แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Chanapot

หน้า: 1 ... 1034 1035 [1036] 1037 1038 ... 1072
18633


ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH Bank) เปิดเผยว่า ธนาคารได้รับรายงานว่ามีผู้ไม่หวังดี นำชื่อธนาคาร หรือตราสัญลักษณ์ (logo) ของธนาคาร ไปแอบอ้างโดยการสร้าง LINE, Facebook, เว็บไซต์ปลอม เพื่อหลอกลวงให้บริการเงินกู้ ทำให้มีผู้หลงเชื่อโอนเงินให้แก่กลุ่มผู้ไม่หวังดีดังกล่าวทำให้ได้รับความเสียหาย ธนาคารขอเรียนให้ทราบว่า ธนาคารไม่มีบริการให้เงินกู้ผ่านทาง LINE, Facebook, เว็บไซต์ และไม่มีการให้ลูกค้าโอนเงินค่าธรรมเนียมใดๆ ผ่านช่องทางใดๆ ทั้งสิ้น ธนาคารให้บริการทางการเงินผ่านสาขาของธนาคาร และให้บริการในรูปแบบดิจิทัลผ่านแอปพลิเคชัน LH Bank M Choice เท่านั้น

ธนาคารจึงขอแจ้งเตือนลูกค้าและผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคาร โปรดระมัดระวังกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่แอบอ้างชื่อธนาคารมาเชิญชวนให้ใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทาง LINE, Facebook, เว็บไซต์ หรือ แอปพลิเคชันต่างๆ หากท่านพบกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่แอบอ้างใช้ชื่อและตราสัญลักษณ์ของธนาคาร หรือได้รับ SMS รวมถึง Email ที่น่าสงสัย สามารถแจ้งข้อมูลหรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ LH Bank ทุกสาขา หรือ Call Center โทร.1327

18634


“หนุ่ม กรรชัย” ไม่เข้าข้างน้องรัก ชี้ “มดดำ” คิดให้ได้ก่อนออกมาขอโทษ ลั่นแม้จะสนิทตนก็ช่วยอะไรไม่ได้ ต้องยกให้เป็นบทเรียนครั้งสำคัญของอีกฝ่ายที่คนด่าเป็นล้าน

ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ได้รับความนิยมในประเทศไทยมากที่สุดสำหรับ #แบนมดดำ จากกรณีที่พิธีกรฝีปากกล้า “มดดำ คชาภา ตันเจริญ” หลุดพูดเปรียบเทียบ “ลิซ่า BLACKPINK” ลลิษา มโนบาล กับ “นิชคุณ หรเวชกุล” และ “แบมแบม กันต์พิมุกต์” ในรายการแฉ จนทัวร์ลงยับ จนมดดำทั้งต้องขึ้นโพสต์และออกมาไลฟ์สดขอโทษเป็นการใหญ่

ล่าสุดพี่ชายคนสนิทอย่าง “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ก็ได้ออกมาพูดถึงกรณีนี้ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ ว่าตนไม่สามารถช่วยอะไรมดดำไม่ได้ คงต้องปล่อยให้เป็นบทเรียนที่มดดำจะต้องเรียนรู้

“เรื่องนี้ต้องพูดกันตามตรง ถึงผมจะสนิทกับคุณมดดำ ผมขอพูดอย่างตรงไปตรงมากเลยนะครับว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมาอ้างว่าไม่เจตนาหรือเจตนา ต่อให้ไม่เจตนาก็ผิดอยู่ดี เพราะหนึ่งคนของใคร ใครเขาก็รัก สองลักษณะของการเปรียบเทียบมันเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะมนุษย์ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง อย่างเมื่อก่อนใครมาเปรียบเทียบผมกับคนนั้นคนนี้ผมก็จะบอกเลยว่า ไม่มีใครเป็นใครได้ ทุกคนมีคุณค่าในตัวเอง ผมอาจจะถนัดแบบนี้ คนนี้อาจจะถนัดแบบนั้น สุดท้ายทุกๆ คนมีคุณค่าในตัวของตัวเองกันทั้งนั้น ผมเชื่อว่าครั้งนี้จะเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ของมดดำครับ

