แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - banana009

หน้า: [1]
1

ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นเพื่อนหรือคนรอบข้างใช้สกินแคร์ อย่าง เซรั่ม สม่ำเสมอ ก็แอบมีความคิดอยากเลือกใช้บ้าง แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่เข้าใจทำไมถึงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มาดูแลผิวด้วย แล้วจะเลือกอย่างไรให้ตรงกับสภาพผิวของตนเอง และเพื่อให้มือใหม่สามารถเลือกใช้งานบำรุงแก้ปัญหาผิวตรงจุด วันนี้เรามีข้อมูลที่น่าสนใจมาอธิบาย

สาเหตุที่ทำให้เราต้องเลือกใช้เซรั่มบำรุงแก้ปัญหาผิวตรงจุด
ลองดูสาเหตุที่เราต้องใช้เซรั่มบํารุงหน้ากันสักเล็กว่าตัวเราเองนั้นมีความเหมาะสมที่ต้องซื้อใช้งานขนาดไหน เข้าข่ายหรือเปล่า
  • เป็นคนที่มีปัญหาริ้วรอยเกิดขึ้นตามตำแหน่งบนใบหน้า
  • เป็นคนที่มีจุดด่างดำ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
  • เป็นคนที่มีสิวง่าย หรือมีรอยดำจากสิวตามตำแหน่งบนใบหน้า
  • มีสุขภาพผิวหน้าที่อ่อนแอ ทำให้ดูไม่สดใส
  • เป็นคนที่มีใบหน้าเกิดความหมองคล้ำ ไม่เปล่งประกายเหมือนก่อน
  • เป็นคนที่มีรูขุมขนกว้าง ผิวดูไม่เรียบเนียน
  • เป็นคนที่ผิวแห้งกร้าน ขาดน้ำ

เทคนิคการเลือก Serum ให้ตรงกับสภาพผิวที่เป็นอยู่
  • เรตินอล วิตามินซี กรดซาลิไซลิกเพื่อจัดการสิว
    เรตินอล กรดไซลิก รวมถึงโซอิลเพอร์ออกไซด์จะช่วยต่อต้านการเกิดสิว ช่วยรักษาสิวที่มี โดยลดอาการอักเสบ ไม่เกิดอาการแดง คุมมัน และเมื่อมีวิตามินซีมาผสมด้วยจึงช่วยฟื้นฟูผิว สร้างความกระจ่างใสให้ผิวหน้า รอยดำจางลง
  • เรตินอลและเปปไทด์เพื่อจัดการริ้วรอย
    ด้วยความที่เรตินอลช่วยเติมเต็มเส้นริ้วรอยต่าง ๆ ให้ตื้นขึ้น และเปปไทด์ก็ช่วยฟื้นฟูซ่อมแซมผิวให้แลดูมีสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก จึงช่วยให้ลดริ้วรอยได้ดี แนะนใช้ตอนกลางคืนเพื่อให้ผิวมีการดูดซึมเซรั่มลงสู่ผิวลึกซึ้ง นอกจากนี้ยังสามารถใช้สารต้านอนุมูลอิสระ เช่น สารสกัดชาเขียว หรือวิตามินซีเพื่อปกป้องผิวไม่ทำให้เกิดริ้ววรอยง่าย
  • ไฮยาลูรอนิกและกรดไกลโคลิกเพื่อคนผิวแห้ง
    ใครที่รู้ตัวว่าผิวแห้งให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิกและกรดไกลโคลิก เพื่อเป็นการกักเก็บและเพิ่มชุ่มชื้นให้ชั้นผิวทำให้ผิวดูอุ้มน้ำตลอดเวลา ทั้งยังไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ มีคราบใด ๆ ด้วย เพราะซึมลึกสู่ชั้นผิวอย่างรวดเร็ว หรือจะมีส่วนผสมที่เพิ่มความชุ่มชื้นไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน อย่าง น้ำมันนโรสฮิป ซีบัตธอร์น หรือวิตามินอีก็ได้
  • กรดเฟอรูลิก และวิตามินซีเพื่อความกระจ่างใส
    สุดท้ายให้เลือกเซรั่มหน้าใสที่มีส่วนผสมของกรดเฟอรูลิก และวิตามินซีในกลุ่มคนที่เกิดความหมองคล้ำบนใบหน้าจากการสูบบุหรี่ ถูกแดดบ่อย หรือกรรมพันธุ์ พักผ่อนน้อย ฯลฯ เพื่อสร้างความกระจ่างใสทำให้ผิวกลับมาแข็งแรงดูสดใสมีชีวิตชีวาอีกครั้ง

Serum ทาเช้าเย็นควรเลือกใช้ให้ตรงช่วงเวลาเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
จริงอยู่ที่เราควรเลือกใช้เซรั่มทั้งช่วงเช้าและช่วงก่อนนอน แต่ถึงกระนั้นก็มีความจำเป็นที่จะต้องเลือกให้ตรงกับช่วงเวลาที่ทาด้วย อย่างในช่วงเช้าที่มักจะต้องถูกแสงแดดในกลางวันก็ควรเลือกที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า หรือมีส่วนผสมต้านอนุมูลอิสระเพื่อปกป้องผิว ไม่อย่างนั้นถูกแดดเผาอาจไวต่อแสงได้ หรือให้ทาครีมกันแดดทับก็ได้ ส่วนในช่วงก่อนนอนควรเลือกแบบเข้มข้นมาก หรือมีเรตินอลผสมเพราะขณะที่เราหลับจะได้รับการบำรุงที่เต็มที่ สุขภาพผิวดีขึ้น ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลง
ส่วนใครอยากทาเซรั่มให้ซึมลึกสู่ผิวขั้นสุด ให้มีการหยดผลิตภัณฑ์แล้ววอร์มเบา ๆ ที่ฝ่ามือก่อน จากนั้นค่อยใช้ฝ่ามือกดที่ใบหน้าที่นุ่มนวล หรือกดผิวเป็นรูปวงกลมก็ได้ อย่ารุนแรงเลือกที่ตำแหน่งหน้าผาก แก้ม 2 ข้าง จมูก คาง กระจายให้ทั่ว โดยที่ทั้งใบหน้าให้ใช้เวลาแตะผิว 30 – 60 วินาที

ติดตามสินค้าอื่น ๆ เว็บไซต์ https://www.loreal-paris.co.th/face-serum

2


ใครที่มีความสนใจอยากลองใช้ผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยแต่เผอิญอยากลองศึกษาก่อนว่ามีเนื้อสัมผัสแบบไหนบ้าง เพราะอันที่จริงเนื้อสัมผัสมีความสำคัญตรงที่ใช้เหมาะสมสภาพผิวย่อมเกิดประสิทธิภาพขั้นสุด เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและเลือกซื้อไม่ลังเล บทความนี้จึงจะพาไปทำความรู้จักเนื้อสัมผัสที่มีจำหน่ายทั่วไป และทริคเลือกซื้อให้ปลอดภัยสบายใจหายห่วง

เนื้อสัมผัสผลิตภัณฑ์พร้อมช่วยลดเลือนปัญหาร่องลึกริ้วเส้นชัดเจน
  • เนื้อสัมผัสแบบครีมช่วยลดเลือน มีความหนาเหนียวเข้มข้นที่สุดในทุก ๆ เนื้อ ช่วยเคลือบผิวให้ชุ่มชื้นได้นาน จึงเหมาะกับคนผิวแห้ง
  • เนื้อสัมผัสแบบเซรั่มลดริ้วรอย มีโมเลกุลขนาดเล็กซึมซับลงสู่ชั้นผิวได้รวดเร็ว ไม่ทิ้งสารตกค้างในรูขุมขนลดปัญหาสิว เกลี่ยง่ายแห้งง่าย จึงเหมาะกับคนที่มีผิวมันและผิวผสม
  • เนื้อสัมผัสแบบเจล มีความเข้มข้นน้อยแต่เกลี่ยง่ายเพราะไม่เหนียวเหนอะหนะสามารถซึมลึกสู่ชั้นผิวได้เร็วพอ ๆ กับแบบเซรั่ม เหมาะกับคนคนผิวมันและผิวผสม
  • เนื้อสัมผัสแบบโลชั่นลดริ้วรอย มีความเหนียวแต่เบาบางกว่าแบบครีม เกลี่ยง่ายกว่า แต่เข้มข้นน้อยกว่า ซึมลึกสู่ชั้นผิวได้ดีในระดับหนึ่ง เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวแห้ง

ทริคการเลือกซื้อให้ปลอดภัยสบายใจหายห่วง
  • เลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิว
    คนผิวแห้งแนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ กรดไฮยาลูรอน เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดี คนที่มีผิวมันแนะนำให้เลือกส่วนผสมที่ปราศจาก Oil ลดความมันที่มีอยู่แล้ว ผิวผสมแนะนำให้เลือกที่มีความชุ่มชื้นด้วยแต่ต้องไม่เกิดความมันให้ใบหน้า
  • ดูความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ
    แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์ที่ดีต้องได้รับมาตรฐานความปลอดภัยจากทาง อย. เสมอ และสามารถตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชันได้สะดวกสบาย สร้างความมั่นใจน่าเชื่อถือให้เรา สถานที่ตั้งตรวจสอบได้ติดต่อได้
  • ดูส่วนผสมที่ควรมีและเลี่ยง
    อ่านรายละเอียดของผลิตภัณฑ์เสมอว่ามีอะไรบ้าง ถ้าไม่เคยได้ยินหรือไม่รู้จักแนะนำให้ค้นหาข้อมูล และควรเลี่ยงที่มีส่วนเสี่ยงผลข้างเคียง ได้แก่ พาราเบน สีสังเคราะห์ น้ำหอม แอลกอฮอล์ ฯลฯ เพราะใช้แล้วเสี่ยงแพ้ระคายเคืองเป็นผดผื่น คัน บวมแดง ปวดแสบปวดร้อน
  • ดูวัน/เดือน/ปีที่ผลิต และหมดอายุ
    สิ่งสำคัญที่เรื่องของวัน/เดือน/ปีที่ผลิต และหมดอายุ โดยต้องหาที่เป็นอักษรย่อ MFG ที่หมายถึงวันผลิต และ EXP ที่หมายถึงวันหมดอายุ และหากวันที่ผลิตเลยมาไกลแล้วจากวันที่เราจะเลือกซื้อแนะนำให้เลี่ยงไปก่อน เพราะเสี่ยงคุณภาพต่ำ พาหน้ามีริ้วรอยไม่เห็นผล

ปัจจัยเสี่ยงเกิดปัญหาร่องลึกริ้วเส้นชัดเจนจนต้องพึงผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอย
ปัจจัยเสี่ยงจริง ๆ แล้วมีทั้งภายในและภายนอกมากระตุ้น ซึ่งภายในหาโอกาสเลี่ยงได้ยาก เช่น พันธุกรรม หรืออายุที่เพิ่มมากขึ้น ส่วนปัจจัยภายนอกที่มากระตุ้น ได้แก่ ความเครียดที่ทำให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทำงานผิดปกติจนเกิดปัญหา พฤติกรรมการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์จัด โดนแสงแดดที่มีรังสี UVA และ UVB เยอะและนานเซลล์ผิว คอลลาเจน อิลาสตินถูกทำลาย เป็นต้น
และทั้งหมดนี้ก็เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ลดริ้วรอยตั้งแต่เนื้อสัมผัสที่มีให้เลือกหลากหลาย ทริคการเลือกใช้อย่างปลอดภัย รวมถึงรู้ถึงปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาพาให้เราเลี่ยงพฤติกรรมต่าง ๆ ลงชะลอร่องลึกริ้วเส้นชัดเจนที่เกิดขึ้นมาไม่มากก็น้อย

เลือกซื้อสินค้าอื่น ๆ ได้ที่ เว็บไซต์ https://www.loreal-paris.co.th/how-to-reduce-wrinkles

