แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - forworkingkid

หน้า: 1 [2]
19

โรคซึมเศร้าในวัยผู้สูงอายุโรคซึมเศร้าในวัยผู้สูงอายุ
วัยผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันเชื่อว่าทุกบ้านต้องมีผู้สูงอายุหรือผู้ที่กำลังเข้าสู่วัยสูงอายุ
ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีความอ่อนไหวมากขึ้นจากเดิม ต้องการความดูแลเอาใจใส่จากคนรอบข้างมากขึ้น
เมื่อสิ่งเหล่านี้เขาได้รับไม่เพียงพอ อาจก่อให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับสุขภาพจิตขึ้นมาได้ นั่นคือ โรคซึมเศร้าในวัยผู้สูงอายุและโรควิตกกังวลในผู้สูงอายุ


 
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าในวัยผู้สูงอายุ
ด้านจิตใจ
-มีเหตุการณ์ร้ายแรงที่มากระทบกระเทือนความรู้สึก เช่น การสูญเสียคนที่รัก เป็นโรคทางร่างกายที่ร้ายแรง หรือปัญหาด้านการเงิน
-ขาดการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัว และคนรอบข้าง
ด้านร่างกาย
-โรคทางกายบางอย่างที่มักเกิดในผู้สูงอายุ เช่น ภาวะสมองเสื่อม หลอดเลือดสมองอุดตัน โรคพาร์กินสัน โรคต่อมธัยรอยด์ มะเร็งของตับอ่อน เป็นต้น
-กรรมพันธ์ุ หากคนในครอบครัวของคุณ เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง เคยป่วยด้วยโรคซึมเศร้ามาก่อน คุณก็อาจมีความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน
-มีการขาดหรือลดน้อยลง ของสารสื่อประสาทบางชนิดในสมอง ยกตัวอย่างเช่น ความผิดปกติของสารเคมีภายในสมอง สารเคมีในสมองของผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยมีสารเคมีที่มีชื่อว่าเซโรโทนิน (Serotonin) และนอร์เอพิเนฟริน (Norepinephrine) ลดน้อยลงจากเดิม ทำให้สมดุลของสารเหล่านี้เปลี่ยนไปและเกิดความบกพร่องในการทำงานร่วมกัน
 
อาการโรคซึมเศร้าในวัยผู้สูงอายุ
ผู้เป็นโรคซึมเศร้ามักไม่สนใจตัวเอง กินน้อยหรือไม่กินเลย เบื่อหน่ายการใช้ชีวิต ไม่นอน ไม่ออกกำลังกาย ไม่ทำกิจกรรม ไม่รับประทานยาตามสั่ง ทำให้ภาวะโภชนาการและความแข็งแรงของร่างกายลดลง โรคประจำตัวอื่นๆจะควบคุมได้ยากขึ้น หากไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่สภาพอารมณ์ของผู้สูงวัยอาจแย่ลงต่อเนื่องไปนานจนทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมได้



แนวทางแก้ไขโรคซึมเศร้าในวัยผู้สูงอายุ
-ให้ความเอาใจใส่ ดูแล และเข้าใจความรู้สึกของผู้ป่วย โดยการคุยกันและฟังกันให้มากขึ้น
-ไม่ทิ้งผู้ป่วยไว้ตามลำพัง ควรมีคนคอยดูแลอยู่เสมอ
-ไม่ควรปรับลดหรือเพิ่มยาเอง
-มาพบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ

วิธีป้องกันโรคซึมเศร้าในวัยผู้สูงอายุ
-หางานอดิเรกทำ เช่น ทำอาหาร หรือต่อจิกซอว์ ผู้ป่วยอาจไม่รู้สึกสนุกนัก แต่กิจกรรมยามว่างเหล่านี้จะช่วยสร้างสมาธิและทำให้สามารถจดจ่อกับสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น
-ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้ามักรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าและไม่มีความสามารถ การตั้งเป้าหมายเล็กๆ จะช่วยสร้างกำลังใจให้แก่ผู้ป่วย
-ออกกำลังกาย การออกกำลังกายทำให้สารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ที่ช่วยให้รู้สึกมีความสุขหลั่งออกมา ทั้งยังช่วยกระตุ้นสมองให้ตื่นตัวมากขึ้นในระยะยาว โดยผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาหนักๆ แค่เดินออกกำลังสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็เพียงพอ
-รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ แม้จะรู้สึกเบื่ออาหาร แต่ผู้ป่วยก็ควรพยายามรับประทานอาหารที่สด สะอาด และรับประทานให้ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและมีพลังงาน
-นอนพักผ่อนให้เพียงพอ แม้การนอนจะเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยากมากในผู้ป่วยโรคซึมเศร้า แต่การพักผ่อนให้เพียงพอ ประมาณ 6-8 ชั่วโมง จะช่วยให้ลืมความกังวลไปได้ชั่วขณะ และเมื่อตื่นขึ้นมาร่างกายและสมองก็จะมีความพร้อมต่อการทำกิจกรรมในแต่ละวันมากขึ้น
 
โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่สามารถเกิดได้ทุกเพศทุกวัยแต่ยิ่งเมื่อมีอายุมากขึ้นโรคซึมเศร้านี้อาจจะเกิดขึ้นได้ง่ายกับผู้สูงอายุ ลูกหลานควรจะให้ความดูแลเอาใจใส่มากขึ้น ไม่เช่นนั้นคนสำคัญในบ้านของท่านอาจจะต้องเป็นโรคซึมเศร้า จนไปถึงกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงในที่สุด สำหรับผู้ป่วยที่มีอากาเหมือนอย่างที่กล่าวมา หรือคาดว่าจะมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคซึมเศร้านี้ mylucknursinghome สามารถให้คำปรึกษากับคุณหมอได้ หรือสามารถเข้ามาใช้บริการได้ เราเป็น สถานดูแลผู้สูงอายุ และรับดูแลผู้ป่วยติดเตียงเราจะดูแลคนสำคัญของคุณให้เหมือนคนในครอบครัวของเรา

20
ยกกระชับหน้าอกคืออะไร

การผ่าตัดผิวหนังและไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าอก

พร้อมทั้งเย็บกระชับกล้ามเนื้อชั้นใน เพื่อให้ผิวหนังบริเวณหน้าอกตึงกระชับขึ้น ช่วยให้สัดส่วนของหน้าอกสมส่วนกับบริเวณอื่นของร่างกาย


Advantages (ข้อดี)มีปัญหารูปทรงหน้าอกหย่อนคล้อย

ผิวหนังบริเวณหน้าอกขาดความยืดหยุ่น
ให้นมบุตรแล้วรูปทรงหน้าอกเกิดความหย่อนคล้อย
ผู้ที่น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น ส่งผลให้ผิวหนังของร่างกายเกิดความหย่อนคล้อย
ดำเนินการโดยแพทย์เฉพาะทางช
ดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์


Good for (เหมาะสำหรับ)

มีปัญหารูปทรงหน้าอกหย่อนคล้อย
ผิวหนังบริเวณหน้าอกขาดความยืดหยุ่น
ให้นมบุตรแล้วรูปทรงหน้าอกเกิดความหย่อนคล้อย
ผู้ที่น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น ส่งผลให้ผิวหนังของร่างกายเกิดความหย่อนคล้อย


Q & A
(คำถามที่พบบ่อย)