ในมุมของผมที่รู้จักมดดำ ถือว่าเป็นน้องคนนึง ผมก็มองว่าดีที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะนี่คือประสบการณ์ชั้นสูง หาที่ไหนไม่ได้นะครับกับการที่มีคนด่าเป็นล้าน คือคนด่ากันเป็นแสนอาจจะไม่รู้สึก นี่ด่ากันเป็นล้าน ผมเชื่อว่าวันนี้คงไม่ต้องมีใครมาด่าถึง 10 ล้านแล้วแหละ คงจะต้องเอาสิ่งเหล่านี้ไปปรับปรุงแล้วเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องเสียที”

ทาง “หมวย อริสรา กำธรเจริญ” เสริมว่า ตอนที่ข่าวขึ้นเทรนด์อันดับ 1 ในทวิตเตอร์มีทีมข่าวช่อง 3 แท็กหาหนุ่มว่าให้ช่วยมดดำหน่อย หนุ่มหายไปพักนึงแล้วพี่หนุ่มก็กลับมาตอบว่า…

“คงช่วยไม่ได้ คงต้องให้เป็นบทเรียนของมดดำ คือเรื่องนี้มดดำต้องคิดให้ได้ ก่อนที่มดดำจะออกมาขอโทษ มดดำต้องรู้ก่อนว่าสิ่งที่ตัวเองทำผิดรึเปล่า ต้องรู้จักก่อนว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไปมันคือความผิดแล้วไปเรียนรู้กับมันแล้วคุณถึงขอโทษได้ แต่ถ้าขอโทษโดยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดหรือไม่ผิด อันนั้นมันไม่ได้”

18635
ใคร ๆ ก็ไม่รัก ไปไหนมีแต่คนไม่ชอบหน้า ขาดเสน่ห์ ไม่มั่นใจ

น้ำมันว่านดอกทองใส่ตะกรุดนะอกแตก แค่ท่องคาถา
เจิมที่หน้าผากตัวเรา บังเกิดออร่าน่าจับตามอง
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา
น้ำมันว่านดอกทองใส่ตะกรุดนะอกแตกให้ทุกขวด ขวดละ 399 บาท
ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ
ตะกรุดนะอกแตก เป็นมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม มหาละลวย แก่มนุษย์ทั้งหญิงชายทั้งหลาย
คาถากำกับ
โอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ
อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ
นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ
(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)
ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่
โทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://[^_^]taywa99.lnwshop.com/p/34

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/.../-i1867850932-s5770096982...

shopee https://shopee.co.th/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1...

18637
 App “มีตังค์” ทำจริงจัง ก็ได้เงินจริงนะ ไม่จกตา สร้างรายได้หลักแสน หลักล้าน อย่างง่าย ๆ
 App “มีตังค์” คือ ธุรกิจที่ใช่ ในยุค COVID ครองเมือง
 ระบบ Content Builder System
ที่ทำทุกอย่างผ่าน Social บนมือถือเพียงเครื่องเดียว ง่าย ๆ เพียงแค่แชร์
เปลี่ยนใจสมัครกับเราตอนนี้ยังทัน


 ธุรกิจ New Platform(แฟลตฟอร์มใหม่)
ที่ลงทุนด้วยเงิน 2,699 ครั้งเดียวผ่าน App เก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต
รับเฉพาะคนที่จริงจังพร้อมทำเท่านั้น


สอบถามเพิ่มเติม
ไลน์ไอดี teerapat999
โทร 0846623662

ลงทะเบียนฟรีเพื่อเข้าศึกษาเรียนรู้ในกลุ่มปิดเปิดเผยชัดเจน
https://www.metang-solution.com/member/register.php...

