ด้วยสภาพการแข่งขันของผู้ให้บริการรถรับจ้างทุกคนก็ต้องการที่อยากจะได้งานขนย้าย จากลูกค้าทั้งสิ้น ดังนั้นผู้ให้บริการรถรับจ้างจึงต้องมีการเสนอราคาและแข่งราคาเพื่อให้ผู้ใช้บริการนั้นมีความสนใจใน รถรับจ้างราคาถูก ของตัวเขาเองหรือบางครั้งอาจจะเสนอ Option ในเรื่องของการยกสินค้ายกของช่วยก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ผู้ใช้บริการรถรับจ้างราคาถูกในปัจจุบันต่างเอากลยุทธ์ มาให้บริการ เพราะว่าในปัจจุบันนี้ปริมาณรถรับจ้างขนของมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ราคาค่าบริการเกิดการแข่งขันการเป็นอย่างมาก

ดังนั้นการตรวจสอบราคาและการเช็คราคา รถรับจ้างราคาถูก ผู้ว่าจ้างสามารถที่จะเช็คราคาจนที่เราพึงพอใจแล้วค่อยเรียกใช้บริการก็ยังไม่สาย

รถรับจ้างขนของใกล้ฉัน
การที่ผู้ใช้บริการจะจ้างรถขนของขนย้ายของในระยะทางที่สั้นๆหรือใกล้ๆการคิดราคาของผู้ว่าจ้างก็จะมีความแตกต่างกันตามขนาดของรถและสินค้าที่ทำการขนย้าย ซึ่งบางครั้งผู้ให้บริการจะมีราคาค่าบริการโดยเป็นราคาเริ่มต้นที่ระยะทางในช่วง 0 กิโลเมตรถึง 20 กิโลเมตรแรกอาจจะเป็นการเสนอราคาในราคาเดียวกันก็ขึ้นอยู่กับว่าการกำหนดเรทราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่สำหรับ คนที่มีระยะทางประมาณ 1-5 กิโลเมตรก็อาจจะเสียเปรียบระยะทางที่ 20 กิโลเมตรที่มีระยะทางที่ไกลกว่า แต่ราคาค่าบริการเท่ากัน
ข้อดีของ รถรับจ้างขนของใกล้ฉัน นั้นก็คือความรวดเร็วในการให้บริการ ในกรณีที่ผู้ว่าจ้างต้องการรถรับจ้างขนของแบบเร่งด่วน
รถขนของย้ายบ้าน

ท่านรู้หรือไม่ว่าในกรณีที่ต้องการย้ายที่อยู่ย้ายที่ทำงานย้ายกลับบ้านต่างจังหวัด การขนของย้ายบ้านเป็นเรื่องยากหรือเรื่องง่ายแน่นอนว่าหากเราเป็นคนตัวคนเดียวการขนย้ายบ้านเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก เพราะว่ามีสินค้ามากมายที่เราจะต้องขนย้ายของขึ้นรถแล้ววิ่งกลับบ้านหรือเปลี่ยนแปลงที่อยู่เฉพาะการแพ็คสินค้าแพ็คของลงกล่องก็เหนื่อยมากแล้ว ยิ่งถ้าหากว่าต้องขนย้ายขึ้นลงด้วยตัวเราเองยิ่งเหนื่อยมากกว่าดังนั้นจึงมีการให้บริการ รถขนของย้ายบ้าน เข้ามาในกรณีที่เจ้าของบ้านไม่ต้องการขนย้ายเองซึ่งรถขนของในลักษณะดังกล่าวนี้จะเป็นรถที่มีขนาดใหญ่เช่น รถรับจ้าง 6 ล้อที่จะสามารถขนย้ายของให้จบภายในเที่ยวเดียวพร้อมด้วยพนักงานยกของ จึงทำให้ในปัจจุบันการขนย้ายบ้านด้วยรถขนของย้ายบ้านจึงเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายเป็นอย่างมาก

รถขนของราคาถูก ใกล้ฉัน
ถ้าหากเราต้องการที่จะประหยัดต้นทุนในกรณีที่เราขนย้ายของระยะทางใกล้ๆ หรืออยากได้ รถขนของราคาถูก ใกล้ฉัน จริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องยากเลยแต่ผู้ใช้บริการจะต้องมีการวางแผนการขนย้ายให้เป็นอย่างดี มีการวางแผนล่วงหน้าในการที่จะเลือกใช้บริการรถรับจ้างว่าจะขนย้ายอะไร วันที่เท่าไหร่รถที่ต้องการขนย้ายเป็นรถอะไร และงบประมาณที่เราต้องการควรจะต้องไม่เกินกี่บาท ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถ้าหากว่าเราจะขนย้ายของแบบกระทันหัน คงไม่สามารถที่จะต่อรองราคากับผู้ให้บริการรถขนของได้ ดังนั้นถ้าเราอยากจะได้ รถขนของราคาถูก ใกล้ฉัน จะต้องมีการวางแผนการขนย้ายล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 อาทิตย์

รถรับจ้างขนของใกล้ฉัน
ในการที่เราจะจ้างรถขนของเราเคยกำหนดเวลาไหมว่าต้องการอยากให้รถถึงหน้างานภายในไม่เกินเวลากี่นาที กี่ชั่วโมง ถ้าหากว่าเราจะจ้าง รถรับจ้างขนของใกล้ฉัน และต้องดูว่า เราสามารถรอได้นานเท่าไหร่หรือเราต้องการขนย้ายของในช่วงเวลาไหนสิ่งเหล่านี้ผู้ว่าจ้างจะต้องกำหนดกลับผู้ให้บริการให้มีความชัดเจนว่าจะใช้รถในวันที่เท่าไหร่เวลาอะไรระยะทางประมาณกี่กิโลเมตร และรถรับจ้างขนของใกล้ฉันสามารถที่จะวิ่งเข้าสู่หน้างานได้ตามที่ผู้ใช้บริการต้องการหรือไม่ ซึ่งขอให้เป็นการตกลงร่วมระหว่างผู้จ้างกับผู้ถูกจ้าง

รถรับจ้างทั่วไป ใกล้ฉัน
หากเราอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัดหรือจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศไทย รถรับจ้างบางรายไม่สามารถที่จะเลือกการขนย้ายได้ว่ารถคันนี้ต้องขนย้ายแค่ ย้ายบ้าน หรือย้ายหอ หรือย้ายเครื่องจักร หรือขนย้ายอะไรก็ตามแต่ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นการปิดช่องทางในการให้บริการมากจนเกินไป ดังนั้น รถรับจ้างทั่วไป ใกล้ฉัน จึงเป็นรถรับจ้างที่ต้องการจะเปิดทุกช่องทางสำหรับผู้ที่สนใจอยากจะใช้บริการขนย้ายของ โดยไม่ติดว่าจะเป็นการขนย้ายอะไร ขอแค่เพียงจ้างมาผู้ให้บริการก็พร้อมที่วิ่งให้บริการได้เลยทันที
โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ใกล้ฉันใกล้รถ ซึ่งเวลาและระยะทางจะทำให้รถสามารถที่จะรับงานแบบกะทันหันได้ หรือในกรณีที่คนย้ายของแบบเร่งด่วนก็สามารถที่จะให้บริการได้เช่นเดียวกัน

รถรับจ้างขนของไปต่างจังหวัด ราคาถูก
ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันการรัดเข็มขัดหรือการมีรายจ่ายน้อยกว่ารายรับ ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากยิ่งถ้าเกิดว่าเรามีความจำเป็นต้องย้ายที่อยู่ย้ายบ้านหรือย้ายของไปต่างจังหวัด เราก็อยากจะได้ รถรับจ้างขนของไปต่างจังหวัด ราคาถูก เพื่อที่เราจะได้จ่ายน้อยและงานสำเร็จลุล่วงนั่นคือเป้าหมายของผู้ว่าจ้างต้องการอยากจะได้รถขนของในลักษณะดังกล่าว
ดังนั้นในการขนย้ายของสินค้าส่วนไหนที่เราไม่มีความจำเป็นหรือสามารถที่จะทิ้งได้ ควรที่จะไม่เอาไปด้วยเพราะถ้าหากว่าเรานำสินค้าไปทุกชิ้นโดยไม่มีความจำเป็นอาจจะทำให้เราต้องใช้รถบริการที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น รถรับจ้าง 6 ล้อขนของไปต่างจังหวัด ซึ่งแน่นอนว่าราคาค่าบริการจะมีราคาที่สูงกว่ารถกระบะรับจ้างขนของไปต่างจังหวัดอย่างแน่นอน ขนาดของรถก็จะช่วยให้เราประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย เราจึงควรที่จะเลือกจ้างขนของที่สามารถใส่สินค้าได้พอดี

รถรับจ้างทั่วไป
ฉีกทุกข้อกำหนดกฎเกณฑ์ให้บริการขนย้ายในทุกรูปแบบ ไม่ว่าผู้ใช้บริการต้องการแต่ขนย้ายอะไรขนย้ายไปไหน ต้องการให้ช่วยอะไรบ้างสามารถที่จะแจ้งผู้ให้บริการได้โดยตรง ไม่ว่างานไหนๆขนย้ายไปที่ไหนย้ายบ้าน ย้ายหอ ย้ายอพาร์ทเม้นท์ ย้ายคอนโด รถรับจ้างทั่วไป ก็พร้อมที่ให้บริการได้ทั้งสิ้น ซึ่งปัจจุบันนี้รับจ้างในลักษณะดังกล่าวมีจำนวนมากและเปิดทุกช่องทางไม่มีข้อแม้ในการให้บริการขนย้ายของแต่อย่างใด

รถรับจ้างราคาถูก รังสิต
จังหวัดปทุมธานีในเขตพื้นที่รังสิตถือว่าเป็นเขตพื้นที่ที่มีการเรียกใช้บริการ รถรับจ้างราคาถูก รังสิต เป็นจำนวนมากหรือเป็นอันดับต้นๆของจังหวัดปทุมธานีเลยก็ว่าได้ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่แถวตลาดรังสิต ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต สะพานแดง คลอง 3 สะพานฟ้า ตลาด 200 ปีซึ่งพื้นที่แถวนี้ถือว่าเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่มีการจ้างรถขนของเป็นจำนวนมาก ซึ่งในเขตพื้นที่รังสิตนั้นด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจึงทำให้มี รถรับจ้างราคาถูก รังสิต จำนวนมากที่คอยจะ support งานบริการขนย้ายในลักษณะดังกล่าว สำหรับผู้ใช้บริการใหม่รถรับจ้างราคาถูกรังสิตจึงไม่ต้องกังวลเพราะว่ามีรถไว้คอยให้บริการและมีจุดจอดในเขตพื้นที่ใกล้ๆจำนวนมากสามารถที่จะค้นหาทาง Google หรือสอบถามทางเว็บไซต์ Facebook ได้โดยง่าย