มีโอกาสที่รูปทรงและผิวหนัง จะกลับมาหย่อนคล้อยได้อีกหรือไม่

" หากมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างมาก จนรูปร่างเปลี่ยนแปลง อาจมีผลทำให้เกิดความหย่อนคล้อยของผิวหนังได้ "



ตำแหน่งของแผลอยู่บริเวณใด

" แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบแผลให้มีขนาดเล็ก และอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม "



หลังการผ่าตัดยกกระชับหน้าอกสามารถสวมใส่เสื้อในแบบมีโครงได้หรือไม่

" ในระยะแรก ประมาณ 1-2 เดือนแรก แพทย์จะแนะนำให้สวมใส่ผ้ารัดเพื่อการกระชับผิวหนัง จากนั้นจะค่อยๆปรับมาใส่เสื้อชั้นในตามปกติ แต่ควรเลือการตัดเย็บที่หนาแน่น และพอดีตัว เพื่อเป็นการประคองรูปทรงหน้าอกให้ได้รูปต่อไป "



#plastic surgery

21

Sub brow lift คือ การตัดยกชั้นตาให้ดูชัดเจนขึ้น โดยการซ่อนแผลไว้ที่ใต้คิ้ว เหมาะสำหรับคนที่อายุยังไม่มาก มีชั้นตาบ้างอยู่ แต่เปลือกตาบนเริ่มตก เห็นชั้นตาไม่ชัดเจน ยังไม่มีหนังตาตกหย่อนลงมามากนัก ยังไม่จำเป็นที่จะต้องตัดหนังตาออก สามารถใช้วิธี ยกชั้นตาให้ชัดขึ้น ดูโตสดใสมากขึ้นและยังส่งผลให้หน้าแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นด้วย
แผลเป็นหลังการผ่าตัด
   ด้วยเทคนิค Sub brow lift โดยการกรีดและการเย็บแผลที่ละเอียดและปราณีตของศัลยแพทย์เฉพาะทาง แผลจะซ่อนอยู่ใต้คิ้ว เมื่อแผลหายสนิทจะจาง สังเกตเห็นได้ยาก ในคนที่มีคนคิ้วเยอะจะมีขนคิ้วลงมาปิดทำให้มองไม่เห็นแผล อีกทั้งแผลจะอยู่ชิดกับขอบล่างของคิ้ว ซึ่งหลังตัดไหมการเขียนคิ้วสามารถกลบแผลได้เนียนได้

 

ขั้นตอนการรักษาด้วยเทคนิค Sub Brow Lift
ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ บริเวณที่จะผ่าตัด
ฉีดยาชาเฉพาะที่ บริเวณผ่าตัด
กรีดเปิดปากแผลบริเวณตามแนวใต้คิ้ว
ยกเปลือกตาที่หย่อนคล้อยขึ้น
เย็บซ่อนแผลบริเวณใต้คิ้ว
 

ก่อนทำ Sub Brow Lift เตรียมตัวอย่างไร ?
งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด (กลุ่มยา Aspirin, Ibuprofen) วิตามินเอ อี ซี สมุนไพร โสม ใบแปะก๊วย น้ำมันปลา ก่อนรับบริการ 2 สัปดาห์
งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
 

ดูแลตัวเองอย่างไร ? หลังทำ Sub Brow Lift
ประคบด้วย ช่วงเวลา 1 – 2 วันแรกเผื่ออาการบวมหายเร็วขึ้น
พยายามนอนให้ศีรษะสูง เพื่อให้ยุบหายบวมเร็วขึ้น
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
ประคบอุ่นเพื่อลดรอยช้ำ หลังจากผ่านไป 2 วันแล้ว
หลีกเลี่ยงแผลโดนน้ำ หรือถ้าจำเป็นให้ซับให้แห้ง ป้องกันแผลติดเชื้อได้
ไม่รับประทานอาหารรสจัด หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เหล้า ไข่ อาหารทะเล 2 สัปดาห์
ทานยาแก้ปวดตามอาการ และแก้อักเสบ ลดบวม ตามแพทย์แนะนำ
ทำความสะอาดแผลวันละ 1-2ครั้ง โดยใช้ไม้พันสำลีสะอาดชุบน้ำเกลือ แล้วเช็ดคราบเลือดซึมบริเวณแผล
ใส่แว่นตากันลมฝุ่น สิ่งสกปรกเมื่อต้องออกไปข้างนอก
 

ทำไมต้อง “ศัลยกรรมตกแต่งเปลือกตาบน” ที่ W Plastic Surgery Hospital?
ผ่าตัดโดย ศัลยแพทย์ตกแต่งเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ทีมศัลยแพทย์มีความชำนาญด้าน (Facial Design) ให้เหมาะสมกับรูปหน้าแต่ละบุคคล
W Plastic Surgery Hospital ได้มาตรฐานระดับโรงพยาบาล

22


ร่างกายไม่โกหกเป็นคำที่บอกได้เป็นอย่างดีว่าสุขภาพเราเป็นอย่างไร บางครั้งอาหารที่รับประทานเข้าไปมีปริมาณสารอาหารที่สูงกว่าที่ร่างกายต้องการ อย่างน้ำตาลที่แฝงตัวอยู่ในแทบทุกเมนูอาหาร ส่งผลให้เมื่อรับประทานเข้าไปเกินความจำเป็นจะทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง

 
   การรักษาปริมาณน้ำตาลในเลือดให้ปกติเป็นเรื่องดี ซึ่งปริมาณน้ำตาลในเลือดปกติของร่างกายควรอยู่ระหว่าง70-100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หากเกินกว่านี้จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีนั้นอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน โดยส่งผลให้เส้นประสาท หลอดเลือด หรืออวัยวะต่าง ๆ ถูกทำลายจนมีปัญหาสุขภาพร้ายแรงตามมาได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดการสะสมของเสียในเลือดจนทำให้มีอาการอื่น ๆ ตามมาเช่น ปากแห้ง ใจสั่น คลื่นไส้ อ่อนเพลีย น้ำหนักลด รวมไปถึงเมื่อเป็นแผลจะหายช้ากว่าปกติ ติดเชื้อบริเวณช่องคลอด ซึ่งบางรายถึงขั้นหมดสติ ดังนั้นก่อนที่เราจะต้องพบกับอาการหนักเช่นนี้ เรามาสังเกตอาการเบื้องต้นที่บ่งบอกว่าคุณมีระดับระดับน้ำตาลในเลือดสูงกันดูค่ะ


1. ปัสสาวะบ่อย ทั้งกลางวันและกลางคืน


2. กระหายน้ำมากขึ้น เนื่องจากสูญเสียน้ำจากการปัสสาวะ


3. อ่อนเพลียและน้ำหนักลด เนื่องจากร่างกายนำน้ำตาลไปใช้ไม่ได้

 
4. หิวบ่อย รับประทานเก่งขึ้น

 
5. คันตามตัว ติดเชื้อได้ง่าย เป็นเชื้อรา ตกขาวบ่อย

 
6. ตาพร่า เห็นภาพไม่ชัด เห็นภาพซ้อน

 
7. ขาชา อันเนื่องจากปลายประสาทเสื่อม

 