รายละเอียดเพิ่มเติม https://web.facebook.com/richbyteerapat


18638
เครื่องทำน้ำแข็ง Cleanicethailand
เครื่องทำน้ำแข็ง Clean ice หมดปัญหาสักที กับความสกปรก ของน้ำแข็ง หรือน้ำแข็งละลายเร็ว อีกทั้งยังประหยัดกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ไม่ว่าจะใส่เมนูน้ำชนิดไหนๆ เครื่องทำน้ำแข็ง cleanice ก็เอาอยู่ไปซะทุกอย่าง
เครื่องทำน้ำแข็ง ของเรารับประกันความประหยัดคุ้มค่าน่าลงทุน น้ำแข็งที่เย็น ละลายช้า สะอาด ไร้สารเคมีตกค้าง ราคาถูก สามารถทำให้เมนูน้ำของคุณน่ากินได้อีกกกด้วย ! 
เพราะว่าเราใส่ใจในความสะอาด และ ความสะดวกสบาย ด้วยดีไซน์เครื่องที่ออกแบบมา สวยทันสมัยตั้งในคาเฟ่ ก็เชิญชวนลูกค้าได้ดีอีกด้วย!!!! มีคุณภาพ เเละเอื้อต่อการใช้งานจริง
เมนูน้ำไหนๆ ใคร ๆ ก็อยากซื้อ น่าดื่มไปซะทุกอย่างเเบบนี้สิ รักเลย  ต้องลองแล้วค่ะถึงจะรู้ว่าของเราดีจริง
 Made in JAPAN 
สนใจสินค้า ปรึกษา สอบถามได้ที่
Tel: 02-024-9152-3 Mobile: 061-2780-780
ไลน์ไอดี: valai[^_^]25
website:https://www.cleanicethailand.com
facebook:https://www.facebook.com/cleanicethailand
#เครื่องทำน้ำแข็ง #เครื่องทำน้ำแข็งหยอดเหรียญ #ตู้กดน้ำแข็ง #ตู้กดน้ำแข็งหยอดเหรียญ #cleanice #cleanicethailand
 


18639


“หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ ระบบอัตโนมัติ” คำเหล่านี้หลายคนได้ยินอาจมองว่าเป็นเทคโนโลยีไกลตัว หรือแม้แต่คิดไปถึงภาพยนตร์แนวแฟนตาซีอิงวิทยาศาสตร์ (Sci-Fi) ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกกังวลว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะมาแย่งอาชีพของมนุษย์ ทำให้ตนเองเสี่ยงตกงานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม “เทคโนโลยีก็เป็นโอกาสในการเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ” รวมถึงการพัฒนาประเทศ ดังที่ ดร.นิพัทธ์ รัศมีโกเมน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พีทีที เรส จำกัด หรือ PTT RAISE เปิดเผยเอาไว้


ดร.นิพัทธ์ เริ่มจากการเปิดเผยที่มาของคำว่า “เรส (RAISE)” ในชื่อบริษัท ว่ามาจาก Robotic AI และ Service Enabler โดยเป็นการร่วมทุนระหว่าง ปตท. กับบริษัทมิตซุยของญี่ปุ่น เพื่อให้บริการสำหรับองค์กรที่ต้องการนำเทคโนโลยีหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ และระบบอัตโนมัติไปใช้งานให้เกิดผลจริง เพราะเทคโนโลยีมีอยู่ แต่สิ่งที่ขาดคือคนที่สามารถนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมของไทย


ซึ่งมิตซุยเป็นบริษัทที่อยู่ในประเทศไทยมานาน มีความเชี่ยวชาญในเรื่องเทคโนโลยีและมีประสบการณ์ในหลายประเทศทั่วโลก ขณะที่ ปตท. ในฐานะที่เป็นบริษัทที่ดำเนินงานบนฐานของวิศวกรรม (Engineering Base) มีการปฏิบัติการทางอุตสาหกรรม ก็อยากจะเข้าไปช่วยผลักดันในส่วนนี้ เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยพัฒนาและเติบโตบนพื้นฐานของการใช้เทคโนโลยี

โดยเทคโนโลยีหุ่นยนต์นั้นเป็นคำที่กว้างมาก ตั้งแต่แขนกลที่ใช้หยิบจับสิ่งของ ไปจนถึงระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดการทำงานของเครื่องจักร ซึ่งตัวอย่างเหล่านี้ไม่ได้ไกลตัวในการรับรู้ของคนทั่วไปและเป็นเทคโนโลยีที่พร้อมใช้งานแล้วในปัจจุบัน แต่การนำไปใช้ต้องผ่านการปรับแต่ง (Customization) เช่น จะติดตั้งแขนกลสำหรับหยิบจับอะไรไปวางไว้จุดใด หรือระบบเซ็นเซอร์จะกำหนดให้วัดค่าอะไรบ้าง เพื่อให้เข้ากับผลลัพธ์หรือการแก้ไขปัญหาที่ผู้ใช้งานต้องการ



“ขั้นตอนพวกนี้จริงๆ มองว่าต้องเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของการจะเอาเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดผลสำเร็จ เพราะถ้าเราสามารถออกแบบและทำความเข้าใจโจทย์ได้อย่างชัดเจน ตอนที่เอาตัวฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์มาตอบโจทย์ ก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายไปแล้ว อย่างที่ผมบอกว่าปัจจุบันเทคโนโลยีมันมีพร้อม โดย PTT RAISE เองเป็น Service Enabler คือเราช่วยตั้งแต่ต้น” ดร.นิพัทธ์ กล่าว