3

ปัญหาที่ใครหลายคนหรือแทบทุกคนต้องเจอเมื่อไว้ผมยาวทีไร เส้นผมก็มักจะต้องหลุดร่วงเกลื่อนเต็มพื้นห้อง ต้องกวาดกันหลายรอบ หลายครั้งจนบางทีก็แอบรำคาญไม่น้อย แท้จริงแล้วปัญหาผมที่ยาวและร่วงมีสาเหตุจากอะไร แล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไรนี่คงเป็นสิ่งที่ต้องการคำตอบมากที่สุด และเราก็มีมาบอกต่อด้วยในบทความนี้ ว่าแล้วไปศึกษากันดีกว่า

ไว้ผมยาวทีไรผมร่วงทุกทีเรื่องนี้มีสาเหตุจากอะไร
  • ใครที่มีปัญหาไว้ผมยาวแล้วผมร่วงอันที่จริงอาจมาจากพฤติกรรมบางอย่างของเรามีคาดไม่ถึง แต่จะเป็นพฤติกรรมใดนั้น ลองไปเช็คพร้อม ๆ กันเลย
  • ชอบหวีผมแรง บ่อย และขณะที่เปียก ซึ่งเป็นการทำร้ายเส้นผมที่เราคาดไม่ถึง เพราะหวีไปเสียดสีจนเกิดปัญหาผมร่วง แห้งเสียได้
  • กินอาหารรสชาติจัดจ้าน ซึ่งทำให้เส้นเลือดหดตัว ความดันเลือดสูงขึ้น เลือดไปเลี้ยงรากผมได้ไม่เพียงพอส่งผลให้เส้นผมไม่แข็งแรง
  • ย้อม ดัด ทำสีเป็นประจำ แน่นอนว่าเป็นพฤติกรรมที่ร้ายเส้นผมอย่างเห็นได้ชัด
  • สระผมบ่อยจนเกินไป บางคนหนังศีรษะมัน หรือออกกำลังกายทุกวันต้องสระผมบ่อยทำให้หนังศีรษะแห้งจนระคายเคือง คัน เกิดรังแค และหลุดร่วงจนได้
  • ใช้ไดร์เป่ามากเกินไป ทำให้ผมแห้ง ขาดความชุ่มชื้น และในที่สุดเส้นผมหลุดร่วง จึงไม่ควรจ่อความร้อนที่หนังศีรษะนาน หรือใช้มากเกินไป

พาไปดู 4 วิธีช่วยดูแลเส้นผมที่ยาวและหลุดร่วงง่าย
  • ผมเปียกชื้นอย่าเพิ่งนอนเด็ดขาด
    นอกจากมัดผม หรือหวีผม ก็ยังมีห้ามนอนทันทีตอนที่ผมเปียกด้วย เพราะช่วงเวลาที่ผมยาวกำลังเปียกชื้นเป็นช่วงที่เส้นผมค่อนข้างอ่อนแอและบอบบางมาก อาจเกิดเชื้อราก่อตัวจับกันที่หนังศีรษะ เกิดกลิ่น คันเป็นรังแค รากผมไม่แข็งแรงและหลุดร่วง
  • สระผมให้ถูกวิธีเป็นเรื่องสำคัญ
    เริ่มต้นวิธีดูแลผมยาวก็คือ การเลือกผลิตภัณฑ์ทั้งแชมพูและครีมนวดที่ไม่มีสารเจือปนดีที่สุด อาจจะเป็นผลิตภัณฑ์สกัดจากสมุนไพร จากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีเยอะ และไม่ควรใช้น้ำอุ่นสระผมเพราะจะยิ่งทำให้ผมเกิดปัญหาแตกปลาย แห้ง และร่วงง่ายขึ้น อีกทั้งพยายามอย่าสระบ่อยด้วยนะ
  • อย่าปล่อยให้หนังศีรษะมันอยู่บ่อย ๆ
    เพราะการที่เราปล่อยให้หนังศีรษะมันอยู่บ่อย ๆ ย่อมเป็นสาเหตุที่ทำให้หนังศีรษะสกปรกง่าย พาให้เส้นผมที่ยาวของเราบางและหลุดร่วงมากกว่าเดิม แนะนำเลือกแชมพูที่ช่วยขจัดความมันได้ดี สร้างรากผมให้แข็งแรงไว้สู้กับน้ำมันบนหนังศีรษะ
  • พยายามไม่ทำอะไรรุนแรงกับเส้นผม
    แนะนำให้เช็ดผมให้แห้งหมาด ๆ แล้วเป่าลมเย็นแทนการใช้ไดร์หรือเครื่องหนีบที่มีความร้อนสูง หรือหวีผมตอนเปียกเพื่อลดปัญหาผมพันกันจนขาดหลุดร่วง


แนะนำให้ใครที่ผมยาวพยายามอย่ามัดผมไว้ตลอดวัน ให้ปล่อยผมออกบ้าง เพราะยางรัดผมมีส่วนในการทำให้ผมของเราหลุดร่วงได้จากการถูกกระชาก หรือแกะออกแล้วผมไปพันยางรัด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับชนิดของยางรัดด้วย แนะนำให้ใช้ยางเส้นเล็กและเรียว หรือแบบเป็นขด ๆ เหมือนสายโทรศัพท์บ้าน เพราะจะไม่กินเส้นผม ไม่ทำให้ผมขาด แต่ถ้าเป็นยางรัดถุงแกงอันนี้ไม่ได้เชียว
ปัญหาผมยาวแล้วขาดหลุดร่วง รวมถึงปัญหาผมแห้งเสียที่มักจะเกิดขึ้นควบคู่กันไปนี้นั้น เราสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม ที่สำคัญการเลือกผลิตภัณฑ์ก็ควรต้องใส่ใจ เมื่อรากผมแข็งแรงเส้นผมก็จะแข็งแรงตามไปด้วย ช่วยให้ผมมีสุขภาพดี ไม่ต้องคอยกวาดพื้นกันแล้ว

เว็บไซต์ https://www.loreal-paris.co.th/dream-lengths-good-for-long-hair

4


“ลิปสติก” จัดเป็นเครื่องสำอางที่สาว ๆ หลายคนต้องพกติดกระเป๋าไว้ แต่ถึงกระนั้นรู้หรือไม่ว่าผลิตภัณฑ์ที่วางขายอยู่นั้นแท้จริงแล้วมีกี่ประเภทให้เลือกกันแน่ แล้วสีสวย ๆ ที่ชอบบ่งบอกความเป็นตัวเองอย่างไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก บอกเลยว่าคุณจะเลือกลิปสติกได้อย่างตอบโจทย์เพิ่มความมั่นใจให้ริมฝีปากมากขึ้นกว่าเดิม

6 ประเภทของลิปยอดนิยม เลือกใช้ถูกใจในทุก ๆ วัน
  • ประเภทจิ้มจุ่ม หรือลิควิดลิป : ได้เม็ดสีที่ชัดเจน ติดทนติดนาน ใช้การหมุนเปิดหยิบแปรงจุ่มขึ้นมา เลือกได้ทั้งเนื้อแมทและเนื้อมัน
  • ประเภทลิปสติกเนื้อครีม : ให้ความเนียนนุ่มชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก ไม่แห้งติด เม็ดสีชัดเจนไม่เพี้ยน ช่วยให้ปากดูอวบอิ่ม
  • ประเภทเนื้อซาติน : เนื้อลิปมีความมันวาว ได้สีบาง ๆ เหมาะกับคนที่ไม่อยากได้ริมฝีปากโดดเด่น ชอบความธรรมชาติ
  • ลิปแมท : เม็ดสีติดชัดเจนทนนาน แห้งด้านสนิทริมฝีปาก ไม่เห็นความมันวาวเหมือนเนื้อครีม แต่ใครที่ริมฝีปากแห้งต้องระวังให้มาก เพราะจะทำให้เนื้อตกร่อง หมดความมั่นใจ
  • ลิปมัน/ลิปบาล์ม : เป็นลิปที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ริมฝีปาก ไม่มีสีให้เห็น ทำปากเงางาม ส่วนมากใช้กับคนที่อยากบำรุงริมฝีปากหรือมีริมฝีปากแห้งก่อนทาลิปอื่น ๆ
  • ลิปทินส์/ลิปกลอส : ปิดท้ายกันที่ลิปทินส์หรือลิปกลอสที่เพิ่มความมันวาว ชุ่มชื้นที่ริมฝีปาก พาให้ไม่แตกหรือเกิดขุยได้ง่าย ใครชอบความธรรมชาติประเภทนี้ก็ไม่ผิดหวัง


สีลิปสติกที่ใช้บ่งบอกความเป็นตัวเองโดยไม่รู้ตัว
ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลาย ๆ แบรนด์ผลิต Lipstick ออกมาให้เลือกหลากหลายเฉดสีมาก แล้วรู้หรือไม่ว่าสีของลิปที่เราชื่นชอบซื้อมาใช้ทาบ่งบอกความเป็นตัวเองโดยไม่รู้ตัว
  • ลิปสีชมพูกุหลาบ
    ใครชื่นชอบสีนี้บ่งบอกว่าเป็นคนอ่อนโยน มีความงามแสนโรแมนติก ช่างเลือกเก่งกว่าจะซื้ออะไรพิจารณานาน เผลอ ๆ กว่าจะเลือกเสร็จคิวจ่ายเงินยาวไปอีก ทั้งยังเป็นคนมีจินตนาการสูงแบบหวาน ๆ
  • ลิปสีแดงน้ำตาล
    ส่วนสีลิปสวย ๆ อย่าง สีแดงน้ำตาลบ่งบอกว่าคุณเป็นคนมีเสน่ห์ น่าค้นหา มีความสุขุมนุ่มลึก เดาใจยาก แต่ก็มีความอบอุ่นในตัวเอง ตรงไปตรงมา และบางช่วงก็ต้องการอยู่คนเดียวแบบส่วนตัวอย่ามีใครมายุ่ง
  • ลิปสีเลือดหมู
    บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่จินตนาการสูง มีความลึกลับซับซ้อนในตัวเอง และค่อนข้างเด็ดเดี่ยวหนักแน่น ตัดสินใจหรือมีเป้าหมายอะไรต้องไปให้ถึง ชอบเป็นผู้นำมากกว่าผู้ตาม จึงแทบหาความอ่อนหวานในตัวเองไม่เจอ
  • ลิปสีแดงสด
    บ่งบอกว่าคุณเป็นคนที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองสูง มีความทะเยอทะยาน ขยันเรียกร้องความสนใจจากผู้ที่อยู่รอบข้างได้ดี แต่ก็แอบซ่อนความรู้สึกไว้เองไม่บอกใคร มีอารมณ์ร้อนชอบความท้าทาย
  • ลิปสีน้ำตาล
    บ่งบอกว่าเป็นคนติดดินมาก ไม่ชอบความหรูหราหรือดูไม่ฟุ่มเฟือย มีความจริงใจไม่เสแสร้งใครอยู่ด้วยก็อยากคบหา พร้อมเก็บความลับไว้ได้ไม่นินทาใครมั่ว

ใช้ลิปกับริมฝีปากอย่าลืมเรื่องการดูแล
ทุกสิ่งอย่างต้องมีการดูแลที่ดี Loreal Paris Thailand จึงอยากแนะนำวิธีดูแล โดยวิธีการดูแลมีให้เลือกหลากหลายไม่แพ้สีลิป ได้แก่ เลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก เพราะจะทำให้ริมฝีปากแห้ง ลองใช้การบำรุงปากด้วยมาส์กปาก หรือสครับขัดริมฝีปากที่เสียออกด้วยแปรงสีฟันอย่างอ่อนโยน กินผลไม้ให้มาก ๆ ควรใช้ลิปเนื้อบาล์มที่ผสมสารกันแดดปกป้องริมฝีปากจากรังสี UV

ในการเลือกลิปสติกสักแท่งนอกจากสีสันที่ชื่นชอบ ประเภทที่เหมาะสมแล้ว เรื่องความปลอดภัยก็สำคัญ แนะนำว่าให้เลือกผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. อย่าเห็นแก่ของราคาถูกเด็ดขาดเพราะอาจหมดอายุ หรือเนื้อ lipstick ไม่มีคุณภาพ