   การสังเกตร่างกายที่ไม่สามารถพูดได้ว่าเจ็บป่วยเป็นอะไร จะช่วยให้เราสามารถรู้ตัวและรักษาได้ทันเวลา ซึ่งระดับน้ำตาลในเลือด หากสูงมากจะเสี่ยงต่อโรคเบาหวานซึ่งเมื่อป่วยเป็นโรคนี้จะทำให้เกิดภาวะโรคแทรกซ้อนได้ง่ายและเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้สูง เมื่อพบว่ามีอาการเข้าข่ายตาม 7ข้อที่กล่าวมาข้างต้น แนะนำให้คุณพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษาต่อไป เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและเรื่องเล่าจากร่างกายที่มีแต่สุขภาพดีต่อไป

 

#ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ #ศูนย์ดูแลผู้ป่วย

23

แก้ปัญหาหน้าผากยุบ , ใต้ตาลึก , ขมับบุ๋ม , ร่องแก้ม , ริ้วรอย , ยกกระชับ ปัญหาร่องลึกต่างๆบนใบหน้า เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น เมื่ออายุ 25ปี ขึ้นไป ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ ไขมัน และ คอลลาเจนเริ่มยุบตัวลง ผิวพรรณเริ่มไม่เต่งตึง สดใส เกิดริ้วรอย และร่องลึกขึ้น เช่น ใต้ตาลึกคล้ำ มีร่องแก้ม แก้มเริ่มหย่อนคล้อย การแก้ไขปัญหาร่องลึก และ ผิวหน้าที่เริ่มจะหย่อนคล้อย ด้วยการฉีด สารเติมเต็ม HA (Hyaluronic acid) จึงได้รับความนิยมมาก เพราะไม่เจ็บมาก ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลชัดเจนทันที



Hyaluronic Acid หรือ HA (Filler) คืออะไร ?

Hyaluronic Acid หรือ HA (Filler) เป็นสารสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อเลียนแบบสาร Hyaluronic Acid ที่มีตามธรรมชาติในร่างกายที่เริ่มเสื่อมสลายไปเมื่ออายุมากขึ้น มีความปลอดภัยสูง ช่วยเติมริ้วรอยร่องลึกตามจุดต่างๆ บนใบหน้า แบบชั่วคราว แล้วจะสลายหมดไปได้เอง เป็นสารที่ช่วยทำให้ใบหน้าเต่งตึงมีน้ำมีนวล เติมเต็มริ้วรอยร่องลึกให้ดูตื้นและนูนขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเติมใยคอลลาเจนที่หายไปให้กลับมาดูอิ่มเอิบ แลดูอ่อนเยาว์กว่าวัยและปรับโครงสร้างใต้ชั้นผิวหนังให้อ่อนนุ่ม

 

บริเวณที่สามารถฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA (Filler)
หน้าผาก   
รองน้ำหมาก
ขมับ     
ใต้ตา
ร่องแก้ม   
แก้มตอบ
คาง       
ริมฝีปาก
คุณสมบัติอีกอย่างหนึ่งของ สาร Hyaluronic Acid หรือ HA (Filler) ไม่เพียงแต่แค่เติมเต็มร่องลึกแต่ยังสามารถนำมาช่วยในการแก้ไขปรับแต่งรูปหน้าให้สวยงามและยกกระชับใบหน้าสำหรับผู้ที่มีความหย่อนคล้อยเพียงเล็กน้อยได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด และสามารถเห็นผลได้ทันที

 

Hyaluronic Acid หรือ HA (Filler) ที่แพทย์นิยมเลือกใช้ และได้มาตรฐาน ผ่าน อย.ในประเทศไทย
ได้แก่ Juvederm Restylane Perfectha NEURAMIS   

*** การเลือกใช้จะขึ้นอยู่ปัญหาของแต่ละบุคคล แพทย์จะเป็นผู้วิเคราะห์ ตามความเหมาะสม ***

 

การดูแลตัวเองหลังฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA (Filler)
ควรดื่มน้ำให้มากๆ เพราะจะช่วยให้ฟิลเลอร์คงสภาพได้นานขึ้น
ไม่ควรออกกำลังกายในช่วง 48 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด
ไม่ควรถูหรือขัดหน้าแรงๆ บริเวณที่ฉีด
ไม่ควรให้ใบหน้าสัมผัสกับความร้อนจัด เช่น การซาวน่า หรือตากแดด
 

ถาม-ตอบ
1. หลังฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA (Filler) แล้วไม่พอใจ มีวิธีแก้ไขอย่างไร ?

ตอบ หากฉีดจากที่อื่นมาก่อน ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า สารที่ฉีดเป็นชนิด HA แท้หรือไม่ ถ้าเป็น HA แท้สามารถฉีดสลายได้ หากไม่ใช่สาร HA แท้ ไม่สามารถฉีดสลายได้

2. หลังฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid หรือ HA (Filler) จะมีอาหารบวม เขียว ช้ำ มากหรือไม่ ต้องมีเวลาพักฟื้นหรือไม่?

ตอบ อาการบวม เขียว ช้ำ เกิดขึ้นได้ หลังฉีด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผิวแต่ละบุคคล บางรายมีอาการบวมช้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขึ้นอยู่สภาพผิวแต่ละบุคคล ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้มีประสบการณ์ฉีดด้วย

3. ฉีดเติมเต็มใต้ตาลึกใช้กี่ซีซี ?

ตอบ ขึ้นอย่กับความลึกของใต้ตา แพทย์จะเป็นผู้ประเมินการรักษา

24

สาเหตุการเกิด “ถุงใต้ตา”
   ถุงใต้ตา และความหย่อนคล้อยบริเวณเปลือกตาล่าง เกิดจาก กล้ามเนื้อตาที่เปรียบเสมือนผนังของหนังตาที่กั้นไขมันใต้ตาไว้อ่อนล้าและเสื่อมสภาพลง เนื่องจากพฤติกรรมที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้ ก้อนไขมันนั้นจะดันผนังกล้ามเนื้อตาที่อ่อนแอออกมาให้เห็นชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจเห็นได้ตั้งแต่วัยรุ่นและชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆตามอายุ ทำให้ดูไม่สดใส ดูหนื่อยล้าเหมือนง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาซึ่งคอยบดบังความงามของดวงตาคู่สวย

    หากคิดจะกำจัดถุงใต้ตาให้ออกไป การทำศัลยกรรมตกแต่งกำจัดถุงไขมันใต้ตา เป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะถ้าหากไม่มีถุงใต้ตาก็จะทำให้ดวงตากลับมาดูกระชับ เปล่งปลั่ง สดใส การทำศัลยกรรมตกแต่งตาล่างนี้สามารถทำได้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

 

การผ่าตัดสามารถใช้อุปกรณ์ 3 แบบคือ
    ใบมีด (Scapel) ซึ่งเป็นวิธีปกติที่ทำกันในอดีต ราคาถูกและสามารถใช้งานง่าย ขอบแผลจะไม่ถูกทำลายด้วยความร้อนใดๆ แพทย์บางท่านจึงยังนิยมอยู่ เพราะเชื่อว่าทำให้การหายของแผลจากการผ่าตัดถุงใต้ตาดีกว่าเป็นธรรมชาติมากกว่า แต่ ข้อเสียคือการบวมช้ำของตาอาจจะนานกว่า

   การผ่าตัดถุงใต้ตาด้วยเลเซอร์  คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ (CO2 laser) ปกติใช้สำหรับงานผ่าตัดผิวหนังต่างๆอยู่แล้ว โดยพลังงานเลเซอร์จะสามารถควบคุมความลึกได้ดีและความร้อนทำให้ขอบแผลไม่มีเลือดออก ทำให้บวมช้ำน้อย แม้จะมีแพทย์บางท่านนิยมใช้และอ้างว่าสามารถลดอาการบวมหลังการ ผ่าตัดถุงใต้ตา ที่คนไข้จะกลัวมากได้ แท้จริงแล้ว เมื่อเทียบกับการผ่าตัดถุงใต้ตา แบบมาตรฐานที่ใช้ใบมีดไฟฟ้าที่ใช้กัน พบว่าไม่มีความแตกต่างแต่อย่างใด

