แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Shopd2

หน้า: 1 ... 925 926 [927] 928 929 ... 933
16669


บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด(มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดตัวโครงการ “ Sustainability in Action ยั่งยืนได้ ด้วยมือเรา” รวมพลังพนักงานทั่วประเทศ มีส่วนร่วมดูแลสิ่งแวดล้อม นำร่องกิจกรรมปลูกต้นไม้ และ บริโภคอาหารอย่างรู้คุณค่า ไม่เหลือทิ้ง ลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และเดินหน้าสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ซีพีเอฟในฐานะบริษัทผลิตอาหารและเป็นผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ทำหน้าที่ดูแลความมั่นคงทางอาหารของประเทศ ร่วมสร้างความยั่งยืน โดยดำเนินธุรกิจใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการ“ Sustainability in Action ยั่งยืนได้ ด้วยมือเรา” เพื่อให้พนักงานทุกคนมีส่วนร่วมสร้างความยั่งยืนไปด้วยกัน ลงมือทำในระดับบุคคล ผ่านกิจกรรม “กล้าจากป่า พนาในเมือง” นำต้นไม้ไปปลูกที่บ้าน และ กิจกรรม “กินเกลี้ยง เลี้ยงโลก” บริโภคอาหารให้หมดจาน ไม่ให้เกิดขยะเหลือทิ้ง สอดรับตามนโยบายของเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่มีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals : SDGs)

"ซีพีเอฟมุ่งหวังว่าความร่วมมือของพนักงานในองค์กร จะเป็นพลังในการส่งต่อโครงการดีๆ จากภายในไปสู่ภายนอก เป็นต้นแบบที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดผลสำเร็จในระดับของภาคประชาชน เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ” นายประสิทธิ์ กล่าว


สำหรับกิจกรรม “กล้าจากป่า พนาในเมือง” (Forest in the City) เป็นโครงการระยะ 5 ปี ( ปี 2564-2568) ที่ส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมปลูกต้นไม้ 100,000 ต้น จากต้นกล้าที่เพาะโดยชุมชน เป็นการส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมรักษาป่า และเกิดการจ้างงานชุมชนในการเพาะกล้าพันธุ์ไม้ โดยบูรณาการกับโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าของซีพีเอฟ คือ โครงการ ซีพีเอฟ รักษ์นิเวศ ลุ่มน้ำป่าสัก เขาพระยาเดินธง จ.ลพบุรี และ โครงการ ซีพีเอฟ ปลูก ปัน ป้องป่าชายเลน ซึ่งมีทั้งไม้เศรษฐกิจ อาทิ พะยูง ยางนา พยอม มะค่าโมง แดง ตะเคียนทอง พฤกษ์ และไม้กระถางที่สามารถดักฝุ่น PM 2.5 อาทิ ลิ้นมังกร โกศลแผ่นดินทอง เสน่ห์จันทน์แดง ไทรใบสัก เป็นต้น

ส่วนกิจกรรม “กินเกลี้ยง...เลี้ยงโลก” (Empty Plate…Save the Planet) เป็นโครงการระยะ 5 ปี ที่มีเป้าหมายร่วมลดปริมาณขยะอาหาร 100,000 จาน หรือ 720 กิโลกรัม ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 18,200 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยโครงการฯจัดทำ เพจกินเกลี้ยง เลี้ยงโลก เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับขยะอาหารและการกำจัดอย่างถูกวิธี เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานในการลดปริมาณขยะอาหารและขยะสู่หลุมฝังกลบ

นายประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ซีพีเอฟตระหนักดีถึงการทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองที่ดีของประเทศ(Good Corporate Citizen) มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาใช้บริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดจนได้ประกาศความมุ่งมั่นไม่ตัดไม้ทำลายป่า มุ่งสู่เป้าหมายองค์กรคาร์บอนต่ำ สอดรับกลยุทธ์ความยั่งยืนปี 2030 และสนับสนุนเป้าหมาย SDGs 17 ประการ./

16670


เอพี - แม้เริ่มต้นตะกุกตะกัก แต่ตอนนี้จำนวนผู้เข้าโครงการฉีดวัคซีนโควิดของอียูแซงหน้าอเมริกาไปแล้ว ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อโครงการใบรับรองสุขภาพที่บังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีนทางอ้อมอาจช่วยให้ยุโรปรอดพ้นจากการระบาดระลอกใหม่ที่อเมริกากำลังเผชิญอยู่ และรอดพ้นจากการล็อกดาวน์ซึ่งเศรษฐกิจอียูไม่สามารถรองรับได้อีกต่อไป

กลางเดือนกุมภาพันธ์ ประชาชนไม่ถึง 4% ใน 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อยหนึ่งเข็ม เทียบกับเกือบ 12% ในอเมริกา ทั้งนี้ จากข้อมูลของอาวร์ เวิลด์ อิน ดาตา เว็บไซต์เผยแพร่ข่าวสารทางวิทยาศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด แต่ล่าสุด ชาวยุโรปราว 60% ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม เทียบกับไม่ถึง 58% ในอเมริกา

ความสำเร็จยิ่งชัดเจนในอิตาลีที่ประชาชนอายุ 12 ปีขึ้นไปถึงราว 63% ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากี ประกาศว่า อิตาลีฉีดวัคซีนให้ประชาชนต่อ 100 คนมากกว่าในฝรั่งเศส เยอรมนี และอเมริกา

นอกจากนั้น เมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) ประเทศนี้ยังเริ่มบังคับให้ประชาชนต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม หายป่วยหรือตรวจโควิดได้ผลเป็นลบเมื่อเร็วๆ นี้ หากต้องการเข้าสู่สถานที่สาธารณะในอาคาร ฟิตเนส ดูคอนเสิร์ต ภาพยนตร์ ละคร และไปเที่ยวสถานที่สำคัญ เช่น โคลอสเซียม

ดร.ปีเตอร์ ลีส สมาชิกรัฐสภายุโรปจากเยอรมนี บอกว่า กระบวนการอนุมัติวัคซีนที่ล่าช้าอาจทำให้โครงการฉีดวัคซีนของอียูคืบหน้าช้ากว่าอเมริกาและอังกฤษนานหลายสัปดาห์ในช่วงแรก แต่ตอนนี้กระบวนการดังกล่าวส่งผลดีอย่างชัดเจนในแง่ที่ทำให้ประชาชนมั่นใจและกล้าฉีดวัคซีน อีกทั้งสะท้อนว่า ไม่ใช่แค่ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนในช่วงไม่กี่เดือนแรกเท่านั้น แต่กลยุทธ์ระยะยาวก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน

ตัวอย่างยังปรากฏชัดเจนในสเปนที่เมื่อกลางเดือนเมษายนยังมีประชาชนแค่ 7% ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ขณะที่ตัวเลขของอเมริกาอยู่ที่เกือบ 25% แต่มาถึงตอนนี้ชาวสเปนเกือบ 60% ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ส่วนของอเมริกาเพิ่งได้ 50%

ความพยายามในการฉีดวัคซีนของอียูเริ่มต้นช่วงคริสต์มาสปีที่แล้วพร้อมๆ กับอเมริกา และมีปัญหาในการตอบสนองความต้องการของประชาชนในระยะแรก และกลายเป็นความอับอายทางการเมืองครั้งใหญ่สำหรับเจ้าหน้าที่ยุโรปเมื่อได้เห็นโครงการของอเมริกาและอังกฤษเร่งเครื่องทิ้งห่าง

จิโอวานนา เดอ ไมโญ นักวิชาการอาคันตุกะด้านวิเทศสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ชี้ว่า หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของอียูในช่วงแรกคือ การตัดสินใจสั่งซื้อวัคซีนแบบพร้อมกันทั้งกลุ่ม แทนที่จะให้แต่ละชาติสมาชิกสั่งซื้อกันเอง เนื่องจากกลัวว่า ประเทศขนาดเล็กจะไม่สามารถเข้าถึงวัคซีน แต่กลายเป็นว่า ต้องใช้เวลาเจรจากับบริษัทยานานขึ้น

ขณะเดียวกัน อเมริกาแจกจ่ายวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ด้วยการรีบเร่งตั้งศูนย์ฉีดวัคซีนขนาดใหญ่ อีกทั้งยังส่งวัคซีนให้ร้านขายยา ซูเปอร์มาร์เกต และสถานที่อื่นๆ จัดการฉีดให้ประชาชน ขณะที่อียูเน้นการฉีดในโรงพยาบาลและสถานพยาบาลอื่นๆ เท่านั้นในช่วงแรก

นอกจากนั้น ชาติสมาชิกอียูยังมั่นใจเกินไปว่า ผู้ผลิตจะจัดส่งวัคซีนให้ตามกำหนด ผลปรากฏว่า แอสตร้าเซนเนก้าผลิตไม่ทันและจัดส่งให้บางส่วนเท่านั้น ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีนตัวนี้ยังทำให้คนไม่กล้าฉีด แต่หลังจากได้วัคซีนไฟเซอร์ล็อตใหญ่ สถานการณ์ก็คลี่คลายอย่างชัดเจน

ในทางกลับกัน โครงการฉีดวัคซีนของอเมริกาคืบหน้าถึงขีดสุดและดิ่งลงจากความลังเลและการต่อต้านอันเป็นผลจากการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ และความแตกแยกทางการเมือง

ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม อเมริกาฉีดวัคซีนเฉลี่ยวันละไม่ถึง 600,000 โดส จากสถิติสูงสุด 3.4 ล้านโดสในเดือนเมษายน และการระบาดอย่างรุนแรงของสายพันธุ์เดลตาทำให้จำนวนเคสใหม่รายวันในเดือนที่ผ่านมาพุ่งสูงสุดนับจากเดือนกุมภาพันธ์ และผู้ป่วยอาการหนักส่วนใหญ่คือผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน

ถึงกระนั้น ใช่ว่าทุกอย่างในอียูราบรื่นทั้งหมด โดยเฉพาะปัญหาความเหลื่อมล้ำ ตัวอย่างเช่น ในเนเธอร์แลนด์นั้นประชากรวัยผู้ใหญ่ 85% ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 โดส แต่ที่บัลแกเรียตัวเลขอยู่ที่เพียงไม่ถึง 20% นอกจากนี้ยังปรากฏสัญญาณว่า โครงการฉีดวัคซีนของยุโรปเริ่มแผ่วลงเช่นกัน

ที่เยอรมนีที่ประชากร 54% ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ทว่า สถิติการฉีดวัคซีนต่อวันกลับลดจากกว่า 1 ล้านเข็มในเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ราว 500,000 เข็มในขณะนี้

เจ้าหน้าที่เมืองเบียร์ต้องเริ่มรณรงค์โดยเพิ่มสถานที่ฉีดวัคซีนในเมกะสโตร์ รวมทั้งออกมาตรการจูงใจ เช่น รัฐเทือริงเงินแจกไส้กรอก ขณะที่เบอร์ลินจัดดีเจเปิดเพลงในสถานที่ฉีดในช่วงสุดสัปดาห์เพื่อดึงดูดหนุ่มสาว

เดอ ไมโญเชื่อว่า โครงการใบรับรองสุขภาพแบบอิตาลีจะช่วยให้อียูไม่ต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับอเมริกาที่โควิดกลับมาระบาดหนัก เพราะเศรษฐกิจยุโรปไม่สามารถรองรับการล็อกดาวน์ได้อีกต่อไป

16671


รัฐบาลญี่ปุ่นเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ที่จะฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่ 3 ให้กับประชาชนในราวปีหน้า โดยได้สั่งจองวัคซีน “โนวาแวกซ์” และ “โมเดอนา” เตรียมไว้แล้ว

นายทาโร โคโนะ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องวัคซีนโควิดของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ได้เจรจาเพื่อสั่งจองวัคซีนโมเดอนาเพิ่มเติมอีก 50 ล้านโดส และวัคซีนโนวาแวกซ์ 150 ล้านโดส โดยจะส่งมอบในต้นปีหน้า

รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังติดตามตัวอย่างของประเทศต่าง ๆ ที่ฉีดวัคซีนกระตุ้นเพิ่มเติมให้ประชาชน เช่น อิสราเอลที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ส่วนเยอรมนี สวีเดน และอังกฤษก็เตรียมจะทำเช่นเดียวกันในราวเดือนกันยายน

รัฐบาลญี่ปุ่นจะตัดสินใจว่าจำเป็นต้องฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือไม่ โดยรวบรวมผลการทดลองทางคลินิกในต่างประเทศ ทั้งเรื่องกลุ่มคนที่จำเป็นต้องรับวัคซีนกระตุ้น และการใช้วัคซีนจากต่างบริษัทกับวัคซีนเข็มที่ 1 และ 2 ซึ่งในญี่ปุ่นใช้วัคซีนของไฟเซอร์ และโมเดอนาเป็นหลัก



ญี่ปุ่นเริ่มฉีดวัคซีนโควิดในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะนี้ผู้สูงอายุราว 80.0% ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว แต่คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับวัคซีน และเป็นกลุ่มที่ติดเชื้อมากที่สุดในขณะนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นคาดว่าจะสามารถฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มให้กับประชาชนทุกคนได้ภายในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ปีนี้ และกำลังติดตามผลข้างเคียงของวัคซีน รวมทั้งประสิทธิผลในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์

บริษัทโมเดอนาได้ระบุเมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่า วัคซีนของตนสามารถคงภูมิคุ้มกันได้ที่ระดับ 93% นาน 6 เดือนหลังฉีดเข็มที่ 2 พร้อมชี้ว่าอาจมีความจำป็นต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 เพื่อการปกป้องไวรัสกลายพันธุ์หลังจากที่ภูมิคุ้มกันลดน้อยลง

อย่างไรก็ตาม นายทีโดส อัดฮานอม กรีบีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO เรียกร้องให้ประเทศร่ำรวยต่าง ๆ ระงับโครงการฉีดวัคซีนกระตุ้นไว้ก่อนจนถึงสิ้นเดือนกันยายน เพราะผู้คนหลายล้านคนในประเทศกำลังพัฒนายังไม่ได้รับวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว.

16672


ระบบ 'Home isolation' ถูกนำมาใช้ได้ในระยะหนึ่ง มีการปรับหลักเกณฑ์ และระบบ เพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการรักษา รับยาให้ได้เร็วขึ้นเพื่อลดการเสียชีวิต เพิ่มคลินิกเอกชนร่วมดูแล และเพิ่มร้านขายยากระจาย 'Antigen Test Kit' ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น

ผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องรักษาตัวที่บ้าน การเตรียมระบบเพื่อรองรับผู้ป่วยในกลุ่มนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้มีผู้ป่วยที่หลุดจากระบบการรักษา และเสียชีวิตในบ้านอย่างที่เป็นมา การให้ยาได้เร็วที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งกรมการแพทย์ ได้ออกประกาศให้ยาฟิวิพิราเวียร์ให้เร็วที่สุดโดยไม่แบ่งว่าเป็นกลุ่มใด

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (3 ส.ค.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประชุมชี้แจงหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติเพื่อร่วมดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวที่บ้าน และการตรวจโควิดด้วยชุดตรวจ ATK (Antigen Test Kit) สำหรับคลินิกเอกชนทั่วประเทศเพื่อให้บริการในระบบ Home Isolation และ Community Isolation (HI/CI)

ประสานผู้ป่วยตกค้าง จัดส่งยา เข้าระบบ


โดยข้อมูลเมื่อวันที่ 6 ส.ค. พบว่าผู้ป่วยในระบบ Home Isolation มีประมาณ 6.3 หมื่นราย นำเข้าระบบแล้วราว 4 หมื่นราย ส่วนอีกประมาณ 2 หมื่นราย อยู่ระหว่างรอการตอบรับจากคลินิก ซึ่งมีคลินิกที่เข้ามาช่วยดูแล ผู้ป่วยโควิด-19 ในกรุงเทพมหานคร (กทม.) จำนวน 206 แห่ง

“นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี” เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่าผู้ป่วยราว 2 หมื่นรายที่ยังไม่มีคลินิกกดรับเข้าระบบ Home isolation ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ส.ค. 64 เหลืออยู่ราว 1.3 หมื่นราย จะทำการเคลียร์ให้เสร็จภายใน 1-2 วัน เบื้องต้น สปสช. ได้โทรสอบถามผู้ป่วยราว 2,000 ราย มีประมาณครึ่งหนึ่งที่เข้าระบบการรักษาไปแล้ว


เช่น ฮอสพิเทล หรือกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนา หากผู้ป่วยเริ่มมีอาการจะส่งยาไป กำลังประสานขอยาไปให้โดยไม่ต้องมีคลินิกกดรับก็ได้ จากเดิมต้องให้คลินิกรับ และให้คลินิกเป็นผู้ส่งยา แต่ตอนนี้ขอว่าหากไม่มีใครรับ เราเป็นคนโทรเองและส่งยาก่อน จนกว่าคลินิกจะกดรับ

ขณะที่กรมการแพทย์ ได้ออกหนังสือมาให้ว่าต่อจากนี้ระหว่างรอสามารถให้ยาก่อนได้ สปสช. มีคอลเซ็นเตอร์ขณะนี้เพิ่มคู่สายเป็น 3,000 คู่สาย และเพิ่มคนรับโทรศัพท์ 800 กว่าคน มีอาสาสมัครมาช่วยเพิ่มเติมในการตามผู้ป่วยที่ค้างอยู่ ธนาคารออมสิน จะส่งมอเตอร์ไซค์เดลิเวอร์รี่ มาช่วยอีกแรง

คลินิกเอกชน ร้านยา เข้าร่วมดูแลผู้ป่วย กระจายชุดตรวจ
นพ.จเด็จ กล่าวว่า สปสช.ให้องค์การเภสัชกรรมจัดหา ATK จำนวน 8.5 ล้านชุดไว้สำหรับใช้ทั่วประเทศใน 1-2 เดือนตอนนี้จึงเตรียมกระบวนการกระจาย ต้องย้ำว่า ATK ให้ประชาชนตรวจเองไม่คิดมูลค่า คนละส่วนกับที่กระจายให้หน่วยบริการตรวจ”

ขณะนี้ มีคลินิกเอกชนที่สนใจเข้าร่วมเพิ่มเติม 23 แห่ง และมีแอพพลิเคชั่นที่ปรึกษาผู้ป่วย 1 แห่ง มีร้านยาที่สนใจเข้ามาเป็นหน่วยกระจาย ATK จำนวน 170 แห่ง เพิ่มเติมจากที่มี 200 แห่ง และมีศูนย์ที่จะช่วยตรวจ ATK ประมาณ 50 แห่ง ในพื้นที่ กทม.ในอนาคตอาจจะมีการพิสูจน์ตัวตนผ่านแอพฯ เป๋าตังค์ รวมถึงส่ง ATK ทางไปรษณีย์ เพราะคนป่วย หรือญาติอาจจะไม่สะดวกเดินทางมารับที่คลินิก กำลังพิจารณาว่าคนหนึ่งอาจจะต้องตรวจ 3-4 ชิ้น ใน 14 วัน

ตรียมระบบส่งต่อ ผู้ป่วย ATK ผลบวก
สำหรับร้านยาที่กระจาย ATK ต้องมีข้อแนะนำ หากผู้ป่วยเจอผลบวกต้องทำอย่างไร เช่น โทรมาที่ร้าน ส่งต่อไปคลินิก หรือ แนะนำการเข้าระบบผ่าน สปสช. หากผลบวกไม่มีอาการสามารถรักษาที่บ้านได้ หรือขอยาที่ร้านขายยาได้ จะง่ายขึ้น เพราะฉะนั้น โมเดลนี้กำลังพยายามดูว่าใช้ได้หรือไม่ หากอาหารหนักต้องมีระบบไปดูแล ขณะนี้ยอดผู้ป่วยกลับภูมิลำเนาตัวเลขรวมทุกภาคส่วนกว่าแสนคน ประสานผ่านสปสช. เฉลี่ยวันละประมาณ 600- 700 ราย

