แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - coffeeboy

หน้า: [1] 2
1

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) รับการสนับสนุน จาก กฟน. และร่วมมือกับ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า EA Anywhere ในพื้นที่ บิ๊กซี ที่มีศักยภาพ ประเดิมส่งมอบสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาขาแรกที่ "บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาลาดพร้าว 2"  ฟาก "สมโภชน์ อาหุนัย" พร้อมรุกเต็มที่ นำเครื่องอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ที่เป็นระบบชาร์จเร็ว และทันสมัยที่สุดมาใช้ในรอบนี้ ขณะที่ ด้าน" อัศวิน เตชะเจริญวิกุล" เผยบิ๊กซี เตรียมแผนเดินหน้าติดตั้ง และเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าในสาขาทั่วประเทศเร็วๆนี้ ขณะที่กฟน.มั่นใจ พร้อมสนับสนุนการจ่ายไฟแก่สถานีอัดประจุไฟฟ้ายานยนต์ในทุกด้าน
 
นาย สมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จํากัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า “บริษัท พลังงานมหานคร ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ EA ได้รับการส่งเสริมจากการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)ด้วยการเข้าลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกันประกาศแผนการลงทุนติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า โดยทาง บิ๊กซี ได้เห็นความสำคัญของการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท พลังงานมหานคร ทำการติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า EA Anywhere ในพื้นที่ของบิ๊กซี ที่มีศักยภาพที่จะรองรับการติดตั้งสถานีชาร์จ จึงได้มีการพัฒนาร่วมกันมาเป็นลำดับ จนก้าวเข้าสู่ความสำเร็จด้วยการทำพิธีส่งมอบสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere ที่ใช้เครื่องอัดประจุไฟฟ้าที่ทันสมัยที่สุดให้แก่ บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ เริ่มต้นสาขาแรกที่ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาลาดพร้าว 2  โดยมีแผนการขยายการติดตั้งไป ยังบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ ตามสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ”
 
ปัจจุบัน EA Anywhere มีสถานีให้บริการอัดประจุไฟฟ้ากว่า 400 สถานี รวมทั้งสิ้นกว่า 1,600 หัวชาร์จ ตั้งแต่ระบบธรรมดา หรือ AC Charger ไปจนถึงระบบชาร์จเร็ว และทันสมัยที่สุด หรือ DC Super-Fast Charge  ที่ใช้เวลาเพียง 15-20 นาที  รวมทั้งยังอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการด้วย Application “EA Anywhere” ระบบออนไลน์ที่สามารถดำเนินการทั้ง จอง จ่าย และชาร์จในคราวเดียวกัน เพื่อให้เข้ากับยุคดิจิทัล ซึ่งมีผู้ใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมียอดดาวน์โหลดใช้งานแล้วกว่า 19,400 ครั้ง  EA Anywhere จึงนับเป็นทั้งผู้บุกเบิก และครองความเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการอัดประจุไฟฟ้าแก่ ยานยนต์ไฟฟ้าครบวงจร
 
"การปรับเปลี่ยนมาใช้ยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า จะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน และมลพิษ PM 2.5 และการที่ภาครัฐได้มีการกำหนดเป้าหมายให้ไทย เป็นฐานการผลิตรถไฟฟ้า 100% ภายในปี 2578 พร้อมเร่งรัดแผนการจัดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งส่งเสริมการจัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานแบตเตอรี่ เป็นสัญญาณที่ดีอย่างมาก ดังนั้น การร่วมมือกันในครั้งนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ และจะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรม" นาย สมโภชน์กล่าว
 
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ครั้งนี้ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ได้ร่วมเป็นพันธมิตร กับ การไฟฟ้านครหลวง และ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด หรือ (EA Anywhere) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนพลังงานสะอาด ช่วยลดปัญหามลภาวะทางอากาศ ให้กับชุมชน   ภายใต้โครงการ “สถานีอัดประจุไฟฟ้า” โดยเปิดตัวสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า  ณ บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาลาดพร้าว 2 ซึ่งเป็น 1 ใน 8 สาขาที่เปิดให้บริการ โครงการดังกล่าวคาดว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า และช่วยสร้างประสบการณ์ให้กลุ่มลูกค้าใหม่ที่จะเข้ามาใช้บริการของบิ๊กซีได้มากขึ้น  เพราะในอนาคตจะมีประชาชนหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นโดยเฉพาะรถยนต์ส่วนบุคคล นอกจากนี้ บิ๊กซี ยังได้เตรียมความพร้อมขยายสาขาเปิดสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในบิ๊กซีสาขาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อรองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังขยายตัวและจะเพิ่มขึ้นในอนาคต" นายอัศวิน กล่าว

นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการธุรกิจและบริการการไฟฟ้านครหลวง กล่าวว่า “โครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัท พลังงานมหานครจำกัด และบริษัท บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) นับเป็นการจับมือครั้งสำคัญ เนื่องจากการขยายและเพิ่มปริมาณสถานีอัดประจุไฟฟ้านั้น เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้ลงประกาศสินค้าฟรีกับผู้ประกอบการและผู้ใช้ ยานยนต์ไฟฟ้า และช่วยส่งเสริมให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าได้มากขึ้นอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว อันจะนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยต่อไป”
 
 "กฟน. พร้อมที่จะให้การสนับสนุนการจ่ายไฟ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และเป็นประโยชน์ในการขยายโครงข่ายการจ่ายไฟฟ้าอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ อันจะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญต่างๆ ในภูมิภาคนี้ได้ในอนาคต" นายจาตุรงค์ กล่าวทิ้งท้าย

แหล่งข่าว https://www.voucherbox.xyz/guestpost

2

เมืองไทยประกันภัย กลับมาอีกครั้งกับการขยายระยะเวลาแจ้งต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอก 3 กับความคุ้มครองเดิมไม่มีเปลี่ยน เบี้ยประกันภัยไม่ปรับเพิ่ม พิเศษกว่าใครเพิ่มความคุ้มครองให้ทุกแผนความคุ้มครองให้กับทั้งลูกค้าปัจจุบันที่ต่ออายุ และลูกค้ารายใหม่ รับค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในกรณีเกิดอาการแพ้จากการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ MTI กล่าวว่า “จากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอก 3 ถือว่าค่อนข้างมีความรุนแรงและระบาดอย่างรวดเร็ว จะเห็นได้ว่ามีผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการกระจายไปทั่ว ซึ่งผ่านมาไม่กี่วันเราจะเห็นได้ว่ามียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและน่าตกใจ ประกอบกับช่วงเทศกาลวันหยุดที่ทุกคนต้องมีการออกไปเที่ยว พักผ่อน หรือกลับต่างจังหวัด ทางเมืองไทยประกันภัยเอง ห่วงใยต่อสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ จนไม่อาจะนิ่งนอนใจได้ จึงเปิดขยายระยะเวลาการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยโควิด-19 ไปอีก เพื่อให้ทุกท่านได้มั่นใจว่าเราเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการสร้างความอุ่นใจในช่วงที่ต้องเผชิญความเสี่ยงรอบด้าน”

สำหรับการต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัยไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สามารถต่ออายุได้เองแบบง่าย ๆ แค่คลิก https://bit.ly/2NE14fr หรือติดต่อตัวแทนจำหน่ายใกล้บ้านท่าน และลูกค้าท่านที่ยังไม่มีประกันภัยสามารถสร้างความอุ่นใจ กับประกันภัยไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แผนอุ่นใจ เมืองไทยประกันภัย เราพร้อมยินดีให้บริการโดยมี 2 แผนให้เลือก 1) เบี้ยประกันภัย 900 บาท มอบวงเงินคุ้มครองให้ทั้งค่ารักษาพยาบาลตามจริงสูงสุด 70,000 บาท เงินชดเชยรายได้จากการติดเชื้อฯ สูงสุด 15,000 บาท กรณีอยู่ในภาวะโคม่า 1.5 ล้านบาท 2) เบี้ยประกันภัย 1,200 บาท มอบวงเงินคุ้มครองให้ทั้งค่ารักษาพยาบาลตามจริงสูงสุด 100,000 บาท เงินชดเชยรายได้จากการติดเชื้อฯ สูงสุด 30,000 บาท กรณีอยู่ในภาวะโคม่า 2 ล้านบาท และได้รับเพิ่มทันทีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยใน กรณีแพ้จากการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับลูกค้าเมืองไทยประกันภัยลงประกาศสินค้าฟรีทั้งรายเก่า และรายใหม่ที่ถือกรมธรรม์ดังกล่าว

