แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Jessicas

หน้า: 1 ... 1054 1055 [1056] 1057 1058 ... 1067
18992


วันที่ 17 สิงหาคม 2564 ภายนหลัง ผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย va.com]ผลรางวัลที่ 1 คือเลข 046750 เลขหน้า 3 ตัว คือ 421 และ 666 เลขท้าย 3 ตัว คือ 160 และ 355 ส่วนเลขท้าย 2 ตัว คือ 23

โดย แม่น้ำหนึ่ง ภิรดา ธนโชติจินดา กูรูเลขเด็ดชื่อดัง ที่ให้แนวทางเลขเด็ดแม่นยำต่อเนื่องมาหลายงวด ซึ่งในงวดนี้ก่อนการออกรางวัล แม่น้ำหนึ่งก็ได้ให้แนวทางไว้หลายครั้ง ล่าสุดคือไลฟ์ในคืนก่อนวันหวยออก โดยเลขที่แม่น้ำหนึ่งได้เขียนเลขใส่กระดาษ ขณะที่ก่อนหน้า เจ้าตัวก็ยังไลฟ์เล่าเรื่องความฝันที่เห็นพญานาคว่ายน้ำ รวมทั้งเหตุการณ์ที่ตนเองพบรายประหลาดบนตู้คอนเทนเนอร์หน้าองค์ปู่นาคาอนันตนาคราช มหาโภคทรัพย์ แต่หลังผลการออกรางวัลออกมา พบว่าเลขเด็ดที่ได้ให้แนวทางไว้ ไม่ตรงสักเลข

ล่าสุดเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ขอโทษแฟนคลับสั้นๆ โดยระบุว่า "งวดนี้หลุด งวดหน้าเจอกันเด้อจ้า" ขณะที่เหล่าแฟนๆ เข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจแม่น้ำหนึ่งเป็นจำนวนมาก

18993
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: สิงหาคม 17, 2021, 08:17:47 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

18994


นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่ “น้องเทนนิส” เรืออากาศตรีหญิงพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย สามารถคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยถือเป็นเหรียญทองแห่งความสุขและความภาคภูมิใจหนึ่งเดียวของประเทศไทยที่ได้จากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในครั้งนี้ นับเป็นเหรียญทองเหรียญที่ 10 ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทยจากการเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ และเป็นเหรียญทองเหรียญแรกที่ได้จากการแข่งขันกีฬาเทควันโดอีกด้วย ในวันนี้ (16 สิงหาคม 2564) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน จึงได้มอบเงินรางวัลพิเศษรวม 4,000,000 บาท ให้แก่นักกีฬาและผู้ฝึกสอน ที่มุ่งมั่นทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนักจนนำมาซึ่งความสำเร็จได้ในที่สุด โดยมีรายละเอียด ดังนี้​ 1.มอบเงินรางวัลพิเศษ จำนวน 3,000,000 บาท ให้แก่ “น้องเทนนิส” เรืออากาศตรีหญิงพาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 49 กก. หญิง


2.มอบเงินรางวัลพิเศษ จำนวน 500,000 บาท ให้แก่ “น้องจูเนียร์” นายรามณรงค์ เสวกวิหารี นักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 58 กก. ชาย

3.มอบเงินรางวัลพิเศษ จำนวน 500,000 บาท ให้แก่ “โค้ชเช” ชเว ย็อง-ซ็อก หัวหน้าผู้ฝึกสอนนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย

โดยหลังจากรับมอบเงินรางวัลแล้ว ทั้ง 3 คน ยังได้นำเงินรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ แบ่งไปเก็บออมกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ด้วยการซื้อสลากออมทรัพย์ ธอส. ชุดเกล็ดดาว หน่วยละ 5,000 บาท โดยน้องเทนนิสซื้อสลากจำนวน 200 หน่วย หรือมูลค่า 1 ล้านบาท ขณะที่​ โค้ชเช และน้องจูเนียร์ ซื้อสลากคนละจำนวน 20 หน่วย หรือ 100,000 บาท ซึ่งทุกหน่วยจะได้สิทธิ์ลุ้นเงินรางวัลสูงสุดมูลค่า 1 ล้านบาท/หมวด พร้อมด้วยรางวัลอื่น ๆ รวมถึงรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว รางวัลเลขสลับเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัว ลุ้นรางวัลได้ต่อเนื่องนาน 24 เดือน และยังได้รับผลตอบแทนหน้าสลาก 0.40% ต่อปี นอกจากนี้ดอกเบี้ยและเงินรางวัลยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกด้วย

