แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - freespod

หน้า: 1 ... 11 12 [13] 14 15 ... 17
219
"ไมเกรน" โรคปวดศีรษะเรื้อรัง ที่ปัจจุบันยังหาสาเหตุไม่ได้ มีลักษณะอาการเฉพาะตัว คือ อาการปวดศีรษะข้างเดียว หรือเริ่มปวดข้างเดียวก่อนแล้วจึงปวดทั้งสองข้าง และแต่ละครั้งที่ปวดมักจะย้ายข้างไปมาหรือย้ายตำแหน่งได้ แต่ในบางครั้งก็อาจจะปวดทั้งสองข้างขึ้นมาพร้อมกันก็ได้เช่นกัน การปวดส่วนใหญ่มักจะปวดตุ๊บๆ เป็นระยะ แต่ก็มีบางคราวที่ปวดแบบตื้อๆ ส่วนมากจะปวดรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก โดยจะค่อยๆ ปวดมากขึ้นทีละน้อย จนกระทั่งปวดรุนแรงเต็มที่แล้วจึงค่อยๆ บรรเทาอาการปวดลงจนหาย
 
                           เมื่อเกิดอาการปวดศีรษะไมเกรนกำเริบนั้น เราอาจใช้วิธีการบำบัดไมเกรนด้วยตัวเอง โดยเริ่มต้นจากการประคบร้อนและเย็น เพื่อบรรเทาอาการ
 
                           วิธีที่ 1 ประคบเย็นที่หน้าผากหรือคอ ถ้าอาการไม่บรรเทา ให้ประคบร้อนด้วยกระเป๋าน้ำร้อนไฟฟ้าและเย็นพร้อมกัน โดยประคบเย็นที่หน้าผากและประคบร้อนที่ท้ายทอย ประคบสลับที่กันทุก 2 นาที ประมาณ 6 รอบ
 
                           วิธีที่ 2 ใช้ผ้าอุ่นจัดวางที่ท้ายทอย แล้วนวดคอ ไหล่ และสะบัก แล้วใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นคลึงเบาๆ ที่ขมับ จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดหน้า วิธีนี้จะช่วยลดอาการปวดไมเกรนเนื่องจากความเครียดได้
 
                           วิธีคลายปวดโดยการนวดกดจุด ซึ่งศาสตร์การแพทย์ตะวันออกเชื่อว่า ร่างกายคนเรามีเส้นลมปราณที่ทำหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนเลือด และความสมดุลของพลัง แต่เมื่อเกิดความเครียดหรือสภาวะผิดปกติที่ส่วนใด จะส่งผลให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นเกิดอาการตึง เกร็ง เป็นเหตุให้พลังปราณติดขัด ร่างกายจึงเสียสมดุลและเจ็บป่วย จึงต้องใช้วิธีนวดกดจุดเพื่อเปิดช่องพลังปราณ เมื่อพลังปราณไหลเวียนดี ร่างกายก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ดังนั้น การนวดกดจุดจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ โดยเริ่มต้นจาก
 
                           1. หน้าผาก ให้ใช้นิ้วหัวแม่มือ หรือนิ้วชี้ กดจุดช่วงกลางหน้าผาก ระหว่างหัวคิ้ว กดลึกๆ รูดขึ้นด้านบน ทำต่อเนื่องซักประมาณ 1 นาที หรือจนกว่าอาการปวดจะทุเลา ระหว่างกดให้หายใจเข้าออกลึกๆ
 
                           2. มือ ใช้นิ้วหัวแม่มือ และนิ้วชี้ ของมือข้างหนึ่ง กดจุดตรงเนินเนื้อที่เชื่อมระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมืออีกข้าง ทำต่อเนื่องซักประมาณ 1 นาที หรือจนกว่าอาการปวดจะทุเลา ระหว่างกดให้หายใจเข้าออกลึกๆ แล้วสลับทำอีกข้าง
 
