แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Jessicas

หน้า: 1 ... 1048 1049 [1050] 1051 1052 ... 1059
18883


โดยปกติเราไม่ค่อยได้ยินข่าวประเทศจากเอเชียกลางอย่างอุซเบกิสถานมากนัก แต่เมื่อกลางเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา กรุงทาชเคนต์ของอุซเบกิสถาน เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมนานาชาติหัวข้อ “เอเชียกลางและเอเชียใต้: การเชื่อมต่อ ความท้าทาย และโอกาสระดับภูมิภาค” ถือว่าจัดได้ถูกที่ถูกเวลา มีประเทศเข้าร่วมถึง 50 ประเทศ เช่น ตุรกี อาเซอร์ไบจาน คาซัคสถาน คีร์กีซสถาน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน รัสเซีย อินเดีย จีน และสหรัฐอเมริกา  รวมถึงตัวแทนจากองค์การระหว่างประเทศ กลุ่มคลังสมองเด่นๆ สถาบันการเงิน บริษัท ภาคธุรกิจอีกกว่า 30 องค์กร

ที่สำคัญคือผู้นำหลายคนมาพบกันในเวทีนี้ อาทิ ประธานาธิบดีอัชราฟ กานี ของอัฟกานิสถาน นายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน แห่งปากีสถาน เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียสุพรหมณยัม ชัยศังกระรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย และหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ในช่วงเวลาที่เกิดข้อพิพาททางภูมิรัฐศาสตร์โดยมีเอเชียเป็นศูนย์กลาง เวทีนี้จึงเป็นการแสดงถึงความวิตกกังวลร่วมกัน แล้วแสวงหาเจตจำนงร่วมบนเส้นทางเอเชียกลาง-ใต้ ที่จะเป็นพื้นที่สำคัญของระบบระหว่างประเทศในอนาคต ผ่านการประกาศ“ปฏิญญาทาชเคนต์แห่งเอเชียใหม่"

ประธานาธิบดีชาฟเคท เมอซิโยเยฟแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน แสดงสุนทรพจน์ครั้งประวัติศาสตร์ ขนานนามเอเชียกลางและเอเชียใต้ว่า “สะพานแห่งการสนทนา” ระหว่างผู้คนกับอารยธรรม เป็น “เส้นทางสายไหมอันยิ่งใหญ่” โดยได้เน้นย้ำถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ของภูมิภาคนี้ ตอบโต้ข้อสรุปเรื่องการปะทะกันของอารยธรรมว่า เอเชียกลางและเอเชียใต้ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนยากจน ตรงกันข้ามที่นี่คือศูนย์กลางแห่งอารยธรรม วิทยาศาสตร์ ความมั่งคั่ง ทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนามนุษย์ ตัวชี้วัดพื้นฐานที่สุดดูได้จาก เมืองและถนนหนทาง (บนเส้นทางสายไหมในประวัติศาสตร์) ภูมิภาคนี้สามารถฟื้นคืนความมั่งคั่งและมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างอารยธรรม

ประกันโควิด เจอ จ่าย จบ! รับเลย 100,000 บาท

เอเชียกลางและเอเชียใต้ไม่ใช่ถิ่นที่อยู่ของคนป่าฆาตกร หรือมีปัญหาความมั่นคงอย่างที่ถูกตีตรา ในทางกลับกันที่นี่เป็นศูนย์กลางของความมั่นคง เสถียรภาพ ความยุติธรรม อดทนอดกลั้น และอยู่ร่วมกันมาหลายร้อยปี

ทั้งยังเป็นภูมิภาคที่ยึดประชาชนและมนุษยธรรมเป็นศูนย์กลาง ผู้คนต่างศาสนา อิสลาม พุทธ ฮินดู และอื่นๆ จึงอยู่ร่วมกันมานานหลายศตวรรษ กลายเป็นหุ้นส่วนทางชาติพันธุ์อันยิ่งใหญ่ รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมหลากสีสัน โครงสร้างทางภูมิวัฒนธรรมเช่นนี้ที่กำลังถูกทำให้กลายเป็นความขัดแย้ง แท้จริงแล้วมีประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกันมาก ทุกคนในพื้นที่สังเกตเห็นได้ ด้วยเหตุนี้จึงควรตระหนักถึงศักยภาพด้านการท่องเท่ี่ยวระหว่างเอเชียกลางและเอเชียใต้ และควรขยายการแลกเปลี่ยนทางวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม

เอเชียกลางและเอเชียใต้เป็นที่ตั้งแห่งเอกภาพ ไม่ใช่การปะทะกันของอารยธรรมอย่างที่เคยมีคนว่าเอาไว้ ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นที่เอเชียกลางและเอเชียใต้ต้องจับ “จิตวิญญาณเส้นทางสายไหม” ไว้ให้ได้เพื่อร่วมมือกัน และต้องปรับปรุงความสัมพันธ์ที่เริ่มขาดหายกันไปซึ่งยังไม่สายเกินไป

