แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Chanapot

หน้า: 1 ... 1054 1055 [1056] 1057 1058 ... 1077
18991
 App “มีตังค์” ทำจริงจัง ก็ได้เงินจริงนะ ไม่จกตา สร้างรายได้หลักแสน หลักล้าน อย่างง่าย ๆ
 App “มีตังค์” คือ ธุรกิจที่ใช่ ในยุค COVID ครองเมือง
 ระบบ Content Builder System
ที่ทำทุกอย่างผ่าน Social บนมือถือเพียงเครื่องเดียว ง่าย ๆ เพียงแค่แชร์
เปลี่ยนใจสมัครกับเราตอนนี้ยังทัน


 ธุรกิจ New Platform(แฟลตฟอร์มใหม่)
ที่ลงทุนด้วยเงิน 2,699 ครั้งเดียวผ่าน App เก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต
รับเฉพาะคนที่จริงจังพร้อมทำเท่านั้น


สอบถามเพิ่มเติม
ไลน์ไอดี teerapat999
โทร 0846623662

ลงทะเบียนฟรีเพื่อเข้าศึกษาเรียนรู้ในกลุ่มปิดเปิดเผยชัดเจน
https://www.metang-solution.com/member/register.php...

รายละเอียดเพิ่มเติม https://web.facebook.com/richbyteerapat


18992
ใคร ๆ ก็ไม่รัก ไปไหนมีแต่คนไม่ชอบหน้า ขาดเสน่ห์ ไม่มั่นใจ

น้ำมันว่านดอกทองใส่ตะกรุดนะอกแตก แค่ท่องคาถา
เจิมที่หน้าผากตัวเรา บังเกิดออร่าน่าจับตามอง
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา
น้ำมันว่านดอกทองใส่ตะกรุดนะอกแตกให้ทุกขวด ขวดละ 399 บาท
ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ
ตะกรุดนะอกแตก เป็นมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม มหาละลวย แก่มนุษย์ทั้งหญิงชายทั้งหลาย
คาถากำกับ
โอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ
อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ
นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ
(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)
ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่
โทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://[^_^]taywa99.lnwshop.com/p/34

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/.../-i1867850932-s5770096982...

shopee https://shopee.co.th/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1...

18996


ท่ามกลางวิกฤติการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 หลายธุรกิจต้องปรับตัวอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง งานสาธารณสุขและการแพทย์ถือเป็นหัวใจหลักในการต่อสู้กับภัยพิบัติระดับโลกครั้งนี้ สำหรับ “วอชเทค” หนึ่งในผู้ให้บริการโรงซักผ้าปลอดเชื้อสำหรับโรงพยาบาล ONE WAY FLOW ได้ยกระดับมาตรฐานการให้บริการ โดยมีการใช้ระบบแรงดันอากาศเป็นลบ (Negative Pressure) ในโซนซักผ้าแห่งเดียวในประเทศไทย เพื่อช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19

นายวันชัย วงศ์แสงอนันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รีซัลท์ พลัส จำกัด เจ้าของแบรนด์ “วอชเทค (ประเทศไทย) โรงซักผ้าปลอดเชื้อสำหรับโรงพยาบาล” กล่าวถึงความสำคัญของโรงซักผ้าปลอดเชื้อสำหรับโรงพยาบาลว่า “สถานการณ์ในตอนนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากในโรงพยาบาลทั่วประเทศ ดังนั้น หนึ่งในมาตรการสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงการแพร่เชื้อภายในโรงพยาบาลคือ ความสะอาดของผ้าที่ใช้ในโรงพยาบาล เพื่อป้องกันชีวิตหมอ พยาบาลและผู้ป่วยทุกชีวิตในโรงพยาบาล เนื่องจากการใช้งานผ้าในโรงพยาบาลเป็นการหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ และมีการสัมผัสใกล้ชิดกับทั้งผู้ป่วย หมอ พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์เกือบทุกส่วน ดังนั้น ผ้าทุกชิ้นต้องผ่านการซักแบบปลอดเชื้อให้ได้มาตรฐาน



