แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Ailie662

หน้า: 1 ... 1002 1003 [1004] 1005 1006 ... 1035
18056


​นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า น้ำเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องดื่มเป็นประจำทุกวัน หากขาดน้ำจะเสียชีวิตภายใน 2-3 วัน ในหนึ่งวันจึงควรดื่มน้ำเปล่าสะอาดอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน  โดยดื่มทีละน้อย ไม่ดื่มเร็วหรือมากเกินไป ซึ่งการดื่มน้ำมากขึ้น ยังช่วยในเรื่องการ[^_^] ดังนี้

1) น้ำจะทำให้ร่างกายเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น เนื่องจากน้ำทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง ร่างกายจึงต้องเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดสมดุล       ความร้อน ส่งผลให้อาหารและพลังงานถูกเผาผลาญตามไปด้วย และยังช่วยลดปริมาณไขมันส่วนเกินด้วย


 และ2) การดื่มน้ำเปล่าเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการดื่มน้ำก่อนมื้ออาหารจะช่วยลดความอยากอาหารได้ ทำให้แคลอรีที่ได้รับจากอาหารลดลงและลดความเสี่ยงในการมีน้ำหนักเพิ่ม เมื่อดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น ทำให้ลดโอกาสการดื่มน้ำหวาน หรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ส่งผลให้ร่างกายได้รับพลังงานน้อยลง จึงควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น  นอกจากนี้การดื่มน้ำเปล่าที่เพียงพอจะช่วยเรื่องสุขภาพของผิวพรรณด้วย  ดังนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพอ        จึงนับเป็นปัจจัยสำคัญต่อร่างกายและช่วยชะลอความอ่อนเยาว์ได้อีกด้วย


        สำหรับเทคนิคการดื่มน้ำช่วย[^_^] สามารถปฏิบัติได้ในช่วงเวลาดังนี้ 1) ดื่มน้ำ 1 แก้ว     หลังตื่นนอน ในเวลา 06.00 - 07.00 น. เพื่อช่วยลดภาวะขาดน้ำจากการนอนหลับ อีกทั้งช่วยลดความ          ข้นหนืดของเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และกระตุ้นการขับถ่ายได้อีกด้วย 2) ดื่มน้ำ 1 แก้ว ช่วงเช้า          ในเวลา 08.00 - 09.00 น. โดยดื่มน้ำก่อนมื้อเช้า 15 - 20 นาที แล้วค่อยกินมื้อเช้าเพราะถ้ากินอาหาร       ตามทันที น้ำที่ไปเจือจางน้ำย่อย จะส่งผลให้การย่อยอาหารไม่ดี และหลังอาหารให้จิบน้ำเพียงครึ่งแก้วพอ       3) ดื่มน้ำ 2 - 3 แก้ว ในช่วงเวลาระหว่างวัน เวลา 09.00 - 13.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาทำงาน ให้ดื่มน้ำระหว่างวันไปเรื่อย ๆ เพื่อลดการสูญเสียน้ำในระหว่างวัน นอกจากนี้น้ำยังช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย  อีกด้วย 4) ดื่มน้ำ 2 แก้ว ช่วงบ่ายและเย็น เวลา 13.00 - 17.00 น. พยายามดื่มน้ำเปล่าในปริมาณ 2 - 3 แก้ว จะช่วยแก้กระหาย และทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น
        และ 5) ดื่มน้ำ 2 - 3 แก้ว ช่วงเย็นและก่อนนอน เวลา 18.00 - 22.00 น การดื่มน้ำช่วงเย็น ให้ดื่มก่อนและหลังกินมื้อเย็น และแบ่งบางส่วนไปดื่มช่วงก่อนนอน เพื่อช่วยชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้ และป้องกันร่างกายขาดน้ำขณะนอนหลับ ทั้งนี้ หลักการ[^_^]ที่ดีนั้นควรลดไขมันที่เป็นส่วนเกินในร่างกาย ไม่ใช่ลดกล้ามเนื้อ ดังนั้นอย่าอดอาหารควรควบคุมอาหารโดยเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลี่ยงของหวาน ของมัน ของทอด ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายเป็นประจำร่วมด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน

18057


ปิดตำนาน 16 ปี โรงละครสยามนิรมิต กรุงเทพฯ ประกาศปิดกิจการถาวรแล้ว หลังได้รับผลกระทบหนักจากโควิด-19 ด้านสาขาที่ จ.ภูเก็ต ยังอยู่ แค่ปิดบริการชั่วคราว

โรงละครสยามนิรมิต กรุงเทพฯ ได้ประกาศปิดกิจการในกรุงเทพฯ ลงอย่างถาวร เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิดที่รุนแรงและยาวนาน โดยหลังจากนี้บริษัทฯ จะโฟกัสกับโรงละครสยามนิรมิต ภูเก็ต เป็นหลัก