รถรับจ้างราคาถูก สาทร
จังหวัดกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ที่มีความเจริญมีคอนโด มีโรงแรม มีหอพัก มากมายจึงทำให้มี รถรับจ้างราคาถูก สาทร วิ่งบริการลูกค้าทุกวัน ถึงแม้ว่าพื้นที่ดังกล่าวในช่วงวันทำงานจะมีสภาพการจราจรที่ติดขัดมากพอสมควรแต่การให้บริการรถรับจ้างราคาถูกสาทรก็จะมีรถวิ่งเข้ามาให้บริการอย่างไม่ขาด และไม่ต้องกังวลว่ารถรับจ้างขนของนั้นจะมีน้อยหรือต้องจองคิวล่วงหน้า หากท่านต้องการที่จะขนย้ายของในเขตพื้นที่สาทรสามารถที่จะสอบถามกับผู้ให้บริการโดยตรงอาจจะใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง ก็สามารถที่จะขนย้ายได้แล้ว

รถรับจ้างราคาถูก ชลบุรี
โดยที่ว่าจังหวัดชลบุรีถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับต้นๆของประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นบางแสน พัทยา ศรีราชา หรือเขตพื้นที่อื่นๆดังนั้นการขนย้ายของย้ายที่อยู่ย้ายที่พัก ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือนักท่องเที่ยวก็จะมีการเรียกใช้บริการ รถรับจ้างราคาถูก ชลบุรี อยู่บ่อยครั้งทำให้เกิดการจ้างงานสร้างงานให้กับผู้ที่มีรถที่เป็นของตัวเองแล้วนำมาทำการให้บริการรับจ้างขนของแก่ลูกค้า หรือเป็น[^_^] จนทำให้ รถรับจ้างราคาถูก ชลบุรี มีจำนวนมากมายที่จะคอย support ให้กับผู้ใช้บริการทุกคนที่มีความต้องการอยากจะขนย้ายโดยเฉพาะการขนย้ายที่เป็นยอดฮิตของจังหวัดชลบุรี ซึ่งจะได้แก่ขนย้ายหอพัก ขนย้ายบ้าน ขนย้ายคอนโด ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายมอเตอร์ไซค์ ซึ่งการขนย้ายในลักษณะดังกล่าวนี้ราคาค่าบริการก็ไม่แพงอีกด้วย

รถรับจ้างราคาถูก นนทบุรี
สาเหตุที่จะทำให้ผู้ให้บริการเสนอราคา รถรับจ้างราคาถูก นนทบุรี ได้นั่นแปลว่าจะต้องมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ต่ำมีรถวิ่งให้บริการจำนวนมากและมีงานขนย้ายของในเขตนนทบุรีจำนวนมากซึ่งด้วยลักษณะงานและปริมาณงานที่มากจึงทำให้มีกำไรและสามารถทำราคาแข่งขันได้ในราคาที่ถูกลง ดังนั้นการที่เราจะหาผู้ให้บริการได้เราจะต้องดูพื้นฐานของผู้ให้บริการว่ามีความน่าเชื่อถือมีรถขนของปริมาณกี่คัน และมีการจ้างงานบ่อยทีแค่ไหนโดยอาจจะสังเกตหรือดูจากการรีวิวการให้บริการของลูกค้า เพราะว่ายิ่งรถรับจ้างเจ้าไหนมีงานขนย้ายจำนวนมาก อำนาจในการต่อรองหรือการลดราคาค่าบริการจะยิ่งสูง ดังนั้นควรตรวจสอบหรือเช็คราคาผู้ให้บริการหลายๆเจ้า

รถรับจ้างราคาถูก สมุทรปราการ
ถ้าหากต้องการอยากจะได้ รถรับจ้างราคาถูก สมุทรปราการ ต้องมาฟังทางนี้เทคนิคในการจ้างรถรับจ้างให้ได้ราคาที่ถูกควรจะต้องใช้รถรับจ้างที่มีขนาดเล็กซึ่งราคาค่าบริการจะถูก โดยพื้นฐานอยู่แล้วส่วนการจัดสินค้าเราควรที่จะมีการจัดเรียงสินค้าให้เป็นระเบียบในระหว่างการขึ้นของลงของเพื่อให้พื้นที่ที่มีอยู่ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด การแพ็คสินค้าก่อนการขนย้ายหากมีกล่องสินค้าควรที่จะแพ็คของเป็นอย่างดีลงกล่องเพื่อให้การจัดเรียงของเป็นไปอย่างง่ายและสามารถใส่ของได้ครบจบในเที่ยวเดียว หากเราขาดการวางแผนตรงนี้อาจจะทำให้เรา ต้องใช้รถถึง 2 เที่ยวซึ่งจะทำให้เราต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ดังนั้นการจ้าง รถรับจ้างราคาถูก สมุทรปราการ การวางแผนจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญในการขนย้ายของมากที่สุด

รถรับจ้างราคาถูกปทุมธานี
หากเปรียบเทียบการให้บริการ รถรับจ้างราคาถูก ปทุมธานี เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆในเขตพื้นที่ใกล้ๆหรือเขตปริมณฑลผู้ให้บริการรถรับจ้างปทุมธานีจะเสนอราคาค่าบริการได้ถูกกว่าพื้นที่จังหวัดอื่นๆ ถึงแม้ว่าระยะทางจะเท่ากันการขนย้ายสินค้าเป็นลักษณะเดียวกันนั่นเป็นเพราะว่าในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี หากการขนย้ายนั้นต้องใช้เส้นทางอย่างมอเตอร์เวย์หรือทางด่วนจังหวัดปทุมธานีถือว่าเป็น 1 จังหวัดที่สามารถขนย้ายของภายในจังหวัดปทุมธานี โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทางด่วนหรือมอเตอร์เวย์หรือถึงแม้ว่า ขึ้นมอเตอร์เวย์ก็มีจุดลงที่ไม่ต้องจ่ายค่าผ่านทาง จึงทำให้การเสนอราคารถรับจ้างปทุมธานีจึงมีราคาที่ไม่แพงดังนั้น รถรับจ้างราคาถูก ปทุมธานี จึงเป็นที่นิยมของผู้ใช้บริการ เพราะช่วยประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย

รถรับจ้างราคาถูก สุรินทร์
จังหวัดสุรินทร์ถือว่าเป็นจังหวัดหนึ่งของอีสานใต้และเป็นจังหวะที่มีขนาดใหญ่พื้นที่ของแต่ละอำเภออยู่ห่างกันพอสมควร ดังนั้นการจะใช้บริการ รถรับจ้างราคาถูก สุรินทร์ ควรจะต้องมีการวางแผนการขนย้ายมากพอสมควรโดยเฉพาะการ ย้ายบ้าน ย้ายหอ ของบุคคลทั่วไปซึ่งถือว่าเป็นงานขนย้ายที่ยอดฮิตในเขตพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ หากเราไม่มีรถเป็นของตัวเองการว่าจ้างรถขนของนั้นถ้าหากว่ามีรถของคนในพื้นที่หรืออยู่ใกล้ๆควรที่จะมีการคุยรายละเอียดและสอบถามราคาค่าบริการและต่อรองค่าบริการ และวางแผนการขนย้ายที่ล่วงหน้าจะทำให้เราได้รถรับจ้างราคาถูกสุรินทร์อย่างแน่นอน

รถรับจ้างราคาถูก บางพลัด
บางพลัดและจะพัดราคาแพงให้ออกไป จะเหลือไว้แต่ราคาถูก สำหรับคนที่กำลังมองหา รถรับจ้างราคาถูก บางพลัด จะดีมากแค่ไหนถ้าการขนย้ายของเรานั้นได้รถรับจ้างที่มีความเป็นมืออาชีพมีประสบการณ์การขนย้ายมีคนยกของ และราคาค่าบริการไม่แพง ถือว่าเป็นสิ่งที่มีความคุ้มค่าเป็นอย่างมาก ซึ่งเราจะหารถรับจ้างแบบนี้ได้ที่ไหน นั่นคือสิ่งที่เราต้องทำนั่นก็คือค้นหาผ่าน Google หรือ Facebook ซึ่งจะมีเพจข้อมูลการให้บริการ รถรับจ้างบางพลัด จำนวนมากทำการตรวจสอบราคาหลายๆเจ้าและพูดคุยรายละเอียดซึ่ง มาเลือกราคารถรับจ้างที่ราคาที่ถูกที่สุดและพูดคุยแล้วรู้สึกประทับใจในการให้บริการของเจ้าหน้าที่ และที่สำคัญต้องดูผลงานการให้บริการประกอบด้วยว่าเจ้านี้สามารถที่จะใช้บริการได้หรือไม่นั่นเอง

รถรับจ้างราคาถูก ต้องเป็นรถขนของที่จ้างไปไหนก็ราคาน่ารัก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-youservice.com/

ในปัจจุบัน นี้นั้น ทุกคนล้วนแล้ว แต่ต้องการดูดีดูเด็กอยู่เสมอเวลา วันนี้พวกเราก็เลยมีเทคนิคดีๆมาชี้แนะให้ผู้หญิงหวานใจสุขภาพ แล้วก็ต้องการงามใสไม่แก่เร็วมาฝาก ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น ไปทดลองติดตามกันได้เลย…..


1.เปลี่ยนแนวทางการกิน

รับประทานอาหารให้ครบทั้งยัง 5 หมู่ แต่ว่าจำเป็นต้องมองให้สมดุลกับวัย ด้วยเหตุว่าเมื่อแก่ขึ้นอัตราการเผาพลาญในร่างกายจะลดน้อยลง ด้วยเหตุดังกล่าวถ้าทานมากมายเสมือนตอนเด็กหรือวัยรุ่น ก็บางทีก็อาจจะมีผลทำให้อ้วนง่ายดายมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญควรจะงดเว้นการกินอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตรวมทั้งน้ำตาลในตอนเย็น แม้กระนั้นให้เลือกทานเป็นผักผลไม้ที่ย่อยง่ายแทนจะดีมากยิ่งกว่า


2.ออกกำลังกาย

การบริหารร่างกายไม่มีความสำคัญควรต้องทำวันแล้ววันเล่า แต่ว่าควรจะบากบั่นที่จะออกแรงขั้นต่ำอาทิตย์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที แต่ว่าถ้าหากว่าไม่มีเวลาไหมสบายจริงๆให้ใช้เป็นการเดินแทน เป็นต้นว่า เดินขึ้นลงบันได หรือเดินจับจ่ายซื้อของตามตลาด ซุปเปอร์มาร์เก็ต ฯลฯ เพื่อร่างกายได้มีการเผาพลาญบ้าง

 
3.บริโภคน้ำ อย่างมีคุณภาพ

น้ำ เป็นความต้องการ สำหรับมนุษย์อย่างมาก และก็น้ำยังเป็นตัวที่ทำให้ผิวมีความชื้นและไม่แห้งกระด้าง โดยการดื่มจำเป็นจะดื่มวันละ 8 แก้ว และก็บากบั่นหลบหลีกเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์และก็คาเฟอีน เพราะว่าเครื่องดื่มดังที่กล่าวมาข้างต้นไม่เป็นผลดีต่อร่างกาย

