แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Shopd2

หน้า: 1 ... 916 917 [918] 919 920 ... 928
16507


รัฐบาลจีนประกาศกฎระเบียบใหม่แก้ปัญหาเด็กเยาวชนติดเกม หั่นเวลาเล่นเหลือแค่ 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เท่านั้น

ระเบียบดังกล่าวเป็นการเพิ่มความเข้มงวดจากเดิมที่อนุญาตให้เล่นได้วันละ 1 ชั่วโมงครึ่งพร้อมจำกัดการเติมเงิน บังคับใช้ด้วยวิธีลงทะเบียนยืนยันตัวตนชื่อสกุลจริงเมื่อสมัครเกมออนไลน์ต่างๆ

นอกจากจำกัดปริมาณเวลาแล้ว กฎใหม่จะให้เยาวชนจีนเล่นเกมได้เฉพาะตอน 2 ทุ่มถึง 3 ทุ่ม สุดสัปดาห์วันศุกร์เสาร์อาทิตย์หรือวันหยุดราชการ ล็อกช่วงเวลาชัดเจนไม่มีทางเลือก

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนก็เพิ่มความเข้มงวดต่อวงการวีดีโอเกมทั้งหมด ทำให้บริษัทต่างๆ เริ่มนำเงินลงทุนไปขยายฐานตีตลาดต่างประเทศแทน ทั้งการซื้อกิจการค่ายดังและเปิดสตูดิโอใหม่

หนึ่งในค่ายใหญ่อย่าง Tencent ก็เผยว่าผู้เยาว์มีอัตราส่วนการใช้จ่ายไม่ถึง 3 เปอร์เซ็นต์ของผู้เล่นเกมทั้งหมดในจีน โดยพวกเขามีมาตรการจำกัดเวลาตามระเบียบรัฐบาล ถึงขั้นถ่ายภาพใบหน้าป้องกันการสวมรอยเลยทีเดียว

อีกด้านหนึ่ง ประเทศเกาหลีใต้ก็กำลังวางแผนจะยกเลิกกฎหมายจำกัดเวลาการเล่นเกมรอบดึกของเยาวชน เนื่องจากเป็นของเก่าแก่ตั้งแต่ปี 2011 ไม่ครอบคลุมทุกช่องทาง โดยจะเปลี่ยนให้ผู้เล่นมีทางเลือกการจำกัดเวลาเองผ่านการพูดคุยกับผู้ปกครอง

16508


เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินเรื่อง 'สเต็มเซลล์' แต่ส่วนใหญ่มองข้ามไป เพราะมองว่าไกลตัว อาจจะไม่เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ รวมถึงคิดว่าตนเองคงเข้าไม่ถึงหรือสุดท้ายคงอาจไม่เข้าใจและไม่ได้รับข้อมูลมากเพียงพอ เนื่องจากหากเราทราบประโยชน์ก็จะเห็นความสำคัญของสิ่งนี้อย่างแท้จริง

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าร่างกายของคนเรามีสเต็มเซลล์ซ่อนอยู่ในทุกอวัยวะเริ่มตั้งแต่ชีวิตก่อกำเนิดจากเซลล์แรก เป็นเซลล์ตัวอ่อนและเจริญเติบโตเป็นอวัยวะต่างๆ เป็นร่างกายที่สมบูรณ์ในที่สุด ซึ่งระหว่างที่เราเจริญเติบโตหรือมีอายุมากขึ้นก็จะมีสเต็มเซลล์ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป แต่ที่สำคัญที่สุดคือสเต็มเซลล์ทำหน้าที่ฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของอวัยวะต่างๆ ยิ่งถ้าเป็นในแง่ของนักกีฬายิ่งมีประโยชน์มาก สามารถยืดระยะเวลาการใช้งานร่างกาย รวมถึงทำให้ส่วนที่บาดเจ็บนั้นหายเร็วขึ้นอีกด้วย

ดังนั้นจะดีแค่ไหนถ้ามีการจัดเก็บเต็มเซลล์ไว้สำหรับใช้บำบัดรักษาโรคและฟื้นฟูสภาพความเสื่อมของร่างกายสำหรับตนเองรวมถึงคนในครอบครัว เมื่อถึงเวลาจำเป็นก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ทันที นอกจากนี้เรื่องค่าใช้จ่ายที่ใครๆ กังวล ทุกวันนี้มีระบบผ่อนจ่ายที่ช่วยให้เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย

ระบบการจัดเก็บระดับสากลของ “ไครโอวิวา”
ระบบการจัดเก็บระดับสากลของ “ไครโอวิวา”

- เก็บสเต็มเซลล์เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน

“สเต็มเซลล์” หรือ “เซลล์ต้นกำเนิด” เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้นว่า มีบทบาทในทางบำบัดรักษาโรคให้กับผู้เป็นเจ้าของและบุคคลในครอบครัว แบ่งได้เป็น สเต็มเซลล์ ที่เก็บเกี่ยวได้จากตัวอ่อน (Embryonic stem cell) และสเต็มเซลล์ชนิดโตเต็มวัย (Adult stem cell) ได้จากมนุษย์ที่เติบโตแล้ว เซลล์จากตัวอ่อนยังเป็นสิ่งต้องห้ามในทางศีลธรรม เพราะการสกัดสเต็มเซลล์ จำเป็นต้องทำลายตัวอ่อน ในขณะที่เซลล์ชนิดโตเต็มวัยที่ได้จากตัวผู้รักษาเองไม่มีการทำลายชีวิตตัวอ่อน จึงเป็นที่ยอมรับมากกว่า เช่น สเต็มเซลล์เก็บจากเลือดในสายสะดือ เนื้อเยื่อสายสะดือและเยื่อหุ้มรก

สเต็มเซลล์ จึงถูกมองว่า มีบทบาทความสำคัญยิ่งสำหรับคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกคนในครอบครัว โดยสเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือ เนื้อเยื่อสายสะดือและเยื่อหุ้มรกสามารถจัดเก็บได้ตอนแม่คลอด ไม่เจ็บปวด อีกทั้งจัดเป็นเซลล์ที่มี HLA ตรงกับทารก 100% ซึ่งมีการศึกษาแล้วว่า สเต็มเซลล์จากเลือดสายสะดือสามารถรักษาได้มากกว่า 85 โรค ทั้งแก่ลูกน้อยและพี่น้องร่วมสายโลหิตที่มีเนื้อเยื่อตรงกัน เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว หรือลูคีเมีย ทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งไขกระดูก มะเร็งในเด็กบางชนิด และโรคที่ไม่ใช่มะเร็งอย่าง โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย โรคความบกพร่องทางภูมิคุ้มกันที่เป็นมาแต่กำเนิด โรคเม็ดตา.ิซึมที่เป็นมาแต่กำเนิด เป็นต้น



นอกจากนี้สเต็มเซลล์ชนิดที่เรียกว่า “มีเซนไคมอลสเต็มเซลล์” (Mesenchymal Stem Cells) หรือ “เอ็มเอสซี” (MSC’s) ที่ได้จากเนื้อเยื่อสายสะดือหรือเยื่อหุ้มรกยังมีศักยภาพสูงในการแบ่งตัวและพัฒนาไปเป็นเซลล์ประเภทต่าง ๆ ได้ เช่น เซลล์ไขมัน กระดูกอ่อน กระดูก จึงมีประโยชน์ในการนำมาใช้รักษาฟื้นฟูสภาวะเสื่อมในผู้ใหญ่ โดยมีการศึกษาพบว่า สามารถใช้ฟื้นฟูโรคได้หลายชนิด เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคข้อเสื่อม โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน โรคสมองพิการ โรคออสทิสติก โรคหลอดเลือดสมองตีบหรือฉีกขาด โรคไตอักเสบ โรคตับอักเสบ โรคภูมิแพ้ตัวเอง (SLE) และอีกกว่า 45 รายงานการวิจัยจาก 597 การศึกษาวิจัยทั่วโลก ที่พบว่ามีการรักษาโควิด-19 ด้วยสเต็มเซลล์อีกด้วย

จากคุณประโยชน์ของสเต็มเซลล์ ที่เป็นอีกทางเลือกในการรักษาโรค ทำให้สังคมโลกตื่นตัวเรื่องการเก็บสเต็มเซลล์ไว้สำหรับอนาคตและกลายเป็นที่มาของ “ธนาคารสเต็มเซลล์” เกิดขึ้นหลายแห่งทั่วโลก และมีครอบครัวจำนวน ไม่น้อย ยอมจ่ายค่าบริการจัดเก็บรักษา เพื่อแลกกับคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนของครอบครัวในอนาคต

- ธนาคารสเต็มเซลล์คืออะไร

ในปัจจุบันมีหน่วยงานทำหน้าที่เสมือน “ธนาคาร” แต่แตกต่างกันตรงที่ไม่ได้รับฝากเงิน ทว่ารับจัดเก็บเซลล์ของมนุษย์แทน หรือที่เรียกว่า “ธนาคารสเต็มเซลล์” ซึ่งให้บริการจัดเก็บรักษาสเต็มเซลล์ไว้ ใช้ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพ สร้างคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัว หรือแม้แต่การบริจาคแก่บุคคลอื่นนำไปใช้รักษาโรคที่ทางการแพทย์ยอมรับว่าสเต็มเซลล์สามารถรักษาได้ และ “ไครโอวิวา” ก็เป็นหนึ่งในธนาคารจัดเก็บสเต็มเซลล์และผู้นำนวัตกรรมสเต็มเซลล์สำหรับใช้ในครอบครัวในประเทศไทย มาตรฐานระดับสากลที่ได้รับความไว้วางใจ

จิรัญญา ประชาเสรี  ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัดและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
จิรัญญา ประชาเสรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัดและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับในประเทศไทย มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ 'ธนาคารสเต็มเซลล์” หลายแห่งเช่นกัน ทั้งที่เป็นบริษัทของเอกชนและหน่วยงานของภาครัฐ โดยในส่วนธนาคารสเต็มเซลล์ของภาครัฐนั้น ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ได้รับมอบหมายจากแพทยสภา ประกาศเป็นข้อบังคับว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2545 เกี่ยวกับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ในราชกิจจานุเบกษากำหนด เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2545 ให้ทำหน้าที่จัดหาอาสาสมัครผู้บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตหรือสเต็มเซลล์ ที่ไม่ใช่ญาติให้แก่ผู้ป่วย โดยจัดตั้ง “ธนาคารเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตแห่งชาติ” เพื่อเป็นศูนย์กลางทะเบียน ตั้งแต่ปี 2545 โดยมีคณะกรรมการพัฒนาศักยภาพงานสเต็มเซลล์ ซึ่งเป็นผู้บริหารและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก 5 สถาบันมาร่วมงาน ได้แก่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และจากหน่วยงานอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ก็เป็นการตั้งของโรงพยาบาลเอง อาทิ ศูนย์ความเป็นเลิศทางงานวิจัยสเต็มเซลล์ของศิริราช ที่มุ่งสร้างงานวิจัยพื้นฐานพัฒนาสเต็มเซลล์ให้เป็นเซลล์ชนิดต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคที่เกิดจากความเสื่อมหรือโรคที่มีความผิดปกติของอวัยวะต่าง ๆ เป็นต้น

ส่วนธนาคารสเต็มเซลล์ของเอกชน ในประเทศไทยมีอยู่หลายแห่งเช่นกัน และในจำนวนนี้ “บริษัทไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด” คือผู้นำนวัตกรรมสเต็มเซลล์สำหรับใช้ในครอบครัวในประเทศไทย มาตรฐานระดับสากล “บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด” ถือเป็นผู้นำทางด้านธนาคารสเต็มเซลล์มีความเป็นเลิศทางวิชาการ ด้วยรางวัลการันตีความสำเร็จมากมาย ด้วยการสร้างมาตรฐานที่แตกต่าง จนได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการมายาวนาน กับความสำเร็จที่พร้อมอยู่เคียงข้างทุกคุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัว หวังเจาะตลาดกลุ่มลูกค้า “Personal Life” ทุกเพศทุกวัยและทุกไลฟ์สไตล์ ที่สนใจในเรื่องการดูแลสุขภาพและนวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพระดับสูง

ร่วมวิจัยเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19
ร่วมวิจัยเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19

- ความเชื่อมั่นในการเก็บสเต็มเซลล์กับไครโอวิวา

จิรัญญา ประชาเสรี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัดและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยว่าเหตุใดไครโอวิวาฯถึงได้รับการไว้วางใจจากทุกครอบครัวมาเป็นเวลากว่า 14 ปี “ก่อนอื่นต้องขอบคุณความไว้วางใจจากลูกค้าที่มั่นใจในการบริการของเรา และทีมงานที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งจนในปัจจุบันถ้าพูดถึงไครโอวิวาฯ ในแต่ละสาขาทั่วโลกวันนี้เรามีเก็บสเต็มเซลล์ไว้มากกว่า 1,000,000 ยูนิต และอยู่ใน TOP 10 ของโลก โดยมีการพัฒนาและขยายเครือข่ายที่แข็งแกร่งต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเอเชีย ตะวันออกกลาง หรือ ออสเตรเลียก็ไว้ใจให้เราเก็บสเต็มเซลล์ อย่างตอนนี้ดิฉันได้รับมอบหมายให้ไปบริหารที่สาขาสิงคโปร์ ร่วมถึงโซนเอเชียตะวันตกเฉียงใต้เพิ่มอีกด้วย

