แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Naprapats

หน้า: 1 ... 1023 1024 [1025] 1026 1027 1028
18433


วานนี้ (16 ก.ค.) ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข ออกประกาศ ด่วนที่สุด! ถึงนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัด ระบุถึงหลักเกณฑ์การฉีด "วัคซีนไขว้" หรือการฉีดวัคซีนสลับชนิดกัน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า และประชาชน โดยรายละเอียดมีดังนี้

ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบการคิดเชื้อไวรัสสายพันธุ์กลายพันธุ์ เช่น สายพันธุ์เดลตา เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งมีการศึกษาโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะต้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งประเทศไทย (ไบโอเทค) พบว่า

การฉีดวัคซีน Sinovac เป็นเข็มที่ 1 และฉีควัคซีน AstraZeneca เป็นเข็มที่ 2 สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสให้อยู่ในระดับที่สูงได้เร็วมากขึ้น โดยสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดีใกล้เคียงกับ Astrazeneca 2 เข็ม ซึ่งคาดว่าจะมีผลตีต่อการป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลตา และไม่พบอาการข้างเคียงรุนแรงภายหลังได้รับวัคชีน

จากกรณีดังกล่าว การประชุมคณะกรรมการโรคติตต่อแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ครั้งที่ 7/2564 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2564 และการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 (ปค.ส5) ครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม

มีมติเห็นชอบการฉีดวัดซีนโควิด-19 สลับชนิด (ฉีดวัคซีน Sinovac เป็นเข็มที่ 1 และตามด้วยวัดซีน AstraZeneca เป็นเซ็มที่ 2) และการฉีดวัคซีนโควิด-19 กระตุ้นภูมิคุ้มกันสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า แล้วนั้น

กระทรวงสาธารณสุข จึงขอแจ้งแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับชนิดสำหรับประชาชน และการฉีดวัคชีนโควิด-19 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ดังนี้

1. การฉีดวัคซีนโควิด-19 สลับชนิด สำหรับประชาชน

1.1) ให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 1 ด้วยวัคซีนโคโรนาแวค (Coronavac) ของบริษัท Sinovac Biotech จำกัด และเข็มที่ 2 เป็นวัคชีน AstraZeneca ของบริษัท AstraZeneca จำกัด โดยมีระยะห่างระหว่างเข์ม 3-5 สัปดาห์ หากเกินกว่าระยะห่างที่กำหนด ขอให้ฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา

โดยจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสให้อยู่ในระดับที่สูงใกล้เคียงกับผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca 2 เข็ม แต่ใช้ระยะเวลาสั้นกว่า เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์ของโรค ในระยะที่มีวัคซีนจำนวนจำกัด

1.2) ในกรณีผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เป็น AstaZeneca กำหนดให้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เป็นวัคซีน AstraZeneca เช่นเดิม โดยมีระยะห่างระหว่างเข็ม 12 สัปดาห์


2. การฉีดวัคซีนโควิด-19 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า

2.1) กำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เช่น บุคลากรที่ปฏิบัติงานแผนกผู้ป่วยโควิด-19 แผนกผู้ป่วยนอก คลินิกทางเดินหายใจ ห้องฉุกเฉินแผนกผู้ป่วยวิกฤต โรงพยาบาลสนาม เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานที่กักกัน และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานใน Hospitel ที่ได้รับวัคซีนโคโรนาแวค (Coronavac)  ของบริษัท Sinovac Biotech จำกัด ครบ 2 เข็มแล้ว จะได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน โดยการรับวัคซีน AstraZeneca หรือวัคซีนชนิด messenger Ribonucleic Acid (mRNA) จำนวน 1 เข็ม โดยมีระยะห่างระหว่างเข็มที่ 2 และเข็มกระตุ้น อย่างน้อย 4 สัปดาห์