ภายใต้บริบทนี้ อุซเบกิสถานยุคใหม่จึงดำเนินการภายใต้กรอบความรับผิดชอบของประเทศ ชี้วัดได้จากกระบวนการความร่วมมือใหม่ที่อุซเบกิสถานพัฒนากับเพื่อนบ้าน ด้วยเชื่อว่า ความเข้าใจและความร่วมมือนี้จะโดดเด่นไปทั่วภูมิภาคสะท้อนถึงความพยายามทั้งหมดที่ทำ

ประธานาธิบเมอร์ซิโยเยฟกล่าวด้วยว่า โครงการที่ตนเสนอต่อที่ประชุม เน้นความร่วมมือเป็นพื้นฐาน เป็นส่วนเสริมมิใช่แข่งขันกับโครงการที่ทำมาก่อน ทั้งยังสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการริเริ่มสายแถบและเส้นทางในแง่ของการเปิดศักยภาพความร่วมมือที่ครอบคลุมพื้นที่ทางภูมิศาสตร์อย่างกว้างขวางยิ่ง ตัวอย่างเช่น เส้นทางแคสเปียน-เอเชียกลาง-เอเชียใต้ที่เป็น “หัวใจแห่งเอเชีย” เส้นทางรถไฟสาย Tirmidhi-Mazar-i-Sharif-Kabil-Peshawar ที่ครอบคลุมอุซเบกิสถาน อัฟกานิสถาน และปากีสถาน เป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่สุดเข้ากันได้กับโครงการสายแถบและเส้นทางซึ่งไม่ควรประเมินเฉพาะมิติทางเศรษฐกิจ-พาณิชย์เท่านั้น โดยเฉพาะในประเด็นอัฟกานิสถาน

“เส้นทางการคมนาคมนี้จะมีประสิทธิภาพในความร่วมมือระหว่างภูมิภาค สร้างสันติภาพและเสถียรภาพและพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศนี้” ประธานาธิบดีอุซเบกิสถานย้ำโดยพิจารณาจากมิติของอัฟกานิสถาน

กล่าวโดยสรุป สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีชี้ให้เห็นว่า อุซเบกิสถานปรารถนาสร้างสันติภาพและเสถียรภาพ สถาปนาความสัมพันธ์อันกว้างขวางและลึกซึ้งระหว่างเอเชียกลางกับเอเชียใต้ การประชุม “เอเชียกลางและเอเชียใต้: การเชื่อมต่อระดับภูมิภาค ความท้าทายและโอกาส” ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของเจ้าภาพเท่านั้น แต่เน้นย้ำผลประโยชน์ร่วมที่สำคัญในแง่การส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพในอัฟกานิสถาน

“อัฟกานิสถานไม่ได้มีความหมายแค่เอเชียกลางหรือเอเชียใต้เท่านั้น แต่เป็นประโยชน์สำหรับทวีปเอเชียโดยรวมและโครงการที่พัฒนาขึ้นภายใต้กรอบความร่วมมือนี้” ประธานาธิบดีอุซเบกิสถานกล่าวทิ้งท้าย

18884
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: สิงหาคม 10, 2021, 01:36:17 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

18885


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกใหม่ในประเทศที่ยังน่าเป็นห่วง อีกทั้ง คลัสเตอร์โรงงานกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงที่พบผู้ติดเชื้อใหม่อย่างต่อเนื่องส่งผลให้หลายโรงงานต้องปิดดำเนินการชั่วคราวและกระทบการผลิตในทันที

ความจำเป็นในการเพิ่มผลิตภาพการผลิตและแรงกดดันจากผลกระทบวิกฤติโควิดที่เกิดขึ้นได้กระตุ้นให้ผู้ประกอบการในภาคการผลิตมีการตื่นตัวในการปรับใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ในสายการผลิตสู่การเป็นโรงงานอัจฉริยะ (Smart factory) โดยเฉพาะระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและลดการพึ่งพาแรงงานคน

 โดยในช่วงเวลา 5 ปีก่อนวิกฤติโควิด (2016-2019) มูลค่าการนำเข้าระบบอัตโนมัติสำหรับการผลิตและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมของไทยเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปเฉลี่ยอยู่ที่ราว 2% ต่อปี ซึ่งสาเหตุหนึ่งเป็นผลจากการใช้เทคโนโลยีที่กระจุกตัวอยู่ในโรงงานขนาดใหญ่หรือโรงงานที่ตั้งโดยนักลงทุนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง อีกทั้ง ผู้ประกอบการไทยยังมีความกังวลในความพร้อมของระบบอัตโนมัติและทักษะของบุคลากร แต่หลังจากที่ภาคการผลิตในไทยต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านแรงงานจากผลกระทบของวิกฤตโควิดตั้งแต่เดือนมี.ค. 2020 เป็นต้นมา มูลค่าการนำเข้าระบบอัตโนมัติสำหรับการผลิตและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมเติบโตกว่า 7%YOY จาก 1.72 พันล้านบาทในปี 2019 เป็น 1.84 พันล้านบาทในปี 2020 และการนำเข้าเติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่า 40%YOY

ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2021 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2020 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมหลักที่มีการนำเข้าระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ซึ่งการเติบโตดังกล่าวสะท้อนถึงการตื่นตัวของภาคการผลิตในไทยที่เห็นความสำคัญของ Smart factory มากขึ้น เพื่อฝ่าวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่และให้การผลิตเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง 

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังมีความมั่นใจในการใช้ระบบอัตโนมัติมากขึ้น เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอย่างเทคโนโลยี 5G ได้ครอบคลุมพื้นที่ใช้งานใน EEC 100% แล้ว รวมถึงผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งมีการขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตแบบสาย (FTTx) และจัดตั้งศูนย์ Data center ในพื้นที่โครงการพร้อมรองรับการใช้งานในระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์อุตสาหกรรมที่ทันสมัย


แม้จะเริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อการปรับเปลี่ยนภาคการผลิตสู่การเป็น Smart factory รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยมีความพร้อมรองรับการใช้งานเทคโนโลยี แต่การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัล และการกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการลงทุนด้านดิจิทัลของผู้ประกอบการไทยให้มากขึ้นยังเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนา ด้วยจำนวนแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลของไทยมีไม่มากนักในปัจจุบัน 

โดยจากรายงาน Future of Jobs ของ World Economic Forum พบว่ามีเพียง 55% ของแรงงานไทยที่มีทักษะด้านดิจิทัล ดังนั้น การส่งเสริมให้เกิดการยกระดับทักษะแรงงานให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีอยู่เสมอและการผลิตแรงงานที่มีทักษะด้านดิจิทัลอย่างจริงจังอาจต้องเร่งดำเนินการเพื่อรองรับความต้องการแรงงานเหล่านี้ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ การสร้างแรงจูงใจในการลงทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของผู้ประกอบการไทยยังต้องอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐในการลดภาระการลงทุนเพื่อดึงดูดความต้องการใช้งาน รวมถึงการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเห็นประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการใช้งานจริง ซึ่งการยกระดับภาคการผลิตของไทยสู่โรงงานอัจฉริยะนั้น นอกจากจะทำให้เกิดการรับรู้ถึงการปรับตัวของภาคการผลิตในไทยเพื่อฝ่าวิกฤติโควิดแล้ว ยังสะท้อนถึงความพร้อมของไทยในการรองรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติในกลุ่มอุตสาหกรรมไฮเทคในอนาคตได้อีกด้วย

18888
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: สิงหาคม 09, 2021, 05:09:31 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

18889


นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ศัลยแพทย์หัวใจและผู้เชี่ยวชาญเวชศาสตร์ครอบครัว โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 7 ส.ค.64 ระบุ จำเป็นต้องมีการวิจัยรักษาโควิด-19 ด้วยฟ้าทะลายโจรซ้ำด้วยกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้น โดยว่า "เมื่อวานนี้ ทีมผู้วิจัย (ชาวไทย) ซึ่งได้ทำวิจัยแบบสุ่มตัวอย่างแบ่งกลุ่มเปรียบเทียบ (RCT) ที่สรุปผลได้ว่าฟ้าทะลายโจรใช้รักษาโควิด19แล้วมีผลดีลดการเกิดปอดอักเสบได้ ได้ขอถอนนิพนธ์ต้นฉบับของตนเองที่รอตีพิมพ์กลับคืนจากคลังวารสารรอตีพิมพ์ (medRxiv) ด้วยเหตุผลว่ามีความผิดพลาดในการคำนวณค่านัยสำคัญของความแตกต่าง (p-value) จึงของดการเผยแพร่ไว้ก่อนเพื่อป้องกันการนำผลวิจัยไปใช้ด้วยสำคัญผิด

เจาะลึกลงไปอีกหน่อยก็คือในงานวิจัยนั้นรายงานว่า กลุ่มผู้ใช้ฟ้าทะลายโจร 29 คน เป็นปอดอักเสบ 0 คน กลุ่มที่ใช้ยาหลอก 28 เป็นปอดอักเสบ 3 คน คำนวณนัยสำคัญของความแตกต่างได้ p=<0.039 ซึ่งเป็นความแตกต่างที่มีนัยสำคัญ (ตัดกันที่ p=<0.05)

แต่หากคำนวณอย่างถูกต้องแท้จริงแล้วค่านัยสำคัญจริงๆคือ p=0.1 แปลไทยให้เป็นไทยก็คือจะต้องเปลี่ยนคำสรุปผลวิจัยเป็น “การใช้ฟ้าทะลายโจรลดปอดบวมได้ไม่แตกต่างจากใช้ยาหลอก”