แหล่งข่าว https://www.ad4ever.com/guestpost

3

วิริยะประกันภัย พร้อมอำนวยความสะดวกในการให้บริการประกันภัยและสินไหมดทดแทนผู้เอาประกันภัยและประชาชนทั่วไป ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ 2564  ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตโควิด-19  ยันไม่มีผลกระทบต่อการให้บริการลูกค้า สะดวก รวดเร็ว ด้วยบริการเคลมผ่านจอมือถือ “VClaim on VCall” มั่นใจในบริการวิริยะประกันภัยทุกทิศทั่วไทย ด้วยเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงเครือข่ายเป็นหนึ่งเดียว
 
นายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เป็นช่วงที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน และประชาชนส่วนใหญ่มักจะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวต่างจังหวัดกันเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ทางภาครัฐได้ออกประกาศว่า ไม่ห้ามเรื่องการเดินทางข้ามต่างจังหวัด แต่ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด บริษัทฯ จึงตระหนักถึงความสำคัญในความปลอดภัยของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน โดยบริษัทฯ ร่วมกับ กรมการขนส่ง จัดกิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย เทศกาลสงกรานต์ 2564” ให้บริการ ตรวจเช็คสภาพรถยนต์เบื้องต้นฟรี จำนวน 20 รายการ ณ ศูนย์ซ่อมมาตรฐานวิริยะประกันภัย ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 32 แห่ง ที่ติดป้ายประชาสัมพันธ์กิจกรรม “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ในระหว่างวันที่ 15 มีนาคม ถึงวันที่ 9 เมษายน 2564 รวมไปถึงการร่วมสนับสนุนโครงการและกิจกรรมด้านการรณรงค์การขับขี่ปลอดภัยร่วมกับหน่วยงานต่างๆ อาทิ สำนักงาน คปภ. มูลนิธิเมาไม่ขับ โดยมุ่งหวังให้ประชาชนตระหนักเห็นความสำคัญของการขับขี่และใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุบนท้องถนนให้ลดน้อยลง
 
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังได้รวบรวมและจัดทำฐานข้อมูลจุดเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักระมัดระวังเมื่อขับผ่านจุดเสี่ยง รวมถึงมีศูนย์บริการย่อยในพื้นที่ที่เป็นรอยต่อของศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนหรือพื้นที่ที่มีการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด เพื่อรองรับงานด้านบริการสินไหม การรับแจ้งอุบัติเหตุ และตรวจสอบอุบัติเหตุ ตลอดจนสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุ ให้สามารถเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
 
“บริษัทฯ มีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกทั้งด้านบริการประกันภัยและด้านสินไหมทดแทนแก่ผู้เอาประกันภัย ไม่เพียงแต่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ยังเตรียมพร้อมไปถึงการรองรับภาวะฉุกเฉิน  ในสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดเจ้าหน้าที่ไว้รองรับการให้บริการเป็นพิเศษ รวมถึงความพร้อมของศูนย์ซ่อมมาตรฐาน การบริการรถยก บริการแจ้งอุบัติเหตุผ่านสายด่วน 1557 ตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีบริการตรวจสอบอุบัติเหตุแบบเรียลไทม์ ผ่านบริการลงประกาศสินค้าฟรี VClaim on VCall ซึ่งผู้เอาประกันภัย สามารถแจ้งการเคลมนัดหมายผ่านบริการดังกล่าวได้ตามวันเวลาที่สะดวก ดังนั้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้น จึงมั่นใจได้ว่าจะยังคงได้รับการบริการตามปรกติ” นายสยมกล่าว
 
นอกจากการช่วยเหลือให้ผู้บริโภคได้ลงประกาศสินค้าฟรีเข้าถึงการประกันภัยในอันที่จะช่วยบริหารความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ลูกค้าและประชาชนทั่วไปยังสามารถใช้บริการด้านประกันภัยได้อย่างต่อเนื่อง และได้รับการบริการที่ดีที่สุดจากบริษัทฯ และขอให้มั่นใจได้ว่า ด้วยเทคโนโลยีที่เชื่อมโยงเครือข่ายเป็นหนึ่งเดียว ทำให้สาขาและศูนย์ฯ ของวิริยะประกันภัยที่ครอบคลุมทั่วไทย สามารถรองรับงานบริการต่างๆ ได้เทียบเท่ากับสำนักงานใหญ่ โดยสาขาและศูนย์ฯ แต่ละแห่งล้วนมีศักยภาพทำงานทดแทนกันได้ทุกสถานการณ์ รวมทั้งบุคลากรกว่า 6,700 คน ที่สามารถเป็นกำลังเสริมตามเครือข่ายของวิริยะประกันภัย โดยรองรับงานธุรกรรมการรับประกันภัยหรืออื่นๆ และการบริการสินไหมทดแทนได้ตลอด 24 ชั่วโมง

แหล่งข่าว https://www.cemeqiuonline.club/guestpost

4

บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า เผยยอดขายโครงการทั้งหมดในไตรมาส 1/2564 มีจำนวน 3,979 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ 17% ซึ่งถือว่าทำผลงานได้ในระดับที่ดีทั้งที่ยังไม่มีการเปิดโครงการใหม่  ย้ำดีมานต์คอนโดติดรถไฟฟ้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ยังมีต่อเนื่อง มั่นใจทั้งปีสามารถทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

คุณเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทยังคงทำผลงานเป็นที่น่าพอใจ โดยสามารถสร้างผลงานได้ดีในไตรมาสแรกของปี 64 โดยมียอดขายจำนวน 3,979 ล้านบาท เกินจากเป้าหมายยอดขายที่วางไว้อยู่ที่  3,393 ล้านบาท ถึง 17% ซึ่งเกินเป้าหมายที่วางไว้ทั้งในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียม และโครงการแนวราบ พร้อมปิดการขาย 100% จำนวน 1 โครงการ คือ โครงการไอดีโอ โมบิ อโศก มูลค่าโครงการกว่า 3,200 ล้านบาท  และส่วนใหญ่มาจากการลงประกาศสินค้าฟรีที่บริษัทมุ่งเน้นการขายโครงการพร้อมอยู่ซึ่งบริษัทมีโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการแนวราบที่หลากหลาย รองรับความต้องการของผู้ซื้อได้อย่างทั่วถึงทั้งผู้ซื้อในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงภาพรวมของดีมานต์ที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้ายังคงมีอย่างต่อเนื่อง บวกกับการที่อนันดาฯ นำเสนอแคมเปญที่ตอบโจทย์เข้าถึงกลุ่มลูกค้า และตอบรับเรียลดีมานต์ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายดังกล่าว ถึงแม้ว่าตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 มีการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทั้งในและต่างประเทศก็ตาม

นอกจากนี้ บริษัทยังคอยเฝ้าลงประกาศสินค้าฟรีติดตามสถานการณ์ COVID-19 อย่างใกล้ชิด และปรับรูปแบบการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ และสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาโครงการในยุค New Normal นี้  โดยจะเน้นในเรื่องของความคุ้มค่าเพื่อสอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค และมาตรการสาธารณสุข เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจเมื่อมีการเยี่ยมชมโครงการของบริษัท

 “อนันดาฯ ยังคงมั่นใจในศักยภาพคอนโดติดรถไฟฟ้า ที่ยังคงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของการใช้ชีวิตคนเมืองได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยอนันดาฯ มีโครงการพร้อมเข้าอยู่ให้เลือกมากมาย ครบทุก Segment ครบทุกความต้องการอยู่อาศัยของคนเมือง สามารถชมห้องจริง วิวจริง พื้นที่จริง ชอบห้องไหนจองห้องนั้นได้เลย ทั้งคอนโดติดรถไฟฟ้า บ้าน และทาวน์โฮม บนที่สุดแห่งทำเล ในราคาที่คุ้มค่า กับข้อเสนอที่ห้ามพลาด” คุณเสริมศักดิ์ กล่าว

แหล่งข่าว https://www.zafat-qa.com/guestpost

5

มุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมให้ทันสมัย เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้ทั่วโลกอยู่เสมอ ล่าสุดไฮเออร์ (Haier) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลกและแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอันดับ 1 ของโลกติดต่อกัน 12 ปีซ้อน

