แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - deam205

หน้า: 1 ... 1101 1102 [1103] 1104 1105 ... 1114
19839


GPSC สุดแกร่งผลประกอบการไตรมาส 2/2564 คว้ากำไร 2,302 ล้านบาท โต 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โชว์ศักยภาพแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง เดินหน้านวัตกรรมพลังงานเต็มสูบ รับรู้ผลการดำเนินงานจากพอร์ตพลังงานสะอาดในต่างประเทศทั้งอินเดีย และไต้หวัน พร้อมยกระดับมาตราการคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ดูแลความมั่นคงระบบการผลิต ป้อนไฟฟ้าได้ต่อเนื่อง

นายวรวัฒน์ พิทยศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทโกล. เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2564 มีรายได้ทั้งสิ้น 18,234 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 โดยมีกำไรสุทธิ 2,302 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2563 (YoY) โดยสาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี การรับรู้รายได้จากเงินชดเชย ค่าประกันภัยของโรงไฟฟ้าโกลว์พลังงานระยะที่ 5 ปัจจัยบวกจากต้นทุนค่าเชื้อเพลิงของก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลง ส่งผลให้การดำเนินงานของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) มีกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้น แม้ว่ากำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) จะลดลงในส่วนของโรงไฟฟ้าเก็คโค่วัน ที่มีแผนหยุดซ่อมบำรุงในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานของไตรมาส 2/2564 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564 (QoQ) มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 329 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 17% เป็นผลการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีที่เพิ่มขึ้น รวมถึงเงินชดเชยจากค่าประกันโรงไฟฟ้าโกลว์ พลังงานระยะที่ 5 และมีกำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้า IPP ถึงแม้ว่า กำไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP ลดลง เนื่องจากต้นทุนค่าก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะเดียวบริษัทฯ ยังรับรู้มูลค่า Synergy ร่วมกับ GLOW จากการควบรวมกิจการสุทธิหลังภาษี จำนวน 436 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ รวมถึงการใช้โครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน ทั้งยังสามารถลดต้นทุนจัดซื้อจัดจ้าง และงานซ่อมบำรุงได้ตามเป้าหมาย

สำหรับภาพรวมของผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 4,276 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23% โดยมีรายได้ทั้งสิ้น 34,858 ล้านบาท หรือลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงแสวงหาโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านพลังงาน จากกลยุทธ์หลักในการร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ ที่ประสบความสำเร็จในช่วงเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ได้แก่ วันที่ 13 ก.ค. 2564 บริษัท โกล. รีนิวเอเบิล ซินเนอร์ยี่ จำกัด (GRSC) ซึ่ง GPSC ถือหุ้น 100% ได้บรรลุข้อตกลงในการเข้าลงทุนในบริษัท Avaada Energy Private Limited (Avaada) สัดส่วนประมาณ 41.6% คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 14,825 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ประเทศอินเดีย กำลังผลิตรวม 3,744 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เรียบร้อยแล้วประมาณ 1,392 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างจำนวนประมาณ 2,352 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD ในปี 2564-2565 ทำให้สามารถรับรู้รายได้ทันที นอกจากนี้ วันที่ 14 ก.ค. 2564 GRSC ยังได้เข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นกับกองทุน CI-II และ CI-III ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท Copenhagen Infrastructure Partners (CIP) เพื่อเข้าลงทุนในสัดส่วน 25% ในโครงการ Changfang และ โครงการ Xidao (CFXD) ซึ่งเป็นโครงการการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่ง (Offshore wind) ในไต้หวัน กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมจำนวน 595 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทยอย COD ในช่วงปี 2565-2567 CFXD มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับ บริษัท Taiwan Power Company โดยคาดว่าการดำเนินการตามเงื่อนไขบังคับก่อนดังกล่าวจะแล้วเสร็จและสามารถดำเนินการโอนหุ้นได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2565