ทั้งนี้ทุกบริการของไครโอวิวาฯประเทศไทยจะวางแผน 3-5 ปี เพื่อทำการศึกษาและทดลองจนมั่นใจที่จะให้บริการนั้นแก่ลูกค้า ทำให้ล่าสุดเราได้เปิดตัวนิยามใหม่ “Your Life is Your Choice” เจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไปที่สนใจในการดูแลสุขภาพ ก่อนหน้านี้เราโฟกัสกลุ่มคุณแม่และครอบครัวเป็นหลัก แต่วันนี้ต้องการให้ทุกคน ทุกเพศมีคุณภาพชีวิตที่ดี จึงศึกษาวิธีการใหม่ ทำให้พบนวัตกรรมที่นำ ”ไขมัน” มาเป็นประโยชน์เพื่อใช้เติมเต็มในส่วนที่เราบกพร่องได้ และยังสามารถนำไปเพาะเลี้ยงให้เป็นสเต็มเซลล์ของตนเองเพื่อใช้ในศาสตร์ชะลอวัย

จัดเก็บ สเต็มเซลล์ เมื่อถึงเวลาสามารถนำมาใช้ได้ทันที
จัดเก็บ สเต็มเซลล์ เมื่อถึงเวลาสามารถนำมาใช้ได้ทันที

- สเต็มเซลล์กับไวรัสโควิด-19

“ดร.นพ. ศุภชัย เอกวัฒนกิจ” โลหิตแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเซลล์และโลหิตวิทยา ผู้อำนวยการแพทย์ พร้อมด้วย “กมลรัตน์ ศรีถวิล” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้เราได้รับเชิญไปร่วมสนทนาเพื่ออัพเดตถึงบทบาทของสเต็มเซลล์ในปัจจุบัน รวมถึงความสามารถของสเต็มเซลล์กับการรักษาฟื้นฟูร่างกายจากโรคโควิด-19 ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในสถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าวในขณะนี้

ด้าน กมลรัตน์ ศรีถวิล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในการเก็บสเต็มเซลล์ หากเรากลัวเจ็บ เราก็สามารถเก็บได้ตั้งแต่แรกคลอด ซึ่งเป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ในการวางแผนให้ โดยจะเก็บจากเลือดสายสะดือ ซึ่งเป็นเซลล์ที่มี HLA ตรงกับทารก 100% และสามารถให้พี่น้องใช้ได้ นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการเก็บเนื้อเยื่อเป็นเส้นสายสะดือรวมถึงเนื้อเยื่อหุ้มรกด้วย ซึ่งนำมาใช้ในเรื่องของการฟื้นฟูได้ดี สามารถให้คุณพ่อคุณแม่ ปูย่า ตายาย ที่เป็นญาติสายตรงใช้ได้ แต่ใน14ปีที่ผ่านมามีวิวัฒนาการก้าวหน้าขึ้น โดยผู้ใหญ่ยังสามารถเก็บสเต็มเซลล์ของตัวเองได้จากไขมัน แต่สเต็มเซลล์ที่ได้จากวัยผู้ใหญ่จะมีอายุมากกว่า เมื่อเทียบกับสเต็มเซลล์ของทารก ดังนั้น ณ เวลานี้ กล่าวได้ว่า ทุกคนสามารถใช้สเต็มเซลล์ของตัวเองเพื่อใช้ในการรักษาโรคโคหรือฟื้นฟูภาวะเสื่อม ได้ ครอบครัวในส่วน ผู้ที่เก็บสเต็มเซลล์ไว้จึงโชคดีที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ยามที่ต้องการ อย่างไรก็ดีสเต็มเซลล์ที่เก็บรักษาไว้โดยวิธีการแช่แข็งในไนโตรเจนเหลว จะไม่มีการหมดอายุ

สำหรับท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน สเต็มเซลล์ได้มีบทบาทในการช่วยเสริมการรักษาโรคติดเชื้่อโควิด-19 ด้วยเช่นกัน โดย ดร.นพ. ศุภชัย กล่าวว่า สเต็มเซลล์สามารถมาช่วยต่อสู้กับโควิด-19 ได้ โดยมีงานศึกษาวิจัยล่าสุดจากทีมวิจัยในประเทศจีน ซึ่งศึกษาในผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงมากและรุนแรงน้อย เปรียบเทียบระหว่างการรักษามาตรฐาน และการรักษามาตรฐาน ควบคู่กับการใช้สเต็มเซลล์ ชนิดที่เรียกว่า Mesenchymal Stem Cells (MSCs) พบว่า กลุ่มคนไข้ที่ได้รับการรักษาควบคู่สเต็มเซลล์ MSCs มีผลการรักษาดีขึ้น คนไข้สามารถออกจากโรงพยาบาลได้เร็วขึ้น

“ดร.นพ. ศุภชัย เอกวัฒนกิจ” โลหิตแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเซลล์และโลหิตวิทยา ผู้อำนวยการแพทย์ (ขวาจากรูป) พร้อมด้วย “กมลรัตน์ ศรีถวิล” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด
“ดร.นพ. ศุภชัย เอกวัฒนกิจ” โลหิตแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเซลล์และโลหิตวิทยา ผู้อำนวยการแพทย์ (ขวาจากรูป) พร้อมด้วย “กมลรัตน์ ศรีถวิล” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด

“การรักษามี 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการรักษาจำเพาะที่ใช้ยาเพื่อมุ่งเป้าไปทำลายเชื้อไวรัส ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า มียาที่จำเพาะต่อไวรัสชนิดนี้ ส่วนที่สอง เป็นการรักษาแบบสนับสนุน ซึ่งเป็นการรักษาเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน ที่ทำให้คนไข้ต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานาน เป็นส่วนที่ทำให้ปอดทำงานไม่ได้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งกลไกตรงนี้เป็นผลจากการตอบสนองของร่างกายที่มากเกินไป และสเต็มเซลล์ MSCs มีคุณสมบัติที่จะไปลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันไม่ให้มากเกินไป”

กมลรัตน์ กล่าวเสริมว่า นอกจากมีการใช้ MSCs มาช่วยลดความรุนแรงของระบบภูมิคุ้มกันแล้ว ยังช่วยในเรื่องการฟื้นฟูด้วย จากที่มีการศึกษาในประเทศอื่นๆ รวมถึงในจีน ทั้งนี้มี รายงานการวิจัยกว่า 45 ชิ้นระบุว่า มี 597 การทดลองทางคลินิกทั่วโลก ที่มีการรักษาโรคโควิด-19 ด้วยวิธี Cell and Gene therapy โดยกลไกในการทำงานของ MSCs ที่ช่วยในการรักษาโรคปอดอักเสบโควิด-19 ได้เช่น สามารถฟื้นฟูเนื้อเยื่อปอด ช่วยป้องกันการทำลายเซลล์เยื่อบุถุงลม ยับยั้งการเกิดพังผืดที่ปอดและรักษาความผิดปกติที่ปอด

ทุกคนสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ด้วยสเต็มเซลล์ที่จะช่วยดูแลสุขภาพและช่วยชะลอวัย มาร่วมดูแลสุขภาพและอนาคตของท่านและคนที่เรารักไปด้วยกัน สอบถามข้อมลเพิ่มเติมได้ที่ 02 203 6982 , 094 449 9445 www.facebook.com/cryoviva, www.cryoviva.com

16509


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จัดประชุมออนไลน์ เพื่อให้ความรู้และเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามมาตรฐานสากลเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering: AML) และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (Countering the Financing of Terrorism: CFT) ให้กับผู้แทนสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ และสำนักงานสอบบัญชีในตลาดทุน เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 

การประชุมครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้และเตรียมความพร้อมให้กับผู้สอบบัญชีในตลาดทุนในการดำเนินการตามมาตรฐานสากลเกี่ยวกับ AML/CFT ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการปรับปรุงตามข้อแนะนำที่ได้รับจากการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้าน AML/CFT ของประเทศไทย (ปี 2560) และเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ Financial Action Task Force (FATF)

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า "ตามที่สำนักงาน ปปง. อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกของ FATF เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนระหว่างประเทศ ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่พัฒนาและกำกับดูแลตลาดทุน

จึงได้จัดการประชุมร่วมกันระหว่างสำนักงาน ปปง. สภาวิชาชีพบัญชีฯ และผู้สอบบัญชีในตลาดทุน เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับ AML/CFT เป็นครั้งแรก  นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังมีแผนที่จะออกแนวปฏิบัติ (Best Practice) สำหรับผู้สอบบัญชีในตลาดทุนที่อ้างอิงจากมาตรฐานการปฏิบัติงานและจรรยาบรรณของผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีเพื่อสนับสนุนการดำเนินการตามมาตรฐาน AML/CFT ต่อไป"

ในการประชุมครั้งนี้ ผู้แทนจากสำนักงาน ปปง. ยังได้ให้ความรู้เกี่ยวกับสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฉบับใหม่ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้สอบบัญชีและวิชาชีพบัญชีซึ่งอยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติ และรับฟังข้อคิดเห็นจากผู้สอบบัญชีเพื่อนำไปพิจารณากำหนดแนวปฏิบัติให้เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจและความเสี่ยง

โดย ก.ล.ต. และสำนักงาน ปปง. จะร่วมกันผลักดันการแก้ไขกฎหมายและบูรณาการการดำเนินงานเพื่อยกระดับการป้องกันการอาศัยตลาดทุนเป็นช่องทางฟอกเงินต่อไป 

16510


ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (23-27 ส.ค.2564) พบว่า ดัชนี SET (SET Index) เพิ่มขึ้น 29.13 จุด หรือ 1.84% มาอยู่ที่ 1,611.20 จุด โดยดัชนีทยอยปรับขึ้นสู่ระดับ 1,600 จุด ภายหลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศปรับตัวลงต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 2 หมื่นรายต่อวัน

นอกจากนี้ ในช่วงปลายสัปดาห์ SET Index ยังได้ปัจจัยหนุนจากที่ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดเล็กมีมติคลายล็อกดาวน์ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด และในเวลาต่อมาที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่มีมติเห็นชอบให้ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม มีผลวันที่ 1 ก.ย.นี้

ทั้งนี้ กลุ่มหุ้นที่ปรับขึ้นหนุนตลาดมากที่สุด นำโดย กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BANK) 9.07% กลุ่มปิโตรเคมี (PETRO) 5.79% และกลุ่มเหล็ก (STEEL) 5.52% ส่วนการซื้อขายแบ่งตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิสูงสุด 13,405.07 ล้านบาท กองทุน 8,070.18 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ 2,568.00 ล้านบาท ส่วนรายย่อยขายสุทธิ 24,043.25 ล้านบาท


นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ระบุว่า ที่ประชุมศบค.ผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจต่างๆ ในพื้นที่สีแดงเข้ม ได้แก่ 1. อนุญาตให้นั่งทานอาหารในร้าน โดยร้านที่ติดแอร์ให้ใช้พื้นที่ได้ 50% และร้านที่ไม่ติดแอร์ใช้พื้นที่ได้ 75% 2. อนุญาตให้เปิดร้านตัดผม ร้านนวด (เฉพาะเท้า) สวนสาธารณะ และสถานออกกำลังกาย และ 3. ระยะเวลาเคอร์ฟิวยังคงเดิมที่ 21.00-04.00 ไปต่ออีกอย่างน้อย 14 วัน

โดยฝ่ายวิจัยมองเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดหุ้นไทย และเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มร้านอาหารและศูนย์การค้า ได้แก่ M MINT CENTEL CPN และ CRC ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มเปิดเมือง (Reopen) คาดว่าบางกลุ่มธุรกิจที่รัฐบาลยังไม่ปลดล็อคจะมีกระแสเก็งกำไรในอนาคต หรือที่ปลดล็อคไปแล้วในช่วงก่อนหน้า คาดว่าจะยังมีกระแสบวกหนุนราคา

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า บริษัทมีมุมมองเชิงบวกต่อมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ โดยคาดว่าจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์พื้นที่ให้เช่า เช่น CPALL CPN CRC BJC และ HMPRO กลุ่มร้านอาหาร เช่น M และ ZEN กลุ่มร้านสินค้าไอที COM7 และ SPVI รวมถึงร้านสปา SPA เป็นต้น

16511


ไนกี้ หนึ่งในผู้สนับสนุนหลักด้านอุปกรณ์กีฬา ของสโมสรฟุต.ชลบุรี (Chonburi Football Club หรือ CFC) เปิดตัวชุดแข่งเหย้า ประจำฤดูกาล 2021 อย่างเป็นทางการ โดยในครั้งนี้ได้จัดกิจกรรมในรูปแบบออนไลน์ ซึ่งแฟนๆ ฉลามชล สามารถรับชมงานเปิดตัวชุดแข่งของสโมสรฯ แบบสดๆ และย้อนหลังได้ที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Chonburi Football Club

สำหรับชุดแข่งขันเหย้าของสโมสร “ฉลามชล” ประจำฤดูกาล ใหม่ล่าสุดนี้มาในคอนเซ็ปต์ “คลื่นเขี้ยวฉลาม” ที่สื่อถึงเกลียวคลื่นแห่งศรัทธา ของขุนพลฟ้า-น้ำเงิน ที่พร้อมคว้าชัยในทุกแมทช์แข่งขัน กลับไปให้แฟนๆ สโมสรฟุต.ชลบุรีได้เฮกันถ้วนหน้า ทั้งนี้ ในฤดูกาลล่าสุดสโมสรฟุต.ชลบุรียังคงผลักดันและสนับสนุนนักเตะเยาวชนหลายๆ รายที่ทำผลงานดีอย่างต่อเนื่อง โดยได้โอกาสในการลงสนามสู้ศึกไทยลีก ซึ่งสโมสรฯ ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นเป็นอย่างมากในการปรับแต่งทีมให้คงความสด เต็มไปด้วยพละกำลัง ที่พร้อมห้ำหั่นของนักเตะเยาวชน โดยชุดแข่งขันในบ้าน (เหย้า) ได้รับการออกแบบให้เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของเหล่าฉลามนักเตะในสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์ จากรอยเขี้ยวฉลามที่กัดไม่ยั้งในฤดูกาล 2020 สร้างแรงกระเพื่อมในเกลียวคลื่น จนกลายเป็นลวดลายคลื่นน้ำจากเขี้ยวฉลามในฤดูกาล 2021 นี้ โดยลวดลายของคลื่นน้ำนี้ได้วางในตำแหน่งบริเวณแถบคาดหน้าอกที่มีลักษณะเป็นตัว V ที่ล้อไปกับรูปทรงของคอเสื้อ และเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ (Victory) สำหรับลายเฉียงบนเสื้อนั้นได้มีการเลือกใช้วัสดุพิเศษ Hologram UV ให้เล่นกับแสง เปรียบเสมือนแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์บนผืนนน้ำที่เปล่งประกายระยิบระยับ สื่อถึงความหวังในวันข้างหน้าที่สโมสรฯ เชื่อมั่นในแนวทางการสร้างอคาเดมี่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา



ในส่วนของเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำหน้าในชุดแข่งขันใหม่ประจำฤดูกาลนี้ของทีมฉลามชล อัดแน่นไปด้วยสุดยอดนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ล้ำหน้า และเปี่ยมด้วยคุณภาพ เพื่อผลักดันสมรรถนะของผู้เล่นทีมชลบุรีได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ได้แก่ เนื้อผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Dri-Fit ช่วยระบายเหงื่อให้ผู้เล่นรู้สึกแห้ง และสบายตัวตลอด 90 นาทีในสนาม และทรงเสื้อเข้ารูปแบบ Performance Fit ที่ให้ความรู้สึกกระฉับกระเฉง รวดเร็ว และว่องไว โดยมีแขนเสื้อไร้รอยตะเข็บบริเวณหัวไหล่เพื่อช่วยให้เคลื่อนไหว ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ยังมีรายละเอียดของบริเวณตะเข็บด้านนอกคอเสื้อ ที่ได้รับการออกแบบมาให้ถูกปิดทับไว้ เพื่อลดการเสียดสีระหว่างผิวหนังกับรอยตะเข็บอีกด้วย รวมถึงดีไซน์ของรอยผ่าแบบไร้กระดุมที่คอเสื้อ ให้ความรู้สึกสไตล์วินเทจได้อย่างมีเอกลักษณ์



ในขณะที่ชุดแข่งเยือน (away) ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้ทางสโมสรเปิดเผยว่าจะมีความเท่ และดุดันไม่แพ้กับชุดเหย้าอย่างแน่นอน ให้แฟนๆ ฉลามชลรอติดตามกันได้เลย

ปกป้อง ตวงทอง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ไนกี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ไนกี้ รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เรายังคงได้รับความไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง ก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 จากสโมสรชลบุรี การได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนอุปกรณ์กีฬาเพื่อร่วมขับเคลื่อนสุดยอดศักยภาพของนักเตะทุกคนในทุกสนามที่กำลังจะมาถึงให้สามารถต่อสู้กับคู่แข่งได้อย่างเต็มศักยภาพเป็นสิ่งที่ไนกี้ภาคภูมิใจ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในปีนี้บรรดานักเตะรุ่นใหม่ๆ จะสามารถนำพาสโมสรฯ และแฟนๆ ไปถึงฝั่งฝัน และคว้าชัยเพื่อร่วมเฉลิมฉลองไปด้วยกันอย่างยิ่งใหญ่ในเร็วๆ นี้”

เสื้อแข่งขันเหย้าของสโมสรฟุต.ชลบุรี ประจำฤดูกาล 2021 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในราคา 1,200 บาท ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ที่ร้านชลบุรี เอฟซี สโตร์ และในช่องทางออนไลน์ สโมสรชลบุรี เอฟซีที่ เฟซบุ๊กแฟนเพจ Chonburi FC Online Store, ร้านค้าในแอปฯ Shopee Chonburi Football Club และเฟซบุ๊กแฟนเพจ VIP by Marut

16512


นับตั้งแต่ช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (Organising Committees of the Olympic Games) ริเริ่มจัดทำ ภาพโปสเตอร์ เพื่อใช้ประชาสัมพันธ์และโฆษณาการกีฬาและวัฒนธรรมที่มาพร้อมมหกรรมการแข่งขันกีฬาอันยิ่งใหญ่ของโลก

โปสเตอร์โอลิมปิก และ โปสเตอร์พาราลิมปิก ยังแสดงบทบาทของ ความคิดและเสียงสะท้อน ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ณ เวลานั้น ผ่านเกมกีฬาให้โลกได้รับรู้ในแต่ละช่วงเวลาที่จัดการแข่งขัน


(แถวบนจากซ้าย) อากิระ ยามะกุชิ, อาซาโอะ โทโคโละ, ชิฮิโระ โมริ, ฮิโระฮิโกะ เอรากิ, (แถวล่าง)โคจิ คากินุมะ, มิกะ นินะงาวะ, โทโมยูกิ ชินกิ, Goo Choki Par

สำหรับการแข่งขัน โตเกียว 2020 พาราลิมปิก เกมส์ (Tokyo 2020 Paralympic Games) คณะกรรมการพาราลิมปิกญี่ปุ่นเชิญศิลปินชาวญี่ปุ่นร่วมสืบต่อและสร้างสรรค์ ภาพโปสเตอร์ ไว้จำนวน 8 ผลงาน ซึ่งมีแรงบันดาลใจจาก พาราลิมปิก เกมส์ ลองมาติดตามชม พวกเขาพูดถึงอะไรไว้บ้าง

ADVERTISEMENT



ภาพโปสเตอร์ Horseback Archery

ชื่อผลงาน : Horseback Archery

ผู้สร้างสรรค์ : Akira Yamaguchi (จิตรกร)

Akira Yamaguchi (อากิระ ยามะกุชิ) เป็นจิตรกรผู้มีชื่อเสียงในการ เขียนภาพแนววัฒนธรรมญี่ปุ่นร่วมสมัย เขาตั้งชื่อผลงานภาพเขียนชิ้นนี้ว่า  Horseback Archery เป็นภาพสตรีนักยิงธนูกำลังควบม้าอยู่ในท่าเตรียมยิงธนู ซึ่งการยิงธนูบนหลังม้ายังไม่ได้รับการบรรจุไว้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก

สตรีนักยิงธนูนางนี้ทำผมและสวมใส่เครื่องแต่งกายตามแบบวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิม ด้วยความที่ปราศจากแขนทั้งสองข้าง เธอจึงใช้เท้าข้างหนึ่งบังคับคันธนู ใช้ปากดึงลูกธนู อยู่ในท่าเตรียมยิง

ส่วนม้าในภาพเขียนนี้ก็มีลักษณะพิเศษ อากิระบรรยายไว้ว่า ม้าตัวนี้ได้รับบาดเจ็บจนกระดูกร้าว เฉพาะลำตัวม้าจึงได้รับการทดแทนด้วยกลไกของรถจักรยานยนต์ผสมกับรูปลักษณ์ของเก้าอี้ล้อเข็นคนไข้ (wheelchair)

มร.อากิระ วาดภาพนี้โดยได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวของ มร.โตมิฮิโระ โฮชิโนะ (Tomihiro Hoshino) ครูสอนยิมนาสติก  วันหนึ่งในปีพ.ศ.2513 ขณะกำลังสาธิตท่าตีลังกา double somersault ให้เด็กนักเรียนระดับมัธยม เขาประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บที่คอ ส่งผลให้ร่างกายเป็นอัมพาตตั้งแต่ช่วงคอลงไปในวัย 24 ปี นับจากวันนั้น

ต่อมาในปี 2515 ขณะพักรักษาตัว  เพื่อนซึ่งมาเยี่ยมได้วางช่อดอกไม้ทิ้งไว้ที่หน้าต่าง เป็นภาพที่สวยงามมาก การได้เห็นภาพนี้ทุกวัน ทำให้เขาสดชื่น มีกำลังใจ รู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้า เขาอยากอธิบายความรู้สึกอันเข้มแข็งภายในจิตใจนี้ จึงเริ่มพยายามหัดวาดรูปดอกไม้ด้วยการคาบดินสอไว้ด้วยปาก

กระทั่งในปี 2522 เมื่อผลงานมีจำนวนมากพอ ภาพวาดรูปดอกไม้ของเขาที่เกิดจากการคาบดินสอด้วยปาก ก็ได้รับการจัดแสดงเป็นนิทรรศการครั้งแรก ทุกภาพได้รับการจับจองเป็นเจ้าของขายหมดในครั้งนั้น ปัจจุบัน มร.โตมิฮิโระ อดีตครูสอนยิมนาสติกได้กลายเป็นศิลปินวาดรูปที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของญี่ปุ่น

ส่วนฉากหลังของภาพ Horseback Archery เป็นภาพวาดหมู่ตึกสูงในโตเกียวและเมืองฟุกุชิมะ (Fukushima) หลังได้รับการฟื้นฟูจากมหาภัยพิบัติสึนามิจนเกิดปัญหาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ อาทิ รูปนกทะเลกำลังโบยบิน ความเสียหายของหลังคาที่ถูกคลุมด้วยพลาสติกสีฟ้าเหมือนเป็นจุดหลายๆ จุดเรียงต่อกัน ถังบำบัดน้ำปนเปี้อน

ฟุกุชิมะ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีการจัดการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกและจุดตั้งต้นวิ่งคบเพลิง


ภาพโปสเตอร์ Harmonized Chequered Emblem Study for Tokyo 2020 Paralympic Games

ชื่อผลงาน : Harmonized Chequered Emblem Study for Tokyo 2020 Paralympic Games

ผู้สร้างสรรค์ : Asao Tokolo (นักศิลปะ)

โปสเตอร์ภาพนี้คือตราสัญลักษณ์ประจำการแข่งขัน โตเกียว 2020 พาราลิมปิก เกมส์ เกิดจากการวางรูปสี่เหลี่ยมหลายขนาดเชื่อมต่อกันตรงมุม ทำให้เกิดรูปรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนจำนวนมาก จากนั้นก็ลากเส้นเชื่อมจากจุดกึ่งกลางแต่ละด้านของสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ทำให้วงกลมดูมีมิติ และสวยงามมาก

การจัดวางรูปสี่เหลี่ยมแต่ละรูปทำให้เกิด ‘รูปทรง’ ซึ่งเป็นไปตามกฎ วางแบบนี้ย่อมเกิดรูปทรงแบบนี้ แต่การลากเส้นเชื่อมจุดกึ่งกลางทำให้เกิดมุมมองใหม่ รูปสี่เหลี่ยมหลายขนาดเป็นตัวแทนความแตกต่างของวัฒนธรรม-วิธีคิดของแต่ละประเทศ แต่ก็สามารถเชื่อมโยงกลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียวกันได้

มร.อาซาโอะ โทโคโละ (Asao Tokolo) ตั้งชื่อรูปแบบที่เขาสร้างขึ้นนี้ว่า Kumi-ichimatsu-mon โดยศึกษาและได้แรงบันดาลใจมาจากโครงสร้างลายตารางสี่เหลี่ยมแบบญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า ichimatsu moyo (อิชิมัตสึ โมโย) คือการนำรูปสี่เหลี่ยมมาเรียงต่อกันและสามารถสร้างเป็นภาพต่างๆ ได้ไม่รู้จบ

โปสเตอร์ภาพนี้ยังพิมพ์ด้วยหมึกสีครามของญี่ปุ่นที่ทนทานต่อสภาพอากาศ

 

Lazada แจกฟรีคูปองส่วนลด* คลิกเลย!!!


ภาพโปสเตอร์ Beyond the Curve (Five Thousand Rings)

ชื่อผลงาน : Beyond the Curve (Five Thousand Rings)

ผู้สร้างสรรค์ : Chihiro Mori (จิตรกร)

ชิฮิโระ โมริ (Chihiro Mori) เป็นศิลปินหญิงชาวญี่ปุ่น อายุ 28 ปี สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Nagoya of Arts ทำงานเป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน ช่างภาพ และกราฟิกดีไซเนอร์ในญี่ปุ่น มีผลงานจัดแสดงนิทรรศการแล้วหลายครั้ง

ภาพนี้ ชิฮิโระ ใช้สีอะคริลิควาดลงบนผืนผ้าใบ ขนาด 73 x 86 เซนติเมตร ภาพสีสันสดใสที่มีโครงสร้างซ้อนเป็นชั้นๆ ประกอบด้วยตัวแทนของ สายลม, เมืองที่เต็มไปด้วยพลังงาน และ เรือนร่างมนุษย์

ศิลปินบอกว่า เมื่อมองภาพนี้ คุณอาจรู้สึกถึงสี่แยกกลางถนนในกรุงโตเกียวอันพลุกพล่านไปด้วยจังหวะฝีเท้า แต่สัญลักษณ์ที่เธอตั้งใจใส่ไว้มากเป็นพิเศษคือ “ส่วนโค้ง” (curve) ที่โอบกอดเมืองเอาไว้ เป็นทางโค้งของสี่แยกและทางด่วนต่างๆ ที่พาดผ่านอยู่ในกรุงโตเกียว กับทางโค้งของสนามกรีฑาที่บรรดานักวิ่งต้องวิ่งผ่าน

ศิลปินบอกด้วยว่า ส่วนโค้งหรือทางโค้งยังเปรียบเสมือน “จุดเปลี่ยนของชีวิต” คุณมองไม่เห็นว่ามีอะไรรออยู่หลังทางโค้ง อาจเป็นความหวัง หรือไม่มีอะไรรออยู่ก็ได้ แต่คุณยังคงต้องก้าวไปช้างหน้าเพื่อหาคำตอบ คุณต้องผ่านทางโค้ง ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการหรือผู้มีร่างกายปกติ เธอจึงตั้งชื่อภาพนี้ว่า Beyond the Curve (Five Thousand Rings)


ภาพโปสเตอร์ Paralympian 

ชื่อผลงาน : Paralympian

ผู้สร้างสรรค์ : Goo Choki Par (กราฟิก ดีไซเนอร์)

โปสเตอร์ภาพนี้สร้างสรรค์ขึ้นจากนิยามคอนเซปต์การจัดการแข่งขัน “โตเกียว 2020 พาราลิมปิก เกมส์” นั่นก็คือ Moving Forward (การก้าวไปข้างหน้า) ซึ่งขยายความได้ว่า ความมุ่งมาดปรารถนาของมนุษย์เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ได้ขจัดขีดจำกัดทางร่างกาย ความพิการ อีกทั้งยังก้าวข้ามขอบเขตของเชื้อชาติและเพศ

