แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: 1 ... 13 14 [15] 16 17 ... 24
253
เคยสงสัยไหมว่า บริษัทรับออกแบบบ้านนั้นเค้ามีวิธีการคิดคำนวณหาพื้นที่การใช้สอยของบ้านอย่างไร สำหรับคนที่วางแผนที่จะต้องการสร้างบ้านคำถามที่เรามักพบกันอยู่บ่อยๆ เกี่ยวกับขนาดของพื้นที่ใช้สอย แระเรื่องราคาการก่อสร้าง คำถามว่า ค่าก่อสร้างตารางเมตรละกี่บาท เป็นคำถามเพื่อต้องการประมาณงบประมาณสำหรับผู้รับเหมา หรือบริษัทออกแบบบ้าน ซึ่งมักจะถามมากว่าหนึ่งราย เพื่อเปรียบเทียบราคา


ผู้รับเหมาที่สามารถบอกราคาการก่อสร้างเป็นตารางเมตรได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานมาพอสมควร และการบอกราคานั้นอาจบอกราคาเผื่อเกิน หรือน้อยกว่าความเป็นจริงก็ได้ หากบอกน้อยกว่าความเป็นจริง ภายหลังผู้รับเหมาอาจทำการปรับเพิ่มราคา หากว่าตกลงกันไม่ได้อาจเกิดปัญหากรณีทิ้งงานได้

แนวทางการประเมินราคาค่าก่อสร้างต่อตารางเมตรตามหลักการแล้ว ควรมาจากการถอดแยกรายการต่างๆ ที่ต้องทำการก่อสร้าง ในรูปของเอกสารการเสนอราคา หรือที่เราเรียกกันว่า BOQ (Bill of Quantity) แล้วจากรายการต่างๆ ในเอกสารที่ได้มานั้นก็นำมาหารกับพื้นที่ใช้สอยที่คิดเป็นตารางเมตรว่ามีราคาการก่อสร้าง ตารางเมตรละเท่าไหร่ 


แล้วพื้นที่ใช้สอยล่ะ ได้มาอย่างไร และการคำนวณพื้นที่ จะต้องนำส่วนไหนมารวม และส่วนไหนไม่รวม

ยกตัวอย่างพื้นที่ของอาคารพาณิชย์ ที่มีขนาดทั่วๆ ไป กว้าง 4.00 เมตร ลึก 3 ช่วง ช่วงละ 4.00 เมตร ความลึกเท่ากับ 12.00 เมตร ดังนั้นพื้นที่ใช้สอยต่อชั้นจะเท่ากับ 4.00 X 12.00 = 48.0 เมตร

หากตึกแถวมีทั้งหมด 4 ชั้น เราก็จะได้พื้นที่ใช้สอยเท่ากับ 192.00 ตารางเมตร

บวกชั้นลอยกว้าง 4.00 เมตร 4.00 X 4.00 = 16.00 ตารางเมตร

รวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมด 192.00 + 16.00 = 208.00 ตารางเมตร

การประเมินราคาการก่อสร้างตึกแถวประมาณ 9,000 บาท ต่อตารางเมตร (ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท และจำนวนห้องที่จะสร้าง)

รวมราคาการก่อสร้างของตึกนี้ จะได้เท่ากับ 1,872,000 บาท

การคิดราคาพื้นที่การใช้สอยของบ้านทาวเฮาส์ บ้านเดี่ยว หรือบ้านสไตล์โมเดิร์น ก็มีแนวคิดแบบเดียวกัน แต่การคำนวณหาพื้นที่อาจจะมีความซับซ้อนกว่าตึกแถว เพราะมีส่วนที่ยื่นออกของระเบียงต่างๆ ก็ต้องนำมารวมเป็นพื้นที่ใช้สอย และส่วนอื่นๆ อีกมากมาย

เท่านี้เราก็สามารถประมาณงบ และทราบถึงวิธีการคำนวณได้อย่างคร่าวๆ


รับสร้างบ้าน: วิธีการคำนวณหาราคาพื้นที่ใช้สอยบ้าน ฉบับบริษัทรับออกแบบบ้านและ สร้างบ้านตามแบบ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://luxuryhomesdesigns.com/

254

 
การล้างแอร์ในแต่ละครั้ง จะช่วยลดการสะสมของฝุ่นบริเวณคอยล์เย็น ทำให้อากาศเข้าไปภายในตัวเครื่องแอร์ได้สะดวกมากขึ้น จึงทำให้ลมที่อออกมาจากตัวเครื่องเย็นฉ่ำ ช่วยยืดอายุการใช้งาน ป้องกันไม่ให้แอร์เสียง่าย ทำให้ไม่ต้องซ่อมแอร์บ่อยซึ่งจะทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในบ้าน เพราะนอกจากเราจะต้องเสียค่าไฟในแต่ละเดือนจากการเปิดแอร์แล้ว

เราก็ต้องยอมในเรื่องของการบำรุงรักษาแอร์ของเรา เพื่อให้มีอายุการใช้งานที่นานขึ้น และไม่ต้องเสียค่าซ่อมที่แพงจนทำให้ค่าใช้จ่ายบานปลาย เพราะการซ่อมแอร์ในแต่ละครั้งนั้น ย่อมเสียค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องดูแลรักษาความสะอาดของแอร์ในบ้านของเราด้วย ซึ่งในปัจจุบัน เครื่องปรับอากาศก็ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ถึงขั้นมีการพัฒนาเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศให้กลายเป็นเครื่องฟอกอากาศไปในตัวเพื่อประโยชน์ทางสุขภาพที่สมบูรณ์ที่สุด เพราะอากาศในประเทศไทยที่เพิ่งผ่านภาวะปัญหาฝุ่นละอองในอากาศเกินค่ามาตรฐาน การควบคุมสภาพอากาศภายในบ้านให้สะอาดจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หลายบ้าน อาจจะไม่มีเวลาล้างแอร์ทำให้เกิดฝุ่นสะสมเป็นจำนวนมาก