ล่าสุด 3 ผู้บริหารจาก บริษัท ไฮเออร์ กรุ๊ป ได้แก่ มร.เฉิง หยงฟู่ ผู้อำนวยการกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ, มร.หยู หยิง ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนากลยุทธ์สำหรับเครื่องปรับอากาศ และ มร. เหลย หย่งเฟิง วิศวกรระบบเครื่องปรับอากาศอาวุโส นำแบรนด์คว้า 3 รางวัล จากเวทีจัดอันดับแบรนด์เครื่องใช้ภายในบ้านระดับโลก Global Major Appliances Brand Rankings ซึ่งจัดโดย Euromonitor International ภายในงาน Appliance and Electronics World Expo 2021 หรือ AWE 2021 โดยรับมอบจาก จูเลีย เริ่น ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยตลาด ยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชันแนล (ประจำประเทศจีน) ที่นครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ซึ่งได้แก่
 
รางวัล แบรนด์เครื่องปรับอากาศสัญชาติจีนที่มียอดขายในตลาดต่างประเทศมากที่สุดอันดับ 1 ในปี 2020 (ไม่รวมในจีนแผ่นดินใหญ่)
 
รางวัล แบรนด์เครื่องปรับอากาศอัจฉริยะอันดับ 1 ของโลกโดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 31% ในปี 2020
 
รางวัล แบรนด์เครื่องปรับอากาศที่มีเทคโนโลยี Self-Cleaning ยอดขายอันดับ 1 ของโลก โดยลงประกาศสินค้าฟรีครองส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 46% ในปี 2020
 
เครื่องปรับอากาศไฮเออร์ พร้อมมอบอากาศสะอาดบริสุทธิ์ให้ผู้บริโภคได้มีชีวิตที่สะดวกสบายและมีสุขภาพที่ดี เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยได้รับการการันตีจากสถาบันมาตรฐานสากล ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมลงประกาศสินค้าฟรีได้ที่Line official : @haierthailand และ www.haier.com/th และอัพเดตข่าวสารและโปรโมชั่นใหม่ ๆ ที่น่าสนใจได้ทางเฟซบุ๊ค : HaierThailand

แหล่งข่าว https://www.athletixx.club/guestpost

6

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยภายหลังการเข้าพบ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมหารือรับมือการแพร่ระบาดที่กำลังเกิดขึ้นมาในช่วงสงกรานต์นี้ ที่มีการคาดการณ์ว่าจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจประมาณ 5 พันล้านบาท หากมีการ Lockdown โดยทางกรุงเทพมหานครและหอการค้าไทยได้มีการวางแผน และเล็งเห็นความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ ควบคู่ไปกับสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยจะควบคุมการเปิดปิดเป็นรายประเภทธุรกิจและพื้นที่เท่าที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดให้จำกัด ทั้งนี้ ภาคเอกชนจะสื่อสารให้ประชาชนปฏิบัติตัวตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด

นอกจากนั้น ยังมีการหารือเรื่องการวางแผนรองรับการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งภายในสิ้นปีนี้คาดว่า กทม.จะได้รับโควตาวัคซีนประมาณ 10 ล้านโด๊ส อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการฉีดวัคซีนของ กทม.ในขณะนี้ อยู่ที่ประมาณวันละ 5 พัน ถึง 1 หมื่นคนต่อวันเท่านั้น โดยใช้โรงพยาบาลในสังกัด กทม. 11 แห่ง และโรงพยาบาลในสังกัดอื่น 31 แห่ง ประกอบด้วย รพ.มหาวิทยาลัย รพ.ทหาร รพ.ตำรวจ รพ.สังกัดกระทรวงสาธารณสุข และ รพ.เอกชน รวมทั้งสิ้น 42 แห่ง ซึ่งหากมีวัคซีนเข้ามาปริมาณ 1.5-2 ล้านโด๊สต่อเดือน หลังจากช่วงเดือนมิถุนายนแล้ว เพื่อที่จะให้ฉีดได้ครบจำนวนจะต้องมีแผนการฉีดวัคซีนให้ได้ 3-5 หมื่นคนต่อวัน ดังนั้นเพื่อเพิ่มปริมาณการฉีดต่อวันให้ได้ครบ หอการค้าไทยจะร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าวให้เกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“หอการค้าไทยได้ประสานความร่วมมือไปยังห้างสรรพสินค้าและโรงพยาบาลเอกชน ในการจัดเตรียมพื้นที่ลงประกาศสินค้าฟรีรองรับ รวมไปถึงสถานที่พักคอยทั้งก่อนฉีด และสังเกตอาการหลังฉีด ตลอดจนน้ำดื่ม เตียง ระบบการขนส่งวัคซีน รถพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน และบุคลากรอาสาสมัครในการฉีด ทั้งนี้ จะมีการกระจายพื้นที่ดังกล่าวเพื่อให้ครอบคลุมประชากรในกรุงเทพฯ ให้สามารถเดินทางอย่างสะดวก โดยแผนทั้งหมดนี้ หอการค้าไทยและภาคเอกชนจะร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิดกับ กทม. เพื่อให้แผนการดำเนินงานนี้แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน และ กทม.จะเริ่มฉีดให้กับประชาชนได้ในเดือนมิถุนายน”

ทั้งนี้ จากการหารือร่วมกันดังกล่าว เชื่อว่าหากการฉีดวัคซีนใน กทม.เป็นไปตามแผนที่วางไว้ จะสามารถลงประกาศสินค้าฟรีครอบคลุมประชากรในกรุงเทพฯ ได้ประมาณ 70% ภายในปีนี้ ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันในการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดได้ และจะใช้โมเดลการกระจายวัคซีนนี้ เป็นต้นแบบให้กับการดำเนินงานในต่างจังหวัด โดยให้หอการค้าจังหวัดเป็นศูนย์กลางในการประสานงานต่อไป

แหล่งข่าว https://www.carinsurancequotesich.top/guestpost

7

กรมทางหลวง (ทล.) โดยสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ ได้ทำการจัดตั้งจุดบริการประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 73 แห่ง เพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยบนทางหลวงรองรับการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2564 ซึ่งผู้ใช้ทางสามารถจอดพักผ่อนคลายอิริยาบถ ลดความเมื่อยล้าจากขับรถ ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ประกอบด้วย จุดบริการฯบริเวณสถานีตรวจสอบน้ำหนัก 62 แห่ง และจุดบริการฯบริเวณจุดพักรถบรรทุก (Truck Rest Area) 11 แห่ง โดยได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดบริการฯ คอยดูแลและให้ข้อมูลเกี่ยวกับทางหลวง เช่น สภาพการจราจร แนะนำเส้นทาง บริการน้ำดื่ม ชา กาแฟ ห้องน้ำสะอาด พร้อมพื้นที่จอดพักรถที่กว้างขวางและปลอดภัย ควบคุมดูแลด้วยกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) และยังมีหน่วยเคลื่อนที่เร็วพร้อมช่วยเหลือเบื้องต้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังมีการเปิดช่องทางพิเศษเตรียมระบายการจราจร หากมีการจราจรติดขัดบริเวณหน้าสถานีฯ ในทางหลวงสายหลักที่มีปริมาณการจราจรหนาแน่น โดยการเปิดช่องทางพิเศษให้รถสามารถผ่านสถานีตรวจสอบน้ำหนักฯได้ มี 6 สถานีฯ ดังนี้ 1.สถานีฯบางปะอิน (ขาเข้า) จ.อยุธยา ทล.32 กม.4+150 (ขวาทาง) 2.สถานีฯแก่งคอย (ขาเข้า) จ.สระบุรี ทล.2 กม.15+550 (ขวาทาง) 3.สถานีฯสีคิ้ว (ขาออก) จ.นครราชสีมา ทล.2 กม.93+225 (ซ้ายทาง) 4.สถานีฯโนนสูง (ขาเข้า) จ.นครราชสีมา ทล.2 กม.170+040 (ขวาทาง) 5.สถานีฯโนนสูง (ขาออก) จ.นครราชสีมา ทล.2 กม.169+750 (ซ้ายทาง) และ 6.สถานีฯลำลูกกา (ขาออก) มอเตอร์เวย์ จ.ปทุมธานี ทล.9 กม.32+400 (ขวาทาง)