ระหว่างที่งานวิจัยใหม่นี้ยังไม่ออกมา ชาวไทยเราก็ต้องอาศัยข้อสรุปใหม่ล่าสุดที่ว่า “ฟ้าทะลายโจรลดปอดบวมในคนไข้โควิด-19ได้ไม่แตกต่างจากยาหลอก” ไปพลางๆ ก่อนนะครับ และที่หมอสันต์เคยบอกว่าหลักฐานวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้ฟ้าทลายโจรรักษาโควิดตอนนี้พอแล้วนั้น ก็ต้องถอนคำพูด และขอใช้คำพูดใหม่ว่า

“หลักฐานวิทยาศาสตร์สนับสนุนการใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโควิดตอนนี้ยังมีไม่พอ ต้องรอการวิจัยซ้ำด้วยกลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่ขึ้น”

18891


เมื่อเร็วๆนี้ การประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 2/2564 โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ กพอ. เป็นประธาน ผลประชุมส่วนหนึ่งเห็นชอบเพิ่มเติมเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ให้เพียงพอและจูงใจเอกชน ลงทุนต่อเนื่องและเป็นรูปธรรมจำนวน 7 แห่งตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี 4 แห่ง และ จังหวัดระยอง 3 แห่ง 

พื้นที่โครงการรวมประมาณ 8,000 ไร่ มีพื้นที่รองรับประกอบกิจการรวมประมาณ 6,000 ไร่ โดยมีเป้าหมายเงินลงทุนรวมประมาณ 3 แสนล้านบาท ภายใน 10 ปี (2564 – 2573) ได้แก่ เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการอุตสาหกรรม รูปแบบนิคมอุตสาหกรรมเพิ่มเติมจำนวน 5 แห่ง ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี 3 แห่ง ในจังหวัดระยอง 2 แห่ง

จัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษจำนวน 1 แห่ง ได้แก่ ศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงบ้านฉาง จังหวัดระยอง เห็นชอบ เปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ (พัทยา) หรือ EECmd โดยขยายพื้นที่เพิ่ม 18.68 ไร่ เงินลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท

18892


ริมถนนนักลงทุน เสิร์ฟความเคลื่อนไหวแวดวงตลาดหุ้น หนึ่งความเคลื่อนไหวน่าสนใจ ยกให้ '3กระแสร้อนแรง' แวดวง 'ตลาดหุ้นไทย' วัคซีนทิพย์หมอบุญ-หุ้น DELTA ราคาสวิงวันแรก หลังหลุด Cash Balance ก่อนปิดท้าย GULF ปิดดีลซื้อ INTUCH ขึ้นแท่นหุ้นใหญ่ 42.25%

๐ ประเด็นร้อนแรงสุดในรอบสัปดาห์นี้คงต้องยกให้ 'วัคซีนไฟเซอร์' ของ 'หมอบุญ วนาสิน' เจ้าของ บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ที่หมอบุญออกมายอมรับว่านำเข้าวัคซีน mRNA ไม่สำเร็จ หรือจะบอกว่า 90% นำเข้าไม่ได้แล้ว เพราะติดอุปสรรคจากภาครัฐและยังมีข้อจำกัดในหลายๆ เรื่อง ทั้งที่จ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าไว้แล้วและโดนยึดเงินมัดจำจากนายหน้าไปแล้ว

๐ แต่เรื่องนำเข้าวัคซีนเหมือนไม่สำเร็จของ 'หมอบุญ' ทุกคนจะรับรู้แล้ว ทว่าราคาหุ้น THG ที่วิ่งไปไหนต่อไหนแล้วในช่วงก่อนหน้านี้คงห้ามให้คนสงสัยไม่ได้... ฉะนั้น ทั้ง ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยต้องส่งหนังสือให้หมอบุญ และ THG รีบชี้แจงด่วนๆ ส่งผลให้ราคาหุ้น THG ร่วงหนัก หลังราคาหุ้นทำ 'จุดสูงสุด' ที่ราคา 33.50 บาท (เมื่อ 16 ก.ค. ที่ผ่านมา) เรื่องแบบนี้ไม่ได้เพิ่งเกิดในตลาดหุ้น แต่มีมานานแล้ว 

๐ เป็น 'หุ้นมหาเทพ' ในแง่ของการเคลื่อนไหวราคาขึ้น-ลง สำหรับ บมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ที่ปิดท้ายสัปดาห์ (6 ส.ค.) ราคาหุ้นกลับมาเคลื่อนไหว 'ร้อนแรง' อีกครั้ง สวนทางดัชนีหุ้นไทยร่วง !! ฟาก บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุ สาเหตุที่ทำให้ราคา 'หุ้น DELTA' ปรับตัวขึ้นมองได้รับปัจจัยหนุน หลังหลุดมาตรการกำกับการซื้อขาย ทั้งการห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance ตั้งแต่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้วันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมาเป็นวันแรก ที่สามารถซื้อด้วยบัญชีมาร์จิ้นได้ 