โดยเหตุผลที่ตัดสินใจปิดกิจการนั้น เนื่องจากพื้นที่ของสยามนิรมิต กรุงเทพฯ จำนวน 24 ไร่ ปัจจุบันเหลือเช่าอีก 7 ปี แต่จากสถานการณ์ในปัจจุบันทำให้ยากต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เนื่องจากนักท่องเที่ยวหลักของโรงละครเป็นกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวจีน ทำให้ยื้อต่อไปไหว และต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่ากิจการจะฟื้นกลับมา โดยที่ผ่านมาผู้บริหารได้แบกรับค่าเช่าและจ่ายเงินช่วยเหลือให้พนักงานเป็นเวลา 18 เดือน ตั้งแต่โควิดระบาดระลอกแรก และเมื่อต้องปิดกิจการพนักงานก็จะรับชดเชยตามกฎหมาย

สำหรับ โรงละครสยามนิรมิต กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนถนนเทียมร่วมมิตรใกล้กับศูนย์วัฒนธรรม เป็นโรงละครที่มีเอกลักษณ์ในการจัดแสดงโชว์วัฒนธรรมไทยที่สุดตระการตาสวยงาม ด้วยเทคนิคพิเศษ แสง สี เสียง สมบูรณ์แบบ อีกทั้งได้รับการบันทึกจาก กินเนสบุค ออฟ เวิลด์ เรคคอร์ด ว่าเวทีมีขนาดสูง และ ใหญ่ที่สุดในโลก

ทั้งนี้ สยามนิรมิต เปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2548 เงินลงทุน 1,500 ล้านบาท บนพื้นที่ 24 ไร่ บนขนาดโรงละคร 2,000 ที่นั่ง ปกติมีห้องอาหารบริการอาหารบุฟเฟ่ต์นานาชาติ ให้บริการทั้งภายในอาคาร มีความจุรวม 1,500 ที่นั่ง มีที่จอดรถได้ 300 คัน

18058
ลูกอมพระแม่ธรณี

จัดสร้างจากดินใต้ฐานพระแม่ธรณี ผงมหาจักรพรรดิ และมวลสารอื่น ๆ ช่วยในเรื่องการขายบ้าน ขายที่ดิน

18059


ธอส. เปิดลงทะเบียนโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2) วันแรก ได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการ บ้านใหม่ บ้านมือสอง และทรัพย์ NPA ของ ธอส. ในระดับราคาไม่เกิน 1,200,000 บาท เข้ามาลงทะเบียนผ่าน Application : GHB ALL เพื่อรับรหัสเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก โดยตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น. มีจำนวนผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 12,890 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 15,468 ล้านบาท และมีลูกค้าที่เอกสารพร้อมยื่นคำขอกู้แล้วกว่า 1,000 ล้านบาท

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2564 มีมติเห็นชอบให้ ธอส. สานต่อโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2) อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.99% นาน 4 ปีแรก เงินงวดคงที่ 84 งวดแรก ( 7 ปี ) ภายใต้กรอบวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงิน ผู้ที่เริ่มต้นทำงานเพื่อสร้างครอบครัว และผู้สูงอายุ ให้มีที่อาศัยเป็นของตนเองในระดับราคาซื้อ-ขายไม่เกิน 1,200,000 บาท โดยวันนี้ (10 กันยายน 2564) ธอส. ได้เปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนผ่าน Mobile Application : GHB ALL เพื่อรับรหัสสำหรับเข้าร่วมโครงการทาง GHB Buddy บน Application Line ตั้งแต่เวลา 9.00 น.เป็นต้นมา ผลปรากฏว่า ณ เวลา 16.00 น. มีลูกค้าให้ความสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 12,890 ราย คิดเป็นวงเงินสินเชื่อ 15,468 ล้านบาท และมีลูกค้าที่เตรียมเอกสารพร้อมยื่นกู้ในวันแรกที่สาขาทั่วประเทศคิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวมกว่า 1,000 ล้านบาท



สำหรับลูกค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 เพื่อซื้อบ้าน หรือห้องชุด ทั้งที่เป็นที่อยู่อาศัยใหม่ของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บ้านมือสอง และทรัพย์ NPA ของ ธอส. เพื่อปลูกสร้าง และซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกในการอยู่อาศัยพร้อมซื้อบ้านหรือห้องชุด สามารถรับรหัสเข้าร่วมโครงการได้เพียง ดาวน์โหลด Mobile Application : GHB ALLและกดลงทะเบียนเพื่อรับรหัสเข้าร่วมโครงการ เมื่อทำตามขั้นตอนครบถ้วนแล้วลูกค้าจะได้รับรหัสตัวเลข 6 ตัวทาง GHB Buddy บน Application Line เพื่อนำมาแสดงในการยื่นขอสินเชื่อตั้งแต่วันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2564 เป็นต้นไป และทำนิติกรรมได้ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2566 หรือ ก่อนเต็มกรอบวงเงินของโครงการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Application: GHB ALL และ www.ghbank.co.th