 

4.พักผ่อน

ควรจะนอนให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมง เพราะเหตุว่าตอนที่พักผ่อนร่างกายจะทำซ่อมตนเอง นอกจากนั้นยังส่งผลศึกษาค้นคว้ากล่าวว่า การนอนเฉลี่ยแล้ววันละ 7-8 ชั่วโมง จะช่วยลดจังหวะเสี่ยงเป็นโรคโรคเบาหวานรวมทั้งโรคเส้นโลหิตหัวใจตัน โรคเครียด รวมทั้งโรคอ้วน ได้ด้วย


5.ครีมกันแดด อย่าให้ขาด

เนื่องจากว่าแสงอาทิตย์เป็นสาเหตุของปัญหาผิวหน้าไม่ว่าจะเป็น ปัญหาฝ้า กระ และก็ริ้วรอยเหี่ยวย่น ก็ล้วนแต่เกิดขึ้นบนผิวหน้า ซึ่งปัญหาพวกนี้จะที่ทำให้ผู้หญิงดูไม่สดใสและดูหม่นหมองไม่สดชื่น และก็มองแก่ขึ้นได้ด้วยเหมือนกัน

 
6.ห่างจากความเครียด

ความรู้สึกหรืออารมณ์บางทีอาจดูราวกับว่าไม่น่าจะมีส่วนทำให้แก่ไหมแก่ได้ แต่ว่าจริงๆแล้วในขณะที่คุณรู้สึกเครียดหรืออารมณ์เสีย ชอบแสดงออกมาทางสีหน้าท่าทาง ซึ่งความประพฤติปฏิบัติดังกล่าวมาแล้วข้างต้นจะยิ่งสนับสนุนให้กำเนิดริ้วรอยได้ง่ายเพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้เพียรพยายามอย่าเครียด บากบั่นทำในสิ่งที่เราเองให้สบายและก็ร่าเริงแจ่มใส



ความงาม: แนวทางการดูแลตัวเอง ให้ “อ่อนวัย” ง่ายๆ แค่นี้เอง!! อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.healthyhitech.net/

“ ยิ้มที่สดใส โลกทั้งใบละลายตรงหน้า ” เป็นคำพูดที่ไม่เกินจริงเลย สำหรับการยิ้มที่จริงใจและเห็นฟันเต็มซี่ แต่ในหลายครั้งการยิ้มแบบนี้ เราอาจจะกลัวคนอื่นเห็นความบกพร่องของฟันและเหงือก เช่น ฟันห่าง ฟันไม่ขาว และทำให้รู้สึกไม่กล้าที่จะเผยรอยยิ้ม จนบดบังความมั่นใจในการพูดคุยกับคนรอบข้าง แต่ในปัจจุบัน Smile Designer สามารถออกแบบรอยยิ้ม เพื่อแก้ไขความบกพร่องและเพิ่มความมั่นใจได้

ทันตกรรมบูรณเพื่อความสวยงาม หรือ Smile Designer ประจำโรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า ปัญหาความบกพร่องของฟันและเหงือกที่ส่งผลต่อความมั่นใจเวลายิ้ม จะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป เพราะในปัจจุบันเราสามารถปรับเปลี่ยนรอยยิ้ม ให้มีความสวยงามและดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ ด้วยเทคนิคของ Smile Designer ในการออกแบบทรงฟันให้สวยได้รูป และเหมาะกับบุคลิกของแต่ละคน

องค์ประกอบหลักของรอยยิ้มที่สวยงาม จะประกอบไปด้วย สีฟัน รูปร่างฟัน สัดส่วนทรงฟัน การเรียงตัวของฟัน ลักษณะเหงือกและความสัมพันธ์กับใบหน้า นอกจากนี้ ยังดูได้จากเส้นสามเส้นในเวลายิ้ม ซึ่งประกอบด้วย 1.เส้นริมฝีปากบน 2.เส้นที่ระดับเหงือก 3.เส้นระดับปลายฟันล่าง

เส้นริมฝีปากบน ควรสัมพันธ์กับเส้นระดับเหงือก หากยิ้มเห็นฟันและเหงือกเล็กน้อย จะเป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนเยาว์ หากเห็นเหงือกเยอะเกิน 5 มิลลิเมตร เวลายิ้มอาจดูเหมือนแก้วหน้าม้า หากยิ้มแล้วไม่เห็นเหงือกเลย จะบ่งบอกรอยยิ้มที่ดูมีอายุ

ส่วนเส้นระดับปลายฟันล่าง ควรสัมพันธ์กับส่วนโค้งของริมฝีปากล่าง หากอยู่ในระดับที่พอดีกันเป็นระดับที่ยิ้มแล้วมีเสน่ห์ดูอ่อนเยาว์ แต่หากเส้นปลายฟันล่างสั้นกว่าระดับริมฝีปากล่างเยอะ เวลายิ้มจะทำให้ดูมีอายุ


Smile Designer ออกแบบรอยยิ้มให้สวย เพื่อรอยยิ้มที่มั่นใจ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://bit.ly/44ftcbd

มีประชากรหลายล้านคนทั่วโลกที่มีภาวะความดันโลหิตสูง โดยภาวะนี้สามารถตรวจสอบได้ด้วยการวัดค่าความดันเลือด ผู้ป่วยมักจะมีค่าความดันโลหิตตัวบน (Systolic blood pressure - SBP) 130 มม.ปรอทขึ้นไป และค่าความดันโลหิตตัวล่าง (Diastolic blood pressure - DBP) มากกว่า 80 มม.ปรอท

     
ความดันโลหิตสูงหรือความดันเลือดสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สุดที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งภาวะความดันโลหิตสูงนี้เป็นภาวะที่เราป้องกันได้ โดยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต รวมถึงการปรับเปลี่ยนอาหารก็สามารถที่จะช่วยลดระดับความดันโลหิตให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสมและลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้

     
อาหารเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการช่วยลดความดันโลหิตและช่วยรักษาระดับความดันโลหิตให้เหมาะสมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารที่มีสารอาหารเฉพาะสูง เช่น โพแทสเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งสารอาหารเหล่านี้สามารถช่วยลดระดับความดันโลหิตของเราได้

 
8 อาหารลดความดันสูงแบบเร่งด่วน

 
1. ผลไม้รสเปรี้ยว

ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวเช่น ส้ม เลม่อนและมะนาว มีฤทธิ์ในการช่วยลดความดันโลหิตได้อย่างมาก เพราะเต็มไปด้วยสารอาหารอย่างวิตามิน แร่ธาตุ และสารประกอบจากพืช ที่ช่วยลดความดันโลหิตสูงและช่วยให้หัวใจของคุณแข็งแรง

ผลการศึกษาของ University of Hiroshima แสดงให้เห็นว่าการบริโภคน้ำมะนาวทุกวันร่วมกับการออกกำลังด้วยการเดิน มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญที่ช่วยให้ค่าความดันโลหิตตัวบน (SBP) ลดลงได้ ซึ่งมาจากปริมาณกรดซิตริกและฟลาโวนอยด์ในมะนาว นอกจากนี้การดื่มน้ำส้มและน้ำเกรปฟรุต ก็อาจช่วยลดความดันโลหิตได้ด้วยเช่นกัน

 
2. ปลาแซลมอนและปลาที่มีไขมันอื่น ๆ

ปลาที่มีไขมันเป็นแหล่งของไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจอย่างมาก ไขมันเหล่านี้อาจช่วยลดระดับความดันโลหิตโดยการช่วยลดการอักเสบภายในร่างกาย จากผลการวิจัยของ University of Zurich พบว่าการบริโภคปลาที่มีไขมันโอเมก้า 3 ในปริมาณที่มากขึ้น สามารถช่วยลดระดับความดันโลหิต และคนที่มีระดับไขมันโอเมก้า 3 ในเลือดสูง ก็จะมีค่าความดันโลหิตทั้งตัวบนและตัวล่างต่ำกว่าผู้ที่มีระดับไขมันโอเมก้า 3 ในเลือดน้อยอย่างมีนัยสำคัญ

 
3. เมล็ดฟักทอง

เมล็ดฟักทองอาจมีขนาดเล็กแต่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เมล็ดพืชชนิดนี้เป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญที่ช่วยควบคุมความดันโลหิต เพราะมีสารอาหารสำคัญอย่างแมกนีเซียม โพแทสเซียม และอาร์จินีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับการผลิตไนตริกออกไซด์ ซึ่งจำเป็นต่อการผ่อนคลายหลอดเลือดและลดความดันโลหิตได้


อาหารสุขภาพ ลดความดันโลหิตสูงแบบเร่งด่วน กินอะไรช่วยคุมความดัน ไม่ต้องพึ่งยา อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

ปัจจุบันมีที่อยู่อาศัยให้เลือกมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว ฯลฯ แต่หนึ่งสิ่งที่หลายๆ คนต่างสงสัยกันก็คือ ความแตกต่างระหว่าง ทาวน์โฮม กับ ทาวน์เฮ้าส์ ที่มีความคล้ายคลึงกันมากจนหลายๆ คนอาจไม่เห็นถึงความแตกต่าง
ดังนั้น ในบทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูลมาให้ว่า ระหว่างทาวน์โฮมกับทาวน์เฮ้าส์ต่างกันอย่างไร จะเหมือนกัน หรือแตกต่างกันแค่ไหน เรามาดูกันเลย!

ทาวน์โฮม กับ ทาวน์เฮ้าส์ มีความต่างกันอย่างไร?