“ผ้าปลอดเชื้อสำหรับโรงพยาบาลเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเราไม่มีวันรู้ว่า จะมีผ้าผืนไหนติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่ตั้งใจเข้าสู่โรงซักเมื่อไหร่ จึงจำเป็นต้องมีระบบจัดการผ้าติดเชื้อที่เข้มงวด ดังนั้น ภารกิจหลักของวอชเทค โรงซักผ้าปลอดเชื้อสำหรับโรงพยาบาลคือ การช่วยสนับสนุนด้านความสะอาดของผ้าทุกชิ้น ทุกประเภท ตั้งแต่ผ้าผ่าตัด เสื้อผู้ป่วย ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม ปลอกหมอน ผ้าปูเตียง รวมถึงชุดที่แพทย์พยาบาลใส่ในระหว่างการดูแลรักษาผู้ป่วย เพื่อให้โรงพยาบาลไม่ต้องกังวลกับการซักผ้า และสามารถทุ่มเทไปกับการดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น” นายวันชัย กล่าว

“เพราะประเทศไทยยังไม่มีโรงซักผ้าปลอดเชื้อสำหรับโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ดังนั้น ตั้งแต่เริ่มธุรกิจในปี 2560 ด้วยเงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท บนพื้นที่ 4 ไร่ เราจึงออกแบบโรงซักผ้าปลอดเชื้อของเราให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ระบาดของโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น SARS , MERS และ Ebola เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม”

“เราลงทุนกับระบบเครื่องจักรและกระบวนการทำงานแบบ ONE WAY FLOW โดยใช้ระบบแรงดันอากาศเป็นลบ (Negative Pressure) ในโซนซักผ้าเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย สอดคล้องกับมาตรฐานของ Healthcare Accreditation (HA) และ Joint Commission International (JCI) เราจึงเป็นโรงซักผ้าปลอดเชื้อสำหรับโรงพยาบาลโดยเฉพาะแห่งแรกที่ได้ใช้ระบบการควบคุมคุณภาพอากาศภายในโรงงานด้วยการสร้างแรงดันอากาศ ระบบปรับอากาศ ตามมาตรฐานของ The Healthcare Laundry Accreditation Council (HLAC)“

“เรายังเป็นเจ้าของ “อนุสิทธิบัตร โรงงานทำความสะอาดผ้าแบบแยกห้อง” ด้วยการกั้นพื้นที่โซนซักผ้า (Dirty Zone) และโซนรีดผ้า (Clean Zone) ออกจากกัน ทำให้อากาศทั้ง 2 โซนไม่ปะปนกัน นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมการดักจับฝุ่นผ้าด้วยระบบน้ำ และการบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยออกสู่ภายนอก ตามมาตรฐานกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อสร้างมาตรฐานสูงสุดในการยกระดับการให้บริการทางการแพทย์ของไทย”นายวันชัย กล่าวย้ำ



ทั้งนี้ ที่ผ่านมา “วอชเทค” ให้บริการซักผ้าปลอดเชื้อให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลสมิติเวชธนบุรี โรงพยาบาลธนบุรี 1 โรงพยาบาลธนบุรี 2 โรงพยาบาลเมดพาร์ค โรงพยาบาลสินแพทย์ โรงพยาบาลนครธน โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล โรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เป็นต้น โดยในปี2562 มีรายได้ 52 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้ 64 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 25% ในปีที่ผ่านมา และเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 มีความรุนแรงมากขึ้น ความต้องการบริการซักผ้าปลอดเชื้อจึงมีความสำคัญและได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้น จึงคาดว่าในปี 2565 จะขยายบริการไปในภูมิภาคต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการของโรงพยาบาลในท้องถิ่น

18997


นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากประกาศใช้ข้อกำหนดออกตามความในมาตรการ 9 แห่งพรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 30) ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2564 และประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 39) ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2564 มีคำสั่งให้ขยายเวลาล็อคดาวน์แคมป์ จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 สำหรับแคมป์คนงานที่เคยมีคำสั่งปิดและยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ตามมาตรฐานทางสาธารณสุข พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงแรงงาน มีความห่วงใยผู้ได้รับผลกระทบทุกฝ่าย จึงมีนโยบายให้กระทรวงแรงงานติดตามช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนด้านอาหารแก่แรงงานต่างด้าวที่ทำงานในกิจการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง


“จากผลการดำเนินงานโครงการให้ความช่วยเหลือคนต่างด้าว ด้านอาหาร (ระยะที่1) นอกจากบรรเทาความเดือดร้อนให้คนต่างด้าวในแคมป์ก่อสร้างแล้ว ยังสามารถช่วยกลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอย ผู้ประกอบการร้านอาหาร ร้านค้ารายย่อยที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จึงมอบหมายกรมการจัดหางาน จัดทำโครงการให้ความช่วยเหลือฯ ระยะที่ 2 ต่อไป เป็นเวลา 11 วัน จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เป้าหมาย 440,000 กล่อง โดยสนับสนุนอาหารวันละ 2 มื้อ แจกจ่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ได้แก่ ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรปราการ” รมว.แรงงาน กล่าว