การดำเนินงานของ PTT RAISE มาจากแนวคิดที่ว่า “เพราะเสื้อขนาดเดียวไม่อาจใส่ได้พอดีกับทุกคน (One Lottovip Size Not Fit All)” แต่ต้องปรับให้เข้ากับแต่ละองค์กรหรือแต่ละอุตสาหกรรม ซึ่ง ดร.นิพัทธ์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทได้เข้าไปช่วยดูแลทั้งบริษัทในกลุ่ม ปตท. หรือหน่วยงานรัฐวิสาหกิจบางแห่ง ตลอดจนภาคการผลิต เช่น อุตสาหกรรมยาง อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมอาหารและบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น



โดย PTT RAISE มุ่งมั่นที่จะเข้ามาสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมไทย เพราะหลายองค์กรแม้จะรู้ว่าเทคโนโลยีเป็นของดี แต่ก็ยังไม่นำมาใช้ ซึ่งมีถึงร้อยละ 80 ของอุตสาหกรรมที่ยังมีพื้นที่ให้นำเทคโนโลยีไปใช้พัฒนาภาคการผลิตของตนเอง และสิ่งที่อยากเห็นในอนาคตอันใกล้คือการปิดช่องว่าง ช่วยให้ทุกอุตสาหกรรมนำเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด นำไปสู่ประสิทธิภาพในการแข่งขันที่ดีขึ้น

ส่วนคำถามที่ว่า “บุคลากรด้านหุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฐ์ในประเทศไทยมีเพียงพอหรือไม่” ดร.นิพัทธ์ ระบุว่า “หากเป็นคนที่จบการศึกษามาทางด้านนี้โดยเฉพาะต้องบอกว่ามีน้อย” อย่างไรก็ตาม “ผู้ใช้เทคโนโลยีได้ไม่จำเป็นต้องจบการศึกษาเฉพาะด้านเทคโนโลยีนั้นเสมอไป” สิ่งสำคัญอยู่ที่ “ความพร้อมในการเรียนรู้” หากมีข้อนี้ก็มีโอกาสนำเทคโนโลยีไปใช้แล้วประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ดังนั้นการฝึกอบรมก็เป็นอีกเรื่องที่จำเป็น


 
“อันดับแรกคือการเรียนรู้ตัวเทคโนโลยีว่ามันคืออะไร มันทำอะไรได้หรือไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่เทคโนโลยี อย่างหุ่นยนต์ หรือ AI จะเข้ามาแทนคนได้ทั้งหมด มันมีทักษะอีกเยอะเลยที่ผมเชื่อว่าคงไม่มีวันที่จะสามารถมาแทนสมองมนุษย์ได้ ซึ่งผมว่าสิ่งที่สำคัญอันหนึ่งในการเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี คือการทำความเข้าใจว่าสิ่งใดที่ควรจะต้องใช้มนุษย์เป็นคนทำ อะไรควรจะต้องใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีเข้ามาช่วย อะไรที่มันไม่จำเป็นต้องทำแบบเดิมแล้วใช้เทคโนโลยีเข้ามาเสริมให้มันดีขึ้น” ดร.นิพัทธ์ กล่าว

ผู้จัดการทั่วไป PTT RAISE ทิ้งท้ายด้วยการอธิบายเพิ่มเติมในประเด็นนี้ว่า สมองมนุษย์นั้นมีความซับซ้อนเมื่อต้องตัดสินใจอะไรสักอย่างหนึ่ง และไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดกว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาจนกระทั่งสมองกลสามารถคิดได้ในระดับเดียวกัน ดังนั้นการตัดสินใจภายใต้ตัวแปรหลากหลายทั้งศาสตร์และศิลป์ ซึ่งต้องอาศัยการคิดวิเคราะห์หลายด้าน ก็ยังน่าจะเป็นสิ่งที่มนุษย์ซึ่งมีความเข้าใจในธุรกิจนั้นสามารถทำได้ดีกว่า