“ธอส. ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน ได้ให้การสนับสนุนปีละ 17 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 260 ล้านบาท รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยพัฒนาวงการกีฬาเทควันโดให้โดดเด่น และสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในเวทีการแข่งขันระดับโลกมากกว่า 160 รายการ รวมถึงการคว้าเหรียญทองจากการแข่งขันเทควันโด ในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 มาได้สำเร็จในครั้งนี้ ถือเป็นการทำให้คนไทยมีความสุขท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในขณะนี้ และ ธอส. ยืนยันว่าพร้อมให้การสนับสนุนสมาคมกีฬาเทควันโด แห่งประเทศไทยในการพัฒนาวงการกีฬาเทควันโดต่อไป เพื่อนำความภาคภูมิใจให้กับคนไทยให้ได้อย่างต่อเนื่อง”นายฉัตรชัย กล่าว

นอกจากการสนับสนุนทางด้านกีฬาให้กับสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยแล้ว ธอส. ยังคงมุ่งมั่นตามภารกิจหลักในการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ตลอดระยะเวลาเกือบ 68 ปี ธนาคารสร้างโอกาสให้คนไทยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมาแล้วมากกว่า 3.7 ล้านครอบครัว ควบคู่ไปกับการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือ CSR ของธนาคาร ทั้งทางด้านที่อยู่อาศัย การศึกษา สังคมและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์/ศาสนา/ศิลปวัฒนธรรม

18997
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: สิงหาคม 16, 2021, 07:12:35 pm »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

18998


เมื่อวันที่ 16 ส.ค. นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลพิเศษให้แก่นักกีฬาและผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่สำนักงานใหญ่ ธอส. โดยมี นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. และคณะผู้บริหารระดับสูงของธนาคารฯ พร้อมด้วยทีมเทควันโดไทย

นำโดย ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย, "น้องเทนนิส" เรืออากาศตรีหญิง พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เจ้าของเหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ 2020 รุ่น 49 กก.หญิง, "จูเนียร์" รามณรงค์ เสวกวิหารี จอมเตะรุ่น 58 กก.ชาย, "โค้ชเช" เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอน และ "โค้ชชิต" นายวิชิต สิทธิกัณฑ์ ผู้ฝึกสอน ร่วมในพิธี

สำหรับพิธีมอบรางวัลพิเศษให้แก่ทีมเทควันโดไทยในครั้งนี้ คณะผู้บริหารของ ธอส. ได้มอบเงินรางวัลพิเศษ จำนวน 3 ล้านบาท ให้กับ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รวมทั้งมอบเงินรางวัลพิเศษ 5 แสนบาท ให้กับ รามณรงค์ เสวกวิหารี และ 3 มอบเงินรางวัลพิเศษ อีก 5 แสนบาท ให้กับ โค้ชเช ยอง ซอก รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 4 ล้านบาท

นายยุทธนา หยิมการุณ กล่าวว่า "น้องเทนนิส" สามารถคว้าเหรียญทองเหรียญประวัติศาสตร์เหรียญแรกของกีฬาเทควันโด จากการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ธอส. ในฐานะผู้สนับสนุนหลักของสมาคมกีฬาเทควันโดฯ มาตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 16 ปี โดยให้การสนับสนุนปีละ 17 ล้านบาท รวมแล้วกว่า 260 ล้านบาท รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมาคมฯ พัฒนาวงการเทควันโดให้โดดเด่น สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ในเวทีการแข่งขันระดับโลกมากกว่า 160 รายการ รวมถึงการคว้าเหรียญทอง "โตเกียวเกมส์" มาได้สำเร็จ ทำให้คนไทยมีความสุขท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ และยืนยันว่าเราพร้อมสนับสนุนสมาคมฯ ในการพัฒนาวงการเทควันโดต่อไป