-ขอบคุณบทความดี ๆ จาก เว็บไซต์ https://www.loreal-paris.co.th/apply-lipstick

5

แสงแดดเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผิวหน้าเกิดความหมองคล้ำ มีริ้วรอย มีความเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย แต่ถึงอย่างนั้นเราสามารถดูแลปกป้องผิวได้ด้วยการเลือกกันแดดที่เหมาะสม ตอบโจทย์กับเรา ซึ่งหลายคนอาจมีปัญหาเป็นสิวและผิวแพ้ง่ายจนบางครั้งก็แอบสงสัยว่าจะเลือกครีมแบบไหนอย่างไรดี วันนี้เรามีทริคการเลือกครีมมาแนะนำ ใช้งานสะดวกได้การปกป้องผิวหน้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ

ประเภทของเนื้อครีมที่มีให้เลือกใช้
ก่อนที่จะไปศึกษาทริคการเลือกครีมมาใช้สำหรับคนเป็นสิว อยากให้ลองทำความรู้จักกับประเภทของเนื้อครีมสักเล็กน้อย โดยมีด้วยกัน 2 ประเภทหลักที่นิยมใช้เป็นประจำ ดังนี้
  • ครีมกันแดดแบบเนื้อครีม : เนื้อสัมผัสมีความนุ่ม สามารถสร้างน้ำมันบนใบหน้าได้ เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง
  • ครีมกันแดดแบบเนื้อเจล : เนื้อสัมผัสค่อนข้างเบาบาง ซึมได้รวดเร็ว เหมาะกับคนที่มีผิวมัน หรือเป็นสิวอุดตันในรูขุมขน

5 ทริคการเลือกกันแดดที่คนเป็นสิวควรรู้ ใช้ง่ายมีประสิทธิภาพ
  • เลือกใช้ที่มีสารไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
    หลีกเลี่ยงสารเคมีต่าง ๆ ที่มีส่วนทำให้รูขุมขนอุดตัน ไม่ว่าจะ ผสมในประเภทเจลหรือครีม อย่าง สีสังเคราะห์ แอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือ Mineral Oil เพราะจะยิ่งทำให้รูขุมขนอุดตันง่าย หรือมีแนวโน้มเกิดสิว ส่วนใครที่เป็นสิวอยู่ก็จะยิ่งทำให้มีมากขึ้น
  • เลือกแบบ Physical
    ปัจจุบันมีสารกันแดดหน้า 2 แบบ ได้แก่ Physical และ Chemical โดยที่ให้เลือกแบบ Physical นั้นจะช่วยปกป้องผิว ดูแลผิวให้สะท้อนแสงแดด หรือรังสียูวีออก เกิดความเสถียรและทำให้อาการแพ้เกิดได้น้อย
  • เลือกสารผสมที่ช่วยลดสิว
    ทริคต่อมาคือ ให้ลองเลือกซี้อครีมที่มีสารผสมช่วยลดสิวผสมอยู่ พร้อมควบคุมความมัน หรือให้ Sebum ทำงานลดลง อย่าง Zinc Oxide, Zinc Gloconate หรือ Zinc PCA
  • เลือกความสามารถป้องกัน UV และมี SPF มากกว่า 30
    ให้คุณเลือกครีมที่มีความสามารถในการป้องกันรังสีทั้ง รังสี UVA รังสี UVB และรังสี UVC ซึ่งอยู่ในแสงแดดควบคู่กันไป ที่สำคัญควรเลือกค่า SPF 30+ ด้วย เพื่อให้การปกป้องผิวหน้าเป็นไปอย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่หากใครออกแสงแดดบ่อย ๆ แนะนำเลือก SPF 50+
  • สรุปแล้วเลือกเนื้อครีมหรือเนื้อเจล
    ท้ายที่สุดแล้ว หากลองศึกษาประเภทของครีมข้างต้นดูจะพบทั้งแบบเนื้อครีมและเนื้อเจล ซึ่งในกรณีที่เป็นเนื้อครีมจะยิ่งเพิ่มน้ำให้ใบหน้า หรือทำให้ใบหน้าผลิตน้ำมันขึ้น เกิดการอุดตันได้ จึงอยากแนะนำให้เลือกเนื้อที่มีความเบาบางและซึมเร็ว อย่าง เนื้อครีมเจล หรือเนื้อเจลไปเลย

อันตรายของรังสี UVA รังสี UVB และรังสี UVC ถ้าไม่อยากผิวหน้าพัง
เผื่อใครยังไม่อยากให้ความสำคัญกับกันแดดเท่าที่ควร เราเลยอยากอธิบายถึงอันตรายของรังสี UVA และ UVB ที่มีอยู่ในแสงแดด เพราะรังสี UVA เป็นตัวการที่ทำให้เกิดจุดด่างดำ มีริ้วรอย ความเหี่ยวย่น ร้ายแรงสุดคือทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ส่วนรังสี UVB นั้นจะทำให้ผิวหน้าของเราเกิดความหมองคล้ำ ส่วนรังสี UVC มาจากแหล่งกำเนิดแสงเทียมที่เราสร้างขึ้น เช่น หลอดไฟ มีส่วนทำให้ผิวหนังไหม้ได้ ทั้งนี้ อยากให้ทำความเข้าใจเรื่องของ SPF ที่บ่งบอกเราด้วย ซึ่งนอกจาก SPF มักจะมี PA พร้อมเครื่องหมาย + มาด้วย โดย PA ย่อมาจาก Protection grade of UVA ยิ่งมี + เยอะยิ่งดีต่อการปกป้องแสงแดด ดังนั้น ทางที่ดีก่อนจะเลือกซื้อนอกจากสารที่ผสมอยู่ภายใน เนื้อครีม ก็ค่า SPF และ PA+ ที่ควรให้ความสำคัญ

เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเชื่อว่าทุก ๆ คนที่เป็นสิวและมีผิวบอบบางแพ้ง่ายจะเกิดความเข้าใจในทริคการเลือกกันแดดเข้าใจถึงสารที่มีอยู่ในแสงแดดทั้งรังสี UVA และ UVB ว่าเป็นตัวการร้ายพาอันตรายทำให้ใบหน้าของเราเกิดปัญหายากจะแก้ไข หลังจากนี้ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเป็นประโยชน์ในการเลือกซื้อกันแดดสําหรับคนเป็นสิวอย่างตอบโจทย์ไม่มากก็น้อย


บทความดี ๆ จากเว็บไซต์ https://www.loreal-paris.co.th/how-to-choose-sunscreen

6


ใครที่รู้สึกว่าตอนนี้สีผมพาใบหน้าดูเศร้าหมองอยากได้สีผมที่ทำแล้วได้หน้าสว่างสวยงามขึ้นแต่ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจใช้สีอะไรดี แถมช่วงนี้เชื้อ COVID – 19 ระบาดหนักทำให้ไม่อยากออกจากบ้านไปร้านด้วย วันนี้เราไม่รอช้ามีสีผมที่ทำแล้วรับรองว่าหน้าสว่างมาบอกต่อ พร้อมกับแนะนำวิธีทำสีผมที่บ้านด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเสียเงินเยอะไม่ต้องง้อช่าง

รวมสีผมที่ทำแล้วพาใบหน้าสว่างมาให้เลือกแบบชัด ๆ
ต้องบอกว่าสีผมมีความสัมพันธ์กับสีผิว ดังนั้น การเลือกสีผมที่จะแนะนำต่อไปนี้จึงจะแบ่งออกตามสีผิวที่แต่ละคนมีต่างกัน ไปเลือกกันได้เลย
  • คนผิวขาวอมชมพู : สีผมที่ทําให้หน้าสว่างแนะนำสีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม บลอนด์ทอง แต่ควรเลี่ยงสีดำสนิทเพราะทำให้มีหน้าดุ
  • คนผิวขาวเหลือง :  แนะนำสีน้ำตาลแดง น้ำตาลดาร์กช็อคโกแลต หรือน้ำตาลมะฮอกกานี แต่ควรเลี่ยงสีบลอนด์ทอง หรือน้ำตาลอ่อนที่
  • สว่างมากเกินไป เพราะพาให้ดูป่วยมากกว่าหน้าสว่าง
  • คนผิวสีแทน/สีน้ำผึ้ง : แนะนำให้ทำสีผมโทนน้ำตาลอ่อนคาราเมล น้ำตาลประกายทอง เทา แต่ควรเลี่ยงสีจำพวกพาสเทลต่าง ๆ

ทำสีผมด้วยตัวเองที่บ้านได้ง่าย ๆ ไม่ต้องเสียเงินเยอะไม่ต้องง้อช่าง
Loreal Paris ขอแนะนำการทำสีผมง่าย ๆ ได้ที่บ้าน ทำได้เอง ไม่ต้องไปถึงร้าน มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
  • เลือกสีที่จะย้อมตามความต้องการ
    เริ่มต้นเลือกสีที่จะย้อมเอาที่ถูกใจตัวเองมากที่สุด แต่อย่าลืมว่าต้องเหมาะสมกับสีผิวเราด้วย กรณีผมหนาและยาวให้ซื้อเผื่อไว้ 2 กล่อง แต่หากผมบางหรือสั้นใช้ 1 กล่องก็เพียงพอ กรณีไม่เคยย้อมมาก่อนแล้วสีผมเข้มมากให้เลือกสีที่เข้มกว่าหรืออ่อนกว่าสีเดิมไม่เกิน 2 เฉด
  • ก่อนทำสีอย่าลืมเตรียมเส้นผม
    ควรสระผมก่อนวันที่จะเปลี่ยนสีผม 1 – 2 วัน เป็นการสร้างน้ำมันให้เส้นผมรอการย้อมต่อไป สีติดง่ายขึ้น และยังช่วยให้เส้นผมไม่แห้งเสียจากสารเคมี
  • ขั้นตอนการย้อมด้วยตัวเองง่าย ๆ
    เริ่มต้นใช้ผ้าขนหนูพาดบ่าป้องกันน้ำยาเลอะ แล้วทาวาสลีนที่ใบหู กรอบหน้า ท้ายทอย และผิวหนังรอบแนวผม ไม่ทำให้สีเลอะ แล้วผสมน้ำยาย้อมในภาชนะตามวิธีที่ข้างกล่องระบุไว้ (ครีมสี + ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์) หวีแล้วแบ่งผมเป็น 4 ส่วน ใช้กิ๊บปากเป็ดมาหนีบแยกเอาไว้ทำให้การย้อมทั่วถึง สวมถุงมือพลาสติกแล้วเริ่มต้นทาสียอมลงบนเส้นผมได้เริ่มทีละช่อตั้งแต่โคนไปถึงปลายผม ช่อที่ทาเสร็จให้เก็บคืนกิ๊บปากเป็ดไป ทาทั่วแล้วให้ใช้หมวกอาบน้ำคลุม ทิ้งไว้ 30 – 45 นาที แล้วล้างด้วยน้ำเปล่า สุดท้ายเป่าผมให้แห้งได้สีผมถูกใจแน่นอน

วีธีดูแลผมหลังจากที่ทำสีเองที่บ้านเสร็จแล้ว
สิ่งที่อยากแนะนำหลังทำสีผมเสร็จแล้ว 3 – 4 วันอย่าเพิ่งสระผม เพราะยาสระผมหรือครีมนวดอาจทำให้สีเฟดลงได้ แนะนำเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับคนย้อมสีมาดีกว่า แล้วถ้าสีผมที่ได้เข้มเกินไปให้ล้างสีผมด้วยผลิตภัณฑ์เฉพาะ หมักทรีตเม้นท์บำรุงเส้นผมบ้าง เพื่อฟื้นฟูบำรุงผมที่แห้งเสีย ปรับพฤติกรรมการสระผมหากสระทุกวัน ให้เปลี่ยนมา 2 – 3 วันสระที เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องการแพ้ระคายเคืองต่อผิวหนังโดยเฉพาะสารเคมีจากการทำสีผมเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ จึงต้องมีการทดสอบอาการแพ้ล่วงหน้า 2 วัน ด้วยการทาครีมเปลี่ยนสีผมที่ท้องแขนแล้วรอให้แห้ง หากมีอาการคัน ระคายเคือง แดงให้ล้างออกและไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อนี้ย้อมต่อ