“PTT RAISE” เชื่อมั่นและพร้อมทำงานกับทุกภาคส่วนทั้งเจ้าของเทคโนโลยีและผู้ต้องการใช้เทคโนโลยี เพื่อนำประเทศไปสู่จุดที่ทำการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ในท้ายที่สุด

18641
สมัครได้เลยนะค่ะ

18645
 App “มีตังค์” ทำจริงจัง ก็ได้เงินจริงนะ ไม่จกตา สร้างรายได้หลักแสน หลักล้าน อย่างง่าย ๆ
 App “มีตังค์” คือ ธุรกิจที่ใช่ ในยุค COVID ครองเมือง
 ระบบ Content Builder System
ที่ทำทุกอย่างผ่าน Social บนมือถือเพียงเครื่องเดียว ง่าย ๆ เพียงแค่แชร์
เปลี่ยนใจสมัครกับเราตอนนี้ยังทัน


 ธุรกิจ New Platform(แฟลตฟอร์มใหม่)
ที่ลงทุนด้วยเงิน 2,699 ครั้งเดียวผ่าน App เก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต
รับเฉพาะคนที่จริงจังพร้อมทำเท่านั้น


สอบถามเพิ่มเติม
ไลน์ไอดี teerapat999
โทร 0846623662

ลงทะเบียนฟรีเพื่อเข้าศึกษาเรียนรู้ในกลุ่มปิดเปิดเผยชัดเจน
https://www.metang-solution.com/member/register.php...

รายละเอียดเพิ่มเติม https://web.facebook.com/richbyteerapat


18646


เมื่อววันที่ 11 ก.ย.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 5,663 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 33.4 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 379 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 178 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว

ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 298.27 ล้านโดส โดยสิงคโปร์ฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (77.2% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 113.78 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 11 กันยายน 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 39,631,862 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 57.45%

ในการฉีดวัคซีน จำนวน 5,663 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ

1. ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 11 กันยายน 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 39,631,862 คน ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 26,954,546 โดส (40.7% ของประชากร)
-เข็มสอง 12,063,643 โดส (18.2% ของประชากร)
-เข็มสาม 613,673 โดส (0.9% ของประชากร)

2. อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.- 11 ก.ย. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 39,631,862 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 758,503 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาติ 630,528 โดส/วัน

3. อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 12,959,011 โดส
- เข็มที่ 2 3,493,848 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 10,095,343 โดส
- เข็มที่ 2 6,822,901 โดส
- เข็มที่ 3 216,426 โดส

วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 3,504,007 โดส
- เข็มที่ 2 1,533,601 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส

วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 396,185 โดส
- เข็มที่ 2 213,293 โดส
- เข็มที่ 3 397,247 โดส

4. การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 124.2% เข็มที่2 114.1% เข็มที่3 86.2%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 58.2% เข็มที่2 42% เข็มที่3 0%
- อสม เข็มที่1 68.2% เข็มที่2 44% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่1 49.7% เข็มที่1 19.3% เข็มที่3 0%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 54.1% เข็มที่2 23.2% เข็มที่3 0%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 51.3% เข็มที่2 19.5% เข็มที่3 0%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 10.9% เข็มที่2 3.3% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 53.9% เข็มที่2 24.1% เข็มที่3 1.2%

5. จังหวัดที่ฉีดวัคซีน เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 แบ่งเป็น 2 ชุดข้อมูล
กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข็มที่1 73.6% เข็มที่2 27.8% เข็มที่3 1.3% ประกอบด้วย
- กรุงเทพฯ เข็มที่1 94.8% เข็มที่2 34.9% เข็มที่3 1.9%
- สมุทรสาคร เข็มที่1 57.3% เข็มที่2 19.2% เข็มที่3 0.6%
- นนทบุรี เข็มที่1 56.5% เข็มที่2 20.4% เข็มที่3 0.7%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 51.4% เข็มที่2 25.7% เข็มที่3 0.6%
- ปทุมธานี เข็มที่1 47.7% เข็มที่2 22.7% เข็มที่3 0.8%
- นครปฐม เข็มที่1 35.6% เข็มที่2 13% เข็มที่3 0.7%

