แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - hs8jai

หน้า: 1 ... 949 950 [951] 952 953 ... 977
17102



เมื่อวานนี้ (4 กันยายน 2564 เวลา 17.40 น.) พบช้างป่า 20 ตัว นำโดยแม่แปรก (อ่านว่าแม่-ปะ-แหรก) พาแม่ช้างและช้างพี่เลี้ยงรวมทั้งเด็กๆ เดินข้ามถนนช่วงบริเวณแอ่งลึก (ทางลงฝั่งปราจีนบุรี) ก่อนถึงป้อมแยกเขาเขียว (ชมคลิป) โดยมีหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และเจ้าหน้าที่อารักขาช้าง คอยดูแลความปลอดภัย

นายอดิศักดิ์ ภูสิทธิ์วงศานุยุต หน.อช.เขาใหญ่ กล่าวว่า ช่วงฤดูฝน อย่างในวันนี้อากาศกำลังดี ช้างอาจจะออกมากินโป่งให้นักท่องเที่ยวได้ยลโฉมครับ ก็ขอฝากนักท่องเที่ยวทุกท่านที่มาชื่นชมธรรมชาติเขาใหญ่ ช่วยกันปฎิบัติตามโครงการรณรงค์ 4 มอ.ขอไม่มาก คือไม่ทิ้งขยะไว้เป็นภาระไม่ให้อาหารสัตว์ ไม่ขับรถเร็ว และไม่ส่งเสียงดัง

“ช้างแม่แปรก” สำคัญต่อความอยู่รอดของโขลงช้างป่า บ้างเรียกนางว่า “ช้างแม่หนัก” เป็นช้างพังที่มีความเก่งกล้ามากจนได้รับหน้าที่นำโขลง โดยช้างป่าไทยนั้นมักอยู่รวมกันเป็นโขลง ในโขลงประกอบไปด้วยช้างที่โตเต็มวัยและลูกช้างจำนวนเฉลี่ยเเล้ว 7-8 ตัวต่อหนึ่งโขลง และช้างเต็มวัยทุกตัวในโขลงนั้นจะเป็นช้างตัวเมียทั้งหมด

แม่แปรก จะคอยทำหน้าที่ผู้นำโขลง ทั้งการนำทาง หาแหล่งน้ำ แหล่งอาหาร รวมถึงดูแล ปกป้องช้างทุกตัวในโขลงเสมือนว่าเป็นลูกของตัวเอง และในยามที่เกิดภัยคุกคาม “แม่แปรก” จะออกมาปกป้องลูกช้างในโขลงอย่างสุดกำลังแม้อาจจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม

ข้อมูลอ้างอิง บดินทร์ จันทศรีคำ, WWF-Thailand

17103


กลุ่มสื่อจีนรายงาน ในวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา สำนักอัยการประชาชนสูงสุแห่งจีนได้ประกาศบังคับใช้บทลงโทษของสำนักอัยการเมืองซั่งเหราซึ่งได้ตัดสินลงโทษชายแซ่จางและพวกสามคน ได้แก่ ปรับเงิน 6,000,00 หยวน หรือราว 30.2 ล้านบาท ฐานก่อความเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเจตนาสร้างความเสียหายให้กับยอดเขาจี้ว์เหมิ่ง(巨蟒峰) หรือ “ยอดเขางูเหลือมยักษ์” ในเขตทัศนียภาพซันชิงซัน มณฑลเจียงซี โดยการใช้อุปกรณ์ปีนหน้าผาสร้างความเสียหายร้ายแรงอย่างมิอาจซ่อมแซมให้เหมือนเดิมได้

นอกจากนี้นักปีนเขาทั้งสามยังต้องรับผิดชอบค่าประเมินของผู้เชี่ยวชาญ 150,000 หยวน หรือ 755,235 บาท อีกทั้งต้องลงประกาศในสื่อทั่วประเทศขอโทษต่อสาธารณะ

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ปี 2017 ชาวจีนแซ่จาง แซ่เหมา และแซ่จาง (อีกคน) ได้ไปปีนหน้าผางูเหลือมยักษ์ โดยอุปกรณ์ได้แก่ สว่านไฟฟ้าเจาะรู ตะปูเจาะหิน และเชือกปีนขึ้นไปยังยอดเขา จากการตรวจสอบทั้งสามได้ใช้ตะปูเหล็กเจาะหินทั้งหมด 26 ตัว ทำให้เกิดรอยแตกที่หินซึ่งถือเป็นความเสียหายถาวร ทำลายมรดกโลกทางธรรมชาติ