พร้อมกับความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมพลังงาน โดย GPSC ได้เปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงานด้วยเทคโนโลยี SemiSolid กำลังการผลิตเริ่มต้น 30 MWh ต่อปี ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เป็นการผลิตแบตเตอรี่ G-Cell ที่ใช้เทคโนโลยี 24M เป็นแบตเตอรี่ชนิดกึ่งแข็ง ที่มีความปลอดภัยสูง มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นหน่วยงานกักเก็บพลังงานจากพลังงานหมุนเวียนในการเพิ่มประสิทธิภาพจ่ายไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง และยังสามารถรองรับอุตสาหกรรมไฟฟ้ายานยนต์แห่งอนาคต (EV)

"แม้ว่าขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หลายองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน มีมาตรการต่างๆ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด โดย GPSC ในฐานะผู้ผลิตสาธารณูปโภคในการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจและสังคม ได้ยกระดับมาตรการป้องกันเข้มข้นสูงสุด ผ่านการดำเนินงานโดยศูนย์เฝ้าระวังและติดตามการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส (GPSC G-COVID Center) ของบริษัทฯ โดยกำหนดให้พื้นที่กระบวนการผลิตเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ ตั้งทีมปฏิบัติการเฉพาะกิจของแต่ละโรงไฟฟ้า ห้ามบุคคลภายนอกเข้าพื้นที่สำนักงานและพื้นที่ปฏิบัติการอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เพื่อให้การผลิตไฟฟ้า ไอน้ำและสาธารณูปโภคเป็นไปมีเสถียรภาพและความมั่นคง ตอบสนองความต้องการใช้ของกลุ่มลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง" นายวรวัฒน์กล่าว

19840
ต้องการถมดิน ถมที่ นึกถึงเรา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ใช่นายหน้า ติดต่อ 080-022-3804
รับทุกขนาดพื้นที่ ฟรีตรวจสอบพื้นที่ประมาณ ราคา

19841
เช่ารถถูกสะอาดปลอดภัย 600ต่อวัน นนทบุรี โทร 083-7124115

19842


ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ส.ค. 2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ และมองข้ามความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่กำลังส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,208.51 จุด เพิ่มขึ้น 144.26 จุด หรือ +0.41% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,436.52 จุด เพิ่มขึ้น 7.42 จุด หรือ +0.17% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,835.76 จุด ลดลง 59.36 จุด หรือ -0.40%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และนักลงทุนได้พากันเข้าซื้อหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 469.97 จุด เพิ่มขึ้น 0.01 จุด หรือ +0.002%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,816.96 จุด เพิ่มขึ้น 35.77 จุด หรือ +0.53%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,761.45 จุด เพิ่มขึ้น 16.78 จุด หรือ +0.11% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,122.95 จุด เพิ่มขึ้น 2.52 จุด หรือ +0.035%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนในอังกฤษ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,122.95 จุด เพิ่มขึ้น 2.52 จุด หรือ +0.035%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 81 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 68.28 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 7.7% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 59 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 70.70 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 6.2% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมา หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนก.ค.พุ่งขึ้นเกินคาด

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 45.8 ดอลลาร์ หรือ 2.53% ปิดที่ 1,763.1 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลง 2.97% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มิ.ย.

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 96.6 เซนต์ หรือ 3.82% ปิดที่ 24.326 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 33.5 ดอลลาร์ หรือ 3.33% ปิดที่ 972.2 ดอลลาร์/ออนซ์

ส่วนสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 25 ดอลลาร์ หรือ 0.9% ปิดที่ 2,630.10 ดอลลาร์/ออนซ์

-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (6 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนก.ค.ที่แข็งแกร่งเกินคาด

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.58% แตะที่ 92.7918 เมื่อวันศุกร์

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.20 เยน จากระดับ 109.75 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9150 ฟรังก์ จากระดับ 0.9061 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2559 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2494 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1758 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1835 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3877 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3932 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7352 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7404 ดอลลาร์