   การใช้ใบมีดไฟฟ้าหรือที่เรียกว่าเครื่องจี้ (Electrical cauterize) ซึ่งใช้กระแสไฟฟ้าและคลื่นความร้อนผ่านหัวตัดขนาดเล็ก ซึ่งจะสามารถเลือกได้ว่าจะเล็กในระดับมิลลิเมตรเลยทีเดียว เพื่อความแม่นยำของการทำงาน เนื่องจากขณะทำการตัดตัวใบมีดก็จะจี้หยุดเลือดไปด้วย ทำให้เลือดออกน้อย ก็จะมี อาการบวมช้ำหลังผ่าตัดถุงใต้ตา น้อยและฟื้นตัวเร็วเพราะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในการใช้งานของโรงเรียนแพทย์ต่างๆ ในการ แก้ไขถุงใต้ตา อย่างไรก็ดีทักษะความชำนาญของแพทย์แต่ละท่านกับเครื่องมือแต่ละอย่าง เป็นสิ่งที่สำคัญกับการทำงาน เราจึงแทบไม่เห็นความแตกต่างของผลการรักษาในเครื่องมือต่างๆเหล่านี้ ดังนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้มาก

 

วิธีแก้ไขผ่าตัด
1. ผ่าตัดถุงใต้ตาแบบเปิดแผลด้านใน
   เป็นการผ่าจากบริเวณด้านในของขอบตาล่าง ทำให้สามารถปกปิดรอยแผลได้ดี และไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อย เหมาะกับคนที่ยังไม่มีหนังตาส่วนเกิน

2. ผ่าตัดถุงใต้ตาแบบเปิดแผลด้านนอก
   เป็นการผ่าจากบริเวณด้านนอกของขอบตาล่าง เหมาะสำหรับคนที่มีหนังตาส่วนเกินเยอะ เพราะจะตกแต่งได้ทั้งหนังตาที่หย่อนคล้อย พร้อมตัดไขมันในถุงใต้ตาออกไปได้ แต่อาจเห็นรอยแผล ซึ่งแพทย์จะพยายามซ่อนแผนไว้ที่ชิดแนวชนตาด้านล่าง จะมีอาการบวมมากกว่าการผ่าแบบเปิดแผลด้านใน

    การผ่าตัดถุงใต้ตาใช้เวลาประมาณ 60 นาที และต้องนอนพักฟื้นอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง เพื่อรอให้ยาชาหรือยานอนหลับหมดฤทธิ์ก่อน ถึงจะสามารถกลับบ้านได้

 

ก่อนผ่าตัดแก้ไข “ถุงใต้ตา“ เตรียมตัวอย่างไร ?
งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด (กลุ่มยา Aspirin, Ibuprofen) วิตามินเอ อี ซี สมุนไพร โสม ใบแปะก๊วย น้ำมันปลา ก่อนรับบริการ 2 สัปดาห์
งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
 
ดูแลตัวเองอย่างไร หลังการผ่าตัดแก้ไข “ถุงใต้ตา” ?
ประคบด้วย ช่วงเวลา 1 – 2 วันแรกเผื่ออาการบวมหายเร็วขึ้น
พยายามนอนให้ศีรษะสูง เพื่อให้ยุบหายบวมเร็วขึ้น
งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
ประคบอุ่นเพื่อลดรอยช้ำ หลังจากผ่านไป 2 วันแล้ว
หลีกเลี่ยงแผลโดนน้ำ หรือถ้าจำเป็นให้ซับให้แห้ง ป้องกันแผลติดเชื้อได้
ไม่รับประทานอาหารรสจัด หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เหล้า ไข่ อาหารทะเล 2 สัปดาห์
ทานยาแก้ปวดตามอาการ และแก้อักเสบ ลดบวม ตามแพทย์แนะนำ
ทำความสะอาดแผลวันละ 1-2ครั้ง โดยใช้ไม้พันสำลีสะอาดชุบน้ำเกลือ แล้วเช็ดคราบเลือดซึมบริเวณแผล
ใส่แว่นตากันลมฝุ่น สิ่งสกปรกเมื่อต้องออกไปข้างนอก
 

ทำไมต้อง “ศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขถุงใต้ตา” ที่ W Plastic Surgery Hospital ?
ผ่าตัดโดย ศัลยแพทย์เฉพาะทาง
ทีมศัลยแพทย์มีความชำนาญด้าน (Facial Design) ให้เหมาะสมกับรูปหน้าแต่ละบุคคล
W Plastic Surgery Hospital ได้มาตรฐานระดับโรงพยาบาล

25

โภชนาการสำหรับผู้ที่เป็นโรคไต  ไตเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำหน้าที่หลักในการกรองของเสียจากเลือดและขับถ่ายออกทางปัสสาวะ รักษาสมดุลของน้ำ เกลือแร่และความเป็นกรดด่างของเลือด ถ้าปล่อยให้ไตเสื่อมและเสียหายถึงขั้นตัดออกจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ดังนั้นเราควรดูแลและบำบัดโรคไตด้วยโภชนาการสำหรับผู้ที่เป็นโรคไตเพื่อชะลอความเสื่อมของไตและยืดอายุให้ยืนยาวขึ้น



โรคไตมีทั้งระยะด้วยกันทั้งหมด 3 ระยะ
 ระยะก่อนฟอกไต ระยะฟอกไตและระยะหลังฟอกไต ซึ่งแต่ละระยะมีทั้งที่สามารถรักษาให้หายขาดได้และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ขึ้นกับหน่วยไตว่าเสื่อมหรือเสียหายไปมากเท่าใด ดังนั้นการควบคุมการจัดการอาหารให้ดีจะช่วยชะลอความเสื่อมของไตให้ดำเนินไปได้ช้าลง ซึ่งบทบาทของโภชนาการสำหรับผู้ที่เป็นโรคไตมีดังนี้

 



 