และยิ่งทำลายสุขภาพของคนในบ้าน บางคนเข้าใจว่า ไม่จำเป็นต้องล้างทุกๆ 6 เดือน ค่อยนรอให้แอร์ไม่เย็นก่อนแล้วค่อยมาล้างก็ได้ เพราะคิดว่า แอร์ยังสามารถทำงานได้ดี ซึ่งนั่น เป็นความคิดที่ผิด เพราะถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ แน่นอนว่า จะทำให้สุขภาพของคนในบ้านมีปัญหาได้

วันนี้ทางเราจะมาพูดถึงเรื่องของการล้างแอร์ ว่า ควรล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือน หรือควรล้างแอร์เมื่อรู้สึกว่า แอร์ไม่เย็นแล้ว เพื่อเป็นแนวทางให้หลายๆคน ได้หันมาใส่ใจสุขภาพของคนในบ้าน ด้วยการล้างทำความสะอาดแอร์เป็นประจำ ถ้าไม่อยากให้สุขภาพเสียไปเพราะอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ภายในบ้านของเรา
 
การล้างแอร์มีความจำเป็นเป็นอย่างมาก เพราะแอร์เปรียบเสมือนเครื่องฟอกอากาศ ถ้าเครื่องฟอกสกปรก เราก็จะได้รับอากาศที่สกปรกไปด้วย ซึ่งในปัจจุบันแอร์รุ่นใหม่ๆ จะมีระบบฟอกอากาศที่ดีและทันสมัยมาก ถ้าแอร์ของเราสะอาด เราก็จะได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ ดีต่อสุขภาพของเราและครอบครัว

ความสกปรกของแอร์ขึ้นอยู่กันสภาพการใช้งาน และสภาพแวดล้อมของการติดตั้ง ถ้าห้องที่ปิดมิดชิดลมไม่ค่อยเข้า ฝุ่นไม่ค่อยมี แอร์จะไม่ค่อยสกปรก แต่ถ้าห้องที่อยู่ใน หรือใกล้แหล่งที่มีฝุ่นเยอะ ก็จะทำให้แอร์สกปรกได้เร็ว โดยปกติแล้ว ช่างจะแนะนำให้ล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือน เพราะโดยปกติแล้วเราจะเปิดแอร์กันเฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมง เมื่อใช้งานผ่านไป 3 – 6 เดือน พัดลมแอร์จะเริ่มมีฝุ่นสะสมจำนวนมาก

จนทำให้ลมไม่สามารถออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้ทุก 6 เดือนหรือปีละ 2 ครั้งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการล้างแอร์ และไม่ควรปล่อยให้แอร์ไม่เย็นแล้วค่อยมาล้าง เพราะนั่นหมายความว่า แอร์ที่สิ่งสกปรกหรือฝุ่นเข้าไปอุดตันเป็นจำนวนมาก ทำให้ลมไม่สามารถผ่านออกมาจากกรองได้ ซึ่งจะทำให้อากาศที่เราสูดดมเข้าไปมีความสกปรก อันตรายต่อคนในครอบครัว

บางบ้านที่เพิ่งล้างแอร์ไปได้ไม่นาน กลับพบว่าแอร์ไม่เย็นเหมือนตอนล้างใหม่ๆ หรือผ่านไปเกิน 6 เดือนแอร์ก็ยังทำความเย็นได้เป็นปกติไม่มีปัญหาอะไร ที่เป็นเช่นนี้เป็นเพราะปริมาณการใช้งาน หากใช้บ่อยครั้งและนานก็ย่อมส่งผลให้มีฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกเข้าไปมากกว่า อีกปัจจัยหนึ่งคือตำแหน่งที่อยู่อาศัย ถ้าบ้านตั้งอยู่ห่างจากถนน หรือบริเวณที่มีฝุ่นละอองน้อย

ก็จะทำให้แอร์เย็นได้นาน ทำให้ไม่สามารถกำหนดเวลาการล้างแอร์ได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม มาตรฐานเวลาที่ควรล้างแอร์อยู่ที่อย่างน้อยทุก 6 เดือน การล้างแอร์ นอกจากจะทำให้บ้านเย็นฉ่ำแล้ว ยังช่วยทั้งประหยัดค่าไฟอย่างน้อย 10% ยืดอายุการใช้งานของแอร์ แถมยังช่วยป้องกันเชื้อโรคให้กับคนในครอบครัวอีกด้วย
 
อย่างไรก็ตาม ทางเรา อยากให้ทุกครอบครัวได้สร้างบรรยากาศภายในครอบครัวให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดีอยู่เสมอ ด้วยการทำความสะอาดบ้านช่องให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น เพราะปัจจัยหลายๆอย่างในบ้านของเรา สามารถสร้างบรรยากาศที่ดีในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นการที่เราได้อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีๆ ได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่ดี เพราะสุขภาพที่ดีสามารถทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น



ซ่อมบำรุงอาคาร: อย่ารอจนแอร์ไม่เย็นแล้วค่อยล้าง เสี่ยงสุขภาพพัง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/

255
บัตรเครดิต Citi Royal Orchid Plus Select Master Card– เดินทางปลอดภัยแลกไมล์คุ้มค่า

    รายได้ขั้นต่า 30,000 บาท/เดือน
    ดอกเบี้ย 20% ต่อปี
    ค่าธรรมเนียมแรกเข้า ฟรี !!
    ค่าธรรมเนียมรายปี ฟรี !!
    ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 45 วัน

