ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้(13 ต.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 34,377.81 จุด ลดลง 0.53 จุด ด้านดัชนี Nasdaq ปิดตลาดพุ่งขึ้นจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,377.81 จุด ลดลง 0.53 จุด หรือ -0.00% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,363.80 จุด เพิ่มขึ้น 13.15 จุด หรือ +0.30% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,571.64 จุด เพิ่มขึ้น 105.71 จุด หรือ + 0.73%
          
ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% ส่วนเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 5.4% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.3%


สำหรับรายงานการประชุมประจำเดือนก.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งนักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิดนั้น ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นพ้องที่จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงกลางเดือนพ.ย.หรือกลางเดือนธ.ค.ปีนี้

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น 1.14% โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น เพิ่มขึ้น 2.44% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น เพิ่มขึ้น 1.64% หุ้นพอร์ทแลนด์ เจเนอรัล อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 0.46%

ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารดีดตัวขึ้น 0.55% ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด โดยหุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.17% หุ้นทวิตเตอร์ เพิ่มขึ้น 1.22% หุ้นแอมะซอน เพิ่มขึ้น 1.14% หุ้น Nvidia เพิ่มขึ้น 1.3%
 

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง 0.64% หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีชะลอตัวลงเมื่อคืนนี้

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมัน หลังจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันใช้ทั่วโลกในปีนี้ 

นักลงทุนจับตาการบังคับใช้ร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ หลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 219 ต่อ 206 ผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐเป็นการชั่วคราว ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในเดือนนี้ โดยขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวได้ถูกส่งให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อที่จะลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมายก่อนกำหนดเส้นตายวันที่ 18 ต.ค.นี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูรายงานผลประกอบการของโกลด์แมน แซคส์, แบงก์ ออฟ อเมริกา, มอร์แกน สแตนลีย์, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้ กรุ๊ป

ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย., ยอดค้าปลีกเดือนก.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ย., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Man.cturing Index) เดือนต.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนส.ค.

www.sctransformer.com
หม้อแปลง หม้อแปลงไฟฟ้า

ตอนนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเจอกับวิกฤติสำคัญเมื่อพวกเขามีปัญหาผู้เล่นเกมรับตัวหลักบาดเจ็บทำให้หมดสิทธิ์ที่ช่วยในแมตช์เยือน เลสเตอร์ ซิตี้ เกมพรีเมียร์ลีก ช่วงวันเสาร์ที่ 16 ตุลาคมนี้
แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ยังคงต้องพักฟื้นร่างกายจากอาการบาดเจ็บน่อง ขณะเดียวกับ ราฟาแอล วาราน ที่ได้รับบาดเจ็บโคนขาหนีบระหว่างเกมที่ ฝรั่งเศส ชนะ สเปน นัดชิงศึก เนชั่นส์ ลีก ก็ต้องพักอย่างน้อย 2 สัปดาห์


 นั่นหมายความว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จะเหลือเซนเตอร์แบ็กขนานแท้และมีประสบการณ์เอาไว้ใช้งานแค่ วิคตอร์ ลินเดอร์เลิฟ กับ เอริก ไบยี่ ในเกมสุดสัปดาห์นี้ งานนี้คงทำให้สาวก "เร้ด อาร์มี่" ใจหายใจคว่ำเหมือนกันเนื่องจากสถิติเวลาที่ทั้งสองคนลงสนามร่วมกันมันไม่ค่อนน่าอภิรมย์ซักเท่าไหร่


ขาดแม็กไกวร์ขาดใจไหม ? เช็คสถิติคู่เกมรับแมนยู หากต้องใช้ ไบยี่ กับ ลินเดอเลิฟ
 นับตั้งแต่ที่ "ปีศาจแดง" ยอมควักกระเป๋าทุ่มทุนถึง 85 ล้านปอนด์ (ราว 3,740 ล้านบาท) ดึงตัว แม็กไกวร์ มาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2019 ทั้ง ลินเดอเลิฟ กับ ไบยี่ มีโอกาสได้ลงสนามคุมแนวรับร่วมกันเพียงแค่ 18 ครั้งเท่านั้น