โภชนาการอาหารที่ชะลอความเสื่อมของไตไว้ได้
โปรตีนต่ำ เพราะจะมีประมาณของเสีย (เช่น ยูเรีย) ปริมาณที่น้อยจะส่งผลให้ไตทำงานเบาลง การควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย
จำกัดโซเดียม ที่อยู่ในประเภทอาหารว่างที่ออกรสเค็ม อาหารหมักดอง อาหารตากแห้ง อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม หมูยอ หมูหยอง อาหารสำเร็จรูป จำพวกโจ๊ก บะหมี่ วุ้นเส้น และขนมขบเคี้ยวต่างทุกชนิด และหันไปรับประทานอาหารที่ทำจากของสดแทนจะดีกว่า
จำกัดโพแทสเซียม ที่พบทั้งในพืชและสัตว์ ซึ่งส่วนใหญ่มีมากในพวกเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เครื่องใน ไข่และนม ซึ่งต้องงดเว้นหรือรับประทานอย่างจำกัดเพื่อควบคุมระดับโพแทสเซียมที่ไตไม่สามารถขับออกมาได้โดยปกติและหากโพแทสเซียมคั่งอาจทำให้ผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้นได้ ดังนั้นควรเลือกผักที่มีโพแทสเซียมต่ำสามารถนำมาปรุงอาหารได้และเหมาะแก่ผู้ป่วยไตรับประทาน เช่น กะหล่ำปลี แตงกวา บวบ ฟักเขียว ถั่วงอก และผลไม้ที่มีผลไม้ที่มีโปแทสเซียมปานกลาง เช่น ส้มเขียวหวาน ส้มเช้ง มะละกอสุก มะม่วงสุก มะม่วงดิบ ส้มโอ แอปเปิลแดง สตรอเบอรี่ ลางสาด แคนตาลูป เงาะ ขนุนและโพแทสเซียมต่ำ รับประทานได้มาก เช่น แตงโม และสับปะรดกระป๋อง นอกจากนี้ประมาณน้ำที่ดื่มเข้าไปก็ต้องจำกัดปริมาณด้วยเช่นกัน               
  หากวันนี้เรายังไม่ป่วยเป็นโรคไตเราควรตระหนักถึงปริมาณสารอาหารที่เรารับเขาไปเพื่อช่วยยืดอายุการเกิดโรคดังกล่าว แต่หากวันนี้คุณกำลังป่วยอยู่จงรักษาไตที่ยังพอสามารถทำงานได้ด้วยการควบคุมอาหารตามหลักโภชนาการที่ได้แนะนำไปข้างต้นและหากไม่แน่ใจว่าคุณควบคุมได้ถูกต้องตามหลักโภชนาการหรือไม่ ควรพบและปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาทางรักษาที่เหมาะสมต่อไป

#ศูนย์ดูแลผู้ป่วย #ศูนย์ดูแลผู้ป่วยติดเตียง]

26

" สวย ย้อนวัย ได้ที่ W Plastic Surgery Hospital ”
โดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง
   การผ่าตัด ดึงหน้า และ คอ เพื่อแก้ไขปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย ( FaceLift and NeckLift) คือ การผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาผิวหนังบริเวณใบหน้าและลำคอที่หย่อนคล้อยและมีริ้วรอยมาก โดยศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดดึงผิวและกล้ามเนื้อให้กระชับ พร้อมทั้งตัดไขมัน และ ผิวส่วนที่เกินออก ทำให้ผิวยกตึงกระชับ ริ้วรอยหายไป หน้าแลดูอ่อนวัยขึ้นอย่างชัดเจน

สาเหตุการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าเมื่ออายุมากขึ้น




ตัวอย่างแสดงความแตกต่างทางใบหน้าเมื่ออายุเพิ่มขึ้น

 

    เมื่อวันเวลาผ่านไป โครงสร้างใบหน้าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ใบหน้าจากที่ดูเอิบอิ่ม มีไขมันสะสมตามส่วนต่างๆ ของใบหน้า ผิวหนังเต่งตึงเปล่งปลั่งสดใส กล้ามเนื้อกระชับ แต่เมื่ออายุย่าง 40 ปี เราจะพบว่าผิวเริ่มเหี่ยวย่น หย่อนคล้อย เนื่องจากไขมันที่ใบหน้าเริ่มสลาย ยุบ ฟ่อตัว ไปบางส่วน ผิวหนังที่เคยเปล่งปลั่งก็จะเริ่มหม่นหมองและแห้งกร้านขึ้น รวมถึงกล้ามเนื้อบนใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย

    และเมื่อย่างอายุ 50 ปี ใบหน้ามีริ้วรอยเหี่ยวย่นจะเป็นมากขึ้น ไขมันที่อยู่บนใบหน้าโดยเฉพาะที่โหนกแก้มจะเริ่มบางลง ทำให้ผิวหนังตกลงมาอยู่ที่บริเวณเหนือมุมปาก ผิวหนังบริเวณขากรรไกร คาง ใต้คาง มีรอยย่นเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันที่คอก็มีรอยย่นเกิดขึ้นด้วย และอาจจะมีไขมันมาสะสมใต้คางทำให้เกิดมีเหนียงใต้คางอีกด้วย

    นอกจากไขมัน กล้ามเนื้อ และผิว ที่เสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา การยุบตัวของกระดูก บางส่วนบนใบหน้าก็มีผลทำให้ผิวหย่อนคล้อยตกลงมา เนื่องจากไขมัน กล้ามเนื้อ ผิวหนัง ที่อยู่เหนือกระดูก แต่เดิมอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม พอกระดูกซุดตัว ไขมัน กล้ามเนื้อ ผิวหนัง ก็จะซุดต้วลงด้วย

 



 

ดึงหน้า และ คอ โดยทีมแพทย์ W Plastic Surgery Hospital


 

บริเวณที่แก้ไขด้วยการผ่าตัดดึงหน้าแบ่งได้เป็น 3 ส่วน ได้แก่
   1. ใบหน้าส่วนบน มีผลคือ บริเวณหน้าผากตึงขึ้น ริ้วรอยหายไป คิ้วและตาที่ตก ถูกยกขึ้นด้วย  แผลจะอยู่บริเวณไรผมเหนือศรีษะ

   2.ใบหน้าส่วนกลาง และ ส่วนล่าง คือ ได้บริเวณหางตา หางคิ้ว ขมับ ร่องแก้ม รองน้ำหมากถูกยกขึ้น แผลจะอยู่บริเวณบนไรผมช่วงขมับจนถึงหน้าหู

   3. คอ คือ บริเวณลำคอทั้งหมด แผลจะอยู่บริเวณหลังใบหู หรือบริเวณใต้คางร่วมด้วย

 

ต้องผ่าตัดทุกส่วนเลยหรือไม่ ?
    คนไข้ไม่จำเป็นต้องทำการผ่าตัดดึงหน้าทุกส่วน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล ซึ่งศัลยแพทย์เฉพาะทาง ของ W Plastic surgery Hospital จะเป็นผู้ตรวจวิเคราะห์ และตัดสินใจร่วมกับคนไข้ โดยเน้นบริเวณที่คนไข้กังวลใจที่สุดก่อน

 

กังวัลใจเรื่องรอยแผลเป็นหลังผ่าตัดดึงหน้า
    คนไข้ส่วนใหญ่มักจะกังวลใจเรื่องแผลเป็นหลังการผ่าตัด ว่าจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนหรือไม่ ศัลยแพทย์จะเย็บและซ่อนแผลตามตำแหน่งที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งแพทย์ที่ทำการผ่าตัดเป็นศัลยแพทย์เฉพาะทาง มีประสบการณ์ และเทคนิคการเย็บแผลอย่างปราณีต ซึ่งยากต่อการสังเกตเห็น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลหลังการผ่าตัดของคนไข้ด้วย

 



ภาพผู้ที่ได้รับการผ่าตัดดึงหน้าจาก W Plastic surgery Hospital

 

ขั้นตอนการผ่าตัดดึงหน้า
ทำความสะอาด ฆ่าเชื้อ บริเวณที่ผ่าตัด
ฉีดยาชาเฉพาะจุด บริเวณที่ทำการผ่าตัด หรือ (ดมยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์)
แพทย์จะเปิดแผลบริเวณที่ต้องการดึง หลังจากนั้นเปิดเลาะแยกชั้นของผิวหนังออกจากชั้นของไขมันและกล้ามเนื้อ แล้วก็จะดึงชั้นของไขมัน แพทย์จะเปิดเลาะไปในชั้นของ SMAS (Superficial Musculoponeurotic Stytem) แล้วเย็บยกกระชับทำให้กล้ามเนื้อที่ใบหน้ายกกระชับขึ้น
ดึงผิวหนังมาให้มาปิด แล้วตัดส่วนที่เกินออก แล้วเย็บปิดแผลอย่างปราณีต
 

