แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Ailie662

หน้า: 1 ... 985 986 [987] 988 989 ... 1035
17749
ลูกอมพระแม่ธรณี

จัดสร้างจากดินใต้ฐานพระแม่ธรณี ผงมหาจักรพรรดิ และมวลสารอื่น ๆ ช่วยในเรื่องการขายบ้าน ขายที่ดิน

17750
เพิ่มความเร็วเว็บ เช็คประสิทธิภาพเว็บไซต์ ด้วย GTmetrix ใหม่
Test speed Google เทสสปีด เพิ่มความเร็วเว็บ

17751
เพิ่มความเร็วเว็บ เช็คประสิทธิภาพเว็บไซต์ ด้วย GTmetrix ใหม่
Test speed Google เทสสปีด เพิ่มความเร็วเว็บ

17752
เพิ่มความเร็วเว็บ เช็คประสิทธิภาพเว็บไซต์ ด้วย GTmetrix ใหม่
Test speed Google เทสสปีด เพิ่มความเร็วเว็บ

17753
เพิ่มความเร็วเว็บ เช็คประสิทธิภาพเว็บไซต์ ด้วย GTmetrix ใหม่
Test speed Google เทสสปีด เพิ่มความเร็วเว็บ

17754
UNIQ เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 8 เดือน ที่ 4.00% ต่อปี คาดว่าเสนอขายผู้ลงทุนทั่วไป 1-3 พ.ย.มั่นใจกระแสตอบรับดี

นายเติมพงษ์ เหมาะสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ ผู้นำทางความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมสมัยใหม่ในด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างของประเทศอย่างมีคุณภาพและครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ สำหรับหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 3 ปี 8 เดือน ไว้ที่ 4.00% ต่อปี กำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน หุ้นกู้ชุดนี้มีแผนเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป ผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ระหว่างวันที่ 1-3 พฤศจิกายน 2564

“ในช่วงเวลาที่นักลงทุนแสวงหาการลงทุนในตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ และมีอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ ‘ลงทุนได้’ (Investment grade) หุ้นกู้ UNIQ เป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์ดังกล่าว โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ BBB และอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทอยู่ที่ BBB+ แนวโน้ม Negative จัดอันดับโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2564 และเมื่อพิจารณาถึงโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่บริษัทสามารถชนะการประมูลงานโครงการขนาดใหญ่จากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจได้อย่างสม่ำเสมอ ยิ่งสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนมากยิ่งขึ้น จึงเชื่อว่าหุ้นกู้ UNIQ จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี” นายเติมพงษ์กล่าว




ADVERTISEMENT


TPIPP ออกหุ้นกู้วงเงินรวมไม่เกิน 5,000 ล้านบาท
ASW เตรียมออกหุ้นกู้ครั้งแรก 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ UNIQ เป็นผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มุ่งเน้นงานสาธารณูปโภคขนาดกลางและขนาดใหญ่ เช่น งานโยธาสถานีกลางบางซื่อของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในด้านบริหารการจัดการและการเลือกใช้เทคโนโลยีระดับสูงให้เหมาะสม และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างสะพานโครงสร้างเหล็กและสะพานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก งานก่อสร้างอุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ทางแยก งานก่อสร้างทางพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กและแอลฟัลท์ติกคอนกรีต งานระบบสาธารณูปโภคใต้ดินทั้งไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์ รวมถึงงานในโครงการรับเหมาก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่มูลค่าโครงการสูง หรือเป็นโครงการที่ต้องอาศัยความชำนาญหรือเทคโนโลยีเฉพาะด้าน ลูกค้าของบริษัทจะเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เช่น กรมทางหลวง การไฟฟ้านครหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นต้น เนื่องจากผลงานของบริษัทได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางถึงคุณภาพและการบริหารโครงการที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้มีโอกาสรับงานจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กิจการร่วมค้า ยูเอ็น-ซีซี (บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ร่วมกับ บจ. ซีวิล คอนสตรัคชั่น เซอร์วิสเซส แอนด์ โปรดักส์) ชนะการประมูลก่อสร้างโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก สัญญาที่ 1 จากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย มูลค่า 7,350 ล้านบาท โดยเป็นสัดส่วนของ UNIQ 70% หรือมูลค่า 5,145 ล้านบาท และสัดส่วนของ “CCSP” 30% คิดเป็นมูลค่า 2,205 ล้านบาท โดยได้ลงนามสัญญาในวันที่ 11 ตุลาคม 2564 เรียบร้อยแล้ว

ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2564 บริษัทมีงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Backlog) มูลค่าประมาณ 88,655.5 ล้านบาท โดยเป็นส่วนที่ยังไม่รับรู้รายได้ประมาณ 16,604.1 ล้านบาท ซึ่งมีอายุสัญญาอีกประมาณ 3 ปี และมีงานที่ชนะการประมูลและลงนามสัญญาในไตรมาส 3 ปี 2564 เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 มูลค่า 10,570 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีรายได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับหุ้นกู้ที่จะเสนอขายในครั้งนี้มีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ และจากสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ได้เพิ่มช่องทางการจองซื้อหุ้นกู้ UNIQ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Money Connect by Krungthai โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปจองซื้อหุ้นกู้ที่สาขาของธนาคาร นักลงทุนที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือโทร 0-2111-1111

17758
EXIM BANK สนับสนุนการลงทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา พร้อมขึ้นทะเบียนขายคาร์บอนเครดิตให้ผู้ประกอบการไทย เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นเศรษฐกิจปลอดคาร์บอน บรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเชื่อมโยงถึงภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และการค้าระหว่างประเทศ ควบคู่กับการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยให้ก้าวทันกระแสเศรษฐกิจสีเขียวเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พร้อมด้วยนายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (TGO) นางรสยา เธียรวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ บริษัท โกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) นายศิริเมธ ลี้ภากรณ์ กรรมการ บริษัท ผลิตไฟฟ้าและพลังงานร่วม จำกัด (CHPP) ในกลุ่มบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และนายอาทิตย์ เวชกิจ ประธานกรรมการ บริษัท นีโอ คลีน เอนเนอร์ยี่ จำกัด ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการ Solar Orchestra เพื่อสนับสนุนการลงทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) และการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตแบบครบวงจรให้กับผู้ประกอบการไทย เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจสู่ชั้นบรรยากาศโลก บรรเทาปัญหาภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศไทยและของโลก ผ่านระบบการประชุมออนไลน์เมื่อเร็วๆนี้

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า วิกฤตสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในปัญหาที่เร่งด่วนที่สุด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการหยุดชะงักของ Supply Chain ของธุรกิจ ตลอดจนความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทุกองค์กรจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาองค์กรตามกรอบการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environment, Social and Governance Framework : ESG) ในขณะที่ประชาคมโลกพยายามร่วมมือกันลดปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนทางธุรกิจสูงขึ้น จนทำให้รัฐบาลของประเทศพัฒนาแล้วมีการเชื่อมโยงการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมกับการค้าระหว่างประเทศ อาทิ การเรียกเก็บภาษีนำเข้าตามการปล่อยคาร์บอน การกำหนดให้ประเทศผู้ส่งออกต้องซื้อคาร์บอนเครดิตเพื่อชดเชยความต้องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการผลิต เป็นต้น



ดร.รักษ์ กล่าวอีกว่า EXIM BANK มีเป้าหมายสู่การเป็น “ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย” โดยดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดีและความรับผิดชอบต่อสังคม ตลอดจนนโยบายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการบริหารจัดการการเงินอย่างมีความรับผิดชอบ เล็งเห็นความสำคัญของการขยายความร่วมมือกับลูกค้าที่มีศักยภาพด้านธุรกิจพลังงาน ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยใช้พลังงานสะอาด โดยครั้งนี้ EXIM BANK ออกแบบสินเชื่อเพื่อลงทุนติดตั้ง Solar Rooftop พร้อมขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตแบบครบวงจร เพื่อให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะใน Supply Chain การส่งออก สามารถปรับตัวและเปลี่ยนข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานให้เป็นจุดเปลี่ยนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของภาคธุรกิจไทย สอดรับกับเป้าหมายของประเทศไทยที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามความตกลงปารีส (Paris Agreement)

“EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ได้ริเริ่มออกแบบและให้บริการทางการเงินเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยก้าวข้ามข้อจำกัดด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกและการส่งออกของไทยในเวทีการค้าโลก เป็นผลจากการดำเนินมาตรการลดคาร์บอนที่เข้มข้นขึ้นในทุกภาคส่วนของโลกกลายเป็นโจทย์ใหม่ที่ผู้ประกอบการต้องเตรียมรับมือ โดยเฉพาะผู้ส่งออกไทย ต้องเร่งปรับตัวและพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน EXIM BANK จึงร่วมมือกับพันธมิตรจากภาครัฐและเอกชนสร้าง Symphony of Energy เป็นวัคซีนฉีดให้ผู้ส่งออกไทยมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ถนนทุกสายมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคตอันใกล้ ทันต่อสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและยากจะควบคุมได้ ทุกภาคส่วนขับเคลื่อนการเติบโตและการพัฒนาประเทศบนรากฐานที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ด้วยความร่วมมือที่สอดประสานกันอย่างมีพลัง”

17759
เอบีพีโอ ในเครือ ทีวี ไดเร็ค แตกไลน์ลุยธุรกิจขนส่งพัสดุ 4 แสนล้านบาท ส่งแบรนด์ ‘Xpresso’ บริการรับ-ส่งพัสดุถึงหน้าบ้าน ผ่านโมบายแอปพลิเคชั่น ชูจุดเด่นฟีเจอร์แจ้งบริษัทเข้ารับสินค้าล่วงหน้า ราคาเริ่มต้นที่ 25บาท เฟสแรกเจาะ กทม.-ปริมณฑล ตั้งเป้าขึ้นแท่น Top 10 โลจิสติกส์ไทย คาดปี’65 โกยรายได้ 600 ล้านบาท

วันที่ 18 ตุลาคม 2564 นายธีระพงษ์ ลิมป์ประเสริฐ หัวหน้าสายงาน Fulfillment และบริหารค้าปลีก บริษัท เอบีพีโอ จำกัด ในเครือ บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ยักษ์ใหญ่ทีวีโฮมช้อปปิ้ง เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทได้เดินหน้ารุกธุรกิจให้บริการรับส่งทั่วประเทศภายใต้ชื่อ ‘Xpresso’ และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในเดือนตุลาคมนี้


ธีระพงษ์ ลิมป์ประเสริฐ
โดยให้บริการผ่านโมบายแอปพลิเคชั่น Xpresso แก่ผู้ค้าออนไลน์ เอสเอ็มอี และลูกค้าทั่วไป ในรูปแบบ Next Day หรือบริการจัดส่งถึงมือลูกค้าในวันถัดไป ในราคาเริ่มต้น 25-35 บาท ชูจุดเด่นเข้ารับพัสดุถึงหน้าบ้าน (Door to Door) และจัดส่งถึงปลายทาง


ควบคู่ด้านอำนวยความสะดวก โดยผู้ส่งสินค้าสามารถแจ้งล่วงหน้าให้เข้ารับของ 5 ช่วงเวลา (นัดหมายล่วงหน้า 3 ชั่วโมง) โดยที่เข้ารับพัสดุช่วงเวลาสุดท้าย 20.00-22.00 น. นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ APP Shop สำหรับร้านค้าออนไลน์หรือผู้ประกอบการ และระบบติดตามพัสดุที่จะแสดงสถานะของพัสดุพร้อมกับตำแหน่งปัจจุบัน

ทั้งนี้ ในช่วงแรกบริษัทเปิดให้บริการในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล และเตรียมขยายการให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศด้วยการเปิด AT SHOP Application ในรูปแบบร้านค้า ที่ให้บริการ 58 สาขา ครอบคลุม 50 จังหวัด

พร้อมกับเตรียมเปิดให้บริการในรูปแบบ Xpresso Same Day บริการส่งพัสดุถึงปลายทางภายในวันเดียวหรือไม่เกิน 24 ชั่วโมง

ขณะเดียวกันกำลังเจรจาร่วมทุนกับบริษัทสตาร์ตอัพสัญชาติไทย ผู้ให้บริการจองขนส่งพัสดุครบวงจรผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่ธุรกิจให้บริการระบบจัดการคลังสินค้าออนไลน์ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น