                           3. คอ ใช้นิ้วมือวางบริเวณใต้กะโหลกศีรษะเหนือต้นคอ แล้วรูดออกด้านข้าง ประมาณ 2.5-5 เซนติเมตร หรือ 1-2 นิ้ว ทำจนกระทั่งอาการปวดทุเลา จากนั้น เอนคอไปด้านหลังเล็กน้อย แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือกดบริเวณข้างๆ กระดูกคอ กดค้างไว้ประมาณ 2 นาที หรือจนกว่าอาการปวดจะทุเลา ระหว่างกดให้หายใจเข้าออกลึกๆ
 
                           4. ศีรษะ ใช้นิ้วชี้กดบริเวณจุดตัดกลางศีรษะให้แน่น (จุดตัดลากระหว่าง 2 เส้น คือ เส้นที่ลากจากด้านหน้าหูข้างหนึ่งลากไปยังหูอีกข้างหนึ่ง ตัดกับเส้นที่ลากระหว่างกลางคิ้วไปตัดที่กลางศีรษะ) กดค้างไว้ประมาณ 1 นาที หรือจนกว่าอาการปวดจะทุเลา ระหว่างกดให้หายใจเข้าออกลึกๆ
 
                           5. เท้า ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมือข้างหนึ่ง กดจุดตรงเนินเนื้อที่เชื่อมระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของเท้าอีกข้าง ทำต่อเนื่องประมาณ 1 นาที หรือจนกว่าอาการปวดจะทุเลา ระหว่างกดให้หายใจเข้าออกลึกๆ แล้วสลับทำอีกข้าง
 
                           วิธีเหล่านี้เป็นวิธีธรรมชาติ อาจไม่ได้ผลเร็วเหมือนยาแผนปัจจุบัน แต่ถือได้ว่าเป็นการปรับร่างกายเราให้กลับเข้าสู่สมดุลปกติอีกทางหนึ่ง สำหรับใครที่ปวดไมเกรนบ่อยมากกว่า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ขึ้นไป หรือแม้จะปวดไม่บ่อยแต่รุนแรงมาก หรือนานต่อเนื่องกันหลายวัน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทานยาป้องกันไมเกรน โดยให้รับประทานยาป้องกันต่อเนื่องจนอาการสงบลงนาน 6 - 12 เดือน จึงลองหยุดยา เมื่อกำเริบขึ้นอีกจึงเริ่มรับประทานใหม่



http://www.facebook.com/electricwarmwaterbag
http://www.kapaonamron.com

220


ติดต่อ อุ้ม 098-5541226
Line ID : whiteblessings
http://www.facebook.com/electricwarmwaterbag
http://www.kapaonamron.com

221


ติดต่อ อุ้ม 098-5541226
Line ID : whiteblessings
http://www.facebook.com/electricwarmwaterbag
http://www.kapaonamron.com

222


ติดต่อ อุ้ม 098-5541226
Line ID : whiteblessings
http://www.facebook.com/electricwarmwaterbag
http://www.kapaonamron.com

226
ระหว่างที่อยู่ไฟคุณแม่ท้องหลายคนมักจะประสบปัญหาท้องผูกค่ะ ทำให้การเบ่งอึอึ๊เป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ ทรมานกาย ทรมานใจ แถมไม่สบายก้นอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นอย่าทนอีกต่อไปเลยค่ะคุณขา บอกเลิกอาการท้องผูกกันดีกว่า

อาการท้องผูกเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยากสำหรับแม่ท้องค่ะ ไม่ใช่เพราะคุณดูแลตัวเองไม่ดีนะ แต่เนื่องจากสภาพร่างกายที่เปลี่ยนไปต่างหาก เวลาท้องมดลูกจะขยายใหญ่ขึ้น?ใหญ่ขึ้นไปเรื่อย ๆ จนไปเบียดเบียนเนื้อที่ของกระเพาะปัสสาวะ และลำไส้ใหญ่ จากที่เคยมีพื้นที่ให้ของเสียไหลได้คล่องปรู๊ด ก็เหลือไม่มาก ยิ่งใกล้คลอดพื้นที่ยิ่งเหลือน้อย ทำให้คุณแม่ท้องแก่หลายคนจะเริ่มท้องผูกมากขึ้น

เพราะฉะนั้น เราต้องหาผู้ช่วยทำให้อึอึ๊ได้สบาย นั่นก็คือ?