ทาวน์โฮมกับทาวน์เฮ้าส์ต่างกันอย่างไร เป็นคำถามที่หลายๆ คนอาจจะตอบได้ยาก เนื่องจากทั้ง 2 แบบนั้นมีดีไซน์ที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกันจึงอาจทำให้รู้สึกสับสน โดยสามารถจำแนกความแตกต่างระหว่างทาวน์โฮม และทาวน์เฮ้าส์ได้ โดยการสังเกตดังนี้


● ความหมายของทาวน์โฮม

ทาวน์โฮม จะมีการวางผังบ้านเหมือนบ้านเดี่ยว แต่ราคาไม่แพง เนื่องจากทาวน์โฮมมีผนังบ้านจะติดกับเพื่อนบ้านทั้ง 2 ฝั่งเหมือนกับทาวน์เฮ้าส์ แต่มีความสูงประมาณ 2-3 ชั้น และมีพื้นที่ด้านหน้าบ้านกว้างขวาง ประมาณ 5-5.7 เมตร ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่า
นอกจากนี้ ทาวน์โฮมยังมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างฟิตเนส หรือสระว่ายน้ำให้บริการอีกด้วย นี่จึงเป็นข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างทาวน์โฮมกับทาวน์เฮ้าส์



● ความหมายของทาวน์เฮ้าส์

ทาวน์เฮ้าส์ จะมีลักษณะคล้ายกับทาวน์โฮมคือ ผนังบ้านจะติดกับเพื่อนบ้านทั้ง 2 ฝั่ง และมีจำนวนบ้านอยู่ติดกันตั้งแต่ 2 หลังขึ้นไปเช่นเดียวกัน แต่จะมีพื้นที่หน้าบ้านจะกว้างประมาณ 4-5 เมตรเท่านั้น และมีความสูงไม่เกิน 2 ชั้น อีกทั้งยังไม่มีพื้นที่ส่วนกลางคอยให้บริการ จึงทำให้ทาวน์เฮ้าส์หลายๆ ที่มีราคาค่อนข้างต่ำนั่นเอง

 
สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อทาวน์โฮม

เมื่อได้ทราบข้อมูลคร่าวๆ กันแล้วว่าทาวน์โฮมกับทาวน์เฮ้าส์ต่างกันอย่างไร สำหรับใครที่กำลังสนใจบ้านทาวน์โฮม เรามาดูปัจจัยต่างๆ ที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งมีด้วยกันดังนี้เลย

ข้อดีของทาวน์โฮม

● ราคาไม่แพง จับต้องได้

สิ่งแรกที่ทำให้ทาวน์โฮมเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ที่กำลังมองหาบ้านหลังแรก คือ ราคา ซึ่งบ้านทาวน์โฮมนั้นมีราคาไม่สูง อยู่ในระดับที่จับต้องได้ แต่มีดีไซน์ที่สวยงามทันสมัย และมีพื้นที่ใช้สอยตอบโจทย์คนหลายๆ กลุ่ม อีกทั้งยังมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จึงทำให้ทาวน์โฮมนั้นเป็นบ้านที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเลยทีเดียว


● ทำเลใกล้ใจกลางเมือง

ส่วนใหญ่บ้านแบบทาวน์โฮมมักจะตั้งอยู่ในทำเลใกล้ใจกลางเมือง สามารถเดินทางได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัว และรถสาธารณะ จึงทำให้การเดินทางนั้นสะดวกสบาย นอกจากนั้นยังใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างโรงพยาบาล โรงเรียน และห้างสรรพสินค้า เป็นต้น


● ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลบ้านสูง

สิ่งที่ต้องคำนึงหลังจากตัดสินใจซื้อบ้าน คือ ค่าใช้จ่ายที่อาจตามมาภายหลังอย่างค่าบำรุงรักษา และซ่อมแซมบ้าน หรือค่าส่วนกลางที่ขึ้นอยู่กับการคิดคำนวณของโครงการต่างๆ ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายตามมาภายหลัง แต่ด้วยขนาดพื้นที่ที่น้อยกว่าบ้านเดี่ยว จึงทำให้ผู้ที่ซื้อบ้านทาวน์โฮมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลบ้านสูง


● ปรับเป็นโฮมออฟฟิศได้

ทาวน์โฮมนั้นได้รับความนิยมในการปรับมาใช้เป็นโฮมออฟฟิศเป็นอย่างมาก ด้วยผังบ้านที่ถูกดีไซน์ออกมาคล้ายบ้านเดี่ยว แต่มีราคาที่ถูกกว่า จึงทำให้มีสัดส่วนพื้นที่เหลือเฟือพอที่จะสร้างโฮมออฟฟิศภายในบ้านได้



ข้อเสียของทาวน์โฮม

● ไม่เหมาะกับครอบครัวที่มีขนาดใหญ่

ข้อเสียของทาวน์โฮม คือ ไม่เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่ ด้วยจำนวนห้องนอน และห้องน้ำที่มีจำกัด รวมถึงพื้นที่ด้านหน้าบ้านที่อาจไม่เพียงพอต่อจำนวนสมาชิกภายในบ้าน ในกรณีที่ต้องหลายกิจกรรมพร้อมกัน หรือต้องการทำกิจกรรมพร้อมหน้าพร้อมตากันทุกคน


● พื้นที่กว้างไม่เพียงพอ

ถึงแม้ว่าบ้านแบบทาวน์โฮมจะมีพื้นที่กว้างกว่าบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์ แต่พื้นที่ก็อาจจะกว้างไม่เพียงพอ สำหรับผู้ที่มีสัมภาระเยอะ หรือต้องใช้พื้นที่ในการเก็บของ จึงทำให้พื้นที่ภายในบ้าน และหน้าบ้านนั้นดูแคบลงได้



ข้อควรรู้ก่อนซื้อทาวน์โฮม

● พื้นที่ใช้สอย

อันดับแรกที่ต้องคำนึงถึง คือ พื้นที่ใช้สอย ซึ่งทาวน์โฮมจะมีพื้นที่มากกว่าทาวน์เฮ้าส์ ทั้งความกว้าง และความยาวของตัวบ้าน โดยจะมีความสูงประมาณ 2-3 ชั้น ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับการดีไซน์ และออกแบบของแต่ละโครงการด้วยเช่นกัน


● เหมาะกับใคร

บ้านแบบทาวน์โฮมนั้นเหมาะกับครอบครัวที่มีขนาดเล็กถึงปานกลาง ครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยง ผู้ที่กำลังมองหาพื้นที่เพื่อทำเป็นโฮมออฟฟิศ รวมถึงคู่รักที่กำลังสร้างครอบครัว และต้องการพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวางพอให้ลูกตัวน้อยได้วิ่งเล่น


● ดีไซน์บ้าน

ดีไซน์บ้านแบบทาวน์โฮมนั้นมักจะมีดีไซน์ที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบผังบ้าน การตกแต่ง หรือการดีไซน์อื่นๆ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี


● ระบบรักษาความปลอดภัย

สิ่งสำคัญที่ควรรู้เป็นอย่างมากเมื่อกำลังตัดสินใจซื้อบ้าน คือ ระบบรักษาความปลอดภัย ที่ควรสอบถามกับถามโครงการ หรือเซลล์ที่ขายบ้านให้กับคุณโดยตรงว่าโครงการนั้นๆ มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างไร เพื่อให้คุณสบายใจได้ว่า เมื่อคุณได้ตัดสินใจซื้อบ้านที่โครงการนี้ ทรัพย์สิน และตัวคุณเองจะมีความปลอดภัย หลังจากย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้แล้ว

 

สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อทาวน์เฮ้าส์

ด้วยราคาที่ค่อนข้างต่ำ และมีทำเลที่ค่อนข้างใกล้ตัวเมือง จึงทำให้ทาวน์เฮ้าส์เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่หลายๆ คนให้ความสนใจไม่แพ้ทาวน์โฮมเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อเช่นเดียวกัน ดังนี้

ข้อดีของทาวน์เฮ้าส์

● ราคาค่อนข้างต่ำ

ทาวน์เฮ้าส์นั้นมีราคาที่เรียกได้ว่าค่อนข้างต่ำ สามารถเข้าถึงได้ง่าย อีกทั้งยังมีโครงการทาวน์เฮ้าส์มือสองทำเลดีให้เลือกมากมาย แต่ก็แลกมาด้วความเก่าของตัวบ้านที่อาจต้องมีค่าใช้จ่ายในยิบย่อยในการบำรุงรักษา และไม่มีส่วนกลางให้บริการ เป็นต้น


● ตั้งอยู่ในทำเลตัวเมือง

อีกหนึ่งข้อดีที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทาวน์โฮมกับทาวน์เฮ้าส์ต่างกันอย่างไร คือ ทำเลที่ตั้ง โดยส่วนใหญ่แล้วบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์นั้นจะตั้งอยู่ในทำเลตัวเมือง ทำให้เดินทางด้วยรถสาธารณะอย่างสะดวกสบาย นอกจากนั้นยังใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ หลายแห่ง รวมถึงที่ทำงาน หรือบริษัทที่มักจะตั้งอยู่ในทำเลตัวเมืองอีกด้วย


● ประหยัดค่าบำรุงรักษา

สิ่งที่ทำให้หลายๆ คนตัดสินใจซื้อบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์ คือ การประหยัดค่าบำรุงรักษา นอกจากทาวน์เฮ้าส์จะมีพื้นที่ขนาดพอดี ทำให้ไม่ต้องเสียค่าบำรุงรักษาเยอะแล้ว ยังช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่นค่าพื้นที่ส่วนกลาง หรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างฟิตเนส หรือสระว่ายน้ำอีกด้วย


● เดินทางสะดวก

เนื่องจากทาวน์เฮ้าส์มักตั้งอยู่ในทำเลตัวเมือง จึงทำให้เดินทางได้สะดวกสบาย โดยเฉพาะการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าที่ให้ผู้พักอาศัยในทำเลนั้นๆ ได้เลือกใช้ตามความสะดวกสบาย


ข้อเสียของทาวน์เฮ้าส์

● ความเป็นส่วนตัวน้อย

ข้อเสียของทาวน์เฮ้าส์ คือ ความเป็นส่วนตัวน้อย เพราะว่าบ้านแบบทาวเฮ้าส์นั้นสร้างติดๆ กัน จึงทำให้หลังคาบ้าน และผนังบ้านนั้นติดกันทั่ง 2 ฝั่ง รวมถึงกำแพงบ้าน และประตูหน้าบ้าน ที่มีความสูงไม่เพียงพอ ส่งผลให้ภายนอกสามารถมองเข้ามาภายในบ้านได้ง่าย


● เสียงดังรบกวน

เนื่องจากบ้านนั้นสร้างติดๆ กัน รวมถึงผนังบ้านทั้ง 2 ฝั่งนั้นติดกับเพื่อนบ้าน ซึ่งเพื่อนบ้านอาจจะเปิดเพลงเสียงดัง คุยกันเสียงดัง หรือก่อสร้าง และซ่อมแซมบ้าน ที่อาจส่งผลให้คุณได้ยินเสียงดังรบกวนจากเพื่อนบ้านได้


● ปัญหาที่จอดรถ

เนื่องจากบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์นั้นมีพื้นที่หน้าบ้านจำกัด อาจทำให้เกิดปัญหาเรื่องที่จอดรถตามมาได้ เช่น เพื่อนบ้านนำรถมาจอดขวางหน้าบ้านคุณ ทำให้ไม่สามารถเข้า-ออกบ้านได้อย่างสะดวก เป็นต้น


ข้อควรรู้ก่อนซื้อทาวน์เฮ้าส์


● พื้นที่ใช้สอย

ขนาดพื้นที่ใช้สอยของบ้านแบบทาวน์เฮ้าจะมีขนาดเล็ก - ปานกลาง โดยความกว้างของหน้าบ้านจะมีขนาดเล็กกว่าบ้านแบบทาวน์โฮมประมาณ 1-3 เมตร (ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ) แต่ก็ยังมีพื้นที่เพียงพอสำหรับจอดรถยนต์ และใช้สอยประโยชน์ต่างๆ ได้


● ความเหมาะสมกับจำนวนคนในครอบครัว

บ้านแบบทาวน์เฮ้าส์เหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก หรือคู่รักที่กำลังมองหาเรือนหอที่มีราคาจับต้องได้ ที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นในบ้านที่มีพื้นที่ขนาดพอดี