“บริษัทเล็งเห็นการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ไทย โดยมีปัจจัยหลักจากอีคอมเมิร์ซ ส่งผลให้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจดังกล่าวมีการขยายตัวสูง จากปี 62 ที่มีมูลค่าตลาดราว 163,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 80% เป็น 294,000 ล้านบาท ในปี 63 ขณะที่ปี 64 คาดการณ์ได้ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 400,000 ล้านบาท หรือโตขึ้นอีก 50%”

ทั้งนี้ กำลังความแข็งแกร่งจากสตาร์ตอัพวงการขนส่งพัสดุจะผลักดันให้ ‘Xpresso’ สามารถให้บริการที่รวดเร็วภายใต้ราคาที่เข้าถึงได้ง่าย และเรายังมีบริการส่งของขนาดใหญ่พร้อมบริการประกอบอีกด้วย โดยวางเป้าหมายจะก้าวขึ้นเป็น Top 10 ของผู้ให้บริการขนส่งพัสดุในประเทศไทย

สำหรับเป้าหมายของธุรกิจให้บริการระบบจัดการคลังสินค้าออนไลน์ บริษัทคาดว่าในปี 2565 จะมีรายได้ 600 ล้านบาท โดยมาจากรายได้บริการขนส่งพัสดุ Xpresso ประมาณ 200 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายที่ 30,000 ชิ้นต่อวัน จากการขยายให้บริการทั่วประเทศ ส่วนอีก 400 ล้านบาท จะมาจากรายได้จากธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าขนาดกลางและขนาดใหญ่ของทีวี ไดเร็ค และบริการคลังสินค้า Fulfillment

17760
อุตสาหกรรมเชียงใหม่จัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจพร้อมนำเสนอผลงานผู้ประกอบการ  กลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟในภาคเหนือ สร้างโอกาสการเติบโตในธุรกิจ

อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ จัดพิธีเปิดกิจกรรมเจรจาธุรกิจพร้อมนำเสนอผลงานผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟในภาคเหนือ ภายใต้โครงการพัฒนาศูนย์กลางอุตสาหกรรมและธุรกิจกาแฟในภูมิภาค (Lanna Coffee Hub) กิจกรรมพัฒนาขีดความสามารถเชิงธุรกิจของเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมและธุรกิจกาแฟ  (Coffee Entrepreneurs Development) โดยเปิดโอกาสให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 1 ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน ได้รับโอกาส ในการต่อยอดธุรกิจสู่เวทีระดับสากล นอกเหนือจากองค์ความรู้และการพัฒนาทักษะจากการอบรม เพื่อพัฒนาทักษะและขีดความสามารถทางการแข่งขันทางธุรกิจของเกษตรกรและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมและธุรกิจกาแฟ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมกาแฟและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่อง พร้อมตอบโจทย์กลุ่มตลาดเป้าหมายได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ภายใต้กรอบ BCG Model และเป็นที่รู้จักในวงกว้างอันนำไปสู่การเกิดศูนย์กลางอุตสาหกรรมกาแฟในระดับภูมิภาค


 

ในการนี้ ผศ.ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้เกียรติกล่าวต้อนรับผู้ร่วมงานในฐานะผู้จัดกิจกรรมร่วมกับ บริษัท คิริมารุ จำกัด โดยมีนายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ณ ลานกิจกรรมชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา เชียงใหม่ แอร์พอร์ต

ADVERTISEMENT


ทั้งนี้ นายบุญอุ้ม วงศ์บุตร อุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ ให้ข้อมูลในฐานะผู้ให้ทุนว่า สำหรับกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 16-18 ตุลาคม 2564  โดยจัดให้มีนิทรรศการแสดงผลงานผลิตภัณฑ์และจำหน่ายสินค้าจากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ถึงปลายน้ำจำนวนกว่า 50 บูธ พร้อมเชิญนักธุรกิจและนักลงทุนจากบริษัทชื่อดังทั้งในและต่างประเทศมากถึง 10 หน่วยงานองค์กร อาทิ องค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) บริษัท เอเจ อีคอมเมิร์ซ จำกัด (Alibaba.com) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ฯลฯ โดยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมชมงานได้พร้อมเลือกซื้อสินค้าอุดหนุนผู้ประกอบการและเปิดโลกธุรกิจกาแฟให้มากขึ้นได้จากงานนี้