ชอบคุณบทความทำสีผม เว็บไซต์ https://www.loreal-paris.co.th/best-hair-color-for-skin-tone

7


เมื่อลองส่องกระจกดูจะพบกับริ้วรอยบนใบหน้ามีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนบางครั้งแอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าริ้วรอยบนใบหน้า(wrinkles) นั้นเกิดจากอะไร แล้วถ้าเราจะลดริ้วรอยควรใช้วิธีไหนจึงเรียกได้ว่าเหมาะสมและตอบโจทย์มากที่สุด? และเพื่อให้ทุก ๆ ข้อสงสัยหมดไปอย่างหมดเปลือก วันนี้เราไม่รอช้ารีบไปสืบเสาะจนได้ข้อมูลที่น่าสนใจมาบอกต่อ ริ้วรอยจะเกิดจากอะไร แล้ววิธีไหนช่วยได้ ตามเรามาเลย

ก่อนลดริ้วรอย มาทำความรู้จักกับสาเหตุกันหน่อย
บรรดาริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเราเป็นปัญหาที่ไม่อาจหลบหลีกไปได้ในทุก ๆ คน และเมื่อเกิดขึ้นก็อยากจะรีบ ๆ ลดริ้วรอยให้ใบหน้ากลับมาอ่อนกว่าวัยอีกครั้ง มาดูกันว่าว่าริ้วรอยเกิดจากอะไรได้บ้าง?
  • ปัจจัยภายนอก ได้แก่ แสงแดด การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ มลภาวะต่าง ๆ รวมถึงการขยับใบหน้าท่าซ้ำ ๆ เดิม ๆ ทำให้กล้ามเนื้อเคยชิน
  • ปัจจัยภายใน ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้นของทุกคน และกรรมพันธุ์ที่คนในครอบครัวเป็นมาก่อน

แล้วจะเลือกวิธีไหนเหมาะสมตอบโจทย์ที่สุด
วิธีลดริ้วรอยที่อยากจะนำเสนอนี้คงหนีไม่พ้น ABO Active 3D ซึ่งมีความน่าสนใจ 2 เรื่องด้วยกัน คือ เรื่องของการทำงาน และเรื่องการช่วยดูแลผิว

  • เรื่องของการทำงาน
    ต้องบอกว่าวิธีนี้เด่นในเรื่องของการทำงานด้วยนวัตกรรมสารลดเลือนริ้วรอยจากประเทศอังกฤษ ซึ่งจะเป็นสารที่ชื่อว่า “โบทูลินั่ม ท็อกซิน” เข้าไปที่ระบบประสาทส่งผลต่อกระบวนการทำงานโดยตรง ทันทีที่เข้าสู่ร่างกายสารสื่อประสาท “อะซิทัลโคลีน”  ก็จะถูกยับยั้ง โดยเฉพาะบริเวณปลายประสาทกล้ามเนื้อ ทำให้คลายตัวออก จึงช่วยเรื่องของริ้วรอยได้ดี
  • เรื่องของการช่วยดูแลผิว
    ในส่วนของเรื่องดูแลผิวนั้น วิธีนี้สุดยอดตรงที่ประสิทธิภาพในผลิตภัณฑ์ช่วยลดเรือนริ้วรอยบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้าได้ดี ไม่ว่าจะ รอยย่นหว่างคิ้ว รอยตีนกา รอยย่นสันจมูก รอยตีนกา หน้าผาก รอยพับและย่นที่คาง ปรับรูปหน้าให้ยกกระชับดูเข้ารูป มุมปากยกสูงขึ้นได้ ฯลฯ กระตุ้นการเกิดคอลลาเจนให้ผิวหน้าทำให้นุ่มชุ่มชื้น ดูอ่อนกว่าวัย ไม่ต้องเจ็บตัวเหมือนผ่าตัดใด ๆ


เมื่อคุณตัดสินใจลดริ้วรอยด้วยวิธีนี้แล้ว การดูแลตัวเองก็ ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เริ่มต้นหลังฉีดมาใหม่ ๆ อย่าจับ แกะ เกา กด หรือนวดหน้าแรง ๆ และไม่ควรนอนตะแคงหรือนอนราบเด็ดขาด ซึ่งจะเป็นพฤติกรรมที่ทำให้ตัวผลิตภัณฑ์เปลี่ยนทิศทางการดูแล ไม่ทำสครับใบหน้า อย่างน้อย 14 วัน (2 อาทิตย์) ไม่อบซาวน่าหรือเล่นโยคะร้อน ออกกำลังกายหนัก 7 – 14 วัน (1 – 2 อาทิตย์) เพราะจะทำให้ผลิตภัณฑ์สลายตัวเร็วกว่ากำหนด งดการแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอาง งดดื่มแอลกอฮอล์ ถูกแสงแดดจัด ๆ รวมถึงดื่มน้ำให้มาก
มาถึงตรงนี้แล้วเชื่อว่าทุก ๆ คนคงเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับริ้วรอยบนใบหน้ามากขึ้น และสามารถเลือกวิธีลดริ้วรอยที่เหมาะสมให้กับตัวเองได้แล้ว ทั้งนี้ ในการเลือกสถานพยาบาลควรดูที่ความน่าเชื่อถือ

แนะนำศึกษารีวิวผู้เคยใช้งานมาก่อน รวมถึงแพทย์มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน มีใบประกอบวิชาชีพชัดเจนตรวจสอบได้ และที่สำคัญต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นของแท้เท่านั้น เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ
เว็บไซต์ https://www.galdermaaestheticsthailand.com/article-detail/how-to-prevent-wrinkles

8


เรื่องต้องรู้! อยากยกกระชับบริเวณใบหน้าตำแหน่งไหนนิยมทำ เลือกวิธีไหนถึงจะดีที่สุด
ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นสารต่าง ๆ ในชั้นผิวถูกสร้างน้อยลงทำให้เกิดปัญหาความหย่อนคล้อย หลายคนจึงพยายามหาทางออกและหนึ่งในนั้นก็คือการยกกระชับ แต่ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็อาจจะใหม่ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่เคยทำมาก่อน จึงอยากลองศึกษารายละเอียดดูว่าตำแหน่งไหนที่คนนิยมทำมากที่สุด แล้วจะเลือกวิธีไหนถึงจะดีที่สุด เหมาะสมตอบโจทย์กับตัวเองที่สุด เรื่องนี้ต้องรู้ เราจึงขออาสาพาไปโดยไม่รอช้า

ตำแหน่งไหนบนใบหน้าที่ผู้คนนิยมทำมากที่สุด?
จริง ๆ แล้วเราสามารถยกกระชับใบหน้าได้แทบจะทุกตำแหน่งเลยทีเดียว แต่ที่ผู้คนนิยมให้ความสนใจมากที่สุด ได้แก่
  • บริเวณตำแหน่งหน้าผาก
  • ยกกระชับตา
  • บริเวณตำแหน่งแก้มและมุมปาก
  • บริเวณตำแหน่งคาง
  • บริเวณตำแหน่งทั่วขอบหน้า

แล้วถ้าอยากยกกระชับใบหน้า จะเลือกวิธีไหนดีที่สุด
ใครที่มีความต้องการยกกระชับหน้าให้ดูเข้าที่สมส่วนมากยิ่งขึ้น ดูอ่อนกว่าวัย ถามว่าเลือกวิธีไหนดีที่สุด วันนี้เรามีมาแนะนำ 4 วิธีด้วยกัน คือ

  • ผ่าตัดทำศัลยกรรม
    เป็นวิธีที่เห็นผลลัพธ์ได้แบบถาวรหรือระยะเวลานาน ทำให้ความหย่อนคล้อยถูกจัดการเข้าที่เข้ารูปมากขึ้น เห็นกรอบหน้าที่ชัดเจน โดยการผ่าตัดจะเปิดเนื้อผิวหนัง หรือขูดไขมันส่วนเกินออก เพิ่มความกระชับเข้าไป เริ่มต้นตามเส้นผ่าเปิดแผลที่ขมับแล้วไล่ไปตามไรผมมาถึงหูด้านหน้า แล้วย้อนกลับหูด้านหลัง หรือลากไปที่หนังหัวขึ้นอยู่กับโครงสร้างใบหน้า
  • ฉีดโบท็อกซ์ทำหน้ากระชับ
    การฉีดโบท็อกซ์ ไม่จำเป็นต้องเจ็บตัวนาน ไม่มีระยะเวลาการพักฟื้น ฉีดเสร็จสามารถทำกิจกรรมเบา ๆ ได้เลย ซึ่งจะเป็นการเติมสารให้หน้าเรียวเข้ารูป มีความกระชับ ลดริ้วรอยบนใบหน้าจางลง เหงื่อที่ชอบออกมาก ๆ เช่นรักแร้ ฝ่ามือก็หายไป โดยที่สารจะไปจับปลายประสาทของเซลล์ไม่ให้หลั่งสารสื่อประสาทออกมานั่นเอง
  • ทำ Hifu ช่วยสลายไขมัน
    ต่อมาเป็นเทคโนโลยีใหม่ High Intensity Focus Ultrasound หรือ Hifu สลายไขมันส่วนเกินที่อยู่บนใบหน้าหรือที่คางออก ทำให้หน้าเรียว เห็นขอบหน้าชัดเจน เหนียงใต้คางหาย ริ้วรอยบนใบหน้าลดเลือนไป พร้อมสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น กระจ่างใส คลื่นอัลตราซาวด์ที่มีพลังงานสูงจะถูกปล่อยไปกระชับที่เนื้อเยื่อผิวหนังชั้น SMAS เมื่อทำเสร็จไม่ต้องพักฟื้นนาน ไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัว
  • ทำร้อยไหม
    สุดท้ายเป็นการทำให้หน้ากระชับขึ้นด้วยวิธีร้อยไหม โดยใช้ไหมละลายเย็บเข้าเนื้อเยื่อผิวหนังทำเป็นตาข่าย เพื่อกระตุ้นการทำงานของระบบไหลเวียนเลือด สร้างคอลลาเจนให้ผิว หน้าเรียว คางกระชับ แต่อาจจะมีอาการอักเสบที่เส้นเลือดที่ถูกสร้างใหม่ได้

อยากทำให้หน้ากระชับแบบไม่ต้องผ่าตัดราคาแรงไหม?
ใครที่มีความสนใจอยากยกกระชับใบหน้าแล้วแต่ก็อยากรู้เรื่องราคาโดยเฉพาะวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดนั้น ต้องบอกว่าขึ้นอยู่เทคนิค ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ว่าเป็นยี่ห้อใด รุ่นไหน ปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งแต่ละสถานพยาบาลก็จะแตกต่างกันออกไป แต่โดยทั่วไปแล้วราคาจะอยู่ที่หลักหมื่นบาทต้น ๆ ไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็หวังว่าทุก ๆ คนที่มีความต้องการอยากยกกระชับใบหน้าของตัวเองจะเกิดความเข้าใจ และสามารถเลือกวิธีได้อย่างเหมาะสม ตอบโจทย์ที่สุด รวมถึงสามารถวางแผนทางการเงินครบถ้วน พร้อมให้หน้ากลับมาเรียวเข้ารูปสมส่วนอย่างราบรื่น

ขอบคุณบทความยกกระชับหน้าจาก Galderma เว็บไซต์ https://www.galdermaaestheticsthailand.com/article-detail/face-lift