18998
 App “มีตังค์” ทำจริงจัง ก็ได้เงินจริงนะ ไม่จกตา สร้างรายได้หลักแสน หลักล้าน อย่างง่าย ๆ
 App “มีตังค์” คือ ธุรกิจที่ใช่ ในยุค COVID ครองเมือง
 ระบบ Content Builder System
ที่ทำทุกอย่างผ่าน Social บนมือถือเพียงเครื่องเดียว ง่าย ๆ เพียงแค่แชร์
เปลี่ยนใจสมัครกับเราตอนนี้ยังทัน


 ธุรกิจ New Platform(แฟลตฟอร์มใหม่)
ที่ลงทุนด้วยเงิน 2,699 ครั้งเดียวผ่าน App เก็บเกี่ยวได้ตลอดชีวิต
รับเฉพาะคนที่จริงจังพร้อมทำเท่านั้น


สอบถามเพิ่มเติม
ไลน์ไอดี teerapat999
โทร 0846623662

ลงทะเบียนฟรีเพื่อเข้าศึกษาเรียนรู้ในกลุ่มปิดเปิดเผยชัดเจน
https://www.metang-solution.com/member/register.php...

รายละเอียดเพิ่มเติม https://web.facebook.com/richbyteerapat


18999


รายงานข่าวจากโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ประกาศเปิด “เซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบ” ในเดือนตุลาคมปี 2564 พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกสู่รีสอร์ทหรูริมทะเลยอดนิยมแห่งใหม่บนเกาะเดียราของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

เซ็นทารา มิราจ บีช รีสอร์ท ดูไบ เป็นการร่วมทุนระหว่างโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา และนาคีล บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ชั้นนำในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งนับเป็นโรงแรมแห่งแรกของเซ็นทาราในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และโรงแรมแบรนด์เซ็นทารา มิราจ แห่งที่สามของโลก ต่อจากแห่งแรกในไทย และแห่งที่สองในเวียดนาม

รีสอร์ทหรูริมทะเลแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบภายใต้ธีมการผจญภัยที่ผสมผสานตำนานเรื่องเล่าเหนือจินตนาการระหว่างวัฒนธรรมไทยและอาหรับเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าตื่นเต้น โดยรีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะเดียรา มีห้องพักให้บริการกว่า 607 ห้อง พร้อมมอบความหรรษาสำหรับครอบครัวด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิงสำหรับครอบครัวอย่างเต็มรูปแบบ อาทิ สวนน้ำที่มาพร้อมสระน้ำวนเลซี่ริเวอร์ สระว่ายน้ำริมหาด เลาจน์สำหรับครอบครัว คิดส์คลับ 3 แห่ง สนามเด็กเล่นกลางแจ้ง และสปาเด็ก ซึ่งได้รับการตกแต่งในธีมลูกกวาดสีสันสดใสที่ออกแบบมาเพื่อดูแลคุณหนูๆ โดยเฉพาะ

โรงแรมแบรนด์เซ็นทารา มิราจ เป็นแบรนด์ธีมรีสอร์ทสำหรับครอบครัวที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในไทย โดยโรงแรมแบรนด์นี้แห่งแรก คือ เซ็นทาราแกรนด์มิราจบีชรีสอร์ท พัทยา ซึ่งเปิดให้บริการในปี 2552 และได้กลายเป็นโรงแรมสำหรับครอบครัวอันดับหนึ่งในไทยตั้งแต่นั้นมา