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 35,208.51 จุด เพิ่มขึ้น 144.26 จุด, +0.41%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,436.52 จุด เพิ่มขึ้น 7.42 จุด, +0.17%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,835.76 จุด ลดลง 59.36 จุด, -0.40%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,122.95 จุด เพิ่มขึ้น 2.52 จุด, +0.035%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,816.96 จุด เพิ่มขึ้น 35.77 จุด, +0.53%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,761.45 จุด เพิ่มขึ้น 16.78 จุด, +0.11%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 54,277.72 ลบ 215.12 จุด, -0.39%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 6,203.43 จุด ลดลง 1.99 จุด, -0.03%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,489.80 จุด ลดลง 5.98 จุด, -0.40%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,539.91 จุด ลดลง 7.36 จุด, -0.11%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,177.18 จุด เพิ่มขึ้น 2.08 จุด, +0.07%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 26,179.40 จุด ลดลง 25.29 จุด, -0.10%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,458.23 จุด ลดลง 8.32 จุด, -0.24%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,526.28 จุด ลดลง 76.84 จุด, -0.44%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,270.36 จุด ลดลง 5.77 จุด, -0.18%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 27,820.04 จุด เพิ่มขึ้น 91.92 จุด, +0.33%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,538.40 จุด เพิ่มขึ้น 27.30 จุด, +0.36%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,806.50 จุด เพิ่มขึ้น 26.90 จุด, +0.35%

19843


แอนโทนี เฟาซี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับสูงของสหรัฐฯ เร่งเร้าฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นอย่างสมเหตุสมผลโดยเร็วแก่บุคคลที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ พร้อมยอมรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำลังจับตาอย่างจริงจังเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อและแพร่เชื้อสู่คนอื่นๆ ได้

"เราจำเป็นต้องมองพวกเขาต่างออกไป" เฟาซี ให้สัมภาษณ์กับรายการ “Fareed Zakaria GPS" ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์ (8 ส.ค.) "แน่นอนว่าเราจะมีการฉีดเข็มกระตุ้นให้คนกลุ่มนี้ก่อนฉีดเข็มกระตุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปที่ฉีดวัคซีนแล้ว เราควรทำมันอย่างสมเหตุสมผล"

เฟาซี ยังได้พูดถึงประเด็นถกเถียงที่ขยายวงกว้างมากขึ้น เกี่ยวกับเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อ "breakthrough" ในบรรดาคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว และควรเห็นชอบฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นหรือไม่ ในขณะที่วันอาทิตย์ (8 ส.ค.) อิสราเอล ซึ่งเป็นชาติแรกของโลกที่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในวงกว้าง เผยว่า ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนเข็ม 3 แก่ประชาชนอายุ 60 ปีขึ้นไป แล้วมากกว่า 420,000 ราย

เฟาซี ชี้ว่า คนส่วนใหญ่ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ในนั้นรวมถึงบุคคลที่ผ่านการปลูกถ่ายอวัยวะหรือบุคคลที่ทำเคมีบำบัด "ไม่ได้รับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันอย่างเพียงพอ" จากวัคซีนโควิด-19

เมื่อถามว่ากลุ่มคนอื่นๆ ควรได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นด้วยหรือไม่ เฟาซี ระบุว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) พร้อมออกคำแนะนำดังกล่าวอย่างเร็วที่สุด หากพวกเขาพบเห็นหลักฐานที่ชัดเจนจากข้อมูลที่ได้รับ

เวลานี้ทางซีดีซีกำลังติดตามระดับความคงทนของภูมิคุ้มกันในหมู่คนสูงวัย กลุ่มสูงอายุที่อยู่ตามบ้านพักคนชราและคนหนุ่มสาว แบบเดือนต่อเดือน และทางเฟาซี ระบุว่า "ทันทีที่พวกเขามีระดับความทนทานของภูมิคุ้มกันลดลง เมื่อนั้นคุณอาจได้เห็นคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่คนกลุ่มนี้"