● ดีไซน์บ้าน

ดีไซน์บ้านแบบทาวน์เฮ้าส์นั้นจะคล้ายๆ บ้านแถว หรือตึกแถว ซึ่งบ้านทุกหลังจะมีลักษณะเดียวกันหมด นอกจากนั้นบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์จะมีความสูงเพียง 1-2 ชั้นเท่านั้น ทำให้ดีไซน์ และสภาพแวดล้อมของบ้านดูค่อนข้างเล็ก และอึดอัดกว่าบ้านแบบทาวน์โฮม


● ระบบรักษาความปลอดภัย

ระบบรักษาความปลอดภัยของบ้านแบบทาวน์เฮ้าส์นั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการ ซึ่งบางทาวน์เฮ้าส์บางที่อาจจะไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาเท่ากับทาวน์โฮม ดังนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อควรสอบถามถึงระบบรักษาความปลอดภัย หรือสำรวจพื้นที่รอบๆ โครงการนั้นว่ามีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการพักอาศัยหรือไม่ เช่น การใช้ชีวิตของชุมชมระแวกนั้นๆ หรือแสงไฟในตอนกลางคืนว่าส่องสว่างมากพอหรือไม่ เป็นต้น

 

เลือกซื้อทาวน์โฮม และทาวน์เฮ้าส์อย่างไร ให้ตอบโจทย์

เมื่อทำความรู้จักว่าทาวน์โฮมกับทาวน์เฮ้าส์ต่างกันอย่างไรไปแล้วนั้น คุณควรรู้ถึงเคล็ดลับในการเลือกซื้อบ้านอย่างไร ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์ของคุณให้ได้มากที่สุด โดยมีเคล็ดลับในการเลือกซื้อบ้าน ดังนี้


● เลือกบ้านที่ตั้งอยู่หัวมุม หรือริมสุด

การเลือกบ้านที่ตั้งอยู่หัวมุม หรือริมสุด ถือว่าเป็นสิ่งที่มือใหม่ หรือผู้ที่กำลังจะซื้อบ้านหลังแรกควรรู้ไว้ เพราะบ้านที่ตั้งอยู่หัวมุม หรือริมสุดนั้นจะได้รับลม และแสงแดดอย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังถูกหลักฮวงจุ้ย และมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย


● ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก

บ้านแบบทาวน์โฮม และทาวน์เฮ้าส์มีทำเลที่ตั้งใกล้เมือง และใจกลางเมือง ทำให้ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกหลายแหล่ง ซึ่งอาจจะพิจารณาจากสถานที่สำคัญ อย่างเช่น โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า ตลาด หรือธนาคาร เป็นต้น


● เลือกตามหลักฮวงจุ้ย

การเลือกบ้านตามหลักฮวงจุ้ยนั้น นอกจากจะช่วยให้บ้านของคุณมีลักษณะที่ดีแล้ว ยังช่วยให้ตลอดระยะเวลาที่คุณพักอาศัยมีแต่ความสุข และความสบายใจ เช่น การเลือกประตูหน้าบ้านให้สัมพันธ์กับทิศลม ที่ช่วยสร้างสัมพันธ์กับพลังงานดีๆ ให้เข้าสู่บ้าน แถมยังช่วยเสริมพลัง บารมี และโชคลาภให้กับเจ้าของบ้านอีกด้วย


● เปรียบเทียบความคุ้มค่า

สิ่งที่สำคัญที่สุดเมื่อตัดสินใจซื้อบ้าน คือ การเปรียบเทียบความคุ้มค่า ซึ่งควรทำการศึกษา และหาข้อมูลของบ้านแต่ละโครงการให้เพียงพอ หลังจากนั้นจึงทำการไปเยี่ยมชมโครงการบ้าน เพื่อจะได้สำรวจว่าบ้านแต่ละโครงการนั้นสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคุณ หรือมีพื้นที่ และสัดส่วนเหมาะกับครอบครัวของคุณหรือไม่ และจะทำให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าบ้านหลังนั้นเหมาะกับคุณหรือเปล่า


หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าทาวน์โฮมกับทาวน์เฮ้าส์ต่างกันอย่างไร ดังนั้น ก่อนทำการตัดสินใจซื้อบ้าน ควรศึกษา และหาข้อมูลของบ้านแต่ละประเภทให้เพียงพอ นอกจากนั้นยังต้องคำนึงถึงการใช้ประโยชน์ พื้นที่การใช้สอย ความเหมาะสม รวมถึงข้อดีและข้อเสียของบ้านประเภทนั้นๆ อีกด้วย เพื่อทำการเปรียบเทียบว่าทาวน์โฮมหรือทาวน์เฮ้าส์ สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคุณได้ดีกว่า และเกิดความคุ้มค่าแก่เจ้าของบ้าน และผู้อาศัยมากที่สุด


แบบบ้านทาวน์โฮม: ไขข้อสงสัย ทาวน์โฮม vs ทาวน์เฮ้าส์ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://realestatebb.com/

วิธีการเลือกชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน บริษัท ให้เป็นชุดทำงานแบบที่สามารถดึงดูดลูกค้าให้น่าเชื่อถือและดูสะอาดน่าเข้าใกล้นั้น มีเคล็ดลับง่ายๆที่นิยมใช้กันทั่วโลก เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้างค่ะ

คำแนะนำในการเลือกชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงานได้แก่

1.    เลือกชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน ที่ดูเป็นมืออาชีพไม่ว่าผู้สวมใส่จะเป็นใคร ชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน ควรจะสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือที่บ่งบอกความสำคัญของบริษัท ที่พนักงานของคุณแสดงออกซึ่งเป็นตัวแทนถึงบทบาทและการคาดหวังจากลูกค้าเกี่ยวกับบริษัทของคุณ


2.    หลีกเลี่ยงการเลือกชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน กางเกง กระโปรงทำงานที่เป็นแฟชั่นมากจนเกินไป สำหรับความแตกต่างหลากหลายและขนาดของรูปร่างของพนักงานแต่ละคน เพื่อสร้างลักษณะที่ดูเป็นมาตรฐาน ตลอดทั้ง พนักงานของคุณจะต้องมีระเบียบในการแต่งกายที่ดีโดยไม่เปลี่ยนแปลงใดๆต่อชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน ชุดทำงานของพนักงานแต่ละคนเพื่อให้ภาพลักษณ์ของบริษัทคุณดูดีน่าสนใจ

 
3.    เลือกสีชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน ที่เหมาะสมสำหรับการแต่งกายของบริษัทคุณ ควรเป็นสีที่ดูสะอาดและพนักงานทุกคนสวมใส่ได้เหมาะกับสีผิว ยกตัวอย่างเช่นหากคุณทำงานให้กับบริษัทที่เน้นการขายและการบริการ ชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน ควรสะท้อนให้เห็นถึงภาพของบริษัทที่ดูน่าสนใจ มีความสวยงามน่าประทับใจและดึงดูดลูกค้าให้จดจำได้ง่าย ในทางกลับกันหากเป็นธุรกิจที่ต้องการความน่าเชื่อถืออย่างมากเช่นธุรกิจการเงินหรือนำเสนอโปรเจก บริษัทของคุณควรมีการตัดสินใจเกี่ยวกับสีที่อาจต้องการที่จะเลือกสีที่เข้มขึ้น


4.    เลือกความเหมาะสมของเนื้อผ้า ชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน เนื่องด้วยความหลากหลายของเนื้อผ้าเสื้อเชิ้ต  บริษัทควรรับฟังเสียงส่วนใหญ่ของพนักงานของคุณ การทำงานในสำนักงานผ้าฝ้ายและผ้าชีฟองอาจจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เพราะดูเป็นมืออาชีพและมีความสะดวกสบายในการสวมใส่และดูแลทำความสะอาดได้ง่ายและใช้ได้นาน


5.    ให้ความรู้พนักงานในการทำความสะอาดและดูแล ชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน อย่างถูกต้องและเหมาะสมเพื่อรักษาทรงและสีของชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน ที่เป็นชุดยูนิฟอร์มพนักงานให้สวยถึงวันครบรอบการเปลี่ยนแปลงชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน ในชุดทำงานถัดไป เช่นชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน ผ้าคอตตอนการซักสามารถทำได้ทั้งซักมือและซักด้วยเครื่องซักผ้า แต่หากเป็นเสื้อสูทหรือชุดสูทการซักเพื่อถนอมเนื้อผ้าความเป็นการซักแห้งหรือซักด้วยมือและไม่ควรบิดผ้า จึงจะเป็นการดูและรักษาที่ถูกต้อง

 


กลยุทธเลือกชุดพนักงาน เสื้อเชิ้ตพนักงาน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://uniformdeluxe.com/

ใครก็ตามที่ชื่นชอบการเล่นดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ถึงแม้จะไม่ได้ประกอบอาชีพเป็นนักดนตรี ก็ยังคงให้ความสำคัญกับการซ้อมดนตรีในทุก ๆ วันอยู่ดี ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในบ้านที่เป็นห้องส่วนตัว หรืออยู่คอนโดที่ห้องติดกับห้องอื่น ๆ ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ การที่เสียงซ้อมดนตรีในห้องส่วนตัวของเรา ดังทะลุออกไปรบกวนเพื่อนบ้าน เพื่อนข้างห้อง ทำให้เกิดความไม่พอใจและซ้อมดนตรีไม่ได้เต็มที่

ซึ่งสำหรับใครที่กำลังเผชิญปัญหานี้อยู่ “แผ่นกันเสียง” คือ วัสดุอะคูสติกที่จะช่วยเปลี่ยนบ้าน หรือห้องคอนโดของเราให้กลายเป็นเสมือนห้องซ้อมดนตรีได้ ป้องกันเสียงดังจากการซ้อมดนตรีของเราไม่ให้ดังไปรบกวนใคร ๆ จนช่วยคืนช่วงเวลาดื่มด่ำกับการซ้อมที่ราบรื่นกลับสู่ชีวิตเราได้อย่างเต็มที่


ซ้อมดนตรีในห้องได้อย่างสุขใจไร้เสียงดังรบกวน เสียงซ้อมไม่ทะลุไปกวนใคร เพียงติดตั้งแผ่นกันเสียงเสริมผนังเดิมเท่านั้น


แผ่นกันเสียงคืออะไร ติดตั้งยากหรือไม่?