นักปีนเขาตอกตะปูเจาะหิน 26 ตัว ต้องจ่ายค่าเสียหายสิ่งแวดล้อม 6 ล้านหยวน หรือราว 30.2 ล้านบาท
นักปีนเขาตอกตะปูเจาะหิน 26 ตัว ต้องจ่ายค่าเสียหายสิ่งแวดล้อม 6 ล้านหยวน หรือราว 30.2 ล้านบาท

ตำรวจได้ส่งฟ้องไปยังสำนักอัยการเมืองซั่งเหรา มีการตัดสินโทษจำคุกนายจาง และนายเหมา 1 ปี และ 6 เดือน ตามลำดับ และปรับเงิน 100,000 หยวน กับ 50,000 หยวน ตามลำดับ นายจางได้รับการยกเว้นโทษ

ต่อมาสำนักอันการเมืองซั่งเหราได้พิจารณาว่าการสร้างความเสียหายแก่ยอดเขางูเหลือมของทั้งสามเข้าข่ายทำลายสาธารณะประโยชน์ของสังคมอีกด้วย

ในปี 2019 สำนักอัยการระดับกลางได้ตัดสินให้ทั้งสามจ่ายค่าชดเชยความเสียหายทรัพยากรสิ่งแวดล้อม 6,000,000 หยวน อีกทั้งต้องรับผิดชอบค่าประเมินของผู้เชี่ยวชาญ 150,000 หยวน หรือ 755,235 บาท นอกจากนี้ยังต้องลงประกาศในสื่อทั่วประเทศขอโทษต่อสาธารณะ

ทั้งสามได้ยื่นอุทธรณ์ ในเดือนพ.ค. ปี 2020 ศาลตัดสินยืนคำตัดสินเดิม ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา สำนักอัยการประชาชนสูงสุดประกาศบังคับใช้คำตัดสินฯ

17104
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812

17106


"ผู้ว่าฯ อัศวิน" ลงนามประกาศ กทม.ฉบับ 42 ไฟเขียว "ร้านเสริมสวย" ในห้าง-คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดให้บริการรายละไม่เกิน 2 ชม.

วันนี้ (4 ก.ย.) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ลงนาม ประกาศกทม. เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว(ฉบับที่ 42) มีเนื้อหาระบุถึงกรณีศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด - 19 (ศปก.ศบค.) ได้มีมติเห็นชอบให้ปรับรายละเอียด เกี่ยวกับการเปิดดำเนินการของร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผม ในห้างสรรพสินค้าหรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน เพื่อให้เป็นไปตามมติของศปก.ศบค.ดังกล่าว คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร มีมติเห็นชอบ ดังนี้

ร้านเสริมสวย แต่งผมหรือตัดผม ที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบกิจการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ให้เปิดดำเนินการโดยการให้บริการผ่านการนัดหมายและจำกัดเวลา การให้บริการในร้านไม่เกินรายละ 2 ชม.

ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 3 - 30 ก.ย. 64 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง

17108


วันนี้ (4 ก.ย.) ที่ตลาดหน้าวัดห้วยจระเข้ อ.เมือง จ.นครปฐม นายเสรินทร์ แก้วพิจิตร นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครปฐม พร้อมด้วย พ.ท.ดร.สินธพ แก้วพิจิตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จังหวัดนครปฐม ได้ลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจผู้ประกอบการร้านค้า และมอบหน้ากากอนามัย เจลล้างมือให้ประชาชนที่เดินเข้ามาจับจ่ายและเลือกซื้อสินค้า ในช่วงของการคลายล็อกดาวน์ ซึ่งจังหวัดนครปฐม เป็นหนึ่งในจังหวัดที่อยู่ในกลุ่มพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด

ซึ่งการลงพื้นที่ดังกล่าว พบว่า ประชาชนได้เริ่มออกจากจับจ่ายเลือกซื้อสินค้ากันมากขึ้น และพบว่ามีการควบคุมตัวเองในมาตรการการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างรัดกุมและเป็นไปตามมาตรการของ ศบค. โดยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างได้พอสมควร และยังคงมีการมาซื้อสินค้าในสถานที่จัดจำหน่ายโดยรีบกลับเข้าบ้านพัก ยังไม่นิยมมานั่งรับประทานในสถานที่ชุมนุมแออัด