เป็นภาพโปสเตอร์ที่รวมองค์ประกอบของ ‘เค้าโครงรูปทรง’ ของผู้คนในท่วงท่าที่แสดงออกถึงความปราดเปรียว ความกระฉับกระเฉง

กราฟิกดีไซเนอร์ทีมนี้พยายามประมวลทัศนคติเชิงบวกและการกระทำของผู้คนที่มองไปในอนาคต ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพกราฟิกที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของรูปทรงที่เป็นตัวแทนของความบกพร่องทางร่างกาย ความแตกต่างของเชื้อชาติ เพศ และความงดงามในจิตใจของผู้คนซึ่งยอมรับในความแตกต่างของตัวเอง โดยพยายามเอาชนะอุปสรรคที่เผชิญอยู่ ซึ่งเป็นพื้นฐานการเคลื่อนไหวของเกมกีฬานานาประเภท


ภาพโปสเตอร์ The Sky above The Great Wave off the Coast of Kanagawa

ชื่อผลงาน : The Sky above The Great Wave off the Coast of Kanagawa

ผู้สร้างสรรค์ :Hirohiko Araki (นักวาดการ์ตูนช่อง : Manga Artist)

ภาพนี้ ฮิโระฮิโกะ เอรากิ อธิบายว่า เขาจินตนาการถึง “เทพเจ้าแห่งการกีฬา” กำลังเหาะลงไปที่ประเทศญี่ปุ่นผ่านหมู่มวลก้อนเมฆที่ตั้งใจวาดให้มีเค้าโครงภาพคล้ายภาพ คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานางาวะ หรือ The Great Wave off  Kanagawa  ส่วนที่ตัดสินใจยากคือการให้สีภูเขาฟูจิ ในที่สุดเขาก็เลือกใช้สีเหลืองน้ำผึ้ง

ภาพ ‘คลื่นยักษ์นอกฝั่งคานางาวะ’ เป็นภาพพิมพ์แกะไม้ กว้าง 10 นิ้ว ยาว 15 นิ้ว สร้างสรรค์โดยศิลปินชาวญี่ปุ่น คัตสึชิกะ โฮกูไซ (Katsushika Hokusai) เผยแพร่ครั้งแรกปีค.ศ.1832 ในยุคเอโดะ เป็นภาพคลื่นขนาดใหญ่ที่ถูกลมพัดเข้าใส่เรือประมงในจังหวัดคานางาวะ มีฉากหลังเป็นภูเขาฟูจิ มักมีผู้เข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้งว่าเป็นภาพของคลื่นสึนามิ ภาพจริงเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน ในนิวยอร์ก

 

‘อีไอซี’ชี้อสังหาฯชะลอตัวต่อเนื่อง‘ทาวน์เฮ้าส์’ดีมานด์วูบ-สต็อกเพิ่ม
พฤติกรรมทำให้ ‘จน’
'ดิจิทัล คอนเทนท์ คลัสเตอร์' ไทยยังมีเสน่ห์ มูลค่าสะพัด 4.5หมื่นล้าน 

ภาพโปสเตอร์ Open

ชื่อผลงาน : Open

ผู้สร้างสรรค์ : Koji Kakinuma (นักประดิษฐ์ตัวอักษร)

การประดิษฐ์ตัวอักษรมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 3,000 ปี และเป็นเสาหลักสำคัญเสาหนึ่งของศิลปะและวัฒนธรรมชาวญี่ปุ่น

นักประดิษฐ์ตัวอักษรชาวญี่ปุ่น โคจิ คากินุมะ บอกว่า เขาสำรวจประวัติศาสตร์การประดิษฐ์ตัวอักษรมาอย่างต่อเนื่อง และพยายามค้นหาเพื่อสร้างสรรค์อักษรประดิษฐ์ที่เป็นช่วงเวลาขณะนี้ของชาวญี่ปุ่น

สำหรับตัวอักษรที่โคจิร่วมสร้างสรรค์ในโครงการศิลปะ โตเกียว 2020 โอลิมปิกและพาราลิมปิก เกมส์ เขาเลือกตัวอักษรที่มีความหมายว่า Open  (เปิด)

“ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของคุณเปิดรับจักรวาลอันกว้างใหญ่อย่างเต็มที่ ซึ่งผมเรียกว่าการระเบิดออก ใต้อักษรภาพของผมมีถ้อยคำของนักเขียนนักทฤษฎีศิลป์ ทาโระ โอคาโมโต (Taro Okamoto) ใช้อธิบายปรัชญาของเขา ผมมีจินตนาการว่า นักกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกต้องฝึกซ้อมเพื่อให้ประสบความสำเร็จสูงสุดทุกวัน ผมจึงพูดกับตัวเองด้วยคำว่า Open open open ขณะที่ผมจรดพู่กันลงบนกระดาษ จนกระทั่งผมรู้สึกว่าตัวเอง ‘เปิด’ อย่างเต็มที่”

โคจิกล่าวด้วยว่า เขาหวังว่านักกีฬาและพี่เลี้ยงนักกีฬาในญี่ปุ่นที่เดินทางมาจากทั่วโลกเพื่อร่วมมหกรรมการกีฬาอันยิ่งใหญ่ของโลกครั้งนี้ เช่นเดียวกับเราทุกคนที่ร่วมชมการแข่งขันจะเปิดใจกว้างเพื่อรับสิ่งที่เป็นไปได้ของตัวเอง เช่นนั้นแล้ว การฉลองเพื่อสันติภาพจึงจะสามารถส่งต่อไปยังคนอีกรุ่นในอนาคต


ภาพโปสเตอร์ Higher than the Rainbow

ชื่อผลงาน : Higher than the Rainbow

ผู้สร้างสรรค์ : Mika Ninagawa (ช่างภาพ / ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์)

มิกะ นินะงาวะ (Mika Ninagawa) สร้างสรรค์ภาพโปสเตอร์โดยมีภาพของ เรนชิ โชไก (Renshi Chokai) นักกีฬาวีลแชร์บาสเกต.ชายชาวญี่ปุ่นล่องลอยอยู่ในอวกาศ เป็นภาพที่เธอลั่นชัตเตอร์ด้วยตัวเอง

เรนชิ โชไก เกิดที่จังหวัดนางาซากิ (Nagasaki) พิการขาช่วงล่างมาตั้งแต่กำเนิด จำเป็นต้องตัดออกตอนอายุ 3 ขวบ และใช้ขาเทียมมาตั้งแต่ตอนนั้น พอขึ้นชั้นมัธยมเขาก็สมัครเป็นนักกีฬาเทนนิสทีมโรงเรียนและได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมทีมบาสเกต. เขาฝึกฝนอย่างหนักกับการเล่นกีฬาด้วยเก้าอี้รถเข็น

โอลิมปิกที่กรุงริโอ ปี 2016 เรนชิผ่านการทดสอบเข้าร่วมเป็นนักกีฬาวีลแชร์บาสเกต.ทีมชาติญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และเป็นนักกีฬาบาสเกต.วีลแชร์ที่อายุน้อยที่สุดในปีนั้น ปัจจุบันเรนชิ อายุ 22 ปี และตั้งความหวังว่า ‘โตเกียว 2020 พาราลิมปิก เกมส์’ เขาจะสามารถร่วมพาทีมคว้าเหรียญได้สำเร็จ

‘นักกีฬาที่มีความพิการนั้นเก่งจริงๆ’ นี่คือความหมายอันเรียบง่ายที่มิกะต้องการสื่อสารผ่านโปสเตอร์ภาพนี้

มิกะบอกว่า เห็นได้ชัดว่า การทำจิตใจให้ว่างๆ ก็สามารถทำให้เกิดงานที่สร้างสรรค์ได้ การปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติบ่อยครั้งก็เป็นแหล่งที่มาของสิ่งที่ยอดเยี่ยม


ภาพโปสเตอร์ Offense No.7

ชื่อผลงาน : Offense No.7

ผู้สร้างสรรค์ : Tomoyuki Shinki (นักวาดรูป)

โทโมยูกิ ชินกิ (Tomoyuki Shinki) อายุ 39 ปี เกิดที่โอซากะ (Osaka) เมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น โทโมยูกิเป็นแฟนกีฬาที่เน้นการต่อสู้ปะทะกันด้วยพลกำลัง เช่น มวยสากล ยูโด มวยปล้ำ และมวยไทย ภาพวาดของเขาจึงมาจากฉากการแข่งขันจริงของกีฬาแต่ละประเภท เป็นภาพนักกีฬาที่กำลังเข้าต่อสู้กันตามเกม

ลายเส้นในภาพวาดของเขามีเอกลักษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงการใช้พลกำลังของมัดกล้ามเนื้อที่ใหญ่โต ความบิดเบี้ยวของร่างกาย อากัปกิริยาทุบ ดึง ชก คว้า พลิกไปพลิกมา

“ผมเลือกถ่ายทอดวีลแชร์บาสเกต. เพราะผมมีโอกาสชมการถ่ายทอดสดหลายครั้ง ซึ่งโดนใจผมมาก นักกีฬาซึ่งทุ่มเทเต็มความสามารถ การทำความเร็วบนวีลแชร์ที่ชวนตกตะลึง และความแข็งแกร่งของร่างกาย ทำให้เกมการแข่งขันตื่นเต้นอย่างที่สุด” โทโมยูกิ กล่าวถึงการออกแบบโปสเตอร์ครั้งนี้


ภาพโปสเตอร์ โตเกียว 2020 พาราลิมปิก เกมส์ ทั้ง 8 ภาพ

ภาพโปสเตอร์ โตเกียว 2020 พาราลิมปิก เกมส์ ทั้ง 8 ภาพ จัดแสดงอยู่บริเวณโถงทางเข้า Museum of Contemporary Art ในกรุงโตเกียว โดยได้รับเกียรติจากนาง ยูริโกะ โคอิเกะ (Yuriko Koike) ผู้ว่าการกรุงโตเกียว เดินทางมาเป็นประธานเปิดนิทรรศการ พร้อมศิลปินผู้สร้างสรรค์งาน

คณะกรรมการพาราลิมปิกญี่ปุ่น  นำภาพโปสเตอร์ทั้ง 8 ภาพนี้ ประยุกต์เป็นภาพบนสินค้าอีกหลายประเภท เช่น ถุงผ้า เสื้อยืด ปฏิทิน โปสการ์ด แฟ้ม สติกเกอร์ รวมทั้งผลิตซ้ำเป็น โปสเตอร์ และ โปสเตอร์ใส่กรอบ เปิดจำหน่ายให้เป็นสินค้าที่ระลึกประจำการแข่งขัน ร่วมกับ  SOMEITY  มาสคอตประจำการแข่งชัน “โตเกียว 2020 พาราลิมปิก เกมส์”

16513


ที่สนาม อัลลิอันซ์ อารีน่า ประเทศเยอรมัน ในการแข่งขันฟุต.บุนเดสลีก้า ดูกาล 2021-2022 คืนวันที่ 28 ส.ค.64 ระหว่างทีม 'บาเยิร์น มิวนิค' พบกับทีม 'แฮร์ธ่า เบอร์ลิน' เริ่มเกมการแข่งขันในครึ่งเวลาแรก ในนาทีที่ 6 บาเยิร์น ขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ กนาบรี้ แย่ง.ได้กลางสนามหลบมาแล้วเปิดขึ้นหน้า มูเซียล่า สะกิดให้ เดวีส ถึงเขตโทษก่อนไหลไปทางเสาสอง เลวานฯ วิ่งข้ามปล่อยให้ มุลเลอร์ ด้านหลังยิง.เรียดเข้าประตูไป นาทีที่ 35 บาเยิร์น ได้ประู 2-0 จากการโต้กลับมา โกเร็ทซ์ก้า ไหลให้ กนาบรี้ ทางขวาในเขตโทษเปิดมาตรงกลาง เลวานฯ โหม่งชนคานลอยโด่งก่อนจะตามไปโหม่งซ้ำเข้าประตูไป


เริ่มเกมการแข่งขันในครึ่งเวลาหลัง ในนาทีที่ 49 บาเยิร์น ได้ประตู 3-0 จากการตัด.ได้อีกแล้ว มุลเลอร์ ทางซ้ายของกรอบเขตโทษจ่ายเข้าในมาที่ มูเซียล่า โยกหลอกกองหลังทีนึงก่อนยิงเข้าไป นาทีที่ 70 เสือใต้ มาบวกประตู 4-0 จากจังหวะที่ ซาเน่ ทางซ้ายเลี้ยงตัดมาแล้วทำชิ่งกับ มุลเลอร์ เข้าเขตโทษก่อนไหลมาให้ เลวานฯ ตรงกลางยิงเข้าไปง่ายๆ และนาทีที่ 84 เสือใต้ ได้ปรตู 5-0 และเป็นแฮตทริกของ เลวานฯ ด้วย กับเตะมุมทางซ้ายเปิดมาลึกถึงเสาไกลมี เนียงซู โหม่งชงเข้ากลางจบด้วย เลวานฯ โหม่งจ่อๆหน้าประตูเข้าไป จบเกม บาเยิร์น ชนะ แฮร์ธ่า 5-0

16514


บริษัท ทีไอจีเอ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เจ้าของลิขสิทธิ์ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ประกาศเปลี่ยนเสียงนักพากย์การ์ตูนยอดนักสืบจิ๋วโคนัน หลัง “น้าตุ๊ก” คุณอรุณี นันทิวาส ยกเลิกงานพากย์ จะมีผลตอนที่ 1019 เป็นต้นไป