19001
สนใจติดต่อคุณเป้ง 087-347-6299
https://gladnessaccounting.co.th

สำนักงานบัญชีนนทบุรี  สำนักงานบัญชีบางกรวย  สำนักงานบัญชีบางใหญ่  สำนักงานบัญชีบางบัวทอง  สำนักงานบัญชีไทรน้อย  สำนักงานบัญชีปากเกร็ด  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีพิมลราช  สำนักงานบัญชีบางคูรัด  สำนักงานบัญชีบางรักพัฒนา  สำนักงานบัญชีบางแม่นาง  สำนักงานบัญชีบางกร่าง  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีตลาดขวัญ  สำนักงานบัญชีบางตะไนย์  สำนักงานบัญชีบางพลับ  สำนักงานบัญชีบางรักน้อย  สำนักงานบัญชีมหาสวัสดิ์  สำนักงานบัญชีศาลากลางนนทบุรี  สำนักงานบัญชีอ้อมเกร็ด  สำนักงานบัญชีแจ้งวัฒนะ  สำนักงานบัญชีถนนกาญจนาภิเษกนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนจงถนอม-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีถนนชัยพฤกษ์  สำนักงานบัญชีถนนติวานนท์  สำนักงานบัญชีถนนทวีวัฒนา  สำนักงานบัญชีถนนเทศบาลจังหวัดนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนเทิดพระเกียรติ  สำนักงานบัญชีท่าอิฐ  สำนักงานบัญชีถนนนครอินทร์  สำนักงานบัญชีบางม่วง  สำนักงานบัญชีบางกรวย-จงถนอม  สำนักงานบัญชีถนนบางไกรใน  สำนักงานบัญชีบางกรวย-ไทรน้อย  สำนักงานบัญชีบางคูเวียง  สำนักงานบัญชีบางศรีเมือง  สำนักงานบัญชีถนนวัดโบสถ์ดอนพรหม  สำนักงานบัญชีไทรม้า  สำนักงานบัญชีถนนพิบูลสงคราม  สำนักงานบัญชีถนนราชพฤกษ์  สำนักงานบัญชีตลิ่งชัน  สำนักงานบัญชีถนนเรวดี  สำนักงานบัญชีถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี  สำนักงานบัญชีถนนศรีสมาน  รับทำบัญชี

19002
ใคร ๆ ก็ไม่รัก ไปไหนมีแต่คนไม่ชอบหน้า ขาดเสน่ห์ ไม่มั่นใจ

น้ำมันว่านดอกทองใส่ตะกรุดนะอกแตก แค่ท่องคาถา
เจิมที่หน้าผากตัวเรา บังเกิดออร่าน่าจับตามอง
สายพุทธคุณ คุณพระ คุณว่าน ไม่เข้าตัว ไม่มีข้อห้าม ใช้ด้วยศรัทธา
น้ำมันว่านดอกทองใส่ตะกรุดนะอกแตกให้ทุกขวด ขวดละ 399 บาท
ตามตำราโบราณระบุว่าว่านดอกทองมีอำนาจทางเพศรุนแรง คนสมัยก่อนจึงนิยมเก็บดอกของว่านดอกทองไว้หุงกับน้ำมันจันทน์ ใช้น้ำมันว่านทาที่ตัว หรือใช้สีผึ้งทาปาก เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้คนต่างๆ หรือหนุ่มสาว พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักจะมีอาการใจอ่อนเคลิบเคลิ้มคล้อยตามได้ง่าย ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้ สะกดจิตสะกดใจต่อผู้เจรจาด้วยยิ่งนัก ใครเห็นใครรักใครหลง ว่านดอกทองหรือว่านราคะ เป็นเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละลวย ลุ่มหลงงวยงง ทำให้คนรักคนหลง ทั้งยังช่วยให้มีโชคลาภ
ตะกรุดนะอกแตก เป็นมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม มหาละลวย แก่มนุษย์ทั้งหญิงชายทั้งหลาย
คาถากำกับ
โอมละลวยมหาละลวย หลงกันจนงงงวย จะภะกะสะภะคินี อาคัจฉายะ
อาคัจฉาหิ นะโมพุทธายะ
นะมะพะทะ นะมะพะทะ นะมะพะทะ
(ท่องเก้าจบ แล้วอธิษฐาน)
ใช้เจิมตามซอกคอ ตามตัว ทาที่คิ้ว เจิมที่หน้าผาก พกติดตัว
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สั่งซื้อบูชา ทักแชทได้เลยหรือติดต่อได้ที่
โทร. 0846623662
id line : teerapat999

เวปไซด์ http://[^_^]taywa99.lnwshop.com/p/34

ลาซาด้า
https://www.lazada.co.th/.../-i1867850932-s5770096982...

shopee https://shopee.co.th/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1...

