แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Ailie662

หน้า: 1 ... 988 989 [990] 991 992 ... 1036
17803
กระทรวงพาณิชย์ เร่งเครื่องยกระดับมาตรฐานสินค้าไทยให้ผู้ประกอบการ ภายหลังได้รับการขอเข้าพบจากผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด (Central Laboratory Thailand) ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัดสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักนายกรัฐมนตรี เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ ตรวจสอบสินค้าและเป็นห้องปฏิบัติการที่มีมาตรฐานสากล เพื่อหารือความร่วมมือด้านการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ประกอบการยกระดับคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยมีข้อสรุปเบื้องต้น 3 ประเด็นคือ 1) ร่วมมือกันยกระดับมาตรฐานสินค้าไทย สร้างมาตรฐานความปลอดภัย และผลักดันสู่การรับรองมาตรฐาน พร้อมประชาสัมพันธ์ผ่านกลุ่มธุรกิจในเครือข่ายของกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากว่า1.5 หมื่นราย 2) ขยายความร่วมมือไปยังหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ไปสู่การลงนาม MOU ในอนาคต 3) ลดค่าบริการการใช้ห้องปฏิบัติการให้ผู้ประกอบการตัดภาระค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็นออกไป


นายธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ ให้เร่งหาแนวทางพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้เติบโตควบคู่กับยกระดับมาตรฐานการผลิตสินค้าสร้างมาตรฐานให้ปลอดภัยจากสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค เป็นที่ยอมรับและได้ตรารับรองในระดับสากล โดยเมื่อเร็วๆนี้ได้เป็นประธานการประชุมประเด็น การหาความร่วมมือด้านการส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้กับผู้ประกอบการ เพื่อยกระดับคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐาน

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ได้รับการประสานขอเข้าพบจากบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด (Central Laboratory Thailand) โดยมีนายชาคริต เทียบเธียรรัตน์ กรรมการผู้อำนวยการ, ดร.นลินี สุรดินทร์กูร ผู้อำนวยการส่วนพาณิชย์และพัฒนาธุรกิจและผู้บริหารฯ จากบริษัทห้องปฏิบัติการกลางฯ พร้อมด้วยผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเข้าร่วมหารือ



โดยประเด็นการหารือในวันนี้แบ่งเป็น 3 ส่วนหลักคือ 1.ความร่วมมือในการยกระดับมาตรฐานสินค้าไทย สร้างมาตรฐานความปลอดภัยการผลิตสินค้า และเข้าสู่กระบวนการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือทั้งภายในและต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้ามีภารกิจในการผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยสามารถยกระดับธุรกิจและผลิตสินค้าได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคภายใต้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ อีกทั้งสร้างการรวมกลุ่มและเครือข่ายระหว่างธุรกิจให้เข้มแข็ง ซึ่งมีเครือข่ายผู้ประกอบการในกลุ่มต่างๆที่ได้รับการส่งเสริมจากกรมฯ จำนวนกว่า 15,000 ราย ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ที่ผ่านการอบรมและพัฒนาสู่มาตรฐานจำนวน 400 ธุรกิจ,OTOP Select จำนวน 1,818 ราย,MOC Biz Club จำนวน 12,837 ราย, ร้านอาหาร Thai SELECT จำนวน 950 ร้าน

"กระทรวงพาณิชย์มีความยินดีที่จะร่วมมือกับ Central Lab Thai ในการประชาสัมพันธ์และบริษัทฯจะเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้ผู้ประกอบการในกลุ่มข้างต้นได้มีความรู้และตระหนักถึงความสำคัญในการตรวจสอบ วิเคราะห์ ตลอดจนการผลิตสินค้าให้เป็นที่ปลอดภัยได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค และก้าวไปสู่การได้รับรองมาตรฐานจากบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยยกระดับสินค้าให้เป็นที่ยอมรับต่อผู้บริโภคทั้งภายในและต่างประเทศได้"