นอกจากนี้แล้ว ทางเฟาซี ยืนยันด้วยว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังจริงจังกับประเด็นเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อ และเขายอมรับว่าตัวกลายพันธุ์เดลตา ซึ่งแพร่เชื้อได้ง่ายมากและกำลังโหมกระพือเคสผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ มากกว่า 100,000 คนต่อวันในเวลานี้จะก่อให้เกิดเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก

ขณะเดียวกัน เฟาซี ยอมรับด้วยว่าตัวกลายพันธุ์เดลตาได้ก่อปัญหาเพิ่มเติม ซึ่งก็คือบุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถแพร่เชื้อไวรัสสู่คนอื่นๆ สถานการณ์ที่ทำให้ทางซีดีซีเปลี่ยนแปลงคำแนะนำด้านการสวมหน้ากากเมื่อไม่นานที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เฟาซี เน้นย้ำว่า "วัคซีนกำลังทำงานได้อย่างดีในสิ่งที่คุณต้องการให้พวกมันทำในเบื้องต้น นั่นคือป้องกันคุณไม่ให้ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ไปจนถึงปกป้องคุณจากการล้มป่วยอาการสาหัส"

ก่อนหน้านี้ เฟาซี ให้สัมภาษณ์กับรายการ “Meet the Press." ของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี คาดหวังว่าสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ จะอนุมัติใช้วัคซีนโควิด-19 โดยสมบูรณ์ภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ "ผมหวังว่ามันจะเกิดขึ้นภายในเดือนสิงหาคม"

ปัจจุบันวัคซีนต่างๆ ในสหรัฐฯ ยังอยู่ในขั้นอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เหุผลที่ประชาชนบางคนใช้ปฏิเสธฉีดวัคซีน

(ที่มา : บลูมเบิร์ก)

19845


วันที่ 8 ส.ค. หน่วยความร่วมมือบริการฉีดวัคซีนโควิด-19 กรุงเทพมหานคร - หอการค้าไทย ไทยพีบีเอส - ธนบุรี เฮลท์แคร์กรุ๊ป ขอเชิญผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปมีสัญชาติไทย จองคิวลงทะเบียนฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกา (เข็มที่ 1) โดยจะเปิดลงทะเบียนผ่านทางโทรศัพท์ ในวันอาทิตย์ที่ 8 ส.ค.2564 โทร.02-790-2855 (40 คู่สาย) ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. หรือจนกว่าจะเต็มจำนวน ที่สถานฉีดวัคซีนไทยพีบีเอส ถ.วิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กทม.

ทั้งนี้ จะเริ่มฉีดระหว่างวันที่ 9 - 14 ส.ค. 64 รวม 6 วัน (วันละ 4 รอบ รอบละ 100 คน รวมทั้งสิ้น 2,400 คน)

รายละเอียดรอบการจองลงทะเบียนฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกา (เข็มที่ 1)

รอบที่ 1 เวลา 10.00 - 11.00 น.

รอบที่ 2 เวลา 11.00 - 12.00 น.

รอบที่ 3 เวลา 12.00 - 13.00 น.

รอบที่ 4 เวลา 13.00 - 14.00 น.


เงื่อนไขการจองลงทะเบียนฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกา (เข็มที่ 1)

1.ต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป สัญชาติไทย

2.สงวนสิทธิ์การโทรลงทะเบียน 1 ครั้ง แจ้งชื่อได้ไม่เกิน 2 ท่าน

3.ทีมงานขอสงวนสิทธิ์ให้สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนไว้เท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชื่อภายหลังได้ทุกกรณี

4.ในวันที่นัดหมายให้มาก่อนเวลานัด 30 นาที เพื่อลดความแออัด

19848
ต้องการถมดิน ถมที่ นึกถึงเรา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ใช่นายหน้า ติดต่อ 080-022-3804
รับทุกขนาดพื้นที่ ฟรีตรวจสอบพื้นที่ประมาณ ราคา