สำหรับจุดพักรถบรรทุก (Truck Rest Area) 11 แห่ง ได้แก่ 1. ทางหลวงหมายเลข 2 ตอน สระบุรี-มวกเหล็ก กม. 15+550(ขวาทาง) จ.สระบุรี 2. ทางหลวงหมายเลข 2 ตอน นครราชสีมา-ดอนหวาย กม. 170+040(ขวาทาง) จ.นครราชสีมา 3. ทางหลวงหมายเลข 2 ตอน นครราชสีมา-ดอนหวาย กม. 169+750(ซ้ายทาง) จ.นครราชสีมา 4. ทางหลวงหมายเลข 2 ตอน บ่อท่อง-มอจะบก กม. 93+350(ขวาทาง) จ.นครราชสีมา 5. ทางหลวงหมายเลข 340 ตอน กม.55+207(ต่อเขตแขวงฯปราจีนบุรี) ขวาทาง กม. 82+136(ขวาทาง) จ.นครราชสีมา 6. ทางหลวงหมายเลข 2 ตอน หินลาด-โนนสะอาด กม. 374+700(ซ้ายทาง) จ.ขอนแก่น 7. ทางหลวงหมายเลข 24 ตอนประโคนชัย-จรอกใหญ่ กม. 160+955(ซ้ายทาง) จ.บุรีรัมย์ 8. ทางหลวงหมายเลข 214 ตอน ท่าตูม-จอมพระ กม. 146+758(ซ้ายทาง) จ.สุรินทร์ 9. ทางหลวงหมายเลข 24 ตอน เดชอุดม-อุบลราชธานี กม. 398+758(ซ้ายทาง) จ.อุบลราชธานี 10. ทางหลวงหมายเลข 1 ตอน วังไผ่-โนนปอแดง กม. 378+650(ขวาทาง) จ.นครสวรรค์ และ 11. ทางหลวงหมายเลข 4 ตอน วังครก - เสียบญวณ กม.474+157(ซ้ายทาง) จ.ชุมพร

อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ใช้เส้นทางลงประกาศสินค้าฟรี ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” หากมีข้อร้องเรียน แจ้งเหตุหรือข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ สามารถแจ้งลงประกาศสินค้าฟรีได้ที่สายด่วนสำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ 1586 กด 5 หรือ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)

แหล่งข่าว https://www.astut.xyz/guestpost

8


บมจ.สตาร์เฟล็กซ์ หรือ SFLEX ทุ่มงบลงทุนปีนี้ 300 ล้านบาท เดินหน้าขยายโรงงาน เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 270 ล้านเมตรต่อปี จากเดิม 210 ล้านเมตรต่อปี และซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อรองรับออเดอร์ทะลัก ช่วยหนุนรายได้ปี 64 โตทะลุเป้า 1,560 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ฟาก "สมโภชน์ วัลยะเสวี" บิ๊กบอส โชว์กลยุทธ์ ขยายตลาดเชิงรุกทั้งในปท.และตปท. เน้นบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยม มาร์จิ้นสูงในกลุ่ม Food และเครื่องมือแพทย์ มุ่งสร้างอัตรากำไรขั้นต้น และอัตรากำไรสุทธิเติบโตแข็งแกร่ง หวังก้าวสู่ผู้นำธุรกิจ Flexible Packaging

นายสมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX เปิดเผยว่า บริษัทตั้งงบลงทุนปี 2564 อยู่ที่ประมาณ 300 ล้านบาท แบ่งเป็นขยายโรงงานจำนวน 200 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักร จำนวน 100 ล้านบาท และเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตเครื่องจักรเป็น 270 ล้านเมตรต่อปี จากปีก่อนที่ทำได้ 215 ล้านเมตรต่อปี หรือ กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นถึง 25.58% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของรายได้จากการขาย Flexible Packaging ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายปี 2564 ไม่น้อยกว่า 1,560 ล้านบาท และก้าวไปสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ Flexible Packaging อย่างมั่นคง

"SFLEX ให้ความสำคัญในเรื่องเทคโนโลยี และนวัตกรรมเป็นอันดับหนึ่ง เราจึงเลือกใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในระดับแนวหน้าและสอดคล้องกับโลกที่เปลี่ยนแปลง จึงตัดสินใจลงประกาศสินค้าฟรีลงทุนเครื่องจักรใหม่ ซึ่งจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ อีกทั้งการขยายโรงงานและสร้างคลังสินค้า นอกจากจะรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มเข้ามาแล้ว ยังทำให้เราสามารถควบคุมอุณหภูมิ และความชื้นของผลิตภัณฑ์ได้ ทำให้สินค้ามีคุณภาพได้มาตรฐาน ตรงตาม Specificationและความปลอดภัย มุ่งสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าสูงสุดอีกด้วย"

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า บริษัทฯ มีแผนย้ายโรงงานที่บริเวณตำบลแพรกษา จังหวัดสมุทรปราการ มาอยู่โรงงานที่อำเภอบางบ่อ ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้าง คาดจะแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่องจักรภายในไตรมาส 4/2564

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจบริษัทฯ มีกลยุทธ์การขยายตลาดเชิงรุกทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยในการผลักดันให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น พร้อมกับการขยายฐานลูกค้าทั้งกลุ่ม Food มากขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 25-30% และที่เหลือราว 70-75% เป็นยอดขายในกลุ่ม Non-Food เป็นต้น

ขณะเดียวกันบริษัทมีการขยายตลาดบรรจุภัณฑ์เกรดพรีเมี่ยมไปสู่กลุ่ม Food และกลุ่มเครื่องมือแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นสูงทำให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้มีมติลงประกาศสินค้าฟรีอนุมัติจ่ายเงินปันผลในในอัตรา 0.045 บ./หุ้น โดยระบุว่าวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผลหรือขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 19 เมษายน 2564 วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 20 เมษายน 2564 และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 ทั้งนี้วาระดังกล่าวต้องผ่านมติอนุมัติในงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี วันที่ 8 เมษายน 2564 ณ ห้องประชุม 211-213 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค

แหล่งข่าว https://www.dirtgalleryla.com/guestpost

9

7 เม.ย.64- เพจไทยคู่ฟ้า โพสต์ข้อความว่า เตรียมกลับสู่มาตุภูมิ...2 ทับหลังของชาติ 

ถือเป็นเรื่องที่น่ายินสำหรับประเทศไทย เร็ว ๆ นี้ โบราณวัตถุ 2 รายการ คือ ทับหลังจากปราสาทหนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ และทับหลังจากปราสาทเขาโล้น จ.สระแก้ว กำลังจะคืนสู่แผ่นดินไทย หลังจากถูกนำไปจัดแสดงไว้ที่ Asian Art Museum นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2509 (55 ปี)

ขณะนี้ ทับหลังทั้ง 2 รายการกำลังอยู่ในกระบวนการส่งคืนให้ไทย โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ คาดว่าจะมีพิธีลงประกาศสินค้าฟรีส่งมอบอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมนี้ รวมทั้งโบราณวัตถุเพิ่มเติมอีก 13 รายการ ซึ่งมีทั้งพระพุทธรูป และรูปเคารพต่าง ๆ ที่จะถูกส่งคืนมาพร้อมกัน

หลังจากนั้นกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จะนำโบราณวัตถุนี้ไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้าชมและศึกษาหาความรู้ครับ

สำหรับภาพรวมตั้งแต่ปี 2508 - 2563 ประเทศไทยได้ลงประกาศสินค้าฟรีรับมอบโบราณวัตถุและศิลปวัตถุจากต่างประเทศ ทั้งสหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ ญี่ปุ่น ฮ่องกง ออสเตรเลีย ทั้งหมด 25 ครั้ง รวม 1,090 รายการ.

