แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - bslclinicit

หน้า: [1]
1


ปัจจุบันนี้ในโลกของอินเตอร์เน็ตเราจะเห็นได้ว่า มีวิธีการกำจัดสิวอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสูตรจากผัก ผลไม้ ตามธรรมชาติ, ครีมรีวิวต่างๆ ตามท้องตลาดที่แพร่อยู่อย่างมากมาย ในบางคนทำตามแล้วก็ได้ผลดี แต่ในบางคนก็อาจจะเกิดอาการแพ้หนักกว่าเดิมก็มีเช่นกัน ก่อนที่จะกำจัดเจ้าสิวตัวร้ายให้ออกไปจากผิวหน้านั้น ควรที่จะทำความเข้าใจกับสาเหตุของการเกิดสิวก่อน เพราะจะทำให้เรารู้ถึงสาเหตุของสิวที่เกิดมานั้นเป็นอย่างไร และควรดูแลรักษามันได้อย่างไร เพื่อที่จะไม่ให้ผิวเกิดอันตรายในระยะยาว เพราะหากใบหน้าเกิดหลุมสิวแล้ว จะทำให้การรักษายากกว่าเดิม และไม่สามารถทำให้ผิวกลับมาเต็มหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

โดยสาเหตุของการเกิดสิว มีอยู่ด้วยกัน 4 สาเหตุ ดังนี้ รูขุมขนอุดตัน, ต่อมไขมัน, แบคทีเรีย C.acnes และฮอร์โมนในร่างกาย หากเราทำความเข้าใจกับสาเหตุของการเกิดสิว ก็จะทำให้เข้าใขถึงกระบวนการรักษามากขึ้นนั้นเอง และสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://bslclinic.co.th/acne-treatment/

บีเอสแอลคลินิกยังมีวิธีการรักษาให้สิวหายไปจากผิวหน้าได้ในระยะยาว เพราะเรามีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับผิวหนังมากกว่า 35 ปี ทำให้เข้าใจถึงสาเหตุ สภาพผิว วิธีการแก้ไขได้อย่างล้ำลึก ทำให้ผลการรักษาออกมาดีได้ภายใน 3 เดือน และหลังจบการรักษา สิวก็ไม่กลับมาขึ้นอีกในบริเวณที่ทำการรักษาไป

1. เคลียร์สิวอุดตัน



สิวอุดตันเป็นตัวการร้ายที่จะทำให้ผิวพังหากไม่ทำการเคลียร์ออกไปให้หมด เมื่อสิวอุดตันถูกกำจัดออกไปแล้วจะช่วยลดการอับเสบของสิวได้ เพราะหากเราปล่อยให้สิวอุดตันอยู่บนผิว และทำการรักษาแบบไม่ถูกวิธี เจ้าสิวตัวร้ายนี้จะพัฒนากลายมาเป็นสิวอักเสบได้เช่นกัน

2. เลเซอร์รักษาสิว



อย่างที่เคยกล่าวไว้เบื้องต้นว่า รูขุมขน และ ต่อมไขมัน เป็น 2 ใน 4 สาเหตุที่ทำให้เกิดสิว ตัวเลเซอร์ชนิดนี้จะเข้าไปทำงานกับต่อมไขมันโดยตรง ให้มีขนาดเล็กลง เพื่อไม่ให้เกิดการผลิตไขมันออกมามากเกินกว่าปกติ และยังช่วยกระชับรูขุมขน เพื่อลดการอุดตัน ที่สำคัญยังเป็นการกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวหนังเก่าที่ตายแล้ว ทำให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้นได้ในระยะยาว

3. ฉายแสงฆ่าเชื้อสิว



วิธีนี้จะตอบโจทย์ในสาเหตุที่ 3 คือแบคทีเรีย C.acnes โดยแสงเลเซอร์จะเข้าไปฆ่าตัวแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวออกไปจากผิวของเรา ทำให้สิวที่เป็นนั้นไม่เกิดการอักเสบขึ้น เพราะได้ทำลายแบคทีเรียไปแล้ว อีกทั้งยังช่วยลดความมันบนใบหน้า ให้มีความมันน้อยลง และหลังจากที่ทำไปยังช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้อีกด้วย

4. ยาและผลิตภัณฑ์ในการบำรุงผิว



โดยยาในที่นี้จะตอบโจทย์เรื่องของสาเตุที่ 4 นั้นก็คือ ฮอร์โมนในร่างกายที่เกิดการแปรปรวน คุณหมอจะสั่งจ่ายยาเท่าที่จำเป็นโดยดูจากภูมิหลังของคนไข้ว่า เป็นใคร สภาพผิวแบบไหน น้ำหนัก ส่วนสูงเท่าไหร่ เคยแพ้อะไรบ้าง เป็นต้น เพื่อจะนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ว่าคนไข้ควรจะได้รับประมาณยาที่พอเหมาะในสัดส่วนเท่าใหน เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย และไม่กระทบต่อการทำให้ฮอร์โมนแปรปรวนไป

รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ถูกคิดค้น และพัฒนาอยู่เสมอๆ เพื่อให้ตอบโจทย์กับผิวคนไข้มากที่สุด โดยจะไม่ใช่ สารสเตียรอยด์ในการรักษาสิวเพราะจะทำให้ผิวเกิดอันตรายภายหลังได้ แม้ในกลุ่มคนผิวแพ้ง่ายก็สามารถใช้บำรุงผิวเพื่อไม่ให้เกิดสิวได้นั้นเอง

5. เซลล์ซ่อมเซลล์



วิธีนี้จะเป็นการนำเซลล์ที่ดีที่สุดในร่างกายของตัวเราเองมาซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังเก่า ให้ฟื้นฟูขึ้น ช่วยลดการอักเสบของสิวและผิวหน้า ทำให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้น และยังช่วยฟื้นฟูหลุมสิวให้ตื้นขึ้นได้ เป็นวิธีการที่ไม่อันตรายเพราะใช้เซลล์ในร่างกายของเรานั้นเอง

6. เลเซอร์ลดรอยดำ



เหมาะสำหรับคนที่มีรอยดำบนผิวหน้า จากการแกะ บีบสิว จนทำให้เกิดรอยดำขึ้นมา โดยปกติรอยดำจะหายไปเองตามธรรมชาติแต่ต้องใช้เวลามากกว่า 6 เดือนขึ้นอยู่ที่สภาพผิว แต่ตัวเลเซอร์จะเข้าจะทำงานที่เม็ดสีเมลานินที่เข้มขึ้นผิดปกติให้จางลงได้ไวกว่าเดิม ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอกัน มีความกระจ่างใส และไม่ทำลายผิวรอบข้างให้บางลง

7. เลเซอร์ลดรอยแดง



รอยแดงเกิดการที่ผิวถูกทำลาย จนเลือดไปรวมตัวกันบริเวณนั้นๆ จนทำให้เกิดรอยแดงขึ้น เลเซอร์ชนิดนี้จะเข้าไปทำงานกับเส้นเลือดโดยเฉพาะ ช่วยให้เส้นเลือดเกิดการหดตัว ทำให้รอยแดงบริเวณที่ทำการรักษาจางลงไป เป็นการกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ให้ใบหน้า กระจ่างใสอมชมพูได้ด้วย

8. เลเซอร์รักษาหลุมสิว



เมื่อสิวเกิดการอักเสบและเราดูแลแบบผิดวิธี เจ้าสิวนั้นจะกลายมาเป็นหลุมสิว โดยหลุมสิวนั้นไม่สามารถตื้นขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ จึงจำเป็นต้องใช้เลเซอร์รักษาหลุมสิวช่วยกระตุ้น คือเลเซอร์จะเข้าไปตัดพังผืดที่ขึงตึงใต้ผิวที่เกิดหลุมสิวให้สลายไป ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงเช่นเลือดออก หรือรอยแผลเป็น เซลล์ผิวหนังจะค่อยๆสร้างขึ้นมาใหม่และเรียงตัวกับดีขึ้น ทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น

เพราะการดูแลสิวนั้นไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ เพราะผิวหน้าของเรามีใบหน้าเดียวดังนั้น แนะนำให้เข้ามาปรึกษาหมอผิวหนังจะดีที่สุด เนื่องจากว่าหากเราทำการรักษาไม่ถูกจุด หรือไม่ตรงสาเหตุของการเกิดสิว ปัญหารอยดำ รอยแดง หรือแม้กระทั้งหลุมสิว จะตามมาบนผิวของคุณแน่นอน

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านปัญหาสิว
Line ID : @bslclinic **มี @ ข้างหน้า**
โทร 02-235-8858

2


ผิวหน้าเป็นสิวก็อยาก “รักษาสิวให้หายขาด” ทำสารพัดวิธีทั้ง กินยา ทายารักษา หาหมอสิว หรือจะรักษาด้วยตัวเอง แต่ไม่ว่าจะลองรักษาด้วยวิธีไหน เจ้าสิวตัวร้ายก็ไม่ยอมหายไปแบบง่ายๆ สักที รักษาไม่ดีนอกจากไม่หายแล้ว ยังทิ้งรอยแผลเป็นหลุมสิวไว้ที่ผิวให้ช้ำใจเล่นๆ อีก คอนเทนต์นี้จะมาตอบให้เคลียร์ว่าสิวสามารถรักษาให้หายขาดได้จริงไหม?