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดดึงหน้า
งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด (กลุ่มยา Aspirin, Ibuprofen) วิตามินเอ อี ซี สมุนไพร โสม ใบแปะก๊วย น้ำมันปลา ก่อนรับบริการ 2 สัปดาห์
งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
ควรอาบน้ำสระผม ทำความสะอาดร่างกายให้สะอาดเรียบร้อยก่อนการผ่าตัด
เตรียมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบาย ใส่และถอดใส่ง่าย เช่นเสื้อที่มีกระดุมหน้า
 

การดูแลแผลหลังผ่าตัดดึงหน้า
นอนศีรษะสูง เพื่อช่วยลดอาการบวมเป็นเวลาประมาณ 1 อาทิตย์
ประคบเย็นบริเวณใบหน้าประมาณ3วัน
หลีกเลี่ยงสัมผัส หรือ กระแทกบริเวณใบหน้า และ ลำคอ 7 วัน
หลีกเลี่ยงแผลโดนน้ำ 7 วัน
ทำความสะอาดแผลให้สะอาด โดยใช้ไม้พันสำลีชุบน้ำเกลือซับเบาๆบริเวณแผล
งดกิจกรรม การออกกำลังกาย ทุกชนิด ที่จะทำให้กระทบกระเทือนแผล ประมาณ 2 อาทิตย์ และห้ามไม่ให้แผลถูกน้ำเป็นเวลา 2-3 วัน
งดสูบบุหรี่ และ แอลกอฮอล์ อาหารรสจัด / ของหมักดอง 2 สัปดาห์
 

ทำไมต้องผ่าตัด “ ดึงหน้า “ ที่ W Plastic Surgery Hospital?
ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับบ้านได้เลย (หากคนไข้ต้องการดมยาสลบ มีดูแลก่อนและหลังผ่าตัด โดยทีมวิสัญญีแพทย์)
ผ่าตัดโดย ศัลยแพทย์ตกแต่งเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
ทีมศัลยแพทย์มีความชำนาญด้าน (Facial Design) ให้เหมาะสมกับรูปหน้าแต่ละบุคคล
W Plastic Surgery Hospital ได้มาตรฐานระดับโรงพยาบาล

27

      ศัลยกรรมโครงหน้าสวยสมบูรณ์แบบ ความงามที่ถูกกำหนดด้วยกฎของธรรมชาติ ที่เรียกว่า Golden Ratio of beauty โดยพิจารณาองค์ประกอบของใบหน้าด้วยกัน 3 ส่วนคือ โหนกแก้ม กราม คาง เพื่อให้มีโครงหน้าธรรมชาติตามแบบฉบับของ Golden Ratio of beauty สาวๆ หลายคนจึงมองหาวิธีเพื่อปรับโครงหน้าใหม่ไร้ที่ติ เพื่อความสวยแบบถาวร โดยการศัลยกรรมผ่าตัดยุบโหนกแก้มยุบโหนกแก้มและตัดกราม

" ผ่าตัดยุบโหนกแก้ม เพื่อโครงหน้าสวย อ่อนวัย โดยแพทย์เฉพาะทาง มาตรฐานระดับโรงพยาบาล "

            รูปหน้าสวย ได้รูป เรียวสวย ที่สาวๆอยากได้ แต่น้อยคนนักที่จะมีรูปหน้าเฟอร์เฟคสมส่วน ปัญหาหลักๆของโครงหน้า คือ โหนกแก้มที่สูงเกินไป กรามที่กว้าง และตำแหน่งของคาง ที่มีผลกับโครงสร้างรูปหน้า แต่ส่วนที่ทำให้ดูแก่กว่าวัย และดูหน้าไม่อ่อนหวาน เหมือนผู้ชายเกินไป คือปัญหาโหนกแก้มที่ใหญ่ และสูงเกินไป

            เทคโนโลยีการผ่าตัดยุบโหนกแก้ม เป็นขั้นตอนการผ่าตัดลดขนาดของกระดูกโหนกแก้ม (Zygoma bone หรือ cheekbones) ที่ยื่นออกมาจนเกินพอดี  เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงของการผ่าตัดศัลยกรรมกระดูก เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาโหนกแก้มนูนสูง จะทำให้โครงหน้าดูใหญ่กว่าคนทั่วไป ทำให้หน้าดุ ไม่อ่อนหวาน ดูสูงอายุกว่าความเป็นจริง โดยผู้ที่ปัญหานี้แพทย์จะตรวจวิเคราะห์ถึงสาเหตุว่าเกิดจาก ไขมันสะสม หรือเป็นเพราะโครงสร้างกระดูก หากเป็นที่ไขมัน อาจฉีดสลายไขมันได้ หรือ สามารถแก้ไขด้วยการผ่าตัดลดขนาดกระดูกบริเวณโหนกแก้มได้ร่วมกับการฉีดสลายไขมัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาแต่ละบุคคล

 

ปัญหาโหนกแก้มสามารถแบ่งได้ 5 แบบดังนี้
โหนกแก้มมีลักษณะสูงและยื่นออกไปด้านหน้า
โหนกแก้มมีลักษณะสูงและยื่นออกไปด้านข้าง
โหนกแก้มมีลักษณะยื่นออกมาทางด้านข้างของแก้ม
โหนกแก้มมีลักษณะสูงและใหญ่คลุมพื้นที่ทั้งด้านกว้าง ด้านหน้าและข้าง
โหนกแก้มมีลักษณะสูงและแหลม แต่ฐานไม่กว้าง
 

การผ่าตัดเพื่อยุบโหนกแก้ม มี 2 วิธี
     1. ผ่าตัดยุบโหนกแก้ม ด้วยวิธีการกรอกระดูกบริเวณโหนกแก้ม หรือ เหลาโหนกแก้ม เหมาะกับคนไข้ที่มีโหนกแก้มไม่สูงมากนัก ต้องการการปรับแต่ง กรอ เพียงเล็กน้อย โดยแพทย์จะทำการเปิดแผลผ่าตัดจากในช่องปาก หลังจากนั้นก็จะใช้เครื่องมือทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานเอาไว้สำหรับ กรอ กระดูกโหนกแก้ม เข้าไปเหลาในส่วนที่ไม่ต้องการออก แล้วเย็บปิดปากแผล

ข้อดี หลังการผ่าตัดกรอกระดูกโหนกแก้มจะไม่มีแผล เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่บริเวณกระพุ้งแก้มด้านในช่องปาก
ข้อเสีย กระดูกโหนกแก้มเป็นกระดูกทีมีความหนาไม่มาก ดังนั้น การกรอทำให้กระดูกโหนกบางลง ทำให้ลดขนาดโหนกด้านข้างได้เท่านั้น