แหล่งข่าว https://www.chat-nablus.com/guestpost

10


ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์บีบีซี เปิดเผยเรื่องราวการต่อสู้กับการติดเหล้าและยาเสพติด โดยบอกว่า “ชีวิตผมไม่ใช่ นสพ.แท็บลอยด์”

“ผมไม่ได้สังกัดรัฐบาล ผมเป็นสมาชิกของครอบครัว” ฮันเตอร์บอกกับบีบีซี

ลูกชายของ ปธน.สหรัฐฯ ผู้นี้บอกว่าเขาขอรับผิดชอบที่สร้างเรื่องซึ่งใคร ๆ ก็รู้ว่าจะทำให้เกิดกระแสบนหน้าหนังสือพิมพ์หัวสี

การเป็นประธานคณะกรรมการบริษัทบูริสมา บริษัทด้านพลังงานของยูเครน ขณะที่พ่อเขาเป็นรองประธานาธิบดีในสมัยของบารัค โอบามา กลายมาเป็นประเด็นหลักในกระบวนการถอดถอน ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ในครั้งแรก จากข้อกล่าวหาที่ว่าเขาละเมิดกฎหมายด้วยการกดดันให้ผู้นำยูเครนขุดคุ้ยข้อมูลที่สร้างความเสียหายต่อนายโจ ไบเดน

อย่างไรก็ดี ข้อกล่าวหาเหล่านี้ถูกมองว่าไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่มีหลักฐานว่านายไบเดนได้ดำเนินการใด ๆ ในการจงใจเอื้อประโยชน์ให้ลูกชาย และยังไม่มีหลักฐานว่าฮันเตอร์ได้กระทำความผิดด้วย

แม้ว่าฮันเตอร์จะยืนยันว่าเขามีคุณสมบัติพอที่จะดำรงตำแหน่งในบริษัทนั้นจริง แต่เมื่อมองย้อนกลับไปแล้ว เขาคิดว่าตัวเอง “มองข้ามไปว่าจะสร้างภาพลักษณ์อะไร[จากการดำรงตำแหน่งนั้น]”

เขาบอกอีกว่า บริษัทบูริสมาเห็นชื่อเขาเป็น “โอกาสทอง” และนั่นเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาได้รับการแต่งตั้งให้ลงประกาศสินค้าฟรีดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการบริษัท

ที่อันแสนมืดมน

“Beautiful Things” โดยเขาบอกว่าอยากจะเขียนเรื่อง “ความรักของครอบครัว ว่าสิ่งนั้นช่วยผมไว้ได้อย่างไร”

แม่และน้องสาวของฮันเตอร์เสียชีวิตในอุบัติเหตุรถยนต์ในปี 1972 โดยเขาให้สัมภาษณ์ถึงความเชื่อมโยงระหว่างความสะเทือนใจจากเหตุการนั้นกับการติดเหล้าและยาเสพติดของเขา

“มีบางอย่างที่ขาดหายไปจากแก่นกลางของผู้เสพติดแต่ละคน ที่พวกเขารู้สึกว่าต้องเติมให้เต็ม… ไม่มีสิ่งใดจะเติมมันให้เต็มได้ ดังนั้นคุณจึงทำให้ตัวเองรู้สึกด้านชาไปซะ”

หลังจากโบ พี่ชายของเขาเสียชีวิตจากมะเร็งที่สมองในปี 2015 ฮันเตอร์บอกว่าเขา “ดำดิ่งลงสู่ที่อันแสนมืดมน”

“พี่ชายผมเพิ่งตาย ผมเพิ่งแยกทางกับภรรยา ผมอยู่ในอะพาร์ตเมนต์คนเดียว พูดง่าย ๆ คือผมกำลังดื่มให้ตัวเองตาย มันแย่มาก ๆ ความโศกเศร้าส่งผลแปลก ๆ ต่อคนเรา แล้วพอไปรวมกับปัญหาการเสพติด มันเป็นสิ่งที่เอาชนะได้ยากมาก”

แม้ว่าปัญหาของเขาจะกลายเป็นเป้าลงประกาศสินค้าฟรีสำหรับหนังสือพิมพ์หัวสี แต่ฮันเตอร์บอกว่ามันก็ทำให้คนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงได้ด้วย

“ผมคิดว่าสิ่งที่คนเห็นในครอบครัวไบเดนคือครอบครัวของพวกเขาเอง ผมคิดว่าพวกเขาเห็นโศกนาฏกรรมจากการสูญเสีย แต่ก็เห็นความรักและความจริงใจด้วย ผมคิดว่าพวกเขาเห็นว่าเราไม่ได้ต่างอะไรไปมากจากครอบครัวอื่น ๆ”

ฮันเตอร์บอกว่าเขาและพ่อรู้โดยสัญชาตญานว่าจะตอบอย่างไรตอนเตรียมรับมือกับการโต้วาทีรอบแรกที่คาดว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะพูดถึงเรื่องปัญหาการเสพติดของเขา

“ผมบอกว่า ‘พ่อ…พ่อก็รู้ว่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในครอบครัวเรา มันเป็นเรื่องของความรัก เรื่องของความหวัง เป็นเรื่องที่หลายครอบครัวกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ พ่อก็แค่พูดกับพวกเขา และขอให้เชื่อว่าความจริงใจของพ่อและของผมที่จะพูดเรื่องนี้จะทำให้ชาวอเมริกันมีความรู้สึกร่วมไปกับเรา’ ”

“มันไม่ใช่การคาดคะเนทางการเมือง มันมาจากหัวใจ”

เมื่อมองถึงอนาคต ฮันเตอร์บอกว่าอาการเสพติด “ไม่เคยหายไป” แต่ผู้เสพติดหลายคนก็กลายมาเป็นคนที่ทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมในชีวิตได้

“ถึงเวลาแล้วที่เราจะมองปัญหาการเสพติดเป็นปัญหาด้านสุขภาพจิต ไม่ใช่ปัญหาด้านจรรยาบรรณหรือศีลธรรม”

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่พ่อของเขาจะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ อีกสมัยขณะอายุ 82 ปี ฮันเตอร์บอกว่า “พ่อเด็กกว่าผมทั้งในแง่ความสามารถทางร่างกายและจิตใจ ผมไม่รู้จักใครที่มีพลังงานมากไปกว่าเขา”

แหล่งข่าว https://www.morepartyanimals.com/guestpost

11

วันที่ 7 เม.ย.64 ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศปก.ศบค.) เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ซึ่งมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นประธาน มีประเด็นข้อสั่งการ/ข้อเสนอแนะที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย และในการประชุมเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ได้พิจารณากรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสถานบริการในพื้นที่กรุงเทพฯ และมีข้อสั่งการให้ลงประกาศสินค้าฟรีกระทรวงมหาดไทยเน้นย้ำจังหวัดให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 18) ข้อ 11 การดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคและการจัดระเบียบและปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T

ซึ่ง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าฯ และผู้ว่าฯกทม. จึงสั่งการไปยังผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ถือปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าว โดยให้มีการตรวจสอบการใช้อาคารสถานที่และการดำเนินการของเจ้าของ หรือผู้จัดการสถานที่ ให้เป็นไปตามแนวทางมาตรการควบคุมแบบบูรณาการ มาตรการป้องกันโรค รวมทั้งการจัดระเบียบและระบบต่าง ๆ ที่ทางราชการกำหนด และปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T โดยเคร่งครัด

นอกจากนี้ยังสั่งการไปยังผู้ว่าฯ ชายแดนด้านเมียนมา 10 จังหวัด คือ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง กำชับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาแจกจ่ายวัคซีนไปยังกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการสัมผัสคนจำนวนมากในบริเวณชายแดนและด่านชายแดนเป็นลำดับแรก และได้สั่งการผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด เร่งตรวจสอบสถานประกอบการ โดยเฉพาะลงประกาศสินค้าฟรีในสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง

พร้อมประชาสัมพันธ์แพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus ให้สถานประกอบการ กิจการ กิจกรรม มีมาตรการป้องกันให้ครบถ้วนตามเกณฑ์การประเมิน Thai Stop COVID Plus รวมทั้งรณรงค์ให้มีการล้างทำความสะอาดสถานที่ชุมชน ที่สาธารณะ เช่น ตลาด ส้วมสาธารณะ โดยการประเมินตนเองด้วยแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus (TSC+) ของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

ทั้งนี้สำหรับมาตรการ DMHTT ย่อมาจาก Distancing (อยู่ห่างไว้) Mask wearing (ใส่มาส์กกัน) Hand washing (หมั่นล้างมือ) Testing (ตรวจให้ไว) ThaiChana (ใช้ไทยชนะ และหมอชนะ)

แหล่งข่าว https://www.pandalean.com/guestpost

12

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ที่ต้องการผลักดันโรงเรียนคุณภาพของชุมชนและการพัฒนาเด็กปฐมวัย เพื่อขับเคลื่อนให้ลงประกาศสินค้าฟรีแต่ละชุมชนได้มีโรงเรียนที่มีคุณภาพอย่างน้อย 1 โรงเรียนขึ้นไป ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของโอกาสในการศึกษานั้น ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขณะนี้ได้เตรียมแผนงานเรื่องดังกล่าวเพื่อให้ รมว.ศึกษาธิการพิจารณาแล้วว่าแผนงานการสร้างโรงเรียนคุณภาพชุมชนจะต้องมีรายละเอียดอะไรบ้าง รวมถึงภาพรวมของแผนงานการศึกษาจังหวัดที่ รมว.ศธ.ต้องการจะสานต่อนโยบายเดิมของนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ สพฐ.จึงพร้อมสนับสนุนนโยบายต่างๆของ รมว.ศธ.อย่างเต็มที่ อีกทั้งได้เตรียมข้อมูลแผนการขับเคลื่อนงาน เพื่อนำไปสู่การเดินหน้ายกระดับคุณภาพการศึกษาให้สำเร็จตามข้อสั่งการของ รมว.ศธ.ด้วย