สิทธิพิเศษ

    ทุกการใช้จ่าย 20 บาท รับคะแนนสะสม 1 คะแนน เพื่อแลกรับ 1 ไมล์สะสม
    1 คะแนน สามารถแลกเป็น 1 ไมล์สะสม รอยัล ออร์คิด พลัส เพื่อแลกรับบัตรโดยสารการบินไทยและสายการบินในกลุ่ม Star Alliance อาทิ Singapore Airlines, United Airlines, ANA, Austrian Airlines, Eva Air
    บริการห้องพักรับรอง Royal Silk Lounge ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ฟรี 2 ครั้งต่อปีปฏิทิน เมื่อแสดงบัตรเครดิตฯ และบัตรโดยสารของสาย การบินไทย สำหรับเส้นทางระหว่างประเทศ
    รับบริการลีมูซีน จากบ้านถึงสนามบิน เมื่อซื้อตั๋วเครื่องบินไปกลับ ต่างประเทศ ผ่านซิตี้ ทราเวล เซอร์วิส
    ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี เมื่อยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ 300,000 บาทขึ้นไปต่อ 12 รอบบัญชี
    สิทธิในการคุ้มครองอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางสูงสุด 25 ล้านบาท เมื่อชำระค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิต
    วงเงินชดเชยสูงสุด 20,000 บาทต่อสมาชิกบัตรเครดิต หากเที่ยวบินหรือกระเป๋าเดินทางล่าช้า
    วงเงินชดเชยสูงสุด 50,000 บาทต่อสมาชิกบัตรเครดิต หากกระเป๋าเดินทางสูญหาย
    ประกันสินค้าสูงสุด 400,000 บาทต่อครั้ง หรือ 120,000 บาทต่อชิ้น หากสินค้าที่ซื้อผ่านบัตรเครดิต สูญหาย หรือเสียหายเนื่องจากอุบัติเหตุ ภายใน 30 วัน

ข้อมูลสินเชื่อวงเงิน

วงเงินสูงสุด               สูงสุด 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน
วงเงินอนุมัติสูงสุด        – บาท
ค่าธรรมเนียมแรกเข้า     ฟรี
ค่าธรรมเนียมรายปี        ฟรี
อัตราดอกเบี้ยต่อปี        สูงสุดไม่เกิน 18% ต่อปี
วันที่เริ่มคิดดอกเบี้ย       เริ่มคำนวณดอกเบี้ยนับแต่วันที่ทำรายการเบิกถอนเงินสด
ค่าติดตามทวงถามหนี้    100 บาท / ครั้ง
ผ่อนชำระขั้นต่ำ           10% ของยอดเงินคงค้าง


เงื่อนไขการสมัคร
คุณสมบัติของผู้สมัคร

    อายุ 20 ปีขึ้นไป
    มีสัญชาติไทย
    ผู้สมัครจะต้องมีรายได้อย่างน้อย 30,000  บาทขึ้นไป สำหรับพนักงานประจำ และ 30,000  บาทขึ้นไป สำหรับเจ้าของกิจการ
    อายุงานไม่น้อยกว่า 1 ปี สำหรับพนักงานประจำ และดำเนินธุรกิจมาไม่น้อยกว่า 3 ปี สำหรับเจ้าของกิจการ
    มีหมายเลขโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือที่สามารถติดต่อได้
    ผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคารฯ


เอกสารประกอบการสมัคร

    สำหรับผู้มีรายได้ประจำ

    สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ
    สลิปเงินเดือน หรือ หนังสือรับรองเงินเดือน
    สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 3 เดือน หรือ 6 เดือนสำหรับ อาชีพที่มีรายได้ไม่แน่นอน
    หนังสือรับรองเงินเดือน หรือ สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุด (ฉบับจริง)
    สำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชีธนาคาร ประเภทออมทรัพย์ของผู้สมัคร

   
สำหรับเจ้าของกิจการ

    สำเนาบัตรประชาชน
    หนังสือรับรองบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด
    ทะเบียนการค้า หรือ หนังสือบริคณห์สนธิ (คัดสำเนาไม่เกิน 3 เดือนล่าสุดนับจากวันที่ออก)
    สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน ของกิจการหรือของผู้กู้
    สำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชีธนาคาร ประเภทออมทรัพย์ของผู้สมัคร

    บริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน, บริการช่วยเหลือภายในบ้าน และบริการเลขาส่วนตัว ตลอด 24 ชม.

    ฟรีค่าธรรมเนียมรายปี เมื่อยอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ 300,000 บาทขึ้นไปต่อ 12 รอบบัญชี



สมัครบัตรเครดิต Citi Royal Orchid Plus Select Master Card อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/creditcard/

256
ปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ เชื้อโรคในอากาศ อีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ
“กระชายพลัส เอ็มเมด” สารสกัดกระชายขาวที่มีคุณภาพ ผสมเบต้ากลูแคน จากงานวิจัยและควบคุมคุณภาพโดยมหาวิทยาลัยมหิดล
เพื่อการมี สุขภาพดี ปอดแข็งแรง ภูมิต้านทานที่ดี ของคุณและคนที่คุณรัก ทานแค่ วันละ 1 แคปซูล กระปุกละ 359 บาท เท่านั้น
ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กระปุก      359    บาท
2 กระปุก      680    บาท
5 กระปุก      1400   บาท
10 กระปุก    2300   บาท

✅ คุณประโยชน์ของสารสกัดกระชายขาว ที่ช่วยลดและยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ในอากาศได้
✅ เมื่อปอดแข็งแรง การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนจากลมหายใจเข้าสู่อวัยวะต่างๆของร่างกาย ผลิตเป็นพลังงานให้กับเซลล์
✅ และกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์ จึงส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี เราจึงไม่เหนื่อยหอบง่าย ไม่อ่อนเพลีย
“กระชายพลัส เอ็มเมด” โดยมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการมีสุขภาพดี ปอดแข็งแรง พร้อมเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ ที่แพร่ระบาด
สุขภาพปอดดี จะวิ่ง จะเดิน จะเวท ไม่เหนื่อยง่าย ไม่เพลีย

“กระชายพลัส เอ็มเมด”
ด้วยมาตรฐาน MST Standard จากมหาวิทยาลัยมหิดล จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อคุณทาน กระชายพลัส เอ็มเมดคุณจะได้คุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีคุณภาพ ในการช่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง ปอดมีสุขภาพดี