โดย พ.ท.ดร.สินธพ หรือ เสธ.แก้ว ส.ส.นครปฐม และนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครปฐม ได้เดินรณรงค์ในการรักษามาตรการการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยการแจกหน้ากากอนามัย พร้อมประชาสัมพันธ์ให้มีการรักษาระยะห่างของประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายสินค้า และขอร้องผู้ประกอบการค้าขายในการรักษาความสะอาด และควบคุมมาตรฐานในสินค้า โดยเฉพาะเรื่องราคาที่เหมาะสม เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถจับจ่ายสินค้าได้อย่างคุ้มค่าในการใช้จ่ายในเศรษฐกิจช่วงเริ่มต้น ซึ่งทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และช่วยเหลือกันไปก่อนในช่วงนี้

สำหรับตลาดดังกล่าวเกิดจากการที่ประชาชนที่ไม่มีรายได้ ไม่มีงาน รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าที่ไม่สามารถหาแหล่งจำหน่ายสินค้าที่มีประชาชนมาจับจ่ายสินค้าได้สะดวก และขาดแหล่งหารายได้ ซึ่งได้มีการส่งหนังสือไปร้องขอความช่วยเหลือจากนายกเทศมนตรีเทศบาลนครนครปฐม และผ่านทาง ส.ส.นครปฐม ในการจัดหาสถานที่เพื่อหารายได้สำหรับยังชีพในช่วงนี้ ซึ่งได้มีการจัดแหล่งจำหน่ายสินค้าแหล่งใหม่ให้พี่น้องประชาชนที่เหมาะสม ทั้งสถานที่ และการบริหารจัดการ ซึ่งพบว่ามีผลตอบรับที่ดีมากในหลายด้าน

น.ส.ดารณี มะลิซ้อน แม่ค้าขายหมูปิ้งและไส้ย่าง บอกว่า หลังการคลายล็อกดาวน์ ประชาชนมีการออกมาจับจ่ายสินค้ามากขึ้นรายได้เพิ่มมากขึ้น และมีบรรยากาศคึกคัก ซึ่งมีการใช้เงินเพื่อจับจ่ายมากกว่าช่วงที่มีการล็อกดาวน์เพราะช่วงนั้นไม่มีรายได้เข้ามาเลย ซึ่งตอนนี้มีการกล้าลงทุนมากขึ้น จัดของมาโชว์หน้าร้านมากขึ้น ซึ่งการมีแหล่งจำหน่ายให้ประชาชนหลังคลายล็อกดาวน์ถือว่าตรงกับเป้าหมายที่ได้วางไว้

นายไพรัช ศรีประสงค์ พ่อค้าขายเครื่องดื่มจากกัญชาและใบกระท่อม บอกว่า ตนเองเป็นนักดนตรีซึ่งถูกให้หยุดงานมานาน จึงได้หันมาหาสินค้าที่เป็นกระแส ซึ่งก่อนล็อกดาวน์ ผลิตภัณฑ์ของกัญชานั้นกำลังได้รับความนิยม แต่พอมีการล็อกดาวน์สินค้าที่กำลังขายดีมียอดลดลง ซึ่งต้องหันมาทำการตลาดออนไลน์ การที่มีการคลายล็อกดาวน์ได้มีการเพิ่มผลิตภัณฑ์จากใบกระท่อมมาเสริม ซึ่งเป็นจุดดีที่จะทำให้ใบกระท่อมสามารถนำมาให้ลูกค้าลองชิมได้ แต่ช่วงแรกถือว่ากัญชายังเดินหน้าได้ดีกว่าใบกระท่อม ซึ่งคงต้องอาศัยเวลาอีกสักระยะ โดยการจัดหาแหล่งจำหน่ายสินค้าให้ประชาชนนั้นถือว่าดีมาก แต่อยากให้ช่วงเวลาการคลายล็อกดาวน์สำหรับช่วงเวลากลางคืนเปิดเพิ่มเพื่อจะสามารถเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นด้วย

17110
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812

17111


วันนี้ (4 ก.ย.) เวลา 10.00 น. นายขจิต ชัชวานิชย์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลเอราวัณ 2 ศูนย์กีฬาบางกอกอารีนา และศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation : CI) เขตหนองจอก บริเวณศูนย์สร้างสุขทุกวัยเขตหนองจอก พร้อมทั้งให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่เสียสละอดทน ทุ่มเทแรงกายแรงใจในการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยหายจากอาการติดเชื้อ สามารถกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวได้ตามปกติ โดยมี ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่สำนักการแพทย์ สำนักอนามัย สำนักงานเขตในพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้ข้อมูล