หากเกินกว่าระยะห่างที่กำหนด ขอให้ฉีดวัคซีนโดยเร็ว เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสให้อยู่ในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca ครบ 2 เข็มนั้น เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังอยู่ในระดับที่สูงเพียงพอ จึงยังไม่ต้องฉีดเข็มกระตุ้นในระยะนี้

ทั้งนี้ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นๆ จะได้รับการจัดสรรวัคนเข็มกระตุ้นในระยะถัดไป

2.2)  ขอให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำรวจรายชื่อบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด 19 พร้อมทั้งเสนอรายชื่อดังกล่าว ต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เพื่อพิจารณาตรวจสอบ ยืนยันสถานะของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขแต่ละคน

และส่งข้อมูลเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข (MOPH IC White Ist) เพื่อฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกัน สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ที่ได้รับวัคซีนโคโรนาแวค (Coronavac) ของบริษัท Sinovac Biotech จำกัด ครบ 2 เข็มแล้ว และมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเชื้อโควิด 19 จากการปฏิบัติงานประจำในการดูแลผู้ป่วย เพื่อธำรงไว้ซึ่งระบบบริการสาธารณสุขของประเทศไทย

อนึ่ง หากท่านมีข้อสอบถามเพิ่มเติม สามารถติตต่อได้ที่ นางปียดา อังศุวัชรากร ตำแหน่งแพทย์ปฏิบัติการ และนางสาวนพรัตน์ วิหารทอง ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ โทร. 02-590-3196 (ประเด็นแนวทางการให้วัคซีนโควิด 19) นายชัตติย อุตม์อ่าง ตำแหน่งเภสัชกรชำนาญการ และนางสาวปิยะนาถ เชื้อนาค ตำแหน่งเภสัชกรปฏิบัติการ โทร. 02-590-3222 (ประเด็นการบริหารจัดการวัคชีนโควิด 19)

18434


การสัมมนา “Restart เศรษฐกิจไทยฝ่าภัยโควิด” จัดโดย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และ กรุงเทพธุรกิจ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2564 ผ่านระบบซูมได้ระดมความเห็นภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อกำหนดแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบจากโควิด-19

ส.อ.ท.แนะรีบตรวจเชื้อแยกผู้ป่วย 

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า การรีสตาร์ทประเทศต้องพูดได้ว่าเครื่องยนต์ของเราหลวมหมดแล้ว การติดเครื่องอีกครั้งคงทำได้ลำบาก เพราะอุตสาหกรรมค้าปลีกและการท่องเที่ยวยังไม่ดี แม้ว่าการส่งออกไปได้

ดังนั้น ส.อ.ท. มองว่า การมีเครื่องตรวจเชื้อโควิดแบบ “แรบิดแอนติเจน เทสต์” ก็เป็นตัวช่วยที่ดี และรัฐจะต้องรีบจัดการในเรื่องนี้ ซึ่ง ส.อ.ท.เองก็เตรียมสั่งซื้อเพื่อนำมาใช้ในกลุ่มภาคอุตสาหกรรมได้มีโอกาสตรวจเชื้อ และจะส่งมอบให้กับโรงพยาบาลด้วย เพราะหากพบว่ามีการติดเชื้อก็จะส่งผลให้เกิดการกักตัวในภาคการผลิตทำให้การทำงานของภาคอุตสาหกรรมสะดุดลง และเท่าที่หารือกันในอุตสาหกรรมต่างๆปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมแล้ว

เตรียมประเทศให้พร้อมรับลงทุน

นายสุพันธุ์ กล่าวว่า การที่หลายประเทศเริ่มฟื้นตัว ซึ่งหากวันนี้ ไทยไม่มีโควิดเชื่อว่า การลงทุนจะเข้าสู่ไทยจำนวนมาก ซึ่งจำเป็นที่ไทยจะต้องเร่งแก้ความยาก–ง่ายในการทำธุรกิจ (อีส ออฟ ดูอิ่ง บิสซิเนส) โดยปรับกฎเกณฑ์ภาครัฐจากการกำกับดูแลมาเป็นการอำนวยความสะดวกให้มากขึ้น โดยเฉพาะการตรวจคนเข้าเมือง ศุลกากร การนำเข้า-ส่งออก ควรแก้ไขให้ทันสมัย