     2. ผ่าตัด ยุบโหนกแก้ม ด้วยวิธีใช้เครื่องมือตัดกระดูกบริเวณด้านข้างโหนกแก้ม หรือ ทุบโหนกแก้ม เหมาะกับคนไข้ที่มีกระดูกโหนกแก้มที่หนา และสูงมาก โดยแพทย์จะเปิดแผลผ่าตัดเข้าทางเหนือศีรษะโดยรอบ จากเหนือใบหูข้างหนึ่งถึงใบหน้าอีกข้างหนึ่ง หรือ เปิดแผลผ่าตัดเข้าทางช่องปากเหมือนกรณีแรกเพื่อไม่ให้เกิดรอยแผลหลังการผ่าตัด หลังจากนั้นจึงทำการตัดหรือเลื่อนกระดูกโหนกแก้มลงจากจุดยึดเกาะเดิม แล้วยึดด้วยเหล็กยึดชนิดพิเศษ

ข้อดี ช่วยปรับโครงหน้าและลดโหนกแก้มอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงช่วยเพิ่มมิติแก้มลูกส้มได้อีกด้วย

 

ขั้นตอนการผ่าตัดยุบโหนกแก้ม
วางแผนการรักษารวมถึงการใช้ยาสลบและยาชาที่เหมาะสมกับสภาวะของผู้ป่วยเฉพาะบุคคล
เอ็กซ์เรย์ โครงกระดูกเพื่อกำหนดรูปร่างของกระดูกโหนกแก้มตำแหน่งของเส้นประสาทบริเวณนั้นได้อย่างถูกต้อง
กำหนดจุดที่จะทำการผ่าตัด
ใช้เวลาผ่าตัดไม่เกิน 3 ชั่วโมง
 

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัดยุบโหนกแก้ม
งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด (กลุ่มยา Aspirin, Ibuprofen) วิตามินเอ อี ซี สมุนไพร โสม ใบแปะก๊วย น้ำมันปลา
ก่อนรับบริการ 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้เลือดออกมากผิดปกติหรือมีปัญหาระหว่างผ่าตัด
งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และงดสูบบุรี่ก่อนผ่าตัด 2 สัปดาห์
สวมใส่เสื้อที่ใส่และถอดง่าย
งดอาหาร ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
กินอาหารให้พออิ่มก่อนเข้ารับการศัลยกรรม เพราะหลังการศัลยกรรมแล้วมักกินอะไรไม่ได้มาก
 

การดูแลหลังผ่าตัดยุบโหนกแก้ม
ประคบความเย็น ในช่วง 1-3 วันแรก เพื่อลดอาการบวม หลังจากนั้นอาการบวมจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ โดยทั่วไป     
อาการบวมมักจะยุบลงและได้รูปร่างของคางใหม่เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1-3 เดือน
ควรนอนยกศีรษะสูงในช่วง 1 สัปดาห์แรก
ประคบด้วยอุ่นหลังจากการผ่าตัดประมาณ 1-2 สัปดาห์เพื่อลดรอยเขียวช้ำหายเร็วขึ้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้
ทานยาแก้ปวด ลดบวม ตามที่แพทย์แนะนำ
ระมัดระวังการกระทบกระเทือนโหนกแก้ม โดยเฉพาะในช่วงเวลา 3-4 สัปดาห์แรก
 

ทำไมต้องผ่าตัด “ยุบโหนกแก้ม” ที่ W Plastic Surgery Hospital ?
ผ่าตัดโดย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งและความงาม
ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยได้มาตรฐานพร้อมทั้งใช้เทคนิคการทำที่ปลอดภัย
เป็นสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ระดับโรงพยาบาลสามารถนอนพักฟื้นเพื่อเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
 

คำถามที่พบบ่อย ในการศัลยกรรมผ่าตัดยุบโหนกแก้ม
1. หลังผ่าตัดยุบโหนกแล้วแล้ว เมื่อผ่านไปผิวบริเวณแก้มจะห้อย หย่อนคล้อยได้ง่ายกว่าปกติหรือไม่
ตอบ ด้วยวิธีการผ่าตัดที่ได้มาตรฐานโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของ W Plastic Surgery Hospital จะไม่ทำให้เกิดผิวบริเวณแก้ม หย่อนคล้อยหลังการผ่าตัด

2. กี่วันใบหน้าถึงจะเข้าที่เป็นปกติ
ตอบ ประมาณ 1-3 เดือน

3. หลังผ่าตัดกี่วันถึงจะรับประทานอาหารได้ปกติ
ตอบ 1 วัน

4. หลังผ่าตัดสามารถแต่งหน้าได้เลยหรือไม่ หรือต้องรอหลังผ่าตัดกี่วัน
ตอบ หลังการผ่าตัด 1 วันสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ

5. สามารถออกกำลังกายได้หรือไม่ หรือต้องรอหลังการผ่าตัดกี่วัน
ตอบ สามารถออกกำลังกายได้หลังการผ่าตัดประมาณ 2 สัปดาห์

6. สามารถผ่าตัดร่วมกับผ่าตัดลดกรามได้หรือไม่
ตอบ การผ่าตัดยุบโหนกแก้มสามารถทำพร้อมกับการผ่าตัดลดกรามได้เลย

7. แผลผ่าตัดอยู่ตรงไหน มีแผลภายนอกหรือไม่?
ตอบ การผ่าตัดทั้งหมดเกิดขึ้นในช่องปากค่ะ มีแผลบริเวณไรผมประมาณครึ่งเซนฯ เพื่อเหลากระดูกโหนกด้านข้าง แต่รอยแผลเล็กมาก ซ่อนในไรผม เมื่อตัดไหมแล้ว แทบมองไม่เห็นร่องรอยแผลเลยค่ะ

8. หลังผ่าตัดนอนพักฟื้นกี่วัน บวมกี่วัน?
ตอบ  หลังผ่าตัดนอนรพ. 1-2 คืน ทั้งนี้ขึ้นอย่กับอาการและรายการศัลยกรรมกรณีทำโหนกด้วยจะนัดตัดไหม เมื่อครบ 7 วันหลังการผ่าตัด ส่วนอื่นๆจะเป็นไหมละลายในปาก จะหลุดเองใระยะเวลา 2 เดือน หรือถ้ารู้สึกไม่สบายในปาก ก็สามารถตัดออกได้เมื่อครบ 12-14 วันค่ะใบหน้าจะบวมมากสุดในช่วง 3-5 วันหลังการผ่าตัดแนะนำลางาน 1 สัปดาห์เพื่อพักฟื้นให้ใบหน้าลดบวม

28

การเสริมหน้าอกด้วยถุงซิลิโคนที่ มีหลายขนาดให้เลือก และมีทั้งพื้นผิวเรียบและผิวทราย รูปทรงกลม และ ทรงหยดน้ำ

 

การวางตำแหน่งวางถุงซิลิโคน
สำหรับการใส่ถุงซิลิโคน สามารถใส่ได้ 2 ตำแหน่ง คือ

ใต้กล้ามเนื้อหน้าอก การใส่ซิลิโคนตำแหน่งนี้จะช่วยปกป้องเนื้อเยื่อและลดความเสี่ยงต่อการกระเพื่อมและการเกิดพังผืดรัดรอบถุงซิลิโคนเจลได้
บนกล้ามเนื้อหน้าอก ซึ่งเป็นตำแหน่งตามธรรมชาติที่สุด ช่วยให้รู้สึกสบายหลังการผ่าตัดมากกว่า และไม่เป็นอันตรายต่อกล้ามเนื้อหน้าอก




 

ขั้นตอนการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก
วางยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์
แพทย์ทำการผ่าตัด จะเปิดแผล บริเวณที่นิยมคือ ใต้ฐานนม และบริเวณ ข้อพับใต้รักแร้
วางซิลิโคนตามตำหน่งที่เหมาะสม
เย็บแผลผ่าตัด ก่อนปิดแผลอาจทำการวางท่อระบายผ่านผิวหนังไว้เพื่อช่วยป้องกันการสะสมของเลือดหรือของเหลว ซึ่งท่อระบายนี้จะถูกนำออกไปในการนัดตรวจหลังการผ่าตัดครั้งต่อไป
 