เล็งจัดระบบส่งอาหารผู้ป่วย HI
นพ.จเด็จ กล่าวว่าปัจจุบันมีผู้ป่วยจำนวนมากขึ้น สปสช.พยายามพัฒนาระบบการทำ Home isolation แต่มีข้อจำกัดเรื่องอาหาร หากได้ร้านอาหารที่ตอนนี้เปิดหน้าร้านไม่ได้ มาช่วยส่งอาหารเดลิเวอร์รี่จะถือว่าดีมาก เป็นการสร้างงานให้กับร้านอาหารอีกทางหนึ่ง เพราะการจัดระบบหากมีกลไกกลางมาเข้าร่วมน่าจะเป็นเรื่องที่ดี เช่น สมาคมภัตตาคารไทย มาจัดระบบได้อย่างนั้นจะดีมาก

“ตอนนี้หากมีผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร มาช่วยเรื่องอาหาร ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์มาช่วยเรื่องอุปกรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ก็ทำด้านการแพทย์ จะดีใจมาก ซึ่งหากมีภาคส่วนใดสนใจ ไม่ต้องเปิดหน้าร้านก็ได้ เพียงแค่มีเดลิเวอร์รี่วิ่งไปส่งผู้ป่วย เชื่อว่าสามารถทำได้ เพราะ สปสช. มีงบประมาณอยู่แล้ว จะทำให้การดูแลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพขึ้น” เลขาธิการ สปสช. กล่าว

จัดหา ฟาวิพิราเวียร์ สำรอง
สำหรับแผนการจัดหายา ฟาวิพิราเวียร์ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ครั้งที 9/2564 เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 2564 มีมติเห็นชอบให้เพิ่มรายการยาฟาวิพิราเวียร์ในแผนการจัดหา เพื่อให้เครือข่ายหน่วยบริการด้านยาและเวชภัณฑ์จัดหาเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วนในปี 2564 จำนวนไม่เกิน 27 ล้านเม็ด วงเงินไม่เกิน 891 ล้านบาท จากงบค่าบริการโควิด-19 และต่อเนื่องไปปี 2565 รองรับกรณีหน่วยบริการไม่สามารถหายาฟาวิพิราเวียร์ได้เพียงพอ ซึ่ง ครม.อนุมัติงบดำเนินการมา 13,026 ล้านบาท

“เดิมป่วยเราต้องไปเข้า รพ. ฮอสพิเทล รพ.สนาม วันนี้ต้องใช้วิธี Home isolation ขณะนี้เริ่มมีหลายคนที่สมัครใจอยู่บ้าน ขอเอายา โดยเฉพาะคนที่อายุไม่มากเป็นนิมิตรหมายที่ดีว่ากลุ่มที่ไม่เสี่ยงก็สามารถรักษาที่บ้านได้ แทนที่จะไปอยู่ฮอสพิเทล เพราะมีแพทย์ มียา อาหาร แต่ต้องสร้างความมั่นใจว่า หากมีอาการเปลี่ยนแปลง เราพร้อมจะรับเข้าสู่ระบบ”

อย่างไรก็ตามการรับมือกับสถานการณ์ต้องประเมินทุกๆ มาตรการ หาก 2 เดือนแล้วยังไม่สงบ ก็ต้องวางมาตรการเพิ่ม เมื่อผู้ป่วยเยอะขึ้น ต้องยอมรับว่าบริการสาธารณสุข รองรับไม่ไหว รัฐบาลต้องเข้าไปสนับสนุนประชาชนที่ต้องดูแลตัวเองที่บ้าน


สำรองฟาวิพิราเวียร์ 400 ล้านเม็ด
องค์การเภสัชกรรม (จีพีโอ) ปรับแผนเพิ่มการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ รองรับการรักษาที่จ่ายยาเร็วขึ้น เดือนสิงหาคม-กันยายน 2 เดือน 120 ล้านเม็ด ตุลาคม-ธันวาคม 300 ล้านเม็ด และทยอยกระจายสู่หน่วยบริการแม่ข่ายตามการจัดสรรของศูนย์ PHEOC อย่างต่อเนื่อง

“นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์” ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า องค์การฯได้ทำการปรับแผนการสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ เพื่อรองรับการปรับเกณฑ์แนวทางการรักษาใหม่เพื่อจ่ายยาให้ผู้ป่วยเร็วขึ้น ได้อย่างเพียงพอและต่อเนื่อง โดยจะมีการเพิ่มการสำรองทั้งจากยาที่องค์การฯผลิตเองและจัดหาจากต่างประเทศ โดยเดือนสิงหาคม-กันยายน รวม 2 เดือน จำนวน 120 ล้านเม็ด และเดือนตุลาคม-ธันวาคม เพิ่มอีกเดือนละ100 ล้านเม็ด รวมจำนวน 300 ล้านเม็ด

โดยทั้งนี้จะมีติดตามและประเมินสถานการณ์ความต้องการใช้ใกล้ชิด เพื่อทำการปรับแผนการสำรองให้ทั้งการผลิตเองและจัดหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของการระบาดของโรค โควิด-19 ซึ่งจำนวนยาทั้งหมดในข้างต้นจะมีการทยอยผลิตเองและจัดหาเข้ามาสำรองอย่างต่อเนื่อง


เตรียมยาแรมเดซิเวีย 2 แสนขวด
นอกจากนี้ ในเดือนสิงหาคมได้จัดหา ยาแรมเดซิเวีย (Remdesivir) เป็น 2 แสนขวด และจะพิจารณาจัดหาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เพียงพอตามเกณฑ์การรักษาใหม่ โดยยาเรมเดซิเวียร์นั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาฉีดให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด ที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ ผู้มีปัญหาในการดูดซึมยา ผู้ป่วยที่มีอาการปอดบวมอย่างรุนแรง ผู้ป่วยที่ไม่สามารถใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ได้

ทั้งนี้ ยาฟาวิพิราเวียร์ ทั้งหมดจะมีจัดสรรให้กับหน่วยบริการหรือโรงพยาบาลแม่ข่ายต่างๆ ตามการบริหารจัดการของศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) โดยกลุ่มภารกิจสำรองเวชภัณฑ์และส่งกำลังบำรุง ผ่านระบบการบริหารคลังสินค้า หรือ VMI (Vender Management Inventory) ขององค์การเภสัชกรรม และองค์การฯเป็นผู้ดำเนินการจัดส่งกระจายตามการจัดสรรให้กับหน่วยบริการแม่ข่ายในแต่ละพื้นที่ ซึ่งหลังจากนั้น หน่วยงานแม่ข่ายจะทำการบริหารจัดการและกระจายให้แก่หน่วยบริการลูกข่ายในแต่ละพื้นที่ต่อไป

16673


        เงินในกระเป๋าสั่นเลยทีเดียว เมื่อทางค่าย LG ออกทีวีรุ่นใหม่มากรุบๆ ชื่อรุ่นว่า "LG Stand By Me" ตอบโจทย์สายมินิมอลสุด ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายไปไว้ส่วนต่างๆของบ้านได้ไม่ว่าจะเป็นในครัว ห้องนั่งเลย ห้องนอน เพราะตัวนี้มีล้อเลื่อนได้



        สาวก TikTok น่าจะชอบตรงที่จอสามารถปรับหมุนเป็นแนวตั้งได้เลยทันทีดีงามมาก แถมหน้าจอขนาด 27 นิ้ว  เป็นแบบทัชสกรีน หากลากเครื่องนี้ไปอยู่ในครัวขณะทำอาหาร จะเปิดดูวิธีการทำอาหารจากยูทูปก็ย่อมได้  แต่เด็ดสุดๆ ตรงที่ทีวีเครื่องนี้ สามารถใช้แบบไร้สายได้เลยไม่ต้องยุ่งยากเสียบปลั๊กต่างๆ นาๆ เพราะมีแบตเตอรี่ในตัวเสร็จสรรพ ที่ใช้งานได้นาน 3 ชั่วโมง



บอกสรรพคุณมาขนาดนี้ ราคาน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่ตัดสินใจว่าจะฟาดซื้อดีไหม  อดใจไว้ก่อนเพราะทางเกาหลียังไม่บอกราคาแบบเป็นทางการออกมา ที่เกาหลีจะเปิดตัวทีวีรุ่น "LG Stand By Me" เร็วๆ นี้

ระหว่างนี้เข้าไปชมพลางๆ ได้ที่เวปนี้
https:// www.lge.co.kr/tvs/27art10akpl?fbclid=IwAR3-g5oeez6uuOBo9d3OrU3V0fk5SNAepecV6VRdCGQw-TdwL4dUo4j99Z8

16674


อิบรอฮีม เราะอีซี ประธานาธิบดีที่เพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของอิหร่าน เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่พัฒนาในประเทศ เมื่อวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) ในขณะที่อิหร่านกำลังเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ยอดผู้ติดเชื้อรายวันทุบสถิติสูงสุดและมีผูู้เสียชีวิตรายใหม่กว่า 500 ราย

ประธานาธิบดีฉีดวัคซีนเข็มแรกวัคซีนซีโอวีอิหร่าน บารากัต (COVIran Barakat) หนึ่งใน 2 วัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ผลิตในท้องถิ่น เมื่อวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น พร้อมกับแชร์ภาพที่ผู้นำรายนี้ที่เพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กำลังเข้ารับการฉีดวัคซีน

ขณะเดียวกัน โมฮัมหมัด บาเกอร์ กาลิบาฟ ประธานรัฐสภาก็เข้ารับการฉีดวัคซีนเคียงข้างประธานาธิบดีเช่นกัน

การฉีดวัคซีนของบุคคลระดับผู้นำ มีขึ้นในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยในวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอิหร่านรายงานพบผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มอีก 542 ราย สูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ทุบสถิติเดิมที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนเมษายน ครั้งที่ประเทศแห่งนี้กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอกก่อนหน้า

จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ก็ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่เช่นกัน แตะระดับเกือบๆ 40,000 คน

นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น อิหร่านมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมแล้วมากกว่า 4.1 ล้านคน ในนั้นมากกว่า 94,000 คนเสียชีวิต ส่งผลให้พวกเขาติดอันดับ 1 ใน 15 ชาติที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เลวร้ายที่สุดในโลก ขณะเดียวกัน อิหร่านยังเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย

ระลอกการแพร่ระบาดในปัจจุบันรุมล้อมอิหร่านมาตั้งแต่เดือนมกราคม และกลายเป็นระลอกการแพร่ระบาดเลวร้ายที่สุดในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม ทั้งนี้เชื่อกันว่าการแพร่ระบาดหนักหน่วงของระลอกนี้มีความเชื่อมโยงกับตัวกลายพันธุ์เดลตา ที่แพร่เชื้อได้ง่ายมากและพบครั้งแรกในอินเดียในช่วงปลายปี 2020 ก่อนแพร่ระบาดลุกลามไปทั่วโลก

ปัจจุบันเจ้าหน้าที่อิหร่านอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินวัคซีนผลิตเองภายในประเทศ 2 ตัว แต่มีการผลิตเป็นจำนวนมากเพียงตัวเดียว ซึ่งก็คือซีโอวีอิหร่าน บารากัต แต่ยังไม่เพียงพอ

ส่วนวัคซีนอื่นๆที่ใช้ในอิหร่าน ประกอบด้วยสปุตนิค วี ของรัสเซีย ชิโนฟาร์มของจีน ภารัตของอินเดียและแอสตร้าเซนเนก้า/มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด อ้างอิงจากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขอิหร่าน

(ที่มา : รัสเซียทูเดย์)

16675
หัวขับวาล์ว Sirca ทุกรุ่นปกติจะเป็นแบบ double acting actuator หรือทำงานด้วย ไป/กลับ ด้วยลม ถ้าเกิดพวกเราต้องการใช้งานแบบ single acting actuator เราสามารถใส่สปริงเข้าไปที่หัวขับได้เลยครับผม โดยสปริงจะเป็นแท่งเล็กๆต่อ 1 ข้างจะสามารถใส่สปริงได้ 1-6 ชิ้นแล้วแต่รุ่น

หัวขับsirca เป็นหัวขับลมคุณภาพสูงจากประเทศ อิตาลี หัวขับลมยี่ห้อ เซอร์ก้า เป็นที่นิยมมากมายในประเทศไทย body aluminium anodize สีทองงดงาม ในรูปจะประกอบกับ limit switch box valve position indicator 2SPDT เป็นแบบ dry contact 2 ชุดนะครับนำสัญญาณไปต่อใช้งานได้เลยครับผม





หัวขับลม sirca นี้มี 2 รุ่น คือ รุ่น AP แล้วก็ รุ่น APM

AP series ที่มีการปรับเพียงครั้งเดียว อนุญาตให้ปรับจังหวะของลูกสูบในตำแหน่งเปิดได้ 90° ± 3° แค่นั้น

ส่วน APM series ที่มีการปรับสองครั้งช่วยทำให้ปรับจังหวะของลูกสูบสำหรับเพื่อการปิดรวมทั้งเปิดได้ ± 5°

การออกแบบชั้นวางลูกสูบคู่และก็ปีกนกสำหรับโครงสร้างที่กะทัดรัด ลูกสูบติดตั้งแบบสมมาตร ดีไซน์กะทัดรัดชิ้นเดียวที่มีตัวกล้องรวมทั้งฝาปิดเหมือนกันสำหรับรุ่น Double Acting รวมทั้ง Spring Return

ตัวอลูมิเนียมอัดขึ้นรูป มีให้เลือกป้องกันการกัดกร่อนสองแบบ ได้แก่ ชุบทองหรือชุบแข็ง ตัวเครื่องทั้งหมดถูกกลึงด้วยเครื่องจักรที่ควบคุมด้วย CNC เพื่อได้คุณภาพแล้วก็ความแม่นยำสูงสุด

ฝาท้ายแล้วก็ลูกสูบทำมาจากอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป ฝาด้านหลังถูกทาสี

ปีกนกทำมาจากโลหะผสมเหล็กชุบนิกเกิล ระบบป้องกันการระเบิดจะป้องกันไม่ให้ก้านหลุดออกจากตัวหัวขับลม

ส่วนประกอบที่เคลื่อนที่ทั้งหมดมีวงแหวนหรือตลับลูกปืนกันการเสียดสีพิเศษ

สปริงทั้งหมดถูกทำขึ้นด้วยระบบห่อหุ้มเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุระหว่างขั้นตอนถอดประกอบของหัวขับลม

ตัวยึดสแตนเลสด้านในและก็ข้างนอกเพื่อความทนทานต่อการกัดกร่อนในระยะยาว





สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านเทคนิค:
ISO 5211, DIN3337 และ VDI / VDE 3845 NAMUR
สำหรับความสามารถในการเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์แล้วก็การติดตั้งโซลินอยด์วาล์ว ลิมิตสวิตช์ และก็อุปกรณ์เสริมอื่นๆได้ง่าย
ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมอาหาร โรงงานเคมี โรงงานฟอกย้อม โรงงานพลาสติก โรงงานน้ำดื่ม น้ำผลไม้ โรงงานยาง อยู่ในส่วนของการเปิดปิดวาล์วน้ำในโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆเป็นระบบออโต้ ลดแรงงานคนได้

หัวขับลม sirca มีรับประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ แล้วก็บริการหลังการขาย มีชิ้นส่วนอะไหล่ให้เปลี่ยนอยู่หลายส่วนเป็นต้นว่า โอริงสำหรับหัวขับลม ฝาหัวด้านหลังสำหรับหัวขับลม สปริงสำหรับหัวขับลม และก็ rack and pinion

สามารถเอามาประกอบ.วาล์วได้อีกหลายรุ่น ตัวอย่างเช่น .วาล์ว2ทาง .วาล์ว 3ทาง .วาล์วหน้าแปลน และก็.วาล์วยูพีวีซี นอกเหนือจากนี้ยังสามารถประกอบกับวาล์วปีกผีเสื้อ (บัตเตอร์ฟลายวาล์ว butterfly valve) ทั้งแบบ wafer type แล้วก็ rug type และก็แบบ flange type.



 
 

16676


ในฐานะแชมป์เอฟเอ คัพ ดวลกับ "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีก ลงเตะกันที่สนามเวมบลีย์ สเตเดียม กรุงลอนดอน

ในเกมนี้ เลสเตอร์จัดตัวแบบเอาจริง นำโดยตัวหลักอย่าง "เจมี วาร์ดี" "เจมส์ แมดดิสัน" "อโยเซ เปเรซ" "ยูริ ตีเลอมองส์" และ "ฮาร์วีย์ บาร์นส" ส่วน แมนฯ ซิตี จัดตัวผสมตัวจริงกับสำรอง นำโดย "เฟร์รัน ตอร์เรส" "ริยาด มาห์เรซ" "อิลคาย กุนโดกัน" และใช้ "แซก สเตฟเฟน" เฝ้าเสาประตู

รูปเกมส่วนใหญ่ ทั้งสองทีมเน้นความแน่นอน ไม่มีฝ่ายไหนเปิดเกมบุกเต็มตัว โดยเรือใบสีฟ้าเป็นฝ่ายครอง.ได้ส่วนใหญ่และมีโอกาสทำประตูมากกว่า แต่ส่วนใหญ่ไม่เข้าเป้า ขณะที่เลสเตอร์แม้โอกาสยิงน้อยกว่าแต่ส่องเข้ากรอบแบบได้ลุ้นกว่า


นาที 65 ถึงเวลาที่แฟน.ซิตีรอคอย เมื่อ แจ็ค กรีลิช นักเตะใหม่ที่ย้ายจาก แอสตัน วิลลา ด้วยสถิติค่าตัวสูงสุดในสหราชอาณาจักร 100 ล้านปอนด์ ได้ลงสนามมาแทน ซามูเอล เอโดซี


- แจ็ค กรีลิช ในยูนิฟอร์มแมนฯ ซิตี ลงสนามเป็นตัวสำรอง -


นาที 87 นาธาน อาเก เล่นพลาดหน้าประตูตัวเองเปิดช่องให้ เคเลชี อิเฮียนาโช เข้าปะทะ แล้ว.ไหลมาให้ แพตสัน ดากา โฉบเข้ายิงติดเซฟ แซก สเตฟเฟน

อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสินตัดสินใจเป่าฟาวล์ย้อนหลังจังหวะที่อาเกปะทะอิเฮียนาโช และให้จุดโทษแก่เลสเตอร์


จากนั้น อิเฮียนาโช รับหน้าที่สังหารไม่พลาด และกลายเป็นประตูชัยให้เลสเตอร์เฉือนชนะไป 1-0 ทำให้ทัพจิ้งจอกคว้าแชมป์รายการการกุศลนี้เป็นสมัยที่ 2 ต่อจากเมื่อปี 1978 ส่วนแมนฯ ซิตี ยังอยู่ที่ 6 สมัยต่อไป

16678


"ธปท."เผบผลโพล"BSI COVID" ชี้ไทย"ล็อกดาวน์"เข้มทำธุรกิจฟื้นช้า เผยความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกดิ่งเหวเหลือแค่ 16.4 ต่ำกว่า เม.ย.63 คาดคนใช้ชีวิตได้ปกตินในไตรมาสที่ 1 ของปี 65