ADVERTISEMENT


 แถมในเกมเหล่านั้น แมนฯ ยูไนเต็ด มีค่าเฉลี่ยในการเสียประตู 1.39 ประตูต่อเกม ซึ่งถือว่าห่างไกลมากๆ เวลาที่ทีมมี แม็กไกวร์ คอยบัญชาเกมรับ เพราะเวลาที่ กัปตันทีมวัย 28 ปีได้ลงสนามร่วมกับ ลินเดอเลิฟ พวกเขามีค่าเฉลี่ยการเสียประตูเพียง 1.02 ประตูต่อเกมเท่านั้น

 ขณะเดียวกันตัวเลขค่าเฉลี่ยในการเสียประตูยังคงหล่นลงไปอีกเหลือแค่ 1.00 ประตูต่อเกม หากสโมสรเจ้าของแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผูดี 20 สมัยมีชื่อของ แม็กไกวร์ ลงทำหน้าที่ร่วมกับ ไบยี่ 

ขาดแม็กไกวร์ขาดใจไหม ? เช็คสถิติคู่เกมรับแมนยู หากต้องใช้ ไบยี่ กับ ลินเดอเลิฟ
ADVERTISEMENT


 สำหรับในกรณีการเก็บคลีนชีตหรือไม่เสียประตู รูปแบบค่าเฉลี่ยก็ออกมาในเชิงคล้ายๆ กัน เวลาที่ แม็กไกวร์ เล่นร่วมกับ ปราการหลังทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ พวกเขาช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีตได้ถึง 53 เปอร์เซนต์จากการเล่นคู่กันจำนวน 19 แมตช์

 ในส่วนของการที่ เซนเตอร์แบ็กทีมชาติอังกฤษ จับคู่กับ กองหลังทีมชาติสวีเดน วัย 27 ปี พวกเขาสามารถช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เสียประตูประมาณ 36 เปอร์เซนต์จากการเล่นด้วยกัน 84 เกม

 แล้วในกรณีที่ ลินเดอเลิฟ จับคู่กับ ไบยี่ ละ ? สถิติต้องบอกเลยว่าทำให้แฟน.แมนฯ ยูไนเต็ด หวานสั่นไปถึงขั้วกระดูก เพราะพวกเขามีเปอร์เซนต์ในการเก็บคลีนชีตแค่ 22 เปอร์เซนต์เท่านั้น 

ขาดแม็กไกวร์ขาดใจไหม ? เช็คสถิติคู่เกมรับแมนยู หากต้องใช้ ไบยี่ กับ ลินเดอเลิฟ
  ยังไม่หมดแค่นั้นหาก แมนฯ ยูไนเต็ด มีชื่อของ ลินเดอเลิฟ กับ ไบยี่ ลงทำหน้าที่คุมเกมรับอัตราการชนะของทีมถือว่าย่ำแย่ที่สุดเพราะมีแค่ 44 เปอร์เซนต์เท่านั้น ในขณะที่หาก ดาวเตะชาวสวีดิช เล่นกับ แม็กไกวร์ "ผีแดง" มีลุ้นคว้าชัยมากถึง 54 เปอร์เซนต์จากการที่เล่นร่วมกันมา 84 เกม 

 อย่างไรก็ตามหาก แม็กไกวร์ ลงสนามกับ ไบยี่ พวกเขายิ่งเพิ่มโอกาสในการคว้าชัยชนะมากที่สุดถึง 68 เปอร์เซนต์ ฉะนั้นนี่คือเรื่องนี้ "น้าลูกอม" ต้องขบคิดอย่างหนักในช่วงวิกฤติกองหลังแบบนี้

 สำหรับตอนนี้มีความเป็นไปได้สูงมากๆ ที่ โซลชา จะใส่ชื่อ ลินเดอเลิฟ กับ ไบยี่ ลงทำหน้าที่ร่วมกันในเกมเยือนถิ่นคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ในวันเสาร์นี้ เพราะหากมองยางอะไหล่อย่าง ฟิล โจนส์ กับ เทเดน เมนจี้ เชื่อว่าส่งสองคนแรกลงไปน่าจะดีกว่า 

ขาดแม็กไกวร์ขาดใจไหม ? เช็คสถิติคู่เกมรับแมนยู หากต้องใช้ ไบยี่ กับ ลินเดอเลิฟ
 เชื่อว่าตอนนี้ทั้ง โซลชา และสาวก "เร้ด อาร์มี่" คงสวนภาวนาให้ แม็กไกวร์ รวมทั้ง วาราน หายเจ็บ และฟิตสมบูรณ์ให้เร็วที่สุด เพราะในสัปดาห์ต่อไปพวกเขาต้องเจอกับเกมโคตรอภิมหายุทธนั่นก็คือศึก "แดงเดือด" รับมือ ลิเวอร์พูล ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด !!