ส่วนประกอบสำคัญ
👉 สารสกัดกระชาย 200 มก.
👉 ยีสต์ เบต้า-กลูแคน 70% 100 มก.
👉 แคลเซียม แอสคอร์เบต ไดไฮเดรต (VitC) 60 มก.
👉 วิตามิน บี1, วิตามิน บี6, วิตามิน บี12
1 ขวด บรรจุ 30 แคปซูล (470 มิลลิกรัม/แคปซูล)
เลข อย. 13-1-02954-5-0548
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหาร
สนใจสั่งซื้อ กระชายพลัส เอ็มเมด (กระชายมหิดล)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์: https://mmed.com/products/




257
หลายๆ คน บางครอบครัวสัตว์เลี้ยงมีความหมายและมีความสำคัญประหนึ่งเป็นสมาชิกสำคัญของบ้าน ดังนั้นเมื่อคิดจะสร้างบ้านใหม่ ก็ย่อมอยากคิดเผื่อบรรดาสัตว์เลี้ยงที่อยู่ร่วมกันในบ้านด้วย ซึ่งหากใช้บริการ บริษัทรับสร้างบ้าน จะสามารถออกแบบบ้านเพื่อหาพื้นที่ตรงกลางที่ทำให้อยู่ร่วมกันกับสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีความสุข ถูกสุขลักษณะและห่างไกลโรคของสัตว์เลี้ยง สำหรับแนวทางการออกแบบบ้านเพื่อสัตว์เลี้ยงอยู่สบาย แฮปปี้ทั้งคนทั้งสัตว์นั้น มีแนวทางอย่างไรบ้าง

ปัจจัยการออกแบบบ้านเพื่อให้สัตว์เลี้ยงอยู่ได้

1. คำนึงถึงอุณหภูมิและความชื้นภายในบ้านที่เหมาะสมกับทั้งคนและสัตว์เลี้ยง

สุนัข แมวหรือสัตว์ประเภทต่างๆ มีลักษณะพิเศษตามสายพันธุ์ ที่ทนความร้อนในอากาศเมืองไทยได้ไม่เท่ากัน เพราะบางตัวมีขนเยอะต้องอยู่ในอากาศที่มีอุณหภูมิเย็นสบาย หากปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่อับ อากาศไม่ถ่ายเทนานจนเกินไป หรืออยู่ในที่ที่โดนแสงแดดนานๆ อาจจะเป็นโรคลมแดด (Heat stroke) ได้

โดยช่วงอุณหภูมิอากาศและความชื้นสัมพัทธ์ที่สัตว์เลี้ยงรู้สึกสบาย อยู่ที่ 20-29 °C และ 30-70%RH (สำหรับสุนัขและแมว) ในขณะที่ช่วงอุณหภูมิอากาศและความชื้นสัมพัทธ์ที่มนุษย์รู้สึกสบาย อยู่ที่ 22-27 °C และ 20-75%RH เพราะฉะนั้นหากเราอยู่ในบ้านสบาย สัตว์เลี้ยงก็ต้องอยู่สบายตามไปด้วย


2. บ้านสามารถป้องกันเสียงรบกวนที่เกิดจากสัตว์เลี้ยงได้

โดยเฉพาะสุนัข เพราะบางพันธุ์จะส่งเสียงเห่าหอนดังมาก สาเหตุหนึ่งมาจากสัตว์เลี้ยงได้รับสิ่งเร้า หรือเสียงรบกวนจากภายนอกมากระตุ้นให้เกิดการตอบสนอง จนเป็นสาเหตุทำให้เกิดเสียงดังทำให้เพื่อนข้างบ้านไม่พอใจ และเป็นสาเหตุการทะเลาะกันตามมาภายหลัง

ดังนั้นจึงควรออกแบบบ้านที่มีการป้องกันเสียงรบกวน เช่น การเลือกผนังกันเสียง ประตูกันเสียง ปิดช่องว่างหรือส่วนที่เสียงอาจลอดผ่านได้ระหว่างห้อง หรือแม้แต่การติดตั้งฉนวนดูดซับเสียง เพื่อลดการได้รับเสียงรบกวนจากภายนอก รวมถึงลดเสียงรบกวนจากสัตว์เลี้ยงของเราเองด้วย


3. บ้านมีช่องเปิดที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก

แม้เราจะสามารถใช้ชีวิตกินนอนร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้ หากดูแลทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงอย่างดี แต่การสร้างบ้านก็ยังต้องคำนึงถึงการแบ่งพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างเป็นสัดส่วน และสามารถระบายอากาศได้ดี อีกทั้งยังให้มีอากาศธรรมชาติถ่ายเทให้เพียงพอ เพราะจะช่วยลดปัญหากลิ่นสะสมต่างๆ เช่น กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ความอับชื้น และเชื้อรา

ดังนั้นการออกแบบบ้านที่สามารถเปิดประตูหรือหน้าต่างรับลมจากภายนอก ให้ไหลเวียนเข้ามาภายในบ้าน จะช่วยลดปัญหาดังกล่าวได้มาก นอกจากนี้สร้างบ้านที่มีพื้นที่สวนภายนอกให้สัตว์เลี้ยงและคนสามารถออกไปรับลม แสง และอากาศภายนอกบ้านได้บ้างก็จะทำให้ทั้งคนและสัตว์รู้สึกผ่อนคลาย


4. แบ่งโซนพื้นที่ใช้สอยของคนและสัตว์เลี้ยงให้ชัดเจน

กำหนดว่าพื้นที่ไหนที่เราใช้อยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยง เช่น ห้องนั่งเล่น ระเบียงบ้าน และพื้นที่ใดที่ไม่ควรให้สัตว์เลี้ยงเข้าถึงได้ เช่น ห้องครัว ห้องนอน อาจใช้วิธีกั้นพื้นที่ตามช่วงเวลาที่ต้องการ เช่น กั้นด้วยประตู รั้ว หรือฉากกั้น ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้สะดวก


