นายสมนึก โอวุฒิธรรม กรรมการผู้จัดการ ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ เปิดเผยว่า ในปีนี้จะให้ความสำคัญกับการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดต่างประเทศจะอาศัยโมเดลธุรกิจ ที่มีอยู่มาปรับใช้ใช้กับโมเดลของอินเตอร์แบรนด์ต่างๆ ที่ประสบความสำเร็จในตลาดต่างประเทศ โดยจัดตั้งฝ่ายอินเตอร์เนชั่นนัล ขึ้นมาเพื่อเรียนตลาดประเทศจุดหมายปลายทาง แต่งตั้งตัวแทนอย่างเป็นทางการ และสร้างทีมสนับสนุนธุรกิจเฉพาะในแต่ละประเทศ เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ล่าสุดได้ทีมงานที่มีความถูกต้องด้านการทำตลาดต่างประเทศ นายมนต์ภัทร์ เรืองสุวิทย์กุล มารับตำแหน่งผู้อำนวยการขายต่างประเทศ ตั้งแต่ช่วงเดือน ธ.ค. 2555 ที่ผ่านมา ทำให้แน่ใจว่าตลาดต่างประเทศปีนี้จะมีการเจริญเติบโตสูงขึ้น ส่วนการทำตลาดในปีนี้จะมุ่งเน้นตลาดเครื่องคำนวณพื้นที่ ควบคู่กับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีอยู่ เนื่องจากกำลังได้รับความนิยม และบริษัทสามารถปฏิรูปสินค้าได้ตามความเรียกร้องของลูกค้าประกอบกับราคาในปัจจุบัน ได้ปรับลดลงมากว่า 50% จากเดิมที่ชุดละ 2,000 บาท เหลือประมาณ 1,000 บาท ซึ่งทางบริษัทเครื่องคำนวณพื้นที่มุ่งเน้นที่จะทำตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยที่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้จัดตั้งตัวแทนซื้อขายแลกเปลี่ยนหลักใน 7 ประเทศ คือ พม่า ลาว มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และกัมพูชา เป้าประสงค์เพื่อสร้างแบรนด์สินค้าไทย ให้เป็นที่รู้จักในตลาดสากล หลังจากลองดูตลาดมากกว่า 1 ปี โดยจะมุ่งเน้นทำตลาดทั้งค้าปลีกและงานโครงการในสัดส่วนเท่าๆ กัน ส่วนการทำตลาดในประเทศ ที่ผ่านมาได้แตกไลน์ไปยังกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเห็นได้จากาการเปิดในช่วงกลางปีที่ผ่านมา และในปีนี้เตรียมทยอยออกสินค้าใหม่ๆ อีก 3 ชนิด จำหน่ายผ่านทางโมเดิร์นเทรด นอกจากนี้ ยังได้ขยายไลน์ธุรกิจ เพื่อขยายลู่ทางจำหน่ายจำหน่ายไปยังสถานที่ต่างๆ จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 140 แห่ง สำหรับงบประมาณการตลาดปีนี้ ได้เตรียมไว้ 60 ล้านบาท เน้นจัดกิจกรรม ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงการจัดโปรโมชั่นโน้มน้าวยอดขายตามช่องทางขายต่างๆ ซึ่งภาพรวมตลาดปีนี้ในเชิงค้าปลีกอยู่ที่ 6,000 ล้านบาท โดยของซื้อของขายมีสัดส่วนตลาด 500-1,000 ล้านบาท เชื่อว่าสัดส่วนจะเพิ่มขึ้นสืบเนื่อง โดยเครื่องคำนวณพื้นที่มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 15% ขณะที่ผลประกอบการปี 2555 เติบโต 25% สูงกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ 

นายแฟรงค์ แอพเพล ประธานคณะกรรมการฝ่ายบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร การทำงาน เครื่องคำนวณพื้นที่ กล่าวว่า การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งเป็นเขตการค้าเสรีกับประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียน จะเป็นคุณประโยชน์อย่างยิ่งต่อธุรกิจอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทมีส่วนในการบริการให้กับธุรกิจในการแผ่ขยายตลาดอาเซียน งวดดังกล่าวบริษัทคาดหวังว่าเงินรายได้การดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จะมีการก้าวหน้าจาก 20% เพิ่มเป็น 30% ของสัดส่วนรายได้เครื่องคำนวณพื้นที่ทั่วโลก ภายใน 5 ปี เนื่องจากมีความได้เปรียบในการบริการขนและโลจิสติกส์อย่างครบวงจร