เมื่อวันที่ 5 ส.ค.64 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยผลสำรวจเรื่องผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจไทย (BSI COVID) เดือนกรกฎาคม 2564 พบว่า ระดับการฟื้นตัวของธุรกิจในภาพรวมปรับลดลงจากเดือนก่อนในทุกภาคธุรกิจ ตามการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศในวงกว้าง และผลของมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่กลับมาเข้มงวดอีกครั้ง โดยเฉพาะภาคก่อสร้างจากคำสั่งปิดแคมป์คนงานเช่นเดียวกับภาคท่องเที่ยวและภาคการค้า ที่ได้รับผลกระทบจากการจำกัดการเดินทาง การปรับเวลาให้บริการ และห้ามนั่งรับประทานในร้าน ขณะที่ภาคการผลิตยังคงถูกกดดันจากการติดเชื้อเป็นคลัสเตอร์ในโรงงาน ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ ปัญหาการนำเข้าผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ตลอดจนการปิดโรงงานของคู่ค้าที่เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน

สำหรับการจ้างงานค่อนข้างทรงตัวทั้งด้านจำนวนแรงงาน และรายได้เฉลี่ย ยกเว้นการจ้างงานในภาคท่องเที่ยวที่ลดลงตามการปิดกิจการชั่วคราว และภาคก่อสร้างที่ปรับลดลงตามกิจกรรมที่หยุดชะงักหลังมีคำสั่งปิดแคมป์ ส่งผลให้แรงงานบางส่วนเคลื่อนย้ายกลับภูมิลำเนา โดยธุรกิจในภาพรวมมีการใช้นโยบายสลับกันมาทำงาน และลดชั่วโมงทำงานเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ขณะที่ธุรกิจบางส่วนเริ่มกลับมาใช้นโยบายลดเงินเดือนเพิ่มเติม โดยเฉพาะภาคที่มิใช่การผลิต

ขณะที่ ในด้านสภาพคล่อง พบว่าธุรกิจส่วนใหญ่มีสภาพคล่องสำรองใกล้เคียงกับเดือนก่อน แต่เริ่มเห็นบางธุรกิจมีสภาพคล่องลดลง โดยเฉพาะภาคท่องเที่ยว และภาคก่อสร้างที่มีสัดส่วนของธุรกิจที่สภาพคล่องไม่เกิน 3 เดือนเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการฟื้นตัวของธุรกิจที่ปรับแย่ลง

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ประเมินว่า ประชาชนจะเริ่มออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านและท่องเที่ยวตามปกติได้ เมื่อมีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่น้อยกว่า 50 รายต่อวัน และเกิดได้ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 ขณะที่บางส่วนมองว่า การเร่งฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพเพียงพอและทั่วถึงเป็นปัจจัยสำคัญมากกว่า

นอกจากนี้ ธปท.ยังเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retailer Sentiment Index: RSI) ว่าความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีกปรับลดลงมากทั้งภาวะปัจจุบันและอีก 3 เดือนข้างหน้า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้น มาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวดและแผนการกระจายวัคซีนไม่ชัดเจน ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นฯ อยู่ต่ำกว่าเดือน เม.ย.2563 ที่มีการประกาศล็อกดาวน์ครั้งแรกในทุกมิติ

ADVERTISEMENT


โดยดัชนี RSI เดือน ก.ค.และแนวโน้มอีก 3 เดือนข้างหน้า (ส.ค.-ต.ค.) ปรับลดลงมาก และต่ำกว่าเดือน เม.ย.2563 อยู่ที่ 16.4 และ 27.6 ที่มีการการประกาศล็อกดาวน์ครั้งแรกจากการแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้น และมาตรการควบคุมโรคที่เข้มงวด ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้ของผู้ประกอบการค้าปลีก ขณะที่แผนการกระจายวัคซีนที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายและประสิทธิภาพของวัคซีน ซ้ำเติมความเปราะบางของความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ

ความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิมปรับลดลงในทุกภาค ตามสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ทวีความรุนแรงขึ้นในทุกพื้นที่ เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้าที่ปรับลดลง สะท้อนภาวะความยืดเยื้อของสถานการณ์ ความเชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่จะแย่ลงกว่าเดิม รวมถึงความล่าช้าของการจัดการวัคซึน

ขณะที่ ความเชื่อมั่นทุกประเภทร้านค้าในภาวะปัจจุบันปรับลดลงมากจากเดือนก่อน โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า และร้านอาหารที่ถูกกระทบโดยตรงจากมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวด

ส่วนความเชื่อมั่นต่อยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ยอดใช้จ่ายต่อใบเสร็จ (Spending per bill และความถี่ของผู้ใช้บริการ (Frequency) ปรับลดลงมากจากเดือนก่อนและต่ำกว่าช่วงการล็อกดาวน์ครั้งแรก ซึ่งเป็นผลจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวด งดการเดินทาง และลดเวลาเปิดทำการของร้านค้า

นอกจากนี้ พบว่าจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรง ผู้ประกอบการ 90% ประเมินว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคปรับลดลงมากจากเดือนก่อน และไม่เห็นพฤติกรรมเร่งกักตุน แม้จะมีการสั่งปิดห้างฯ และประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวสู่ระดับปกติเลื่อนออกไปเป็นปี 2566 ล่าช้ากว่าที่เคยประเมินไว้อีก 1 ปี

ขณะที่ การประเมินแนวโน้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากผู้ประกอบการ 61% คาดว่ายอดขายจะลดลงมากกว่า 25% จากการเคอร์ฟิว 53% มีสภาพคล่องไม่เกิน 6 เดือน และ 42% คาดการบริโภคภาคเอกชนไตรมาส 3 ปี 2564 จะกดตัวอย่างน้อย 10% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

16679


นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังคงมีการแพร่ระบาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การขับเคลื่อนธุรกิจเวลานี้ ดีเวลลอปเปอร์ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือการรักษาสภาพคล่อง เพราะหากขาดสภาพคล่อง นั่นหมายถึง หนี้เสีย หรือ NPL (Non-performing Loan) ทันทีเมื่อไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ย เท่ากับเป็นการทำลายอนาคตของดีเวลลอปเปอร์นั้นๆ ฉะนั้นควรเตรียม “กระสุน” หรือสภาพคล่องให้เพียงพอ รองรับสถานการณ์แพร่ระบาดของไวัสโควิด และมาตรการล็อกดาวน์ที่อาจยืดเยื้อ

ขณะที่ การพัฒนาโครงการแต่ละโครงการจะต้องไปได้ด้วยตนเอง หากเปิดตัวโครงการแล้ว “ขายไม่ได้” จะกลายเป็นตัวฉุดรั้งโครงการอื่นทำให้การบริหารจัดการมีปัญหาตามมา ดังนั้น หากไม่มั่นใจว่าสามารถขายได้จริง อย่ารีบร้อนเปิดตัวโครงการใหม่

พร้อมกันนี้ ต้องเตรียมตัวหาเงินลงทุนใหม่ด้วยการออกหุ้นกู้ใหม่ จากก่อนหน้านี้ออกตราสารหนี้ และทยอยคืนแล้ว จึงต้องหาแหล่งทุน จากสถาบันการเงินต่างๆ

สำหรับ การนำสต็อกบ้านสำเร็จรูปมาทำไฟแนนซ์สต็อกเพื่อนำเงินส่วนนี้มาเป็นเงินทุนหมุนเวียนจะทำให้สภาพคล่องค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องจะดีหรือไม่ดี อยู่ที่จุดเริ่มต้นว่า เงินกู้จำนวนเท่าไร มากแค่ไหน หรือที่เรียกว่า อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Debt to Equity ratio) หรือ D/E ratio ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไม่ควรเกิน 2ต่อ1 บริษัทไหนกู้มากจะมีภาระดอกเบี้ยสูงทุนน้อย บริษัทที่มี D/E ratio น้อยแปลว่าทุนเยอะ ก็จะสามารถฟันผ่าอุปสรรคไปได้

“แนวทางการพัฒนาโครงการปัจจุบัน จะต้องมีการเซอร์เวย์เพื่อสร้างความมั่นใจว่าวิเคราะห์มาอย่างดี เปิดขึ้นมาแล้วขายได้ ไปรอด แต่ถ้าลองทำพรีเซลแล้วขายไม่ได้ก็ต้องปล่อย โดยเฉพาะตึกสูงถ้าเปิดมาแล้วขายไม่ได้ก็ต้องชะลอโครงการไปก่อน เพราะขายได้น้อยกว่าจุดค้มทุนไม่จำเป็นต้องทูซี้ขาย รอจังหวะดีแล้วค่อยเดินหน้าต่อ”


สิ่งสำคัญถัดมา ต้องรักษาความสัมพันธ์กับสถาบันการเงินและคู่ค้าให้ดี หากสถาบันการเงินมีความเชื่อมั่นจะได้รับสินเชื่ออย่างต่อเนื่องสามารถประคับประคองธุรกิจร่วมกันได้ ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งล้มย่อมกระทบสถาบันการเงิน เพราะเกิดหนี้เสีย ดังนั้น บริษัทต้องวางแผนให้รัดกุมไม่ให้เกิดต้นทุนโครงการบานปลาย (cost overrun) ในบริษัทที่มีมาตรฐานน่าเชื่อถือ มีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง

“ในวิกฤตินี้ผู้ประกอบการที่แข็งแรงจึงสามารถอยู่รอดได้ ซึ่งเป็นผลมาจากพื้นฐานการเงินที่มั่นคง ความสามารถในการบริหารจัดการที่ดี ขณะที่คู่แข่งต้องชะลอโครงการ เพราะขาดความพร้อม”

นายชาติชาย กล่าวต่อว่า ภาครัฐต้องวางนโยบายช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังเปิดแคมป์ก่อสร้างเพื่อให้ตลาดฟื้นตัวเร็วขึ้น อาทิ ขยายเวลามาตรการลดค่าธรรมเนียมโอน ค่าจดจำนองสำหรับผู้ซื้อบ้าน ปัจจุบันอยู่ในช่วงที่ลดค่าธรรมเนียมซึ่งมีอายุมาตรการถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 เป็นการช่วยผู้ประกอบการและผู้ซื้อในระดับหนึ่ง