"น้องเทนนิส" กล่าวว่า ขอขอบคุณ ธอส. ที่ได้สนับสนุนสมาคมฯ และนักกีฬาเทควันโดไทย มาอย่างยาวนาน จนประสบความสำเร็จคว้าเหรียญทองที่รอคอยร่วมกัน เงินรางวัลที่ได้รับตั้งใจจะมอบให้กับคุณพ่อสิริชัย เอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว โดยปีที่แล้วซื้อบ้านให้พ่อ จึงยังต้องผ่อนบ้านอยู่ ส่วนหนึ่งจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาในอนาคต ที่สำคัญจะเก็บเป็นเงินออมไว้ด้วยเพราะเชื่อว่าหากเรามีเงินเก็บไว้ นอกจากจะเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินแล้ว เงินออมยังมีผลตอบแทนด้วย ส่วนจะเอาไปลงทุนทำอะไรในอนาคตนั้นก็ต้องปรึกษากับพ่อก่อน

"หนูตั้งใจว่าจะเก็บเป็นเงินออมทรัพย์กับ ธอส. เพราะถือว่าเป็นวิธีการเก็บเงินที่ดีที่สุด โดยหนูตั้งใจว่าอยากจะซื้อสลาก ธอส. สัก 1 ล้านบาท อีกด้วย" น้องเทนนิส กล่าว

ขณะที่ "โค้ชเช" และ "จูเนียร์" ได้ซื้อสลากออมทรัพย์กับ ธอส. คนละ 1 แสนบาท อีกด้วย

ส่วน "บิ๊กเอ" ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ กล่าวว่า เป้าหมายต่อไปคือโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเราต้องเดินหน้าเตรียมแผนงานกันทันทีเพราะเหลือเวลาไม่มาก ขณะที่ "น้องเทนนิส" ยืนยันมีความพร้อมเต็มที่ โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือจะพยายามคว้าเหรียญทองมาให้ได้อีกสมัย.

18999


นิตยสาร Forbes เลือก“โลกา” สตาร์ทอัพผู้ให้บริการแท็กซี่ผ่านแอพของลาว เข้าในทำเนียบ 100 บริษัทในเเอเชียที่ต้องจับตา เหตุสามารถสร้างรายได้เพิ่มแม้เจอวิกฤตโควิด-19

วันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์นิตยสาร Forbes ได้เผยแพร่ทำเนียบ 100 บริษัทในเอเซียที่ต้องจับตา โดย 1 ในนั้นมีบริษัทโลก้า ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพของลาว ติดอยู่ในรายชื่อดังกล่าวด้วย ถือเป็นธุรกิจขนาดย่อมแห่งแรก ของลาวที่ได้ขึ้นมาติดทำเนียบระดับโลก

ทำเนียบ 100 บริษัทที่ต้องจับตาจัดทำโดยทีมงาน Forbes เอเซีย โดยคัดเลือกจากกิจการขนาดย่อมและบริษัทสตาร์ทอัพกว่า 900 บริษัทในเอเซีย ที่มีผลประกอบการเติบโตขึ้นท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดย Forbes จะตีพิมพ์รายละเอียดของบริษัททั้งหมดในทำเนียบนี้ลงในนิตยสาร Forbes ฉบับเดือนสิงหาคม 2564

เหตุผลที่ Forbes เลือกโลกาเข้ามาในทำเนียบ 100 บริษัทในเอเชียที่ต้องจับตา

บริษัทโลกาทำธุรกิจให้บริการแท็กซี่รับส่งผู้โดยสารโดยผ่านแอปพลิเคชั่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2561 โดยนายสุลิโย วงดาลา นักธุรกิจหนุ่มที่เติบโตมาจากสายเทคโนโลยี่และการสื่อสารในลาว ปัจจุบันโลกามีให้บริการอยู่ใน 3 แขวง คือนครหลวงเวียงจันทน์ หลวงพระบาง และจำปาสัก

เหตุผลที่ให้ Forbes เลือกโลกาเข้ามาอยู่ในทำเนียบนี้ เนื่องจากบริษัทสามารถปรับแผนการตลาดเพื่อรับมือกับวิกฤตโควิด-19 โดยตัดสินใจเปลี่ยนกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย จากเดิมที่ให้บริการแก่นักนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหลักในช่วง 2 ปีแรก มาให้บริการแก่คนลาว โดยใช้จุดขายเรื่องความสะดวกและปลอดภัย และให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