๐ ร้อนถึง !! 'ดร.ภากร ปีตธวัชชัย' เอ็มดี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต้องออกมาดับความร้อนแรงหุ้น DELTA แต่หัววันด้วยการเตือนผู้ลงทุนระมัดระวังก่อนเข้าซื้อขายในหุ้น DELTA หลัง 6 ส.ค.ที่ผ่านมา สภาพการซื้อขายมีความผันผวนต่อเนื่อง ดังนั้น ก็อาจจะเข้าเงื่อนไขมาตรการกำกับการซื้อขายในระดับ 3 ได้ โดยที่ผู้ลงทุนต้องซื้อด้วยบัญชี cash balance ห้ามนำหลักทรัพย์ DELTA มาวางเป็นหลักประกันในการเพิ่มวงเงิน และห้ามซื้อขายแบบ net settlement

๐ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ปิดดีลซื้อ หุ้น อินทัช โฮลดิ้งส์ หรือ INTUCH ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นเบอร์ 1 จำนวน 42.25% แล้ว 'ยุพาพิน วังวิวัฒน์' แย้มคาดในไตรมาส 3 ปี 64 จะเริ่มบันทึกงบของ INTUCH เข้ามาในงบรวมของ GULF ภายหลังได้ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ โดยได้หุ้นมาจำนวน 23.32% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับหุ้นที่บริษัทถืออยู่เดิม ส่งผลให้บริษัทถือหุ้น INTUCH รวมเป็น 42.25% ในเบื้องต้นบริษัทจะได้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนประมาณ 1,600 ล้านบาท จากกรณีที่ INTUCH ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 1.23 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 2 ก.ย. 64 

๐ เล็กพริกขี้หนูจริงๆ สำหรับ บมจ. ธนพิริยะ หรือ TNP ล่าสุดโชว์ตัวเลข 'กำไรสุทธิ' ไตรมาส 2 ปี 2564 สวยหรูอยู่ที่ 43.94 ล้านบาท เติบโต 56.10% 'ธวัชชัย พุฒิพิริยะ' นายใหญ่ TNP ยิ้มแก้มปริรับยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น และ การขยายสาขาใหม่เสริม แย้มโควิด-19 หนุนดีมานด์โตหลังประชาชนกักตุนสินค้า บวกมาตรการรัฐกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านโครงการต่างๆ ผลงานสวยหรูเฉกเช่นนี้ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.05 บาทต่อหุ้น XD 3 ก.ย.นี้ !!

18894


วันนี้ (8 ส.ค.) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมพูดคุยในกิจกรรม “โสดออนซูม” เปิดหน้าจอ รอเจอหน้าจริง ณ Visualize Lab โครงการนาซ่าสตรีท ถนนรามคำแหง กรุงเทพมหานคร ว่า นโยบายส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่ เป็นหนึ่งในนโยบายพัฒนาคุณภาพประชากร ที่มีแนวคิดมาจากความเข้าใจในวิถีชีวิตคนโสดที่มุ่งให้ความสำคัญกับการทำงาน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต โอกาสในการพบเจอกับเพื่อนต่างสาขาอาชีพมีน้อย ได้เจอเพื่อนกลุ่มเดิมๆ ใช้ชีวิตกับโทรศัพท์ และโซเชียล มีเดีย การพบปะกันในช่องทางออนไลน์ก็มีความเสี่ยงมาก ทำให้มีคนโสดแบบไม่ได้ตั้งใจจำนวนมาก สอดคล้องกับผลการศึกษาจากโครงการเจริญพันธุ์และสุขภาวะ พบว่า คนไทยต้องการมีคู่รักหรือคู่สมรส ร้อยละ 63.3 แต่ในความเป็นจริงคนไทยมีคู่เพียงร้อยละ 53.9 โดยสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ไม่มีคู่รักคือ ไม่เจอคนที่ใช่
“โจทย์สำคัญที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกันคือ ทำอย่างไรให้คนไทย “มีสมดุลในชีวิต เพื่อสร้างครอบครัวให้มีคุณภาพ” เพราะการสร้างสมดุลให้กับชีวิต ไม่ใช่แค่เรื่องงาน เงิน หรือ สุขภาพ เท่านั้น การมีเพื่อนที่ดี หรือ มีคนพิเศษเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้มีพลังใจในการสู้กับปัญหาและอุปสรรคได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่พวกเรา ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การให้กำลังใจกันและกันเป็นสิ่งสำคัญมาก การจัดกิจกรรมครั้งนี้จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นของการผลักดันนโยบายส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่ในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งขอเน้นย้ำว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่หาคู่ แต่เราทำหน้าที่เปิดโอกาสให้คนโสดได้มีโอกาสพบเจอกันในช่องทางที่เหมาะสม เน้นการสร้างเครือข่าย การพัฒนาศักยภาพ และการให้ความรู้เพื่อให้คนโสดเลือกคู่ที่ “พอดี” กับตัวเอง ลดการหย่าร้างที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เพื่อให้ครอบครัวที่จะเกิดขึ้นมีความแข็งแรง ตั้งแต่เริ่มสร้างครอบครัว” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว  