ถ่ายสบาย By อาหาร

เพราะการขับถ่ายสัมพันธ์กับการกินโดยตรง เพราะฉะนั้น อยากถ่ายง่ายก็ต้องกินอาหารย่อยง่าย กากใยเยอะ ซึ่งอาหารที่ว่ามีรายนามดังต่อไปนี้ค่ะ

1. ผักใบเขียวและไม่เขียวทุกชนิด ขอให้ขึ้นชื่อว่าผักเถอะ สามารถช่วยในการขับถ่ายของคุณแม่ได้ทั้งนั้น เพราะผักจะมีสารอาหารจำพวกกากใย โดยเฉพาะพวกผักพื้นบ้านทั้งหลาย อย่างเช่น เช่น มะเขือพวง สะเดา ขนุนอ่อน ใบบัวบก

แต่?ผักดองทั้งหลายนี่ไม่ควรนะคะ เพราะในผักดองหรือของหมักทั้งหลายจะมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ ไม่ดีกับเจ้าตัวเล็กค่ะ

2. ผลไม้ ไม่ว่าจะเป็น กล้วยน้ำว้า มะละกอ มะขาม ลูกพรุน ส้ม ฝรั่ง แอปเปิ้ล ฯลฯ ล้วนมีกากใยที่ช่วยในการขับถ่ายได้ทั้งสิ้นค่ะ จริง ๆ ผลไม้ชนิดอื่น ๆ ก็สามารถกินได้หมด แต่ผลไม้บางชนิดจะมีรสหวานจัด ทำให้คุณแม่อ้วนได้ง่ายค่ะ

คุณแม่บางคนจะมีความไวต่อผลไม้บางชนิดที่กินเข้าไปต่างกัน เช่น บางคนอาจจะไวต่อมะขาม หรือลูกพรุน คือกินปุ๊บออกปั๊บ แบบนี้ก็ไม่ควรกินมากเกินไป เพราะจะทำให้คุณแม่ถ่ายเยอะราวกับกินยาถ่าย ส่งผลให้มดลูกบีบตัว กระตุ้นให้เจ้าตัวเล็กขอลืมตาดูโลกเร็วกว่ากำหนดได้

3. น้ำผลไม้ช่วยได้ค่ะ อย่างน้ำส้ม น้ำลูกพรุน น้ำมะขาม ได้ผลมานักต่อนัก

4. ถ้าเบื่อผักผลไม้ก็กินพวกโยเกิร์ต นมเปรี้ยว ช่วยให้ขับถ่ายได้คล่อง แล้วก็มีหลายรสให้เลือก

5. ลองเปลี่ยนจากอาหารสีขาว ๆ ที่ขัดสีเป็นโทนสีน้ำตาลแบบไม่ขัดสีดูบ้าง เพราะกากใยจะเยอะกว่า อย่างข้าวขาวก็เปลี่ยนมาเป็นข้าวกล้อง ขนมปังก็ลองกินแบบโฮลวีตดูค่ะ ธัญพืชทั้งหลายช่วยได้ดีค่ะ

TIPS: Mix & Match

สำหรับคนขี้เบื่อ ชอบรสชาติแปลกใหม่ ลองนำอาหารมากินผสมกันดูก็ได้ค่ะ โดยลองผสมตามแบบต่อไปนี้ดู หรือจะลองครีเอทเองก็ได้ค่ะ

 กล้วยหอม + strawberry + yogurt + นม กะได้เองตามชอบนะคะ แล้วมาปั่นรวมกัน

 น้ำมะนาว 1-2 ลูกคั้นสด + น้ำผึ้ง 1-2 หยด นำมาปั่นกับน้ำแข็ง หรือกินสด ๆ ก็ได้จ้ะ

 โยเกิร์ต + นมสด + มะนาว + น้ำผึ้ง ผสมรวมกันดื่มตอนเช้า

 กล้วยธรรมดา อาจจะนำมาปิ้ง ตาก อบ กินยามว่างก็ช่วยขับถ่ายสบายนะ

Don't Forget !