นอกจากนี้ ควรมีมาตรการกระตุ้นอื่นๆ อาทิ ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ การเอายอดเงินผ่อนชำระค่างวดไปลดหย่อนภาษี หรือการผ่อนปรนมาตรการแอลทีวี เพื่อให้ลูกค้าใช้เงินน้อยลงในการซื้อที่อยู่อาศัยที่เป็นบ้านหลังแรกไม่ใช่การซื้อเพื่อเก็งกำไร หรือให้เงินอุดหนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟท์โลน เพื่อกระตุ้นตลาด

ทั้งนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวเนื่องหลายภาคส่วนสร้างการเติบโตหลายธุรกิจ เช่น อุตสาหกรรมต้นน้ำอย่าง อิฐ หิน ปูน ทราย เฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งแรงงาน ล้วนเป็นฟันเฟืองเศรษฐกิจ และวาระเร่งด่วน รัฐบาลต้องจัดหาและเร่งการฉีดวัคซีนให้ประชาชนโดยเร็วที่สุดเพื่อช่วยทำให้การติดเชื้อน้อยลง ลดการใช้มาตรการล็อกดาวน์ จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้เร็ว หาก “ช้า” ปัญหาต่างๆ จะยืดเยื้อต่อไป

16680


ขอเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือกับสถานการณ์วิกฤตครั้งนี้ สำหรับคู่รักมาราธอนอย่างหนุ่ม "แดน วรเวช ดานุวงศ์" กับแฟนสาว "แพตตี้ อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา" ที่ล่าสุดทั้งคู่ก็ขอส่งต่อกำลังใจเล็กๆ ผ่านถุงยังชีพให้ผู้ที่เดือดร้อน

โดยสาว "แพทตี้" ได้โพสต์ภาพคู่ "แดน" ที่รายล้อมไปด้วยถุงยังชีพสีชมพูและสีฟ้า พร้อมแคปชั่น "ถุงยังชีพ ep3 แพคเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจเล็กๆจากอังนะคะ

และขอขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ร่วมสนับสนุนด้วยนะคะ ขอบคุณชวนป๋วยปี่แปกอ ขอบคุณโรซ่า ขอบคุณไมโล ขอบคุณข้าวแสนดี ขอบคุณยาสีฟันเทพไทย ขอบคุณถุงผ้าเพิ่มพูนอินเตอร์เทรด ด้วยการบริจาค"

16681


นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า ในวันที่ 5 ส.ค.2564 บริษัทฯ ในฐานะผู้ทำคำเสนอซื้อในการเข้าทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือทั้งหมดของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ได้ยื่นแบบรายงานผลการซื้อหลักทรัพย์ของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (แบบ 256-2) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้ว

ตามที่ บริษัทฯ ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขก่อนการทำคำเสนอซื้อ (Conditional Voluntary Tender Offer) ของ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 2,599,720,233 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 81.07 ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของกิจการ และคิดเป็น 81.07% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ (ไม่รวมหุ้นสามัญของกิจการที่ผู้ทำคำเสนอซื้อถืออยู่เป็นจำนวน 606,878,314 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 18.93% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการ) โดยมีกำหนดระยะเวลาการรับซื้อทั้งสิ้น 25 วันทำการ ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. - 4 ส.ค.2564 นั้น

เพื่อให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 12/2554 เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ ลงวันที่ 13 พ.ค.2554 (รวมทั้งที่ได้แก้ไขเพิ่มเติม) ผู้ทำคำเสนอซื้อขอนำส่งแบบรายงานผลการซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 256-2) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อทราบและเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการในครั้งนี้

โดยหุ้นที่บริษัทฯ ถืออยู่ก่อนทำคำเสนอซื้ออยู่ที่ 606,878,314 หุ้น หรือ 18.93% หุ้นที่เสนอซื้อ 2,599,720,233 หุ้น หรือ 81.07% ส่วนหุ้นที่มีผู้แสดงเจตนาขายอยู่ที่ 747,874,638 หุ้น หรือ 23.32% ส่งผลให้หุ้นที่รับซื้อไว้อยู่ที่ 747,874,638 หุ้น หรือ 23.32% ดังนั้น จำนวนหลักทรัพย์ที่บริษัทฯ จะถือภายหลังการรับซื้อจะอยู่ที่ 1,354,752,952 หุ้น หรือ 42.25%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลผู้ถือหุ้นใหญ่ INTUCH ณ วันที่ 23 ก.พ.2564 ได้แก่ 

1. SINGTEL GLOBAL INVESTMENT PTE. LTD. 673,348,264 หุ้น 21.00%

2. บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 505,918,114 หุ้น 15.78%

3. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 463,009,866 หุ้น 14.44%

4. THE HONGKONG AND SHANGHAI BANKING CORPORATION LIMITED 166,753,460 หุ้น 5.20%

5. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 45,803,886 หุ้น 1.43%

6. สำนักงานประกันสังคม 43,645,100 หุ้น 1.36%

7. STATE STREET EUROPE LIMITED 33,219,794 หุ้น 1.04%

8. THE BANK OF NEW YORK MELLON 31,611,600 หุ้น 0.99%

9. นาย เพิ่มศักดิ์ เก่งมานะ 31,023,100 หุ้น 0.97%

10. GIC PRIVATE LIMITED 21,620,700 หุ้น 0.67%

ส่งผลให้ภายหลังเทนเดอร์ GULF จะขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 1 ของ INTUCH

16682


เลขานุการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG) แจงตลาดหลักทรัพย์ ยันไม่ได้ให้ข้อมูลการทำสัญญา หรือจะทำสัญญาซื้อวัคซีนไฟเซอร์ ร่วมกับกระทรวงกลาโหม และไม่ได้ใช้เงินสด เงินกู้ หรือทรัพย์สินของบริษัทฯ วางมัดจำหรือค่าปรับมัดจำวัคซีน อีกด้านไม่สามารถเปิดเผยจำนวนวัคซีน และระยะเวลาการนำเข้าได้ อ้างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

วันนี้ (5 ส.ค.) น.ส.สุวดี พันธุ์พานิช เลขานุการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือถึงกรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ชี้แจงการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 เทคโนโลยี mRNA (เพิ่มเติม) ระบุว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (“สำนักงาน ก.ล.ต.”) มีหนังสือลงวันที่ 4 สิงหาคม 2564 โดยใช้อำนาจมาตรา 58(1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (“พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ”) ให้ผู้บริหาร บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ชี้แจงข้อมูลและนำส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และเปิดเผยคำชี้แจงดังกล่าวผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันที่ในหนังสือ

บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้รับหนังสือจาก สำนักงาน ก.ล.ต. แล้ว โดยจะดำเนินการชี้แจงโดยละเอียดตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยขอให้ข้อมูลเบื้องต้นได้ดังนี้

1. บริษัทฯ “ไม่ได้ให้ข้อมูลการทำสัญญาหรือจะทำสัญญาร่วมกับกระทรวงกลาโหม” ตามที่ได้ชี้แจงไปแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ลงนามความร่วมมือกับองค์กรที่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐเพื่อร่วมกันนำเข้าวัคซีนจริง โดยจะเปิดเป็นเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้สำนักงาน ก.ล.ต.

2. บริษัทฯ ไม่ได้ใช้เงินสด เงินกู้ หรือทรัพย์สินของบริษัทฯ ในการวางมัดจำหรือค่าปรับมัดจำวัคซีน

3. วัคซีนจำนวน 20 ล้านโดส ที่ได้มีการเจรจากับผู้แทนจำหน่ายแล้วนั้น ยังไม่มีการลงนามสั่งซื้อจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ตามระเบียบของรัฐ แต่บริษัทฯ ยังไม่ละทิ้งความพยายาม โดยจำนวนวัคซีน และระยะเวลาการนำเข้าวัคซีนไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

อนึ่ง ขอเรียนให้ท่านทราบว่า “แม้บริษัทฯ ไม่ใช่ผู้มีหน้าที่ในการดำเนินการสั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ตามกำหนดของรัฐ” แต่เป็นการ “ทำหน้าที่ในฐานะเอกชนและพลเมือง” ที่ไม่เพิกเฉยต่อสถานการณ์การระบาดของโรคที่มีในปัจจุบัน เพื่อช่วยให้วิกฤตนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ราคาหุ้น THG วานนี้ (4 ก.ค.) ปิดตลาดอยู่ที่ราคา 28.25 บาท ลดลงมา 2.50 บาท หรือ 8.13% โดยพบว่าเปิดตลาดราคาหุ้นดิ่งลงมาจากราคา 30.75 บาท ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นมา

16683


นายอัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทในฐานะผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลในประเทศไทย (ICO Portal) ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เตรียมเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนตัวแรกของไทย “สิริฮับ” หรือโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ (SiriHub Investment Token) มูลค่าเสนอขาย 2,400 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต.ให้เสนอขายโทเคนดิจิทัลต่อประชาชนอย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 29 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะเปิดให้จองซื้อและเข้าซื้อขายบนตลาดรองภายในปีนี้

โครงการสิริฮับ เป็นการลงทุนในกระแสรายรับค่าเช่าของกลุ่มอาคารสำนักงาน สิริ แคมปัส ซึ่งมีบมจ.แสนสิริ (SIRI) เป็นผู้เช่าระยะยาวเต็มพื้นที่ 100% โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่ภายในพื้นที่ T77 ของบริษัท เอสพีวี 77 จำกัด สัญญาเช่าระยะยาว 12 ปี ค่าเช่าปีละ 149.4 ล้านบาท ขณะที่โครงการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับ มีอายุโครงการ 4 ปี ดังนั้นนักลงทุนจึงมั่นใจได้ว่าโครงการนี้จะมีรายรับที่ต่อเนื่อง


ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

สำหรับการเสนอขายโทเคนดิจิทัลในครั้งนี้ จะแบ่งเสนอขายทั้งหมด 2 ชุดอายุ ได้แก่ 1. สิริฮับ A (SiriHubA) จำนวน 160 ล้านโทเคน มูลค่า 1,600 ล้านบาท กำหนดส่วนแบ่งรายได้รายไตรมาสที่ 4.5% ต่อปี โดยนักลงทุนจะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินเมื่อสิ้นสุดอายุโครงการจำนวนไม่เกิน 1,600 ล้านบาท 