17761
กบข.มองไตรมาส 4 เศรษฐกิจโลกขยายตัวเป็นบวกแต่ชะลอตัวลง เหตุจากโควิด ส่งผลให้ปัญหา Supply Chain Disruption ยืดเยื้อ เพิ่มความกังวล Stagflation นักลงทุนทยอยลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยงอย่างระมัดระวังให้สอดคล้องตามสถานการณ์เศรษฐกิจ

ดร.ศรีกัญญา ยาทิพย์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มขยายตัวเป็นบวกแต่ชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3 ต่อเนื่องถึงไตรมาสที่ 4 ซึ่งมีสาเหตุมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ทำให้เกิดปัญหา Supply Chain Disruption (ห่วงโซ่อุปทานเกิดภาวะชะงักงัน) ทั้งในภาคผลิต ภาคบริการ และตลาดแรงงาน มีความยืดเยื้อมากขึ้น และยังเป็นปัจจัยที่ทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงเกินกว่าการคาดการณ์ทั่วไปรวมถึงเป้าหมายเสถียรภาพราคาของธนาคารกลางหลักๆ

ขณะเดียวกันยังสร้างความกังวล Stagflation (ภาวะที่อัตราเงินเฟ้อสูงแต่เศรษฐกิจไม่ขยายตัว) ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกลางของประเทศขนาดใหญ่เริ่มมีท่าทีเข้มงวด รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่เริ่มแสดงประมาณการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในปีถัดๆไป เร็วกว่าที่ตลาดประเมิน นอกจากนี้ความเข้มงวดของรัฐบาลจีนในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน และปัญหาหนี้ภาคธุรกิจในจีนได้สร้างความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลกในระยะสั้น

อย่างไรก็ดีจากความเสี่ยงต่างๆข้างต้น จะทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง แต่จะไม่ชะงักงัน ทำให้ความน่าจะเป็นที่จะเกิดภาวะ Stagflation ยังมีไม่มากนัก อย่างไรก็ดี หลายภาคส่วนต้องใช้เวลาฟื้นตัวมากกว่าที่คาด เพื่อกลับเข้าใกล้เคียงระดับปกติ พิจารณาจากหลายองค์ประกอบ เช่น อัตราผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ค่อนข้างต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับการระบาดแต่ละระลอกที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีอัตราการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรได้เป็นส่วนใหญ่ และการเร่งฉีดวัคซีนในประเทศกำลังพัฒนาในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา แนวโน้มการเคลื่อนที่ (Mobility Trends) ของผู้คนทั่วโลกที่โดยรวมแล้วทรงตัวได้ค่อนข้างดีท่ามกลางการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระลอกหลัง ความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้อโลกและเศรษฐกิจหลักที่เริ่มทรงตัว แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง เป็นผลมาจากปัญหาด้านอุปทานตึงตัวที่น่าจะผ่อนคลายขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ดีขึ้น แม้ว่ายังมีความกังวลจากการปรับตัวกลับเข้าใกล้ภาวะปกติที่ต้องใช้เวลาพอสมควรของการผลิตสินค้าที่ต้องใช้ semiconductor ที่กำลังขาดตลาด และผลจากอุปสงค์โลกโดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีแนวโน้มชะลอลง สอดคล้องกับวัฏจักรเศรษฐกิจที่การขยายตัวถึงจุดสูงสุดไปแล้วในช่วงไตรมาสที่ 2-3 ที่ผ่านมา

ส่วนประเด็นเศรษฐกิจจีนนั้น กบข.ประเมินว่าการดำเนินการเข้มงวดด้านนโยบายและจัดระเบียบในหลายๆอุตสาหกรรม (Regulatory Crackdown) เพื่อความยั่งยืนและความมั่งคั่งรวมกัน ( Common Prosperity)ยังคงมีต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงในระยะยาว แม้ว่าจะมีผลกระทบเชิงลบระยะสั้น และจากปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทในภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้ง Evergrande กบข.คาดว่ารัฐบาลจีนอาจมีการเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งธนาคารกลางจีน (PBoC) เสริมสภาพคล่องในช่องทางต่าง ๆ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องในระบบการเงิน

สำหรับเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าประเทศคู่ค้า แต่เชื่อว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะไม่กลับมารุนแรง อีกทั้งดุลบัญชีเดินสะพัด (Current Account) อาจกลับมาเกินดุลได้ในปี 2565 หลังการเปิดประเทศในช่วงปลายปี 2564

ADVERTISEMENT


ขณะที่ด้านมุมมองต่อการลงทุนและจัดสรรสินทรัพย์ การทยอยลดสัดส่วนการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงโดยเฉพาะตราสารทุนอย่างระมัดระวังมีความเหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตช้าลงต่อเนื่อง ความเสี่ยงเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และนโยบายของ Fed ที่จะทยอยลดการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าในระบบ อย่างไรก็ดี ระบบการเงินยังมีสภาพคล่องในระดับสูงและกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกในระยะข้างหน้ามีแนวโน้มขยายตัวเป็นบวก หนุนให้คงระดับการถือครองสินทรัพย์เสี่ยงไม่ต่ำกว่าสัดส่วนผลประเมินความเหมาะสมในการรับความเสี่ยงของนักลงทุน (Suitability Test) รวมทั้งการถือครองสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงมีประโยชน์ในการป้องกันความเสี่ยงอัตราเงินเฟ้อที่ยังไม่มีสัญญาณผ่อนคลายได้

นอกจากนี้ กบข.คาดว่า อัตราดอกเบี้ยระยะยาวอายุ 10 ปีของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ณ สิ้นปี 2564 จะอยู่ที่ประมาณ 1.6% ซึ่งประเมินจากอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ติดลบในปัจจุบัน อยู่ในระดับที่ต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับสภาวะเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ระดับสูง ส่วนค่าเงินบาท กบข. ประเมินว่าช่วงที่เหลือของปี 2564 แกว่งตัว แต่จะอ่อนค่าได้ไม่น่าเกินประมาณ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และมีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้เมื่อเข้าสู่ครึ่งแรกของปี 2565 จากการที่หลายประเทศตลาดเกิดใหม่น่าจะกลับมาฟื้นตัวและขยายตัวได้ดีกว่าประเทศตลาดเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว

17762
ลูกอมพระแม่ธรณี

จัดสร้างจากดินใต้ฐานพระแม่ธรณี ผงมหาจักรพรรดิ และมวลสารอื่น ๆ ช่วยในเรื่องการขายบ้าน ขายที่ดิน

17763
โบรกฯ ชี้แรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมีเข้ามาหนุนตลาด ดันดัชนีหุ้นไทยปิด +5.58 จุด ตอบรับราคากลุ่มสินค้า Commodity โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมา ตลอดจนถึงหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน ที่ยังสามารถประคองตลาดไว้ได้ แม้ว่าจะมีแรงขายกลุ่ม Reopening ออกมาบ้าง

ตลาดหลักทรัพย์ปิดทำการซื้อขายวันที่ 18 ตุลาคม 2564 ปรับตัว +5.58 จุด หรือ +0.34% ที่ระดับ 1,643.92 จุด โดยมีมูลค่าการซื้อขายกว่า 80,254.45 ล้านบาท ในระหว่างวันดัชนีปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ระดับ 1,648.00 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,639.92 จุด

ขณะที่ในส่วนหลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยปรับตัวเพิ่มขึ้น 732 หลักทรัพย์ ลดลง 958 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 561 หลักทรัพย์

ขณะที่ปริมาณการซื้อขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิกว่า 3,773.87ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิ 76.54 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนในประเทศขายสุทธิ -2,130.49 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ -1,719.93ล้านบาท