จังหวัดอื่น ๆ 71 จังหวัด เข็มที่1 28% เข็มที่2 13.9% เข็มที่3 0.7%
- ชลบุรี เข็มที่1 45.9% เข็มที่2 13.3% เข็มที่3 0.5%
- พระนครศรีอยุธยา เข็มที่1 58.3% เข็มที่2 21% เข็มที่3 0.6%
- สงขลา เข็มที่1 52.1% เข็มที่2 21.4% เข็มที่3 1%
- ยะลา เข็มที่1 41.8% เข็มที่2 17.6% เข็มที่3 0.8%
- ปัตตานี เข็มที่1 40.4% เข็มที่2 16.3% เข็มที่3 0.7%
- ฉะเชิงเทรา เข็มที่1 45.9% เข็มที่2 13.3% เข็มที่3 0.5%

6. ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 298,271,753 โดส ได้แก่
1. อินโดนีเซีย จำนวน 113,783,060 โดส (26.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
2. ไทย จำนวน 39,631,862 โดส (40.7%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
3. มาเลเซีย จำนวน 38,001,646 โดส (64.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
4. ฟิลิปปินส์ จำนวน 37,728,114 โดส (19.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
5. เวียดนาม จำนวน 25,926,688 โดส (22%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
6. กัมพูชา จำนวน 21,499,690 โดส (67.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
7. สิงคโปร์ จำนวน 8,948,923 โดส (77.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
8. พม่า จำนวน 7,868,906 โดส (8.9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
9. ลาว จำนวน 4,511,363 โดส (36%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
10. บรูไน จำนวน 371,501 โดส (53.5%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
* คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร/2 เหมือนกันทุกประเทศ

7. จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
1. เอเชียและตะวันออกกลาง 68.22%
2. อเมริกาเหนือ 10.20%
3. ยุโรป 12.16%
4. ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 6.84%
5. แอฟริกา 2.09%
6. โอเชียเนีย 0.49%

8. ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
1. จีน จำนวน 2,129.83 ล้านโดส (76.1% ของจำนวนการฉีดทั่วโลก)
2. อินเดีย จำนวน 730.34 ล้านโดส (26.7%)
3. สหรัฐอเมริกา จำนวน 378.57 ล้านโดส (59.2%)
4. บราซิล จำนวน 205.87 ล้านโดส (50%)
5. ญี่ปุ่น จำนวน 141.43 ล้านโดส (56%)

9. ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
1. มัลดีฟส์ (93.4% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
2. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (87.5%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
3. บาห์เรน (84.8%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
4. อุรุกวัย (83.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
5. กาตาร์ (81.9%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
6. อิสราเอล (79.4%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
7. ชิลี (78.3%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
8. สิงคโปร์ (77.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech Moderna และ Sinovac)
9. จีน (76.1%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac และ CanSino)
10. เดนมาร์ก (75%) (ฉีดวัคซีนของ Moderna, Pfizer/BioNTech และ J&J)

แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

18647
บริษัท สบายใจการบัญชี  จำกัด
9/54  หมู่ที่ 8  ตำบลบางเลน  อำเภอบางใหญ่  จังหวัดนนทบุรี   11140
โทร & Line ID.087-347-6299
https://gladnessaccounting.co.th

รับทำบัญชีนนทบุรี  รับทำบัญชีบางกรวย  รับทำบัญชีบางใหญ่  รับทำบัญชีบางบัวทอง  รับทำบัญชีไทรน้อย  รับทำบัญชีปากเกร็ด  รับทำบัญชีบางศรีเมือง  รับทำบัญชีพิมลราช  รับทำบัญชีบางคูรัด  รับทำบัญชีบางรักพัฒนา  รับทำบัญชีบางแม่นาง  รับทำบัญชีบางกร่าง  รับทำบัญชีไทรม้า  รับทำบัญชีตลาดขวัญ  รับทำบัญชีบางตะไนย์  รับทำบัญชีบางพลับ  รับทำบัญชีบางรักน้อย  รับทำบัญชีมหาสวัสดิ์  รับทำบัญชีศาลากลางนนทบุรี  รับทำบัญชีอ้อมเกร็ด  รับทำบัญชีแจ้งวัฒนะ  รับทำบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  รับทำบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  รับทำบัญชีถนนชัยพฤกษ์  รับทำบัญชีถนนติวานนท์  รับทำบัญชีถนนทวีวัฒนา  รับทำบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  รับทำบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  รับทำบัญชีท่าอิฐ  รับทำบัญชีถนนนครอินทร์  รับทำบัญชีบางม่วง  รับทำบัญชีบางกรวย-จงถนอม  รับทำบัญชีถนนบางไกรใน  รับทำบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  รับทำบัญชีบางคูเวียง  รับทำบัญชีบางศรีเมือง  รับทำบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  รับทำบัญชีไทรม้า  รับทำบัญชีถนนพิบูลสงคราม  รับทำบัญชีถนนราชพฤกษ์  รับทำบัญชีตลิ่งชัน  รับทำบัญชีถนนเรวดี  รับทำบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  รับทำบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี  รับทำบัญชีธุรกิจนำเข้าส่งออก  รับทำบัญชีธุรกิจซื้อมาขายไป  รับทำบัญชีธุรกิจผลิต  รับทำบัญชีธุรกิจขายสินค้าออนไลน์  รับทำบัญชีขายผ่านShoppee  รับทำบัญชีขายLazada  รับทำบัญชีบริษัทจำกัด  รับทำบัญชีห้างหุ้นส่วนจำกัด  รับทำบัญชีและยื่นภาษี  สำนักงานบัญชี  รับงานบัญชี