9


ความแตกต่างของเอสเซ้นส์ – โทนเนอร์ - น้ำตบ และการใช้งานอย่างถูกวิธี
หากต้องการดูแลผิว เมื่อลองศึกษาตัวช่วย บอกเลยว่าต้องมีบ้างที่สับสนและสงสัย อย่างเอสเซ้นส์ที่ก็ดูเหมือนจะคล้ายโทนเนอร์และน้ำตบ หรือจริง ๆ แล้วคือผลิตภัณฑ์เดียวกันแต่เรียกได้หลายชื่อ? วันนี้มีข้อมูลดี ๆ มาอธิบายสร้างความเข้าใจกัน พร้อมแนะนำการใช้งานอย่างถูกวิธี

ทำความรู้จัก! แท้จริงแล้วเป็นผลิตภัณฑ์เดียวกับโทนเนอร์ หรือน้ำตบ แต่มีหลายชื่อ?
เอสเซ้นส์ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ตัวเดียวกับโทนเนอร์ หรือน้ำตบใด ๆ ดังนั้น ใครที่สงสัยควรทำความรู้จักให้ลึกซึ้ง ดังต่อไปนี้
essence คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากภายในสู่ภายนอกบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก
  • มักมีส่วนผสมของ Water – Base เนื้อสัมผัสเบาบาง
  • ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง ดูสดใส
  • สามารถซึมลึกลงสู่ชั้นผิวได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ และไม่ทิ้งคราบ
  • เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะ ผิวมัน ผิวผสม ผิวแห้ง ผิวธรรมดา ผิวเป็นสิว หรือแม้แต่ผิวบอบบางแพ้ง่าย ก็ใช้ได้หมด

เอสเซ้นส์ VS โทนเนอร์ VS เซรั่ม มีความต่างกันอย่างไร?
ในเมื่อทั้ง 3 ผลิตภัณฑ์สกินแคร์เหล่านี้ไม่ใช่ตัวเดียวกัน และไม่ใช่ชื่อเรียกเดียวกัน ถึงเวลาต้องศึกษาถึงความแตกต่าง สร้างความเข้าใจให้มากขึ้นกันแล้ว
  • ความต่างจากโทนเนอร์
    ต้องบอกว่าโทนเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยกำจัดสิ่งสกปรก ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันส่วนเกินที่มีบนใบหน้า หรือเครื่องสำอางที่แม้จะล้างด้วยโฟมล้างหน้าหรือคลีนซิ่งไปแล้วแต่ก็อาจจะตกค้างอยู่ในรูขุมขนได้ รวมถึงใช้เช็ดเพื่อเปิดรูขุมขนให้ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เข้าบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกที่สุด ในขณะที่อีกผลิตภัณฑ์อาจเป็นขั้นตอนปกติในการบำรุงผิว เพื่อปรับสมดุลผิวในทันที และมีส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ระดับสูงกว่า พาส่วนผสมให้ซึมลึกสู่ชั้นผิวได้ดียิ่งขึ้น
  • ความต่างจากเซรั่ม
    จริง ๆ แล้ว 2 ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้ต่างกันมาก เพราะเดิมทีเซรั่มมีความเบาบาง สร้างความชุ่มชื้นได้มากกว่า สามารถทาหลังหรือเช็ดโทนเนอร์แล้วทาต่อเลยก็ได้ โดยที่เอสเซ้นส์ เซรั่มมีส่วนผสมที่เข้มข้นไม่ต่างกัน แต่คนเอเชียส่วนใหญ่ใช้เซรั่มน้อยกว่าเพราะเนื้อสัมผัส และคุณสมบัติที่เหมาะกับทุกสภาพผิว

แนะนำการใช้งานผลิตภัณฑ์บำรุงผิวประเภทนี้อย่างถูกวิธี
สำหรับการใช้งานเอสเซ้นส์นั้นจะเริ่มต้นบำรุงผิวหน้าหลังจากที่เช็ดโทนเนอร์ไปแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องใช้สำลี สามารถหยดเนื้อลงที่หน้าไปเลย 2–3 หยด แล้วค่อย ๆ ใช้นิ้วมือเกลี่ยให้ทั่วหน้าและกดเบา ๆ อย่างอ่อนโยน เพื่อให้สารสกัดต่าง ๆ ซึมลึกลงสู่ชั้นผิวเป็นอย่างดี รวมถึงช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนใต้ผิวหนังได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อย่าลืมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวด้วย เพราะไม่อย่างนั้นอาจเกิดปัญหาแพ้ระคายเคือง หรือสร้างปัญหามาให้หลังจากการใช้งาน เช่น ไหล เยิ้ม หน้ามัน หรือหน้าแห้งเกินไป เป็นต้น


อย่างไรก็ดี หลายคนอาจจะยังสงสัยกันอยู่ว่าจริง ๆ แล้วเราควรใช้เอสเซ้นส์ในช่วงเวลาไหน นอกจากใช้หลังโทนเนอร์ เราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์นี้ดูแลผิวหน้าได้ทั้งช่วงเช้าและก่อนนอนได้เลย เพราะเป็นการฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงสดใสอีกครั้ง ทั้งนี้ ควรใช้งานอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำต่อเนื่องทุกวันด้วย รับรองว่าได้ผิวกระจ่างใส เปล่งประกายดูมีออร่า ใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจแน่นอน

เว็บไซต์ : https://www.loreal-paris.co.th/essence-for-face

10


อาการแพ้ฟิลเลอร์เป็นอย่างไร? พร้อม 3 ข้อแนะนำก่อนการฉีด
เมื่อเราต้องการเติมเต็มใบหน้าให้ร่องลึกกลับมาเต่งตึง หน้าดูอ่อนกว่าวัย เรามักจะเลือกการฉีดฟิลเลอร์ ทั้งที่อาจยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าที่ควรว่ามันคืออะไร หากฉีดแล้วแพ้ขึ้นมาจะมีอาการอย่างไร และเพื่อให้ทุก ๆ คนที่ต้องการทำหัตถการนี้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาให้ศึกษา พร้อม 3 ข้อแนะนำก่อนทำการฉีด

อาการแพ้ฟิลเลอร์เป็นอย่างไร?
ความปลอดภัยของร่างกายหลังการฉีดเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ อาการแพ้ผลิตภัณฑ์ Filler มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้ว่าจะน้อยมากเพราะมี 1% เท่านั้น โดยส่วนใหญ่มักมีอาการ 2 รูปแบบ ดังนี้
อาการแพ้ filler ทั่วไป หรือ Delay Hypersensitivity ซึ่งจะออกอาการบวมนูนอักเสบ โดยจะเกิดขึ้นหลังจากฉีดไปแล้วประมาณ 6 เดือน กรณีที่แพ้ไม่มากสามารถกินยาฆ่าเชื้อบรรเทาอาการไปได้ แต่กรณีที่รุนแรงมากสามารถฉีดสลายผลิตภัณฑ์โดยแพทยผู้เชี่ยวชาญได้
อาการแพ้เป็นลมพิษแบบรุนแรง หรือ Angioedema ซึ่งจะแสดงอาการเป็นผื่นแดง คัน หรือเป็นลมพิษขึ้นมารุนแรง

“ฟิลเลอร์” ก่อนจะฉีดเราควรเตรียมตัวอย่างไร?
สำหรับข้อแนะนำก่อนที่จะไปฉีดฟิลเลอร์นั้นสามารถเตรียมตัวได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ช่วยลดความเสี่ยงทำแล้วไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
  • งดยาบางชนิด
    ยาบางชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย สารสกัดจากโสม กระเทียม ขิง น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส เป็นต้น เพราะจะทำให้เลือดหยุดไหลยาก กลุ่มยาบางชนิด อย่าง ยาแอสไพริน ยาต้านอาการอักเสบ เพราะจะทำให้เกิดการฟกช้ำ แนะนำให้งดก่อนเข้ารับการฉีด 2 สัปดาห์
  • สภาวะร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ
    สิ่งต่อมาเลยคือสภาวะร่างกายผู้เข้ารับการฉีด ควรเป็นไปในเกณฑ์ปกติ ไม่มีโรคประจำตัว หรืออยู่ในช่วงให้นมลูก ช่วงตั้งครรภ์ เพราะอาจมีความเสี่ยงส่งผลถึงลูกได้
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    ควรงดแอลกอฮอล์ก่อนไปฉีดอย่างน้อย 1 – 3 วัน เพื่อช่วยลดอาการบวมอักเสบนั่นเอง
  • ทำความสะอาดหน้าให้สะอาด
    สุดท้ายคือการทำความสะอาดหน้าอย่างหมดจดด้วยผลิตภัณฑ์เช็ดล้างเครื่องสำอาง เพราะการฉีดจะใช้เข็มจิ้มลงไปตามตำแหน่งที่ต้องการ อาจมีเลือดออกนิดหน่อย การแต่งหน้าจะทำให้สิ่งสกปรกเข้าสู่ร่างกายได้

“ฟิลเลอร์” คืออะไรอธิบายให้ชัวร์?
หลังจากที่เรารู้อาการแพ้ รู้ขั้นตอนการปฏิบัติตนก่อนเข้ารับการฉีด อีกเรื่องที่อยากอธิบายให้เข้าใจคือ ผลิตภัณฑ์นี้เป็นสาร HA หรือ Hyaluronic Acid ที่เป็นน้ำตาลเชิงซ้อนเกิดขึ้นได้เองในร่างกายมนุษย์ อยู่ใต้ชั้นผิวหนังและกระดูกอ่อน สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างอยู่ในร่างกาย ช่วยเติมเต็มใบหน้าที่มีร่องรอย ริ้วรอต่าง ๆ ให้ดูเต็ม เต่งตึง ปรับโครงสร้างใต้ผิวหนังให้ดูอ่อนกว่าวัย นอกจากตำแหน่งต่าง ๆ บนใบหน้าก็ยังสามารถนำไปฉีดที่ส่วนอื่น เช่น สะโพก หน้าอก เป็นต้น

ในการทำศัลยกรรม หรือแม้แต่หัตถการเล็กใด ๆ ก็ตามควรต้องศึกษาถึงรายละเอียดต่าง ๆ รอบด้าน เพื่อให้เรารู้ถึงสิ่งที่จะเป็นไป ยิ่งเกี่ยวข้องกับร่างกายยิ่งต้องใส่ใจ ซึ่งหลังจากนี้ใครต้องการใช้ฟิลเลอร์ฉีดบนใบหน้าหรือส่วนไหนก็ตามจะเกิดความเข้าใจ เตรียมความพร้อมตนเองได้อย่างราบรื่น ไร้ปัญหาตามมาภายหลังอ่านทุกอย่างเกี่ยวกับฟิลเลอร์ อันตราย ข้อแนะนำการใช้ฟิลเลอร์
เว็บไซต์ : https://www.galdermaaestheticsthailand.com/page/dermal-filler[/list]

11


อาการแพ้ฟิลเลอร์เป็นอย่างไร? พร้อม 3 ข้อแนะนำก่อนการฉีด
เมื่อเราต้องการเติมเต็มใบหน้าให้ร่องลึกกลับมาเต่งตึง หน้าดูอ่อนกว่าวัย เรามักจะเลือกการฉีดฟิลเลอร์ ทั้งที่อาจยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าที่ควรว่ามันคืออะไร หากฉีดแล้วแพ้ขึ้นมาจะมีอาการอย่างไร และเพื่อให้ทุก ๆ คนที่ต้องการทำหัตถการนี้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาให้ศึกษา พร้อม 3 ข้อแนะนำก่อนทำการฉีด

อาการแพ้ฟิลเลอร์เป็นอย่างไร?
ความปลอดภัยของร่างกายหลังการฉีดเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้ อาการแพ้ผลิตภัณฑ์ Filler มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้ว่าจะน้อยมากเพราะมี 1% เท่านั้น โดยส่วนใหญ่มักมีอาการ 2 รูปแบบ ดังนี้
อาการแพ้ filler ทั่วไป หรือ Delay Hypersensitivity ซึ่งจะออกอาการบวมนูนอักเสบ โดยจะเกิดขึ้นหลังจากฉีดไปแล้วประมาณ 6 เดือน กรณีที่แพ้ไม่มากสามารถกินยาฆ่าเชื้อบรรเทาอาการไปได้ แต่กรณีที่รุนแรงมากสามารถฉีดสลายผลิตภัณฑ์โดยแพทยผู้เชี่ยวชาญได้
อาการแพ้เป็นลมพิษแบบรุนแรง หรือ Angioedema ซึ่งจะแสดงอาการเป็นผื่นแดง คัน หรือเป็นลมพิษขึ้นมารุนแรง