ADVERTISEMENT


2.การสร้างความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้สังกัดของกระทรวงพาณิชย์ การหารือในครั้งนี้ยังได้ขยายแนวทางไปถึงการส่งเสริมผู้ประกอบการในกลุ่มอื่นๆ ตามภารกิจของแต่ละหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์ อาทิ การตรวจสอบสินค้าเกษตรปลอดภัย (กรมการค้าภายใน) การเพิ่มมูลค่าให้สินค้าด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลด้านโภชนาการทางอาหาร (Food with function claims) ให้สินค้า GI (กรมทรัพย์สินทางปัญญา) และการยกระดับความรู้ด้านมาตรฐานและความปลอดภัยของสินค้าส่งออก (กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) อย่างไรก็ดีในอนาคตกระทรวงพาณิชย์และบริษัทฯ จะได้ศึกษาแนวทางความร่วมมือไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และจะมีการลงนามข้อตกลงสร้างความร่วมมือ (MOU) ในโอกาสต่อไป

3.ลดค่าบริการการใช้ห้องปฏิบัติการให้กับผู้ประกอบการที่อยู่ภายใต้การส่งเสริมของกระทรวงฯ โดยได้ขอความร่วมมือจากบริษัทฯ จัดทำแพ็คเกจและโปรโมชั่นลดค่าบริการที่เหมาะสมกับแต่ละประเภทธุรกิจหรือสามารถตรวจสอบวิเคราะห์ผลของสินค้าเป็นรายการได้เพื่อตัดค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็นของธุรกิจออกไปและยังช่วยจูงใจให้ธุรกิจได้เล็งเห็นความสำคัญของการยกระดับสินค้าของตนเองขึ้นอีกด้วย

“การหารือในครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญในการสร้างพันธมิตรและความร่วมมือเพื่อช่วยกันนำพาธุรกิจไทยโดยเฉพาะ SME ให้ยกมาตรฐานการผลิตสินค้าอยู่บนระดับสากล มีเครื่องหมายการันตีที่ไม่เพียงแต่สามารถนำไปจำหน่ายได้ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศเท่านั้น แต่ยังสามารถส่งออกไปต่างประเทศสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้เติบโตและได้รับความมั่นใจจากผู้บริโภคชาวต่างชาติด้วย”

อนึ่งบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจด้านการตรวจวิเคราะห์มาตรฐานสินค้าให้กับผู้ประกอบการในกลุ่มต่างๆ อาทิ ผู้ส่งออก ธุรกิจการเกษตร SMEs OTOP และวิสาหกิจชุมชน โดยมีบริการตรวจวิเคราะห์ผลทางห้องปฏิบัติการ (Lab) อาทิ การตรวจหาสารเคมีตกค้าง ยาปฏิชีวนะที่อยู่ในเนื้อสัตว์ เชื้อก่อโรค สารปนเปื้อน เป็นต้น และบริการตรวจรับรองมาตรฐานนอกห้องปฏิบัติการ (Non Lab)อาทิ การตรวจประเมิน/รับรองคุณภาพสินค้า ระบบการผลิต การสอบเทียบเครื่องมือ เป็นต้น

 

17804
ลูกอมพระแม่ธรณี

จัดสร้างจากดินใต้ฐานพระแม่ธรณี ผงมหาจักรพรรดิ และมวลสารอื่น ๆ ช่วยในเรื่องการขายบ้าน ขายที่ดิน

17808
บทความโดย : สุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟีนิกซ์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซี่จำกัด "ข้อดีของการลงทุนพัฒนาคอนโดมิเนียมราคาต่ำล้าน"

คอนโดมิเนียมราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทก่อนหน้านี้อาจจะมีเกิดขึ้นไม่มาก และเป็นโครงการที่ผู้ประกอบการเลือกที่จะไม่ให้ความสำคัญหรือมีการเปิดขายน้อยมาก แต่ยังคงมีผู้ประกอบการบางรายที่เปิดขายในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อยูนิตแต่สัดส่วนอาจจะไม่มากนัก อาจจะมีเพียง 1 -2 โครงการต่อปีเท่านั้น แต่ในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา

เริ่มมีผู้ประกอบการบางรายที่เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคานี้มากขึ้น ก่อนหน้านี้อาจจะมีผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น บริษัทแอล.พี.เอ็น. ดีเวลล็อปเมนท์จำกัด(มหาชน) และบมจพฤกษา ที่เปิดขายแต่ในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการรายใหญ่อีกรายที่เข้ามาเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทคือ บมจ.เสนา ดีเวลลอปเม้นท์

จำนวนคอนโดมิเนียมในระดับราคาต่ำกว่าล้านบาทต่อยูนิต ซึ่งอาจจะไม่ใช่ทั้งโครงการที่มีราคาขายต่ำกว่า 1 ล้านบาท แต่ยูนิตส่วนใหญ่มีราคาขายไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะเริ่มกันที่ประมาณ 7 – 8 แสนบาทต่อยูนิตสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 25 ตารางเมตรในทำเลชานเมืองของกรุงเทพหานครไม่ไกลจากแหล่งงานที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม หรือถ้าเป็นโครงการที่อยู่ใกล้กับพื้นที่ชั้นกลางของกรุงเทพมหานครราคาขายจะขยับขึ้นไปที่มากกว่า 900,000 บาทต่อยูนิต ซึ่งปรากฏว่า


คอนโดมิเนียมในระดับราคานี้ได้รับความสนใจทั้งจากกลุ่มคนรายได้ไม่มาก และกลุ่มของนักลงทุนที่เข้าไปซื้อเพื่อปล่อยเช่า แต่เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว ธนาคารต่างๆ เข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อมากขึ้น ผู้ประกอบการที่มีโครงการระดับนี้พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงเวลาเดียวกันจำนวนมาก ได้รับผลกระทบพอสมควรเพราะผู้ซื้อส่วนหนึ่งไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ ธนาคารไม่อนุมัติสินเชื่อ ซึ่งแน่นอนว่า

ผู้ประกอบการเจ้าของโครงการได้รับผลกระทบจากกระแสเงินสดที่ขาดหายไปทันที ดังนั้นผู้ประกอบการบางรายเลือกที่จะไม่ลงทุน กลับให้ความสนใจโครงการที่มีราคาขายช่วง 1 – 2 ล้านบาทต่อยูนิต  แต่สุดท้ายแล้วกลุ่มผู้ซื้อบางส่วนของโครงการระดับราคา 1 – 2 ล้านบาทต่อยูนิตก็คือ กลุ่มเดียวกับที่สนใจซื้อคอนโดมิเนียมในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท และประสบกับปัญหาเดียวกัน คือ เรื่องการขอสินเชื่อธนาคาร ผู้ประกอบการหลายรายจึงลดการเปิดขายโครงการระดับนี้ไปอีก และพยายามหากลุ่มเป้าหมายใหม่ทดแทน

ย้อนไปก่อนปี2560 มีโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อยูนิตค่อนข้างมากเลือกที่จะชะลอการเปิดขายโครงการในระดับราคานี้ลงไปตั้งแต่ปี2561 เป็นต้นมา แต่ก็ยังคงมีโครงการในระดับราคานี้เปิดขายอยู่เพียงแต่จำนวนยูนิตไม่ได้มากเหมือนี่ผ่านมา แต่ก็มีผู้ประกอบการบางรายที่เข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการในระดับราคานี้ โดยเห็นได้ชัดเจนคือ บมจสนา ดีเวลลอปเม้นท์

ที่ทยอยเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคานี้ออกมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงปี2563 – 2564 อาจจะยังน้อยกว่ารีเจนท์ กรีนเพาเวอร์ แต่ถ้าพิจารณาเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่แล้วเสนาฯ มีการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อยูนิตมากที่สุด และยังมีอีกหลายโครงการที่จะเปิดขายในไตรมาสที่ 4 ปี2564 ค่ายแสนสิริเองก็ขยับเข้ามาเปิดขายโครงการในระดับราคานี้เช่นกัน

โครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทต่อยูนิตอาจจะดูไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคาที่สูงกว่า เพราะมูลค่าโครงการไม่มาก ต้องเปิดขายโครงการระดับนี้มากกว่า 1 โครงการจึงจะมีรายได้เทียบกับโครงการคอนโดมิเนียมระดับกลาง แต่ในมุมมองของผู้ประกอบการที่โครงการหลายรูปแบบ และหลายระดับราคา