 สถิติคู่เซนเตอร์แบ็ก แมนยู จากการแข่งขันในทุกรายการ

วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ/เอริก ไบยี่

ลงเล่น   18 เกม
ค่าเฉลี่ยเสียประตูต่อเกม 1.39
คลีนชีต (%)  22 เปอร์เซนต์
อัตราชนะ   44 เปอร์เซนต์

วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ/แฮร์รี่ แม็กไกวร์

ลงเล่น   84 เกม
ค่าเฉลี่ยเสียประตูต่อเกม 1.02
คลีนชีต (%)  36 เปอร์เซนต์
อัตราชนะ   54 เปอร์เซนต์

เอริก ไบยี่/แฮร์รี่ แม็กไกวร์

ลงเล่น   19 เกม
ค่าเฉลี่ยเสียประตูต่อเกม 1.00
คลีนชีต (%)  53 เปอร์เซนต์
อัตราชนะ   68 เปอร์เซนต์

www.sctransformer.com
หม้อแปลง หม้อแปลงไฟฟ้า

ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายหลักทรัพย์วันนี้(12 ต.ค.)ดัชนีภาคเช้าปิดที่ระดับ 1,640.77 จุด เพิ่มขึ้น 7.33 จุด (+0.45%) มูลค่าการซื้อขายราว 55,056 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเปิดกระโดดและเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้าสวนทางตลาดภูมิภาค โดยทำระดับสูงสุด 1,646.85 จุด และระดับต่ำสุด 1,637.49 จุด

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง เคลื่อนไหวในแดนบวกสวนทางกับตลาดภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง ปัจจัยหลักมาจากความเชื่อมั่นในประเทศที่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาหลังจากที่เมื่อคืนนี้นายกรัฐมนตรีประกาศนโยบายการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัว ทำให้เห็นถึงทิศทางการบริโภคและการท่องเที่ยวที่มีโอกาสทยอยฟื้นตัวในช่วงถัดไป

โดยวันนี้หุ้นในธีม Reopenning ดึงตลาดขึ้นมาได้ค่อนข้างดี ไม่วาจะเป็นกลุ่มการเดินทางและสายการบินอย่าง AOT, AAV หรือหุ้นกลุ่มโรงแรม อย่าง MINT, CENTEL, ERW รวมไปถึงหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศอย่าง CPALL อีกด้วย ด้านหุ้นกลุ่มธนาคารก็ได้รับผลประโยชน์จากการเห็นโอกาสการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศเช่นกัน

ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยสนับสนุนจากค่าเงินบาท โดยช่วงเช้าทิศทางค่าเงินบาทแข็งค่ามาที่ราว 33.5 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ตลาดหุ้นบ้านเราเราโดนเด่นกว่าตลาดภูมิภาคค่อนข้างมาก แนวโน้มการลงทุนช่วงบ่ายนี้ คาดว่าตลาดบ้านเรายังคงยืนในแกว่งตัวแดนบวกได้ พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,630 จุดและแนวต้านที่ 1,650 จุด

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ได้แก่ AOT มูลค่าการซื้อขาย 5,441.59 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท,CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,454.11 ล้านบาท ปิดที่ 64.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท,TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,012.04 ล้านบาท ปิดที่ 4.34 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท,KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,978.81 ล้านบาท ปิดที่ 141.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท,BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,104.06 ล้านบาท ปิดที่ 13.60 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

ดันครับ

up up

www.sctransformer.com
หม้อแปลง หม้อแปลงไฟฟ้า

"ออมสิน" เปิดกู้สินเชื่อสวัสดิการ วงเงินกู้สูงสุด 5,000,000 บาท ผ่อนนาน 20 ปี ใครมีสิทธิบ้าง เช็คเงื่อนไข-คุณสมบัติ ที่นี่!!