“ฟิลเลอร์” ก่อนจะฉีดเราควรเตรียมตัวอย่างไร?
สำหรับข้อแนะนำก่อนที่จะไปฉีดฟิลเลอร์นั้นสามารถเตรียมตัวได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ช่วยลดความเสี่ยงทำแล้วไม่ทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย
  • งดยาบางชนิด
    ยาบางชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย สารสกัดจากโสม กระเทียม ขิง น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส เป็นต้น เพราะจะทำให้เลือดหยุดไหลยาก กลุ่มยาบางชนิด อย่าง ยาแอสไพริน ยาต้านอาการอักเสบ เพราะจะทำให้เกิดการฟกช้ำ แนะนำให้งดก่อนเข้ารับการฉีด 2 สัปดาห์
  • สภาวะร่างกายอยู่ในเกณฑ์ปกติ
    สิ่งต่อมาเลยคือสภาวะร่างกายผู้เข้ารับการฉีด ควรเป็นไปในเกณฑ์ปกติ ไม่มีโรคประจำตัว หรืออยู่ในช่วงให้นมลูก ช่วงตั้งครรภ์ เพราะอาจมีความเสี่ยงส่งผลถึงลูกได้
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    ควรงดแอลกอฮอล์ก่อนไปฉีดอย่างน้อย 1 – 3 วัน เพื่อช่วยลดอาการบวมอักเสบนั่นเอง
  • ทำความสะอาดหน้าให้สะอาด
    สุดท้ายคือการทำความสะอาดหน้าอย่างหมดจดด้วยผลิตภัณฑ์เช็ดล้างเครื่องสำอาง เพราะการฉีดจะใช้เข็มจิ้มลงไปตามตำแหน่งที่ต้องการ อาจมีเลือดออกนิดหน่อย การแต่งหน้าจะทำให้สิ่งสกปรกเข้าสู่ร่างกายได้

“ฟิลเลอร์” คืออะไรอธิบายให้ชัวร์?
หลังจากที่เรารู้อาการแพ้ รู้ขั้นตอนการปฏิบัติตนก่อนเข้ารับการฉีด อีกเรื่องที่อยากอธิบายให้เข้าใจคือ ผลิตภัณฑ์นี้เป็นสาร HA หรือ Hyaluronic Acid ที่เป็นน้ำตาลเชิงซ้อนเกิดขึ้นได้เองในร่างกายมนุษย์ อยู่ใต้ชั้นผิวหนังและกระดูกอ่อน สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างอยู่ในร่างกาย ช่วยเติมเต็มใบหน้าที่มีร่องรอย ริ้วรอต่าง ๆ ให้ดูเต็ม เต่งตึง ปรับโครงสร้างใต้ผิวหนังให้ดูอ่อนกว่าวัย นอกจากตำแหน่งต่าง ๆ บนใบหน้าก็ยังสามารถนำไปฉีดที่ส่วนอื่น เช่น สะโพก หน้าอก เป็นต้น

ในการทำศัลยกรรม หรือแม้แต่หัตถการเล็กใด ๆ ก็ตามควรต้องศึกษาถึงรายละเอียดต่าง ๆ รอบด้าน เพื่อให้เรารู้ถึงสิ่งที่จะเป็นไป ยิ่งเกี่ยวข้องกับร่างกายยิ่งต้องใส่ใจ ซึ่งหลังจากนี้ใครต้องการใช้ฟิลเลอร์ฉีดบนใบหน้าหรือส่วนไหนก็ตามจะเกิดความเข้าใจ เตรียมความพร้อมตนเองได้อย่างราบรื่น ไร้ปัญหาตามมาภายหลังอ่านทุกอย่างเกี่ยวกับฟิลเลอร์ อันตราย ข้อแนะนำการใช้ฟิลเลอร์
เว็บไซต์ : https://www.galdermaaestheticsthailand.com/page/dermal-filler[/list]

12


อุปกรณ์ที่ช่วยให้การทารองพื้นง่ายขึ้น พร้อมทริคการลงiรองพื้นให้ติดทนติดนาน
สาว ๆ หลายคนปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องแต่งหน้าออกจากบ้านไปไหนมาไหน เพื่อเพิ่มความมั่นใจ และคงมีความสนใจที่อยากจะทารองพื้น เพราะถือเป็นเครื่องสำอางลำดับแรก ๆ ที่ให้ความติดทนติดนานที่สุด รวมถึงการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ช่วยให้การทาง่ายขึ้นนั้นจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง เรามีข้อมูลดี ๆ มานำเสนอ

แนะนำอุปกรณ์ที่จะช่วยให้การทาผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ง่ายขึ้น
หลายคนเลือกใช้นิ้วมือ เพราะทาง่าย และสะดวกรวดเร็วดี แต่อาจจะเกิดปัญหาเกิดรอยนิ้วมือติดใบหน้าได้ รวมถึงคนที่ผิวหน้ามันก็จะเป็นการไปเพิ่มความมันให้ใบหน้า ดังนั้น ถ้าอยากให้รองพื้นติดทนนานอุปกรณ์ที่เราอยากแนะนำ ได้แก่
  • พัฟซิลิโคน : ทำความสะอาดได้ง่าย ไม่กินเนื้อรองพื้น แต่ต้องใช้ในปริมาณน้อยเพื่อไม่ทำให้เนื้อกองบนผิวมาก
  • แปรงแต่งหน้า : เกลี่ยเนื้อผลิตภัณฑ์ได้ง่าย ช่วยให้ลงได้เรียบเนียนมากขึ้น แต่ต้องใช้เทคนิคและอาจมีขนแปรงหลุดติดหน้าได้
  • พัฟฟองน้ำ : ใช้งานได้ง่าย เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ช่วยเกลี่ยเนื้อได้ดี แต่อาจจะกินเนื้อรองพื้นในปริมาณมาก

 
ทริคการลงรองพื้นให้ติดทนติดนานที่สาว ๆ ควรศึกษา
  • เตรียมผิวตัวเองให้ดีก่อน
    แน่นอนว่าเราต้องทำให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้นไว้ อย่าปล่อยให้ผิวแห้งกร้านหรือขาดน้ำ แนะนำให้ใช้เซรั่ม มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เอสเซ้นส์ ฯลฯ ทาบำรุงผิวก่อนลงผลิตภัณฑ์อื่น โดยเอาเนื้อที่เบาบาง แล้วรอเวลาให้ซึมลึกสู่ชั้นผิว เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาเวลาทาไปแล้วเป็นคราบ หรือหลุดง่าย
  • ลงผลิตภัณฑ์เป็นชั้น ๆ
    ให้เราทาทีละครั้งลงไปเป็นชั้น ๆ หรือเลเยอร์ อย่าไปรีบทาถม ๆ ทับลงไปเลย ควรรอให้การทาครั้งแรกแห้งก่อนแล้วค่อยทับซ้ำก็ลงอีกครั้ง เพราะถ้าการทาครั้งแรกยังเซตตัวได้ไม่ดี มีโอกาสที่ครั้งต่อ ๆ ไปจะเยิ้มไหลเวลาที่เหงื่อเราออก
  • ใช้สเปรย์เซตเมคอัพ
    ลองใช้สเปรย์เมคอัพเซตหน้า โดยเฉพาะกับคนที่ผิวหน้ามัน เพราะจะช่วยให้เครื่องสำอางติดทนติดนาน แต่ก็ต้องล้างหน้าให้สะอาดด้วยไม่อย่างนั้นอาจเกิดปัญหารูขุมขนอุดตัน เป็นสิวได้
  • ใช้แป้งฝุ่นเข้าเพื่อให้รองพื้นติดทนนาน
    แน่นอนว่าเมื่อเราใช้ผลิตภัณฑ์ลงไปก็อาจจะมีบ้างที่เหงื่อออกพาให้ไหล หลุด ให้เราใช้แป้งฝุ่นเนื้อเบาบางที่ได้มาตรฐานมาทาเซตทับไปด้วย เพราะจะช่วยดูดซับความมันส่วนเกินของผิวออก และทำให้ติดทนติดนาน แถมยังดูเป็นธรรมชาติไปอีก

ประเภทของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดช่วยให้การเลือกเหมาะสมที่สุด
รองพื้นลอรีอัลนั้นมีหลายประเภท ได้แก่ แบบน้ำ ซึ่งแบ่งออกเป็นอีก 3 ประเภท คือ ไม่มีน้ำมันผสม มีน้ำเป็นส่วนผสมหลักและน้ำมันเป็นส่วนผสมรอง สุดท้ายน้ำมันเป็นส่วนผสมหลักและน้ำเป็นส่วนผสมรอง หรือแบบเนื้อครีมที่มีความหนาแน่น มีแว็กซ์เป็นส่วนผสมทาแล้วรู้สึกแห้ง หรือแบบเนื้อมูสเหมือนฟองครีมที่เกลี่ยง่าย และแบบเนื้อแป้งถูกอัดให้แข็งช่วยดูดซับความมันของใบหน้าได้ดี
รองพื้นเป็นเครื่องสำอางที่ควรให้ความสำคัญไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ช่วยทา หรือทริคการทา หากเรารู้ไว้จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ติดทนติดนานขึ้น รวมถึงประเภทของรองพื้นก็มีให้เลือกมากมาย ช่วยให้การใช้งานอย่างตอบโจทย์ และไม่เกิดปัญหาระหว่างวัน


ทริคแต่งหน้าให้เนียนสวยมืออาชีพมีอีกเพียบ อ่านต่อได้ที่เว็บไซต์ https://www.loreal-paris.co.th/how-choose-foundation

13



หลักการทำสีผมที่ต้องศึกษา และสิ่งที่ต้องรู้เมื่อทำครั้งแรก เพื่อไม่ให้การตัดสินใจผิดพลาด
เบื่อไหม? การมีสีผมเดิม ๆ หลายคนจึงเลือกที่จะทำสีผมสร้างความแปลกใหม่ให้ตัวเอง ทว่าก่อนที่จะตัดสินใจทำนั้นอันที่จริงควรต้องรู้ถึงบางสิ่งก่อนโดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งทำครั้งแรก เพื่อให้การตัดสินใจถูกต้องไร้ข้อผิดพลาด และเราจะไม่ทำให้คุณต้องกังวลใจ เพราะได้รวบรวมสิ่งที่ต้องรู้มาบอกต่อ ถ้าพร้อมแล้วตามมาทางนี้เลย

หลักการทำสีผมที่ต้องศึกษาสร้างความเข้าใจในการเลือกใช้งาน
จริง ๆ แล้วหลักการเปลี่ยนสีผมของเรานั้นอันที่จริงแบ่งออกเป็น 3 วิธี โดยสามารถเลือกเพื่อ เปลี่ยนสีผมเราได้ง่าย ๆ ได้แก่

- วิธีเปลี่ยนด้วยการโกรกผม : เป็นการใช้น้ำยาชนิดน้ำหรือครีม ย้อมเพียงครั้งเดียวใช้งานได้เลย ก่อนย้อมก็ไม่จำเป็นต้องสระผม ได้สีอย่างเป็นธรรมชาติตามต้องการ
- วิธีเปลี่ยนด้วยการย้อม : เป็นการใช้น้ำยาย้อมชนิดน้ำไปผสมกับไฮโดรเจน ซึ่งต้องสระผมก่อนย้อมด้วย ย้อมเสร็จต้องอบผมแล้วสระออกอีกครั้ง ช่วยเปลี่ยนสีผมที่หงอกให้กลับเป็นสีดำ
วิธีเปลี่ยนด้วยโลชั่นปรับสี : เป็นการใช้โลชั่นมาเคลือบหรือปรับสีให้เส้นผมที่แตกปลายหรือแห้ง สามารถใช้ได้บ่อยตามความสะดวก ได้สีที่เราสามารถผสมตามใจชอบ