เหตุผลที่ทำให้ “แผ่นกันเสียง” สามารถป้องกันเสียงดังจากการซ้อมดนตรีไม่ให้ทะลุไปยังห้องอื่น ๆ ที่อื่น ๆ ได้นั้น ก็เพราะ แผ่นกันเสียง เป็นวัสดุอะคูสติกที่มีความสามารถในการกันเสียงดังทะลุเข้าออก ซึ่งในการติดตั้งนั้น จะเสริมเข้าไปกับระบบผนังเดิม โดยจะสร้างโครงผนังเบาขึ้นมาอีกชั้น แล้วใส่แผ่นกันเสียงเข้าไปแทรก ก่อนจะปิดผนังให้เรียบ ทำให้ผนังเดิมมีความหนาขึ้น และกันเสียงดังทะลุเข้าออกได้มากขึ้น

ทั้งนี้ แผ่นกันเสียงจะเรียกอีกอย่างว่าเป็นผนังกันเสียงก็ได้เช่นกัน โดยกระบวนการติดตั้งแผ่นกันเสียงที่ดีนั้น ควรได้รับการออกแบบวางแผนโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเสียง เพราะต้องมีการคำนวณความสามารถของผนังเดิมว่ากันเสียงได้มากน้อยแค่ไหน ต้องประเมินตรวจสอบว่าเสียงดังทะลุผ่านเข้ามาจากช่องทางไหนได้บ้าง เพื่อวางแผนแก้ไขได้อย่างถูกจุด ทำเพียงครั้งเดียวแล้วกันเสียงดังทะลุเข้าออกได้เลย ไม่ต้องมาเสียเวลาแก้ไขภายหลังจนงบประมาณบานปลาย


แผ่นกันเสียงในท้องตลาดนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายรุ่นหลายแบรนด์ให้เลือก แต่หนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมใช้แก้ไขปัญหาเสียงดังมากที่สุด  ด้วยเหตุผลเพราะ วัสดุอะคูสติก นั้น เป็นฉนวนใยแก้วที่มีคุณสมบัติในการป้องกันเสียงดังทะลุเข้าออกสูง มีการใส่สารไม่อุ้มน้ำ ที่ทำให้กันความชื้นได้ดี คงสภาพความเป็นฉนวนได้ยาวนาน รวมถึงยังติดตั้งง่าย ใช้งานได้กับระบบผนังเกือบทุกรูปแบบ


นอกจากปัญหาเสียงดัง ห้องซ้อมดนตรียังต้องระวังปัญหาเสียงก้องเสียงสะท้อนด้วย

ในการวางแผนจะติดแผ่นกันเสียงเพื่อทำห้องซ้อมดนตรีนั้น จริงอยู่ที่แผ่นกันเสียงสามารถแก้ไขปัญหาเสียงดังทะลุเข้าออกได้ แต่เราก็ต้องไม่ลืมด้วยว่า ถ้าภายในห้องมีเสียงก้องเสียงสะท้อน การซ้อมดนตรีของเราก็จะไม่มีประสิทธิภาพ และไม่ทำให้เกิดอรรถรสความสุขได้จริง ๆ



ฉนวนกันเสียง: แผ่นกันเสียง ตัวช่วยเปลี่ยนบ้าน เป็นห้องซ้อมดนตรี ไม่ให้มีปัญหาเสียงดัง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://noisecontrol365.com/

ริดสีดวงทวาร เป็นภาวะที่หลอดเลือดดำที่มีอยู่ตามธรรมชาติของคนทั่วไปในบริเวณปลายลำไส้ใหญ่ (ไส้ตรง) และทวารหนักเกิดการบวม และโป่งพอง เป็นก้อน เรียกว่า "หัวริดสีดวง" แล้วมีการปริแตกของผนังหลอดเลือดขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ ทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว

ริดสีดวงทวารมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่

1. ริดสีดวงภายนอก (external hemorrhoid) เกิดขึ้นตรงปากทวารหนัก จากที่หลอดเลือดใต้ผิวหนังเกิดการโป่งพอง ซึ่งมองเห็นจากภายนอกและสามารถคลำได้

2. ริดสีดวงภายใน (internal hemorrhoid) เกิดตรงบริเวณที่อยู่ลึกขึ้นไปในทวารหนัก จากที่หลอดเลือดบริเวณนั้นเกิดการโป่งพอง ซึ่งมักมองไม่เห็นจากภายนอกและคลำไม่ได้ จะตรวจพบเมื่อใช้กล้องส่องตรวจ หรือพบในระยะที่มีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนัก


ริดสีดวงภายในแบ่งได้เป็น 4 ระยะ ได้แก่

    ระยะที่ 1 หัวริดสีดวงหลบอยู่ภายใน ไม่ยื่นออกมานอกทวารหนัก อาจมีเพียงอาการเลือดออกสด ๆ ขณะถ่ายอุจจาระ
    ระยะที่ 2 หัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และเลื่อนกลับเข้าไปได้เองเมื่อหยุดเบ่งถ่าย หรือหลังถ่ายอุจจาระเสร็จ
    ระยะที่ 3 หัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และไม่เลื่อนกลับเข้าไปได้เองหลังถ่ายอุจจาระ ต้องใช้มือดันกลับเข้าไป
    ระยะที่ 4 หัวริดสีดวงยื่นย้อยออกมานอกทวารหนักตลอดเวลา ไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ และอาจรู้สึกปวด

ริดสีดวงทวาร อาจพบเป็นเพียงหัวเดียวหรือหลายหัวก็ได้ และอาจเป็นริดสีดวงทวารภายนอกร่วมกับริดสีดวงทวารภายในก็ได้

โรคนี้พบได้บ่อยในคนทั่วไป พบเป็นสาเหตุอันดับแรก ๆ ของอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือดสด และเมื่อยิ่งมีอายุมากขึ้นจะยิ่งพบได้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบได้บ่อยในคนอายุมากกว่า 50 ปี เนื่องจากเนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ใหญ่ส่วนปลายเริ่มอ่อนแอและมีการยืดตัว

โดยทั่วไปจะไม่ค่อยมีอาการรุนแรงหรืออันตราย แต่อาจเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง น่ารำคาญ หรือทำให้วิตกกังวล โดยมากมักจะมีอาการเวลาท้องผูก หรือท้องเดินบ่อยครั้ง

สาเหตุ

โรคนี้เกิดจากเครือข่ายของหลอดเลือดเฮมอร์รอยด์ (hemorrhoidal plexus) ที่บริเวณผนังของไส้ตรง (rectum) ส่วนล่าง และทวารหนัก (anus) เกิดการบวมหรือโป่งพอง เนื่องจากมีภาวะความดันสูงในหลอดเลือดดำ (ของเครือข่ายหลอดเลือดดังกล่าว) จากเหตุปัจจัยต่าง ๆ อาทิ

    การเบ่งถ่ายอุจจาระหรือนั่งถ่ายอุจจาระนาน ๆ 
    อาการท้องผูก หรือท้องเดินเรื้อรัง
    การนั่งนาน ๆ หรือยกของหนัก
    การกินอาหารที่มีกากใยน้อย
    การขาดการออกกำลังกาย
    การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
    น้ำหนักมาก หรือภาวะอ้วน
    ภาวะตั้งครรภ์
    ไอเรื้อรัง

นอกจากนี้ ยังอาจพบร่วมกับโรคในช่องท้อง เช่น ตับแข็ง (ทำให้มีภาวะความดันในหลอดเลือดดำตับสูง ซึ่งส่งผลกระทบมาที่หลอดเลือดดำที่ทวารหนัก) โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease) ก้อนเนื้องอกในท้อง (เช่น เนื้องอกมดลูก เนื้องอกหรือถุงน้ำรังไข่) ท้องมาน (ภาวะท้องบวมน้ำ) มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมากโต เป็นต้น

บางคนอาจมีประวัติว่ามีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นโรคนี้

บางคนอาจเกิดโรคนี้โดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจนก็ได้


อาการ

ส่วนมากจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก เป็นเลือดแดงสด เกิดขึ้นขณะเบ่งถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ อาจสังเกตมีเลือดเปื้อนกระดาษชำระ หรือเคลือบที่ผิวอุจจาระ หรือมีเลือดไหลออกเป็นหยดลงโถส้วม เลือดที่ออกจะไม่ปะปนกับอุจจาระและไม่มีมูกร่วมด้วย แต่ละครั้งเลือดออกไม่มากและหยุดได้เอง โดยไม่มีอาการเจ็บปวด เมื่อถ่ายครั้งใหม่ก็จะมีเลือดออกได้อีก ส่วนใหญ่มักมีอาการถ่ายเป็นเลือดอยู่ 2-3 วัน แล้วหายไปเอง

สำหรับริดสีดวงทวารภายนอก อาจมีอาการระคายเคืองหรือคันรอบ ๆ ปากทวารหนัก หรืออาจคลำพบติ่งเนื้อนิ่ม ๆ ที่ขอบทวารหนัก ในรายที่มีลิ่มเลือดอุดตันแทรกซ้อนจะมีอาการปวดรุนแรง และคลำได้ก้อนแข็งที่บริเวณทวารหนัก

สำหรับริดสีดวงทวารภายใน ในระยะแรกมักตรวจไม่พบหัวริดสีดวง ต่อเมื่อเป็นระยะที่มีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนัก จะพบว่ามีก้อนเนื้อนิ่ม ๆ ยื่นออกมานอกขอบทวารหนักขณะถ่ายอุจจาระ ซึ่งมักเลื่อนกลับเข้าไปได้เองเมื่อหยุดเบ่งถ่าย หรือใช้มือดันกลับเข้าไปได้ แต่ถ้ายื่นออกมานอกทวารหนักตลอดเวลา ไม่สามารถเลื่อนกลับเข้าไปได้ อาจทำให้รู้สึกปวด 

ถ้ามีเลือดออกมากหรือเรื้อรัง อาจมีอาการอ่อนเพลียและซีดได้

ภาวะแทรกซ้อน
ส่วนใหญ่แม้ว่าจะมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย แต่มักไม่มีภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่ปล่อยให้มีอาการเรื้อรัง อาจมีการเสียเลือดเรื้อรัง เกิดภาวะโลหิตจางจากภาวะขาดธาตุเหล็กได้

นอกจากนี้ ในรายที่เป็นริดสีดวงภายในระยะรุนแรง หัวริดสีดวงอาจยื่นออกมาย้อยที่ปากทวารหนัก ถูกกล้ามเนื้อหูรูดบีบรัด ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยง เรียกว่า "ริดสีดวงชนิดถูกบีบรัด (strangulated hemorrhoid)" มีอาการเกิดก้อนเจ็บที่ขอบทวารหนัก ซึ่งก้อนจะโตขึ้นเร็วใน 24 ชั่วโมงแรก และรู้สึกเจ็บมากในระยะ 5-7 วันแรก มักมีน้ำเมือกและเลือดซึม และถ่ายลำบาก อาการจะค่อยทุเลา หายเป็นปกติประมาณ 2 สัปดาห์ไปแล้ว ผู้ป่วยอาจมีประวัติว่าเคยเป็นริดสีดวงมาก่อนหรือไม่ก็ได้