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อน “สาเหตุของการเกิดสิว” มีอะไรบ้าง

สิวเกิดจาก จากเซลล์ผิวหนังของเราที่ตายแล้วไปอุดตันบริเวณรูขุมขน และต่อมไขมันใต้ผิวผลิตน้ำมันส่วนเกิน จับตัวกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว หรือสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขน เครื่องสำอาง ฝุ่นละออง จนทำให้เกิดการอุดตันที่ผิวขึ้นมา เมื่อสิวอุดตันเกิดการย่อยจากเชื้อแบคทีเรีย C.acne ทำให้จากแค่สิวอุดตันพัฒนากลายเป็นสิวอักเสบ รวมถึงยังมีฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน (androgen) ที่มีมากเกินไปจนไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนังมีขนาดใหญ่ขึ้นและผลิตไขมันซีบัม (sebum) ออกมามากขึ้น ก็ล้วนเป็นสาเหตุที่สำคัญของการเกิดสิว หากไม่รักษาดูแลสิวตั้งแต่เนินๆ ตอนที่สิวยังอยู่ในระดับน้อยๆ ก็สามารถลุกลามกลายเป็นหลุมสิว ที่ยากกว่าการรักษาสิว ต่อไปอีกด้วย

สิวสามารถรักษาให้หายขาดได้จริงไหม?

ถ้าคุณหมายถึง ไม่อยากให้หน้ามีสิวขึ้นเลยสักเม็ดเดียว อันนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะเราห้าม “สิว” ไม่ให้ขึ้นไม่ได้ เราไม่สามารถป้องกันสิวได้ 100% เพราะอย่าลืมว่ามีหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิว “ฮอร์โมนในร่างกาย” ฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจน (androgen) ที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่เราสามารถลดโอกาสการเกิดสิวหรือทำให้สิวไม่อักเสบมากขึ้นไปอีกได้ ด้วยการดูแลผิวอย่างถูกต้อง


5 วิธีที่ช่วยรักษาสิวให้หายได้ สิวไม่กลับมาเห่อขึ้นเยอะ เหมือนเดิมแน่นอน



การรักษาให้ิสวหายนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิเช่น สภาพผิวเดิม ฮอร์โมน กรรมพันธุ์ สิ่งแวดล้อมประจำวันที่ต้องเผชิญ และพฤติกรรมส่วนตัวของแต่ละบุคคล  หากตัดปัจจัยทางกรรมพันธุ์ออกไป การจะรักษาให้สิวหายได้มี 5 วิธีด้วยกันดังต่อไปนี้

1. ปรับพฤติกรรม ลดสิว เปลี่ยนผิวให้แข็งแรง



ข้อนี้ขอเริ่มตั้งแต่ตื่นนอน ได้แก่ การล้างหน้าที่เบามือ หลีกเลี่ยงการจับหรือถูหน้าแรง ๆ เพราะจะทำให้ผิวและสิวอักเสบมากขึ้น, การล้างหน้าให้สะอาดหมดจดก่อนเข้านอน ด้วยการใช้คลีนซิ่งเช็ดคราบเครื่องสำอางออกทุกครั้ง และตามด้วยการล้างหน้าให้สะอาดด้วยคลีนเซอร์หรือโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยนที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณเป็นประจำ, ในระหว่างวันไม่ควรใช้มือสัมผัสเบาหน้า เพราะมือคือแหล่งสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก, ไม่บีบ ไม่แกะ ไม่เกา สิวและผิวหน้าของคุณ, มั่นทำความสะอาดของใช้ส่วนตัว เช่น ปลอกหมอน ที่นอน แปรงแต่งหน้า โทรศัพท์มือถือ

2. เลี่ยงได้เลี่ยง อาหารที่กินไปแล้วกระตุ้นสิว



หลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลสูง (Glycemic Index - G.I) เป็นตัวกระตุ้นให้สิวเกิดขึ้นได้ เช่น ข้าวขาว ขนมปัง มันฝรั่ง และอาหารรสหวานอื่นๆ พร้อมแนะนำให้กินอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักหลากสี หรือผลไม้ที่รสไม่หวาน ให้ลองสังเกตว่าอาหารชนิดใดที่เรากินเข้าไปแล้วทำให้ขึ้น ควรหลีกเลี่ยงหรือหยุดกินอาหารชนิดนั้นๆ หลายๆ คนเข้าใจผิดว่า การกินช็อกโกแลต มักจะทำให้สิวขึ้นเยอะ แต่ที่จริง ช็อกโกแลตกินแล้วไม่ได้ทำให้สิวขึ้น แต่ความหวานจากน้ำตาลในช็อกโกแลตต่างหากที่เป็นตัวกระตุ้นสิว หากอยากกินช็อกโกแลตแต่กลัวสิวขึ้น แนะนำให้กินดาร์กช็อกโกแลต ที่น้ำตาลน้อย และควรดื่มน้ำประมาณ 2 ลิตรต่อวัน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่น และลดการผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาบนผิว แพทย์ผิวหนังแนะนำ เพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ >> https://www.youtube.com/watch?v=BT76vz0EJBE