19849


วันนี้ (7 ส.ค. 64) ที่ กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ โดยระบุว่า การระบาดในต่างประเทศ เป็นระยะขาขึ้นในหลายประเทศ ขณะที่ไทย มีการเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเป็น 29 จังหวัด และการฉีดวัคซีนซึ่งเร่งรัดการฉีดในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ฉีดได้ในจำนวนสูง ขณะนี้ มีวัคซีน 4 ตัว คือ ซิโนแวค แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนฟาร์ม และไฟเซอร์

"การที่ทำให้การป่วย ติดเชื้อ เสียชีวิตลดลงต้องใช้หลายมาตรการร่วมกัน ขณะที่การฉีดวัคซีนจะลดการเสียชีวิตได้ เรามีวัคซีนที่มาใหม่ปลายเดือนที่ผ่านมา 30 ก.ค. 64 ได้รับจากสหรัฐ 1.5 ล้านโดส มุ่งดูแลบุคลากรด่านหน้าที่มีความเสี่ยงจากการดูแลผู้ป่วย รวมถึง จัดสรรให้กับผู้สูงอายุไทยและต่างชาติ นักเรียนไทย นักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ"


ไฟเซอร์ รอบแรก กทม. ตจว. 446,160 โดส

วัคซีน 'ไฟเซอร์' ซึ่งมีวิธีการเก็บรักษายุ่งยากกว่าวัคซีนอื่นๆ ติดลบ 70 องศา วัคซีนที่ยังไม่กระจายออกไป ตอนนี้อยู่ในภาวะแช่แข็งอยู่ และต้องขนส่งด้วยอุณหภูมิติดลบ โดยวัคซีนไฟเซอร์ที่ได้รับ ผลิตเมื่อเดือน มิ.ย. หมดอายุ พ.ย. 64 การกระจายวัคซีนตั้งแต่เมื่อวันที่ 4-6 ส.ค. หลังจากที่ตรวจคุณภาพมีการส่งวัคซีนไปทั่วประเทศ 77 จังหวัด 170 รพ. และหลาย รพ.เริ่มฉีด การขนส่งด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ รักษาอุณหภูมิ จำนวนวัคซีนที่ส่งไปรอบแรก 446,160 โดส โดยใน กทม. 120,960 โดส ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ได้รับ 325,200 โดส


ฉีดเข็มกระตุ้น 'บุคลากรด่านหน้า' 4.6 หมื่นคน
สำหรับบุคลากรด่านหน้า ใช้ทั้งข้อมูลสำรวจจาก รพ. และข้อมูลที่ได้จาก ระบบทะเบียนการบันทึกการฉีดวัคซีน จะรู้ว่าบุคลากรท่านใดได้ซิโนแวคสองเข็มแล้ว ในกลุ่มนี้มีจำนวนและสำรวจมา เมื่อมารวมกัน ส่วนใหญ่ 80% ต้องการไฟเซอร์ และมีบางส่วนที่ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า กระตุ้นเป็นเข็มที่ 3 เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ การจัดส่งไปในรอบแรกจึงอยู่ที่ราว 50-75% ของจำนวนบุคลากรทางการแพทย์ที่มีประวัติฉีดซิโนแวค 2 เข็ม


เน้นส่งไปที่ รพ.ประจำจังหวัด และขนาดใหญ่ เพราะวัคซีนต้องเก็บต่อในตู้เย็น เพื่อป้องกันการสูญเสียคุณภาพ โดย 1 ขวด จำนวน 6 โดส โดสละ 0.3 ซีซี กระตุ้นบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ไปแล้ว 4.6 หมื่นคน (4-6 ส.ค.64) ผลการฉีดไม่พบอาการไม่พึงประสงค์รุนแรง มีปวดเมื่อย บวมบ้างในการฉีดและหายเองได้