การตัดสินใจครั้งนั้น ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่านักท่องเที่ยวต่างประเทศในลาวจะหายไปทั้ง 100% จากโควิด-19 นอกจากนี้ รายได้ของโลก้ายังเพิ่มขึ้นถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงที่โควิด-19 ยังไม่ระบาด จากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่

ปัจจุบัน นอกจากให้บริการแท็กซี่ผ่านแอปพลิเคชั่นโดยมีรถให้บริการอยู่ประมาณ 500 คัน ใน 3 พื้นที่แล้ว โลกายังขยายกิจการออกไปอีกหลายแขนง ได้แก่ ธุรกิจโฆษณาเคลื่อนที่ โดยใช้รถแท็กซี่เป็นสื่อ ธุรกิจซื้อ-ขายสินค้าทางออนไลน์ ธุรกิจขนส่งสินค้า รวมถึงให้บริการรถรับส่งพนักงานแบบเหมาเป็นรายเดือนสำหรับองค์กร

ก่อนหน้านี้ ระหว่างวันที่ 8-9 ตุลาคม 2562 นายสุลิโย วงดาลา เคยนำโมเดลธุรกิจของโลกา มาร่วมแข่งขันในรายการ Mekong Innovative Startups in Tourism ในกรุงเทพ ซึ่งมีธุรกิจสตาร์ทอัพจากหลายประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเข้าร่วม โดยบริษัทโลกาได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1

19002


นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า  GULF ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (Core Profit) จำนวน 1,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 412 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน

สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ผลกำไรของโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ ศรีราชา (GSRC) หน่วยที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 โดยมี Load Factor เฉลี่ยเท่ากับ 88% ในไตรมาสนี้ ประกอบกับโครงการโรงไฟฟ้า 12 SPP ภายใต้กลุ่ม GMP และโครงการโรงไฟฟ้า 7 SPP ภายใต้กลุ่ม GJP ที่รับรู้ Core Profit เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมที่สูงขึ้นในทุกภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็ก โดย 12 SPP มี Load Factor เฉลี่ยของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมในไตรมาสนี้ เท่ากับ 63% เทียบกับ 51% ปีที่แล้ว

ขณะที่ 7 SPP มี Load Factor เฉลี่ยเท่ากับ 66% ในไตรมาสนี้ เทียบกับ 57% ในปีก่อน นอกจากนี้ โรงไฟฟ้า 2 IPP ภายใต้กลุ่ม GJP ยังมีปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเพิ่มขึ้น 148% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2563 ส่งผลให้โรงไฟฟ้าเดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้ง ในไตรมาส 2 ปี 2564 ยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก PTT NGD จำนวน 63 ล้านบาท จากการที่ GULF เข้าไปลงทุนในสัดส่วน 42% ด้วย


ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564 Core Profit ในไตรมาสนี้ลดลง 989 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.4% เนื่องจากไม่มีการบันทึกเงินปันผลรับจาก INTUCH ในไตรมาสนี้ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล Borkum Riffgrund 2 (BKR2) มีปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลงจากปัจจัยด้านฤดูกาล ซึ่งไตรมาส 2 และไตรมาส 3 นับเป็น low season เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1 และ ไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็น high season ของพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเยอรมนี

ในไตรมาส 2 ปี 2564 GULF มีรายได้รวม (Total Revenue) 11,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,707 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.6% จากไตรมาส 2 ปี 2563 จากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 1 ที่เปิดดำเนินการในไตรมาส 1 ปี 2564 และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเล BKR2 ที่รับรู้รายได้ครั้งแรกในไตรมาส 4 ปี 2563

อีกทั้ง ยังรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมของกลุ่ม GMP อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ GTN1 และ GTN2 ที่ประเทศเวียดนาม ลดลงเล็กน้อยจากการจำกัดการรับซื้อไฟฟ้าชั่วคราว (Temporary Curtailment) เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศเวียดนาม

อัตรากำไร EBITDA Margin ในไตรมาส 2 ปี 2564 เท่ากับ 35.6% เพิ่มขึ้นจาก 31.9% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 8.7% จากปีก่อน แม้ว่าค่า Ft เฉลี่ยจะลดลงก็ตาม


นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)

GULF มีกำไรสุทธิ (Net Profit) ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ซึ่งรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ 1,407 ล้านบาท ลดลง 25.2% เทียบกับผลกำไรสุทธิ 1,881 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปี 2563 เนื่องจากในปีก่อนมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Gain) จำนวน 892 ล้านบาท เทียบกับ 6 ล้านบาทในไตรมาส 2 ปีนี้

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 GULF มีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Net Interest-Bearing Debt to Equity) เท่ากับ 1.75 เท่า ซึ่งยังต่ำกว่าข้อกำหนดสิทธิสำหรับหุ้นกู้ (Bond Covenant) ที่ 3.50 เท่า

นางสาวยุพาพิน กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่ GULF ได้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH แล้วเสร็จ ทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้น INTUCH ทั้งสิ้น เท่ากับ 42.25% โดย GULF ได้ทำการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินในประเทศทั้งสิ้นจำนวน 48,612 ล้านบาท โดย GULF มีแผนในการออกและเสนอขายหุ้นกู้มูลค่ารวมประมาณ 20,000 ล้านบาทภายในปีนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ไปลงทุนเพื่อขยายธุรกิจ และชำระคืนเงินกู้ที่ใช้ในการซื้อหุ้น INTUCH ในบางส่วน นอกจากนี้ บริษัทฯ จะรับรู้เงินปันผลรับทันที ประมาณ 1,600 ล้านบาทในไตรมาส 3 นี้

สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปี 2564 GULF ยังมีโครงการที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในทะเลที่ประเทศเวียดนาม (Mekong Wind) ระยะที่ 1-3 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 128 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเปิดดำเนินการระหว่างไตรมาส 3-4 ปีนี้, โครงการโรงไฟฟ้า GSRC หน่วยที่ 2 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ ที่กำหนดเปิดดำเนินการในเดือนตุลาคม 2564

โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่ประเทศโอมาน (DIPWP) จำนวน 326 เมกะวัตต์ ระยะที่ 1 ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 40 เมกะวัตต์ ที่จะเปิดดำเนินการระหว่างไตรมาส 3-4 และโครงการ solar rooftop ภายใต้ Gulf1 กำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 20 เมกะวัตต์ ที่จะทยอยเปิดดำเนินการภายในสิ้นปี ส่งผลให้ GULF มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวมทั้งสิ้น 7,922 เมกะวัตต์ ณ สิ้นปี 2564

19003
ห้องซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยนของจิปาถะ / Hot Promotion!!!
« เมื่อ: สิงหาคม 15, 2021, 10:54:31 am »
ราคาดีมากกก!!!!!!!!

19004


ถึงนาทีนี้ธุรกิจโรงแรมยังมองไม่เห็นหนทางฟื้นจากอาการโคม่า ล่าสุดแบงก์ชาติเผยผลสำรวจผู้ประกอบการโรงแรมยังอ่วมพิษโควิด-19 ทรุดลงต่อเนื่อง สภาพคล่องหดหายอยู่ได้อีกไม่เกิน 3 เดือน ขณะที่อัตราการเข้าพักดิ่งสุดเหลือแค่ 10% ร้องขอวัคซีน-พักหนี้-พยุงการจ้างงาน 

ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรม (HSI) ซึ่ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกเดือนยังไม่มีทีท่าจะผ่านพ้นวิกฤต หนำซ้ำกลับหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ แม้รัฐบาลจะพยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศและเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ด้วยโครงการนำร่อง  “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์”  เชื่อมโยงกับจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ก็ตาม

ล่าสุด ผลสำรวจฯ ในเดือนกรกฎาคม 2564 จากผู้ประกอบการที่พักแรม 304 แห่ง (เป็น ASQ 28 แห่ง Hospitel 4 แห่ง) ระหว่างวันที่ 13-26 กรกฎาคม 2564 พบว่า ผู้ประกอบการที่พักแรมได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ต่อเนื่อง โดยอัตราการเข้าพักยังอยู่ในระดับต่ำมาก เฉลี่ยอยู่ที่ 10% ซึ่งทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้เกือบ 60% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่มีสภาพคล่องลดลงจากเดือนก่อน และเพียงพอในการดำเนินธุรกิจไม่เกิน 3 เดือน ขณะที่การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติส่งผลบวกต่ออัตราการเข้าพักโดยรวมไม่มากนัก