19003


เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ และประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า ขณะนี้ใกล้ถึงกำหนดที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอกำหนดอัตราภาษีบุหรี่ใหม่ต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อประกาศบังคับใช้ในเดือนตุลาคมนี้ แทนระบบภาษีที่ใช้มาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 ซึ่งระบบภาษีที่ใช้อยู่ในขณะนี้คือ เป็นระบบ 2 อัตรา คือ บุหรี่ที่มีราคาขายปลีกต่ำกว่าซองละ 60 บาท เก็บภาษีร้อยละ 20 และบุหรี่ที่มีราคาขายปลีกสูงกว่า 60 บาท เก็บภาษีร้อยละ 40 โดยระบบภาษีปัจจุบันมีจุดอ่อนที่เปิดโอกาสให้บริษัทบุหรี่ลดราคาขายปลีกลงมาเท่ากับหรือต่ำกว่าซองละ 60 บาท เพื่อเสียภาษีน้องลง ทำให้ราคาขายปลีกเฉลี่ยลดลง รัฐบาลเก็บภาษีได้ลดลง ทำให้จากการประเมินผลของของศูนย์ภาษียาสูบ มหาวิทยาลัยชิคาโก ให้คะแนนมาตรการภาษีบุหรี่ของไทยอยู่ที่ 1.75 จาก 5 คะแนนเต็ม ถือว่าไทยสอบตก

ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า ขณะที่การจัดเก็บภาษียาเส้นเก็บในอัตราที่ต่ำมาก ทำให้ราคาขายปลีกบุหรี่ยาเส้นต่อซองต่ำกว่าบุหรี่ซิกาแรต 6-7 เท่า คือราคายาเส้นซองละ 10-12 บาท เทียบกับบุหรี่ซิกาแรตราคาถูกที่สุดซองละ 60 บาท ดังนั้น ระบบภาษียาสูบที่ไทยใช้อยู่ จึงไม่เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมายควบคุมยาสูบโลก ที่แนะนำให้ใช้ภาษีอัตราเดียว และยาสูบต่างชนิดกันต้องมีระดับภาษีที่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้ราคาขายไม่แตกต่างกันมาก เพราะคนสูบบุหรี่จะหันไปสูบยาเส้นราคาถูก แทนที่จะเลิกสูบ ซึ่งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของภาษียาสูบ ที่สร้างเงื่อนไขที่จะทำให้คนเลิกสูบหรือสูบน้อยลง และป้องกันไม่ให้เด็กเข้ามาเสพติดบุหรี่ ราคายาเส้นที่ถูกมาก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กและเยาวชนเข้ามาติดบุหรี่



“ระบบภาษียาสูบของกระทรวงการคลังในปัจจุบัน ทำให้เก็บภาษีได้ไม่มากเท่าที่ควรจะเก็บได้ และการสูบบุหรี่ก็ไม่ได้ลดลง ขณะที่รัฐบาลก็ต้องรับภาระค่ารักษาพยาบาลคนไทยที่ป่วยจากการสูบบุหรี่ยาเส้น ไม่แตกต่างกันกับคนที่ป่วยจากบุหรี่ซิกาแรต โดยปัจจุบันมีคนสูบบุหรี่ราว 10 ล้านคน ในจำนวนนี้เกือบ 5 ล้านคนสูบบุหรี่ยาเส้น จึงหวังว่า การปรับโครงสร้างภาษีของไทยครั้งใหม่นี้ จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ทำให้ได้นโยบาย วินวิน คือ จะช่วยชีวิตคนไทยนับหมื่นนับแสนคนจากการที่เลิกสูบบุหรี่ได้ และป้องกันเด็กนับแสนคนจากการเสพติดบุหรี่ (วิน) นอกเหนือจากการที่กระทรวงการคลังจะเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น (วิน) เป็นรายได้ให้กับรัฐบาล” ศ.นพ.ประกิต กล่าว

ศ.นพ.ประกิต กล่าวต่อว่า มีหลักฐานจากประเทศต่างๆ ตรงกันว่า การที่จะทำให้ประชากรสูบบุหรี่ลดลงคือการขึ้นภาษีเป็นมาตรการสำคัญที่สุด ภาษีมีส่วนทำให้การสูบบุหรี่ลดลงประมาณ 50% และอีก 50% เป็นผลจากการดำเนินมาตรการอื่นๆ ทั้งหมดรวมกัน เช่น ห้ามโฆษณา ห้ามสูบในที่สาธารณะ การรณรงค์ การรักษาให้เลิกสูบบุหรี่ ฯลฯ โดยในอิสราเอล สมาคมมะเร็งและองค์กรควบคุมยาสูบได้ฟ้องศาล ขอให้ศาลสั่งการให้กระทรวงการคลังขึ้นภาษียาเส้น ให้ใกล้เคียงกับภาษีบุหรี่ซิกาแรต และศาลสูงตัดสินให้กระทรวงการคลังต้องดำเนินการตามฟ้อง ทั้งที่อิสราเอลเก็บภาษีซิกาแรตสูงกว่าภาษียาเส้นต่างกัน 3 เท่า เทียบกับไทยที่ต่างกันถึง 6-8 เท่า ขณะที่ในอังกฤษเก็บภาษีบุหรี่ซิกาแรตซองละ 8 ปอนด์เศษ และภาษียาเส้น ซองละเกือบ 6 ปอนด์ ระบบภาษีของอังกฤษได้เกือบ 5 คะแนนเต็ม