3. รู้สภาพผิวและเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะกับผิว



ใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ เช่น Niacinamide  ที่ช่วยลดสิว ลดความมัน เสริมเกราะป้องกันผิว แถมยังช่วยลดรอยดำรอยแดงได้อีกด้วย, Salicylic Acid ช่วยลดการอุดตันของไขมันในรูขุมขนอันเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว,  Benzoyl peroxide เป็นยาทาสำหรับรักษาสิว มีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรียและช่วยทำให้ผิวแห้ง ผิวแห้งใช้ 2.5% ผิวมันใช้ 5% และที่ขาดไม่ได้เลยคือการบำรุงผิวงเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้ผิวเกิดการอุดตัน Non-Comedogenic.สารในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ควรมีคุณสมบัติ 3 ส่วน ได้แก่ ปกปิดผิวเพื่ออุ้มน้ำไว้, Humectant สารที่ช่วยในการอุ้มน้ำไว้ใต้ผิว, Emollient สารที่ช่วยให้ผิวเกิดความชุ่มชื้นเรียบเนียนขึ้น

4. ใช้เทคโนโลยีเลเซอร์รักษา สิวให้หายเร็วเข้าช่วย



ปัจจุบันมีเทคโนโลยีเลเซอร์ที่สามารถช่วยลดขนาดของต่อมไขมันใต้ผิว ตัวการและสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เพราะต่อมไขมันจะเป็นตัวผลิตน้ำมันส่วนเกิน จับตัวกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว หรือสิ่งสกปรกที่ตกค้างในรูขุมขน เครื่องสำอาง ฝุ่นละออง จนทำให้เกิดการอุดตันที่ผิวขึ้นมา เลเซอร์จะลงไปทำงานที่ต่อมไขมัน ลดขนาดต่อมไขมันให้เล็กลง จึงสามารถช่วยลดโอกาสการอุดตันของผิวได้เป็นอย่างดี แต่ควรอยู่ในการดูแลรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรง

5. ปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนัง



เพื่อให้แพทย์หาสาเหตุของการเกิดสิวที่แท้จริง และรับการรักษาอย่างถูกวิธี ช่วยป้องกันการเกิดสิวเรื้อรังที่อาจเกิดแผลเป็น และหลุมสิวตามมาได้ โดยแนะนำให้เลือกจากการเช็คประวัติแพทย์ ประวัติคลินิก ประสบการณ์ในการดูแลรักษาคนไข้ รีวิวความประทับใจจากคนไข้ที่เข้าไปใช้บริการจริง รวมถึงวิธีการรักษา เทคโนโลยีขั้นตอนที่เลือกใช้ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่า ปัญหาสิวของคุณจะหายไปและได้ผิวที่ปลอดภัยในระยะยาว

อยากสิวหายเร็ว ผิวแข็งแรง ถึงหยุดรักษา สิวก็ไม่กลับมาเห่อขึ้นใหม่
กดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://bslclinic.co.th/acne-treatment/


ปรึกษาปัญหาสิวกับผู้เชี่ยวชาญ
Line ID : @bslclinic **มี @ ข้างหน้า**
Line : https://line.me/ti/p/@bslclinic
Tel : 02-235-8858, 098-289-7805

3


     อากาศประเทศไทยทั้งร้อน ทั้งอบอ้าว ไหนจะฝุ่น pm 2.5 และมลภาวะที่ไม่เป็นมิตรกับผิว ทำให้สิวผด สิวเม็ดเล็กๆ บุก ขึ้นเต็มหน้าใครที่เคยลองสรรพัดวิธี รักษาสิวผด มาแล้ว แต่ยังไม่เห็นผล ครั้งนี้เราขอแนะนำเคล็ดที่ไม่ลับ สำหรับสาวๆ หนุ่มๆ ที่อยากมีผิวหน้าที่เนียนใส ไม่มีปัญหาสิวผด มากวนใจ แม้ในวันที่อยากโชว์ผิวหน้าไร้เมคอัพ ใครเห็นก็ต้องร้องว้าววว !! กับผิวสุขภาพดี

ใครที่กำลังกลุ้มใจกับสิวผด อยากรู้ไหม สิวผด คืออะไร?



     สิวผด (Acne Estivalis) เป็นสิวที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน จะพบได้บ่อยในช่วงที่ผิวมีเหงื่อออกมากๆ จากอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้ผิวเกิดมีผดผื่นเป็น สิวเม็ดเล็กๆ มักพบได้มากตรงตำแหน่งหน้าผาก และขมับทั้งสองข้าง ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าสิวผดจะเห่อขึ้นในช่วงบ่ายจากการที่เราไปเผชิญกับอากาศร้อนๆ และอาการจะลดลงไปได้เองในช่วงเย็นๆ

ลักษณะของสิวผด สิวเม็ดเล็กๆ เป็นแบบไหน?
  • ตุ่มเม็ดเล็กๆ
  • ไม่มีหัว
  • ขึ้นหลายๆ เม็ด
  • กระจายอยู่ทั่วบริเวณ
  • ผิวไม่เรียบเนียน