อย่างก็ตาม ขณะนี้ ส.อ.ท. ได้ตั้งทีมงาน 5 คณะ เพื่อมาร่วมแก้ไขปัญหากับภาครัฐทั้งเรื่องรักษาด้านเยียวยาและป้องกัน ซึ่งเตรียมพร้อมแก้ไขปัญหาในอนาคต เพราะมองว่าเรื่องของวัคซีนและการระบาดยังอีกยาวต้องเตรียมพร้อมอยู่ร่วมกันไม่เสียหายไปมากกว่านี้

“ค้าปลีก”แนะฉีดยาให้ตรงจุด

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การรีสตาร์ทเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการต้องโฟกัส 4 เรื่อง ได้แก่ 

1.ทำให้ตัวเบาที่สุดอยู่ได้ยาวที่สุด โดยเร่งจัดการระบายสต็อก เพื่อ “กอดเงินสด”

2.กอดเงินสดให้ได้มากที่สุดเพราะอนาคตธนาคารอาจไม่ปล่อยสินเชื่อแม้มีเครดิต

3.ก่อนเจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้กลับมอง “ดีมานด์ลูกค้าในไทย” ซึ่งมีอยู่แม้น้อยลงและยากขึ้น แต่ต้องหาให้เจอด้วยทุกกลยุทธ์ใหม่ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ ทุกรูปแบบเป็นทางเลือกใหม่ให้ลูกค้า

4.ผู้ประกอบการค้าปลีกร่วมกันตรึงราคาสินค้านานที่สุดและทำให้สินค้าไม่ขาดตกบกพร่อง

“รัฐต้องฉีดยาให้ตรงจุดจะได้ไม่เสียงบประมาณโดยใช่เหตุ ปัญหาใหญ่ขณะนี้คือ ความมั่นใจ และจะปลดล็อกเงินในกระเป๋าของกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อออกมาใช้จ่ายได้อย่างไร ซึ่งมาตรการยิ่งใช้ยิ่งได้ถือว่าดี แต่มีความซับซ้อน ไม่เอื้อต่อการใช้จ่ายของกลุ่มคนมีเงิน"


มั่นใจหลังวิกฤติเข้มแข็งขึ้น

นายญนน์ กล่าวว่า เวลานี้เศรษฐกิจอัมพาตไปครึ่งตัว เพราะ 3 เสาหลัก ภาคการผลิต ท่องเที่ยว และค้าปลีก ที่มีความเชื่อมโยงกันโดยตรงได้รับผลกระทบหนักเมื่อภาคหนึ่งกระทบจะเป็นโดมิโนเอฟเฟคท์กับ 2 ภาคที่เหลือ

เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ต่างชาติกลับเข้ามาเยือนไทยจากนั้นเชื่อว่าภาคเอกชนจะเดินหน้าจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย กำลังซื้อจะเกิดขึ้น ผลักดันให้ธุรกิจไทยฟื้นตัวกลับมา และเดินเครื่องได้เกิน 100%

“หากเราผ่านวิกฤติซ้อนวิกฤติครั้งนี้ไปได้จะแข็งแรงยิ่งขึ้นประเทศไทยมีความพร้อมหลายอย่าง อยู่ในท็อปส์อินดัสทรีระดับโลก โดยเฉพาะรีเทล เราอยู่ใน ท็อป 10-15ไม่ธรรมดา เราพยายามพลิกตัวเอง ซ้อมอย่างเต็มที่ เมื่อโลกเปิดน่าจะเป็นแต้มต่อที่ดี”