ทางด้าน นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัย ได้ขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่อย่างมีคุณภาพ ควบคู่ไปกับนโยบายพัฒนาคุณภาพประชากรในด้านอื่นๆ อาทิ การส่งเสริมให้คู่รักที่ต้องการมีบุตร มีการวางแผน มีการเตรียมความพร้อมก่อนมีบุตร การช่วยเหลือให้คู่รักที่ประสบปัญหามีบุตรยาก เข้าถึงการรักษาภาวะมีบุตรยาก การดูแลสุขภาพของแม่และเด็ก ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ถึงหลังคลอด เพื่อให้ลูกเกิดรอด แม่ปลอดภัย การส่งเสริมให้เด็กได้รับการเลี้ยงดูที่ดีเพื่อให้มีพัฒนาการที่สมวัย มีสติปัญญาดี ซึ่งการเลือกคู่ที่ดี เป็นจุดเริ่มต้นของการ สร้างครอบครัวคุณภาพ และไม่ได้ดำเนินการแบบมาตรการเดี่ยว ๆ แต่ดำเนินการไปพร้อมกับการพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่จำเป็น การสร้างความรอบรู้ด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ กิจกรรม“โสดออนซูม” ในรูปแบบออนไลน์ผ่านทางเพจวิวาห์สร้างชาติครั้งนี้ เป็นการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จัดขึ้นเพื่อสร้างเครือข่ายคนโสดรุ่นใหม่ ที่สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทำงานที่แตกต่างกัน เป็นกำลังใจให้กัน และร่วมสร้างสิ่งที่ดีให้กับสังคม ซึ่งอาจจะพัฒนาไปเป็นคู่รัก หรือคู่สมรสได้ในอนาคต ซึ่งกิจกรรมนี้ยังไม่สิ้นสุด เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจะมีการจัดกิจกรรมที่พบเจอกัน เพื่อพัฒนาศักยภาพและให้ความรู้สำหรับคนที่ตกลงคบหากันต่อไป

ทางด้าน นายแพทย์โอฬาริก มุสิกวงศ์ กรรมการแพทยสภา กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ภาครัฐได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้ชีวิตคู่อย่างเป็นรูปธรรม เพราะที่ผ่านมาการดำเนินงานในเรื่องของการ Matching จะดำเนินการผ่านบริษัทจัดหาคู่ที่เป็นภาคเอกชน การออกแบบกิจกรรมมีความน่าสนใจ ตั้งแต่กระบวนการรับสมัครที่ให้สิทธิการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเท่าเทียมมีรูปแบบที่ไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องการหาคู่เป็นหลัก แต่มุ่งเน้นในการสร้างเครือข่ายคนโสด ซึ่งสามารถต่อยอดได้ในอนาคต การที่ภาครัฐเข้ามาส่งเสริมอย่างจริงจังนอกจากจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการเข้าร่วมกิจกรรม ยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้สังคมตื่นตัว และมีทัศนคติที่ดีต่อการมีคู่ และผมคิดว่าความตั้งใจที่ดี กระบวนการที่ดี จะเป็นประโยชน์ และส่งผลทางบวก สิ่งที่ทุกคนจะได้คือ “เพื่อน” ส่วนเรื่อง “คู่” เป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาส เพราะไม่ว่าอย่างไร ชีวิตต้องก้าวเดินต่อไป

18895
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: สิงหาคม 08, 2021, 02:57:24 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

18896
ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากโควิด19  ให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถาณการ์โควิท สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป


 ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากสถานการณ์โควิดได้ที่  www.jitasa.care

 ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด เว็บ JITASA.CARE จิตอาสาดูแลไทย (สำหรับอาสาสมัคร)  ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากโควิด19

เว็บ ร่วมกันช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือนร้อนจากโควิด19  ให้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสถาณการ์โควิท สำหรับผู้ป่วยโควิท และ ประชาชนทั่วไป
.
สายด่วนสถานการณ์โควิด-19, ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด (กรุงเทพมหานคร),แนวทางปฏิบัติในการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation),
แนวทางการจัดการศพผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19