เรื่องที่คุณอาจเคยเข้าใจผิด เกี่ยวกับสิวผด
     ประเภทของสิว มีอยู่ด้วยกันหลายประเภท โดยเฉพาะ “สิวอุดตัน” กับ “สิวผด” ที่แม้จะมีลักษณะที่คล้ายกัน แต่ความจริงแล้ว เป็นสิวที่ไม่เหมือนกัน เนื่องจาก สิวอุดตันและสิวผด มีสาเหตุของการเกิดสิวที่แตกต่างกัน แต่อาจมีปัจจัยอื่นๆ มากระตุ้นให้สิวทั้งสองประเภทนี้เกิดขึ้นได้เหมือนกัน อย่างเช่น มลภาวะ อากาศที่ร้อนอบอ้าว หรือแม้แต่ แมสก์หน้ากากอนามัยที่สวมใส่เป็นเวลานานๆ จนเกิดการอับชื้นและเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและเชื้อราโตขึ้น จึงเกิดเป็นปัญหาสิวตามมา ดังนั้นสิวผด “จึงเป็นอาการแพ้ของผิวหนัง ไม่ใช่ปัญหาสิวอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ”

อะไรเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวผด แบบที่คุณไม่ทันได้สังเกต
     มีสิ่งที่หลายๆ คนทำอยู่เป็นประจำทุกวัน ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวผด โดยที่บางทีเราคุ้นชินและไม่ทันได้สังเกต อย่างเช่น คุณแม่บ้านที่ชอบทำอาหาร และต้องอยู่หน้าเตาที่โดนความร้อนอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ก็ทำให้เกิดสิวผดขึ้นได้ นักกีฬาหรือคนที่ชอบออกกำลังกายกลางแจ้งที่มีแสงแดดร้อนจัด ทำให้ผิวหนังเร่งการขับเหงื่อออกมา สาวๆ ที่แต่งหน้าทำความะอาดผิวหน้าและเผลอเช็ดถูหน้าแรงๆ การใช้เครื่องสำอางบางประเภทที่ไม่เหมาะกับผิว หรือแม้แต่การพักผ่อนน้อย นอนน้อย ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอ ก็ล้วนเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวอ่อนแอ จนทำให้เกิดสิวผดเกิดขึ้นได้

ถ้ามีอาการคัน แสบผิว ตรงที่เป็นสิวผดด้วย เกิดจากอะไร
     สิวผดนอกจากมีปัจจัยอื่นกระตุ้นแล้ว ทางการแพทย์พบว่ายังเกิดจากเชื้อราหรือเชื้อยีสต์ ที่ชื่อ P.OVALE เป็นตัวทำปฏิกิริยากับต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมาเยอะ จนน้ำมันกลายเป็นอาหารสุดโปรดของพวกยีสต์ตัวนี้ ทำให้เชื้อมีการเจริญเติบโตมากผิดปกติ โดยเป็นลักษณะของอาการ “รูขุมขันอักเสบจากเชื้อรา” ทำให้สิวผด ผดผื่น สิวเม็ดเล็กๆ ที่เกิดจากเชื้อรานี้จะมีอาการคัน ไม่เหมือนกับสิวทั่วๆ ไป และมักขึ้นบริเวณ หน้าผาก จมูก คาง เป็นต้น

5 วิธี รักษาสิวผด เผยหน้าสด ยังสวยสดใส



1. รักษาสิวผดกับแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ
     เพราะสิวผด ไม่เหมือนกับสิวประเภทอื่นๆ อยากรักษาสิวผด ให้หายแถมได้ผิวที่ปลอดภัย ควรอยู่ในการดูแลรักษาของทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญจะดีที่สุด เพื่อการสาเหตุหรือปัจจัยที่ไปกระตุ้นให้ผิวเกิดเป็นสิวผดขึ้น ที่ตรงจุด คนไข้ควรได้รับยาที่เหมาะสมกับความรุนแรงของสิวผด เพราะสิวผดที่เกิดจากเชื้อราหรือเชื้อยีสต์ ควรได้รับยาฆ่าเชื้อจากการวินิจฉัยของแพทย์เพื่อความปลอดภัยต่อร่างกายด้วย

2. ไม่ควรซื้อยารักษาเอง
     การซื้อยามารักษาสิวเองนั้น ไม่เป็นผลดีต่อผิวหน้าและร่างกายแน่นอน เพราะการรักษาสิวที่จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาดี ควรมียากินและยาทาควบคู่กัน การกินยาที่ไม่ได้คำนวนจากประวัติของร่างกาย กินยาไม่เหมาะสมกับน้ำหนักและส่วนสูงของคุณเอง ทำให้เกิดการกินยาไม่ครบโดส เกิดอาการดื้อยา ผลสุดท้ายทำให้การรักษาสิวไม่เห็นผล มีอาการของสิวที่เป็นๆ หายๆ วนลูป