เมื่อวันที่ 27 ส.ค. บริษัท ทีไอจีเอ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (TIGA ENTERTAINMENT CO., LTD.) เจ้าของลิขสิทธิ์ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน ออกประกาศถึงแฟนๆ อนิเมะ “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” ลงในเพจ “Tiga” เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเสียงนักพากย์ ‘โคนัน’ หลัง ‘น้าตุ๊ก’ ยกเลิกงานพากย์ มีผลตอนที่ 1019 เป็นต้นไป โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า

“บริษัท ทีไอจีเอ เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้ถือลิขสิทธิ์ในการแพร่ภาพแพร่เสียงผ่านทางเคเบิลทีวี และอินเทอร์เน็ต “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะซีรีส์ ปี 20” ในประเทศไทย ขอประกาศให้ทราบว่าตั้งแต่ตอนที่ 1019 เป็นต้นไป ทางบริษัทฯ มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเสียงนักพากย์หลัก “เอโดงาวะ โคนัน” และตัวละครอื่นๆ ที่คุณอรุณี นันทิวาส ได้พากย์เสียงไว้ เนื่องจากนักพากย์ขอยกเลิกงานพากย์ด้วยเหตุผลส่วนตัว โดยจะเปลี่ยนเสียงเป็นนักพากย์ท่านใหม่ คือ คุณนภัสวรรณ์ วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา

ทางบริษัทฯ ต้องขอขอบคุณ คุณอรุณี นันทิวาส (น้าตุ๊ก) ที่แฟนๆ โคนันคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ที่มอบความสุขให้แก่แฟนๆ “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน” มาอย่างยาวนาน

จึงเรียนมาเพื่อทราบ และขอขอบคุณที่ให้การสนับสนุน “ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน เดอะซีรีส์” ด้วยดีเสมอมา”

16515


ฝน ธนสุนธร” เปิดใจล้มโครงการวิวาห์เพราะโควิด แต่กลับเจอเซอร์ไพรส์ ถูกแฟนสาวหล่อคุกเข่าขอแต่งงานกลางรายการทำน้ำตาแตก พร้อมเปิดเส้นทางรัก 20 ปี 

คบหาดูใจกันมายาวนานถึง 20 ปี สำหรับลูกทุ่งดัง “ฝน ธนสุนธร” กับแฟนสาวหล่อ “เอ อุไรมนัส” ที่พ่วงตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัว ล่าสุดวันนี้ (28 ส.ค.) เจ้าตัวก็เซอร์ไพรส์ชุดใหญ่ถูกเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานกลางรายการวู้ดดี้ โชว์ ดำเนินรายการโดย วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา ซึ้งถึงขนาดทำให้ฝนถึงขั้นน้ำตาไหล พร้อมเผยเส้นทางรักที่ถูกคนดรามาว่าไม่น่าคบกันได้ เสียดายของ และอีกฝ่ายเกาะกิน

เอ : เราได้แค่มองๆ เพราะเป็นแดนเซอร์ ได้แค่มองเฉยๆ ไม่คิดว่าวันนึงจะได้มาเคียงข้าง พอเขาเปิดโอกาสก็ได้คบกัน

ฝน : ไม่เปิดเผยเพราะหนึ่งไม่มั่นใจว่าจริงไหม ใช่ไหม เพราะตอนแรกเปิดใจคบเขา เราไม่ได้จะคบเขา (หัวเราะ) เราจะให้แค่เขามาเป็นไม้กันหมาให้เราจากคนที่เข้ามา ผู้ชายหลายๆ คนที่เข้ามาเป็นสิบกว่าคน เรารู้สึกว่าคนนี้คนนั้นก็ไม่ใช่ จะทำยังไงไม่ต้องมานั่งบอกว่าไม่นะ ก็เลยมาๆ มาคบกัน อยู่ใกล้ๆ แล้วผู้ชายก็หายกระเจิงไปจริงๆ เราก็สบายใจ แต่เขายังอยู่

เอ : ถามว่ารู้ไหมว่าเป็นไม้กันหมา เพิ่งรู้นี่แหละค่ะ (หัวเราะ)

ฝน : เราบอกเขาตรงๆ เราไม่อยากให้ใครมาวุ่นวายกับเรา พอเขาดูแลเรามาเรื่อยๆ ชีวิตคนเราต้องการอะไร ความรักเราต้องการแบบไหน เขาทำให้เราได้ทุกอย่าง แล้วเราต้องการสิ่งไหนอีกล่ะ เราต้องการใครเข้ามาอีกเหรอ ในเมื่อเขาดูแลเราได้ เขาก็ทำมาหากินได้ ไม่ต้องหาแฟนรวยๆ ถ้าแฟนรวยแล้วมีเล็กมีน้อย เราก็ปวดใจอีก แต่เขาไม่เคยทำให้เราเจ็บช้ำน้ำใจ ก็ถามตัวเองว่าแล้วจะยังอยากได้อะไรอีก

ดรามาตอนเปิดตัว กับคำพูดที่ทำให้เสียใจ
เอ : คนชอบบอกว่าเสียดายของ ที่เขามาคบกับเรา เราสบายคบเกาะเขากินไม่ต้องทำงาน แต่จริงๆ ยิ่งกว่า เขาไม่ต้องจ้างคนขับรถ แม่บ้าน แม้แต่คนเปิดซาวน์ก็ไม่ต้อง แดนเซอร์ก็ไม่ต้องจ้าง

ฝน : คุ้มแสนคุ้ม (หัวเราะ)

เอ : เขาคิดว่าเพศอย่างเราทำให้พ่อแม่เสียใจ พ่อแม่รับได้เหรอ แต่สมัยนี้พ่อแม่ก็รับได้แล้ว

รับแพลนแต่งวันที่ 29 มี.ค. ซึ่งเป็นวันครบรอบ แต่ต้องล่มงานวิวาห์ เพราะโควิด
ฝน : ช่วงโควิดรายได้ลดลงหมด ค่าใช้จ่าย 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม ค่าบ้าน ค่ารถ ส่งตลอด ภาษีจ่อตลอด แต่รายรับไม่มี เราก็ต้องดิ้นรน หาหนทาง อะไรประหยัดได้ก็ประหยัด ต้องล้มเลิกการแต่งเพื่อเอาเงินมาจุนเจือให้อยู่ได้ ทุกคนเจอวิกฤตเหมือนกัน เราต้องเป็นตัวอย่างว่าเราอยู่ให้ได้ ยืนด้วยลำแข้ง เซฟประหยัดให้มากที่สุด คนเป็นดาราก็คนเหมือนกัน ชีวิตไม่ได้สวยหรูขนาดนั้น เงิน 20 ล้าน ถ้าไม่ได้โดนโกงก็คงจะมี

การแต่งงานไม่ใช่บทสรุป เรารู้สึกว่าไม่ได้สำคัญมากมาย แต่สำคัญสำหรับเขา เราก็มองว่าอะไรที่ทำให้เขามีความสุขได้ เขาชอบถามตลอดว่ารักเขาไหม เราก็ไม่เคยพูด เพราะคำพูดไม่ได้คอนเฟิร์มอะไร เขาก็อยากได้ยิน เพราะที่ผ่านมาเราไม่เคยพูดเลย บางทีเขามานั่งร้องไห้ว่าเขาคือตัวอะไรในชีวิตพี่ฝน เราก็เลยโอเค ถ้าวันนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน เรื่องอะไร เราก็อยากจัดให้เขามีความสุข

เอ : ถามว่าอยากแต่งอยู่ไหม ยังอยากแต่งอยู่ค่ะ (เอาแหวนออกมาคุกเข่าขอแต่งงาน) อยากอยู่ดูแล เคียงข้างเสมอ รักยังไงก็รักอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่งงานกันนะ

ฝน : แต่งคะ (ใส่แหวนน้ำตาไหล) ตกใจ ไม่คิดว่าจะกล้ากลางรายการ เป็นความใฝ่ฝันของผู้หญิง ก็ชื่นใจ อยากให้พ่อกับแม่ได้เห็นด้วยแต่พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว ก็ขอบคุณนะ

16516

ไทยเวียตเจ็ท จัดโปรโมชั่นตั๋วราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 499 บาท รับการกลับมาเปิดบินเส้นทางภายในประเทศอีกครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 64 นี้ ผู้สนใจจองได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ส.ค. 64 ที่ www.vietjetair.com

ตามประกาศของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าด้วยการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางและอนุญาตให้เที่ยวบินภายในประเทศทำการบินเข้าออกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สายการบินไทยเวียตเจ็ทประกาศพร้อมให้บริการเส้นทางบินภายในประเทศ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 โดยผู้โดยสารจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กบพ.) ซึ่งจะประกาศในวันที่ 28 สิงหาคม 2564



นอกจากนี้เพื่อฉลองการกลับมาให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศอีกครั้ง สายการบินไทยเวียตเจ็ต ได้จัดโปรโมชั่น “Welcome Back to The Sky” เสนอบัตรโดยสารราคาพิเศษ เริ่มต้นที่ 499 บาท (รวมภาษีและค่าธรรมเนียม) ผู้สนใจจองได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2564 เพื่อใช้เดินทางได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน - 30 พฤศจิกายน 2564 (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ที่ www.vietjetair.com

สำหรับบัตรโดยสารราคาพิเศษนี้สามารถใช้เดินทางได้ในทุกเส้นทางบินภายในประเทศของสายการบินฯ ได้แก่ เส้นทางบินจาก กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) สู่ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต กระบี่ นครศรีธรรมราช หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี ขอนแก่น อุดรธานี และอุบลราชธานี รวมทั้งเที่ยวบินข้ามภาคภายในประเทศ จาก ภูเก็ต สู่ เชียงใหม่ (เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2564) เส้นทางจาก เชียงราย สู่ หาดใหญ่ และ ภูเก็ต (เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564) และเส้นทางจาก ภูเก็ต สู่ อุดรธานี (เริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564)

และในโอกาสพิเศษนี้ สายการบินไทยเวียตเจ็ตได้มอบสิทธิประโยชน์พิเศษแก่สมาชิกสกายฟัน (SkyFUNNER) ในระบบสมาชิกของสายการบินฯ โดยสมาชิกจะได้รับเหรียญฟันคอยน์ (Funcoin) สองเท่าสำหรับทุก ๆ การใช้จ่ายในการจองบัตรโดยสารในช่วงระยะเวลาโปรโมชั่น ทุกการใช้จ่าย 10 บาท สมาชิกจะได้รับ 2 เหรียญ (จากปกติ 1 เหรียญ) โดยเหรียญฟันคอยน์ (Funcoin) สามารถแลกเป็นรางวัลส่วนลดและบัตรกำนัลต่าง ๆ ผู้โดยสารสามารถสมัครสมาชิกสกายฟันได้ฟรี โดยลงทะเบียนที่ www.vietjetair.com ก่อนทำการจองบัตรโดยสาร



สำหรับผู้ถือบัตรโดยสารภายในประเทศของไทยเวียตเจ็ทที่มีช่วงวันเดินทางระหว่างวันที่ 1 – 30 กันยายน 2564 และประสงค์เปลี่ยนแปลงกำหนดการเดินทาง สามารถเลือกเปลี่ยนวันเดินทางโดยไม่เสียค่าธรรมเนียม โดยมีวันเดินทางใหม่ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2564 (มีช่วงเวลาที่ไม่สามารถเดินทางได้) หรือสามารถเก็บวงเงินค่าโดยสาร (Credit Shell) เพื่อใช้ในการสำรองบัตรโดยสารในอนาคต จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 สามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.vietjetair.com

16517


บขส.เตรียมกลับมาเปิดให้บริการเดินรถเส้นทางภาคเหนือ-อิสาน-ใต้ รวม 26 เส้นทางตั้งแต่  1 ก.ย.นี้ โดยจำกัดที่นั่ง 75% คุมเข้มความปลอดภัย ทั้งพนักงาน รถโดยสาร และสถานีขนส่งฯ ตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

นายสัญลักข์  ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (2019) มีมติเห็นชอบมาตรการผ่อนคลายเพื่อป้องกันและควบคุมโควิด-19 ตามระดับพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร โดยยังคงพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ไว้เช่นเดิม และให้คงมาตรการทางสังคม เช่น การห้ามออกนอกเคหะสถานในเวลา 21.00 - 04.00 น. และในส่วนของการเดินทางข้ามจังหวัดจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้ระบบขนส่งสาธารณะจำกัดจำนวนผู้โดยสาร ไม่เกิน 75% นั้น

ในส่วน บขส.นั้นได้สั่งการไปยังทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้ง ฝ่ายธุรกิจเดินรถ และฝ่ายบริหารการเดินรถ เตรียมความพร้อมของรถโดยสาร พนักงาน และสถานีขนส่งฯ ให้สอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงคมนาคมและกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้พร้อมเปิดให้บริการประชาชน ในวันที่ 1 กันยายนที่จะถึงนี้

สำหรับเส้นทางที่จะเปิดให้บริการ ประกอบด้วย เส้นทางภาคเหนือ จำนวน 8 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ – คลองลาน, กรุงเทพฯ – หล่มเก่า, กรุงเทพฯ - เชียงใหม่ (ข), กรุงเทพฯ – ทุ่งช้าง, กรุงเทพฯ – อุตรดิตถ์, กรุงเทพฯ – แม่สอด ,  กรุงเทพฯ – แม่สาย และกรุงเทพฯ - ป่าแดด – เชียงของ

เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก จำนวน 10 เส้นทาง ประกอบด้วย กรุงเทพฯ – หนองบัวลำภู, กรุงเทพฯ – นครพนม,  กรุงเทพฯ - เลย – เชียงคาน, กรุงเทพฯ – สุรินทร์, กรุงเทพฯ – บุรีรัมย์, กรุงเทพฯ – อุบลราชธานี, กรุงเทพฯ – มุกดาหาร, กรุงเทพฯ – รัตนบุรี, กรุงเทพฯ - จันทบุรี – ตราด และกรุงเทพฯ - สระบุรี