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท). กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการระบาดซ้ำหลายระลอกส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศอยู่ภาวะขึ้นลง และแนวโน้มภาคท่องเที่ยวปี 2564 ต่อเนื่องปี 2565 ยังเสี่ยงจากระบาดซ้ำ

ด้านแนวโน้มการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เมื่อ เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 6,052 คน ลดลงจากปี 2562 ก่อนเจอวิกฤติโควิด-19 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเกือบ 40 ล้านคน เฉลี่ย 3 ล้านคนต่อเดือน ขณะที่นักท่องเที่ยวไทย เดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา มี 3.6 ล้านคน-ครั้ง น้อยกว่าปีปกติซึ่งเฉลี่ย 10 ล้านคน-ครั้งต่อเดือน ด้านอัตราเข้าพักของโรงแรมเดือน มิ.ย. เฉลี่ยอยู่ที่ 7.89% เท่านั้น ต่ำกว่าประมาณการณ์จุดวิกฤติของภาคธุรกิจโรงแรมซึ่งอยู่ที่ 28%


ต่างชาติเริ่มเที่ยวไทยชัดไตรมาส 4

ททท.มองว่าถ้าคุมการระบาดได้ดีและเร็ว การกระจายวัคซีนเป็นไปตามแผน จะทำให้คนไทยมั่นใจเที่ยวอีกครั้ง และการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นพื้นที่ไหนพร้อมก็ทยอยเปิด และจะเริ่มเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญไตรมาส 4 ต่อเนื่องไตรมาส 1 ปีหน้า โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ ททท.คงเป้าหมายนักท่องเที่ยวไทย 100 ล้านคน-ครั้ง นักท่องเที่ยวต่างชาติ 3 ล้านคน สร้างรายได้รวม 8.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4-5% จากปีที่แล้ว ส่วนปี 2565 ตั้งเป้ารายได้ตลาดในและต่างประเทศ 2.5 ล้านล้านบาท ฟื้นตัว 80% ของรายได้ปี 2562 ซึ่งปิดที่ราว 3 ล้านล้านบาท

“มอบให้สำนักงาน ททท.ในต่างประเทศทำการตลาดเพื่อให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่อยู่ในใจนักท่องเที่ยว อีกสิ่งสำคัญ คือ การวิเคราะห์คู่แข่งเพราะแม้มีโควิดแต่ประเทศต่างๆ ไม่หยุดทำตลาด”

18439

หลังจากที่ ครม. มีมติ "จ่ายเงินเยียวยา" ผู้ได้รับผลกระทบจากการ "ล็อกดาวน์" ครั้งล่าสุด ผ่าน "ประกันสังคม" มาตรา 33 39 และ 40 โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นผู้ที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด และประกอบอาชีพใน 9 กลุ่มอาชีพที่รัฐกำหนด

ด้วยเงื่อนไขหลายอย่าง ทำให้หลายคนยังสับสนว่าตนเองจะได้รับสิทธิ์ "เยียวยาล็อกดาวน์" ครั้งนี้หรือไม่ "กรุงเทพธุรกิจออนไลน์" จึงสรุปข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับเงื่อนไข 9 อาชีพที่จะได้รับ "เงินเยียวยา" ในครั้งนี้ ดังต่อไปนี้

 9 กลุ่มอาชีพที่จะได้ "เงินเยียวยา" ล็อกดาวน์

1. ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร

โรงแรม, รีสอร์ท, เกสต์เฮ้าส์, ที่พักสัมผัสวัฒนธรรมชนบท, การบริการด้านอาหารในภัตตาคาร/ร้านอาหาร, การบริการด้านอาหารบนแผงลอยและตลาด, การบริการด้านการจัดเลี้ยง, การบริการด้านเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นหลักในร้าน


2. การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า

การขนส่งผู้โดยสารทางรถโดยสารประจำทางระหว่างกรุงเทพกับจังหวัดอื่นและระหว่างจังหวัด,  การขนส่งผู้โดยสารโดยรถยนต์รับจ้าง/แท็กซี่/รถสามล้อเครื่อง/จักรยานยนต์รับจ้าง, การขนส่งสินค้าแช่เย็นหรือแช่แข็งทางถนน, การขนส่งสินค้าที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ทางถนน


3. การขายส่งและการขายปลีกการซ่อมยานยนต์

ห้างสรรพสินค้า, ซุปเปอร์เซ็นเตอร์, การขายปลีกสินค้าทั่วไป

4. กิจกรรมการบริหารและการสนับสนุน

ธุรกิจจัดนำเที่ยว, กิจกรรมของมัคคุเทศก์, กิจกรรมการรักษาความปลอดภัย, การบริการทำความสะอาด, การจัดการประชุมและการจัดแสดงสินค้า (event)


5. กิจกรรมวิชาชีพวิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ

กิจกรรมของบริษัทโฆษณา, กิจกรรมออกแบบและตกแต่งภายใน, การตรวจสอบบัญชี, การให้คำปรึกษาด้านภาษี

6. ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร

กิจกรรมการผลิตภาพยนตร์และวีดิทัศน์, กิจกรรมการผลิตรายการโทรทัศน์, กิจกรรมด้านการจัดฉายภาพยนตร์

7. การก่อสร้าง

การก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย, การก่อสร้างถนน, สะพานและอุโมงค์, การติดตั้งระบบประปาและระบายน้ำ

8. กิจกรรมการบริการด้านอื่นๆ

กิจกรรมสปา, กิจกรรมการแต่งผม, กิจกรรมการดูแลความงาม แต่งเล็บมือและเล็บเท้า, กิจกรรมเกี่ยวกับงานศพและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง

9. ศิลปะความบันเทิงและสันทนาการ

การดำเนินงานของสถานที่ออกกำลังกาย, กิจกรรมด้านสโมสรกีฬา, กิจกรรมด้านสวนสนุกและธีมปาร์ค, กิจกรรมการแสดงโชว์เพื่อความบันเทิงและการนันทนาการ

 เงื่อนไขอื่นๆ
นอกจากจะต้องเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพใน 9 กลุ่มที่กล่าวมาในข้างต้นแล้ว ผู้ที่ได้รับเงินเยียวยาจะต้องอยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม 10 จังหวัด และได้รับผลกระทบจากการ "ล็อกดาวน์" ด้วย

ที่สำคัญจะต้องเป็น "ผู้ประกันตน" ใน "ประกันสังคม" มาตรา 33 มาตรา 39 และ มาตรา 40 ด้วย (กรณีเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ ไม่ได้อยู่ในประกันสังคมมาตราใดเลย ต้องสมัครเป็นผู้ประกันตนในประกันสังคมมาตรา 40 ภายใน ก.ค. 64 จึงจะได้รับเงินเยียวยา)

สมัคร 'ประกันสังคม มาตรา 40' เปิดช่องทางลงทะเบียนง่าย ๆ ใช้บัตรประชาชนใบเดียว!
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ ตายสูง! พบเสียชีวิต 87 ราย ติดเชื้อเพิ่ม 9,317 ราย
เช็คให้ชัด ‘9 อาชีพ’ รับเงินเยียวยา ผ่าน ‘ประกันสังคม’ มาตรา 33, 39, 40 คือใครบ้าง ?
ทั้งนี้ ผู้ประกันตนในประกันสังคมมาตราต่างๆ จะได้รับเงินเยียวยาแตกต่างกันออกไป ดังนี้


- กลุ่มประกันสังคมมาตรา 33

ลูกจ้างที่เป็นผู้ประกันตนตาม ม.33 ได้รับการช่วยเหลือ 2,500 บาท ต่อคน และลูกจ้างที่ได้รับชดเชยจะได้รับเงินเดือน 50% ของค่าจ้าง (ไม่เกิน 7,500บาท) รวมไม่เกินคนละ 10,000 บาท