ส่วนหุ้น 5 อันดับที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด

1.KBANK 4,881.47 ล้านบาท ปิดที่ 145.00 บาท เพิ่มขึ้น +2.50 บาท หรือ (+1.75%)
2.PTTGC 2,337.57 ล้านบาท ปิดที่ 66.75 บาท เพิ่มขึ้น +2.00 บาท หรือ (+3.09%)
3.DELTA 2,118.56 ล้านบาท ปิดที่ 454.00 บาท เพิ่มขึ้น +2.00 บาท หรือ (+0.44%)
4.HANA 1,936.56 ล้านบาท ปิดที่ 77.75 บาท เพิ่มขึ้น +5.00 บาทหรือ (+6.87%)
5.BANPU 1,835.46 ล้านบาท ปิดที่ 13.00 บาท เพิ่มขึ้น -0.10 บาท หรือ (-0.76%)

ส่วนหุ้นกลุ่ม SET100 ราคาปรับตัวบวกมากที่สุด ได้แก่

1.HANA ปิด 77.75 บาท เพิ่มขึ้น +5.00 บาท หรือ +6.87%
2.SCC ปิด 402.00 บาท เพิ่มขึ้น +3.00 บาท หรือ +0.75%
3.KBANK ปิด 145.00 บาท เพิ่มขึ้น +2.50 บาท หรือ +1.75%
4.EGCO ปิด 180.50 บาท เพิ่มขึ้น +2.00 บาทหรือ +1.12%
5.DELTA ปิด 454.00 บาท เพิ่มขึ้น +2.00 บาท หรือ +0.44%

ขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่ม SET100 ที่มีราคาปรับลดลงลบมากที่สุด ได้แก่

1.AEONTS (XD) ปิด 190.50 บาท ลดลง -2.50 บาท หรือ -1.30%
2.CBG ปิด 119.00 บาท ลดลง -1.50 บาท หรือ -1.24%


X


3.PTL ปิด 25.50 บาท ลดลง -1.00 บาท หรือ -3.77%
4.COM7 ปิด 71.25 บาท ลดลง -1.00 บาทหรือ -1.38%
5.TQM ปิด 105.50 บาท ลดลง -1.00 บาทหรือ -0.94%

ขณะที่ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,254.30 จุด เพิ่มขึ้น 8.40 จุด หรือ 0.37% ส่วนดัชนี SET50 ปิดที่ 991.07 จุด เพิ่มขึ้น 3.63 จุด หรือ 0.37% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 558.44 จุด เพิ่มขึ้น 3.99 จุด หรือ 0.72%

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวในทิศทางบวกตามที่ได้ประเมินไว้ โดยมีแรงหนุนเข้าซื้อจากกลุ่มพลังงานและกลุ่มปิโตรเคมีเข้ามาประคองตลาดไว้ ตอบรับราคากลุ่มสินค้า Commodity โดยเฉพาะราคาน้ำมันปรับขึ้น รวมทั้งกลุ่มแบงก์ประคองตลาดไว้ได้ แม้ว่าจะมีแรงขายกลุ่ม Reopening ย่อตัวลงหลังจากปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการย่อตัวลงจากที่ช่วงเช้าปรับตัวขึ้น ยกเว้น HANA ที่มีปัจจัยเฉพาะตัวรองรับ

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นแข็งแรงกว่าตลาดอื่นในภูมิภาคที่เคลื่อนไหวในแดนลบหลังผิดหวังตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไตรมาส 3/64 ของจีนที่ออกมาต่ำกว่าคาด

ส่วนแนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้ มองว่าแนวโน้ม น่าจะยังแกว่ง sideway ขึ้นในกรอบจำกัด ลุ้นผ่าน 1,650 จุด อาจเป็นไปได้ยาก พร้อมให้แนวรับที่ 1,635 จุด และแนวต้าน 1,650 จุด
 

17764
เพิ่มความเร็วเว็บ เช็คประสิทธิภาพเว็บไซต์ ด้วย GTmetrix ใหม่
Test speed Google เทสสปีด เพิ่มความเร็วเว็บ

17765
เพิ่มความเร็วเว็บ เช็คประสิทธิภาพเว็บไซต์ ด้วย GTmetrix ใหม่
Test speed Google เทสสปีด เพิ่มความเร็วเว็บ

17766
เพิ่มความเร็วเว็บ เช็คประสิทธิภาพเว็บไซต์ ด้วย GTmetrix ใหม่
Test speed Google เทสสปีด เพิ่มความเร็วเว็บ

หน้า: 1 ... 985 986 [987] 988 989 ... 1035