สำหรับโรงพยาบาลเอราวัณ 2 ศูนย์กีฬาบางกอกอารีนา เขตหนองจอก สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 400 เตียง ปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา 285 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 3 ก.ย.64) โดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์เป็นผู้บริหารจัดการผู้ป่วย ส่วนศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation : CI) เขตหนองจอก บริเวณศูนย์สร้างสุขทุกวัยเขตหนองจอก เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.64 สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 100 เตียง ปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษา 63 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 3 ก.ย.64) โดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลเวชการุณย์รัศมิ์ และศูนย์บริการสาธารณสุข 44 ลำผักชี เป็นผู้บริหารจัดการผู้ป่วย

ปัจจุบันกรุงเทพมหานครได้จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation : CI) เพื่อรองรับผู้ป่วยที่มีผลตรวจรับรองว่าติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ 6 กลุ่มเขต รวมทั้งสิ้น 70 แห่ง เพื่อแยกผู้ป่วยโควิด-19 ออกมาจากบ้าน นำมาพักคอยที่ศูนย์ฯ มีการคัดกรองอาการและดูแลเบื้องต้น เพื่อรอการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาล ลดปัญหาการแพร่ระบาดและติดเชื้อของคนในครอบครัวและชุมชน โดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุขบริหารจัดการผู้ป่วย รวมทั้งเจ้าหน้าที่เทศกิจประสานฝ่ายความมั่นคง ร่วมดูแลความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อย

17112


ยูนิลีเวอร์ลอนดอน เปิดตัวขวดน้ำยาซักผ้าที่ทำจากกระดาษเป็นแห่งแรกของโลก เมื่อประมาณเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ที่นี่ถือเป็นต้นแบบในการพัฒนาแพ็กเกจจิ้งที่เป็นมิตรต่อโลกโดยเริ่มจากแบรนด์น้ำยาดูแลผ้า OMO (หรือที่รู้จักในชื่อ Persil, Skip และ Breeze) พร้อมมีกำหนดเปิดตัวในบราซิลภายในต้นปี 2565 รวมถึงในยุโรปและประเทศอื่นๆ ในไม่ช้า หลังจากนั้น จะนำร่องเทคโนโลยีเดียวกันนี้กับขวดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ทำจากกระดาษ

นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีนี้เป็นการพัฒนาร่วมกับกลุ่มบริษัท Pulpex ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง Unilever, Diageo, Pilot Lite และสมาชิกในอุตสาหกรรมอื่นๆ ยูนิลีเวอร์สามารถใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อบรรจุผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคที่เป็นของเหลวในขวดที่ทำจากกระดาษชนิดแรก ซึ่งทำจากเยื่อกระดาษที่มาจากแหล่งที่ยั่งยืน และได้รับการออกแบบให้สามารถนำกลับไป รีไซเคิลได้ในกลุ่มกระดาษ

ภายในขวดมีการฉีดพ่นด้วยสารเคลือบที่กันน้ำได้ อันเป็นลิขสิทธิ์โดยเฉพาะ ทำให้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกระดาษสามารถ บรรจุผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลว เช่น น้ำยาซักผ้า แชมพู และครีมนวด ซึ่งประกอบด้วยสารลดแรงตึงผิว น้ำหอม และสารออกฤทธิ์อื่นๆ

การสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษรีไซเคิลได้โดยไม่ต้องใช้ชั้นพลาสติกเพิ่มเติมถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ บรรจุภัณฑ์เยื่อกระดาษที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Pulpex ให้แนวทางในการลดการใช้พลาสติกลงอย่างมาก และจะช่วยให้ Unilever บรรลุพันธสัญญาต่อโลกที่ปราศจากขยะ

Richard Slater ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของยูนิลีเวอร์ กล่าวว่า "เพื่อจัดการกับขยะพลาสติก เราต้องคิดใหม่ทั้งหมดว่าเราออกแบบและบรรจุหีบห่อผลิตภัณฑ์อย่างไร สิ่งนี้ต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สามารถทำได้ผ่านความร่วมมือระดับอุตสาหกรรมเท่านั้น เทคโนโลยีขวดที่ทำจากกระดาษ Pulpex เป็นก้าวใหม่ที่น่าตื่นเต้นในทิศทางที่ถูกต้อง เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำงานร่วมกันเพื่อทดลองนวัตกรรมนี้สำหรับผลิตภัณฑ์ของเรา