เลขาธิการ กพฐ.กล่าวอีกว่า ส่วนนโยบายของ น.ส.ตรีนุชจะต้องนำไปสู่การปรับเปลี่ยนงบประมาณหรือไม่นั้นคิดว่ายังไม่จำเป็นต้องปรับงบประมาณอะไร เพราะการจัดทำงบฯ ของ สพฐ.ยึดตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายรัฐบาล รวมถึงนโยบายหลักของ ศธ.อยู่แล้ว นอกจากนี้ลงประกาศสินค้าฟรี ในการมอบนโยบายครั้งแรกของ น.ส.ตรีนุชนั้นได้แจ้งให้ผู้บริหาร ศธ.ทุกคนได้รับทราบว่า รมว.ศธ.จะใช้จังหวัดเป็นฐานในการพัฒนาการศึกษา ซึ่งศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) จะทำงานร่วมกันเป็นทีมให้งานการศึกษาด้านต่างๆประสบความสำเร็จ โดยขณะนี้ รมว.ศธ.ได้มอบหมายสำนักงานปลัด ศธ.ตั้งคณะทำงานพิจารณาหาทางที่จะร่วมมือทำงานกับจังหวัด เช่น หากเนื้องานใดที่มีความทับซ้อนกันอยู่ก็มาตกลงร่วมกันเพื่อให้การทำงานเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น เป็นต้น.

แหล่งข่าว https://www.opaminbox.xyz/guestpost

13

จากกรณี มีรายงานว่า พบพริตตี้สาวมอเตอร์โชว์ เป็นผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 ซึ่งต่อมาเจ้าตัวได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ไม่ได้เข้าไปที่บูธจัดแสดงภายในชาเลนเจอร์ ฮอลล์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.64

อย่างไรก็ตาม บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 42 ได้ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ได้มีการประสานงานลงประกาศสินค้าฟรีกับทางบูธผู้จัดแสดงที่ว่าจ้างพริตตี้คนดังกล่าว โดยได้รับคำชี้แจงว่า ผู้ติดเชื้อไม่ได้เข้ามาปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2564 และข้อมูลที่ระบุบนโซเชียลมีเดียของผู้ติดเชื้อ มีการโพสต์ว่าเป็นการได้รับเชื้อจากสถานที่อื่น

ทางบริษัท กรังด์ปรีซ์ฯ ในฐานะผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ขอยืนยันถึงความตระหนักในมาตรการด้านสุขอนามัยของผู้เข้าชมงาน โดยมีการจัดจุดคัดกรองลงประกาศสินค้าฟรี และกำหนดมาตรการตามที่หน่วยงานภาครัฐกำหนดอย่างเคร่งครัด ตลอดการจัดงานระหว่างวันที่ 24 มีนาคม-4 เมษายน 2564 ซึ่งทางผู้ติดเชื้อได้ผ่านจุดคัดกรองมีการตรวจวัดไข้ตามข้อกำหนด แต่ไม่พบว่าอุณหภูมิสูงกว่าปกติ.

แหล่งข่าว https://www.bluemammothband.com/guestpost

14

คปภ.ลงพื้นที่เร่งช่วยเหลือด้านการประกันภัย เหตุเพลิงไหม้จนอาคารถล่มดับ 5 ศพ เขตทวีวัฒนา เผยระบบประกันภัยพร้อมเยียวยาฮีโร่ดับเพลิง และผู้เสียชีวิตกว่า 2.5 ล้านบาท ด้านพนักงานสอบสวนเผย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเตรียมเข้าตรวจหาสาเหตุ มุ่งเก็บหลักฐานจุดเกิดเพลิงไหม้ บริเวณป้อมยามด้านหน้าอาคาร รวมทั้งการค้นหา server ของกล้องวงจรปิด ส่วนการสอบปากคำสอบไปแล้ว 3 ปาก ยันตรงกัน ไฟไหม้จากป้อมยามและลุกลามเข้าตัวบ้าน

จากเหตุเพลิงไหม้บ้านเดี่ยว 3 ชั้น เลขที่ 138/12 หมู่บ้านกฤษดานคร 31 แยก 3 ถนนพุทธมณฑล สาย 3 แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. ที่ตั้งบริษัท โลกโสภา จำกัด และเกิดถล่มทำให้อาสาบรรเทาสาธารณภัย 4 คน และเหยื่อในบ้านอีก1คนรวม 5 คน เสียชีวิตคาซาก ขณะที่ “สภาวิศวกร” ตรวจสอบคลิปวินาทีลงประกาศสินค้าฟรีบ้านถล่มลงมาทับจนมีผู้เสียชีวิต ตั้ง 4 ปัจจัยหลัก ทั้งการออกแบบถูกต้องหรือไม่ การก่อสร้างเป็นไปตามแบบหรือไม่ ใช้งานผิดประเภทหรือไม่ และมีตัวเร่ง โยธาเขตทวีวัฒนาพบบ้านเกิดเหตุยื่นขอดัดแปลง 1 ครั้งหลังก่อสร้างเพียงปีเดียว อยู่ระหว่างตรวจสอบความถูกต้อง

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 เม.ย. บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 138/12 หมู่บ้านกฤษดานคร 31 ที่เกิดเหตุอาคารถล่ม มีเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบของ สน.ธรรมศาลา ยังคงเข้ามาตรวจพื้นที่ก่อน จนกว่าจะมีการเข้ารื้อถอน มีการขึงตาข่ายกันฝุ่นรบกวนบ้านที่ติดกันด้วย

ร.ต.อ.ชวภณ คล่องยุทธ รอง สว. (สอบสวน) สน.ธรรมศาลา กล่าวว่า ถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานยังไม่ได้เข้าไปตรวจสอบหาสาเหตุ เนื่องจากยังต้องรอตรวจสอบพื้นที่หลังการรื้อถอน ได้ประสานเจ้าหน้าที่โยธาฯเขตไปแล้ว คาดว่าในวันที่ 7 เม.ย.จะดำเนินการได้ โดยเฉพาะการมุ่งเก็บหลักฐานจุดที่คาดว่าจะเป็นจุดเกิดเพลิงไหม้ บริเวณป้อมยามด้านหน้าของอาคาร จะเริ่มขุดจากจุดนี้ และการค้นหา server ของกล้องวงจรปิด เพื่อดูสาเหตุของเพลิงไหม้ ส่วนพยานในขณะนี้เรียกสอบปากคำแล้ว 3 ปากให้การตรงกันว่าเพลิงลุกไหม้จากป้อมยามและลุกลามเข้าตัวบ้าน ส่วนเจ้าของบ้านยังคงอยู่ที่ญี่ปุ่น ได้ประสานน้องสาวเจ้าของบ้านให้เข้ามาให้ปากคำในฐานะผู้ดูแลอาคาร ส่วนประเด็นการขออนุญาตเป็นที่อยู่อาศัย แต่มีการเก็บสินค้าภายในอาคาร ขณะนี้ยังไม่พบว่าอาคารดังกล่าวถูกใช้เป็นโกดัง เป็นเพียงการเก็บสินค้า เช่น หน้ากากอนามัยและอุปกรณ์ดำน้ำ แต่มีไม่มาก รวมไปถึงอาคารหลังดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นที่พักพนักงาน

วันเดียวกัน นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเดี่ยวและพังถล่มลงมาเสียหายทั้งหลัง มีผู้เสียชีวิต 5 ราย ในจำนวนนั้นเป็นอาสาสมัครสมาคมอาสาสมัครบรรเทาสาธารณภัย อยู่ระหว่างเข้าช่วยเหลือดับเพลิง 4 ราย อีก 1 ราย เป็นเลขานุการเจ้าของบ้าน ส่วนผู้บาดเจ็บ 8 ราย สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิ–ประโยชน์ และสำนักงาน คปภ. เขตท่าพระ เร่งช่วยเหลือและสำรวจความเสียหายอย่างเร่งด่วน รวมทั้งติดตามและตรวจสอบข้อมูลการทำประกันภัยของบ้านหลังดังกล่าว รวมทั้งผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ เพื่อให้ระบบประกันภัยช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