ส่วนโรคริดสีดวงภายนอก อาจเกิดลิ่มเลือดขึ้นในหัวริดสีดวง เรียกว่า "ริดสีดวงทวารชนิดมีลิ่มเลือดอุดตัน (thrombosed hemorrhoid)" ทำให้ริดสีดวงเกิดการอักเสบ บวม มีอาการปวดรุนแรงขณะนั่ง เดิน และถ่ายอุจจาระ และคลำได้ก้อนแข็งที่บริเวณทวารหนัก ผู้ป่วยจะมีอาการปวดมากใน 24-48 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นลิ่มเลือดจะค่อย ๆ ถูกดูดซึมไป อาการจะค่อย ๆ ทุเลา และอาจหายเป็นปกติได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ หลังหายแล้วอาจพบเนื้อเยื่อบริเวณนั้นกลายเป็นติ่งหนัง (skin tag)   

ผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวบางรายอาจมีอาการรุนแรงจนต้องรีบไปให้แพทย์รักษา


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย รวมทั้งการตรวจทวารหนัก

ในรายที่มีอาการเล็กน้อย อาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นริดสีดวงทวารภายใน ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในลำไส้ใหญ่

บางรายอาจตรวจพบก้อนหรือติ่งหนัง (skin tag) ที่ขอบทวารหนัก หรือก้อนเนื้อนิ่มที่ยื่นโผล่ออกมาที่ปากทวารหนัก

หากยังวินิจฉัยได้ไม่ชัดเจน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีอาการเรื้อรัง) หรือสงสัยมีความผิดปกติอื่นในลำไส้ใหญ่หรือช่องท้อง หรือมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ใช้กล้องส่องตรวจลำไส้ใหญ่ (anoscopy/proctoscopy/sigmoidoscopy/colonoscopy) ตรวจเลือด อุจจาระ ปัสสาวะ การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรืออัลตราซาวนด์ เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ในรายที่มีอาการเล็กน้อย คือมีเลือดออกเล็กน้อยขณะเบ่งถ่ายหรือหลังถ่ายอุจจาระ ไม่มีอาการเจ็บปวด แนะนำให้ผู้ป่วยสังเกตอาการ เวลาถ่ายอุจจาระพยายามไม่เบ่งแรง และไม่นั่งถ่ายนาน ๆ อย่านั่งนาน ๆ และไม่ยกของหนัก

ถ้าจำเป็นอาจให้การรักษาอาการท้องผูกหรือท้องเดินที่เป็นสาเหตุที่ทำให้อาการกำเริบ

สำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูก แนะนำให้ผู้ป่วยปฏิบัติตัวเพื่อให้อุจจาระนุ่มและถ่ายง่าย (ดูหัวข้อ "การดูแลตนเอง" ด้านล่าง)

2. ถ้ามีอาการปวดริดสีดวงทวารเนื่องจากมีการอักเสบ แนะนำให้ผู้ป่วยนั่งแช่ในน้ำอุ่นจัด ๆ (ขนาดร้อนพอทน หรือประมาณ 40 องศาเซลเซียส) วันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที แล้วใช้ผ้านุ่ม ๆ ซับให้แห้ง

ถ้าปวดมากให้ยาแก้ปวด-พาราเซตามอล หรือยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ (เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโคลฟีแนก) ควรหลีกเลี่ยงยาแก้ปวดที่เข้าสารฝิ่นหรืออนุพันธ์ของฝิ่น เพราะอาจทำให้ท้องผูก นอกจากนี้อาจใช้ยาชาชนิดเจล (ที่มีตัวยา lidocaine) ทาระงับปวด

นอกจากนี้ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาเหน็บริดสีดวงทวาร หรือยาทาที่มีตัวยาสตีรอยด์ผสมกับยาชา (เช่น ยาที่มีชื่อการค้าว่า "Proctosedyl" "Doproct" "Scheriproct N" ชนิดเหน็บทวาร หรือชนิดขี้ผึ้ง/ครีมสำหรับใช้ทา วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น และหลังถ่ายอุจจาระ) เพื่อลดการอักเสบ บรรเทาอาการปวดและคัน (จะหยุดใช้เมื่ออาการทุเลาแล้ว จะไม่ใช้นานเกิน 1 สัปดาห์ เพราะจะทำให้ผิวบาง)

3. ถ้ามีภาวะซีดจากการเสียเลือดเรื้อรัง ให้ยาบำรุงโลหิต

4. ถ้าหัวริดสีดวงหลุดออกมาข้างนอก แพทย์จะใส่ถุงมือใช้ปลายนิ้วชุบสบู่ให้หล่อลื่น แล้วดันหัวกลับเข้าไป

5. ถ้าริดสีดวงภายนอกมีลิ่มเลือดอุดตัน มีอาการปวดรุนแรง แพทย์จะทำการกรีดเอาลิ่มเลือดออกไป ซึ่งจะช่วยให้ทุเลาปวดได้ทันที (จะได้ผลดีภายใน 72 ชั่วโมงหลังเกิดลิ่มเลือด) หลังจากนั้นแนะนำให้ผู้ป่วยแช่น้ำอุ่นจัด ๆ และใช้ยาทาหรือยาเหน็บริดสีดวงทวาร 

6. ถ้าให้การรักษาดังกล่าวข้างต้นไม่ได้ผล มีอาการปวดมาก หรือมีเลือดออกเรื้อรัง หรือมีหัวริดสีดวงยื่นออกมานอกทวารหนักบ่อยหรือดันกลับเข้าไปไม่ได้ แพทย์อาจทำการรักษาด้วย "หัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัด" วิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้

-    การใช้ยางรัด (rubber band ligation) รัดรอบ ๆ หัวริดสีดวงภายใน ทำให้เลือดไปเลี้ยงไม่ได้ หัวริดสีดวงก็จะเหี่ยวแห้งและหลุดออกเองภายใน 1 สัปดาห์ วิธีนี้มีอัตราการหายขาดค่อนข้างสูง แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น อาการปวดถ่วงในทวารหนัก เลือดออก (ไม่มากและหยุดเองได้) หัวริดสีดวงอักเสบ (บวม เจ็บ) และย้อยออกมาได้ 
-    การฉีดสารก่อกระด้าง (sclerotherapy) เข้าที่หัวริดสีดวง ทำให้ริดสีดวงฝ่อไป วิธีนี้ใช้ได้ผลดี เหมาะสำหรับริดสีดวงภายในระยะที่ 1 และ 2 มีความสะดวก ปลอดภัย ไม่มีความเจ็บปวด แต่มีอัตราการหายขาดน้อยกว่าการใช้ยางรัด
-    การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ อินฟราเรด หรือความร้อน (laser, infrared or bipolar photocoagulation) ทำให้หัวริดสีดวงแข็งและยุบลง วิธีนี้ใช้สำหรับรักษาริดสีดวงภายในที่มีขนาดเล็กและกลาง มีผลข้างเคียงน้อย แต่มีอัตราการกำเริบใหม่มากกว่าการใช้ยางรัด


7. ถ้าเป็นมาก มีภาวะแทรกซ้อน หรือรักษาด้วยยาและหัตถการต่าง ๆ แล้วไม่ได้ผล แพทย์ก็จะรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งมีให้เลือกวิธีใดวิธีหนึ่ง ดังนี้

    การผ่าตัดเอาหัวริดสีดวงออก (hemorrhoidectomy) ซึ่งเป็นการผ่าตัดแบบดั้งเดิม โดยเลาะเอาเนื้อเยื่อบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวารออก วิธีนี้ให้ผลการรักษาดี มีโอกาสในการกลับมากำเริบใหม่น้อย แต่อาจมีผลข้างเคียงคือ ทำให้เกิดภาวะปัสสาวะคั่ง (ถ่ายปัสสาวะไม่ออก) และการติดเชื้อของทางเดินปัสสาวะได้
    การผ่าตัดโดยใช้เครื่องมือเย็บติด (stapled hemorrhoidectomy/stapled hemorrhoidopexy) เป็นการใช้เครื่องมือคล้ายเครื่องยิงลวดทำการตัด เย็บ และผูกหัวริดสีดวง ปิดกั้นเลือดที่จะไปเลี้ยงบริเวณที่เป็นริดสีดวงทวาร ทำให้หัวริดสีดวงเกิดการฝ่อและหลุดไป วิธีนี้เหมาะสำหรับการรักษาริดสีดวงทวารภายในเท่านั้น วิธีนี้ทำให้เกิดการเจ็บปวดน้อยกว่า และฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม แต่มีความเสี่ยงต่อการกำเริบใหม่ และภาวะไส้ตรงยื่นย้อย (rectal prolapse) มากกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม และอาจเกิดผลแทรกซ้อน เช่น เลือดออก ปัสสาวะไม่ออก เกิดการติดเชื้อ เป็นต้น

ผลการรักษา ผู้ที่มีอาการเล็กน้อยซึ่งพบได้เป็นส่วนใหญ่ สามารถให้การรักษาตามอาการ ทำให้อาการทุเลาได้ แต่มีโอกาสกลับมากำเริบเป็นครั้งคราวเวลาท้องผูกหรือท้องเดิน

ในรายที่มีความจำเป็นต้องรักษาด้วยหัตถการที่ไม่ใช่การผ่าตัด (เช่น การใช้ยางรัด) มีโอกาสกำเริบใหม่ภายใน 5-10 ปี ถึงร้อยละ 30-50 ส่วนในรายที่รักษาด้วยการผ่าตัดมีโอกาสกำเริบใหม่น้อยกว่าร้อยละ 5

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น ถ่ายอุจจาระออกเป็นเลือดสด มีอาการคันหรือเจ็บที่ทวารหนัก มีก้อนยื่นออกมาที่ปากทวารหนักตอนถ่ายอุจจาระ หรือคลำพบก้อนที่ปากทวารหนัก ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นริดสีดวงทวาร  ควรดูแลตนเองดังนี้

    รักษาและใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
    เวลาถ่ายอุจจาระอย่านั่งนาน และไม่เบ่งแรง (ผ่อนแรงเบ่งด้วยการอ้าปากและค่อย ๆ หายใจออกทางปาก)
    ไม่นั่งนาน ๆ และไม่ยกของหนัก
    ถ้ามีอาการท้องผูก ควรปฏิบัติดังนี้

- ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) 
- กินอาหารที่มีกากใยสูง (ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ธัญพืช) ให้มาก ๆ
- งดดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะทำให้ท้องผูกได้
- ออกกำลังกายเพื่อควบคุมน้ำหนัก (ภาวะน้ำหนักเกินมีผลต่อการกำเริบของโรค) และป้องกันท้องผูก
- ถ่ายอุจจาระเป็นเวลาทุกวัน และอย่าอั้นถ่ายเวลามีอาการปวดถ่ายอุจจาระ
- กินสารเพิ่มกากใย และ/หรือยาระบายตามคำแนะนำของแพทย์

ถ้าปวดริดสีดวงทวาร นั่งแช่น้ำอุ่น ใช้ยาแก้ปวด และใช้ยาเหน็บหรือยาทาริดสีดวงทวารตามคำแนะนำของแพทย์