18648


นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการคลังทบทวนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับความเดือดร้อนให้ทั่วถึง โดยความคืบหน้า กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างวางหลักเกณฑ์ เปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ เพื่อเตรียมเสนอคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมพิจารณาก่อน โดยการลงทะเบียนรอบใหม่ จะเปิดให้ผู้ที่ไม่เคยได้รับสิทธิ์เข้ามาลงทะเบียน ซึ่งคาดว่าจะมีกลุ่มตกหล่นจากมาตรการของรัฐที่ผ่านมาที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่น กรณีไม่มีสมาร์ทโฟน สามารถเข้าร่วมบัตรคนจนได้อีกกว่า 2 ล้านราย ขณะเดียวกัน ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เดิมมีจำนวน 13.65 ล้านคน ก็ยังต้องมาลงทะเบียนใหม่ เพราะกระทรวงการคลังจะมีการปรับเงื่อนไขผู้ได้รับสิทธิ์ ให้มีความเหมาะสมมากขึ้น เกณฑ์การลงทะเบียนรอบใหม่นี้ จะช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง

นายธนกร กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการเยียวยาและการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งโครงการคนละครึ่ง เฟส 3 เพิ่มกำลังซื้อในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ และโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษนั้น หลังจากผู้ประกอบการเริ่มทยอยเปิดกิจการร้านอาหาร รวมถึงร้านค้าต่างๆ ตามเงื่อนไข COVID-Free Setting ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นที่จะออกมาใช้จ่ายมากขึ้นภายใต้การป้องกันตัวเองแบบครอบจักรวาล Universal Prevention อย่างระมัดระวังสูงสุด ทำให้ยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ ผู้ใช้สิทธิสะสมรวม รวม 38.77 ล้านคน ยอดใช้จ่าย สะสม รวม 74,910.1 ล้านบาท แบ่งเป็น 1) โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิสะสม 24.08 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 64,660.8 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่ายสะสม 32,877.1 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่ายสะสม 31,783.8 ล้านบาท 2) โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 73,464 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 1,986 ล้านบาท และยอดใช้จ่ายด้วย e-voucher สะสม 70 ล้านบาท 3) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 13.52 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 7,668.6 ล้านบาท และ 4) โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิสะสม 1.10 ล้านคน ยอดใช้จ่ายสะสม 524.7 ล้านบาท

นายธนกร กล่าวอีกว่า กระทรวงการคลัง พร้อมโอนวงเงินคนละครึ่งรอบที่ 2 จำนวน 1,500 บาท ในวันที่ 1 ตุลาคม นี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเชื่อมกับระบบ Platform Delivery ได้ต่อไป โดยผู้ที่ใช้จ่ายวงเงิน 1,500 บาท ในรอบแรก ( 1 ก.ค.-30 ก.ย. 2564) ไม่หมด สามารถนำไปทบในรอบ 2 ได้ ไม่ถูกตัดสิทธิ์และใช้จ่ายได้จนถึง 31 ธ.ค. 2564 ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามมาตรการช่วยเหลือให้เข้าถึงประชาชนโดยตรงและเร็วที่สุด เร่งแก้ไขปัญหาและบรรเทาความเดือดร้อนของคนไทยทุกคนอย่าให้ตกหล่น ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันอย่างเต็มกำลัง

หน้า: 1 ... 1034 1035 [1036] 1037 1038 ... 1072