เมื่อทำตาม 5 ข้อข้างบนแล้ว อย่าลืม 5 ข้อข้างล่างต่อไปนี้ด้วยจ้ะ

1. ดื่มน้ำเปล่าทุกวัน ๆ ละ 2 ลิตร หรือ 8-10 แก้ว

2. ออกกำลังกายเบา ๆ จะเดินเล่น ว่ายน้ำ โยคะ ก็ดีต่อร่างกายและการขับถ่ายจ้ะ

3. ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลาค่ะ และอย่าออกแรงเบ่งมากจนเกินไป เนื่องจากการเบ่งมากจะทำให้เลือดคั่งบริเวณบริเวณทวารหนัก ทำให้เนื้อเยื่อปากทวารหนักบวมและยื่นออกมาได้

4. พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอและเป็นเวลา

5. หลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายเคืองทางเดินอาหารเช่น อาหารรสจัด ชา กาแฟ อาหารจำพวกเนื้อวัว เนื้อหมู กินให้น้อยลง แต่เน้นเนื้อปลาแทน เพราะจะย่อยได้ง่ายกว่าค่ะ

วิธีง่าย ๆ เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้คุณแม่เลิกรากับอาการท้องผูกได้อย่างถาวร!

แบบไหนเรียก "ท้องผูก"

ใครที่เคยเข้าใจว่าท้องผูกคือ ไม่ถ่ายทุกวัน หรือถ่าย 2 วันครั้ง ไม่ใช่นะคะ ท้องผูกหรือไม่นั้นเราดูจาก

1. อึแข็ง สังเกตตรงหัวอุจจาระ จะแข็งมากกว่าตรงส่วนอื่น ทำให้เวลาเบ่งเจ็บและถ่ายลำบาก ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้บ่อย ๆ จะเกิดริดสีดวงได้

2. อึเป็นกระสุน ถ้าเมื่อไรที่คุณแม่อึเป็นกระสุน ๆ นั่นเป็นสัญญาณไม่ดีแล้วค่ะ แสดงว่าท้องผูกอย่างหนักจนไม่สามารถเบ่งออกมาได้หมดทั้งก้อน ต้องรีบปรึกษาคุณหมอด่วนจี๋

www.kapaonamron.com

230



ติดต่อ อุ้ม 098-5541226
Line ID : whiteblessings
http://www.facebook.com/electricwarmwaterbag
http://www.kapaonamron.com

231
กลิ่นตัวแรงหลังคลอด ทำไงดี ?

เคยรู้สึกมั้ยว่า ทำไมหลังคลอดแล้วมีกลิ่นตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้อาจจะไม่มีหรือไม่รู้สึกว่ากลิ่นแรงเท่าหลังคลอด ใครที่สงสัยเรื่องนี้อยู่เรามีคำตอบมาฝาก

กลิ่นตัวแรงหลังคลอดกลิ่นตัวเกิดจาก ?

ประการแรกเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ ร่างกายและฮอร์โมนของคุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะส่งผลให้คุณแม่มีกลิ่นประจำตัวด้วย แต่ก็ใช่ว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์จะมีกลิ่นตัวกันทุกคน

ประการที่ 2 เมื่อตั้งครรภ์ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายจะมีการเผาผลาญมากกว่าเดิม 2-3 เท่า จึงทำให้คุณแม่มีกลิ่นตัวมากกว่าคนทั่วไป

และประการสุดท้าย คือการขับถ่ายของเสียในร่างกายที่ผิดปกติ เช่น การขับน้ำคาวปลาออกมาไม่หมด คุณแม่ท้องผูก กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระบ่อย ๆ ก็มีส่วนทำให้ร่างกายขับเหงื่อและกลิ่นตัวออกมาทางผิวหนังได้เช่นกัน

เคล็ดลับขจัดกลิ่น

          คุณแม่หลายคนอาจจะมีปัญหาเรื่องของกลิ่นตัวแรง ดังนั้นเคล็ดลับต่าง ๆ เหล่านี้อาจช่วยคุณแม่ได้

 1. คุณแม่ควรแต่งตัวให้สบายโดยเฉพาะชุดชั้นใน ต้องไม่รัดหรือคับจนเกินไป เพราะจะทำให้ร่างกายอับชื้นและมีกลิ่นตัว รวมถึงอาจทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอดตามมาด้วย

 2. ในแต่ละวันหากรู้สึกร้อน การอาบน้ำบ่อย ๆ จะช่วยให้ร่างกายขจัดคราบไคลและกลิ่นตัวได้ แต่ควรเป็นน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่อุ่นมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้งเสียได้

 3. คุณแม่ไม่จำเป็นต้องชโลมโลชั่นให้เหนียวเหนอะหนะเพราะจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัวได้

 4. ควรงดอาหารที่มีกลิ่น เช่น หัวหอม สะตอ ทุเรียน กุยช่าย ฯลฯ

 5. หลังปัสสาวะหรืออุจจาระเสร็จแล้วควรล้างอวัยวะเพศให้สะอาดด้วยการล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง และเช็ดให้แห้ง

 6. คุณแม่ระวังอย่าให้ท้องผูก กินอาหารประเภทผักผลไม้และอาหารที่มีกากใย และพยายามขับถ่ายให้เป็นเวลา

 7. ใช้สารส้มดับกลิ่นหรือน้ำหอมที่สกัดจากธรรมชาติ เพื่อลดการอาการแพ้และการระคายเคืองจากสารเคมี แต่หากคุณแม่แพ้สารส้มก็สามารถใช้สบู่สมุนไพรแทนได้

 8. เมื่อมีประจำเดือนควรล้างอวัยวะเพศให้สะอาด และเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ

 9. อบสมุนไพรและอาบน้ำสมุนไพรช่วงอยู่ไฟ ช่วยลดกลิ่นตัวได้

 10. การอยู่ไฟหลังคลอดน้ำคาวปลาจะหายไวมาก และความร้อนจะช่วยขับของเสียออกมาทางเหงื่อหรืออาจใช้กระเป๋าน้ำร้อนไฟฟ้าแทนก็สะดวกมาก

เรื่องกลิ่นตัวบางครั้งเราก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าคนรอบข้างจะได้กลิ่นหรือรู้สึกอะไรหรือไม่ เพราะฉะนั้นหมั่นสำรวจและดูแลตัวเอง รักษาความสะอาดอยู่เป็นประจำ ก็จะช่วยลดกลิ่นตัว และมีกลิ่นหอมจนคนข้าง ๆ อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา



ติดต่อ อุ้ม 098-5541226
Line ID : whiteblessings
http://www.facebook.com/electricwarmwaterbag
http://www.kapaonamron.com

232
กลิ่นตัวแรงหลังคลอด ทำไงดี ?

เคยรู้สึกมั้ยว่า ทำไมหลังคลอดแล้วมีกลิ่นตัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้อาจจะไม่มีหรือไม่รู้สึกว่ากลิ่นแรงเท่าหลังคลอด ใครที่สงสัยเรื่องนี้อยู่เรามีคำตอบมาฝาก

กลิ่นตัวแรงหลังคลอดกลิ่นตัวเกิดจาก ?

ประการแรกเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ ร่างกายและฮอร์โมนของคุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะส่งผลให้คุณแม่มีกลิ่นประจำตัวด้วย แต่ก็ใช่ว่าคุณแม่ที่ตั้งครรภ์จะมีกลิ่นตัวกันทุกคน

ประการที่ 2 เมื่อตั้งครรภ์ระบบเมตาบอลิซึมในร่างกายจะมีการเผาผลาญมากกว่าเดิม 2-3 เท่า จึงทำให้คุณแม่มีกลิ่นตัวมากกว่าคนทั่วไป

และประการสุดท้าย คือการขับถ่ายของเสียในร่างกายที่ผิดปกติ เช่น การขับน้ำคาวปลาออกมาไม่หมด คุณแม่ท้องผูก กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระบ่อย ๆ ก็มีส่วนทำให้ร่างกายขับเหงื่อและกลิ่นตัวออกมาทางผิวหนังได้เช่นกัน

เคล็ดลับขจัดกลิ่น

          คุณแม่หลายคนอาจจะมีปัญหาเรื่องของกลิ่นตัวแรง ดังนั้นเคล็ดลับต่าง ๆ เหล่านี้อาจช่วยคุณแม่ได้

 1. คุณแม่ควรแต่งตัวให้สบายโดยเฉพาะชุดชั้นใน ต้องไม่รัดหรือคับจนเกินไป เพราะจะทำให้ร่างกายอับชื้นและมีกลิ่นตัว รวมถึงอาจทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอดตามมาด้วย

 2. ในแต่ละวันหากรู้สึกร้อน การอาบน้ำบ่อย ๆ จะช่วยให้ร่างกายขจัดคราบไคลและกลิ่นตัวได้ แต่ควรเป็นน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่อุ่นมากจนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวแห้งเสียได้

 3. คุณแม่ไม่จำเป็นต้องชโลมโลชั่นให้เหนียวเหนอะหนะเพราะจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัวได้

 4. ควรงดอาหารที่มีกลิ่น เช่น หัวหอม สะตอ ทุเรียน กุยช่าย ฯลฯ

 5. หลังปัสสาวะหรืออุจจาระเสร็จแล้วควรล้างอวัยวะเพศให้สะอาดด้วยการล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง และเช็ดให้แห้ง

 6. คุณแม่ระวังอย่าให้ท้องผูก กินอาหารประเภทผักผลไม้และอาหารที่มีกากใย และพยายามขับถ่ายให้เป็นเวลา

 7. ใช้สารส้มดับกลิ่นหรือน้ำหอมที่สกัดจากธรรมชาติ เพื่อลดการอาการแพ้และการระคายเคืองจากสารเคมี แต่หากคุณแม่แพ้สารส้มก็สามารถใช้สบู่สมุนไพรแทนได้

 8. เมื่อมีประจำเดือนควรล้างอวัยวะเพศให้สะอาด และเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ

 9. อบสมุนไพรและอาบน้ำสมุนไพรช่วงอยู่ไฟ ช่วยลดกลิ่นตัวได้

 10. การอยู่ไฟหลังคลอดน้ำคาวปลาจะหายไวมาก และความร้อนจะช่วยขับของเสียออกมาทางเหงื่อหรืออาจใช้กระเป๋าน้ำร้อนไฟฟ้าแทนก็สะดวกมาก

เรื่องกลิ่นตัวบางครั้งเราก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าคนรอบข้างจะได้กลิ่นหรือรู้สึกอะไรหรือไม่ เพราะฉะนั้นหมั่นสำรวจและดูแลตัวเอง รักษาความสะอาดอยู่เป็นประจำ ก็จะช่วยลดกลิ่นตัว และมีกลิ่นหอมจนคนข้าง ๆ อยากอยู่ใกล้ตลอดเวลา



ติดต่อ อุ้ม 098-5541226
Line ID : whiteblessings
http://www.facebook.com/electricwarmwaterbag
http://www.kapaonamron.com

หน้า: 1 ... 11 12 [13] 14 15 ... 17