5. เลือกเฟอร์นิเจอร์และผ้าม่านโดยเน้นวัสดุผิวพื้นที่มีความทนทาน

เฟอร์นิเจอร์ควรเป็นวัสดุที่ทนต่อรอยขีดข่วนได้สูง มีค่าความทนทานของผิวหน้าระดับ AC5 (Abrasion Classification) เป็นอย่างน้อย หรือมาตรฐานอื่นเทียบเท่า เลือกใช้วัสดุผิวพื้นที่ไม่ดูดซึมน้ำและมีรอยต่อวัสดุน้อย หรือเลือกใช้สีและสารเคลือบผิวผนังเพื่อป้องกันการสะสมสิ่งสกปรกและเชื้อโรค สามารถทำความสะอาดได้ง่าย หรือทำความสะอาดตัวเองได้ เลือกใช้วัสดุที่ไม่กักเก็บฝุ่นและขนสัตว์ เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว รวมทั้งสัตว์เลี้ยงด้วย


6. ติดตั้งระบบไฟฟ้าในตำแหน่งที่ปลอดภัย

วางแผนสร้างบ้านสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการคำนึงถึงความปลอดภัย โดยเฉพาะพื้นที่กิจกรรมของสัตว์เลี้ยง หากวางแผนติดตั้งระบบไฟฟ้าในตำแหน่งที่ไม่ดี หรืออยู่ใกล้กับพื้นที่ที่สัตว์เลี้ยงชอบอยู่ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุและเป็นอันตรายต่อชีวิตของสัตว์เลี้ยง ผู้อยู่อาศัย รวมถึงทรัพย์สินต่างๆ ด้วย


7. เลือกวัสดุปูพื้นที่ทนทาน ทำความสะอาดง่าย

พื้นบ้านถือเป็นส่วนที่เพื่อนรักสัตว์เลี้ยงใช้ทำกิจกรรมและคลุกคลีสัมผัสมากที่สุด ดังนั้นวัสดุปูพื้นควรทนทานต่อการใช้งาน และทำความสะอาดง่าย เช่น การเลือกพื้นพรม ที่ช่วยถนอมเท้าสัตว์เลี้ยง แต่ขณะเดียวกันก็อาจเป็นพื้นที่สะสมกลิ่นเหม็น ดักขนร่วง และเปื้อนได้ง่าย ดังนั้นจึงไม่ควรเลือกพรมที่มีราคาแพงเกินไป และเลือกปูเฉพาะพื้นที่ ไม่ควรปูเต็มพื้นที่ห้อง นอกจากนี้ยังอาจเลือกใช้พรมแบบที่มีแพตเทิร์นเป็นชิ้นเล็กๆ มาต่อกัน เพื่อให้สามารถแยกทำความสะอาดได้ หากสัตว์เลี้ยงถ่ายของเสียไว้

ส่วนวัสดุปูพื้นบ้านอาจเลือกเป็นพื้นกระเบื้อง เพราะเป็นรอยยาก ทนต่อการขีดข่วน มีความเย็นสะสม เหมาะสำหรับให้สัตว์เลี้ยงนอนเล่นกับพื้นในวันที่อากาศร้อน และควรเลี่ยงพวกพื้นหินอ่อนหรือพื้นหินธรรมชาติที่ไม่ได้เคลือบ เพราะน้ำลายของสัตว์เลี้ยงจะทำให้เกิดรอยคราบด่างได้ รวมถึงพื้นไม้ก็ต้องเลี่ยงพวกพื้นไม้ลามิเนตหรือไม้เนื้ออ่อน เพราะจะทำให้เป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย

บ้านจัดสรรโคราช: แนวทางออกแบบบ้านเพื่อสัตว์เลี้ยงอยู่สบาย แฮปปี้ทั้งคนทั้งสัตว์ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://homes-realestate.com/home3/

258
การจัดฟันในเด็ก เป็นการรักษาทางทันตกรรมในเด็กที่ได้รับความนิยมากในปัจจุบัน เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจจะมองเล็งเห็นถึงปัญหาที่เกี่ยวกับช่องปากและฟันที่อาจจะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กได้อนาคต ซึ่งการจัดฟันในเด็กนั้นสามารถทำได้ตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุ 6-7 ขวบ พ่อแม่ผู้ปกครองควรนำเด็กๆ อายุต่ำว่า 10 ปี มาตรวจกับทันตแพทย์จัดฟันได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องรอจนถึงวัยรุ่นเพราะเป็นช่วงที่ฟันกำลังพัฒนาและขากรรไกรเติบโต และถ้าตรวจพบปัญหาฟันซ้อน การสบฟันผิดปกติ จะสามารถแก้ไขได้ง่ายมากกว่าการจัดฟันตอนเป็นผู้ใหญ่แล้ว


ซึ่งส่วนใหญ่ทันตแพทย์จัดฟันจะแนะนำให้เด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับฟัน เข้ารับการจัดฟันตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะการที่เด็กในวัยที่กำลังมีการเจริญเติบโตของฟัน สามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าตอนโตแล้ว ซึ่งหากอายุมากขึ้น การแก้ไขปัญหาฟันก็จะยิ่งซับซ้อนมากขึ้นนั่นเอง ในการจัดฟันในเด็กนั้น ยังเป็นการสร้างทันตคติเกี่ยวกับการดูแลช่องปากและฟันของเด็กได้อย่างดีอีกด้วย เพราะมองว่า เมื่อเด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็กแล้ว จะต้องดุแลเอาใจใส่และต้องดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันมากกว่าคนปกติ

ดังนั้นการจัดฟันในเด็ก จึงมีประโยชน์ต่อตัวเด็กในหลายๆด้าน ซึ่งการเข้ารับการจัดฟัน ก็จะช่วยแก้ไขปัญหาฟันได้ และยังเป็นการป้องกันและรักษาความผิดปกติของฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องเหมาะสมและมีการบดเคี้ยวที่ดีขึ้นได้ โดยการใช้เครื่องมือจัดฟันเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันและการสบฟันที่ผิดปกติ ไม่สวยงาม และไม่เป็นระเบียบ ให้มีโครงสร้างและรูปร่างใบหน้าที่ดีและสวยงามขึ้น ซึ่งเครื่องมือจัดฟันที่ใช้จะช่วยเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อประโยชน์ของสุขภาพช่องปากและฟัน
 
สำหรับวันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงการจัดฟันในเด็กในช่วงที่ฟันกำลังพัฒนามีข้อดีอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลและแนวทางให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ตระหนักและตัดสินใจที่จะพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดฟันนั้น สามารถทำได้ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ แต่ช่วงเวลาและวัยที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงอายุประมาณ 10-14 ปี เนื่องจากร่างกายกำลังเจริญเติบโต มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้ามากที่สุด

ทำให้ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้ง่ายเป็นประโยชน์ต่อการจัดฟัน แต่หากอายุมากแล้วหรือประมาณ 30 ปีขึ้นไป อาจต้องใช้ระยะเวลาในการจัดฟันที่นานกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีและปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับการรักษา นอกจากนี้ การที่พาเด็กเข้ารับการจัดฟันก่อนอายุ 13 ปีนั้น นอกจากจะทำให้ฟันเข้ารูปเรียงตัวกันสวยงามตามธรรมชาติได้ง่ายกว่าในวัยเจริญเติบโตแล้ว ยังทำให้ใบหน้าเข้ารูปสวยงามได้อีกด้วย
ซึ่งต่างจากการจัดฟันตอนที่อยู่ในช่วงใกล้หยุดเจริญเติบโต หรือในช่วงเด็กโตเนื่องจากฟันจะเข้ารูปยากกว่าแถมไม่ช่วยเรื่องโครงหน้าอีกด้วย เหมาะสำหรับเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างของใบหน้า หรือมีความผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าที่อาจจะมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมหรือพฤติกรรมในวัยเด็ก ก็สามารถเข้ารับการจัดฟันในเด็กได้ และภายหลังการจัดฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรให้เด็กดูแลตนเองด้วยการรักษาความสะอาดของฟันและเครื่องมือจัดฟันให้สะอาด

โดยใช้แปรงสีฟันสำหรับผู้ที่จัดฟันโดยเฉพาะ ทำความสะอาดภายหลังรับประทานอาหารทุกมื้อและก่อนเข้านอน รักษาเครื่องมือจัดฟันให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ให้หลุดหักหรือบิดเบี้ยว ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งและเหนียวรวมทั้งของหวาน ระมัดระวังเมื่อเล่นกีฬาที่อาจเกิดการกระทบกระทั่งรุนแรง รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด และพบทันตแพทย์ตามนัดหมาย เพียงเท่านี้ก็จะทำให้เด็กมีฟันที่สวยงามตั้งแต่อายุยังน้อย ลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาฟันในตอนโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็ก และยังมีระสบการณ์ด้านทันตกรรมเด็กมาอย่างยาวนาน พร้อมที่จะให้คำแนะนำและคำปรึกษาสำหรับเด็กที่อยากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย


การจัดฟันเด็ก ในช่วงที่ฟันกำลังพัฒนามีข้อดีอย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

259
หลายคนมักพูดว่า “บ้าน” คือ ทรัพย์สินที่มีมูลค่า ลงทุนกับบ้านย่อมเกิดผลมากกว่าลงทุนกับทรัพย์สินที่มีค่าเสื่อมอย่างรถยนต์ แต่คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าในการเลือกซื้อบ้านแต่ละหลังไม่ได้เป็นเรื่องง่ายอย่างที่คิดนะ นอกจากจะต้องทำเรื่องขอสินชื่อบ้านแล้ว ในการตัดสินใจซื้อโครงการบ้านอย่างบ้านจัดสรร ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน! วันนี้เราจึงไม่พลาดที่จะนำสาระดี ๆ มาฝากคุณผู้อ่านกัน อย่าง 5 ทริคน่ารู้ก่อนเลือกซื้อโครงการบ้านจัดสรร งานนี้จะมีทริคไหนบ้าง เลื่อนลงไปอ่านกันได้เลย!

5 ทริคที่คุณต้องรู้! ก่อนเลือกซื้อโครงการบ้าน

1. ทำเลที่ใช่ใครว่าไม่สำคัญ

สำหรับทริคข้อแรกนี้เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกซื้อบ้านเลยก็ว่าได้ หากทำเลที่คุณอยู่นั่นเปลี่ยว ห่างไกลคอมมูนิตี้มอลล์ การเดินทางคมนาคมก็ลำบาก แบบนี้คงไม่ดีแน่! จะดีกว่าไหมหากคุณเลือกซื้อบ้านให้อยู่ในทำเลทอง ใกล้สถานีรถไฟฟ้า ใกล้แหล่งคอมมูนิตี้มอลล์ และเส้นทางคมนาคมที่ใช้นั้นสะดวกสบาย


2. สิ่งอำนวยความสะดวกที่โดนใจ

สำหรับปัจจัยข้อนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในแรงจูงใจของการเลือกซื้อบ้านเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะของโครงการ สระว่ายน้ำ สนามเด็กเล่น และพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกต่าง ๆ ขึ้นชื่อว่าเป็นโครงการหมู่บ้าน อย่างไรคุณก็ต้องจ่ายค่าพื้นที่ส่วนกลางอยู่ดี ดังนั้นเลือกโครงการบ้านจัดสรรที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกให้เยอะนี่ล่ะถึงจะตอบโจทย์ อย่างน้อยที่สุด! พื้นที่ส่วนกลางตรงนั้นคุณก็ยังได้ใช้งาน


3. ระบบความปลอดภัย อุ่นใจทุกย่างก้าว

นี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน อย่าลืมว่าบ้านจัดสรร 1 โครงการนั้นสามารถมีลูกบ้านได้มากมายหลายคน หากทางโครงการไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยอะไรเลย ใครอยากเข้ามาก็ได้ ไม่มีการตรวจสอบ ผลเสียที่ตามมาอาจกลายเป็นว่าคุณจะต้องอาศัยอยู่ในโครงการนี้แบบห่วงหน้า พะวงหลัง ไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนนาน ๆ เนื่องจากกลัวโจรขึ้นบ้าน!