“นวัตกรรมด้วยวัสดุทางเลือกเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนของเรา และจะมีบทบาทสำคัญในความมุ่งมั่นของเราที่จะลดการใช้วัสดุพลาสติกบริสุทธิ์ของเราลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2568”

ผู้บริโภคเริ่มตระหนักถึงผลกระทบของผลิตภัณฑ์ที่มีต่อโลกมากขึ้น และจะพิจารณาปัจจัยด้านความยั่งยืนเพื่อตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงบรรจุภัณฑ์ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหนือกว่าที่ช่วยแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ผู้คนต่างมีความกังวล เช่น นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนที่ประกาศในวันนี้ จะทำให้ยูนิลีเวอร์ เป็นธุรกิจที่แข็งแกร่งและประสบความสำเร็จมากขึ้น

นวัตกรรมขวดกระดาษ มาจากแหล่งที่ยั่งยืนและรีไซเคิลได้ เป็นอีกหนึ่งมุ่งหมายของยูนิลีเวอร์ เพื่อจะลดใช้บรรจุภัณฑ์จากพลาสติก ยูนิลีเวอร์อาศัยเทคโนโลยีขวดที่ทำจากกระดาษของ Pulpex เพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดการใช้วัสดุพลาสติกบริสุทธิ์ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2568

ขวดนี้ทำมาจากเยื่อกระดาษเซลลูโลสที่มาจากแหล่งที่ยั่งยืน และออกแบบมาให้นำกลับมาใช้ใหม่ในขยะกระดาษ มันถูกฉีดพ่นภายในด้วยสารเคลือบที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะซึ่งกันน้ำได้ ทำให้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษสามารถเก็บผลิตภัณฑ์ที่เป็นของเหลว เช่น น้ำยาซักผ้า แชมพู และครีมนวดผม ซึ่งประกอบด้วยสารลดแรงตึงผิว น้ำหอม และส่วนผสมออกฤทธิ์อื่นๆ

การสร้างบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากกระดาษรีไซเคิลได้โดยไม่ต้องใช้ชั้นพลาสติกเพิ่มเติมถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ จากข้อมูลของ Unilever บรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ Pulpex ได้นำเสนอโซลูชั่นที่มีแนวโน้มว่าจะลดการใช้พลาสติกลงอย่างมาก

“ในการจัดการกับขยะพลาสติก เราต้องคิดใหม่ทั้งหมดว่าเราออกแบบและบรรจุผลิตภัณฑ์อย่างไร สิ่งนี้ต้องการการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สามารถทำได้ผ่านความร่วมมือระดับอุตสาหกรรมเท่านั้น” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Unilever กล่าว

17116
ขายดาวน์  215,800 ( กค 2564 ) ห้อง 812

17117


แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ นักมวยหญิงแกร่งชาวไทย ล้างแค้นนักสู้สาวยูเครนได้สำเร็จในศึก วัน แชมเปียนชิพ รายการ ONE: EMPOWER ที่สิงคโปร์ หลังโชว์ความสามารถแกะท่าล็อกฝั่งตรงข้ามหนีได้ถึง 2 หน แล้วกลับมาเป็นผู้ชนะอย่างสุดมัน

ศึกมวยกรง วัน แชมเปียนชิพ รายการ ONE: EMPOWER ที่สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม ประเทศสิงคโปร์ วันที่ 3 กันยายน ที่ผ่านมา มีการแข่งขัน มิกซ์ มาร์เชียล อาร์ตหญิง รุ่นอะตอมเวต เวิลด์ กรังด์ ปรีซ์ รอบ 8 คนสุดท้าย หาผู้ชนะ 4 คนไปลุยต่อรอบรองชนะเลิศ

คู่ที่แฟนหมัดมวยชาวไทยจับตามอง แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ อดีตแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งและมวยไทยของ ONE ขึ้นสังเวียนเจอกับ อาลีโอน่า ราสโซฮินา คู่ปรับจากยูเครน ที่เคยดวลกันมาแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์แล้ว แสตมป์ เป็นฝ่ายแพ้อย่างน่ากังขา เสียสถิติชนะรวด 5 ไฟต์ในมวยกรง