3. เลี่ยงการโดนแสงแดดจัดๆ
     เพราะความร้อนจากแสงแดด เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวผด หากต้องออกไปเจอแดด แล้วมีเหงื่อออกมาก ก็ให้ซับหน้าให้แห้งด้วยกระดาษทิชชู่สำหรับผิวหน้าอย่างเบามือ และควรใช้ครีมกันแดดทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน ครีมกันแดดควรมีประสิทธิภาพ มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ใช้ครีมกันแดดปริมาณ 1 ข้อนิ้วมือ (นิ้วก้อย) ในตอนเช้าเราแนะนำให้ทา 2 ครั้ง (รวมปริมาณเป็น 2 ข้อนิ้วมือ) ห่างกัน 20 นาทีก่อนออกจากบ้าน

4. งดการรบกวนผิว ให้ผิวได้พักบ้าง
     เช่น การทำทรีทเมนต์ต่างๆ การขัดผิวหน้า การลอกผิวหน้า การนวดหน้า ที่จะทำให้ผิวคุณอ่อนแอลง หรือแม้แต่การล้างหน้า ก็ควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้ากับเย็น ก็เพียงพอ การล้างหน้าบ่อยๆ ไม่ส่งผลดีต่อผิว เพราะทำให้ผิวเสียสมดุลจนไปกระตุ้นให้เกิดสิวผดหนักขึ้นกว่าเดิม

5. บำรุงฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรง
     ผิวหน้าที่เกิดสิวผดที่อยู่ในช่วงเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ ทำให้เมื่อเจอปัจจัยกระตุ้นอย่าง แสงแดด ความร้อน อากาศ มลภาวะต่างๆ และทำให้เกิดสิวผดขึ้น จึงควรได้รับการบำรุงอย่างถูกวิธี ก็สามารถช่วยลดปัญหาสิวได้ โดยเคล็ดลับสำคัญในการเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวดูได้ที่ลิงก์นี้ https://www.youtube.com/watch?v=o5iy5s9GCiQ ได้แก่
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำให้ผิวเกิดการอุดตัน Non-Comedogenic
  • ผลิตภัณฑ์ที่ส่วนประกอบเป็น  Oil-Free สารในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ควรมีคุณสมบัติ 3 ส่วน ได้แก่ ปกปิดผิวเพื่ออุ้มน้ำไว้, Humectant สารที่ช่วยในการอุ้มน้ำไว้ใต้ผิว, Emollient สารที่ช่วยให้ผิวเกิดความชุ่มชื้นเรียบเนียนขึ้น
  • สารในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ควรมีคุณสมบัติ 3 ส่วน ได้แก่ ปกปิดผิวเพื่ออุ้มน้ำไว้, Humectant สารที่ช่วยในการอุ้มน้ำไว้ใต้ผิว, Emollient สารที่ช่วยให้ผิวเกิดความชุ่มชื้นเรียบเนียนขึ้น

     5 วิธีรักษา สิวผดแบบเร่งด่วน ที่ได้แนะนำไปแล้วนั้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่มีปัญหาสิวผดกันนะคะ และอย่าลืมว่าการรักษาสิวนั้น ต้องอาศัยวินัยของตัวกันอีกด้วยน้า เช่น การดูแลเรื่องความสะอาดของผิวหน้า การล้างเครื่องสำอางก่อนเข้านอนอย่างหมดจดทุกคืน เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเอง อ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม กิจวัตรประจำวันที่อาจเป็นตัวกระตุุ้นทำให้สิวผดรุนแรงขึ้น หวังว่าจะไม่ยาก และช่วยให้ทุกคนมีผิวหน้าที่เรียบเนียน หมดปัญหาสิวผด หรือสิวเม็ดเล็กๆ กวนใจที่ผิวหน้าได้อย่างมั่นใจกันนะ

เลือกคลินิกรักษาสิวอย่างไรดี กดดูข้อมูลเพิ่มเติมที่
https://bslclinic.co.th/acne-treatment/

4

          เคยสงสัยกันไหมว่าการที่เราเป็นสิวนั้น ควรจะรักษาคลินิกแบบไหนดีที่จะไม่มีการเลี้ยงไข้สิว ให้เราซื้อโปรแกรมอยู่ตลอด ๆ ในความเป็นจริงหากคุณต้องการหาคลินิกรักษาสิว ควรจะศึกษาของมูล และดูรีวิวของแต่ละที่ให้มั่นใจ เพื่อที่จะได้เข้าใจถึงกระบวนการรักษา และผลลัพธ์ที่คาดว่าเราควรจะได้รับจากการรักษาในครั้งนี้ วันนี้เราจะแชร์เทคนิคการเลือกคลินิกสิวแบบไหน ที่จะตอบโจทย์ปัยหาสิว ให้หายได้ในระยะยาว และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพผิวของเราอีกด้วย

1. รักษาโดยหมอผิวหนัง
          หากคุณเจอคลินิกที่ใช่ สิ่งแรกที่ควรสอบถามเลยนั้นก็คือ การรักษาได้ถูกดูแลโดยแพทย์ผิวหนังไหม เพราะแพทย์เหล่านี้จะเข้าใจโครงสร้างของผิว และสาเหตุของการเกิดสิวที่แท้จริง ช่วยให้การรักษาออกมาตรงจุดมากขึ้น เมื่อการรักษาสิวถูกรักษาที่สาเหตุแล้วนั้น การเกิดสิวใหม่ในอนาคตก็จะลดลงไปอีกด้วย