4. นิติบุคคลดี โครงการบ้านก็น่าอยู่

นิติบุคคลเรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญในการเลือกซื้อบ้านเลยก็ว่าได้ เนื่องจากนิติบุคคลที่ดีจะทำงานรวดเร็ว พูดจาดี เข้าใจ และพร้อมจะแก้ไขปัญหาให้ลูกบ้านด้วยความรวดเร็วเพื่อความสบายใจของลูกบ้านทุกคน อย่าลืมว่าชีวิตประจำวันของเราในแต่ละวันนั้นก็มีเรื่องให้น่าปวดหัวมากพออยู่แล้ว ถ้าต้องมากลุ้มใจเรื่องการแก้ปัญหาของนิติบุคคลอีกก็คงจะไม่ดีสักเท่าไหร่ เพื่อความสบายใจการเลือกโครงการบ้านจัดสรรที่นิติบุคคลไม่มีประวัติเสียนี่ล่ะคือคำตอบที่ดีที่สุด!


5. ความน่าเชื่อถือ เรื่องที่ห้ามละเลย

ทุกวันนี้มีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์กันอย่างมากมาย คุณไม่มีทางรู้เลยว่าเหล่าบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หน้าใหม่จะมีการดูแลหลังงานขาย การบริการ และการดูแลของนิติบุคคลเป็นอย่างไร ทางที่ดีที่สุดการเลือกซื้อบ้านกับบริษัทที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาอย่างยาวนานและโชกโชนที่สุดนี่ล่ะคือคำตอบที่ดีที่สุด อย่างน้อย ๆ คุณก็ทราบว่าบริษัทที่อยู่มานานเหล่านั้นเด่นเรื่องอะไร มีข้อเสียอยู่ที่ตรงไหนและนี่ก็คือสาระดี ๆ ที่เรานำมาฝากคุณผู้อ่านในวันนี้

จัดสรรบ้านขาย: ทริคน่ารู้ก่อนเลือกซื้อโครงการบ้าน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://realestatebb.com/

260
ด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจอันฝืดเคือง ทำให้ความฝันของใครหลายคนที่อยากจะมีบ้านสักหลังค่อย ๆ หายไป เพราะการ สร้างบ้านเดี่ยว สักหลังหนึ่งจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนหนึ่ง หรือเผลอ ๆ จำนวนเงินในการก่อสร้างอาจพุ่งสูงขึ้นจนเสียการควบคุมเลยก็ได้ ซึ่งนั่นอาจทำให้ฝันดีกลายเป็นฝันร้าย

ดังนั้นเพื่อให้งบประมาณในการก่อ สร้างบ้านเดี่ยว ไม่บานปลาย และมีงบประมาณก่อสร้างอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ต้องห้ามพลาดสาระน่ารู้เรื่องบ้านดี ๆ ที่บริษัทรับสร้างบ้าน นำมาฝากในวันนี้ ซึ่งเรามีวิธีการประหยัดงบประมาณในการก่อสร้างให้น้อยลง แต่ยังคงคุณภาพ และฟังก์ชันภายในบ้านที่ตอบโจทย์แก่การอยู่อาศัย มาฝากทุกคนกัน


3 สิ่งที่ช่วยประหยัดงบประมาณในการ สร้างบ้านเดี่ยว

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว ว่าการสร้างบ้านเดี่ยวสักหลังนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการจะสร้างบ้านได้สักหลังจะต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นแบบแปลนบ้าน วัสดุอุปกรณ์ และผู้รับเหมา ล้วนแต่จะต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยเลย เพราะฉะนั้นหากต้องการสร้างบ้านที่ครอบคลุมไปด้วยฟังก์ชันการใช้งานแบบจัดเต็ม แต่ยังอยู่ในงบประมาณที่น่ารัก และไม่สูงมากจนเกินไป มาดูวิธีการประหยัดงบประมาณในการก่อสร้างบ้านกันเลย

1.    เลือกแบบบ้านให้ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

หลายคนอาจคิดว่าแบบแปลนบ้านเป็นส่วนที่ใช้เงินน้อยที่สุด ซึ่งความเป็นจริงแล้วแบบแปลนบ้านนี่แหละที่จะเป็นตัววัดงบประมาณในการก่อสร้างบ้าน เพราะการออกแบบบ้านเดี่ยว 1 ชั้น หรือแบบบ้านเดี่ยวสองชั้น รวมไปถึงพื้นที่ความกว้าง ความยาว และความสูงโดยรอบของบ้านนั้นมีราคาที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคนที่ต้องการประหยัดงบประมาณ มักจะเลือกแบบบ้านชั้นเดียวมากกว่าเลือกแบบบ้านสองชั้น เนื่องจากบ้านชั้นเดียวไม่ต้องเสียเงินก่อสร้างเสาเข็ม และคานรับน้ำหนักโครงสร้างชั้นที่สอง ทั้งยังไม่ต้องเสียเงินสร้างบันได และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อก่อสร้างในชั้นที่สอง ถือว่าประหยัดงบประมาณไปได้มาก ๆ เลยทีเดียว

แต่ถ้าหากเลือกแบบบ้านสองชั้น คุณจะต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทั้งยังต้องเสียเงินในการบำรุงรักษาคูณสองอีกด้วย ดังนั้น หากใครที่ต้องการประหยัดงบประมาณในการก่อสร้างจริง ๆ การเลือกแบบบ้านชั้นเดียวถือว่าตอบโจทย์กับความต้องการมากกว่า แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมคำนึงถึงฟังก์ชันการใช้งานด้วย


2.    เลือกวัสดุ และอุปกรณ์ก่อสร้างให้ดี ช่วยลดค่าใช้จ่ายไปได้มากกว่าครึ่ง

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะช่วยประหยัดงบประมาณ และค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้านได้อย่างอยู่หมัดนั่นก็คือ การเลือกวัสดุ และอุปกรณ์ก่อสร้าง ควรจะเลือกวัสดุที่ดีมีคุณภาพ แต่ยังคงอยู่ในงบประมาณที่จำกัด ก็จะช่วยประหยัดงบประมาณได้เป็นเท่าตัว