เส้นทางภาคใต้ จำนวน  8 เส้นทาง ประกอบด้วย เส้นทางกรุงเทพฯ (หมอชิต 2) - ตะกั่วป่า – โคกกลอย, กรุงเทพฯ (หมอชิต 2) – ภูเก็ต, กรุงเทพฯ (หมอชิต 2) – กระบี่, กรุงเทพฯ (หมอชิต 2) - ตรัง – สตูล, กรุงเทพฯ (หมอชิต 2) – เกาะสมุย, กรุงเทพฯ (หมอชิต 2) – หาดใหญ่, กรุงเทพฯ – สงขลา และ กรุงเทพฯ – สุไหงโกลก

กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข D-M-H-T-T-A อาทิ เว้นระยะระหว่างกัน , หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น , สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลา , ล้างมือบ่อย ๆ , ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันไทยชนะ กรณีไม่สามารถใช้แอปพลิเคชันได้ สามารถกรอกข้อมูลตามแบบฟอร์มที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด และหากเคยไปในพื้นที่เสี่ยง หรือสัมผัสใกล้ชิดกับบุคคลในกลุ่มเสี่ยง ขอให้ใช้มาตรการกักตนเอง (Self-quarantine) อย่างเคร่งครัด เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในวงกว้าง

นอกจากนี้ผู้ใช้บริการสามารถจองตั๋วล่วงหน้าเดินทางกับ บขส. ได้ ผ่าน website บขส. https://tcl99web.transport.co.th/Home , ร้าน 7-Eleven เคาน์เตอร์เซอวิส ทุกสาขา หรือตัวแทนจำหน่ายตั๋วของ บขส. และสามารถชำระค่าโดยสาร บขส. โดยใช้สิทธิ์โครงการคนละครี่ง ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตังค์” ได้ โดยสิทธิ์ดังกล่าวไม่สามารถใช้กับการจองตั๋วล่วงหน้าได้ และไม่สามารถยกเลิก/คืน/เปลี่ยนแปลงตั๋วได้ทุกกรณี สอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติม ได้ที่ ช่องจำหน่ายตั๋วรถโดยสารของ บขส. ทั่วประเทศ และ Call Center1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมง

16518


นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมไมซ์ไทย การจัดงาน “ไมซ์ไทยรวมใจสร้างชาติ” ในรูปแบบออนไลน์ (Virtual Meeting) จึงจัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมไมซ์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศร่วมกันทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการกระจายรายได้และความเจริญสู่ชุมชน ตลอดจนแสดงความพร้อมของเมืองไมซ์ซิตี้ในฐานะศูนย์กลางภูมิภาคในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และใช้โอกาสนี้เป็นเวทีนำเสนอทิศทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ในปี 2565 ให้แก่หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้ประกอบการไมซ์ ซึ่งมีจำนวนผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมชมงานกว่า 800 คน



โดยภายในงานมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมให้ข้อมูลและเสวนา ได้แก่ นายวิโรจน์ นรารักษ์ รองเลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น, นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี, นายอนุชา มีเกียรติชัยกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ และนายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต

“ทีเส็บ ในฐานะองค์กรภาครัฐ พัฒนาแผนงานให้สอดรับกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของรัฐบาล โดยวางทิศทางขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์ไทยในปีหน้าผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ การเสริมความแกร่งระดับชาติ การช่วงชิงโอกาสระดับสากล และการยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรม เพื่อเร่งฟื้นฟูอุตสาหกรรมไมซ์ และเศรษฐกิจของประเทศให้พ้นจากวิกฤต ต้องอาศัยทั้งความยืดหยุ่นและการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนอย่างเข้มแข็ง เพื่อนำพาอุตสาหกรรมไมซ์และเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นกลับมาโดยเร็วที่สุด”

ภายใต้กลยุทธ์การเสริมความแกร่งระดับชาติ ทีเส็บเร่งยกระดับความพร้อมของจังหวัดที่มีศักยภาพ ก้าวสู่การรองรับกิจกรรมไมซ์ พร้อมกับการสร้างงานใหม่ และยกระดับกิจกรรมไมซ์ให้มีคุณภาพระดับนานาชาติ โดยร่วมทำงานกับพันธมิตรทุกภาคส่วน เช่น โครงการ Empower Thai Exhibition หรือ EMTEX ซึ่งได้ขยายความร่วมมือระหว่างทีเส็บกับกระทรวงต่างๆ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่าสิบหน่วยงาน เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพงานแสดงสินค้าในระดับท้องถิ่นก้าวสู่ระดับประเทศ ตลอดจนการพัฒนางานเทศกาลท้องถิ่นภายใต้แนวคิด Festival Economy ที่จะพัฒนางานต่อยอดสู่ระดับสากล 1 City : 1 License Event เช่น งานเทศกาล “เกลือ-เมือง-เพชร หรือ Diamond of the Salt Festival ของจังหวัดเพชรบุรี, งานเทศกาล Huahin Hop Fest ของเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นต้น



พร้อมกันนี้ ยังดำเนินงานด้านการสื่อสาร เพื่อกระตุ้นและขับเคลื่อนองค์กรภาครัฐและเอกชนจัดประชุมสัมมนาและจัดกิจกรรมไมซ์ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ผ่านแคมเปญการสื่อสาร “จัดงานไมซ์ทั่วไทย ภูมิใจช่วยชาติ” และสนับสนุนงบประมาณผ่านโครงการ “ประชุมเมืองไทย ปลอดภัยกว่า” ซึ่งในขณะนี้มีองค์กรและหน่วยงานได้รับการสนับสนุนแล้วกว่า 645 โครงการ และแสดงความจำนงมากกว่า 1,000 งาน

กลยุทธ์การช่วงชิงโอกาสระดับสากล มุ่งเน้นการผลักดันไมซ์ไทยสู่เวทีโลก จัดทำแคมเปญตลาดเชิงรุกเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในภูมิภาคอาเซียน โดยการประกาศปีแห่งการประชุมในประเทศไทยด้วยการต่อยอดจากการเป็นเจ้าภาพจัดงาน APEC 2022 อีกทั้งจะเร่งดึงงานสำคัญระดับโลกเข้ามาจัดในประเทศไทย เช่น งาน Thailand International Air Show, งานประชุมองค์กรระหว่างประเทศ เช่น งาน World Bank หรืองานแสดงสินค้าระดับท็อปไฟว์ของโลก

กลยุทธ์การยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรม มุ่งสานต่อการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมไมซ์อย่างต่อเนื่อง ร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการไมซ์ และหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐในและต่างประเทศ ทั้งในด้านการพัฒนาบุคลากร มาตรฐานสถานที่จัดงาน และการพัฒนาหลักสูตรอบรมต่างๆ เพื่อให้ไมซ์ไทยก้าวทันความต้องการของโลกในยุคหลังโควิด เช่น การยกระดับมาตรฐานและส่งเสริม “การจัดงานไมซ์อย่างยั่งยืน” โดยนำแนวคิด BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) ที่เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล มาต่อยอดกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals) ขณะเดียวกัน ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีและเครื่องมือแพลตฟอร์มดิจิทัลต่อเนื่อง อาทิ แพลตฟอร์ม “Thai MICE Connect” ที่มีข้อมูลผู้ประกอบการเข้าร่วมแล้วกว่าหมื่นรายทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นตลาดออนไลน์ซื้อขายบริการด้านไมซ์ รองรับตลาดทั้งในและต่างประเทศ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำของการเข้าถึงตลาดให้ผู้ประกอบการทุกขนาด

ทั้งนี้ ทีเส็บสานต่อการจัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด “ไมซ์ไทยรวมใจสร้างชาติ” เตรียมเปิดนิทรรศการรูปแบบออนไลน์ (Virtual Exhibition) ให้ความรู้ถึงจุดกำเนิด และการเดินทางของอุตสาหกรรมไมซ์ไทย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความภาคภูมิใจของทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไมซ์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยจะเปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนเป็นต้นไป และสามารถดาวน์โหลดหนังสือ “ภูมิไทย” เส้นทางทรงคุณค่าของอุตสาหกรรมไมซ์ ที่ทีเส็บจัดทำร่วมกับกองทุนส่งเสริมการประชุมนานาชาติ
 

16519


นางปนัดดา ขจรศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจของทีมวิจัยและพัฒนาของ แอล.พี.เอ็น.พบว่า ทำเลถนนนราธิวาส-รัชดา เป็นทำเลที่เหมาะสำหรับการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยและอาคารสำนักงาน เนื่องจากทำเลดังกล่าวมีโครองการคอนโดเหลือขายประมาณ 350 ยูนิต ขณะที่ความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง โดยอัตราการขายเฉลี่ยอยู่ที่ 8.5 ยูนิตต่อเดือน ซึ่งโครงการคอนโดที่ได้รับความนิยมอยู่ที่ระดับราคา 100,000-150,000 บาทต่อตร.ม. ความต้องการตลาดส่วนใหญ่เป็นห้องขนาด 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเฉลี่ย 25-30 ตร.ม.ต่อยูนิต

ในส่วนบริษัทมีแผนการเปิดตัวโครงการ “ลุมพินี มิกซ์ นราธิวาส-รัชดา” ซึ่งเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัยขนาด 30 ชั้น ที่ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “ชีวิตที่ลงตัว : Work – life Balance” เป็นอาคารในรูปแบบผสมผสาน (Mixed-use)ที่มีทั้งส่วนของห้องชุดพักอาศัย ประมาณ 253 ยูนิต และพื้นที่ในส่วนของอาคารสำนักงานประมาณ 116 ยูนิต โดยมีพื้นที่ใช้สอยรวมประมาณ 45,106 ตร.ม.เพื่อตอบโจทย์กับการสร้างความสมดุลในการใช้ชีวิต ให้พื้นที่อยู่อาศัยและทำงานอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และเพิ่มเวลาแห่งการพักผ่อนเพื่อให้ชีวิตมีความสมดุล

ทั้งนี้โครงการ “ลุมพินี มิกซ์ นราธิวาส-รัชดา” เป็นโครงการที่ถูกเลื่อนเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากที่ตั้งของโครงการอยู่ในพื้นที่ชุมชนเก่า ทำให้ต้องมีขั้นตอนการดำเนินงานเพื่อทำความเข้าใจกับผู้อยู่อาศัยข้างเคียงภายในชุมชนถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการก่อสร้างโครงการ และมีการปรับแบบการก่อสร้างเพื่อให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชน ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่เลื่อนการเปิดตัวโครงการ LPN ได้มีการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรอบโครงการ รวมทั้งนำเอาความคิดเห็นของผู้ที่อยู่ในชุมชนมาปรับแบบโครงการเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น รวมถึงออกแบบโครงสร้างของอาคารให้มีบริบทที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชุมชนข้างเคียง โดยการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายใต้แนวคิดของ “Green Architecture” เพื่อให้โครงการเป็นพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชนโดยรอบ รวมถึงการออกแบบตัวอาคารให้มีรูปแบบที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมโดยรอบภายใต้แนวคิด “Modern Contemporary Design” ที่มาพร้อมกับเส้นสาย เพื่อให้มีความกลมกลืนและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนโดยรอบโครงการ

นางปนัดดา ระบุว่า หลังได้รับการอนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(Environmental Impact Assessment : EIA) จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเมื่อเดือนมิ.ย. 2564 ที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนของการขออนุมัติการก่อสร้างและจะเริ่มเปิดตัวโครงการได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ ซึ่งเป็น 1 ใน 2 โครงการอาคารชุดพักอาศัยที่บริษัทมีแผนเปิดตัวโดยโครงการ “ลุมพินี มิกซ์ นราธิวาส-รัชดา” เป็นโครงการที่ผสมผสานระหว่างอาคารพักอาศัย และอาคารสำนักงานในรูปแบบของมิกซ์-ยูสเพื่อตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานของคนรุ่นใหม่

16520


เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โจ ไบเดน ประกาศว่าหลังจากที่สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ควบคุมได้แล้ว เป้าหมายต่อไปของสหรัฐอเมริกาคือจะทำทุกวิถีทางที่จะอวสานโรคมะเร็งให้ได้

เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวอยู่บ้าง เพราะลูกชายของเขา บิว ไบเดน (Beau Biden) ก็เสียชีวิตลงไปด้วยโรคมะเร็งร้ายตั้งแต่อายุเพียงแค่ 46 ปี

ไบเดนตั้ง ดร. อีริค แลนเดอร์ (Eric Lander) ศาสตราจารย์ทางด้านพันธุศาสตร์และคณิตศาสตร์ จากเอ็มไอที หนึ่งในผู้บุกเบิกโครงการจีโนมมนุษย์ ขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาหลักทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเพื่อผลักดันนโยบายวิจัยให้ตอบโจทย์นี้ให้ได้

แม้ว่าสหรัฐจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีระบบนิเวศน์ที่สนับสนุนการผลักดันงานวิจัยออกไปสู่ธุรกิจนวัตกรรมออกมาได้อย่างน่าประทับใจจนหลายคนมองว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนแห่งโอกาส ​แต่ทว่าในมุมมองของนักบริหาร การผลักดันงานวิจัยจากห้องทดลองสู่การใช้งานจริงนั้นยังเกิดขึ้นน้อยกว่าที่คาดหวังไปมาก ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากการให้ทุนแบบระมัดระวังเกินไป จนนวัตกรรมแบบไอเดียพลิกโลกนั้นแทบจะไม่มีโอกาสได้เกิดขึ้นมา

ไบเดนให้ความสนใจเป็นพิเศษกับแนวคิดในเรื่องการให้ทุนของสำนักงานโครงการวิจัยขั้นสูงด้านกลาโหม (Defense Advance Research Projects Agency, DARPA) หรือที่หลายๆ คนเรียกกันติดปากว่าดาร์พา

ดาร์พาตั้งขึ้นเมื่อปี 1958 หลังจากที่สหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 (sputnik1) ขึ้นไปสู่วงโคจรของโลกได้เป็นผลสำเร็จ โดยมีจุดมุ่งหมายคือเพื่อให้มั่นใจได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะยังคงฐานะเป็นผู้นำโลกทางด้านเทคโนโลยีอยู่