18060
ส่งภาพถ่ายภายนอก ภายใน พร้อมรายละเอียดของรถมาที่
ไลน์ ไอดี : nopcartoday

18063


วันนี้ (10 ก.ย.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA จัดสัมมนารูปแบบ online ในหัวข้อ “เทคโนโลยีอวกาศสู่การบริหารจัดการภาคการเกษตร” เพื่อนำเสนอการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนในรูปแบบการผลิตบัณฑิตในโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่และให้คณาจารย์ในมหาวิทยาลัยนำข้อมูลไปใช้ต่อยอดในการจัดการเรียนการสอน พร้อมทั้งแลกเปลี่ยนข้อมูลและถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านการเกษตร

ดร.ปกรณ์ อาภาพันธุ์ ผู้อำนวยการ GISTDA กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้มีแนวทางการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนในรูปแบบการผลิตบัณฑิตโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ของคณะเกษตรศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษาฯ ซึ่งได้เน้นการสร้างคนที่มีคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องเน้นที่จำนวนผู้เรียน อีกทั้งมีแนวทางในการปรับหลักสูตรให้เป็น BCG และสร้างแรงผลักดันในการเรียนให้เกิดขึ้นต่อผู้เรียน โดยเน้นให้ฝึกปฏิบัติในสถานที่จริง ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน และสร้างความร่วมมือภายในกระทรวงการอุดมศึกษาฯ สถาบันอุดมศึกษาด้วยกันเองได้ใช้และแลกเปลี่ยนทรัพยากรร่วมกัน

ดร.ปกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา GISTDA มีภารกิจ บทบาทที่สำคัญในการให้บริการข้อมูลจากดาวเทียมสำรวจทรัพยากรดวงต่างๆ ขับเคลื่อนงานที่เกี่ยวข้องระดับประเทศ รวมทั้งส่งเสริม พัฒนาและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ไปประยุกต์ใช้ในสาขาต่างๆ และนำไปต่อยอดเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาประเทศ

นอกจากนี้ได้พัฒนากำลังคนในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการบริหารจัดการทรัพยากร สิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ สร้างความตระหนักรู้ ให้เข้าใจและรับรู้ถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศแก่บุคลากรทุกระดับ และเพื่อสนับสนุนให้พัฒนาประเทศให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และการสัมมนาในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่มีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน มหาวิทยาลัยทั่วประเทศรวมไปถึงประชาชนทั่วไปให้ความสนใจเข้าร่วมกว่า 500 คน ซึ่งผู้เข้าร่วมสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในการปรับหลักสูตรการเรียนการสอนในรูปแบบการผลิตบัณฑิตโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่เพื่อให้คณาจารย์ในมหาวิทยาลัยนำข้อมูลไปใช้ในต่อยอดในการจัดการเรียนการสอน อีกทั้งยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้สนับสนุนการดำเนินงานด้านการบริหารจัดการในภาคการเกษตรเพื่อเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศพร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะของกลุ่มเป้าหมาย และ GISTDA ยินดีให้การสนับสนุนงานทางด้านนี้อย่างเต็มที่เพื่อร่วมกันสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป

18066


ลาซาด้าจัดงาน LazMall Brands Future Forum ครั้งที่ 2 ตอกย้ำความเป็นผู้นำ ‘ดิจิทัลคอมเมิร์ซ’ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมยกระดับประสบการณ์การชอปและตอบโจทย์ทุกความต้องการทางธุรกิจของแบรนด์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการซื้อขายออนไลน์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้แล้ว ยังทำให้แบรนด์และร้านค้าสามารถสร้างรายได้พร้อมขยายฐานลูกค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ลาซาด้าจึงรวบรวมเทรนด์ดิจิทัลคอมเมิร์ซที่น่าจับตา พร้อมระดมความคิดจากแบรนด์แถวหน้าของภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านมาสู่โลกออนไลน์ ภายในงาน LazMall Brands Future Forum (BFF) 2021 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่สอง ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมมารีนา เบย์ แซนด์ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา

ปัจจุบันประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 70% เข้าถึงอินเทอร์เน็ตแล้ว จึงส่งผลให้อีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างก้าวกระโดดในภูมิภาคนี้ และด้วยความมุ่งมั่นของลาซาด้าในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านอีคอมเมิร์ซ พร้อมพัฒนาศักยภาพด้านเทคโนโลยี โซลูชันด้านการตลาด และโลจิสติกส์จากองค์ความรู้ที่ได้จากอาลีบาบา ลาซาด้าจึงกลายเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำที่ผู้คนในภูมิภาคต่างไว้วางใจ จนทำให้มีผู้ใช้งานกว่า 110 ล้านคนต่อปี



ภายใต้ธีม ‘จับตาอนาคต ดิจิทัลคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Rising to the Future: Southeast Asia’s Digital Commerce)’ นายชุน หลี่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า กรุ๊ป กล่าวเปิดงานโดยเน้นย้ำถึงความสำเร็จของลาซาด้าว่า สามารถสะท้อนการเติบโตอย่างน่าจับตาของตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคนี้ได้เป็นอย่างดี