(ข่าวประชาสัมพันธ์)

19004


วันที่ 21 ส.ค.64 ฉันทานนท์ วรรณเขจร เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เผยว่า จากการประเมินสถานการณ์สินทรัพย์ของเกษตรกร หลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในปี 2564 ส่งผลให้หนี้สินเกษตรกรเพิ่มขึ้นตามหนี้ครัวเรือนประเทศ และตัวแปรอื่นๆ โดยเฉพาะ จากนโยบายของภาครัฐ เช่น พักหนี้ และการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น ขณะที่หนี้สินเกษตรกรปี 2564 มีหนี้สินเฉลี่ยที่ 262,317 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 16.54%

มีรายงานว่า หนี้สินเงินกู้ส่วนใหญ่มีวัตถุประสงค์ของการกู้ ดังนี้ คือ ค่าปัจจัยการผลิต วัสดุอุปกรณ์การเกษตรสัดส่วน 37.55% กลุ่มค่าแรงงาน ค่าซ่อม ซื้อ เครื่องจักรเกษตร ค่าเช่าสัดส่วน 17.05% ส่วนรายได้เฉลี่ยของเกษตรกรปี 2564 มีรายได้ 408,099 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 4.54% แบ่งเป็น รายได้เงินสดในภาคเกษตร 190,065 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 3.07% และรายได้เงินสดนอกการเกษตร ซึ่งรวมเงินช่วยเหลือของภาครัฐแล้วมีรายได้ 218,034 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น5.86%

สำหรับรายได้จากด้านพืชมากที่สุด 140,825 บาทต่อครัวเรือน รองลงมาคือ รายได้จากด้านปศุสัตว์ 44,990 บาทต่อครัวเรือน และรายได้เงินสดเกษตรอื่น ๆอาทิการแปรรูปผลผลิตเกษตรที่ผลิตได้(ผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป)ผลผลิตพลอยได้ 4,790 บาทต่อครัวเรือน

นอกจากนี้ สศก. ประเมินรายได้เงินสดทางการเกษตรมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมีผลผลิตด้านการเกษตรหลายตัว ราคาอาจปรับตัวลดลง โดยสินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ กลุ่มไม้ผล ไม้ยืนต้น ยังเป็น สนค้าที่ราคาสูงขึ้นจากปีก่อน เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำ มัน ทุเรียน ลำไย และ สินค้าที่ราคาลดลงจากปีที่ผ่านมาต้องเฝ้าระวัง เช่น เงาะ มังคุด กลุ่มพืชอื่น ได้แก่ ยาสูบ แนวโน้มเพิ่มขึ้น บางพื้นที่ปลูกเป็นพืชหมุนเวียนหลังนา และ กลุ่มปศุสัตว์มีราคาเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา เช่น สุกร โคเนื้อ ไข่ไก่ เป็นต้น

19005


ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เด็กต้องเรียนออนไลน์อยู่บ้าน กระทบต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง บางครอบครัวที่ต้องทำงานที่บ้าน (Work From Home) ควบคู่กับการเลี้ยงลูก และดูแลคุณภาพการศึกษาของลูกให้เป็นไปตามแผนการสอนของโรงเรียน จนอาจทำให้พ่อแม่ ผู้ปกครองเกิดภาวะเครียด กังวล ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตใจอาจแสดงพฤติกรรมเชิงลบใส่เด็ก และซ้ำเติมความเครียดของเด็กเพราะข้อมูลจากองค์การยูนิเซฟ ร่วมกับสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สำรวจผลกระทบวิกฤตโควิด-19 ต่อเด็กและเยาวชนในประเทศไทย อายุ 15-19 ปี จำนวน 6,771 คน เมื่อเดือนมีนาคม-เมษายน 2564 พบเด็กและเยาวชนมีความเครียด วิตกกังวล ด้านการเรียน ร้อยละ 70 อาจทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพจิตในระยะยาว หากเด็กและเยาวชนไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมจากที่บ้าน