เพราะระบบการให้ทุนที่ไม่เหมือนใครของดาร์พาที่เน้นโครงการเสี่ยงสูง กำไงาม​ (high risk high rewards) จึงทำให้โครงการประหลาดๆ ที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมแบบสุดโต่งที่เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางเทคโนโลยีไปอย่ามหาศาล ตั้งแต่อินเตอร์เน็ต จีพีเอส โดรน ไปจนถึงวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอ

โดยปกติแล้วกลไกการให้ทุนของแหล่งทุนทั่วๆ ไปคือจะจัดตั้งทีมผู้ทรงคุณวุฒิมานั่งอ่านแบบเสนอโครงการ ถามคำถาม ให้ความเห็นว่าจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนแล้วจบ อย่างมากก็อาจจะมีกลับมาอ่านอีกรอบเพื่อประเมินความก้าวหน้ารายปีแค่นั้น แต่ดาร์พาจะมีกลไกที่ต่างออกไป โดยทางดาร์พาเองจะไปยืมเอาตัวผู้เชี่ยวชาญศักยภาพสูงนับร้อยคนมาจากมหาวิทยาลัยหรือภาคอุตสาหกรรมมาเป็นผู้จัดการโครงการส่วนใหญ่ก็ระยะเวลาสามถึงห้าปี ผู้จัดการโครงการแต่ละคนจะต้องเกาะติดเรียกว่าเเทบจะเป็นหนึ่งในทีมวิจัยเลยก็ว่าได้ ทั้งต้องช่วยประสานงาน ขจัดอุปสรรคที่อาจจะมาขัดขวางการทำงาน ​กำหนดเดดไลน์และเข้าไปติดตามความก้าวหน้าของงานอยู่ตลอดเพื่อประเมินความก้าวหน้าและความเสี่ยงว่ามีโอกาสสำเร็จมากเพียงไร และควรจะให้การสนับสนุนต่อไปหรือไม่ โดยมีไกด์ไลน์ในการประเมินที่ชัดเจนที่เขียนขึ้นมาโดยอดีตผู้อำนวยการดาร์พา จอร์จ เฮลเมเออร์ เรียกว่า “ชุดคำถามของเฮลเมเออร์​ (Heilmeier Catechism)”

เนื่องจากทุนของดาร์พาส่วนใหญ่เป็นแบบเสี่ยงสูง ประเด็นสำคัญคือผู้จัดการโครงการจะต้องมีช่องให้ล้มเหลว เพราะเมื่อไรที่ทุกคนกลัวว่าโครงการจะไปไม่รอด โครงการแบบเสี่ยงสูงแต่ให้ผลพลิกโลกจะไม่มีโอกาสได้เกิด โครงการที่บางทีดูล้ำจนหลายๆ คนอาจจะมองว่าเป็นไปได้ยาก จนแหล่งทุนทั่วไปไม่กล้าให้เงิน ก็ยังอาจจะมีโอกาสได้รับการสนับสนุนจากดาร์พาได้

จินตนาการ คือ มีผู้บริหารโครงการที่รู้จริงและเข้าใจมาช่วยตรวจสอบและผลักดันโครงการให้เป็นไปตามที่จะเป็น โอกาสที่จะดึงเอางานวิจัยขึ้นหิ้งให้ลงมาสู่ห้างก็อาจจะเป็นไปได้ และถ้ามีผู้จัดการโครงการที่เก่งและมีวิสัยทัศน์สูงๆ รู้ว่าเทคโนโลยีนี้จะตอบโจทย์เอกชนยังไงและใครจะเป็นพาร์ทเนอร์ในเชิงธุรกิจ งานวิจัยจะไม่จบแค่องค์ความรู้พื้นฐาน แต่จะถูกผลักดันให้กลายมาเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน หรือแม้แต่ออกมาสู้กับวิกฤตต่างๆ ได้

ไบเดนมีแผนจะตั้งอาร์พา-เอช (ARPA-H) เพื่องานวิจัยด้านสุขภาพ ภายใต้ร่มของสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติ (National Institute of Health, NIH) เพราะมีพันธกิจตรงกันคือ “เพื่อค้นหาองค์ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับธรรมชาติและพฤติกรรมของระบบชีวิตและการประยุกต์ใช้องค์ความรู้นั้นเพื่อส่งเสริมสุขภาพ เพิ่มอายุขัย และลดการเจ็บป่วยและพิการ” โดยในปี 2022 นี้จะมีแผนการจะสนับสนุนงบประมาณจำนวน 6.5 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือราวๆ เกือบๆ สองแสนสองหมื่นล้านบาทเพื่อพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์แบบล้ำยุค อย่างวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอต้านมะเร็ง อุปกรณ์สวมใส่(wearable) เพื่อติดตามอาการโรคเบาหวานและอัลไซเมอร์แบบเรียลไทม์ ระบบพัฒนาวัคซีนภายใน 100 วัน และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งก็คงต้องลุ้นต่อไปว่าจะแนวคิดการบริหารจัดการโครงการวิจัยแบบนี้จะไปได้ไกลถึงฝั่งฝันอย่างทีดาร์พาเคยทำไว้ได้หรือเปล่า

“การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในช่วงสิบปีข้างหน้าจะเห็นได้ชัดเจนกว่าที่เคยพบเจอมาในช่วงห้าทศวรรษที่ผ่านมารวมกันเสียอีก เห็นได้จากความไวในการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และอีกหลายๆ เทคโนโลยี” ไบเดน กล่าว “ผมไม่เห็นการลงทุนอะไรที่จะคุ้มค่ามากไปกว่านี้ และผมก็นึกไม่ออกว่าจะมีอะไรที่ทุกฝ่ายจะเห็นชอบร่วมกันได้แบบนี้อีก และมันอยู่ในขอบข่ายที่เราจะทำได้”

นอกจากอาร์พา-เอช เพื่อสุขภาพแล้ว สหรัฐยังมีโครงการอาร์พา-อี (ARPA-E) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน และอาร์พา-ซี (ARPA-C) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งที่ผ่านมาก็เริ่มต้นได้อย่างสวยงามและดูมีอนาคตไกล แต่จะไปได้ไกลแค่ไหน แล้วจะมีอุปสรรคอะไร อย่างไรบ้าง คงต้องติดตามดูต่อไป

ในเวลานี้ หลายประเทศได้ริเริ่มองค์กรให้ทุนเพื่อสร้างระบบนิเวศน์งานวิจัยใหม่แนวๆ เสี่ยงสูง กำไรงามแบบเดียวกับดาร์พากันบ้างเเล้ว เช่นสำนักงานวิจัยและประดิษฐ์ขั้นสูง (Advanced Research and Invention Agency) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าเอเรีย (ARIA) ในสหราชอาณาจักร โครงการมูนช๊อต (moonshot) ของญี่ปุ่น และโครงการ SPRIN-D ของเยอรมนี

นี่อาจจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่น่าสนใจในการผลักดันเทคโนโลยีดีปเทคให้ไปได้ไกลกว่าที่เคยทำมา การสร้างระบบนิเวศน์วิจัยและวิชาการที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการผลักดันงานวิจัยนวัตกรรมให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีใหม่อุตสาหกรรม

16521


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นกลุ่มบีทีเอส และกลุ่มเจมาร์ท วันนี้ (27 ส.ค.) บวกขึ้นเกือบยกแผง ภายหลังบริษัทในเครือบีทีเอส ได้แก่ บมจ.วีจีไอ (VGI) และ บมจ.ยู ซิตี้ (U) ประกาศเข้าลงทุนใน บมจ.เจ มาร์ท (JMART) และบริษัทในเครือ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ด้วยมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.75 หมื่นล้านบาท


โดยพบว่าราคากลุ่มบีทีเอส ได้แก่ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) บวก 0.54% หรือ 0.05 บาท มาอยู่ที่ 9.30 บาทต่อหุ้น ส่วนบริษัทลูก VGI บวก 0.80% หรือ 0.05 บาท มาอยู่ที่ 6.30 บาทต่อหุ้น และ U บวก 4.72% หรือ 0.05 บาท มาอยู่ที่ 1.11 บาทต่อหุ้น

ส่วนกลุ่มเจมาร์ท ได้แก่ JMART บวก 4.29% หรือ 1.50 บาท มาอยู่ที่ 36.50 บาทต่อหุ้น บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) บวก 1.18% หรือ 0.50 บาท มาอยู่ที่ 43.00 บาทต่อหุ้น และ SINGER ลบ 1.24% หรือ 0.50 บาท มาอยู่ที่ 39.75 บาทต่อหุ้น

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า การเข้าลงทุนของกลุ่มบีทีเอสในกลุ่มเจมาร์ท มองเป็นปัจจัยบวกต่อทั้ง 2 บริษัท โดยเฉพาะ VGI กับ JMART ที่คาดว่าจะเห็นการผนึกกำลังร่วมมือกัน (Synergy) อีกมาก โดยคาดว่า JMART จะได้ประโยชน์จากธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านการใช้สื่อร่วมกันกับ VGI

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

ส่วน VGI ที่ก่อนหน้านี้ประกาศลงทุนใน บริษัท แฟนส์ลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (Fanslink) ผู้นำเข้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (แก็ดเจ็ต) ของจีน คาดว่าจะได้ประโยชน์จากร้านค้าปลีกโทรศัพท์มือถือและสินค้าที่เกี่ยวข้องของ JMART ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ อีกทั้งปัจจุบัน VGI มีอัตราหนี้สินต่อทุนที่ต่ำ (D/E) ที่ 0.1-0.2 เท่า จึงไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน


สำหรับกลยุทธ์การลงทุนจากทั้ง 2 กลุ่ม เลือก VGI และ JMT เป็นหุ้นเด่น โดย VGI ราคาเหมาะสม 6.50 บาทต่อหุ้น แต่มีโอกาสปรับเพิ่มราคาเหมาะสมจากการเข้าลงทุนในกลุ่มเจมาร์ท

ส่วน JMT ราคาเหมาะสม 51.00 บาทต่อหุ้น ได้ปัจจัยหนุนการเพิ่มทุนของบริษัทที่ราคาไม่แตกต่างจากราคากระดานมาก โดยบริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุน 70% ไปซื้อหนี้เสียมาบริหาร รองรับการเติบโตในอนาคต และอีก 30% จะนำไปใช้คืนหนี้ อีกทั้งบริษัทมีการออกใบสำคัญแสดงสิทธิเพื่อจูงใจให้ผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มทุนอีกด้วย


นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า VGI และ U เข้าถือหุ้นใน JMART และ SINGER ทางกลุ่มบีทีเอสเข้าลงทุนในกลุ่มเจมาร์ทผ่านทางดีลสำคัญ 3 ดีล ได้แก่ 1. VGI เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน JMART 15% มูลค่า 6,257 ล้านบาท 2. U เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน JMART 9.9% มูลค่า 4,171 ล้านบาท และ 3. U เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน SINGER 24.9% มูลค่า 7,155 ล้านบาท ประเมิน Synergy ที่เกิดขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเพิ่มทุนแบบวงจำกัด (PP) ของ JMART และ SINGER ที่ 30.337 และ 36.3005 บาท ต่ำกว่าราคาปิดในกระดานที่ 13% และ 9% ตามลำดับ อาจกดดันต่อราคาหุ้นในระยะสั้นบ้าง สำหรับเงินทุนเราคาดส่วนใหญ่จะใช้การกู้ยืม เนื่องจาก VGI และ U มีหนี้สินต่อทุนต่ำที่เพียง 0.23 และ 0.49 เท่า ขณะที่มีส่วนผู้ถือหุ้นสูงถึง 15,904 และ 39,302 ล้านบาท

16522
 ข้าวกล้องออแกนิค  ข้าวกล้องหอมมะลิอินทรีย์ส่งทั่วไทย   ข้าวแฟร์เทรด  โครงการข้าวปลอดสาร    ส่งออกข้าวปลอดสาร  เครือข่ายข้าวปลอดสารสุรินทร์  ถ้าไม่อยากกินยาตลอดชีวิตให้กิน “ข้าวกล้อง” เป็นยาการที่ข้าวเปลือกอินทรีย์ถูกขัดสี ทำให้สูญเสียสารอาหารที่จำเป็นออกไปเป็นจำนวนมาก ยิ่งขัดสีเป็นข้าวขาวหลายครั้งเท่าไร สารอาหารยิ่งเหลือน้อยลงไป การหันกลับมากินข้าวกล้อง เหมือนบรรพบุรุษของเรา จึงเป็นวิถีชีวิตที่ถูกต้อง ช่วยไม่ให้เป็นโรคอันไม่ควรจะเป็น เนื่องจากขาดสารอาหาร
 
การฝึกกินข้าวกล้องออแกนิค ( การผลิตข้าวอินทรีย์(ออแกนิค)  )
1. คนที่เพิ่งหัดกินข้าวกล้อง ( ข้าวออร์แกนิคไทยมีราคาแพง
) อาจใช้วิธีง่ายๆ คือนำข้าวกล้องผสมกับข้าวขาวในอัตราส่วน 1 : 2 โดยแช่ข้าวกล้องก่อนนำไปหุงรวมกับข้าวขาว เพื่อจะได้สุกพร้อมๆ กัน และค่อยๆ เพิ่มปริมาณข้าวกล้อง จนเปลี่ยนเป็นข้าวกล้องทั้งหมด ท่านก็จะกินข้าวที่ได้คุณค่าอาหารอย่างเต็มที่ 
2. การกินข้าวกล้องก็คือควรกินขณะยังอุ่นๆ โดยทั่วไป พอข้าวสุก ทิ้งไว้ให้ข้าวระอุประมาณ 5-10 นาทีแล้วควรรีบกิน ข้าวจะนุ่มกินได้ง่าย และให้ค่อยๆ เคี้ยวพอละเอียด จะได้รสชาติหวานอร่อยของข้าวกล้อง ตาม  ทำไมต้องเป็นข้าวออร์แกนิค
3. ควรกินข้าวกล้องที่สุกแล้วให้หมดในมื้ออาหารนั้น เพราะข้าวกล้องบูดเสียได้ง่ายกว่าข้าวขาวทั่วๆ ไป