สำหรับการเตรียมความพร้อมบุกตลาดภูมิภาคนี้ เมื่อ 6 ปีก่อนบริษัทเข้ามาตั้งหลักในประเทศไทย โดยใช้เงินให้ทุนไป 22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อตั้งศูนย์แพร่สินค้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และล่าสุดปี 2555 ใช้งบลงทุนงบ 50 ล้านยูโร เพื่อปรับปรุงธุรกิจขยายสินค้า, เพิ่มจำนวนรถบรรทุกในการขนส่ง และการทำจัดการโลจิสติกส์ ทั้งนี้ เพื่อรักษาความเป็นตัวนำในภาคพื้นเอเชียและประเทศไทยรองรับการเติบโตภายในปีพ.ศ. 2558

นายกุฎาธาร นาควิโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ เครื่องคำนวณพื้นที่ เปิดเผยว่า ในปี 2556 มีแผนการที่จะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและในต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่มอาเซียน เช่น พม่า เนื่องจากเป็นตลาดที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นตัวสูง โดยอยู่ในระหว่างแผนการศึกษาข้อมูลต่างๆ ประเทืองเพื่อความมั่นใจในการเข้าไปลงทุน และ จะทยอยเปิดสาขาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในทุกแนวทาง ซึ่งในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้ขยายไปแล้ว 1 แห่งที่ จ.นครสวรรค์ นอกจากนี้ ยังเน้นในเรื่องของทางการขายสินค้าผ่าน "ออนไลน์" ที่เริ่มทำอย่างจริงจังเมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากกระแสขานตอบในแง่ยอดขายดีเกินคาด โดยการทำตลาดออนไลน์ของธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ทำผ่านทุกๆ โอกาส เช่น สมาร์ทโฟน ที่คาดว่าจะมีจำนวนลูกค้าบริการเพิ่มมากขึ้นเมื่อบริการ 3G ใช้เต็มรูปแบบ ในที่หนึ่งยอดขายที่ผ่านระบบออนไลน์ในช่วงเดือน มกราคม-กันยายน ปีที่ผ่านมา พบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 410% หรือประมาณ 4 เท่า และในช่วงเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม ยอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่าตัว เมื่อเทียบเคียงกับยอดขายสินค้าออนไลน์ในช่วงที่ผ่านมา แต่เขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวเลข เขายังระบุว่า ยังจะเน้นย้ำในเรื่องแคมเปญการตลาดที่เน้นนวัตกรรม โดยเฉพาะเรื่องการสร้างประสบการณ์ด้านการชอปปิ้งให้กับลูกค้า สร้างความตื่นเต้นและแปลกใหม่ เพราะการแข่งขันในตลาดที่รุนแรงทำให้การลงมาเล่นด้านราคาเพียงอย่างเดียวนั้นทำได้ยากมากขึ้น “อย่างแคมเปญวันเดียวช็อปหยุดโลก ช็อปตั้งแต่ 6 โมงเช้ายันเที่ยงคืน ลด ราคาสินค้ากว่า 80% ก็มีคนเข้ามาร่วมรายการเยอะมาก ทำให้ยอดขายตรงนี้เราเพิ่มขึ้นเยอะมากๆ โดยปีที่ผ่านมาเราได้ใช้งบลงทุนไป 5,500 ล้านบาท ในการแพร่กระจายสาขา และการทำตลาดทั่วประเทศ ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผน" ทั้งนี้ตามข้อมูลที่เข้าใจต่อตลาดหลักทรัพย์ในปี 56 จะขยายอีก 7 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีการขยายสาขารวม 5 แห่ง เป็นไปตามการขยายตัวของตลาดผู้ซื้อ ปัจจุบัน มีสาขารวมทั้งหมด 257 แห่ง 

นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเปิดปากว่า การแข็งค่าของเงินสกุลต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่า 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น มีปัจจัยสำคัญมาจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐฯ ที่ไปมาตรการเพิ่มส่วนแบ่งเงิน QE3 และ QE4 โดยอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน รวมถึงการจากนโยบายอัดฉีดเงินของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่ประเทศไทยอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีกสักระยะ อย่างไรก็ตาม มองว่า ภาวการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทยมากกว่าจะไปเครียดกับตัวเลขการส่งออก ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ประเทศไทยอยู่ระหว่างเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มขีดความทำได้การแข่งขันของประเทศ ด้วยการลงทุนธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่โครงสร้างพื้นฐาน ที่รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนกว่า 2.27 ล้านล้านบาท จึงถือเป็นหนปกติที่ภาครัฐต้องเร่งลงทุน และเป็นจังหวะเหมาะในการนำเข้าของซื้อของขายทุนจากต่างประเทศมาใช้ปลูกสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะนำเข้าได้ในราคาที่ต่ำลง ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนที่มีหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศ สามารถเร่งรัดนำเงินไปคลี่คลายหนี้เพื่อลดเงินต้นและข้อผูกมัดดอกเบี้ยได้อีกด้วย "ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างติดต่อกัน ส่งผลทั้งแง่บวกและลบ อยู่ที่จะมองมุมไหน และดำเนินงานจัดการอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งในช่วงที่ประเทศจำเป็นต้องลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน การที่เงินบาทแข็งค่าก็ถือเป็นช่วงที่เหมาะเจาะ เพราะเราสามารถนำเข้าสินค้าทุนในราคาที่ถูกลง เช่น นำเข้าเครื่องคำนวณพื้นที่ นำเข้ารถไฟฟ้าได้ในราคาที่ถูก หรือสินค้าที่เราขาดไม่ได้ต้องนำเข้าจำนวนมากอย่างเช่นน้ำมัน ที่เมื่อบาทแข็งค่า ทุนเดิมพลังงานก็ไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกดตัวเลขสภาวะเงินเฟ้อไม่ให้สูงอีกด้วย"นายมนตรี กล่าว ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวด้วยว่า ส่วนภาคเอกชนที่มีความจำเป็นต้องลงทุนนั้น ช่วงนี้จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะลงทุนวิวัฒน์ด้านเทคโนโลยีด้านการผลิต โดยสั่งซื้อเครื่องจักรที่ล้ำสมัยจากต่างประเทศเข้ามาใช้เพื่อลดใช้ผู้ใช้แรงงานคนเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการด้านการผลิตให้เงินลงทุนต่อหน่วยต่ำที่สุด หรือจะเลือกใช้ลงทุนขยายกิจการด้วยรูปแบบการร่วมทุนหรือซื้อกิจการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการประชัน รองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่า หากเงินบาทแข็งค่า ผลิตภัณฑ์ไทยจะส่งออกไม่ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งหมด เพราะสินค้าส่งออกของไทยมีหลายประเภท จึงจำเป็นต้องมีการสืบสวนเป็นรายอุตสาหกรรม หากเป็นสินค้าที่นำเข้าวัตถุดิบมาผลิตภายในประเทศ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ หรือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบกว่า 50-70% เพื่อใช้ผลิตและส่งออก ก็ถือเป็นกลุ่มที่ได้ผลกำไรจากค่าเงินบาทแข็ง ขณะที่กลุ่มสินค้าเกษตรที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารอาจจะได้รับความกระทบกระเทือนมากหน่อย แต่เนื่องจากสินค้ากลุ่มนี้เป็นสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต แม้ว่าราคาสินค้าจะแพงขึ้น แต่ก็เชื่อว่าจะด้วยคุณลักษณะของสินค้าไทยยังทำให้สามารถประกวดได้ในตลาดโลกได้อย่างแน่นอน