แต่กลับมารอบนี้ไม่เหมือนเดิม อาลีโอน่า พยายามดึงนักสู้สาวไทยนอนพื้นตลอด 3 ยก โดยมีจังหวะที่สาวยูเครน จับแสตมป์ เข้าท่ากิโยติน โช้ก กับอาร์มบาร์ ในยก 1 กับ 3 แต่ แสตมป์ แก้ทางได้ยอดเยี่ยม สลัดหนีท่าล็อกก่อนขึ้นคร่อมต่อย และหาช่องโจมตีด้วยหมัดกับขาเป็นระยะ

สุดท้ายครบ 3 ยก กรรมการตัดสินให้ แสตมป์ ชนะคะแนน 2-1 เสียง ส่งผลให้นักมวยสาวปากแดง ล้างแค้นสำเร็จ ก่อนเข้ารอบรองชนะเลิศไป ซึ่งหากเธอฝ่าด่านไปเป็นผู้ชนะทัวร์นาเมนต์นี้ ก็จะได้สิทธิชิงเข็มขัดแชมป์รุ่นอะตอมเวทกับ แองเจล่า ลี นักสู้หญิงเบอร์ 1 ของสิงคโปร์ ที่ถือครองแชมป์อยู่

ส่วนผลคู่เอก ชิงเข็มขัดแชมป์รุ่นสตรอว์เวท "เดอะ แพนด้า" ซง จิง หนาน ยอดนักสู้หญิงจากเมืองจีน โชว์ฟอร์มชนะ มิเชลล์ นิโคลินี ผู้ท้าชิงดีกรีจ้าวแห่งสไตล์บราซิเลียนยิวยิตสู หลังสู้กัน 5 ยก แล้วกรรมการตัดสินให้นักสู้จากเมืองจีน ชนะเอกฉันท์ รักษาเข็มขัดไว้ได้ต่อไป

สรุปผลการแข่งขันศึก ONE: Empower
- ซง จิง หนาน ชนะคะแนน มิเชลล์ นิโคลินี อย่างเป็นเอกฉันท์ (ชิงแชมป์โลก MMA รุ่นสตรอว์เวต)
- ซอ ฮี ฮาม ชนะคะแนน เดนิส แซมโบอันกา อย่างไม่เป็นเอกฉันท์ (เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ MMA รุ่นอะตอมเวต)
- แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ ชนะคะแนน อาลีโอนา ราสโซฮินา อย่างไม่เป็นเอกฉันท์ (เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ MMA รุ่นอะตอมเวต)
- ริตู โฟกาต ชนะคะแนน เมงโบ อย่างเป็นเอกฉันท์ (เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ MMA รุ่นอะตอมเวต)
- อิตซูกิ ฮิราตะ ชนะคะแนน อลิส แอนเดอร์สัน อย่างเป็นเอกฉันท์ (เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ MMA รุ่นอะตอมเวต)
- อนิสสา เม็กเซน ชนะทีเคโอ. คริสตินา โมราเลส นาทีที่ 2.27 ของยกที่สอง (คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวต)
- แจ็กกี บุนตัน ชนะคะแนน แดนิลา โลเปซ อย่างเป็นเอกฉันท์ (มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต)
- จูลี เมซาบาร์บา ชนะคะแนน เม ยามากูชิ อย่างเป็นเอกฉันท์ (คู่สำรอง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์)

17118


ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า เพื่อรองรับการเปิดเส้นทางรถไฟสายสปป.ลาว-จีน ปลายปี 2564 กระทรวงเกษตรฯได้ขับเคลื่อนโลจิสติกส์เกษตรของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการอำนวยความสะดวกด้านการส่งออก-นำเข้าสินค้าเกษตรไปยังต่างประเทศหรือประเทศที่สาม เช่น การพัฒนาระบบ National Single Window (NSW) ร่วมกับกรมศุลกากร และการปรับลดขั้นตอนในการนำเข้าส่งออกของหน่วยงานใน กรมประมง กรมปศุสัตว์ กรมวิชาการเกษตร สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ(มกอช.) และการยางแห่งประเทศไทย (กยท.)ที่ยุ่งยากออกไป