“ลาซาด้ามีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีการทำธุรกรรมออนไลน์บนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นเกือบ 100% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับ LazMall ที่เป็นห้างสรรพสินค้าออนไลน์บนลาซาด้าก็เติบโตอย่างรวดเร็วภายในเวลาสามปี โดยปัจจุบันมีแบรนด์ในประเทศและต่างประเทศมากกว่า 32,000 แบรนด์ นอกจากนั้น ยังมีผู้ซื้อรายใหม่บน LazMall เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน และมีมูลค่าการซื้อของเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของผู้ซื้อทั่วไปบนแพลตฟอร์ม ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจที่ผู้บริโภคมีต่อลาซาด้าและ LazMall ซึ่งเรายังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อสร้างประสบการณ์การชอปที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า อย่างการเปิด LazMall PREMIUM1 ที่รวบรวมแบรนด์พรีเมียมจากทั่วภูมิภาค เช่น Coach, La Mer และ Salvatore Ferragamo มาให้ชอปได้ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว”

นายเจมส์ ชาง หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ลูกค้าและการค้าปลีก ลาซาด้า กรุ๊ป ได้ให้คำแนะนำแบรนด์และร้านค้าว่า ควรมีกลยุทธ์การขายของบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในระยะยาว

“ปัจจุบันการขายสินค้าปลีกออนไลน์ในภูมิภาคมีเพียง 7% แต่คาดการณ์ว่าใน พ.ศ. 2568 มูลค่าการชอปปิ้งออนไลน์ในภูมิภาคจะสูงถึง 172 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.8 เท่าจากปี 2563 ลาซาด้ามั่นใจว่าเราจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่นำไปสู่จุดนั้นได้ เพราะเรามีเครื่องมือและโซลูชันมากมายที่ตอบโจทย์ธุรกิจและการตลาด ซึ่งแต่ละแบรนด์และร้านค้าสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างง่ายดาย โดยเน้นการสร้างสรรค์คอนเทนต์และประสบการณ์ของลูกค้าให้เป็นหนึ่งเดียว และผสมผสานโปรแกรมสมาชิก (Loyalty Program) ของแบรนด์กับ LazMall เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า”


ด้วยอีโคซิสเต็มที่สมบูรณ์แบบและครอบคลุมทุกมิติ ลาซาด้าสามารถสร้างสรรค์โซลูชันมากมายที่ช่วยขยายฐานลูกค้าให้กับแบรนด์และร้านค้า

นายเรย์มอนด์ หยาง ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการแพลตฟอร์ม ลาซาด้า กรุ๊ป ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า “โซลูชันที่ลาซาด้าสร้างสรรค์นั้นล้วนให้ความสำคัญต่อผู้บริโภคเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการให้แบรนด์และร้านค้าสามารถมีส่วนร่วมในการจัดการข้อมูลลูกค้าได้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น และยังเข้าถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้ใช้บริการ ซึ่งช่วยให้แต่ละแบรนด์สามารถออกแบบรางวัลจูงใจให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างเหมาะสม”

นอกจากนั้น ลาซาด้ายังสร้างสรรค์แคมเปญชอปปิ้งออกมาหลากหลายและสามารถตอบโจทย์ได้ทั้งแบรนด์และลูกค้าด้วยโซลูชันการตลาดชั้นนำของลาซาด้า เช่น การโปรโมตผ่านพาร์ตเนอร์ (Sponsored Affiliates) การโปรโมตผ่านลาซาด้า (Sponsored Discovery) การจัดวางสินค้าตามลำดับความสำคัญ และอัลกอริทึมอัจฉริยะที่ช่วยให้แต่ละแคมเปญมีสินค้าในราคาที่เข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น และยังช่วยให้แบรนด์บริหารจัดการเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม”

ภายในงานยังมีการจัดเสวนาในหัวข้อ ‘จับตาอนาคต ก้าวใหม่ของดิจิทัลคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Looking Forward: What’s Next for Southeast Asian Lottovip Digital Commerce)’ ที่ดำเนินรายการโดย เอ็มมา เพเตอร์ซัน ประธานด้านโซลูชันกลยุทธ์แบรนด์ของ LazMall ระดับภูมิภาค ลาซาด้า กรุ๊ป โดยมีผู้บริหารในองค์กรชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและเคล็ดลับเกี่ยวกับการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล



เจโรม แฮมลิน หัวหน้าฝ่ายอุตสาหกรรมสำหรับอีคอมเมิร์ซ บริษัทกูเกิล มองว่า การระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปและมีตัวเลือกมากขึ้น จึงทำให้มีความคาดหวังเกี่ยวกับคุณภาพและบริการที่แบรนด์จะมอบให้จากการชอปปิ้งออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ พร้อมเสนอว่าแบรนด์ควรให้ความสำคัญต่อการสื่อสารผ่านวิดีโอมากขึ้นเพื่อดึงดูดลูกค้า