ดร.สุปรีดา กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบดังกล่าวและส่งเสริมสุขภาวะเด็กและครอบครัว สสส. ร่วมกับ สาขาวิชาจิตเวชเด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พัฒนาเว็บไซต์ https://www.netpama.com สร้างหลักสูตรฝึกอบรมผู้ปกครองของเด็กที่มีปัญหาพฤติกรรม (Internet-Base Parent Management Training Program: Net PA-MA เน็ต ป๊า-ม้า) ขึ้นมา เพื่อเป็นเครื่องมือช่วยพ่อแม่ยุคใหม่ให้รู้วิธีเลี้ยงลูกเชิงบวก และทำให้เด็กเห็นคุณค่าในตัวเอง ผ่านองค์ความรู้ที่นำไปใช้ปฏิบัติได้จริง 6 บทเรียน ได้แก่ 1.ปัจจัยพื้นฐานในการปรับพฤติกรรมเด็ก 2.ทักษะพื้นฐานในการสื่อสาร 3.เทคนิคการชม 4.เทคนิคการให้รางวัล 5.เทคนิคการลงโทษ และ 6.เทคนิคการให้คะแนน โดยบทเรียนเหล่านี้จะทำให้พ่อแม่รู้วิธีการเลี้ยงลูกเชิงบวกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนแผนระยะยาว สสส. จะร่วมกับภาคีเครือข่าย ขยายผลนำหลักสูตรนี้ไปเชื่อมกับองค์กรและบริษัทต่างๆ เพื่อส่งต่อองค์ความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกเชิงบวกในโลกยุคใหม่แก่พนักงานในองค์กรและบริษัท เชื่อว่าหลักสูตรออนไลน์ที่ผสมผสานทั้งสาระและความบันเทิงจะช่วยให้ครอบครัวยุคใหม่รับมือกับสถานการณ์ทั้งช่วงโควิด-19 และในภาวะปกติได้เป็นอย่างดี



รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า พ่อ แม่ที่เครียดเพราะลูกต้องเรียนออนไลน์ช่วงโควิด-19 ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ไม่รู้วิธีเลี้ยงลูกในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และบางครอบครัวอาจมีเด็กพิเศษที่มีปัญหาการเรียนรู้ สมาธิสั้น หรือ ภาวะเรียนรู้บกพร่อง เมื่อมาอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเรียนออนไลน์ จึงต้องได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษ เพราะขาด 3 ทักษะ ได้แก่ ทักษะการเลี้ยงลูก ทักษะการสื่อสาร และทักษะการฝึกวินัยเชิงบวกให้กับลูก จึงทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบด้านอารมณ์และพฤติกรรมในเด็ก เช่น ดื้อ เอาแต่ใจ ต่อต้าน ก้าวร้าว และมีปัญหาเรื่องเข้าสังคม จึงเป็นที่มาของการพัฒนาหลักสูตรนี้ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2544 ถึงปัจจุบัน ระยะเวลายาวนานถึง 20 ปี โครงการนี้จึงเป็นการนำความรู้ทางวิชาการและการปฏิบัติจริงมาพัฒนาเป็นหลักสูตรออนไลน์ ให้เหมาะสมสำหรับผู้ปกครองอายุ 25-50 ปี ที่ต้องการศึกษาวิธีเลี้ยงลูกที่ถูกต้องผ่านพฤติกรรมและคำพูดเชิงบวก

“เนื้อหาแต่ละบทเรียน จะสอนเทคนิคต่างๆ เช่น ลูกไม่ทำการบ้าน ไม่มีสมาธิเรียน ทะเลาะกัน และไม่เชื่อฟังพ่อแม่ ต้องใช้วิธีจัดการหรือใช้คำพูดกับเด็กอย่างไรให้เหมาะสม โดยที่ทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง และเด็ก จะไม่บอบช้ำทางจิตใจ สำหรับพ่อแม่ที่สนใจหลักสูตรเลี้ยงลูกออนไลน์มีคอร์ส 2 รูปแบบ ได้แก่ คอร์สเร่งรัด เหมาะกับคนที่มีพื้นฐานจิตวิทยาการเลี้ยงลูก ไม่ค่อยมีเวลา อยากเรียนรู้เทคนิคบางอย่าง และ คอร์สจัดเต็ม เหมาะกับคนที่ต้องการเรียนรู้ตั้งแต่เริ่มต้นในการปรับพฤติกรรมเด็กทั้งการสื่อสาร จับอารมณ์ สะท้อนความรู้สึก เทคนิคการชม ให้รางวัล ลงโทษ ฯลฯ สามารถเข้าไปสมัครได้ที่เว็บไซต์ www.netpama.com ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย” รศ.นพ.ชาญวิทย์ กล่าว