ทั้งนี้ หากไม่รวมกลุ่มที่ปรับตัวมารับลูกค้าต่างชาติที่ทำงานในไทย และ workation, staycation รวมถึงกลุ่มที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติตามโครงการ “แซนด์บ็อกซ์” ซึ่งส่วนมากเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ อัตราการเข้าพักเฉลี่ยในเดือนกรกฎาคม 2564 จะอยู่ที่เพียง 6.5% เท่านั้น ส่วนคาดการณ์อัตราการเข้าพักทั้งประเทศในเดือนสิงหาคม 2564 จะปรับลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 8% โดยทุกภูมิภาคของประเทศไทยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยต่ำกว่า 10%

อัตราการเข้าพักที่ลดลงดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบทำให้ 58% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ มีสภาพคล่องลดลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2564 และเพียงพอในการดำเนินธุรกิจได้ไม่เกิน 3 เดือน และมีอีก 23% ที่มีสภาพคล่องเพียงพอไม่ถึง 1 เดือน ซึ่งกระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศ ขณะที่ 57% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ทั้งหมด รายได้ยังกลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19

จากการสำรวจสถานะกิจการของผู้ประกอบการ 272 แห่ง (ไม่รวม ASQ และฮอสพิเทล) มีโรงแรมเพียง 40.1% ที่ยังเปิดกิจการปกติ ที่เหลือ 38.2% เปิดกิจการเพียงบางส่วน และอีกกว่า 21.7% ที่ยังปิดกิจการชั่วคราว โดยสัดส่วนของโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราวเพิ่มขึ้นจากเดือน มิ.ย.เล็กน้อย 2.2%

ผลสำรวจยังบ่งชี้ว่า จากโรงแรมจำนวน 272 แห่ง (ไม่รวมโรงแรมที่เป็น ASQ และ Hospitel) พบว่า 56% ของโรงแรมที่ปิดกิจการชั่วคราวนั้น คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้งในไตรมาส 4/2565 และราว 13.6% คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้ในไตรมาส 1/2565 ส่วนอีก 6.8% คาดว่าจะกลับมาเปิดกิจการได้ในไตรมาส 2/2565 และอีก 11.9% จะกลับมาเปิดดำเนินกิจการได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565

 ขณะที่สถานการณ์รายได้ในเดือนกรกฎาคม พบว่าโรงแรมส่วนใหญ่ยังมีรายได้อยู่ในระดับต่ำ โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งหรือ 56.9% ของโรงแรมที่เปิดกิจการอยู่ทั้งหมด มีรายได้กลับมาไม่ถึง 10% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 ส่วนโรงแรมที่มีรายได้ที่ระดับ 11-30% มีสัดส่วน 18.3%, โรงแรมที่มีรายได้ระดับ 31-50% มีสัดส่วน 3.6%, โรงแรมที่มีรายได้ระดับ 51-70% มีสัดส่วน 7.1% และโรงแรมที่มีรายได้ระดับมากกว่า 70% มีสัดส่วน 14.2% 

สำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ส่งผลบวกต่ออัตราการเข้าพักโดยรวมไม่มากนัก โดยพบว่า 50% ของโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต มองว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นไปตามที่คาด ซึ่งมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 16% ขณะที่อีก 43% ของโรงแรมในจังหวัดสุราษฎร์ธานี มองว่าอัตราการเข้าพักของโรงแรมที่สามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้แย่กว่าที่คาด โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่อยู่ในระดับต่ำเพียง 6% เท่านั้น และพบว่าผู้ประกอบการโรงแรมกว่า 69% เห็นด้วยกับการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยส่วนใหญ่เป็นโรงแรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโรงแรมกลับมาจ้างงานเฉลี่ย 53% ของช่วงก่อนเกิดโควิด-19 (หากไม่รวมกลุ่มปิดกิจการชั่วคราวจะเฉลี่ยอยู่ที่ 59%)



 นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ระบุว่า ปัจจุบันการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวลดลงแล้วกว่า 50% หากดูตัวเลขในภาวะปกติจะมีโรงจดทะเบียนกับสมาคม 16,282 โรงแรม มีพนักงานในระบบมากกว่า 860,000 คน แต่หลังจากโควิด-19 คาดว่ามีพนักงานตกงานมากกว่า 460,000 คน และออกจากภาคธุรกิจการท่องเที่ยวไปแล้ว ที่เหลืออีกประมาณ 400,000 คน อาจได้รับเงินเดือนไม่เต็มเดือน ลดเวลาทำงาน เพราะโรงแรมไม่มีรายได้เลย

หลังเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั้งระบบ สมาคมโรงแรมไทย ได้เรียกร้องต่อรัฐบาลให้เข้ามาช่วยเหลือ เช่น การจัดหาและกระจายวัคซีนให้เร็วกว่าแผน, มาตรการช่วยเหลือเงินกู้และพักชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย เพื่อพยุงไม่ให้ผู้ประกอบการขายกิจการทิ้ง, ขอลดต้นทุนค่าไฟฟ้า รวมทั้งการสนับสนุนค่าจ้างเพื่อพยุงการจ้างงานรอวันธุรกิจฟื้นคืน

อย่างไรก็ตาม สำหรับ  “โครงการโกดังพักหนี้”  ที่รัฐบาลออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมนั้น นายกสมาคมโรงแรมไทย สะท้อนว่า ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการน้อยกว่าเท่าที่ควร เนื่องจากแบงก์พาณิชย์มีเงื่อนไขมากมาย เช่น ให้เฉพาะลูกหนี้ชั้นดี มูลค่าหนี้ต่ำ ทำให้ยากเข้าถึงความช่วยเหลือ

ส่วนมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาตินำร่อง “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” นั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่า ช่วง 40 วันของโครงการ นับจากวันที่ 1 กรกฎาคม – 9 สิงหาคม 25664 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าร่วมโครงการสะสม 18,654 คน ไม่พบผู้ติดเชื้อ 18,602 คน คัดกรองพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 52 คน

ด้านยอดจองห้องพักโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA+ พบว่าตลอดไตรมาส 3/2564 มีจำนวน 353,529 คืน แบ่งเป็นเดือนกรกฎาคม 190,843 คืน เดือนสิงหาคม 143,566 คืน และเดือนกันยายน 19,120 คืน ส่วนยอดการจองในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหรือไฮซีซั่นตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – กุมภาพันธ์ 2565 มีจำนวน 9,797 คืน

แต่อย่างไรก็ตาม ความพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทยท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มียอดผู้ติดเชื้อรายวันทะลุขึ้นหลัก 2 หมื่นคนแล้วนั้น ยังยากที่จะประสบผลสำเร็จ หลายชาติมีคำเตือนต่อพลเมืองที่จะเดินทางมายังไทย โดยล่าสุดหน่วยงานป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ หรือ ซีดีซี (U.S. Centers for Disease Control and Prevention) ยกระดับให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเสี่ยงสูงมากต่อการระบาดของโรคโควิด-19 ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ยังปรับคำเตือนสูงสุดขั้นที่ 4 สำหรับผู้ที่จะเดินทางมาประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีประมาณ 70 ประเทศที่อยู่ในกลุ่มที่ 4 เช่นเดียวกับไทย เช่น บราซิล ชิลี อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ขณะที่ก่อนหน้านี้ สหภาพยุโรปได้ถอดรายชื่อประเทศไทยออกจากลิสต์ประเทศที่ปลอดภัย (EU White List) จากการระบาดของโควิด-19

 นับเป็นมหาวิกฤตของธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวที่ยังคงมืดมนอนธการ ไม่ต่างไปจากอนาคตของประเทศไทยในยามนี้ 

19006


นางสาวอรรัตน์ ชุติมิต รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Retail and Business Banking ธนาคารไทยพาณิชย์  กล่าวว่า  นอกจากมาตรการช่วยเหลือขั้นต่ำตามประกาศของธปท.โดยการพักชำระหนี้ 2 เดือน ที่ผ่านมา ทางธนาคารยังมีมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง โดยได้ให้คำปรึกษาและพิจารณาร่วมกับลูกค้าในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบเบ็ดเสร็จ เพื่อเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าสามารถดำรงชีพได้ในระยะยาว