2. คลินิกมีประสบการณ์การรักษาคลินิกมีประสบการณ์การรักษา
          ในส่วนนี้จะบอกถึงความชำนาญในการแก้ไขปัญหาสิวของคุณได้ เช่นมีประสบการณ์การรักษาสิวมากว่า 35 ปี จะทำให้เราเชื่อมั่นได้ถึงคุณภาพของกระบวนการรักษา ความแม่นยำในการวิเคราะห์ผิวหน้าของคนไข้ หรือแม้กระทั้งเทคนิคการรักษาที่จะทำให้ผิวของคุณนั้นปราศจากสิวได้ในระยะยาว

3. มีรีวิวการรักษาของคนไข้
          ลองศึกษาภาพก่อนและหลังการรักษาของแต่ละคลินิกดูว่า มีมากน้อยแค่ไหน มีคนไข้ตัวเป็นๆ มารักษาบ้างไหม และผลการรักษานั้นใช้เวลา และได้ผลลัพธ์อย่างไร ก็จะช่วยในการตัดสินใจได้เป็นอย่างมาก เพราะหากมีรีวิวจากผู้รักษาจริงเยอะๆ ก็จะบ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญในการรักษาของที่นั้นได้รับการตอบรับจากคนไข้ที่มารักษาสิวเป็นอย่างดี


4. มีการบริการที่จริงใจของพนักงาน
          การให้บริการที่จริงใจไม่ว่าจะเป็นทั้งแอดมินผู้ตอบคำถาม พนักงานต้อนรับที่คอยให้ข้อมูลความรู้แนะนำการแก้ไขปัญหา โดยเราสามารถปรึกษาปัญหาสิวที่เราเป็นกับคนเหล่านี้ก่อนได้ เพราะด่านแรกคือพนักงานทุกคนต้องมีความเข้าใจในปัญหาของคนไข้ก่อนถึงจะแนะนำคอร์สการรักษาที่เหมาะสมกับคุณได้อย่างเฉพาะเจาะจงนั้นเอง

5. ระยะเวลาการรักษาที่เหมาะสม
          พอถึงเรื่องระยะเวลาหลายคนมักจะเข้าใจว่าหากรักษาให้สิวหายได้ไวที่สุด คลินิกนั้นจะไม่เลี้ยงไข้ เช่น 1 วีคก็หายได้แล้ว แต่ในความเป็นจริงสิวไม่สามารถหายได้ไวขนาดนั้น หากไม่ถูกสารอันตรายอย่างสเตียรอยด์มากระตุ้นให้สิวยุบลง แต่หลังจากนั้นสิวก็กลับมาขึ้นใหม่เหมือนเดิม

          ดังนั้นระยะเวลาที่เหมาะสมกับการรักษาสิวที่ดีที่สุดคือ 3 เดือน หมายความว่า หากคุณเข้าทำการรักษาที่ใดที่หนึ่งแล้วนั้น จะต้องเห็ผลการเปลี่ยนแปลงของสิวว่ามันยุบ มันหายไปได้ใน 3 เดือนอย่างชัดเจน โดยส่วนใหญ่แพทย์จะรักษาสิวจากสาเหตุของการเกิดสิว จึงทำให้สิวที่เป็นนั้นไม่ได้หายไปในทีเดียวในการรักษา เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อผิวได้ แต่หมอผิวหนังจะเน้นการรักษาที่ปลอดภัยต่อคนไข้ให้มากที่สุด เพื่อที่จะลดปัญหาผิวอย่างเช่น รอยดำ รอยแดง หรือแผลเป็นหลุมสิว และยังช่วยให้ผิวมีสุขภาพที่ดี แข็งแรงขึ้นได้ในระยะยาว

          นี่ก็เป็น 5 วิธีง่ายๆ ที่สามารถศึกษากันได้ก่อนการรักษาสิว ว่าควรจะเลือกคลินิกแบบไหนให้เหมาะสมกับปัญหาผิวของคุณ หากเลือกถูกที่สิวที่เป็นอยู่ก็จะดีขึ้น และลดการเกิดสิวใหม่ได้ แต่หากเลือกผิดพลาดไป อาจจะต้องเสียทั้งทรัพย์ และกำลังใจในการรักษาต่อไปเลยที่เดียว

แชร์ประสบการณ์การรักษาสิว คลิก:
https://bslclinic.co.th/patient-stories/working-women-hormonal-acne/