การมีโครงการรูปแบบนี้ก็เท่ากับว่าช่วยให้พวกเข้าถึงกลุ่มผู้ซื้อได้มากขึ้น และหลากหลายกว่า อีกทั้งโครงการรูปแบบนี้ใช้เวลาในการก่อสร้างไม่นาน ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถสร้างกระแสเงินสดได้ในเวลาที่ไม่ยาวนานเกินไป บางโครงการใช้เวลาก่อสร้างไม่ถึง 1 ปี

17809
ลูกอมพระแม่ธรณี

จัดสร้างจากดินใต้ฐานพระแม่ธรณี ผงมหาจักรพรรดิ และมวลสารอื่น ๆ ช่วยในเรื่องการขายบ้าน ขายที่ดิน

17813
ผิวขาวทันใจ ผิวใสข้ามคืน สินค้าเริ่มต้น ราคาหลักสิบ

เข้าชมสินค้าที่นี่  https://bit.ly/2X6KMAY


17814
บล.ไทยพาณิชย์ (SCBS) มองวัฏจักรเศรษฐกิจไทยเข้าสู่ Stagflation ให้เป้า SET Index ปี 65 อิงกับปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 1,600 จุด แนะกลยุทธ์การลงทุน ถือครองหุ้นขนาดใหญ่และกลุ่มหุ้นเชิงรับที่กำไรมีแนวโน้มเติบโต-งบดุลแข็งแรง ชู 5 หุ้นน่าลงทุน BEM KCE OSP SECURE และ ZEN

นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS )กล่าวว่าวัฏจักรเศรษฐกิจกำลังจะเปลี่ยนจากภาวะ Reflation สู่ภาวะ Stagflation (เศรษฐกิจชะลอตัวแต่เงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น) ตลาดปรับลดมุมมองเกี่ยวกับการเติบโตลงโดยมีสาเหตุมาจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และการเติบโตของจีน ในขณะที่ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสืบเนื่องมาจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานองค์ประกอบความกังวลที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง คือ ความเสี่ยงจากไวรัสสายพันธุ์เดลต้าและบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนรวมถึงการปรับลดวงเงิน QE ของเฟด

ทั้งนี้คาดเฟดจะประกาศลด QE จริงใน 4/64 การปรับลดวงเงินมาตรการซื้อสินทรัพย์ (QE tapering) อาจจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงและเพิ่มความเสี่ยงให้กับสินทรัพย์ทางการเงิน เมื่อสินทรัพย์รวมของธนาคารกลางปรับตัวลดลง ผลตอบแทนของตลาดจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ส่วนความกังวลจากประเทศจีน คือ กฎระเบียบที่เข้มงวดมากขึ้นของสถาบันการเงินส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ ตัวอย่างเช่น กรณีของบริษัท Evergrande ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับสองในจีนมีความเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ นอกจากนี้เมื่อ yield curve เปลี่ยนเป็น Bear หรือ Bull flattening ผลตอบแทนโดยรวมของสินทรัพย์เสี่ยง (รวมถึง SET) ยังคงเป็นบวกแต่จะลดลงสู่ตัวเลขหลักเดียว 


สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ตัวเลขเศรษฐกิจไทยล่าสุดแสดงถึงการปรับตัวดีขึ้นบ้างหลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เริ่มปรับตัวลดลงตามลำดับ ในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่ระดับมากกว่า 500,000 คนต่อวัน ส่งผลทำให้รัฐบาลประกาศผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในจังหวัดพื้นที่สีแดง อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนก.ค. ส่งสัญญาณถึงการปรับตัวแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ดังนั้นเราจึงยังคงประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยไว้ที่ ประมาณ 1% ในปีนี้ ลดลงจากที่ คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2% โดยมีสาเหตุมาจากมาตรการล็อกดาวน์รอบล่าสุด เราเชื่อว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์โควิด-19 และการทยอยกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจใกล้เคียงกับโมเดลของ SCBS 