นางสาวณัฐพร พีรพุทธรางกูร ผู้ปกครองที่เข้าร่วมหลักสูตรออนไลน์ที่เข้าร่วมสอนเทคนิคในการปรับพฤติกรรมเชิงบวกเด็กกับ www.netpama.com กล่าวว่า จุดเริ่มต้นที่ตัดสินใจสมัครเข้าร่วมลงทะเบียนเรียน เพราะต้องการมีองค์ความรู้เรื่อง ‘จิตวิทยาเด็ก’ เพื่อนำไปใช้กับลูกในชีวิตประจำวัน จึงเลือกสมัครคอร์สแบบจัดเต็ม 6 บทเรียน โดยเนื้อหาเรียนทำให้ได้รู้วิธีการและเทคนิคเชิงบวกในการดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งหลังจากเรียนนอกจากได้รับประกาศนียบัตรและคะแนนสะสมเพื่อใช้เป็นสิทธิพิเศษในการปรึกษาจิตแพทย์เด็ก วัยรุ่น และนักจิตวิทยาที่มีประสบการณ์ในการดูแลเด็กแล้ว แล้วยังสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้เลี้ยงลูกในระยะยาวได้ ทั้งการสานสัมพันธ์ในครอบครัว การใช้คำพูดและคำชมเชิงบวก รวมถึงวิธีการให้รางวัลและลงโทษที่เหมาะสม และหลังจากนำมาใช้ในการเลี้ยงลูกพบว่า เด็กมีเหตุผล เชื่อฟัง มีความรับผิดชอบมากขึ้น และทำให้ตัวเองในฐานะผู้ปกครองก็ได้มีมุมมองการเลี้ยงลูกแบบใหม่คือ เลิกคาดหวังกับลูก ไม่กดดันในสิ่งที่เด็กไม่ชอบ เพื่อให้เขาเติบโตอย่างมีความสุข ควบคู่กับการมีสุขภาวะที่ดี

19006


หลังจากโรงเรียนล่องแพวิทยา ต.แม่สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เผยแพร่ภาพการเดินทางของคุณครู ที่เดินทางออกแจกใบงานตามหมู่บ้านต่างๆ ทั้งในเขตรอยต่อ 3 จังหวัด คือ ต.แม่สวด อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน - ต.สบโขง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ และ ต.แม่วะหลวง อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ตามรูปแบบการเรียนรู้แบบ On-Hand ภายใต้สถานการณ์โรคระบาด COVID-19

ซึ่งทำให้ผู้คนในโลกออนไลน์ต่างเข้าไปแสดงความคิดเห็นชื่นชมจิตวิญญาณของ “ครูล่องแพ” กันอย่างล้นภาพ เพราะเห็นถึงความยากลำบากในการเดินทางแต่กลับไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อจิตวิญญาณความเป็นครู ที่มีความตั้งใจให้เด็กได้เรียนรู้ ไม่ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคจะเป็นอย่างไร

โดยในภาพ จะพบว่าในห้วงฤดูฝนจากโรงเรียนไปถึงหมู่บ้านของนักเรียน คุณครูต้องอาศัยความชำนาญในการขับขี่รถขึ้นดอยสูง ผ่านลำน้ำ ป่าเขา ลัดเลาะลำห้วย ทั้งผลักทั้งดันรถมอเตอร์ไซด์ที่เต็มไปด้วยโคลน และต้องใช้เวลาในการเดินทางมากถึง 5-6 ชั่วโมง เพื่อส่งใบงานให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนล่องแพวิทยา ทั้งหมด 679 คน ที่กระจายอาศัยอยู่ตามหมู่บ้าน

แต่เพื่อเด็กนักเรียนของ “ครู” ซึ่งเปรียบเสมือนนักรบในสมรภูมิการเรียนรู้ภายใต้สถานการณ์โรคระบาด จึงต้องเลือกใช้วิธีการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบ on ต่างๆ ตามสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา โดยเฉพาะรูปแบบ “on-feet” และ “on – heart” หรือ การจัดการเรียนรู้ด้วยการเดินเท้าเข้าสู่พื้นที่และการขับเคลื่อนการเรียนรู้ด้วยหัวใจของ “ครู” ยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโรงเรียนชายขอบที่นี่เสมอ

หน้า: 1 ... 1054 1055 [1056] 1057 1058 ... 1077