และ ข้อมูลติดต่อฉุกเนิน ต่างๆเช่น

-สายด่วนกรมการแพทย์ ช่วยเหลือผู้ป่วยในการหาเตียง โทร 1668
-สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉินทันที /โทร 1669
-สายด่วน สปสช. ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อที่ยังไม่ได้รับการดูแลรักษาในโรงพยาบาล โทร 1330
-ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน โทร 1111
-สบายดีบอต หาเตียง Line Official: https://bit.ly/Covid-SaBaiDee
-กรุงเทพมหานคร Line ID: @bkkcovid19connect หรือ https://bit.ly/Covid-BKK
-เราต้องรอด Facebook: www.facebook.com/savethailandsafe Line ID: @iwillsurvive หรือ https://bit.ly/ Covid-iwillsurvive
-โควิดติดล้อถึงเตียง Facebook: www.facebook.com/CC.Kontumngan


และข้อมูลอื่นๆ คลิก JITASA.CARE 

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://prakasfree.website/ข้อมูลการติดต่อหน่วยงา/



คำค้น
#ช่วยเหลือโควิท, #ร่วมกันช่วยเหลือคนเดือดร้อนจากโควิท19, สายด่วน สถานการณ์โควิด-19, ข้อมูลการติดต่อหน่วยงานสถานการณ์โควิด,
แนวทางปฏิบัติในการแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation), แนวทางการจัดการศพผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19
 

18897


วานนี้ (6 ส.ค.) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวสวิสอย่างมาก ล่าสุดได้ทำจดหมายแสดงความเสียใจไปถึงสถานทูตสวิตเซอร์แลนด์แล้ว ยอมรับว่ากรณีนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ไม่ควรเกิดขึ้นในปัจจุบันที่ประเทศไทยเปิดโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” เปิดเมืองภูเก็ตนำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วมาเที่ยวแบบไม่กักตัวในช่วงที่โรคโควิด-19 ยังมีการระบาดทั่วโลก ซึ่งกำลังถูกจับตาจากหลายๆ ประเทศในโลกนี้ว่าจะเดินไปได้ขนาดไหน หากสำเร็จ หลายประเทศก็จะเดินตามทำแซนด์บ็อกซ์แบบประเทศไทย หากไม่สำเร็จก็จะนำจุดอ่อนไปแก้ไข

“เรื่องนี้ถือว่าเราผิดพลาดและไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น”

ในฐานะที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ก็ต้องแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมทั้งเยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งมีกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติที่จ่ายเยียวยาให้ได้ภายใต้หลักเกณฑ์สูงสุด 1 ล้านบาท พร้อมดูแลการส่งร่างของผู้เสียชีวิตกลับประเทศ และดูแลญาติผู้เสียชีวิตที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย

ทั้งนี้ได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรับทราบเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยทางนายกฯกำชับให้ดูแลเรื่องนี้ และสั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาติดตามเรื่องที่ภูเก็ตด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันกระทรวงการท่องเที่ยวฯจะประสานเพื่อขอความร่วมมือกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ฝ่ายความมั่นคงทั้งตำรวจ ทหาร ให้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายร่วมมือกันดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซ้อนอีก

พร้อมขยายผลไปยังพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวอื่นๆ ทั้งโครงการ “สมุย พลัส โมเดล” ซึ่งเปิดโครงการไปแล้วเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงโครงการ “กระบี่ อีเวน มอร์ อะเมซิ่ง” เปิดพื้นที่นำร่อง 3 เกาะใน จ.กระบี่ ได้แก่ เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล และโครงการ “พังงา พร้อมต์” นำร่องด้วยเขาหลัก เกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ จ.พังงา ที่สองโครงการหลังเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยววันที่ 15 ส.ค.นี้ ใช้สูตร 7+7 คือเปิดให้เที่ยวเชื่อมโยงจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์สู่พื้นที่นำร่องในสุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา คาดเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวเดินทางเชื่อมโยงจริงตั้งแต่ 22 ก.ค.นี้เป็นต้นไป

“ผมจะโทรศัพท์ประสานไปยังผู้ว่าราชการทั้ง 3 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ และพังงา ให้ช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวด้วย เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญของประเทศไทย รวมทั้งจะหารือกับนายกฯเพื่อยกระดับความปลอดภัยให้สูงขึ้น เพราะหากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไม่สะดุดกลางคัน คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะเข้ามาในช่วงไฮซีซั่นไตรมาส 4 ปีนี้และไตรมาส 1 ปี 2565 เพิ่มมากขึ้น สร้างรายได้ท่องเที่ยวแก่จังหวัดภูเก็ตมากกว่าเดือน ก.ค.ที่นักท่องเที่ยวนำเงินมาใช้จ่าย 829 ล้านบาท สร้างเงินหมุนเวียนราว 2,000 ล้านบาท” รมว.การท่องเที่ยวฯกล่าว