ธนาคารออมสิน ได้ปล่อยสินเชื่อ ภายใต้ชื่อว่า ธนาคารออมสินสินเชื่อสวัสดิการสู้ภัยโควิดสำหรับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ

รายละเอียดสินเชื่อ

ให้กู้ได้ตามความจำเป็นและความสามารถในการชำระคืน ดังนี้

1. กรณีใช้บุคคลค้ำประกัน

กรณีหน่วยงานทำข้อตกลงกับธนาคาร (ส่วนกลาง) ให้กู้ได้สูงสุดไม่เกิน 40 เท่า ของเงินเดือนผู้กู้ แต่ไม่เกินรายละ 3,000,000 บาท

กรณีหน่วยงานทั่วไป ให้กู้ได้สูงสุดไม่เกิน 30 เท่า ของเงินเดือนผู้กู้ แต่ไม่เกินรายละ 3,000,000 บาท

2. กรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน

ให้กู้ไม่เกินรายละ 5,000,000 บาท โดยให้กู้ได้ไม่เกิน ร้อยละ 90 ของราคาประเมินที่ดินพร้อมอาคาร หรือไม่เกิน ร้อยละ 85 ของราคาประเมินห้องชุด ทั้งนี้ กรณีใช้ที่ดินเป็นหลักประกัน ให้กู้ได้ไม่เกินร้อยละ 80 ของราคาประเมินที่ดิน และไม่เกิน 3,000,000 บาท

ให้สามารถกู้ตาม 1. และ 2. รวมกันได้ ไม่เกินรายละ 5,000,000 บาท

ดอกเบี้ย

อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

ระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้

กรณีใช้บุคคลค้ำประกัน : ให้กู้ได้ไม่เกิน 15 ปี โดยนับตั้งแต่เดือนที่ต้องชำระเงินกู้และดอกเบี้ยงวดแรกตามที่กำหนดในสัญญา

กรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน : ให้กู้ได้ไม่เกิน 20 ปี โดยนับตั้งแต่เดือนที่ต้องชำระเงินกู้และดอกเบี้ยงวดแรกตามที่กำหนดในสัญญา ยกเว้น กรณีใช้ที่ดินเป็นหลักประกันให้กู้ได้ไม่เกิน 15 ปี

คุณสมบัติ

เป็นข้าราชการ พนักงานราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ
มีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 60 ปี ยกเว้น ข้าราชการอัยการและข้าราชการตุลาการ เมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ต้องไม่เกิน 70 ปี
เป็นผู้ฝากเงินประเภทเผื่อเรียกของธนาคาร

หลักประกัน

กรณีใช้บุคคลค้ำประกัน ผู้ค้ำประกันต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

ต้องเป็นบุคลากรตามที่กำหนดไว้ในคุณสมบัติผู้กู้
มีอายุครบ 20 ปีขึ้นไป และเมื่อรวมอายุผู้ค้ำประกันกับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้ ต้องไม่เกิน 60 ปี
ทำงานมาแล้วครบ 3 ปี หรือในกรณีที่ทำงานไม่ครบ 3 ปี ต้องใช้ผู้ค้ำประกันที่ทำงานมาแล้วครบ 1 ปี จำนวน 2 คน แทน
 

กรณีใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน กรณีใช้หลักประกัน ให้ใช้ที่ดิน หรือที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด อย่างหนึ่งอย่างใด โดยมีหลักเกณฑ์ ดังนี้

เป็นของผู้กู้และ/หรือของบุคคลอื่น
ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีความเจริญ มีไฟฟ้า สาธารณูปโภคอื่นๆ ตามความจำเป็นและมีทางสาธารณประโยชน์ ซึ่งมีรถยนต์ผ่านเข้าออกได้สะดวก
ทั้งนี้ กรณีเป็นการไถ่ถอนและชำระหนี้เดิมที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ต้องนำหลักทรัพย์ที่ไถ่ถอนมาเป็นหลักประกันในการกู้ครั้งนี้ด้วย โดยผู้มีอำนาจอนุมัติตามวงเงินสามารถพิจารณาเปลี่ยนแปลงจำนวนหลักประกันที่มีหลายแปลงให้เหมาะสมกับจำนวนเงินกู้ได้