เควิน แมคกิแกน รองประธานและกรรมการผู้จัดการประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และกรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำสิงคโปร์ บริษัท 3เอ็ม แนะนำให้แบรนด์ตั้งเป้าให้ชัดเจนและควรวางแผนล่วงหน้าอย่างน้อยสามเดือน ซึ่งการเข้าใจผู้บริโภคอย่างแท้จริงจะช่วยสร้างความผูกพันกับแบรนด์ยิ่งขึ้น เช่น การสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่โดดเด่นและอธิบายคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์อย่างชัดเจนว่าแตกต่างจากสินค้าอื่นในท้องตลาดอย่างไร

จูเลียนา ชู รองประธานฝ่ายดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากชิเซโด้ มองว่า การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความภักดีต่อแบรนด์ได้ไม่น้อย ยิ่งลาซาด้ามีฟีเจอร์ Shoppertainment ก็ยิ่งช่วยสร้างประสบการณ์การชอปให้สนุกยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ลูกค้าได้ทดลองเครื่องสำอางแบบเสมือนจริง

นอกจากนั้น ยังมีการจัดมอบรางวัล BFF AWARDS 2021 เพื่อยกย่องเก้าแบรนด์ชั้นนำบน LazMall ที่มีผลงานและนวัตกรรมยอดเยี่ยมที่สุด โดยมีผู้ได้รับรางวัลดังนี้
• รางวัลสุดยอดแบรนด์ LazMall แห่งปี: Estée Lauder
• รางวัลแบรนด์พันธมิตรยอดเยี่ยม: Samsung
• รางวัลแบรนด์ใหม่ยอดเยี่ยม: Nike
• รางวัลแบรนด์ LazMall มาแรง: Coach
• รางวัลผลิตภัณฑ์ใหม่ยอดเยี่ยม: Lancôme Advanced Génifique Youth Activating Concentrate
• รางวัลกิจกรรมการตลาดยอดเยี่ยม: Shisedo Group
• รางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยม: Starbucks
• รางวัลแบรนด์พาร์ตเนอร์ดีเด่น: Synagie
• รางวัลการใช้เครื่องมือโปรโมตสินค้ายอดเยี่ยม: L'Oréal Consumer Products Division

18067


ก่อนหน้านี้ “แชมป์ นิตินันท์ จันทร์เดชา” นักร้องนำวง S.D.F โพสต์ใน IG ส่วนตัว เผยบันทึกข้อตกลงยกเลิกสัญญาศิลปิน บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ในวันที่ 5 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา แฟนเพลงหลายคนต่างเข้ามาสอบถามว่าหมดสัญญาแล้วจะไปอยู่กับค่ายไหน ซึ่งหนุ่มแชมป์ ก็ไม่ได้เข้ามาตอบอะไร นอกจากโพสต์ขอบคุณว่า “แอบใจหายเหมือนกันนะ อยู่มา 8 ปี ต้องขอบคุณแกรมมี่มากๆ ที่คอยดูกันมาตลอด ให้เราได้มีเพลงดีๆ หลายเพลง ตลอดจนค่ายที่เราเคยอยู่ WE Records/Nevermind/Grand Musik พี่ๆ ทีมงานที่น่ารักทุกคน ขอบคุณจากใจครับ หลังจากนี้จะเป็นก้าวใหม่ของ @sdf_band รอติดตามกันนะครับ”

ล่าสุด “แชมป์ S.D.F” ได้โพสต์ใน IG ส่วนตัวว่า “วันนี้กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” ขณะเดียวกันเพจค่ายข้าวสารเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ก็ได้โพสต์เปิดตัวศิลปินวง S.D.F ที่ได้ย้ายมาอยู่กับค่ายข้าวสารเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ อย่างเป็นทางการ “S.D.F และ Khaosan Entertainment จะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง” และทางเพจยังโพสต์ต้อนรับศิลปินใหม่ “ข้าวสารเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ขอต้อนรับสมาชิกใหม่ S.D.F วงร็อกมากความสามารถที่อยู่บนเส้นทางสายดนตรีมากว่า 10 ปี” พร้อมคลิปฝากเนื้อฝากตัวจากศิลปินวง S.D.F ทั้ง 3 คน ได้แก่ แชมป์ นิตินันท์ จันทร์เดชา (ร้องนำ), เบียร์ ธนิต เทียนป้อม(กีตาร์) และ ไท จีรศักดิ์ ไฝสิงห์ (เบส)

“สวัสดีครับ พวกเรา S.D.F การเดินทางบนเส้นทางสายดนตรีครบ 10 ปีกับค่ายใหม่ บ้านหลังใหม่ค่ายข้าวสารเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ครับ พวกเราก็จะผลิตผลงานเพลงที่ดีกว่าเดิม และก็จัดเต็มกว่าเดิมครับ ผลงานของพวกเราพร้อมปล่อยให้แฟนๆ ฟังกันเร็วๆ นี้ครับ S.D.F และข้าวสารเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังแน่นอนครับ”