สำหรับผู้ประกอบการ จะได้รับรายละ 3,000 บาท ต่อลูกจ้าง 1 คน จำกัด ไม่เกิน 200 คน

- กลุ่มประกันสังคมมาตรา 39 และ 40

สำหรับผู้ประกันตน ม.39 และ ม.40 ได้รับความช่วยเหลือ 5,000 บาท


- กลุ่มอาชีพอิสระ

เตรียมหลักฐานยื่นลงทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 เพื่อรับเงินช่วยเหลือ ภายในเดือนกรกฎาคม 2564 เพื่อรับความช่วยเหลือ 5,000 บาท

18442


นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด หรือ LINE BK เปิดเผยว่า LINE BK ร่วมกับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือดีแทค และ กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป หรือ KBTG เปิดตัวบริการ “ใจดี มีวงเงินให้ยืม” บริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านช่องทางดิจิทัลสำหรับลูกค้าดีแทค ตั้งเป้าหมายช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าที่เดิมเข้าไม่ถึงบริการสินเชื่อของสถาบันการเงิน เช่น กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ไม่ประจำอย่างพ่อค้า-แม่ค้า เกษตรกร หรือพนักงานส่งอาหาร ฯลฯ ในช่วงที่เผชิญกับการระบาดของโรคโควิด-19

ส่งโปร​โมชั่นดอกเบี้ย 9.99%

ลูกค้าที่ต้องการรับบริการสามารถมีรายได้ประจำหรือไม่ประจำก็ได้ แต่มีรายรับขั้นต่ำ 5,000 บาทต่อเดือน และสามารถสมัครบริการสินเชื่อได้ผ่านแอพพลิเคชั่น “dtac” ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมี KBTG เป็นผู้จัดทำคะแนนเครดิต (Credit Scoring) ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย ขั้นต่ำ 18% แต่สูงสุดไม่เกิน 33% ส่วนวงเงินกู้ยืมอยู่ที่ 1-1.5 เท่าของรายได้ลูกค้า แต่สูงสุดไม่เกิน 800,000 บาทต่อคนโดยคาดว่าวงเงินกู้ยืมเฉลี่ยจะอยู่ที่ 30,000 บาทต่อคน

นายฮาว ริเร็น รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงแรกบริการ ใจดี มีวงเงินให้ยืม จะทดลองมอบข้อเสนอให้ลูกค้าดีแทคเฉพาะกลุ่มผ่านแอพพลิเคชั่น เอสเอ็มเอส และสื่อออนไลน์ของดีแทค ทั้งลูกค้าเติมเงิน (Pre Paid) และลูกค้ารายเดือน (Post Paid) ระหว่าง 16 ก.ค. ถึง 30 ก.ย.2564 พร้อมโปรโมชั่นรับเงินคืนหรือสิทธิส่วนลด 200 บาท ดอกเบี้ยพิเศษ 9.99% นาน 2 เดือน ก่อนขยายบริการให้ครอบคลุมฐานลูกค้าดีแทคทั้ง 19 ล้านรายเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป

ทั้งนี้ ข้อมูลเชิงลึกจากการสำรวจปัญหาทางด้านการเงินของลูกค้าดีแทคช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2563- 2564 พบว่า ลูกค้าของต้องเผชิญภาวะความตึงเครียดด้านการเงิน และการจัดการค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เมื่อมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องใช้เงินจึงหันไปพึ่งสินเชื่อจากแหล่งต่างๆ ซึ่งมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ถูกต้องเหมาะสม

นอกจากนี้ คนจำนวนมากยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงการให้บริการทางการเงิน โดยเฉพาะลูกค้าแบบเติมเงินที่มีรายได้เป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ ซึ่งมีความไม่แน่นอนทางการเงินสูง ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ไม่มีใบแจ้งเงินเดือน เอกสารรายได้แบบทางการ และบางรายไม่มีความรู้ความเข้าใจในบริการทางการเงิน