18898


มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด COVID-19 ของรัฐบาลตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ต และสื่อออนไลน์เพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนย้ายมาอยู่บนหน้าจอในโลกออนไลน์เกือบ 100%

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากพฤติกรรมดังกล่าวก็คือ ร่องรอย หรือ "รอยเท้าดิจิทัล (Digital footprint)" ซึ่งเป็นข้อมูลที่เกิดจากการใช้งานบนอินเตอร์เน็ตไม่ว่าจะตั้งใจ หรือไม่ก็ตาม ทำให้มีกลุ่มมิจฉาชีพที่ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้นำมาสร้างกลลวงโดยฉวยโอกาสจากสถานการณ์ปัจจุบัน


นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ AIS อธิบายว่า ช่วงที่ผ่านมา AIS พบว่ามีปริมาณการใช้อินเตอร์เน็ตในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับการร้องเรียนเกี่ยวกับการโดนหลอกลวง และภัยไซเบอร์ต่างๆ จากผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็น ฟิชชิ่ง โดยปลอมลิงค์จากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้คนสนใจเข้าไปกรอกข้อมูล หรือแม้แต่ SMS ลวง ที่อาศัยเหตุการณ์ปัจจุบันเช่น ไฟไหม้, โรคระบาด, เงินเยียวยา, วัคซีน มาเป็นตัวล่อ ทำให้คนที่ไม่ทันต่อเล่ห์เหลี่ยมของมิจฉาชีพเกิดความเสียหายจากการใช้งานขึ้นอย่างมากมาย

จากข้อมูลดังกล่าวทำให้ AIS ให้ความสำคัญกับพฤติกรรมการใช้งานมากยิ่งขึ้น โดยจากการทำงานของ AIS อุ่นใจ Cyber พบข้อมูลสำคัญว่า ทุกๆ การใช้งานบนออนไลน์ ทำให้เกิด รอยเท้าดิจิทัล หรือ Digital footprint ทิ้งไว้ในทุกที่ซึ่งแน่นอนว่านี่คือสารตั้งต้นที่ทำให้ผู้ใช้งานฝากข้อมูลสำคัญต่างๆ ไว้โดยไม่รู้ตัว มีผลทำให้กลุ่มมิจฉาชีพใช้ประโยชน์ตรงนี้มาสร้างรูปแบบการหลอกลวงจนสร้างความเสียหายได้"

AIS อุ่นใจCyber มีความห่วงใยลูกค้าและคนไทยในการใช้งานอินเตอร์เน็ตและออนไลน์ทุกรูปแบบ จึงขอย้ำเตือนถึงช่องว่างที่อาจเกิดขึ้นจากการเหยียบย่ำบนออนไลน์จนสร้างเป็นรอยเท้าข้อมูลในทุกที่อาจทำให้มิจฉาชีพ หรือผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลของเราไปใช้งานในทางที่ผิดทั้งไม่ว่าจะต่อตัวเองหรือผู้ใช้งานอื่นก็ตาม


ฉะนั้นเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตทุกรูปแบบต้องมีสติ ไม่โพสรูปหรือข้อความที่สุ่มเสี่ยงต่อการบอกที่ตั้ง รวมถึงข้อมูลสำคัญต่างๆ และบอกตัวเองเสมอว่าทุกกิจกรรมที่เราทำมีรอยเท้าฝากไว้เสมอ เพื่อการใช้งานที่อุ่นใจไร้ภัยไซเบอร์

"เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า Digital footprint ทำให้แบรนด์รู้จักและเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่ยังมีอีกมุมที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะ Digital footprint หรือ รอยเท้าดิจิทัล อาจเป็นจุดเริ่มต้นของภัยไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในสารพัดรูปแบบได้ ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญอย่างมากในการใช้งานทุกขั้นตอนเพื่อลดช่องโหว่ในการใช้ประโยชน์จากการใช้งานของมิจฉาชีพ"

18899
มาฟัง ดร.สมโชค เดชะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ออสซี่ออยล์ จำกัด ทางรายการ กรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อเรื่อง ออสซี่ออยล์แตกไลน์ ‘น้ำมันแกลลอน’ สู้ศึกโควิด
โอกาสมาถึงแล้ว..คุณพร้อมแล้วหรือยังที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจลงทุนวันนี้ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่าในวันข้างหน้าหากสนใจทักแชทได้เลยนะคะ
Aussie oil ผู้เชียวชาญด้านธุรกิจพลังงานที่เราอยากแนะนำให้กับคุณ ...
ปรึกษาหรือสอบถามฟรี
สอบถามรายละเอียดได้ที่ :
Tel : 02-1114-7334  line: @aussieoil
(สามารถติดต่อได้ 9.00 - 17.00 น.)

https://youtu.be/cZRFXCcpzo0

หน้า: 1 ... 1048 1049 [1050] 1051 1052 ... 1059