2. สิริฮับ B (SiriHubB) จำนวน 80 ล้านโทเคน มูลค่า 800 ล้านบาท ส่วนแบ่งรายได้ 8% ต่อปี นักลงทุนจะได้รับส่วนแบ่งรายได้สูงถึง 8% ต่อปี และยังได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการจำหน่ายทรัพย์สินโครงการเมื่อสิ้นสุดอายุโครงการเฉพาะส่วนเกิน 1,600 ล้านบาทเป็นต้นไป

การประเมินมูลค่าทรัพย์สินจากผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน ก.ล.ต. จำนวน 2 ราย คาดการณ์ว่าในอนาคตอีก 4 ปีข้างหน้า มูลค่าตลาดของโครงการนี้จะมีมูลค่าประมาณ 2,600 ล้านบาท

“เรากำหนดมูลค่าจองซื้อขั้นต่ำเพียง 10 บาทต่อ 1 โทเคน เพื่อกระจายโอกาสให้นักลงทุนทุกกลุ่มสามารถลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพและมีมูลค่าโครงการระดับพันล้านบาทได้ ในขณะเดียวกันยังมีโอกาสได้รับส่วนแบ่งรายได้ที่ดีและสม่ำเสมอเป็นรายไตรมาส”

นายอัฏฐ์ กล่าวว่า ในการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนสิริฮับครั้งนี้ ถูกรองรับด้วยเทคโนโลยีระบบบล็อกเชน (Blockchain) ของเทโซส (Tezos) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนที่ทันสมัยที่สุดถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการระดมทุนในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลที่มีสินทรัพย์อ้างอิงโดยเฉพาะ ทำให้ระบบดังกล่าวมีความปลอดภัยสูง 

สำหรับรายละเอียดวันที่เปิดให้จองซื้อและวันที่เข้าซื้อขายในตลาดรอง บริษัทจะแจ้งให้นักลงทุนอีกครั้ง เพราะจะต้องได้รับการอนุมัติจากก.ล.ต.ให้แบบแสดงรายการข้อมูลเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) มีผลบังคับใช้ก่อน แต่เบื้องต้นนักลงทุนสามารถลงทะเบียนในแอพพลิเคชั่น “XSpring” ซึ่งเป็นช่องทางที่บริษัทจะเปิดให้จองซื้อโทเคนดิจิทัลได้แล้ววันนี้ ทั้งในระบบ iOS และ Android เพื่อเปิดบัญชีและยืนยันตัวตนใช้บริการ ซึ่งจะต้องผูกกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์(e-Wallet) ไว้สำหรับการรับเงินปันผล

ทั้งนี้คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อประมาณ 10 วันทำการนับตั้งแต่วันที่เริ่มขาย แต่สามารถปิดขายได้ก่อนกำหนด หากกระจายได้ครบจำนวนแล้วและจะดำเนินการตั้งกองทรัสต์หลังจากปิดการขายภายใน 15 วันทำการ ก่อนจะนำโทเคนดังกล่าวเข้าไปซื้อขายในตลาดรองของพันธมิตรบริษัท อีอาร์เอ็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจเป็นศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจากกระทรวงการคลัง และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. โดยอีอาร์เอ็กซ์จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาดรอง

16684


ในช่วง Work From Home อย่างนี้ พอตกบ่ายก็อยากจะจิบกาแฟเรียกเอนเนอจี้กันหน่อย จะออกไปซื้อก็ลำบาก ฉะนั้นเครื่องทำกาแฟก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจและสะดวกสุด น่าหาเครื่องทำกาแฟมาติดบ้านไว้สักเครื่อง ซึ่งตอนนี้ เนสเพรสโซ (Nespresso) ได้เปิดตัวคอลเล็กชั่น “Nespresso x Chiara Ferragni” ลิมิเต็ด อิดิชั่น คอลเล็กชันนี้เป็นผลงานคอลแลบล่าสุดที่เนสเพรสโซร่วมมือกับ เคียร่า เฟอร์รังงี (Chiara Ferragni) แฟชั่นไอคอนชาวอิตาเลียน ของวงการแฟชั่นโลกที่มีผู้ติดตามทางออนไลน์กว่า 24 ล้านคน มาร่วมรังสรรค์คอลเล็กชั่นพิเศษซึ่งประกอบไปด้วย เครื่องชงกาแฟ และแอคเซสเซอรี่เข้าชุดเพื่อต้อนรับซัมเมอร์ 2021 ให้แฟนๆ สายแฟของเนสเพรสโซและเคียร่าได้เก็บสะสมกัน



คอลเล็กชั่น Nespresso x Chiara Ferragni สุดพิเศษนี้ได้ผสานการออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจมาจากซัมเมอร์คอลเล็กชั่น เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานและสะท้อนผ่านตัวตนที่โดดเด่นของเคียร่า ผ่านการนำเอาไอคอนรูปดวงตาลายเซ็นที่เป็นเอกลักษณ์ของเคียร่าและการเลือกใช้โทนสีสันสดใสรับซัมเมอร์มาดีไซน์ให้คอลเล็กชันลิมิเต็ดอิดิชั่นนี้ให้ความรู้สึกทันสมัยและโดดเด่นสะดุดตาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่



สำหรับความพิเศษของลิมิเต็ด คอลเล็กชั่นนี้ เคียร่าได้คัดสรรไอเท็มชิ้นโปรดนำมาดีไซน์เพื่อนำเสนอความเอ็กซ์คลูซีฟให้แฟนๆ ทั่วโลกของทั้งเนสเพรสโซและเคียร่าได้ตามสะสมโดยเฉพาะ ประกอบไปด้วย เครื่องชงกาแฟรุ่นคลาสสิกอย่าง Essenza Mini ดีไซน์ล้ำ น้ำหนักเบา และมีขนาดกะทัดรัดที่สามารถรังสรรค์กาแฟรสชาติเยี่ยมได้อย่างง่ายดาย โดยเคียร่าเลือกใช้สีชมพูสดใสและลวดลายแพทเทิร์นไอคอนรูปดวงตาสลับโลโก้เนสเพรสโซมาสร้างความว้าวให้กับเครื่องชงกาแฟ นอกจากนี้ ยังมอบประสบการณ์อันสมบูรณ์แบบสำหรับคอกาแฟตัวจริงด้วยเครื่องทำฟองนมรุ่น Aeroccino 3 ที่มีลวดลายและสีสันเข้าชุดกัน ไม่เพียงเท่านั้นแฟนๆ ยังสามารถเลือกดื่มด่ำกับกาแฟแก้วโปรดได้กับแก้วมัคใส Coffee Mug ลายโมโนแกรม และแก้วมัคแบบพกพาได้ Nomad Travel Mug สีชมพูหวานกับไอคอนดวงตาซิกเนเจอร์สุดเก๋ สำหรับกาแฟในคอลเล็กชั่นนี้ มีทั้งหมด 3 รสชาติ ได้แก่ Roma, Freddo Intenso และ Scuro ซึ่งเป็นกาแฟรสโปรดของเคียร่าอีกด้วย



คอลเล็กชั่น Nespresso x Chiara Ferragni มีกำหนดวางจำหน่ายให้แฟน ๆ ในประเทศไทย ได้ตามสะสม ทางเว็บไซต์เนสเพรสโซ https://www.nespresso.com/th/ สนนราคาแต่ละไอเท็ม นั้นได้แก่
เครื่องชงกาแฟรุ่น Nespresso x Chiara Ferragni Essenza Mini วางจำหน่ายในราคา 5,500 บาท
เครื่องทำฟองนมรุ่น Nespresso x Chiara Ferragni Aeroccino 3 วางจำหน่ายในราคา 4,800 บาท
แก้วมัคใส Nespresso x Chiara Coffee Mug วางจำหน่ายในราคา 890 บาท
แก้วมัคแบบพกพาได้ Nespresso x Chiara Nomad Travel Mug วางจำหน่ายในราคา 1,190 บาท
เห็นแล้วบอกเลยว่าน่ามีตั้งในบ้านสวยๆ เก๋ๆ จริงๆ

16685


วันนี้( 4 สิงหาคม 2564) นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือนสิงหาคม 2564 โดยมีนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เป็นประธาน กกร. และนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เป็นประธานร่วมในการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) โดยมีวาระสำคัญดังนี้

กกร. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกปี จากโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ส่งผลกระทบตลอดครึ่งปีหลัง การควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่ประสบความสำเร็จ จำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน รวมถึงจำนวนผู้ป่วยสะสมในโรงพยาบาลยังเพิ่มขึ้นในอัตราสูง แม้จะมีการใช้มาตรการ Lockdown มา 14 วันแล้วก็ตาม ทำให้ภาครัฐต้องขยายมาตรการ Lockdown ณ ขณะนี้ออกไปอีกจนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม และขยายวงกว้างออกไปหลายจังหวัด ทั้งนี้ หากการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับประชาชนทั่งประเทศยังทำได้ช้า ประเมินว่ามีความเสี่ยงสูงที่ยังต้องจำกัดกิจกรรมเศรษฐกิจตลอดไตรมาสที่ 4 รวมถึงลดทอนความเป็นไปได้หรือประโยชน์ของแผนการเปิดประเทศ ดังนั้น เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีจึงอยู่ในภาวะที่ฟื้นตัวได้ยาก และเป็นไปได้สูงที่เศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปีจะหดตัวเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งอาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2564 เข้าสู่ภาวะถดถอยต่อเนื่องเป็นปีที่สองแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งก็ตาม

