้วกเสียหน่อย

 
4. สร้างบทสนทนา
       หมดคราวแล้วสำหรับการอ่านสื่อทางเดียว (One way communicated media) ที่ลูกค้าไม่สามารถคลายข้อสงสัยอะไรได้ การให้ข้อมูลต่อไป ของแบรนด์จะเริ่มอยู่ในรูปของบทสนทนาเพิ่มขึ้นบน Twitter,  Facebook, Forums, Linkedln และอื่นๆ พยายาม engage ผู้ใช้ให้ได้ผ่านบทสนทนาลื่นหู  การตอบคำถามที่เคลียร์และจริงใจ สิ่งเหล่านี้นอกจากจะช่วยให้คุณขายของได้แล้วยังทำให้แบรนด์ของคุณ be  human ขึ้นมาถนัดใจ


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
tel : 026420450
website: www.netdesignrank.com

9

การโปรโมทwebให้ได้ผลยืนยาวที่สุดหนีไม่พ้นการสร้างแบรนด์เพื่อให้คนรู้จักและเกิดความมั่นใจต่อสินค้าหรือ บริการของคุณ การโปรโมทเว็บไซต์ด้วยวิธีต่างๆ โดยส่วนมากมุ่ง เน้นไปทางด้านการสร้างลิงค์เพื่อทำอันดับที่สูงขึ้นใน seach engine อย่าง google มาในครั้งนี้เราจะมาเรียนรู้กันในเรื่องของการสร้างแบรนด์ใน โลกอินเตอร์ เน็ตว่าเขาทำกันเช่นใด

ทำไมเราจึงต้องสร้างแบรนด์ให้เกิด เนื่องด้วยทุกวันนี้ต่างก็มีBusinessหลากหลายที่เปิดมาเหมือนดอกเห็ด ลูกค้าเองก็มีวิธีเลือกเพิ่มมาก ขึ้น ทำให้เราต้องหาทางพิชิตใจผู้ซื้อด้วยการทำให้ลูกค้านึกถึงชื่อ ร้านขายของของเราก่อนทุกครั้งเมื่อใดก็ตามที่ผู้ใช้ต้องการผลิตภัณฑ์ที่เราได้ขายอยู่ กลวิธี การสร้างแบรนด์ของกิจการค้าขนาดใหญ่จะมุ่งเน้นไปที่สื่อที่ได้รับความ นิยมเช่นโทรทัศน์ ซึ่งต้องแลก กับค่าใช้จ่ายในการโฆษณาหรือ google adwords ค่อนข้างสูง จึงไม่เหมาะ สมนักหากเราทำร้านขายของออนไลน์เพื่อขายของซื้อของขายสักชิ้นหรือหากเราเป็นผู้ผลิตรายใหม่ที่ยังไม่มีทุนหรือกำไรที่สูงมากพอวิถีทางในการ สร้างแบรนด์ผ่านInternetนั้นเป็นช่อง ทางที่ดีและได้ผลไวที่สุด


เมื่อการสร้างแบรนด์ไม่ได้มีแค่เพียงสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์เท่านั้นที่มีผู้คนให้ความสนใจ แต่ปัจจุบันนี้เรา พบว่าเกือบทุกครอบครัวสามารถเข้าถึงInternetได้เกือบ 100% หลายท่านจึงมุ่งที่จะ สร้างแบรนด์ให้เกิดขึ้นในอินเตอร์เน็ตเพื่อเพิ่มฐานผู้ใช้ให้มากขึ้นอย่างการทำ SEO หรือกสรลงโฆษณา เราจะมาศึกษากันจากนี้ว่าการสร้างแบรนด์ในอินเตอร์เน็ตนั้นทำได้อย่างไร

ธุรกิจการค้าOnlineใดบ้างที่ต้องสร้างแบรนด์ให้เกิดในโลกของอินเตอร์เน็ต

- ร้านOnlineต่างๆ เป็นต้นว่า ขายเครื่องนุ่งห่ม เครื่องสำอาง และของซื้อของขายอื่นๆ

- บริการต่างๆ อาทิเช่น ที่ปรึกษา การตลาด ลงโฆษณาOnline รับทำ รับจัดหา จัดสร้าง

- ขายตรง กิจการค้าเครือข่าย เว็บทีม เว็บสายงาน

- ร้านขายของหรือบริษัทที่่ต้องการขยายฐานลูกค้าผ่านทางInternet

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
tel : 026420450
website : http://www.netdesignrank.com/

หน้า: [1]