มีคอมเมนต์จากแฟนคลับหลายคนตื่นเต้นที่เห็น S.D.F ย้ายมาอยู่กับค่ายข้าวสารเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ซึ่งเป็นค่ายเดียวกับศิลปินรุ่นพี่ POWER PAT ที่หนุ่มแชมป์เคยได้ร่วมงานจิตอาสาและคุ้นเคยกันดี งานนี้แฟนคลับเตรียมจับตาดู เร็วๆ นี้ อาจมีโปรเจกต์ดีๆ ให้ลุ้นกันต่อแน่นอน

18068
ค่าเช่า 8,900 บาท /เดือน ( จากปกติ 15,000 บาท/เดือน )
โทรเล๊ยยย 062.956.6979

พื้นที่ให้เช่า Area46 @อ่อนนุช 46  โปรโมชั่น คลายล็อกดาวน์


ค่าเช่า 8,900 บาท /เดือน ( จากปกติ 15,000 บาท/เดือน )
โอกาสทอง จองด่วน9 ล็อคสุดท้าย เท่านั้น !!

-   อยู่บนทำเลทอง ร่ายล้อมไปด้วยที่พักอาศัย ชุมชน หมู่บ้าน คอนโด ออฟฟิศ เข้าออกได้หลายทาง
-   มีเซเว่น  หน้าโครงการ .... คนเข้าออกตลอดเวลา !!
-   สามารถ Grab &Go และ Drive Thru ได้ 
-   ลงทุน+ ตกแต่ง ไม่มาก 
-   มีที่จอดรถ สะดวก บวก+สบาย 
-   มีกิจกรรมให้สนุกสนาน ลานสเก็ตบอร์ดขนาดใหญ่ 
-   มี 3 Zone มาได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกวัน ไม่มีเบื่อ

ไม่รับร้านซ้ำกัน จองก่อนมีสิทธิ์ก่อน 

ทำสัญญาจองภายใน เดือนนี้   ไม่มีค่าเซ้งใดๆ 
รีบ !! ด่วน!!โอกาสดี มีน้อย 9 ล็อคสุดท้ายเท่านั้น!!

โทรเล๊ยยย 0629566979

#Area46 #Area46Streetfood
#SurfParkArea46 #SURFSKATE
#เช่าที่ขายของ #พื้นที่ขายของ 
#เช่าขายของอ่อนนุช #หาที่ขายของ #พื้นที่เช่านอกห้าง
#ร้านอาหารจ่านดวน #ร้านก๋วยเตี๋ยว
#ร้านอาหาร #ร้านสเต็ก #ร้านซูชิอาหารญี่ปุ่น 
#ร้านไอศครีมบิงซู #ร้านทาโกะยากิ #ร้านไก่ทอด
#ร้านหมูทอด #ร้านราเมง #ร้านโรตี
#ร้านเหล้าปั่น #ร้านเบียร์ #ร้อนคอกเทล #ร้านเครปญี่ปุ่น#ร้านต่อขนตา#ร้านทำเล็บ
#ร้านพิซซ่า #ร้านเคบับ​
#ร้านบุฟเฟ่ปิ้งย่างทะเลเผา #ร้านยำ

https://www.prakard.com/viewtopic.php?f=73&t=7854928









18070


นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน (HBA) เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านว่า แม้ปัจจุบันจะยังคงเผชิญกับการตกต่ำของเศรษฐกิจโดยรวม โดยมีสาเหตุหลักมาจาก การกระบาดของโควิด-19 แต่สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน ก็ยังคงเน้นนโยบายด้านคุณภาพ และมาตรฐานในการก่อสร้างบ้าน ที่ผ่านมาก็ได้จัดกิจกรรมอบรมต่างๆ ให้กับสมาชิกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงพยายามที่จะแก้ไขสถานการณ์หรือหาทางออกช่วยเหลือสมาชิกของสมาคมฯ ซึ่งการจัดกิจกรรมการตลาดและการขายผ่านการจัดงานรับสร้างบ้าน Online 2021 ระหว่างวันที่ 10 - 20 กันยายน 2564 เชื่อว่าจะช่วยพยุงตลาดรับสร้างบ้านในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานรับสร้างบ้าน Online 2021 มากกว่า 5,000 คน และมียอดจองปลูกสร้างบ้านต่อเนื่องจากงานไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งอาจจะไม่สูงเหมือนการจัดงานออฟไลน์แบบที่เคยจัด เนื่องจากยังไม่สามารถคาดการสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่คาดว่าการจัดงานในครั้งนี้ ก็น่าจะสามารถกระตุ้นตลาดรับสร้างบ้านในช่วงปลายปีได้