วิธีหุงข้าวกล้องอินทรีย์  นาข้าวออร์แกนิค

1. ก่อนซาวข้าวควรเก็บสิ่งแปลกปลอมออกเสียก่อน และซาวข้าวเบาๆ ด้วยเวลาสั้นๆ เพียงครั้งเดียว เพื่อไม่ให้วิตามินสูญเสียไปกับน้ำซาวข้าว
2. การหุงข้าวกล้องนั้น ต้องใส่น้ำมากกว่าหุงข้าวขาว การหุงข้าวกล้อง 1 ส่วนจึงควรเติมน้ำประมาณ 2-3 เท่า ถ้าจะให้ประหยัดเวลาหุง ควรแช่ข้าวกล้องก่อนประมาณครึ่งชั่วโมง วิธีนี้อาจทำให้สูญเสียวิตามินบางอย่างที่ละลายน้ำไปบ้าง แต่ไม่แนะนำให้แช่ข้าวเป็นเวลานานๆ โดยเฉพาะข้าวที่มีสี แต่ถ้าจำเป็นต้องแช่ข้าว แนะนำให้ใช้น้ำที่แช่ข้าวนำกลับไปใช้ในการหุ้ง เพื่อลดการสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระในข้าว โดยเฉพาะข้าวสี
3. สำหรับข้าวใหม่หรือข้าวเก่านั้น จะมีผลต่อการหุงต้มเช่นกัน เพราะข้าวใหม่เมื่อหุงสุกจะมีลักษณะเมล็ดข้าวติดกันมาก ส่วนข้าวเก่าเมื่อหุงสุกการติดกันของเมล็ดข้าวจะน้อย เนื่องจากข้าวเก่าเมล็ดข้าวจะแห้งกว่าข้าวใหม่
เหตุนี้จึงทำให้บางท่านหุงข้าวแล้วบอกว่าใช้น้ำมากเท่าเดิมทำไมข้าวจึงแฉะหรือร่วน ซึ่งก็ต้องถามผู้ขายว่า เป็นข้าวเก่าหรือข้าวใหม่ ส่วนจะให้แฉะหรือร่วนแล้วแต่จะชอบ ผู้หุงข้าวจึงต้องใส่น้ำให้เหมาะสมหรือต้องใช้ศิลปะในการหุงเช่นกัน


ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ทำไมต้องเป็นข้าวอินทรีย์

277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
website : https://www.hor.boutique
Facebook : https://www.facebook.com/Rice.For.Infant/
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique คนทำนาข้าวอินทรีย์

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ1.ข้าวหอมมะลิสุรินทร์ 2.ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์   ข้าวกล้องหอมมะลิสุขภาพ 3.ข้าวปกาอำปึลอินทรีย์ (#ข้าวพื้นถิ่นจังหวัดสุรินทร์) 4.ข้าวผสมห้าสายพันธุ์อินทรีย์ 5.ข้าวกล้องมะลิแดงอินทรีย์ 6.ข้าวมะลินิลอินทรีย์สุรินทร์ 7. ข้าวไรซ์เบอรี่

#ข้าวกล้องอินทรีย์สุรินทร์ #ข้าวกล้องออแกนิคสุรินทร์ #ข้าวกล้องปลอดสารสุรินทร์ #ข้าวกล้องเพื่อสุขภาพสุรินทร์ #ข้าวกล้องหอมมะลิสุรินทร์ #ข้าวกล้องเมืองสุรินทร์

 

 

 

 

 

 

 
 

16523


นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ. มีมติเห็นชอบปรับเลื่อนกรอบระยะเวลาในการพิจารณาข้อเสนอโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก (โครงการนำร่อง) พ.ศ. 2564 ใหม่ ส่งผลให้ต้องเลื่อนวันประกาศผลการพิจารณาผู้ที่ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการเป็นวันที่ 23 กันยายน 2564 จากกำหนดเดิมในวันที่ 2 กันยายน 2564 ล่าช้า 21 วัน จากกำหนดการเดิม

“สาเหตุที่ต้องเลื่อนกรอบระยะเวลาการพิจารณาผลการคัดเลือกโรงไฟฟ้าชุมชนฯ ออกไป เพราะต้องการขยายเวลา และเปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่อุทธรณ์ผลการพิจารณาทางเทคนิคจำนวน 33 ราย ได้รับการพิจารณาจาก กฟภ. อีกครั้ง ภายใต้หลักการและแนววินิจฉัยเดียวกับการพิจารณาอุทรณ์ของ กกพ” นายคมกฤช กล่าว

นายคมกฤช ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ผู้ไม่ผ่านผลการตัดสินทางเทคนิค ซึ่งแต่งตั้งโดย กกพ. พบว่า เงื่อนไข และหลักเกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิคในบางประเด็น อาจจะทำให้ผู้ยื่นฯ มีเข้าใจคลาดเคลื่อน

ส่งผลให้ข้อเสนอทางเทคนิคหลายรายผิดพลาดในประเด็นเดียวกัน จึงเสนอให้เลื่อนกรอบเวลา และมอบหมายให้ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้พิจารณาทบทวนข้อเสนอทางเทคนิคเฉพาะของผู้ที่ไม่ผ่านการพิจารณาทางเทคนิคและไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ทั้ง 33 รายอีกครั้งเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและให้ได้สิทธิ์โดยเท่าเทียมกันจากแนวทางการพิจารณาวินิจฉัย


สำหรับความคืบหน้า และผลการพิจารณาคำอุทธรณ์ของ กกพ. ในวันที่ 25 ส.ค. นี้พบว่า มีจำนวนผู้ยื่นขออุทธรณ์ผลการพิจารณาในขั้นตอนของข้อเสนอทางเทคนิค ทั้งสองประเภทเชื้อเพลิงคือ โรงไฟฟ้าชีวภาพ และชีวมวลรวมกันจำนวน 118 รายผ่านการพิจารณาทางเทคนิคในขั้นตอนอุทธรณ์จำนวน 74 ราย และไม่ผ่านการพิจารณาทางเทคนิคในขั้นอุทธรณ์จำนวน 44 ราย โดย กกพ. มีมติให้ กฟภ. พิจารณาผู้ที่ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ผลการพิจารณาจำนวน 33 รายอีกครั้งเพื่อความเป็นธรรมและให้ประกาศผลผู้ที่ผ่านการพิจารณาเทคนิคเพิ่มเติมทั้งหมดภายในวันที่ 15 ก.ย. 64

ทั้งนี้ มติ กกพ. ที่พิจารณาเห็นชอบกรอบระยะเวลาในการดำเนินการโครงการใหม่ ประกอบด้วย

นอกจากนี้ จากการเปลี่ยนแปลงกรอบระยะเวลาดังกล่าว ส่งผลให้ต้องปรับกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ โดยปรับกำหนดวัน SCOD เป็นภายใน 36 เดือนนับจากวันลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (ภายใน 21 ม.ค.68) และเห็นควรให้ใช้ Grid Capacity ปี 2567 ของ การไฟฟ้าในการประเมินข้อเสนอด้านราคา

16524


“สหรัฐอเมริกา” ถือเป็นประเทศต้นๆ ที่เริ่มมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาจนสามารถควบคุมโรคได้ ส่งผลให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐฟื้นตัวค่อนข้างดี

โดยปัจจุบันมีประชากรสหรัฐได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว 170.8 ล้านคน คิดเป็น 51.5% ของประชากรทั้งหมด 333 ล้านคน ส่วนประชากรที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกมี 201.4 ล้านคน คิดเป็น 60.7% ของประชากรทั้งหมด ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศในยุคโควิด-19 เนื่องจากมีสัดส่วนผู้ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วค่อนข้างสูง!

อย่างไรก็ตาม จากการระบาดของไวรัสกลายพันธุ์ “สายพันธุ์เดลต้า” ในสหรัฐทำให้มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วง 7 วันล่าสุด เฉลี่ยสูงถึง 1.5 แสนรายต่อวัน ถือเป็นเรื่องที่ยังไว้ใจไม่ได้ และน่าเป็นห่วงสำหรับการตีกลับของไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าว ทำให้ภายในสหรัฐเริ่มมีการพูดถึงเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพิ่ม

สันติ แสวงเจริญ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนิวยอร์ก เล่าว่า ในช่วงหลังๆ อัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้รับวัคซีนในสหรัฐช้ามาก เพราะปัจจุบันควรจะมีสัดส่วนผู้ได้รับวัคซีน 70% ของประชากรทั้งหมดแล้ว จนรัฐบาลกลางภายใต้การนำของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ และรัฐบาลท้องถิ่นต่างๆ ต้องออกมาตรการผลักดันทั้งส่งเสริมและบังคับให้ชาวสหรัฐรับการฉีดวัคซีนมากขึ้น เช่น ให้เงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อฉีดเข็มแรก ขณะที่ข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจต้องฉีดวัคซีน หรือถ้าไม่ฉีด ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ทุกสัปดาห์

ส่วนกรณีที่หน่วยงานป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ หรือ ซีดีซี (U.S. Centers for Disease Control and Prevention) ประกาศเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ยกระดับคำเตือนให้ชาวสหรัฐหลีกเลี่ยงการเดินทางมายังประเทศไทย เนื่องจากไทยเป็น 1 ใน 7 ประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุด (Level 4) ต่อการระบาดของโรคโควิด-19

“ทั้งนี้ ททท.ขอย้ำว่าเป็นการยกระดับคำเตือนให้หลีกเลี่ยง ยังไม่ถึงขั้นห้ามเดินทางเข้าประเทศไทย ส่วนการตัดสินใจออกท่องเที่ยวนอกประเทศหรือไม่ ยังเป็นความต้องการส่วนบุคคลของชาวสหรัฐ เพราะไม่ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะตกต่ำ แต่ถ้าชาวสหรัฐตั้งใจ ก็ยังออกไปเที่ยวเหมือนเดิม”

โดยก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 นักท่องเที่ยวสหรัฐนิยมไปเที่ยวเม็กซิโก แคนาดา และประเทศในยุโรป แต่หลังโควิด-19 ระบาดมาสักระยะ ปัจจุบันเทรนด์ของนักท่องเที่ยวสหรัฐนิยมไปจุดหมายที่ต้องไม่มีการกักตัวเลย โดยเฉพาะ “หาดทราย ชายทะเล และแสงแดด” (Sea Sand Sun) ระยะใกล้ในแถบทะเล “แคริบเบียน” เช่น เม็กซิโก จาไมก้า โดมินิกัน และบาฮามาส ขณะที่จุดหมายระยะไกลคือมัลดีฟส์


สำหรับโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เปิดพื้นที่นำร่องให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมาเที่ยวภายใน จ.ภูเก็ต แบบไม่ต้องกักตัว พบว่าตลอดเดือน ก.ค.ที่ผ่านมานับตั้งแต่เปิดโครงการฯวันที่ 1 ก.ค. มี “นักท่องเที่ยวสหรัฐ” เดินทางเข้าร่วมโครงการฯมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วยสหราชอาณาจักร อิสราเอล เยอรมนี และฝรั่งเศส

“และหลังจากสอบถามความคิดเห็นของทัวร์โอเปอเรเตอร์เกี่ยวกับการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และโครงการสมุย พลัส โมเดล พบว่าแม้จะรู้สึกค่อนข้างตื่นเต้นกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทย เนื่องจากยังเป็นจุดหมายที่ได้รับความนิยม แต่เรื่องมาตรการและเงื่อนไขการเดินทางเข้าประเทศยังซับซ้อนมากเกินไป รวมถึงสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศไทยยังน่าเป็นห่วง”

นอกจากนี้ทัวร์โอเปอเรเตอร์ส่วนใหญ่ยังโฟกัสการขายแพ็คเกจทัวร์แบบ “Fully Opened” เหมือนจุดหมายในแถบทะเลแคริบเบียน คือต้องไม่มีเงื่อนไขเข้ารับการกักตัวเลย! ขณะเดียวกันทัวร์โอเปอเรเตอร์หลายรายยังถือว่าภาพใหญ่ของประเทศในภูมิภาคเอเชีย รวมประเทศไทย ยังถือว่ามีการปิดประเทศอยู่ ยังไม่ได้แยกแยะหรือลงลึกว่าประเทศไทยมีการเปิดพื้นที่นำร่องภูเก็ตแล้ว ซึ่ง ททท.พยายามโปรโมทว่าขณะนี้กำลังเปิดเมืองภูเก็ต (Reopening Phuket) เพื่อให้ทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการทัวร์รับรู้เรื่องนี้มาตลอด

ด้านรายงานข่าวจาก ททท. ระบุเพิ่มเติมว่า จากสถิติโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ณ วันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศสะสม 55 วันแรก ตั้งแต่ 1 ก.ค.-24 ส.ค.2564 จำนวน 24,190 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 24,120 คัดกรองพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 70 คน และเมื่อดูยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันมีจำนวน 158 คน แบ่งเป็นในประเทศ 156 คน และต่างประเทศ 2 คน

ส่วนยอดจองที่พักโรงแรมในภูเก็ตที่ได้มาตรฐาน SHA+ ตลอดไตรมาส 3 นี้มี 427,972 คืน แบ่งเป็นเดือน ก.ค. 190,843 คืน เดือน ส.ค. 175,685 คืน และเดือน ก.ย. 61,444 คืน และเมื่อรวมยอดจองห้องพักในช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่เดือน ต.ค.2564-ก.พ.2565 อีกจำนวน 17,895 คืน ทำให้ในช่วงเดือน ก.ค.2564-ก.พ.2565 มียอดจองห้องพักในภูเก็ตรวม 445,867 คืน

หน้า: 1 ... 916 917 [918] 919 920 ... 928