นายสุทธิพลกล่าวอีกว่า สำหรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต สั่งการให้ลงประกาศสินค้าฟรีประสานบริษัทประกันภัยเร่งจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตโดยเร็ว ในเบื้องต้นจากกรณีเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ครอบครัวของฮีโร่ดับเพลิง ผู้เสียสละชีวิต และเลขานุการเจ้าของบ้าน ผู้เสียชีวิต ได้รับเงินเยียวยาจากระบบประกันภัย รวมทั้งสิ้น 2,513,598.60 บาท จากการประกันภัยอุบัติเหตุ 2,000,000 บาท และการประกันชีวิต 513,598.60 บาท หากตรวจสอบพบภายหลังว่าผู้ประสบภัยทำประกันภัยประเภทอื่นๆเพิ่มเติม จะได้รับค่าสินไหมทดแทนเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยที่ระบุไว้อีกด้วย

แหล่งข่าว https://www.ziliosolai.com/guestpost

15


จากข้อมูลเงินให้กู้ยืมแก่ภาคครัวเรือนล่าสุดไตรมาส 4/63 บ่งชี้ว่า หนี้ครัวเรือนของไทยปิดสิ้นปี 2563 ด้วยจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 18 ปี โดยระดับหนี้ครัวเรือนทะลุ 14 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 89.3%  เมื่อเทียบกับจีดีพีปี 2563 อย่างไรก็ดีลงประกาศสินค้าฟรี หากมองในมิติอัตราการเติบโตของหนี้ จะพบว่า ยอดคงค้างหนี้ครัวเรือนปี 2563 เพิ่มขึ้นเพียง 3.9% เป็นอัตราการเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 4 ปี แสดงให้เห็นว่า ทั้งผู้กู้และผู้ปล่อยกู้ ต่างเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ในช่วงที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงักลงจากผลกระทบของโควิด 19
 
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีข้อสังเกตว่า สินเชื่อภาคครัวเรือนที่ยังเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจได้นั้น สะท้อนสถานะของผู้กู้และวัตถุประสงค์ของการกู้ยืมที่แตกต่างกัน ระหว่างผู้กู้ 2 กลุ่ม โดย กลุ่มแรก เป็นการกู้ยืมเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ ที่อยู่อาศัย หรือรถยนต์ ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อปานกลางค่อนไปทางสูง และรายได้ไม่ได้ถูกกระทบมากจากสถานการณ์โควิด และกลุ่มที่สอง เป็นกลุ่มครัวเรือนที่มีความจำเป็นต้องก่อหนี้ เพื่อใช้เสริมสภาพคล่อง หรือ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีรายได้ไม่แน่นอน และสถานะทางการเงินอ่อนแอลงตามทิศทางเศรษฐกิจ   
 
นอกจากนี้ข้อมูลจากสำรวจภาวะหนี้สินและเงินออมของศูนย์วิจัยกสิกรไทย สะท้อนว่า ภาระหนี้สินและเงินออมของผู้กู้รายย่อยที่ประกอบธุรกิจ และผู้กู้รายย่อยที่มีปัญหาด้านรายได้ ถดถอยลงมากจากผลกระทบของวิกฤตโควิด 19 มีภาระหนี้ต่อรายได้ (Debt Service Ratio--DSR) ต่อเดือนในช่วงต้นปี 2564 อยู่ที่ 44.1% และ 43.8% ตามลำดับ ซึ่งภาระหนี้ของผู้กู้ทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าวอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ย DSR ของผู้ตอบแบบสอบถามในผลสำรวจฯ[=https://www.hotescortservices.com/guestposturl]ลงประกาศสินค้าฟรี[/url] ซึ่งอยู่ที่ 42.8% ขณะที่ข้อมูลในฝั่งการออมของภาคครัวเรือน ก็สะท้อนว่า ระดับการออมของครัวเรือนทุกกลุ่ม ลดต่ำลงจากผลกระทบของโควิด 19 ด้วยเช่นกัน
 
สำหรับแนวโน้มในปี 2564 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวขึ้น น่าจะทำให้เงินกู้ยืมของภาคครัวเรือนปี มีโอกาสเติบโตขึ้นสูงกว่าปี 2563  ซึ่งภาพดังกล่าว อาจส่งผลต่อเนื่องให้ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพี ขยับสูงขึ้นมาอยู่ในกรอบประมาณ 89.0-91.0% ต่อจีดีพี ซึ่งภาครัฐ คงต้องหันกลับมาดูแลปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างจริงจัง เมื่อวิกฤตโควิด 19 สิ้นสุดลง​

แหล่งข่าว https://www.nextexno.com/guestpost

16


นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่เพื่อตรวจความพร้อมของโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ บางปะอิน -นครราชสีมา หมายเลข M6 ก่อนเปิดให้บริการเพื่อระบายการจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เบื้องต้นจะเปิดให้ใช้วันที่ 7-19 เมษายน 2564 โดยแบ่งเป็นขาออกจากกรุงเทพฯ 7-13เมษายน ส่วนขาเข้ากรุงเทพฯ14-19 เมษายน 2564 โดยมีระยะทาง 36 กิโลเมตร ทั้งนี้ลงประกาศสินค้าฟรีจุดเริ่มต้นบริเวณขึ้นมอเตอร์เวย์นั้นจะอยู่บริเวณกิโลเมตร 65 ต.หนองสาหร่าย และสิ้นสุดที่ช่วงต่างระดับสีคิ้ว

“ในส่วนของกรมทางหลวง มีความพร้อมเรื่องการรองรับประชาชนที่สัญจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-นครราชสีมา เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะใช้ให้ประชาชนสะดวกขึ้น โดยจะเปิดให้ใช้บริการชั่วคราวเพื่อเป็นการระบายการจราจรในช่วงสงกรานต์ ซึ่งในวันที่ 7 เม.ย.นี้ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเดินทางมาเปิดการใช้งานชั่วคราวดังกล่าว อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดให้ใช้ได้ในวันที่ 7 เม.ย.ทั้งนี้ จะต้องรอนโยบายจากนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง”นายสราวุธ กล่าว

สำหรับปริมาณการจราจรในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น โดยการวิเคราะห์ปริมาณจราจรทั้ง ขาเข้า -ขาออก วันละไม่ต่ำกว่า 5แสนคัน เบื้องต้น10วัน ก็จะมีประมาณ 5 ล้านคัน โดยประมาณการว่าจะมีรถยนต์ใช้บริการประมาณ4-5หมื่นคันต่อวัน ทั้งนี้ ได้มีการจำกัดความเร็วอยู่ที่ 80กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งได้กำหนดอนุญาตให้เฉพาะรถยนต์ 4ล้อเท่านั้นใช้บริการในช่วงนี้  นอกจากนี้ ยังได้เตรียมเจ้าหน้าที่เพื่ออำนวยความสะดวก 4 ส่วน ประกอบด้วย 1.เจ้าหน้ากรมทางหลวง 2.เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง 3.เจ้าหน้าที่อาสาสมัคร และ4.เจ้าหน้าที่กู้ภัย โดยเป็นเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 300 คน

นอกจากนี้ ตามที่มีการเสนอข่าวในสื่อสังคมออนไลน์วันนี้ (5 เมษายน 2564) ถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เปิดเผยว่า กรมทางหลวงจ่ายเงินค่าเวนคืน ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 6 (M6) บางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา ให้กับประชาชนล่าช้า และยังจ่ายเงินไม่ครบนั้น กรมทางหลวงได้ตรวจสอบแล้ว ขอเรียนชี้แจงว่า กรมทางหลวง ได้รับกรอบวงเงินค่าเวนคืน ที่ ครม. อนุมัติ เมื่อ เดือนกรกฏาคม 2558 ในวงเงิน 6,630 ล้านบาท มีผู้ถูกเวนคืน ที่ดิน 2,983 ราย สิ่งปลูกสร้าง 1,044 ราย ต้นไม้ 1,211 ราย รวม 5,238 ราย และกรมทางหลวงได้จ่ายค่าเวนคืนให้ประชาชน ตามที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณแต่ละปี ทั้งที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และต้นไม้ ทั้งหมด “ครบทุกราย” แล้ว ตั้งแต่ปี 2559 - 2563 (ใช้เงินกันปี 2561) และได้เข้าพื้นที่ทำการก่อสร้างงานโยธาครบทุกสัญญา