อีกทั้ง ธุรกิจทุกภาคส่วนได้รับผลกระทบจากการระบาดที่ทวีความรุนแรงขึ้น ไม่เว้นแม้แต่ภาคการส่งออก ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซายาวนานจากมาตรการควบคุมการระบาดที่เข้มงวดได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs และลูกจ้างแรงงาน สะท้อนจากลูกหนี้ที่อยู่ในการดูแลช่วยเหลือของธนาคารต่างๆ ภายใต้มาตรการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.89 ล้านบัญชี หรือเป็นยอดเงินราว 2 ล้านล้านบาท โดยในระยะข้างหน้า นอกเหนือจากธุรกิจบริการ ท่องเที่ยว และการค้าขายทั่วไป ที่เปราะบางแล้ว การระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานได้เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและอุตสาหกรรมส่งออก ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เดียวของเศรษฐกิจไทยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ดังนั้น ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันบูรณาการมาตรการการจำกัดวงจรของการระบาด โดยการเร่งหาวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือกให้เพียงพอสำหรับความต้องการของประชาชนและสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ได้โดยเร็ว และการเร่งกระจายการตรวจหาเชื้อโดย Antigen Test Kit เพื่อคัดแยกผู้ติดเชื้อโดยเร็ว


ทั้งนี้ ภาครัฐต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่วิกฤตและถลำลึกกว่าที่คาดไว้มาก ภาคธุรกิจบอบช้ำและต้องใช้พลังมากในการฟื้นฟูผู้ประกอบการที่อ่อนล้า เสถียรภาพของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยง โดยภาคครัวเรือนเผชิญภาระหนี้ที่เพิ่มสูงกว่าร้อยละ 90 ต่อจีดีพี และต้องการการเยียวยาเพื่อชดเชยรายได้ที่หดหายไปในระยะนี้และฟื้นฟูเพื่อให้กลับมามีเสถียรภาพในระยะต่อไป ซึ่งเมื่อประเมินจากภาวะเศรษฐกิจที่ถลำลึกกว่าที่คาดไว้มาก ภาครัฐจำเป็นสร้างความเชื่อมั่นโดยเตรียมความพร้อมในเรื่องของความเพียงพอของงบประมาณ เพดานหนี้สาธารณะควรขยายให้มากกว่าร้อยละ 60 ต่อจีดีพี เป็นร้อยละ 65-70 เพื่อให้เหมาะสมกับภาระกิจในการเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาวะวิกฤต รวมไปถึงการจัดลำดับความสำคัญของงบประมาณภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยจำเป็นต้องพิจารณาแนวทางในการผ่อนคลายนโยบายการเงินและมาตรการกับสถาบันการเงินเพิ่มเติมภายใต้ข้อจำกัดที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ใกล้ระดับร้อยละ 0 เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินของประเทศ

โดยเห็นว่า เศรษฐกิจไทยยังวิกฤตและเผชิญความเสี่ยงค่อนข้างมากจากการระบาดระลอกใหม่ที่รวดเร็วและรุนแรง กระทบต่ออุปสงค์ในประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวต่อเนื่องยังสนับสนุนส่งออกของไทยในระยะต่อไป ที่ประชุม กกร. จึงปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 เป็น -1.5 % ถึง 0.0% ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโควิด-19 และมาตรการเพิ่มเติมของรัฐ ด้านการส่งออก กกร. คาดว่าจะขยายตัว 10.0% ถึง 12.0% จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดี แต่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแล supply chain ไม่ให้เกิดการติดเชื้อในวงกว้าง โดยภาครัฐให้ความสำคัญเร่งด่วนกับการจัดหาวัคซีนให้กลุ่มแรงงานอย่างทั่วถึง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1.0% ถึง 1.2% โดยมีแรงกดดันจากราคาพลังงานและค่าขนส่งที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระทบกับต้นทุนของผู้ผลิตสินค้า

รวมถึง การยกระดับและขยายพื้นที่ครั้งนี้เป็นการปรับตามสถานการณ์ที่มีการระบาดในต่างจังหวัดเพิ่มโดยประเมิณผลกระทบเพิ่มเติม เป็น 300,000-400,000 ล้านบาท (พื้นที่สีแดงเข้ม มีสัดส่วนถึง 78% ของ GDP ประเทศ) สถานการณ์ตอนนี้มีการยกระดับใกล้เคียงเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเคลื่อนย้ายของประชาชนลดลงมาก หากมีการล๊อคดาว์นแล้วจำเป็นต้องเร่งทำมาตรการอื่นควบคู่ไปด้วย ต้องเร่งควบคุมการแพร่ระบาดโดยเฉพาะสายพันธ์เดลต้าที่มีอัตราการกระจายวัคซีนมากและรวดเร็ว เพิ่มความสามารถในการเร่งฉีดวัคซีน การทำ Home Isolation และ Company Isolation นอกจากนั้น ต้องออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผลกระทบจากการปิดการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจ และทำให้การทะยอยผ่อนคลายให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเดินไปได้ โดยภาคเอกชนตอนนี้เข้ามาร่วมแบ่งเบาภาระของภาครัฐในการดูแลพนักงานของตนและปฏิบัติตัวตามมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะหลายแห่งได้มีการทำ Active Screening โดยใช้ Rapid Antigen Test Kit เพื่อเร่งแยกคนติดออกมาไม่ให้มีการระบาดในสถานประกอบการ รวมถึงมีการดูแลเชื่อมระบบกับโรงพยาบาลและ Hospital ต่างๆอีกด้วย โดยร่วมมือกันทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมกัน มีความรับผิดชอบทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม

เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพความจำเป็นทางเศรษฐกิจ และเพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชน เนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เสนอขอขยายระยะเวลาการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลงร้อยละ 90ออกไปอีก 1 ปี ของการจัดเก็บภาษี ปีภาษี 2565 (ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1มกราคม2565 จนถึงวันที่31ธันวาคม2565)

นอกจากนี้ ยังเสนอภาครัฐเพิ่มสัดส่วนการค้ำประกันความเสียหายผ่านบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เป็นร้อยละ 60 ขึ้นไป เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มากขึ้น,ขอกรมสรรพากร ยกเว้นภาษี SMEs 3 ปี โดยจะต้องทำบัญชีเดียวและยื่นภาษีผ่านระบบ E-Tax,รัฐบาลควรมีคำสั่งเดียว (Single Command) ในการสั่งการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19,เสนอให้ภาครัฐอนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีนได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องผ่านผู้ผลิตหรือผู้แทนจำหน่ายและหน่วยงานรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลจากภาครัฐ โดยภาครัฐเป็นผู้ออกใบสั่งซื้อและออกค่าใช้จ่าย,ให้ อย. เร่งอนุมัติวัคซีนยี่ห้ออื่นๆ โดยไม่ต้องรอบริษัทวัคซีนนำเอกสารมายื่น เพื่อเพิ่มทางเลือกและเปิดโอกาสในการจัดหาวัคซีนมากยิ่งขึ้น,ขอให้ภาครัฐสนับสนุนการลดหย่อนภาษี 2 เท่า สำหรับภาคเอกชนที่มีค่าใช้จ่ายในการซื้อชุดตรวจโควิด-19 แบบเร่งด่วน (Antigen Test Kit) และค่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 และให้เอกชนช่วยดำเนินการสนับสนุนการผลิตและจัดหายา "ฟาวิพิราเวียร์" ที่กำลังมีความต้องการสูง

อีกทั้ง สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิก ได้ออกมาตรการช่วยหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563 ทั้งมาตรการที่เป็นการช่วยเหลือเป็นการทั่วไป มาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม เพื่อลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้า และ มาตรการเสริมสภาพคล่อง ล่าสุด ตระหนักถึงความเดือดร้อนของลูกหนี้และเห็นความจำเป็นเร่งด่วน ออกมาตรการเร่งด่วนด้วยการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เป็นระยะเวลา 2 เดือนให้กับลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ทั้งในพื้นที่ควบคุมฯ 29 จังหวัด และนอกพื้นที่ควบคุมฯ ที่ต้องปิดกิจการจากมาตรการของทางการ ระยะเวลายื่นคำขอตั้งแต่ 19    กรกฎาคม -15 สิงหาคม 2564 โดยจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักกับลูกหนี้

ด้านมาตรการทางการเงินช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบการธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานข้อมูลความคืบหน้าการยื่นคำขอตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564 ล่าสุด ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2564 ธปท.รายงานตัวเลขคำขอสินเชื่อฟื้นฟู และได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว จำนวน 82,767 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนผู้ได้รับความช่วยเหลือ 27,219 ราย วงเงินเฉลี่ยที่ได้รับการอนุมัติ 3.0 ล้านบาทต่อราย ขณะที่ความคืบหน้าตัวเลขโครงการ “พักทรัพย์ พักหนี้” มีมูลค่าสินทรัพย์ที่รับโอนจำนวนทั้งสิ้น 1,060 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ 18 ราย

สมาคมธนาคารไทยร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการโครงการ Digital Supply chain finance เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดเล็ก SME ให้เข้าถึงเงินทุน ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการในระยะกลาง โดยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาช่วยธนาคารในการจัดการบริหารความเสี่ยง เพื่อเป็นประโยชน์ใพิจารณาให้สินเชื่อได้มากขึ้น เงื่อนไขดีขึ้น คาดว่า เฟส 1 จะเสร็จสิ้น เพื่อนำไปใช้งานในไตรมาส 4 โดยสมาคมมีแผนขอการสนับสนุนไปยังภาครัฐในการให้ประโยชน์กับธุรกรรมที่เกิดขึ้นใน platform การพัฒนา e-invoicing platform เป็นส่วนสำคัญของ Thailand Smart Financial Infrastructure เป็นกลไกในการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เข้าถึงเงินทุนหมุนเวียนแบบ many- to- many ทั้งในช่วงที่ต้องประคับประคองกิจการ และในช่วงฟื้นฟูหลังสถานการณ์โควิด และสามารถเป็นฐานในการสร้างแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศ (National Digital Trade Platform : NDTP) สำหรับการค้าระหว่างประเทศต่อไป

หน้า: 1 ... 925 926 [927] 928 929 ... 933