ย้ำ วัคซีนแม่สอด ไม่ได้หาย  
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาจากมีกระแสข่าวปลอมที่ว่า วัคซีน อ.แม่สอด จ.ตาก หายไป แต่เมื่อตรวจสอบพบว่า จำนวน 4,320 โดส นำส่ง รพ.สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จ.ตาก ครบถ้วน เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 64 เวลา 15.00 น. ขอเรียนให้ทราบว่าทุกอย่างมีการตรวจสอบดูแลอย่างดี

โควตาศูนย์ฯ หมอยง ยังไม่ได้ถูกส่งไป
ขณะที่ อีกหนึ่งกระแสข่าวที่บอกว่า สธ.ส่งไฟเซอร์ฉีดบุคลากรทางการแพทย์ โดยส่งให้ศูนย์ปฏิบัติการฯ ที่หมอยงเป็นหัวหน้า ขอเรียนว่า สำหรับบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า กลุ่มเป้าหมาย คือ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าทุกคน  รวมทั้งนักศึกษาแพทย์ พยาบาล หรือวิชาชีพอื่น ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 เช่น แผนกผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน คลินิกทางเดินหายใจ ห้องฉุกเฉิน แผนผู้ป่วยวิกฤติ รพ.สนาม เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ เจ้าหน้าที่สอบสวนโรค เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในสถานที่กักกัน หรือปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับการกิจการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 อื่นๆ ตามการพิจารณาของสถานพยาบาล หน่วยงานต้นสังกัด

ดังนั้น ห้องปฏิบัติการเป็นที่หนึ่งที่เป็นบุคลากรด่านหน้า จากข่าวดังกล่าว ศูนย์ห้องปฏิบัติการ มีคนที่ได้ฉีดซิโนแวค 2 เข็มไปแล้ว และจะขึ้นชื่อในระบบ มีโควตาให้ แต่วัควีนยังไม่ได้ถูกส่งไป เพราะวัคซีนจำนวนน้อยจะถูกส่งไปที่สำนักอนามัย แต่ที่ศูนย์มีเพียง 20 คน ประกอบกับได้รับแจ้งทางศูนย์ ว่าบุคลากรด่านหน้า ได้รับการฉีดกระตุ้นด้วยแอสตร้าแล้วบางส่วน ดังนั้น โควตาที่ว่ายังอยู่ที่ กทม. คือ สำนักอนามัย หากไม่มีการใช้จะรอจัดสรรให้องค์กรอื่นต่อไป ขอแจ้งให้ทราบว่า ไม่ได้มีการส่งวัคซีนไปแต่อย่างไร

“ในกทม. มีจุดฉีดจำนวนไม่มาก เพราะจุดใหญ่จะต้องมีบุคลากรทางการแพทย์ทำงานอยู่ จุดที่น้อยๆ จะไม่ได้ส่งให้ เพียงแค่กันไว้ให้ และแบ่งส่วนให้ต่อกับแพทย์ ทันตแพทย์ ที่อยู่ตามคลินิก ที่ไม่ได้มีสังกัด ขณะที่ ทันตแพทยสภา มีการรวบรวม แพทย์ สถานพยาบาลขนาดเล็ก เพื่อรวบรวมรายชื่อ ในการฉีดกระตุ้นไฟเซอร์ และจะมีกำหนดจุดฉีดและนัดหมายต่อไป" รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว 

19850
เช่ารถถูกสะอาดปลอดภัย 600ต่อวัน นนทบุรี โทร 083-7124115

19854
ต้องการถมดิน ถมที่ นึกถึงเรา เริ่มที่เราจบที่เรา ไม่ใช่นายหน้า ติดต่อ 080-022-3804
รับทุกขนาดพื้นที่ ฟรีตรวจสอบพื้นที่ประมาณ ราคา

หน้า: 1 ... 1101 1102 [1103] 1104 1105 ... 1114