5


          สาวๆ หลายคน ร้องไห้แล้วนะ กับปัญหาสิวที่หลัง อยากใส่เสื้อโชว์แผ่นหลัง แต่ทำไม่ได้ ลองหาวิธีรักษาสิวที่หลังเพื่อจะช่วยลบทั้งสิว รอยดำจากสิว รอยแดงจากสิว ที่ขึ้นเต็มแผ่นหลัง มีทั้งอาการคันและเจ็บ ใช้ชีวิตประจำวันอย่างลำบาก แม้จะอยู่ในที่ร่มผ้า แต่ก็สร้างความไม่มั่นใจให้กับคนที่มีปัญหาสิวที่หลังเป็นอย่างมาก


สิวขึ้นที่หลังสาเหตุเกิดจากอะไร
          สิวที่หลัง สาเหตุการเกิดของมัน หลักๆ แล้วก็เหมือนกับการเกิดสิวที่บนผิวหน้า ซึ่งได้แก่ การอุดตันของรูขุมขนที่เกิดจากเซลล์ผิวที่ตายแล้ว การสะสมของต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันให้กับผิว  แบคทีเรีย (P.acnes) และฮอร์โมน อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นๆ คอยเป็นตัวกระตุ้นทำให้สิวที่หลังประทุหนักขึ้น

          ปัจจัยภายในร่างกาย เช่น พันธุกรรมจากคนในครอบครัว, ฮอร์โมนในร่างกายที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง, ภาวะเครียดภายใจจิตใจที่เชื่อมโยงกับการแปรปรวนของฮอร์โมนเช่นกัน

          ปัจจัยภายนอกร่างกาย เช่น ความสะอาดของเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน, เหงื่อไคลที่ทำให้เกิดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย, อาหารหรือยาที่รับประทานทุกวัน ก็สามารถเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดปัญหาสิวที่หลังได้




2 วิธีรักษาสิวที่ผิวแผ่นหลัง กู้ผิวพัง ให้กลับมาเรียบเนียน
          วิธีรักษาสิวที่หลัง ช่วยกู้ผิวพัง ให้กลับมาไร้ปัญหาสิวได้นั้น แค่จะรักษาสิวอย่างเดียวคงไม่พอ เพราะปัญหาสิวที่หลังยังมีปัจจัยภายนอก ที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง ควบคู่กับวิธีรักษาสิวที่หลัง แบบที่อยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ ทำ 2 วิธีนี้ร่วมกัน รับรองว่าไม่นานปัญหาสิวที่หลังของคุณจะค่อยๆ ลดลง และหายไปในที่สุด

1. รักษาสิวที่หลังด้วยตัวเอง
          เริ่มดูแลรักษาจากที่ตัวเราเองก่อน เช่น หมั่นทำความสะอาดที่นอน ผ้าปูที่นอน หลังการออกกำลังกายควรอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็วที่สุด หากไม่สามารถอาบน้ำได้ทันที แนะนำให้ใช้ผ้าเช็ดทำคราบเหงื่อไคลเพื่อทำความสะอาดผิวที่หลังคร่าวๆ ก่อนและเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียและความอับชื้น สวมเสื้อหลวมๆ ลดการเสียดสีระหว่างเนื้อผ้ากับผิวที่หลัง การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายสูตรอ่อนโยนถนอมผิว เพื่อไม่ให้ผิวเกิดการระคายเพิ่มขึ้น ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวปราศจากน้ำมัน (Oil Free) และในช่วงที่ผิวหนังเป็นสิวขั้นรุนแรงแนะนำให้งดการสะพายกระเป๋าเป้ที่ข้างหลัง เพราะจะยิ่งทำให้ผิวของคุณระคายเคืองและเจ็บจากสิวง่ายขึ้น

2. เข้าคลินิกรักษาสิวที่หลัง
          วิธีนี้จะยิ่งทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจ เพราะเป็นการได้ฝากปัญหาสิวที่หลัง ให้อยู่ในการดูแลรักษาของคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ข้อดีของการเลือกให้คุณหมอรักษาสิวที่หลัง คือ คุณจะได้รับการรักษาสิวที่ตรงสาเหตุ มีขั้นตอนและวิธีการรักษาที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น การกินยา ทายา การทำเลเซอร์ทรีทเมนต์ ที่จะช่วยให้สิวและรอยสิวที่หลังของคุณหายได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญ อยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ก็ต้องมีความปลอดภัยต่อผิวและสุขภาพของคุณอยู่แล้ว คุณจึงไม่ต้องกังวลกับปัญหาสิวที่หลังอีกต่อไป แต่แนะนำให้คุณเลือกคลินิกรักษาสิวที่หลังที่ได้มาตรฐาน มีคุณหมอที่เรียนจบได้ผิวหนังโดยตรง มีความน่าเชื่อถือ ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจเข้ารักษา เพียงเท่านี้สิวที่หลังก็จะหาย แถมที่ผิวและสุขภาพที่ปลอดภัยอีกด้วย



ข้อมูลคลินิกรักษาสิวที่หลังที่น่าเชื่อถือ ทีมแพทย์มีความเชี่ยวชาญ
https://bslclinic.co.th/patient-stories/clear-fac

หน้า: [1]