“ในปี 2563 ลูกค้าใช้บริการ ‘ใจดี’ ได้แก่ ‘ใจดีให้ยืม’ และ ‘ใจดีช่วยค่ายา’ ของดีแทคมากกว่า 140 ครั้ง สะท้อนถึงความท้าทายที่ลูกค้ากำลังเผชิญ ซึ่งบริษัทมีความตั้งใจช่วยเหลือลูกค้าทุกช่วงเวลาไม่ว่าจะภาวะเศรษฐกิจแบบไหน และมองว่าในปี 2564 บริการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาดการณ์ และลูกค้าขายรายได้เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งบริษัทหวังว่าบริการใหม่จะสามารถช่วยให้ลูกค้ากู้ยืมเงินได้ง่ายขึ้น ด้วยดอกเบี้ยสมเหตุสมผล ไม่ต้องใช้เอกสารเยอะ และรอการอนุมัติไม่นาน”

เล็งพัฒนาบริการใหม่ร่วมกันเพิ่มเติม

นายเรืองโรจน์ พูนผล ประธาน กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป กล่าวว่า บริษัทคาดว่า เทคโนโลยีทางการเงินของ KBTG สามารถช่วยเติมเต็มให้การพัฒนาแคมเปญ ใจดี มีวงเงินให้ยืม สมบูรณ์แบบและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างดี โดยบริษัททำหน้าที่เป็นผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี (Tech Provider) ที่นำระบบของพันธมิตร ทั้งสองฝ่ายมาผนวกเข้าด้วยกัน ทั้งนี้ การผนึกกำลังกันในครั้งนี้ทั้ง 3 ฝ่ายตั้งเป้าหมายร่วมมือกันในระยะยาว (Long-term Relationship) ซึ่งอนาคตจะมีการพัฒนาบริการทางการเงินดีๆ ร่วมกันเพื่อออกมาให้ลูกค้าได้ใช้บริการต่อไป

“โควิด-19 ทำให้พฤติกรรมลูกค้าและระบบนิเวศ (Ecosystem) ต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและมหาศาล โดยลูกค้าคาดหวังบริการที่สะดวกสบายและสามารถใช้บริการได้เพียงปลายนิ้วสั่ง ขณะที่โลกหลังโควิด-19 เราเชื่อว่าปัญหาต่างๆ ของลูกค้าจะไม่มีวันหมด จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น เราจึงตั้งเป้าหมายร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาบริการที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีที่สุด โดยเราเชื่อว่าการผนึกกำลังกันกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งและมีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจะให้เราสามารถเติบโตได้ไกลมากขึ้น”

18444


หลังจากที่สลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ผลการออกสลากรางวัลที่ 1 หมายเลข 713517 ปรากฏว่า นายรังสี วงค์แสนศรี อายุ 71 ปี บ้านอยู่ จ.แพร่ ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 1 ใบ รับเงินรางวัล 6 ล้านบาท โดยมีเพื่อนบ้านและคนในซอยต่างก็มาร่วมแสดงความยินดี จากนั้นได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.สูงเม่น

นายรังสี เผยว่า ก่อนจะมาซื้อเลขถูกรางวัลที่ 1 นั้น ตนเองได้เดินไปหลังบ้าน แล้วบังเอิญเก็บเงินได้ 20 บาท ที่ใครทำตกไว้ก็ไม่รู้ จึงดูเลขท้ายธนบัตร พบว่าเป็นเลข 17 จึงได้แอบไปซื้อไว้อย่างเงียบๆ เพราะกลัวคนอื่นว่า เพราะเลข 17 เป็นเลขรางวัลเลขท้าย 2 ตัวของงวดที่แล้ว จึงไปซื้อเก็บไว้เงียบๆ คนเดียวรวม 6 ใบ เมื่อถึงวัน.ออก จึงมาถามเด็กว่า.ออกอะไร โดยหลานบอกว่า 17 จึงได้นำมาตรวจก็พบว่าถูกรางวัลที่ 1 ดังกล่าว