รวมถึงในช่วงที่ผ่านมา ทางธนาคารมีมาตรการช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารจะประเมินลูกค้าตามสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจ เช่น ข้อมูลความเสี่ยง การคาดการณ์กระแสเงินสดใหม่ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจ จากนั้น ธนาคารจะกำหนดแพ็คเกจการช่วยเหลือที่เหมาะสมกับลูกค้า ซึ่งอาจรวมถึงการขยายระยะเวลาการชำระหนี้ การปรับอัตราการผ่อนชำระหนี้ การลดอัตราดอกเบี้ย การปรับดอกเบี้ยเป็นขั้นบันได (step-up rates) เป็นต้น

รายงานข่าวจากธนาคารไทยพาณิชย์ พบว่า ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. - 10 ส.ค. 2564 มีลูกค้าสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย (sSME) ลงทะเบียนเพื่อเข้ามาตรการพักหนี้ 2 เดือน จำนวน 262,451 ราย คิดเป็นยอดหนี้ 108,937 ล้านบาท  ทั้งนี้ ธนาคารก็ยังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อพิจารณาความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับลูกค้าทุกกลุ่มด้วยมาตรการที่เหมาะสมอย่างตรงจุด

"แอลเอชแบงก์ คุยลูกค้าทุกราย ย้ำช่วยตรงจุด"  

รายงานข่าวจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH BANK พบว่า  จำนวนลูกค้าที่ขอพักหนี้ตามมาตรการล่าสุด ที่ธนาคารให้พักหนี้ 3 เดือน มากกว่ามาตรการธปท.ให้ 2 เดือน มีจำนวน 49 ราย คิดเป็นยอดหนี้ 3,400 ล้านบาท ซึ่งธนาคารอนุมัติทุกราย

ประกอบกับตอนนี้ธนาคารยังมีมาตรการช่วยเหลือตามมาตรการ premtive ของธปท. อยู่แล้ว เช่น ลดค่างวดจ่ายเท่าที่มีความสามารถจ่ายเฉพาะดอกเบี้ยพักเงินต้น จ่ายดอกเบี้ยบางส่วน พักเงินต้น พักชำระหนี้ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งธนาคารจะคุยกับลูกค้าทุกรายเพื่อช่วยเหลือได้ตรงประเด็นในระยะยาว 

19008


นายบุญชัย จิระพงษ์ตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะสตีล จำกัด (มหาชน) หรือTHE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการในงวดไตรมาส 2 ของปี 2564 บริษัทฯ รักษาความสามารถการเติบโตของกำไรต่อเนื่องจากไตรมาสแรก โดยมีกำไรสุทธิ 360.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 341.22 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 1,805.40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 18.90 ล้านบาท

ในงวดไตรมาส 2 ของปี 2564 นี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 4,191.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148.92% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 1,684.05 ล้านบาท เป็นไปตามปริมาณการขายเหล็กเพิ่มขึ้นราว 83.98% เนื่องจากการนำเข้าวัตถุดิบเหล็กจากต่างประเทศลดลง รับผลจากการขนส่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลให้ปริมาณเหล็กในประเทศขาดแคลน ราคาขายเหล็กเฉลี่ยทั้งไตรมารถเพิ่มขึ้นจากปี 2563 ราว 38.84% และส่งผลให้ไตรมาสนี้ มีกำไรขั้นต้น 475.50 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้ามีกำไรขั้นต้นเพียง 38.82 ล้านบาท


เมื่อพิจารณางบ 6 เดือนแรก พบว่าบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 709.73 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 141.82 ล้านบาท และมีรายได้รวม 7,394 ล้านบาท ทำให้คาดว่ารายได้รวมในปีนี้ น่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 13,000 ล้านบาท

“ประเทศจะยังคงเผชิญปัญหาวัตถุดิบเหล็กขาดแคลน ภายหลังประเทศปรับลดกำลังการผลิตเหล็กลง และจะทำให้ราคาขายเหล็กม้วนดำ ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท ทรงตัวในระดับสูง ต่อไป ทำให้มีความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปี 2564 นี้ มีโอกาสจะสร้างสถิติสูงสุด (นิวไฮ)”

หน้า: 1 ... 1054 1055 [1056] 1057 1058 ... 1067