กลุ่มของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้ขยายเส้นตายสำหรับเสนอจ่ายเงินหุ้นมูลค่า 7,200 ล้านดอลลาร์ของบริษัทธุรกิจการค้า เครื่องคำนวณพื้นที่ยักษ์ใหญ่ ออกไปเป็นหนที่ 5 โดยขยับออกไปเป็นวันที่ 10 ม.ค. ปัจจุบันกลุ่มนายเจริญมีหุ้นในบริษัท33.6%  โดยกลุ่มของนายเจริญพยายามเพิ่มขึ้นหุ้นในให้ได้มากกว่า 50% เพื่อกันกลุ่มบริษัทอื่นในสิงคโปร์ ที่ยื่นหยิบยกซื้อแข่งในราคา 10,700 ล้านดอลลาร์ หรือหุ้นละ 9.08 ดอลลาร์สิงคโปร์เมื่อเดือนพ.ย. อันนับว่าสูงกว่าข้อแนะนำของกลุ่มนายเจริญที่หุ้นละ 8.88 ดอลลาร์สิงคโปร์ แหล่งข่าวแย้มว่าเมื่อเดือนที่แล้ว กลุ่มของนายเจริญมุมานะแต่ไม่ประสบความสำเร็จในการซื้อหุ้นเพิ่มอีก 10% หลังจากเสนอราคาหุ้นละ 9.60 ดอลลาร์สิงคโปร์ให้แก่กองทุนต่างๆ หลายกองทุนกลุ่มบริษัทภายใต้การนำของโอยูอีได้บังคับเส้นตายเป็นวันที่ 3 ม.ค. ในการเสนอซื้อหุ้น อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดเรื่องนี้คาดหวังว่าโอยูอีก็คงต้องเลื่อนเส้นตายออกไป อาจเป็นถึงสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนม.ค. เช่นนี้ นายสตีเฟน ไรอาดี ประธานบริษัทโอยูอี เป็นประธานกลุ่มบริษัทลิปโปของอินโดนีเซียเช่นกัน ส่วนผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 ในบริษัทกิจการค้าเครื่องคำนวณพื้นที่รองจากกลุ่มของนายเจริญ คือบริษัทคิรินโฮลดิงส์ ที่มีหุ้นอยู่ประมาณ 14.8% และได้ให้การสนับสนุนอย่างมีข้อจำกัดแก่กลุ่มภายใต้การนำของบริษัทโอยูอี โดยคิรินเสนอว่าจะซื้อธุรกิจเป็นเงิน 2,700 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หากกลุ่มโอยูอีประสบความสำเร็จในการนำเสนอซื้อธุรกิจ เจพีมอร์แดน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ เจาะจงว่าข้อเสนอของกลุ่มนายเจริญและบริษัทโอยูอีไม่ค่อยน่าดึงดูดใจ เท่าข้อเสนอของคิรินที่ยื่นข้อเสนอก็ยุติธรรมดีแต่ไม่มีเหตุผล ราคาหุ้นของธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ซื้อขายอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าราคาที่ทั้งสองบริษัทเสนอซื้อ เพราะตลาดคาดว่าจะมีการเพิ่มข้อเสนอ โดยหุ้นธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ปรับตัวขึ้นเกือบ 6% ตั้งแต่บริษัทโอยูอีประกาศเสนอซื้อแข่งกับกลุ่มของนายเจริญ และล่าสุดราคาหุ้นปิดตลาดที่ระดับ 9.67 ดอลลาร์สิงคโปร์ในตลาดสิงคโปร์

สตาร์วูด ประกาศความพร้อมธุรกิจปี 2556 หลังจากที่ปี 2555 ได้เซ็นให้สัญญาบริหารจัดการ และทำธุรกิจใหม่ 131 แห่ง เพิ่มขึ้นจากปี 2554 กว่า 17% มีการเข้าผสานเครือสตาร์วูด 31 แห่ง ในจำนวนนี้เปิดบริการไปแล้ว 12 แห่งในปี 2555 ในนี้ปี 2556 สตาร์วูดเคียนว่าจะเปิดกิจธุระ เครื่องคำนวณพื้นที่ นายฟริทซ์ แวน พาชเชิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สตาร์วูดฯ กล่าว ธุรกิจที่งอกงามไปทั่วโลกและการเชื่อมต่อโลกยุคดิจิทัล มีส่วนสร้างความหมายมั่นในด้านการอุปโภค บริโภค อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้สตาร์วูดมองเวลาการเติบโตในระยะยาว นายไซมอน เทอร์เนอร์ ประธานฝ่ายพัฒนาธุรกิจทั่วโลก เปิดเผยว่า ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ใหม่ของสตาร์วูปีนี้ จะเปิดตัวในเอเชีย โดย 2 ใน 3 จะเปิดในท้องตลาดที่เติบโตเร็ว เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยนัดจะเปิดธุรกิจแห่งแรกในประเทศทาจิกิสถาน และจะลุกลามยังตลาดอื่นๆ เช่น ประเทศเปรู บราซิล เม็กซิโก ปานามา มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม บังกลาเทศ ฮังการี ตุรกี และซาอุดีอาระเบีย รวมทั้ง จะขยายไปยังตลาดที่เติบโตสืบเนื่อง เช่น ประเทศจีน และอินเดีย นอกจากนี้ จะเดินหน้าหาพวกที่เหมาะสม เพื่อก้าวหน้าธุรกิจในประเทศบราซิล รัสเซีย และตลอดจนประเทศในทวีปแอฟริกากึ่งซาฮารา ซึ่งทวีปเอเชีย จะยังคงเป็นตลาดหลักของสตาร์วูด เพราะกว่าครึ่งของแผนธุรกิจของสตาร์วูดในภูมิภาคเอเชีย นั้นเน้นการเจริญวัยจากทั้ง 9 แบรนด์หลัก และปีนี้จะเป็นปีที่เข้มเเข็งของธุรกิจในตลาดบนของสตาร์วูด เช่น เชอราตัน (Sheraton) เวสทิน (Westin) และเลอ เมอริเดียน (Le Méridien) โดย"เชอราตัน" จะเปิดอีกหวิด 20 แห่ง และครบแห่งที่ 500 ในปี 2556 ส่วน"เวสทิน" คาดว่าจะเปิดอีก 200 แห่ง ในปีนี้ "เลอ เมอริเดียน" มีความโน้มเอียงเซ็นสัญญาเพิ่มขึ้นทั่วโลกใน 2556 นอกจากนี้ "โฟร์ พอยท์ส" จะเปิดกิจการแห่งที่ 175 และจะเซ็นสัญญาเพิ่มขึ้นในปี 2556 ขณะที่"อลอฟท์" เตรียมลุกลามตนเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ในปีนี้

ซีพีเอ็นเตรียมแผน 5 ปีบุกเออีซี ตั้งเป้า 5 ปี เปิดธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ 2-3 แห่ง พร้อมเตรียมงบลงเงิน 1 หมื่นล้าน ผุดศูนย์ฯใหม่ 2-3 แห่ง นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) (CPN) เตรียมระเบียบลงทุนที่จะไปเปิดธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ในกลุ่มประเทศอาเซียน เพื่อรับกับการเปิดเสรีการค้า หรือประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 โดยเบื้องต้นจะเปิดให้ได้ 2-3 แห่งภายใน 5 ปีตามแผนการที่วางไว้ ซึ่งขณะนี้กำลังมองอยู่ 3 ประเทศ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม เพราะเป็นประเทศที่มีสมรรถนะทั้งจำนวนประชากร และมีกำลังซื้อสูงเหมือนกับประเทศไทย ส่วนความคืบหน้าแผนสวนลุมพินีที่จะถูกพัฒนาให้เป็นโครงการคอมเพล็กซ์ หลังจากที่ถูกยกเลิกการประมูลก่อนหน้านี้ บนพื้นที่ 40 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับแผนและร่างแบบโครงการใหม่หากว่ามีการประมูลเต็มพื้นที่ 88 ไร่ ทั้งนี้ คาดหวังว่าจะยื่นเสนอแบบต่อเจ้าของที่ดิน หรือกรมทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ในช่วงเดือน ส.ค.นี้ ทั้งนี้ หากว่าชนะการประมูลจะเป็นโครงการมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นแผนการที่ใหญ่สุดของซีพีเอ็นเท่าที่มีการลงทุนมา ขณะที่รูปแบบการออกทุนอาจเป็นการร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ทั้งในและต่างชาติ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา ส่วนแผนการลงทุนต่อจากนี้ จะใช้เม็ดเงินลงทุนปีละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท หรือตีราคา 2-3 แห่งต่อปี เพื่องอกงามธุรกิจให้โตแบบก้าวกระโดดและรองรับกับการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกของไทยที่มีสัญญาณดีขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลมาจากหลายปัจจัยหลักเกื้อหนุนทั้งเศรษฐกิจและการบริโภคของคนไทยที่ดีขึ้น ล่าสุดได้ทุ่มงบการลงทุน 7,000 ล้านบาท เปิดตัว 2 โครงการใหม่ คือ "เซ็นทรัลเฟสติวัล สมุย" มูลค่าโครงการ 3,100 ล้านบาท และ "เซ็นทรัลพลาซา ศาลายา" มูลค่า 3,900 ล้านบาท โดยทั้ง 2 แห่ง ถือเป็นทำเลที่มีความสามารถที่มีทั้งการขยายตัวของเมือง และกำลังซื้อสูง ที่จะทำให้สร้างการเจริญให้กับธุรกิจแบบก้าวกระโดด อย่างไรก็ตามคาดว่าเงินรายได้ปีนี้จะเติบโตประมาณ 15% เทียบกับปี 2555