 
ควรกลับไปพบแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีเลือดออกมาก มีภาวะซีด รู้สึกอ่อนเพลียมาก หรือเวลาลุกนั่งมีอาการหน้ามืดจะเป็นลม
    มีอาการปวดริดสีดวงมาก
    หัวริดสีดวงยื่นออกมาที่ปากทวารหนัก และไม่เลื่อนกลับเข้าไปได้เอง
    น้ำหนักลด ปวดท้องบ่อย ท้องผูกเรื้อรัง ท้องเดินเรื้อรัง หรือมีอาการท้องผูกสลับท้องเดิน
    มีอาการถ่ายเป็นเลือดนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย
    มีประวัติกินยาต้านเกล็ดเลือด (เช่น แอสไพริน โคลพิโดเกรล ) หรือสารกันเลือดเป็นลิ่ม (เช่น วาร์ฟาริน)
    มีความวิตกกังวล
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปใช้ที่บ้าน ถ้าใช้ยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ หน้ามืด หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

การป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้ หรือช่วยป้องกันไม่ให้โรคกำเริบ ควรระวังอย่าให้ท้องผูก และลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการเกิดอาการ ดังนี้

    ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ [^_^]ถ้าอ้วนหรือน้ำหนักเกิน
    กินอาหารที่มีกากใยมาก (เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง ธัญพืช) กรณีที่กินอาหารประเภทนี้ไม่มากพอ ให้กินสารเพิ่มกากใยเสริม 
    ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร) 
    ออกกำลังกายเป็นประจำ 
    ถ่ายอุจจาระเป็นเวลาทุกวัน และอย่าอั้นถ่ายเวลามีอาการปวดถ่ายอุจจาระ
    เวลาถ่ายอุจจาระอย่านั่งนาน (เช่น นั่งอ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์มือถือ) และไม่เบ่งแรง
    หลีกเลี่ยงการนั่งนาน ๆ และไม่ยกของหนัก


ข้อแนะนำ

1. อาการถ่ายเป็นเลือดแม้ว่าส่วนใหญ่จะเกิดจากแผลปริที่ขอบทวารหนักและริดสีดวงทวาร และสามารถให้การดูแลรักษาตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ได้ แต่ก็อาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ร้ายแรงได้ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease) ดังนั้น ถ้ามีอาการผิดแปลกไปจากอาการริดสีดวงที่เคยเป็น หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมกับอาการถ่ายเป็นเลือด (เช่น มีเลือดออกมากหรือเรื้อรัง มีอาการอ่อนเพลีย ท้องเดินเรื้อรัง หรือน้ำหนักลด) หรือพบในคนอายุมากกว่า 40 ปี หรือมีประวัติโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุให้ชัดเจน

2. ผู้ที่มีอาการถ่ายเป็นเลือดจากริดสีดวงทวาร ซึ่งมีอาการเล็กน้อย และมีอาการเป็นครั้งคราว อาจคิดว่าไม่เป็นอะไรมาก และอาจมีความอายที่จะไปพบแพทย์ จะลองรักษาตนเอง หรือปล่อยปละละเลย จะไปพบแพทย์ต่อเมื่อเกิดภาวะซีดจากการเสียเลือดเรื้อรัง หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา หรือพบว่าเป็นโรคร้ายแรงอื่น ๆ ซึ่งมักมีความยุ่งยากในการรักษา ดังนั้นควรแนะนำให้คนทั่วไปมีความตระหนักรู้ในเรื่องอาการถ่ายเป็นเลือด และการดูแลรักษาที่ถูกต้อง

3. ผู้ที่มีประวัติกินยาต้านเกล็ดเลือด (เช่น แอสไพริน โคลพิโดเกรล) หรือสารกันเลือดเป็นลิ่ม (เช่น วาร์ฟาริน) ซึ่งใช้รักษาและป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด หากมีอาการถ่ายเป็นเลือด อาจมีเลือดออกรุนแรงได้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว เพื่อปรับยาให้เหมาะสม


ข้อมูลโรค: ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions

เชื่อว่ามีหลายคนอาจจะยังไม่เคยได้ยิน หรือไม่เคยเห็น “กระดูกงอก” ปัญหา ทันตกรรมในช่องปาก และอาจจะสงสัยว่า มีด้วยหรือโรคกระดูกงอกในช่องปาก ซึ่งบอกเลยว่ามีจริง และหลายๆคนก็มีกระดูกงอกในช่องปากด้วยเช่นกัน แต่ไม่เคยรู้มาก่อน นึกว่าเป็นสิ่งปกติที่ไม่แปลกอะไร โดยในภาษาสากลมักจะเรียกว่า Torus หรือ Tori (ถ้าหากมีหลายปุ่ม)
โดยกระดูกในช่องปากนี้จะมีลักษณะโค้งนูน ซึ่งอาจจะพบเป็นก้อนเดี่ยวๆ หรืออาจจะเป็นหลายๆก้อนรวมกันแบบเป็นพูก็ได้ โดยที่มักจะพบบ่อยก็คือบริเวณกึ่งกลางเพดาน หรือ บริเวณสันเหงือกด้านใกล้ลิ้นขอส่วนขากรรไกรด้านล่าง ซึ่งจะพบได้ทั้ง 2 ข้าง ทั้งซ้ายและขวา มักจะขึ้นแถวๆบริเวณฟันเขี้ยวไปจนถึงฟันกรามน้อย

ซึ่งกระดูกงอกในช่องปากนั้น มักไม่พบเจอในเด็ก แต่จะเห็นเด่นชัดในช่วงวัยรุ่นขึ้นไป โดยจากการสำรวจก็พบว่า ที่เป็นแบบนี้เนื่องจากว่า ปุ่มกระดูกในช่องปากนี้ จะโตขึ้นตามช่วงอายุทำให้ไม่พบเจอในเด็ก แต่จะพบในช่วงวัยหนุ่มสาวขึ้นไปนั่นเอง และยังทราบอีกด้วยว่าคนทั่วไปนั่น จะมีกระดูงอกในช่องปากโป่งนูนได้ประมาณ 10-20% โดยทั้งเพศชายและหญิงไม่ได้สร้างความแตกต่างของส่วนกระดูกงอกในช่องปากนี้


เหตุผลที่เกิด ปัญหา ทันกรรมช่องปาก ของ “ปุ่มกระดูกงอก” ในช่องปาก

ปุ่มกระดูกนี้เกิดขึ้นจากการที่ ความหนาตัวของผิวกระดูก และการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของผิวกระดูกอย่างช้าๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่มีอาการ หรือความรู้สึกบ่งบอกใด จึงทำให้ไม่ค่อยมีใครทราบถึงความผิดปกติของผิวกระดูกนี้ และจะหยุดโตเองเมื่อกระดูกส่วนนี้ได้โตเต็มที่แล้ว

อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดกระดูกงอกในช่องปากก็คือ การใช้งานหนักของช่องปาก กล่าวคือ ขากรรไกรบนและล่าง จะสัมพันธ์กับการบดเคี้ยวอาหาร ในการศึกษาได้พบว่า บุคคลที่บดเคี้ยวอาหารอย่างรุนแรง หรือหนักเกินไป จะทำให้ฟันด้านบดเคี้ยวสั้นลง และเกิดเป็นสันกระดูกหนางอกออกมาทดแทนอย่างเห็นได้ชัด นอกจากทางด้านพฤติกรรมส่วนบุคคลแล้ว สิ่งที่น่าสนใจและทำให้เกิดกระดูกงอกในช่องปากก็คือ กรรมพันธุ์นั่นเอง และบางคนที่ทราบถึงความผิดปกติของ กระดูกงอกในช่องปาก ก็อาจจะทำการผ่าตัดเพื่อเอาออกได้เช่นกัน แต่หากว่ายังมีพฤติกรรมการบดเคี้ยวอาหารต่างๆอย่างรุนแรง หรือทำงานหนักเหมือนเดิม ก็จะทำให้ กระดูกงอกในช่องปาก กลับมาใหม่ได้อีกครั้ง

อีกหนึ่งพฤติกรรมที่มักพบกระดูกงอกในช่องปากก็คือ คนที่นอนกัดฟัน เพราะ จะเป็นการเผลอใช้ฟันกรามในการบดกัดอย่างหนัก จึงจะพบบุคคลที่มีพฤติกรรมนอนกัดฟันจะมี กระดูกงอกในช่องปาก ด้านข้างขากรรไกรเช่นกัน


เหตุผลที่ควรผ่าตัด กระดูกงอก ในช่องปาก ?

แม้ว่ากระดูกงอนในช่องปากนั้นจะไม่ได้มีอันตรายอะไรก็ตาม แต่อาจจะส่งผลให้ความรำคาญเพราะเมื่อเวลาที่เป็นแผลในบริเวณนี้จะส่งผลให้เกิดความเจ็บปวด และหายช้า ที่ให้รับประทานอาหารได้ลำบาก และอาจจะมีผลข้างเคียงได้ หากว่าคนที่มีกระดูกงอกในช่องปากแบบพู หรือหลายก้อน อาจจะส่งผลให้เวลาที่รับประทานอาหาร ก็อาจจะมีเศษอาหารเข้าไปติดบริเวณกระดูกงอนได้ง่าย และทำความสะอาดยาก จนส่งผลให้เกิดแบคทีเรียในช่องปาก มีกลิ่นปาก หรืออาจจะทำให้ฟันผุได้ง่ายขึ้นอีกด้วย จึงทำให้หลายคนที่มีความลำคาน กระดูกงอนในช่องปากนั้นเข้ารับการผ่าตัดเพื่อนำออกนั่นเอง


และอีกกรณีที่จำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อนำกระดูกงอกในช่องปากออกก็คือ คนที่ต้องใส่ฟันปลอม เพราะ โครงฐานฟันปลอมต้องพาดผ่านตรงส่วนที่มีกระดูกงอกนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องผ่านตัดออก เพราะ ถ้าหากว่าไม่ผ่าตัดออกแล้วใส่ฟันปลอมทับกระดูกงอกไปเลย จะส่งผลให้เกิดการกดทับและทำให้เกิดแผลเรื้อรังได้ และบางทีอาจจะทำให้การวางของลิ้นไม่เหมือนเดิม หากใส่ฟันปลอมทับในส่วนของกระดูกงอก ก็จะทำให้การพูดไม่ชัดเจน ก็จำเป็นที่จะต้องผ่าตัดออกก่อนที่จะใส่ฟันปลอมนั่นเอง

อย่างที่ได้บอกไปว่า กระดูกงอกในช่องปากนั้น อาจจะไม่ส่งผลอันตรายใดๆก็ตาม แค่ก็อาจจะส่งผลข้างเคียงได้เช่นกัน ทางที่ดีอากว่าใครที่มี กระดูกงอกในช่องปาก ดังที่กล่าวมา การปรึกษาทันตแพทย์ ให้ช่วยวินิจฉัยว่าควรทำเช่นไร ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุดนั่นเอง


จัดฟันบางนา: หากพบ “กระดูกงอก” ในช่องปาก ควรทำอย่างไร ? ทันตกรรม มีคำตอบ อ่านบทความเเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/