ส่วนบรรยากาศเช้านี้ที่ ตลาดสดบ้านบวกโป่ง ชาวบ้านที่มาเดินตลาดต่างพูดคุยถึงเรื่องคนถูก.รางวัลที่ 1 เชื่อว่าสักวันรางวัลใหญ่จะมาถึงตนเองบ้าง เพราะก่อนหน้านั้นก็มีชาวบ้านบวกโป่ง ถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 2 ใบ เมื่องวดวันที่ 16 พ.ค.64 ที่ผ่านมา แล้วงวดนี้ก็มีคนถูกรางวัลที่ 1 อีก ทำให้แผงขาย.ที่ตลาดบวกโป่งจะคึกคักแน่นอน.

18446
นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet  ชอบหวานน้อย นมเน้นๆ มีแคลเซียม ต้องลอง นมอัดเม็ด milk tablet หลายเจ้าในตลาดมากมาย แต่ทำไมนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletแจ้งเกิดเป็นนมอัดเม็ดดาวรุ่งพุ่งแรง เพราะ ความนัวนม ย้ำว่านัวนมๆจริง และรสชาติหวานน้อย ที่เอาใจคนที่หันมาดูแลตัวเองมากขึ้น รสชาติไม่หวานเลี่ยน การันตีไม่หวานแหลมแสบคอ  นมก็นมแท้ๆแน่นๆ จากนิวซีแลนด์ มี 2 ขนาดให้เลือก 





1.นมอัดเม็ดไทยชอง  milk tablet ขนาด 20 กรัมเป็นรูปซองขวด 1 ซองมี 15 เม็ด ขายปลีกซอง 12 บาท ฮัลโล ไม่แพงน้า รสชาติต้องได้ลอง เลือกคุณภาพ ประโยชน์ และ อร่อยด้วย คุ้มค่า

 

2.นมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet ขนาด 27 กรัม ซองสี่เหลี่ยม ตกซองละ 18 บาท 
จะซื้อแบบกล่อง หรือ ซื้อแบบซองก็ได้ แบบกล่องซื้อไปเป็นของขวัญของใกเก๋ไก๋ ดูดีมีราคา เพราะแพคเกจเค้าน่ารักเว่อร์ 
 


นมอัดเม็ด milk tabletเป็นขนมทีมีประโยชน์นะคะ ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะนมอัดเม็ดไทยชอง milk tabletใช้นมแท้ๆ คุณภาพดีมาเป็นส่วนผสมหลักที่เข้มข้น ทำให้คนทานได้ แคลเซียมและวิตามินบี 2  ใครที่เน้นดูแลเรื่องกระดูกและฟัน และ ลดหวานเพื่อสุขภาพ แนะนำมากๆ กับนมอัดเม็ดไทยชอง milk tablet

สั่งซื้อ คลิกเลย >>> https://lin.ee/sSGXFCK 
 

18449
รถบรรทุกใหญ่FRRติดตั้งตู้10บานและFTR240ตั้งตู้10บานประเดิมเดือนใหม่สำหรับท่านที่จะออกรถ FRRตั้งตู้10บาน และ FTR240ตั้งตู้10บาน เพื่อนำไปวิ่งร่วทหรือวิ่งขนส่งสินค้าในกิจการ เรามาดูตารางดาวน์และผ่อนเลยครับ

สำหรับใครที่อยากใด้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือขอใบเสนอราคา พร้อมรับคำปรึกษาได้ที่ โทร 061-9369562 หรือ add line ขอใบราคา    https://line.me/ti/p/ePNAac8AhS

รถบรรทุกใหญ่FRRติดตั้งตู้10บานและFTR240ตั้งตู้10บาน



หน้า: 1 ... 1023 1024 [1025] 1026 1027 1028