5 สิ่งที่ต้องรู้เมื่อเปลี่ยนสีของผมเป็นครั้งแรกไม่ให้การตัดสินใจมีข้อผิดพลาด
สีสดใสทั้ง แดง เขียว ชมพู ฯลฯ ย้อมช่วงแรกรับรองว่าสดใสโดนใจ แต่หากผ่านไปไม่นานสีเหล่านี้มักหลุดออกได้ง่ายกว่าสีธรรมชาติ อย่าง สีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเข้ม และก่อนจะย้อมสีสดใสแบบนี้ก็ต้องฟอกสีผมด้วย
  • สีผมสดใสมักจะเฟดหลุดออกเร็วกว่าสีธรรมชาติ
  • สีผมต้องสัมพันธ์กับสีผิว
สีผิวแต่ละคนมีต่างกัน ดังนั้น การตัดสินใจทำสีผมจึงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วยว่าต้องมีความสัมพันธ์กัน เช่น คนผิวขาวสามารถเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเดง หรือน้ำตาลเข้มได้ คนผิวขาวเหลืองเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหม่น หรือบลอนด์ทองได้ หรือใครผิวสีน้ำผึ้งเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลประกายทอง หรือน้ำตาลอ่อนช่วยขับสีผิว เป็นต้น
  • เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผมใหม่หมด
หลังจากที่ตัดสินใจย้อมสีผมแล้วต้องบอกว่าผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผมทั้งยาสระผม ครีมนวด ทรีตเม้นท์ต้องเปลี่ยนใหม่มาใช้เป็นสูตรย้อมสีโดยเฉพาะ เพื่อบำรุงเส้นผมทำให้ผมแข็ง หรือเคลือบปิดเกล็ดผม ล็อกสีไม่ให้หลุดเร็ว
  • สภาพเส้นผมเปลี่ยนไปหลังจากทำสี
ใครที่ไม่เคยทำสีผมยอมรับว่ามีเส้นผมเงางาม นุ่มสลวย แต่เมื่อเปลี่ยนสีให้ผมแล้วเป็นการใช้สารเคมี เส้นผมจึงถูกทำร้ายเกิดผมแห้งเสีย หรือระคายเคืองได้ จึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมที่ได้มาตรฐาน และไม่ขี้เกียจบำรุงผมหลังจากทำสีมา
  • ครั้งแรกอาจจะได้สีไม่ค่อยถูกใจ
เพราะสีผมหลังย้อมนั้นจะมีความเข้มหรือสว่างขึ้นอยู่กับสีผมพื้นฐานเดิมของเราด้วย หากใครเป็นผมสีดำตามธรรมชาติเลยการย้อมครั้งแรกอาจได้สีที่ถูกใจได้ แต่หากอยากไปย้อมเฉดสีสว่างอาจต้องเผื่อใจไว้บ้าง



ย้อมเองที่บ้าน VS ที่ร้านแบบไหนดีกว่ากัน
ลอรีอัล ปารีส ประเทศไทย อยากให้คำแนะนำเรื่องการเปลี่ยนสีผม หลายคนอาจจลังเลไม่รู้จะย้อมเองหรือไปที่ร้าน ลองมาดูความต่าง คือหากย้อมเองที่บ้านแน่นอนว่าประหยัดเงิน แค่ซื้อสีย้อมมาและอุปกรณ์ย้อมบางอย่าง แต่อาจจะได้สีไม่ตรงตามต้องการและอาจได้สีด่างเพราะทาไม่เสมอกัน กลับกันทำสีผมที่ร้านเสียเงินค่อนข้างสูงแต่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ สีผมสม่ำเสมอ สีสวยโดนใจด้วยช่างผมผู้มีฝีมือ
เชื่อว่ามือใหม่อยากทำสีผมครั้งแรกจะเกิดความเข้าใจอย่างที่สุดตั้งแต่วิธีการย้อม สิ่งที่ต้องรู้ในด้านต่าง ๆ ไปจนถึงการตัดสินใจเลือกว่าจะทำสีผมเอง หรือทำที่ร้าน แน่นอนว่าเพื่อความมั่นใจ แน่ชัดกับสีผมที่สุดอยากแนะนำว่าทำที่ร้านเป็นทางเลือกดีที่สุด


อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำสีผม การดูแลปลายเส้นผม
เว็บไซต์ https://www.loreal-paris.co.th/best-hair-color-for-skin-tone

14


ประเภทของเซรั่ม และความแตกต่างระหว่างครีมที่ใครอยากใช้งานต้องรู้
หลาย ๆ คนมีความต้องการบำรุงผิวหน้ากันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสกินแคร์ที่ได้รับความนิยมคงหนีไม่พ้น “เซรั่ม” ทว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เคยลองใช้งานและอยากรู้ว่าถ้าจะเลือกใช้แท้จริงมีกี่ประเภท แล้วความแตกต่างระหว่างครีมเป็นอย่างไร เอให้การใช้งานเป็นไปอย่างตอบโจทย์และเกิดความเข้าใจที่สุด วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาแนะนำ

ประเภทของเซรั่มรู้ไว้เลือกใช้งานเหมาะสม
ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ประเภทนี้มีให้เลือกหลากหลายประเภทปราศจากสารต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงพาผิวเกิดอาการแพ้ระคายเคือง ซึ่งจะมีคุณสมบัติช่วยที่แตกต่างกันออกไป โดยมีด้วยกัน 7 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
  • ประเภทช่วยฟื้นฟูและซ่อมแซมผิวที่ตายแล้ว
  • ประเภทช่วยลดริ้วรอย
  • ประเภทช่วยกระชับรูขุมขน
  • ประเภทเซรั่มหน้าใส ลบเลือนจดด่างดำบนผิวชั้นนอก
  • ประเภทลดรอยและป้องกันสิวที่อาจเกิดขึ้น
  • ประเภทช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นของผิวที่แห้งกร้านอันเกิดจากภายในเซลล์ผิว

วิธีทาเซรั่มให้เห็นผลจริง
ในตอนเช้าให้เริ่มต้นล้างทำความสะอาดผิวหน้าด้วยโฟมล้างหน้าหลังจากนั้นก็ซับให้แห้ง แล้วใช้คลีนเซอร์เช็ดทำความสะอาดซ้ำ ต่อมาก็เช็ดโทนเนอร์เปิดรูขุมขน ตามด้วยเอสเซนส์ ครีมบำรุงรอบดวงตา เซรั่มเพื่อบำรุงผิวตรงลึกสู่รูขุมขน ใครอยากเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็ได้ สุดท้ายจบด้วยทาครีมกันแดด ส่วนก่อนนอนคล้ายกันคือล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าก่อนซับให้แห้ง (ใครมีเครื่องสำอางอย่าลืมล้างด้วยคลีนเซอร์ก่อน) ต่อด้วยโทนเนอร์เพื่อเปิดผิว ตามด้วยเอสเซนส์ ครีมบำรุงผิวรอบดวงตา ทรีทเม้นท์ ครีมบำรุงตอนกลางคืน ไม่ต้องทาครีมกันแดดนะ เพียงเท่านี้ก็ได้อันดับการทาที่ตอบโจทย์เห็นผลลัพธ์ดีแล้ว

จะเห็นได้ว่าเซรั่ม https://www.loreal-paris.co.th/face-serum มีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้งานขึ้นอยู่กับความต้องการที่อยากบำรุง แก้ไขเรื่องอะไร รวมถึงมีความแตกต่างจากครีมอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่เนื้อสัมผัส คุณสมบัติ เนื้อสี ไปจนถึงการใช้งาน และหลังจากนี้ก็หวังว่าจะเรียงลำดับขั้นตอนการใช้งานทุก ๆ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า loreal paris กันได้อย่างราบรื่น เห็นผลลัพธ์เต็มประสิทธิภาพ

ใครอยากอ่านเรื่องการบำรุงผิวเพิ่มเติมก็เข้ามาชมได้ที่
เว็บไซต์   https://www.loreal-paris.co.th/face-serum

15


ปฏิเสธไม่ได้ว่าคิ้วของคนเรามีลักษณะแตกต่างกันยังไม่พอปริมาณขนคิ้วก็ต่างกันด้วย บางคนคิ้วแสนบาง บางคนขนดกดำ ทำให้เวลาแต่งหน้าต้องใช้เครื่องสำอาง “ดินสอเขียนคิ้ว”ตกแต่งเพิ่มความสวยงาม ทว่าแต่ละคนต้องเขียนแบบไหน? วันนี้เรามีทริคมาบอกทั้งคนมีคิ้ว VS คนไม่มีคิ้ว พร้อมแล้วอย่ารอช้าตามมาให้ไว

ทำความรู้จักกับเครื่องสำอางเขียนคิ้ว แท้จริงมีกี่ประเภท?

ก่อนจะไปดูวิธีการเขียนคิ้วของคนมีคิ้ว VS คนไม่มีคิ้ว ลองมาทำความรู้จักกับประเภทที่เขียนคิ้วที่มีให้เลือกใช้งานหลากหลาย โดยมีทั้งหมด 7 ประเภท แต่ที่ใช้กันแบบยอดนิยม ได้แก่
  • ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่นเหมาะ
  • ที่เขียนคิ้วแบบเมจิก
  • ที่หัวเขียนจะคล้ายกับอายไลเนอร์ หรือแปรง

ทริคการเขียนคิ้วด้วยดินสอเขียนคิ้วฉบับคนมีคิ้ว VS คนไม่มีคิ้ว
คนมีคิ้วต้องเขียนด้วยทริคนี้
ให้เริ่มจากกันคิ้วให้ได้รูปทรงที่เหมาะสมกับใบหน้า โดยเฉพาะคนที่มีขนคิ้วเยอะ เพื่อให้เรียบเส้นสวยงาม จากนั้นใช้ที่เขียนคิ้วนี้สร้างฐานคิ้วให้มีความคมสวย ลากจากหางคิ้วให้เลยหางตาขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นขีดเส้นคิ้วอย่างเบามือตามช่องโหว่จากนั้นให้ใช้แบบฝุ่นทาทับเพิ่มความคมสวย สุดท้ายปัดมาสคาร่าให้ขนเส้นเรียงตัว ทั้งสามารถเก็บรายละเอียดให้เป็นเส้นโครงมากขึ้นด้วยคอนซีลเลอร์
คนไม่มีคิ้วต้องเขียนด้วยทริคนี้
ใครที่ไม่มีคิ้วแล้วอยากให้คิ้วเป็นธรรมชาติสีสวยคมชัด แม้ไม่มีคิ้วก็ต้องกันให้สวยงาม แล้วใช้แปรงปัดเศษขนเส้นออก จากนั้นนำเครื่องสำอางเขียนคิ้วมาสร้างกรอบแนะนำเลือกแบบปลายเรียงเพื่อให้ง่ายต่อการเขียน แล้วระบายในกรอบคิ้วก่อนตรงจุดที่ไม่มีขนคิ้วนั่นแหละ แล้ววาดเส้นขนคิ้วขึ้นเอง ทาทับด้วยแบบฝุ่น ใช้เกลี่ยสีให้ฟุ้งด้วยแปรงแตะเพิ่มความเป็นธรรมชาติ แล้วปัดมาสคาร่าแบบเจลลงที่ขนคิ้วให้ขนตั้งขึ้นไล่ตามแนวขน จากนั้นถ้าเส้นไม่คมก็เก็บรายละเอียดด้วยคอนซีลเลอร์