 

เสริมหน้าอกต้องเตรียมตัวอย่างไร ?
งดรับประทานยาละลายลิ่มเลือด (กลุ่มยา Aspirin, Ibuprofen) วิตามินเอ อี ซี สมุนไพร โสม ใบแปะก๊วย น้ำมันปลา ก่อนรับบริการ 2 สัปดาห์
งดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
ควรอาบน้ำสระผม ทำความสะอาดร่างกายให้สะอาดเรียบร้อยก่อนการผ่าตัด
เตรียมใส่เสื้อผ้าที่หลวมสบาย ใส่และถอดใส่ง่าย เช่นเสื้อที่มีกระดุมหน้า
งดอาหารและน้ำ ก่อนก่อนผ่าตัด เพื่อดมยาสลบ 6 ชั่วโมง
 

การดูแลหลังศัลยกรรมผ่าตัดเสริมหน้าอก
หลังการผ่าตัด เสริมหน้าอก ควรงดออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ต้องยกแขนสูง ประมาณ 3 – 4 สัปดาห์
ทานยาตามคำแนะนำของแพทย์
สวมชุดซัพพอร์ตหน้าอก หลังการเสริมหน้าอก 2 – 4 สัปดาห์
หลังการผ่าตัด เสริมหน้าอก ควร หลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำประมาณ 5 วัน หลังผ่าตัด หากแผลเปียกน้ำควรใช้ผ้าสะอาดซับแผลให้แห้งทุกครั้ง
งดสูบบุหรี่ และ ทานของหมักดอง ในช่วง 1 – 2 สัปดาห์แรก
 

ทำไมต้องผ่าตัด “เสริมหน้าอก” W Plastic Surgery Hospital ?
ผ่าตัดโดย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่งและความงาม
ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ได้มาตรฐานเพื่อให้ได้เซลล์ไขมันที่มีคุณภาพสูงสุด พร้อมทั้งใช้เทคนิคการทำที่ปลอดภัย
เราเป็นสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ระดับโรงพยาบาลสามารถนอนพักฟื้นเพื่อเพื่อเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด
 



 

คำถามที่พบบ่อย ในการศัลยกรรมเสริมหน้าอก
1. หลังเสริมหน้กอก สามารถให้นมบุตรได้หรือไม่

ตอบ สามารถให้นมบุตรได้ตามปกติ

2. หลังเสริมหน้าอก ต้องพักฟื้นกี่วัน

ตอบ แล้วแต่สภาพร่างกายของคนไข้ โดยทั่วไปประมาณ 1 สัปดาห์

3. หลังเสริมหน้าอก ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลหรือไม่

ตอบ เนื่องจากเป็นการผ่าตัดที่ต้องดมยาสลบ หลังผ่าตัดคนไข้ควรได้รับการนอนพักฟื้น 1 คืน แต่หากคนไข้จำเป็นต้องกลับ ไม่สะดวกที่จะนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล หลังผ่าตัดแล้วควรพักไม่น้อยกว่า 3-4 ชั่วโมง

4. อายุซิลิโคนเสริมหน้าอก อยู่ได้กี่ปี ?

ตอบ ประมาณ 10 – 15 ปีขึ้นไป ขึ้นอยู่แต่ละประเภท ซิลิโคน

29


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการ ฉีดไขมันเติมเต็มใบหน้าต้องเตรียมตัวยังไง ก่อนฉีดไขมัน ?
2 สัปดาห์ ก่อนฉีดไขมัน ควรงดทานยาละลายลิ่มเลือด ยากลุ่ม Aspirin, Ibuprofen , vitamin a c สมุนไพรจำพวกโสม แปะก๊วย และ น้ำมันปลา
2 สัปดาห์ ก่อนฉีดไขมัน ควรงดสูบบุหรี่ และ งดดื่มแอลกอฮอล์
1 วัน ก่อนฉีดไขมัน ชำระล้างร่างกาย สระผมให้เรียบร้อยก่อนผ่าตัด
1 วัน ก่อนฉีดไขมัน เตรียมเสื้อผ้าที่เป็นกระดุมหน้า เพื่อการถอดใส่ง่าย
 

หลัง ฉีดไขมันเติมเต็มใบหน้า สามารถอบเซาน่าได้หรือไม่?
หลีกเลี่ยงการอบเซาน่า อย่างน้อย 1 อาทิตย์หลังทำ

 

หลัง “ฉีดไขมัน” เติมเต็มใบหน้าแล้ว สามารถอยู่ได้นานหรือไม่?
หลัง ฉีดไขมัน เข้าไปแล้วจะมีส่วนที่อยู่ในร่างกาย 60-70% ลดหายหรือเพิ่มขึ้นตามน้ำหนักของร่างกาย ส่วนอีก 30-40% จะค่อยๆสลายหายไป

 

ถ้าออกกำลังกาย หรือ[^_^] ไขมันที่ฉีดไว้บนใบหน้าจะหายไปหรือไม่?
หากน้ำหนักลด ไขมันที่เติมไว้อาจจะมีหายไปบ้างตามน้ำหนัก แต่ไม่หายไปทีเดียวทั้งหมด หากทำให้น้ำหนักคงที่ไขมันบนใบหน้าจะอยุ่ได้คงทนนานที่สุด

 

ถ้าดูดไขมันออกเพื่อลดสัดส่วน แล้วเอามาฉีดเข้าใบหน้าได้หรือไม่ ?
ไขมันที่ได้จากการดูดเพื่อลดสัดส่วน ไม่สามารถนำมาฉีดเพื่อเติมเต็มได้ เนื่องจาก กระบวนการในการ ดูดไขมัน แตกต่างกัน เพราะว่าเครื่องมือที่ใช้ดูดไขมัน (เพื่อลดสัดส่วน) จะมีพลังงานช่วยเพื่อสลายไขมันให้แตกตัว แล้วเอาไปทิ้ง ทำให้ทำลาย Stem cell ที่มีชีวิตในไขมัน จึงไม่มีประสิทธิภาพที่จะนำมาฉีดเข้าใบหน้า

 

การฉีดไขมัน มีอันตรายไหมและมีผลข้างเคียงอะไรบ้างหรือไม่
การฉีดไขมัน ถ้าทำโดยแพทย์ที่มีความชำนาญการ และเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน รวมถึงวิธีการ ซึ่งทาง W Plastic Surgery Hospital เป็นสถานพยาบาล ด้าน ศัลยกรรมตกแต่ง และ ผิวพรรณ โดยถือมาตรฐานและความปลอดภัยเป็นสำคัญ อีกทั้งการฉีดไขมันเพื่อเติมเต็ม ด้วยไขมันตนเอง เพราะไม่มีสารแปลกปลอม ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ แต่อาจจะมีอาการบวมช้ำจากเลือดออกใต้ผิวหนัง หรือ อาการแทรกซ้อนที่เจอได้น้อยมาก เช่น เส้นเลือดอุดตัน หรืออักเสบติดเชื้อได้

บทความจาก : https://www.w-surgeryhospital.com

#ฉีดไขมัน #ศัลยกรรมตกแต่ง #plasticsurgery

หน้า: 1 [2]