"การจัดงานแบบออนไลน์ จะสารมารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น มีผู้เข้าชมงานมากกว่าการจัดงานแบบออฟไลน์ โดยในระยะเวลาการจัดงาน 10 วัน คนเข้าชมน่าจะหลักล้านคน แต่ก็อาจจะเข้ามาศึกษาข้อมูลก่อน และยังไม่ได้จองซื้อบ้านเลย ตอนนี้มีคนลงทะเบียนเข้าร่วมงานแล้ว 5,000 คน และสำหรับในส่วนของสมาชิกสมาคมธุรกิจนับสร้างบ้านซึ่งอยู่ในส่วนภูมิภาค ก็จะมีความสะดวกในการเข้าร่วมแสดงสินค้าได้มากขึ้นกว่าการจัดงานแบบออฟไลน์เหมือนเดิม ทำให้สมาชิกมีช่องทางการทำการตลาดได้มากขึ้น กลุ่มผู้บริโภคกว้างขึ้น และงานมีความคึกคักมากขึ้น"

นายกสมาคมฯ กล่าวถึงสถานการณ์ราคาวัสดุก่อสร้างและเรื่องของแรงงานกับตลาดรับสร้างบ้านในขณะนี้ว่า ราคาวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะหมวดโลหะ เช่น เหล็กเส้น อลูมิเนียม ซึ่งหลักๆ นำเข้ามาจากประเทศจีน โดยในช่วงที่ผ่านมา ประเทศจีนมีการลดกำลังการผลิตเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี หลายโรงงานปิดตัว และหลังมีการเปิดโรงงานใหม่ ก็มีการใช้เหล็กภายในประเทศสูงขึ้น ทำให้ส่งออกน้อย จึงส่งผลให้วัสดุก่อสร้างหมวดโลหะมีราคาสูงขึ้น มีผลต่อต้นทุนของธุรกิจรับสร้างบ้าน อย่างไรก็ตาม วัสดุอื่นๆ เช่น สี วัสดุปูพื้นผิว วัสดุตกแต่ง ยังไม่มีการขยับราคา ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านจึงพยายามตรึงราคารับสร้างบ้านก่อนไว้เพื่อดึงดูดใจผู้บริโภค

"แรงงานในตอนนี้ หากมองในภาพรวมแล้ว ขาดแคลนตามที่รับรู้กัน แต่หากในภาคอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจรับสร้างบ้านเรายังคงเดินต่อได้ เนื่องจากแรงงานบางส่วนที่เคยย้ายจากงานอาคารสูง หรืออาคารบางประเภทที่ไม่สามารถสร้างได้ ก็ย้ายมาอยู่กับรับสร้างบ้าน ทำให้รับสร้างบ้านยังไม่วิกฤตเรื่องแรงงาน พอไปได้ ซึ่งเราก็ดูแลและเร่งดำเนินการก่อสร้างบ้านให้ลูกค้า อย่างไรก็ดี เรื่องการนำแรงงานย้ายเข้ามายังพื้นที่ก่อสร้างบ้านของลูกค้าหลังใหม่นั้น จะต้องมีการแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ และหากละเลยจะมีโทษทางคดีอาญา ซึ่งเขตจะมีกระบวนการตรวจสอบแรงงานภายใน 15 วัน ก่อนที่จะเข้าพื้นที่ว่า มีความเสี่ยงเรื่องโควิดหรือไม่"

นายวรวุฒิ กล่าวเสริมถึงการจัดงานรับสร้างบ้าน Online 2021 ระหว่างวันที่ 10-20 กันยายน 2564 โดยสามารถเข้าชมได้ที่ www.รับสร้างบ้านออนไลน์.com ซึ่งสมาคมฯ เชื่อมั่นว่า จะตอบโจทย์ธุรกิจในยุคดิจิทัล และช่วยแก้ปัญหาที่ปัจจุบันมีข้อจำกัดในการเดินทาง ซึ่งทางสมาคมฯเชื่อมั่น ระบบที่สมาคมฯได้พัฒนาขึ้นนี้ มีความเสถียรและพร้อมใช้งานได้ในระยะยาว.

18071


หลังจากที่เอลซัลวาดอร์เปิดการใช้จ่ายด้วย bitcoin อย่างถูกกฎหมาย 'Edward Snowden' นักวิเคราะห์ข่าวกรองชาวอเมริกันและผู้กุมความลับด้นความมั่นคงระดับโลก แนะผู้นำนานาชาติ “ขณะนี้มีแรงกดดันต่อประเทศคู่แข่งให้ซื้อ bitcoin แม้ว่าจะเป็นเพียงสินทรัพย์สำรองก็ตาม” เขาเตือนว่า “ผู้ที่ตัดสินใจล่าช้าอาจต้องเสียใจในความลังเล”