เคล็ดไม่ลับของคนมีคิ้ว VS ไม่มีคิ้ว เพื่อคิ้วที่สวยงามมากขึ้น
สำหรับเคล็ดไม่ลับนี้จะอธิบายให้ทั้งคนมีคิ้วและไม่มีคิ้วสามารถทำได้หมด โดยคุณต้องเลือกเครื่องสำอางเขียนคิ้วไม่ว่าจะเป็นแบบดินสอเขียนคิ้วหรือแบบฝุ่นให้มีลักษณะสีใกล้เคียงกับสีผมมากที่สุด หรือให้อ่อนกว่า 1 เฉด อย่าเข้มกว่าเพราะจะทำให้ผิดธรรมชาติ สำหรับคนมีคิ้วแต่ไม่เก็บทรง มีช่องโหว่ แนะนำเติมเส้นให้เต็ม คิ้วเข้มมากก็ไล่สีเพิ่มมิติ ส่วนคนไม่มีคิ้วให้เขียนวาดเส้นเองแบบบาง ๆ เพิ่มมิติ สุดท้ายปัดมาสคาร่าคิ้วให้เส้นเรียงมากขึ้น

เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็หวังว่าทั้งคนมีคิ้วหรือไม่มีคิ้วจะเข้าใจและสามารถเขียนตามทริคและเคล็ดไม่ลับที่แนะนำได้อย่างสวยคม ได้คิ้วอันเป็นมงกุฎของหน้าเพิ่มความมั่นใจได้ตลอดวัน และอย่าลืมใช้เครื่องสำอาง Maybelline รวมถึงอุปกรณ์อย่างดินสอเขียนคิ้วให้เหมาะสม ถูกต้อง ไม่ต้องกังวลใจใด ๆ อีกต่อไป ความสวยบนใบหน้าสัมผัสได้จริงอย่างที่ใครเห็นเป็นต้องเหลียวมองความงามกันเป็นทิวแถวแน่ ๆ  หากใครสนใจเครื่องสำอางพร้อมทริคแต่งหน้าให้สวยเป๊ะ ลองเข้าไปอ่านได้ ที่  Maybelline ก็ตามไปอ่านต่อกันได้เลยนะคะ เรามีทริคแต่งหน้า รีวิวเครื่องสำอางอีกเพียบ
 

อ่านต่อเกี่ยวกับเรื่องดินสอเขียนคิ้ว เว็บไซต์: https://www.maybelline.co.th/eyes/brow

16


ปัญหาโลกแตก! ไว้ผมยาวทีไรผมร่วงทุกที มีสาเหตุจากอะไร แล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไร?
ปัญหาที่ใครหลายคนหรือแทบทุกคนต้องเจอเมื่อไว้ผมยาวทีไร เส้นผมก็มักจะต้องหลุดร่วงเกลื่อนเต็มพื้นห้อง ต้องกวาดกันหลายรอบ หลายครั้งจนบางทีก็แอบรำคาญไม่น้อย แท้จริงแล้วปัญหาผมที่ยาวและร่วงมีสาเหตุจากอะไร แล้วมีวิธีแก้ไขอย่างไรนี่คงเป็นสิ่งที่ต้องการคำตอบมากที่สุด และ ลอรีอัล ปารีส จะมาเล่าให้ฟังในบทความนี้

ไว้ผมยาวทีไรผมร่วงทุกทีเรื่องนี้มีสาเหตุจากอะไร?
ใครที่มีปัญหาไว้ผมยาวแล้วผมร่วงอันที่จริงอาจมาจากพฤติกรรมบางอย่างของเรามีคาดไม่ถึง แต่จะเป็นพฤติกรรมใดนั้น ลองไปเช็คพร้อม ๆ กันเลย
  • ชอบหวีผมแรง
บ่อย และขณะที่เปียก ซึ่งเป็นการทำร้ายเส้นผมที่เราคาดไม่ถึง เพราะหวีไปเสียดสีจนเกิดปัญหาผมร่วง แห้งเสียได้
  • กินอาหารรสชาติจัดจ้าน
ซึ่งทำให้เส้นเลือดหดตัว ความดันเลือดสูงขึ้น เลือดไปเลี้ยงรากผมได้ไม่เพียงพอส่งผลให้เส้นผมไม่แข็งแรง
  • ย้อม ดัด ทำสีเป็นประจำ
แน่นอนว่าเป็นพฤติกรรมที่ร้ายเส้นผมอย่างเห็นได้ชัด สระผมบ่อยจนเกินไป บางคนหนังศีรษะมัน หรือออกกำลังกายทุกวันต้องสระผมบ่อยทำให้หนังศีรษะแห้งจนระคายเคือง คัน เกิดรังแค และหลุดร่วงจนได้
  • ใช้ไดร์เป่ามากเกินไป
ทำให้ผมแห้ง ขาดความชุ่มชื้น และในที่สุดเส้นผมหลุดร่วง จึงไม่ควรจ่อความร้อนที่หนังศีรษะนาน หรือใช้มากเกินไป
 
พาไปดู 4 วิธีช่วยดูแลผมยาวและหลุดร่วงง่าย

1. ผมเปียกชื้นอย่าเพิ่งนอนเด็ดขาด
นอกจากมัดผม หรือหวีผม ก็ยังมีห้ามนอนทันทีตอนที่ผมเปียกด้วย เพราะช่วงเวลาที่ผมยาวกำลังเปียกชื้นเป็นช่วงที่เส้นผมค่อนข้างอ่อนแอและบอบบางมาก อาจเกิดเชื้อราก่อตัวจับกันที่หนังศีรษะ เกิดกลิ่น คันเป็นรังแค รากผมไม่แข็งแรงและหลุดร่วง

2. สระผมให้ถูกวิธีเป็นเรื่องสำคัญ
เริ่มต้นวิธีดูแลผมที่ยาวก็คือ การเลือกผลิตภัณฑ์ทั้งแชมพูและครีมนวดที่ไม่มีสารเจือปนดีที่สุด อาจจะเป็นผลิตภัณฑ์สกัดจากสมุนไพร จากธรรมชาติ ไม่มีสารเคมีเยอะ และไม่ควรใช้น้ำอุ่นสระผมเพราะจะยิ่งทำให้ผมเกิดปัญหาแตกปลาย แห้ง และร่วงง่ายขึ้น อีกทั้งพยายามอย่าสระบ่อยด้วยนะ

3. อย่าปล่อยให้หนังศีรษะมันอยู่บ่อย ๆ
เพราะการที่เราปล่อยให้หนังศีรษะมันอยู่บ่อย ๆ ย่อมเป็นสาเหตุที่ทำให้หนังศีรษะสกปรกง่าย พาให้เส้นผมที่ยาวของเราบางและหลุดร่วงมากกว่าเดิม แนะนำเลือกแชมพูที่ช่วยขจัดความมันได้ดี สร้างรากผมให้แข็งแรงไว้สู้กับน้ำมันบนหนังศีรษะ

4. พยายามไม่ทำอะไรรุนแรงกับเส้นผม
แนะนำให้เช็ดผมให้แห้งหมาด ๆ แล้วเป่าลมเย็นแทนการใช้ไดร์หรือเครื่องหนีบที่มีความร้อนสูง หรือหวีผมตอนเปียกเพื่อลดปัญหาผมพันกันจนขาดหลุดร่วง

คนมีผมที่ยาวใช้ยางรัดผมมีส่วนทำให้ขาดหลุดร่วงหรือไม่?
แนะนำให้ใครที่ผมยาวพยายามอย่ามัดผมไว้ตลอดวัน ให้ปล่อยผมออกบ้าง เพราะยางรัดผมมีส่วนในการทำให้ผมของเราหลุดร่วงได้จากการถูกกระชาก หรือแกะออกแล้วผมไปพันยางรัด ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับชนิดของยางรัดด้วย แนะนำให้ใช้ยางเส้นเล็กและเรียว หรือแบบเป็นขด ๆ เหมือนสายโทรศัพท์บ้าน เพราะจะไม่กินเส้นผม ไม่ทำให้ผมขาด แต่ถ้าเป็นยางรัดถุงแกงอันนี้ไม่ได้เชียว

ปัญหาผมยาวแล้วขาดหลุดร่วง รวมถึงปัญหาผมแห้งเสียที่มักจะเกิดขึ้นควบคู่กันไปนี้นั้น เราสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีที่ถูกต้องเหมาะสม ที่สำคัญการเลือกผลิตภัณฑ์ก็ควรต้องใส่ใจ เมื่อรากผมแข็งแรงเส้นผมก็จะแข็งแรงตามไปด้วย ช่วยให้ผมมีสุขภาพดี ไม่ต้องคอยกวาดพื้นกันแล้ว


อ่านบทความเพิ่มเติมวิธีดูแลผมยาว www.loreal-paris.co.th/dream-lengths-good-for-long-hair[/list]

17


ปัญหาริ้วรอยบนใบหน้าใคร ๆ ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่หากเป็นขึ้นมาแล้วการศึกษาหาตัวช่วยแก้ไขปัญหานับว่าสำคัญและจำเป็นอย่างมาก ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำอีกหนึ่งตัวช่วย อย่าง “ครีมหน้าเด้ง” ริ้วรอยที่เป็นอยู่จางหายได้ในไม่ช้า ด้วยส่วนผสมสำคัญออกฤทธิ์จัดการอย่างตรงจุด ว่าแต่จะมีส่วนผสมอะไรบ้าง? อยากรู้รีบตามมาโดยด่วน


ทำไมคนเราถึงเกิดปัญหาริ้วรอยปัญหาบนใบหน้าได้?

แม้จะรู้ว่ามีครีมหน้าเด้งช่วย แต่ต้องบอกว่าปัญหาริ้วรอยเกิดขึ้นมาตอนไหนไม่มีใครรู้ ดังนั้น เราลองมาตรวจสอบสาเหตุกันหน่อย เผื่อว่าจะเลี่ยงทำให้ปัญหาเกิดได้ช้าลง

  • ปัจจัยภายในร่างกาย
ได้แก่ อายุที่เพิ่มมากขึ้น และกรรมพันธุ์
  • ปัจจัยภายนอกร่างกายมากระตุ้น
  ได้แก่ มลภาวะต่าง ๆ ฝุ่น ควัน แสงแดด การดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่บ่อย เครียด การแสดงสีหน้าทางอารมณ์มากเกินไป ซึ่งการเลือกใช้ครีมที่มีสูตรหน้าเด้ง ลดริ้วรอย ย่อมช่วยได้ไม่มากก็น้อย[/list]
   

เคล็ดลับเสริมที่ต้องรู้ช่วยลดการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า

นอกจาก ครีมหน้าเด้ง ที่เป็นตัวช่วยชั้นดีแล้ว อยากให้ศึกษาตัวช่วยอื่นเสริมไปด้วย ให้ทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF และ PA สูงไว้เพื่อป้องกันการถูกแสงแดดทำร้าย ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ทาเพิ่มความชุ่มชื้น เพราะการที่มีผิวแห้งทำให้เกิดการเสียดสีง่าย ริ้วรอยมาไว กินผักและผลไม้ที่มีวิตามิน รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระสูงต่าง ๆ เลี่ยงการล้างหน้าบ่อย เพราะทำให้เกิดผิวแห้งได้ เลี่ยงการโดนแดดในช่วง 10 .00 น. – 16.00 น. และหมวกปีกกว้าง เสื้อคลุม หรือกางร่มลดการถูกแสงแดด


การเลือกครีมหน้าเด้งด้วยส่วนผสมต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยลดการเกิดริ้วรอยย่อมทำให้แก้ไขปัญหาตรงจุด รวมถึงศึกษาสาเหตุการเกิดทำให้เข้าใจและเลี่ยงได้อย่างเหมาะสม ยิ่งได้เคล็ดลับเสริมมาช่วยอีกรับรองว่าไม่มีทางเกิดปัญหากวนใจนี้ขึ้นได้อีกต่อไป


อ่านทุกอย่างเกี่ยวกับความสวยงาม ทริคบำรุงผิว เว็บไซต์ : https://www.loreal-paris.co.th/face-booster


หน้า: [1]