โดยปัจจุบัน กระทรวงสามารถเชื่อมโยงข้อมูลและพัฒนาธุรกรรมที่ให้บริการผ่านระบบ NSW ได้ 117 ธุรกรรม คิดเป็น81.82 % จากทั้งหมด 143 ธุรกรรม และสามารถปรับลดขั้นตอนการทำงานสำหรับสินค้ายุทธศาสตร์ น้ำตาล ข้าว ยางพารา สินค้าแช่แข็งและวัตถุอันตราย ได้ 66 รายการ คิดเป็น 89.19% จากทั้งหมด 74 รายการ ส่วนที่ยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ ได้กำชับให้หน่วยงานเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในปี 2564 เพื่อสามารถให้บริการแก่ผู้ประกอบการได้ทันทีเมื่อมีการเปิดให้บริการรถไฟสายสปป.ลาว-จีน

ทั้งนี้ คณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ซึ่งมีสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และ เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เห็นชอบจัดทำแผนปฏิบัติการ (Action Plan) และแนวทางการพัฒนาระยะเร่งด่วนให้พร้อมเปิดให้บริการภายในเดือนธ.ค. 2564 รวมทั้งระยะปานกลาง และระยะยาวในช่วงที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระยะยาวยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ

อย่างไรก็ตาม สินค้า เกษตรมีความหลากหลายแตกต่างกันในแต่ละชนิดสินค้า ซึ่งมีเงื่อนไขหรือข้อจำกัด แบ่งออกเป็น 2 มิติ คือ 1. มิติต้นทุน กรณีส่งออกผลไม้สดจะมีเรื่องของการสูญเสียระหว่างขนส่งมากกว่าสินค้าแปรรูป ซึ่ง ความสดใหม่และการเน่าเสียจะง่ายกว่า จำเป็นต้องใช้เทคนิคในการบรรจุภัณฑ์เพื่อป้องกันการกระแทก และรักษา คุณภาพของผลผลิตมากกว่าสินค้าแปรรูป 

2. มิติเวลา กรณีส่งออกสินค้าเกษตรแปรรูปแช่แข็ง จำเป็นต้องใช้การขนส่งที่เหมาะสมด้วยระบบ cold chain เข้ามาช่วยรักษาคุณภาพของสินค้า ให้ไม่เกิดการเน่าเสีย


นอกจากนี้ จากปัญหาสำคัญของการส่งออกสินค้าเกษตรผ่านเส้นทางรถไฟลาว-จีน ยังมีข้อจำกัด เนื่องจาก สินค้าที่ส่งออกทางรางจากด่านหนองคายจะไปสุดปลายทางที่ท่านาแล้ง สปป.ลาว ซึ่งยังไม่เชื่อมต่อจุดที่ขนส่งทางรางไปยังจีน ดังนั้น สินค้าจะต้องถูกเปลี่ยนถ่ายจากรถไฟไปสู่รถบรรทุกขนส่ง ณ ท่านาแล้ง สู่สถานีคำสว่างของลาว ระยะทาง 15-20 กม. ถึงจะเปลี่ยนถ่ายจากรถบรรทุกขนส่งไปยังรถไฟก่อนส่งต่อไปยังจีนได้ ซึ่งการเปลี่ยนถ่าย สินค้าจากรถไฟ-รถบรรทุก-รถไฟ จะต้องใช้ระยะเวลาในการขนถ่าย หากบริหารจัดการไม่ดี จะเป็นปัญหาของการขนส่งสินค้าเกษตรที่เน่าเสียง่าย เรื่องนี้ เป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลไทย-สปป.ลาว-จีน ต้องหารือเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป ทั้งนี้ เกษตรกรผู้ผลิตและผู้ประกอบการส่งออกสินค้าเกษตร ต้องเตรียมความพร้อมรองรับการเปิด เส้นทางรถไฟสายลาว-จีน

ในส่วนของเกษตรกรผู้ผลิต ควรเน้นในเรื่องการผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพได้ มาตรฐานการส่งออก ซึ่งกระทรวงเกษตรฯให้ความสำคัญและส่งเสริมเรื่องนี้มาโดยตลอด ส่วนการเตรียมความพร้อมของ ผู้ประกอบการส่งออกสินค้าเกษตร ในระยะแรกที่เปิดให้บริการเส้นทางรถไฟ ผู้ประกอบการจำเป็นต้องศึกษาความ คุ้มค่าในการส่งออกสินค้าเกษตรผ่านเส้นทางดังกล่าวให้รอบคอบ เนื่องจากมีจุดที่ขาดการเชื่อมโยง Missing link ระยะทาง 15-20 กม. ซึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายสินค้า

หน้า: 1 ... 949 950 [951] 952 953 ... 977