ประชาชนบางราย ได้ใช้สิทธิ์ทำเรื่องอุทธรณ์ต่อกระทรวงคมนาคม เพื่อขอให้พิจารณาลงประกาศสินค้าฟรีจำนวนเงินค่าเวนคืนเพิ่ม หลังจากที่ได้รับเงินที่กรมทางหลวงได้จ่ายให้แล้วข้างต้น ซึ่งกระทรวงได้พิจารณา และแจ้งผลการอุทธรณ์เสร็จแล้ว โดยกรมทางหลวง ได้เร่งรัดจ่ายเงินในส่วนที่ประชาชนได้รับเพิ่มขึ้นจากผลการอุทธรณ์ตามลำดับ และงบประมาณที่ได้รับในแต่ละปี ซึ่งเริ่มจ่ายเงินอุทธรณ์เพิ่มเติม ตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา

ประเด็นที่นายศรีสุวรรณ จรรยา พูดตามข่าว น่าจะหมายถึง เงินส่วนที่ประชาชนจะได้รับเพิ่มจากผลการอุทธรณ์ ซึ่งในปัจจุบันยังมีประชาชนที่ยังไม่ได้รับเงินเพิ่มจากผลการอุทธรณ์ จำนวน 361 ราย วงเงินประมาณ  415 ล้านบาท ซึ่งกรมทางหลวงจะเร่งรัดจ่ายเงินให้ครบทุกรายต่อไป ทั้งนี้หากบางรายที่ยังไม่พอใจผลการอุทธรณ์ ก็ยังสามารถร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลปกครองได้ สำหรับงานก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข (M6) สายบางปะอิน - นครราชสีมา ได้ดำเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้ติดปัญหาการเข้าพื้นที่ก่อสร้างจากกรณีการเวนคืนแต่อย่างใด

แหล่งข่าว https://www.performancefordmag.com/guestpost

17

กฟผ. เหมืองแม่เมาะ รับรางวัล CSR-DPIM จาก กพร. ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 สะท้อนความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการเหมืองแร่อย่างมีประสิทธิภาพ ตามหลักมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการควบคุมฝุ่นละออง ดูแลคุณภาพอากาศอย่างจริงจัง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าของชุมชน และร่วมสร้างอากาศบริสุทธิ์อย่างยั่งยืน
 
นายณรงค์ศักดิ์ มาวงศ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและบริหารเหมืองแม่เมาะ-1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า เหมืองแม่เมาะของ กฟผ. ได้รับรางวัลโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมเหมืองแร่และอุตสาหกรรมพื้นฐานให้มีมาตรฐานความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR-DPIM) ประจำปี 2563 จากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) สะท้อนความมุ่งมั่นในการบริหารจัดการเหมืองแร่อย่างมีประสิทธิภาพ ตามหลักมาตรฐานลงประกาศสินค้าฟรีความรับผิดชอบต่อสังคม

ทั้งนี้ กฟผ. เหมืองแม่เมาะ ได้พัฒนาการดำเนินงานด้านต่าง ๆ อย่างคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขอนามัยที่ดีของประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมในการดูแลคุณภาพอากาศ ได้มีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมฝุ่นละอองอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการฉีดพ่นน้ำเพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองในทุกกระบวนการดำเนินงาน รวมถึงการปลูกแนวต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเป็นเกราะป้องกันดูดซับฝุ่นละออง นอกจากนั้นยังได้ติดตั้งสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณโดยรอบชุมชนถึง 15 สถานี เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของมาตรการควบคุมฝุ่นละออง สร้างความมั่นใจให้แก่ชุมชน จนได้รับรางวัล CSR-DPIM ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2553 และในปีนี้เป็นปีที่ 10
 
นอกจากนี้ ในอนาคต กฟผ. แม่เมาะ มีแผนที่จะลงประกาศสินค้าฟรีพัฒนาพื้นที่แม่เมาะ ให้เป็น “แม่เมาะเมืองน่าอยู่” หรือ Mae Moh Smart City เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ภายใต้ศาสตร์พระราชา เพื่อขับเคลื่อนให้ชุมชนสามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป

แหล่งข่าว https://www.vechmont.com/guestpost

18

เกิดกรณีที่ชายหนุ่มชาวฟิลิปปินส์วัย 28 ปีโดนตำรวจสั่งลงโทษด้วยการทำท่าสควอต 300 ครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โทษฐานออกจากบ้านหลังเคอร์ฟิวควบคุมโควิด-19 เจ้าตัวทรมานหนักเดินไม่ได้ในวันต่อมาสุดท้ายหมดสติสิ้นใจ ทางการฟิลิปปินส์เปิดสอบสวนสาเหตุแล้ว

    รายงานของบีบีซีเมื่อวันอังคารกล่าวว่า ผู้เสียชีวิตรายนี้คือ ดาร์เรน มานาอ็อก เปนาเรดอนโด หนุ่มชาวจังหวัดกาวิเต เขาโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกหยุดขณะออกไปซื้อน้ำที่ร้านค้าลงประกาศสินค้าฟรีใกล้บ้านหลังเวลาเคอร์ฟิว 18.00 น. เขาและอีกหลายคนโดนทำโทษด้วยการออกกำลังกายคล้ายกับท่าสควอตหรือท่าลุก-นั่งคนละ 100 ครั้ง แต่เมื่อพวกเขาทำได้ไม่พร้อมเพรียงกันจึงโดนลงโทษเพิ่ม เบ็ดเสร็จโดนทำสควอตไปคนละ 300 ครั้ง

    ข่าวอ้างสมาชิกในครอบครัวของเขาว่า เปนาเรดอนโดหมดสติที่บ้านในวันต่อมาแล้วเสียชีวิตหลังจากโดน "ทรมาน" จากการโดนลงโทษให้ออกกำลังกาย

    จังหวัดกาวิเตอยู่บนเกาะลูซอน ซึ่งขณะนี้อยู่ภายใต้การบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดเพื่อลงประกาศสินค้าฟรีควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่คร่าชีวิตคนในประเทศนี้แล้ว 13,435 คน จากผู้ติดเชื้อ 803,398 คน

    มาร์โล โซเลโร ผู้บังคับการตำรวจในพื้นที่ เผยกับนักข่าวว่า ไม่มีการลงโทษทางร่างกายกับพวกที่ฝ่าฝืนกฎควบคุมโควิด แต่เจ้าหน้าที่จะใช้การตักเตือนเท่านั้น และตัวเขาจะไม่อดทนกับเจ้าหน้าที่ที่พบว่ากำหนดบทลงโทษเองตามใจชอบ

    เอเดรียน ลูเซนา ญาติของเปนาเรดอนโด แจ้งข่าวการเสียชีวิตของเขาทางเฟซบุ๊ก พร้อมกับบอกเล่าเรื่องราวการโดนทำโทษดังกล่าว ส่วนไรค์เอลิน บัลเช คนรักที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกับเขา บอกว่า เปนาเรดอนโดกลับถึงบ้านตอนเช้าตรู่วันศุกร์ เขาแทบเดินไม่ได้ตลอดทั้งวัน ต้องคลานเอา แต่เธอไม่เห็นเป็นเรื่องร้ายแรง เพราะเขาบอกว่าแค่ปวดเมื่อยร่างกายเท่านั้น

    วันต่อมาเปนาเรดอนโดล้มหมดสติที่บ้าน หยุดหายใจ แล้วก็เสียชีวิต

    โอนี เฟร์เร นายกเทศมนตรีเมืองเจเนราลตริอาส กล่าวว่า เขาได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจสอบสวนอย่างละเอียดแล้ว การลงโทษแบบนี้ถือเป็น "การทรมาน"

    กลุ่มฮิวแมนไรต์วอตช์เคยเตือนไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎข้อบังคับในฟิลิปปินส์กำลังถูกล่วงละเมิด และมีบางกรณีที่โดนตำรวจและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจับขังไว้ในกรงสุนัข หรือบางคนถูกบังคับให้นั่งกลางแดดเปรี้ยง

    วันพฤหัสบดีที่แล้ว ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต แถลงทางโทรทัศน์เตือนประชาชนอย่าได้ฝ่าฝืนกฎการล็อกดาวน์ โดยบอกว่า เขาจะไม่ลังเลเลย คำสั่งของเขาต่อตำรวจและทหาร รวมถึงเจ้าหน้าที่หมู่บ้าน คือถ้าหากมีปัญหาวุ่นวาย หรือเกิดกรณีใช้ความรุนแรงและชีวิตของพวกเจ้าหน้าที่ตกอยู่ในอันตราย ก็ให้ยิงพวกนั้นให้ตาย.

แหล่งข่าว https://www.langit99.club/guestpost

หน้า: [1] 2