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยไตรมาสที่ 4/64 โดยปกติแล้วไตรมาส 4 เป็นไตรมาสที่แข็งแกร่งและผลตอบแทนเป็นบวก โดยให้ผลตอบแทนเฉลี่ย4% และปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 60%ในช่วงเวลาดังกล่าว เมื่ออิงกับข้อมูลในอดีต นอกจากนี้ไตรมาส 4 ยังเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดสาหรับหุ้นที่มี beta สูง  เช่น หุ้นขนาดเล็ก หุ้นคุณค่า และหุ้นวัฏจักร แต่ครั้งนี้อาจจะแตกต่างออกไป โดยมีสาเหตุมาจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะ stagflation แรงกดดันด้านมาร์จิ้น QE tapering และความเสี่ยงด้านการเมืองที่สูงขึ้นซึ่งอาจทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในไตรมาสนี้  ดังนั้น เพื่อเตรียมรับมือกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้น จึงแนะนำให้คงการถือครองหุ้นขนาดใหญ่และกลุ่มหุ้นเชิงรับที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่งและงบดุลแข็งแรงเพื่อลดความผันผวนและป้องกันผลกระทบจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด
 

5 หุ้นน่าลงทุน

หุ้นเด่นไตรมาสที่ 4/64  แนะนำหุ้นที่มีลักษณะเฉพาะ 1) เป็นหุ้นเชิงรับ 2) ได้ประโยชน์จากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 3) เป็นหุ้นที่มีอำนาจในการกำหนดราคาสูง และ 4) เป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค หุ้นแนะนำคือ  BEM, KCE, OSP, SECURE และ ZEN 

• BEM : เป็นหุ้นที่อิงกับปัจจัยภายนอกประเทศน้อย คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามการคลายมาตรการ COVID-19 หลังจากกรุงเทพมีการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นและจำนวนผู้ป่วยลดลง ส่วนปริมาณจราจรบนทางด่วนมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นยังมีความน่าจะเป็นในการชนะการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม

• KCE :  กำไรของบริษัทมีแนวโน้มเติบโต HoH และ YoY ในครึ่งปีหลังของปี 2564 ภาพอุตสาหกรรมมีการเติบโตในระดับสูง บริษัทสามารถส่งผ่านต้นทุนไปยังลูกค้าได้ เนื่องจากความต้องการสินค้าของบริษัทอยู่ในระดับที่สูงและมีปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนค่อนข้างจำกัด ค่าเงินบาทจะเป็นอีกปัจจัยที่สนับสนุนการเพิ่มขึ้นของกำไร

• OSP : เป็นหุ้นที่มีลักษณะเชิงรับและมีความผันผวนต่ำ เป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์จากการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งการฟื้นตัวของตลาดภายในประเทศของสินค้าจำเป็นและเครื่องดื่มจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดพม่าที่คิดเป็น 10% ของรายได้ 

• SECURE : เป็นหุ้นขนาดเล็กที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่าง Cybersecurity (ความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์) ที่คาดว่าจะมีความต้องการและลงทุนในกลุ่มนี้ค่อนข้างสูงในอีก 3 ปีข้างหน้า และเป็นหุ้นที่เข้าในธีมธุรกิจใหม่ที่มี S-curve ในระยะยาว

• ZEN : การทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวและผ่านจุดต่ำสุด กลยุทธ์ในการเร่งขยายธุรกิจแฟรนไซส์มากกว่า 30 สาขาในครึ่งหลังของปี 2564 จะส่งผลให้อัตราการทำกำไรเพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่ง โดยเราประเมินว่าผลประกอบการจะมีกำไรในปี 2565

17815
ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์วันนี้(11 ต.ค.)ดัชนีภาคเช้าปิดที่ระดับ1,634.51 จุด ลดลง 4.90 จุด (-0.30%) มูลค่าการซื้อขายราว48,663 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ ตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค โดยทำระดับสูงสุด 1,646.50 จุด และระดับต่ำสุด 1,634.17 จุด


นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากนักลงทุนยังรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ และการรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะออกมาช่วงคืนวันพุธ (13 ต.ค.64) ประกอบในวันพุธนี้ยังเป็นวันหยุดของไทยด้วย ทำให้นักลงทุนอยู่ในช่วงของการรอดูสถานการณ์ไปก่อน (wait&see) โดยคาดในช่วงต้นสัปดาห์ วันจันทร์และอังคารนี้ ตลาดฯ น่าจะมีลักษณะของการแกว่งไซด์เวย์ ยังไม่มีทิศทางชัดเจนมากนัก

โดยการลงทุนวันนี้จึงเป็นลักษณะการเข้าลงทุนในหุ้นรายกลุ่ม รายตัว เช่น หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งนอกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ก็ยังมีประเด็นของเงินเฟ้อที่เป็นตัวแทนของการป้องกันเงินเฟ้อ รวมถึงหุ้นกลุ่ม Reopening ที่ยังคงLaggard อยู่

ขณะที่ในประเทศ คาดได้รับปัจจัยบวกจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ATK ที่ปรับตัวลดลง จากระดับ 1 หมื่นรายเป็น 2 พันราย ส่งผลดีต่อหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการ Reopening แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย ตลาดฯน่าจะยังคงเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบสลับกัน ให้แนวรับ 1,630 จุด และแนวต้าน 1,660 จุด

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ได้แก่STARK มูลค่าการซื้อขาย2,875.41 ล้านบาท ปิดที่ 4.62 บาท ลดลง 0.68 บาท,KBANK มูลค่าการซื้อขาย2,451.41 ล้านบาท ปิดที่ 139.00 บาท ลดลง 1.00 บาท,TRUE มูลค่าการซื้อขาย1,806.64 ล้านบาท ปิดที่ 4.12 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท,BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,800.33 ล้านบาท ปิดที่ 13.60บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท,PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,771.15 ล้านบาท ปิดที่ 40.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

17816
ลูกอมพระแม่ธรณี

จัดสร้างจากดินใต้ฐานพระแม่ธรณี ผงมหาจักรพรรดิ และมวลสารอื่น ๆ ช่วยในเรื่องการขายบ้าน ขายที่ดิน

17820

ทุกๆไตรมาส 4 ของทุกปีปริมาณความต้องการใช้พลังงานทั่วโลกเพิ่มสูงจากระดับปกติ จากการเข้าสู่ฤดูหนาวแต่ในปี 2564 ทั่วโลกเกิดวิกฤติขาดแคลนพลังงาน จนส่งผลทำให้ราคาปรับตัวสูงขึ้นแทบทุกตลาด ซึ่งย่อมมีผลบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานในตลาดหุ้นไทยตามไปด้วย

ตลาดใหญ่ที่ใช้ปริมาณมากของโลกอย่างจีน เผชิญปัญหาหนักมากที่สุดจนทำให้เกิด “วิกฤติขาดแคลนพลังงาน” เลยก็ว่าได้ เมื่อ รัฐบาลออกมาตรการควบคุมสิ่งแวดล้อมซึ่งกระทบการทำเหมืองถ่านหินในประเทศ  

ตามมาด้วยปัญหาสะดุดด้านอุปทาน จนทำให้ราคาสินค้าที่สูงขึ้น  ถึงขั้นกดดันให้บรรดาโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศจีนต้องปรับลดการผลิตรับต้นทุนสูงขึ้นไม่ไหว   ซึ่งภาคประชาชนได้รับผลกระทบเพราะมณฑลหลายแห่งของจีนเริ่มไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าให้กับผู้อยู่อาศัยได้

ปัญหาการขนส่งพลังงานในอังกฤษ ที่ขาดแคลนแรงงานขนส่งจากการระบาดโควิด ส่งผลทำให้เกิดการแห่ตุนน้ำมันผลักดันความต้องการเพิ่มสูงขึ้น  หรือแม้แต่ในสหรัฐที่เผชิญฤดูหนาวมาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ทำให้มีความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย 

จากราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) สูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีหรือ ต.ค. 2561  (27 ก.ย.) 75.45 ดอลลาร์/บาร์เรล  ,ตลาดเบรนท์ (BRENT)  ปิดที่ 79.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิด สูงสุดรอบ 3 ปีเช่นกัน  

ถัดมาราคาถ่านหินพึ่งจะทำนิวไฮ (1 ต.ค. )  230 ดอลลาร์/ตัน  เพิ่มขึ้นจากปลายปี 2563 เกือบ 3 เท่าตัว อยู่ที่ราว 80 ดอลลาร์/ตัน    ซึ่งสำหรับประเทศไทยที่เป็นผู้บริโภคและนำเข้าเป็นหลักทำให้เป็นต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นของประชาชนและภาคธุรกิจ จนทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจทำได้ยาก



ล่าสุดคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีลดเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันจาก B7 เหลือ 1 สตางค์ จาก 1 บาท และลคค่าการตลาดดีเซลเหลือ 1.40 บาท รวมทั้งเตรียมเงินกองทุนน้ำมันราว 3 พันล้านบาท หวังกดราคาขายปลีกดีเซลในประเทศไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตรและตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (LPG)จนถึงสิ้น ม.ค. 2565  เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน

ท่าทีของคณะรัฐมนตรีคลังของยูโรโซนเช่นเดียวกันวิตกว่าราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นอาจจะส่งผลให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจชะลอลง     ทำให้มีการหารือกันเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว และอาจจะต้องจัดเตรียมงบประมาณสำหรับปี 2565 รับผลกระทบอย่างมากจากต้นทุนพลังงาน

หุ้นพลังงานได้รับปัจจัยบวกดังกล่าวหุ้นถ่านหิน  ซึ่งปรับตัวขึ้นโดดเด่นราคาหุ้นปลายปี 2563ถึงปัจจุบัน บริษัทบ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU  +84 %  ,บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA +257%   และบริษัท เอจีอี เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE +100 %

จับเทรนด์ "หุ้นพลังงาน" ขาขึ้น น้ำมัน -แก๊ซ-ถ่านหิน พุ่งไม่หยุด
จับเทรนด์ "หุ้นพลังงาน" ขาขึ้น น้ำมัน -แก๊ซ-ถ่านหิน พุ่งไม่หยุด


มุมมองของ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)จีเอ็มโอ-แซด คอม (ประเทศไทย) ระบุว่า ราคาถ่านหินที่ยังเป็น Commodity ที่โดดเด่น ด้วยราคาที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากอุปทานเกิด shortage และความต้องการใช้กลับมาตามเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และวิกฤติขาดแคลนพลังงานในจีน   

พร้อมแนะนำหุ้น BANPU จากราคาถ่านหินสูงขึ้นต่อเนื่องจะหนุนผลการดำเนินงานช่วงครึ่งปีหลัง (H2/64) จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากช่วง ครึ่งปีแรก 2564 โดยได้รับแรงหนุนทั้งจากธุรกิจถ่านหินและก๊าซ

ด้านหุ้นปิโตรเคมีราคาสเปรดขึ้นตามน้ำมัน รวมไปถึงหุ้นโรงกลั่น ที่ได้ผลดีจากส่วนต่างน้ำมันอากาศยาน, ดีเซล, น้ำมันเตา, และเบนซินเป็นแนวโน้มขาขึ้น จากธุรกิจการบินฟื้นตัวจากกิจกรรมการบินที่เพิ่มขึ้น   

บล.กรุงศรี มองว่าความต้องการน้ำมันอากาศยานฟื้นตัวจากกิจกรรมการบินที่เพิ่มขึ้น ใน ไตรมาส 3 ปี 2564 เป็น 7 ล้านบาร์เรล  โดยประมาณการว่า ค่าการกลั่นตลาดของบริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ  TOP จะเพิ่มเป็น 3.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล  ในไตรมาส 4 ปี 2564  และ บริษัท สตาร์ ปิโครเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เป็น  4 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ให้น้ำหนักกลุ่ม มากกว่าตลาด มีหุ้น TOP และ SPRC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มโรงกลั่น

หน้า: 1 ... 988 989 [990] 991 992 ... 1036