bitcoin.com เปิดเผยถึงการให้สัมภาษณ์ของ Edward Snowden อดีตที่ปรึกษาด้านข้อมูลข่าวกรองคอมพิวเตอร์ของ National Security Agency (NSA) และอดีตสายลับของ Central Intelligence Agency (CIA) ของสหรัฐอเมริการ ซึ่งขณะนี้เขาลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ ถึงกรณีเกี่ยวกับ El Salvador ที่ทำการอนุมัติกฏหมายให้สามารถนำเหรียญสกุลเงินคริปโต (Bitcoin) มาใช้จ่ายอย่างถูกกฏหมายได้เมื่อวันอังคารว่า วันนี้ Bitcoin ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเป็นเงินที่ถูกกฎหมายในประเทศแรก นอกเหนือจากนั้น สิ่งที่ตามมาคือแรงกดดันต่อประเทศคู่แข่งในการซื้อ bitcoin แม้ว่าจะเป็นเพียงสินทรัพย์สำรองก็ตาม เนื่องจากการออกแบบนั้นสร้างแรงจูงใจอย่างมากในการนำไปใช้ในช่วงต้น ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ตัดสินใจล่าช้าต้องเสียใจที่ลังเล

อย่างไรก็ตาม Snowden ไม่ใช่คนเดียวที่คาดหวังให้ประเทศอื่นเดินตามรอยเท้าของเอลซัลวาดอร์และยอมรับ bitcoin โดย Dante Mossi ประธานบริหารของ Central American Bank for Economic Integration (CABEI) กล่าวว่าหากการนำ bitcoin มาใช้เป็นเงินทางกฎหมายเป็นไปด้วยดีในเอลซัลวาดอร์ และค่าใช้จ่ายในการโอนเงินกลับลดลงอย่างมาก “ประเทศอื่น ๆ อาจยอมรับที่จะนำมาใช้และแสวงหาข้อได้เปรียบนั้น ”

แม้แต่ Bank of America ก็เห็นประโยชน์ของการนำ bitcoin มาใช้เป็นกฎหมายสำหรับเอลซัลวาดอร์ โดยกล่าวไว้เมื่อต้นเดือนสิงหาคมว่า “Bitcoin สามารถใช้เป็นตัวกลางสำหรับการโอนข้ามพรมแดน ซึ่งการใช้ bitcoin สำหรับการโอนเงินอาจลดต้นทุนการทำธุรกรรมเมื่อเทียบกับช่องทางการโอนเงินแบบเดิม”

นอกจากนี้ ธนาคารเพื่อการลงทุนระดับโลก JPMorgan กล่าวเมื่อเดือนมิถุนายนว่า การเคลื่อนไหวของเอลซัลวาดอร์อาจเป็น “จุดเริ่มต้นของแนวโน้มที่กว้างขึ้นในกลุ่มประเทศเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน”
 

18072


เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ตอกย้ำผู้นำคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ Pet-Friendly Residences เดินหน้าช่วยเหลือลูกบ้านช่วงโควิด-19 ต่อเนื่อง ส่งต่อความห่วงใยไปยังน้องหมา-น้องแมว ของลูกบ้านคนสำคัญ ด้วยการมอบอาหารสุนัขและอาหารแมว ให้แก่ลูกบ้านที่ลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงกับนิติบุคคลคอนโด ในแคมเปญ “เป็นห่วงน้องนะ” ภายใต้โครงการ “We’ve got your back” พร้อมอยู่เคียงข้างลูกบ้านให้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน

เพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เผยว่า บริษัทได้จัดแคมเปญ “เป็นห่วงน้องนะ” มอบอาหารสุนัขและอาหารแมวให้แก่ลูกบ้านในเครือเมเจอร์ฯ ที่ลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงกับนิติบุคคลที่บริหารงานโดย MDPC Expertise Meets Excellence ทั้งหมดร่วม 600 ยูนิต



“ในสถานการณ์โควิด-19 ผู้คนจำนวนมากต่างจำเป็นต้องบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้ผ่านพ้นสถานการณ์อันยากลำบากนี้ไปได้ เราต้องการสร้างคอมมูนิตีของคนรักสัตว์เลี้ยง ให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแกร่ง จึงเกิดเป็นแคมเปญในครั้งนี้ เพื่อแบ่งเบาภาระและสร้างความสุขให้เจ้าของสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในคอนโดยังได้อิ่มท้องอีกด้วย”



ทั้งนี้ การจัดสรรอาหารสัตว์ให้แก่ลูกบ้าน จะเป็นการจัดสรรให้เหมาะสมกับประเภทสัตว์ที่ลงทะเบียนไว้ โดยแบ่งออกเป็น อาหารสุนัขพันธุ์เล็กชนิดเม็ด อาหารสุนัขชนิดเปียก และอาหารแมวชนิดเม็ด วันที่ 6-19 ก.ย. 64 สิทธิ์เฉพาะลูกบ้าน เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่ลงทะเบียนสัตว์เลี้ยงกับทางนิติบุคคล ผ่านทาง Lifescape Application

หน้า: 1 ... 1002 1003 [1004] 1005 1006 ... 1035