และถ้าหากเลือกวัสดุที่มีคุณภาพ แต่ยังเกินงบประมาณที่กำหนดไว้ แนะนำให้ลองพิจารณาดูว่าวัสดุ อุปกรณ์ หรือของตกแต่งบ้านชิ้นไหนที่ไม่จำเป็นก็ให้ตัดออกไปก่อน หรือไม่ก็ใช้วัสดุอย่างอื่นมาทดแทน เพื่อประหยัดงบประมาณของคุณได้

ด้วยความที่ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้วัสดุในการก่อสร้างมีความหลากหลาย และอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ จึงสามารถตัดสินใจเลือกวัสดุที่มีความใกล้เคียงกับวัสดุที่ต้องการ เพื่อลดต้นทุนของคุณให้สามารถนำไปใช้ก่อสร้างในส่วนอื่น ๆ ได้


3.    เลือกบริษัทรับสร้างบ้านให้ดี ช่วยประหยัดงบประมาณของคุณได้

รู้หรือไม่? ว่าการเลือกบริษัทรับสร้างบ้านมีผลต่องบประมาณ และค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างบ้าน เพราะหากคุณเลือกบริษัทรับสร้างบ้าน หรือผู้รับเหมาที่ไม่มีคุณภาพ หรือไม่มีความรับผิดชอบในการก่อสร้าง ก็จะทำให้การสร้างบ้านของคุณเกินระยะเวลาที่กำหนด หรือไม่คุณก็ต้องจ่ายเงินในการซื้อวัสดุ อุปกรณ์ และค่าแรงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ดังนั้น ควรที่จะต้องเลือกบริษัทรับสร้างบ้านที่ดีมีคุณภาพ และมีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้าง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการสร้างบ้านเดี่ยวของคุณในครั้งนี้จะเป็นไปได้อย่างราบรื่น และงบประมาณไม่บานปลาย อย่าง การเลือกใช้บริการรับสร้างบ้านเดี่ยวกับบริษัทรับสร้างบ้านที่มีประสบการณ์มานาน

ตั้งแต่การสำรวจที่ดินไปจนถึงการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ติดต่อดำเนินการต่าง ๆ เพื่อสร้างบ้านออกมาให้มีคุณภาพ และตรงตามมาตรฐานมากที่สุด เพราะฉะนั้นคุณมั่นใจได้เลยว่าบ้านเดี่ยวในฝันของคุณ จะอยู่ในงบประมาณที่คุณวางไว้อย่างแน่นอน

และนี่ก็คือ 3 สิ่งที่คุณต้องรู้ เพราะจะช่วยประหยัดงบประมาณในการสร้างบ้านได้มากเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้การสร้างบ้านเดี่ยวไม่จำเป็นต้องสร้างแพงเสมอไป ควรเน้นไปที่การใช้งานจริงมากกว่าความสวยงาม และจะต้องสร้างบ้านที่ตรงตามความต้องการและความเหมาะสมของงบประมาณของคุณด้วย


รับสร้างบ้านเดี่ยว อย่างไรให้ราคาไม่สูง และใช้งานได้จริง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://luxuryhomesdesigns.com/

261
ปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ เชื้อโรคในอากาศ อีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ
“กระชายพลัส เอ็มเมด” สารสกัดกระชายขาวที่มีคุณภาพ ผสมเบต้ากลูแคน จากงานวิจัยและควบคุมคุณภาพโดยมหาวิทยาลัยมหิดล
เพื่อการมี สุขภาพดี ปอดแข็งแรง ภูมิต้านทานที่ดี ของคุณและคนที่คุณรัก ทานแค่ วันละ 1 แคปซูล กระปุกละ 359 บาท เท่านั้น
ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กระปุก      359    บาท
2 กระปุก      680    บาท
5 กระปุก      1400   บาท
10 กระปุก    2300   บาท

✅ คุณประโยชน์ของสารสกัดกระชายขาว ที่ช่วยลดและยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ในอากาศได้
✅ เมื่อปอดแข็งแรง การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนจากลมหายใจเข้าสู่อวัยวะต่างๆของร่างกาย ผลิตเป็นพลังงานให้กับเซลล์
✅ และกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์ จึงส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี เราจึงไม่เหนื่อยหอบง่าย ไม่อ่อนเพลีย
“กระชายพลัส เอ็มเมด” โดยมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการมีสุขภาพดี ปอดแข็งแรง พร้อมเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ ที่แพร่ระบาด
สุขภาพปอดดี จะวิ่ง จะเดิน จะเวท ไม่เหนื่อยง่าย ไม่เพลีย

“กระชายพลัส เอ็มเมด”
ด้วยมาตรฐาน MST Standard จากมหาวิทยาลัยมหิดล จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อคุณทาน กระชายพลัส เอ็มเมดคุณจะได้คุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีคุณภาพ ในการช่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง ปอดมีสุขภาพดี

ส่วนประกอบสำคัญ
👉 สารสกัดกระชาย 200 มก.
👉 ยีสต์ เบต้า-กลูแคน 70% 100 มก.
👉 แคลเซียม แอสคอร์เบต ไดไฮเดรต (VitC) 60 มก.
👉 วิตามิน บี1, วิตามิน บี6, วิตามิน บี12
1 ขวด บรรจุ 30 แคปซูล (470 มิลลิกรัม/แคปซูล)
เลข อย. 13-1-02954-5-0548
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหาร
สนใจสั่งซื้อ กระชายพลัส เอ็มเมด (กระชายมหิดล)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์: https://mmed.com/products/


262
ในประเทศไทยโรงงานอุตสาหกรรมหลายประเภทหรือเกือบทุกประเภท ต้องใช้เครื่องจักรในกระบวนการผลิต ซึ่งมักก่อให้เกิดเสียงดังรบกวน การดำเนินการควบคุมหรือหาแนวทางในการลดเสียงเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับพนักงานในโรงงานหรือชุมชนใกล้เคียง นับเป็นเรื่องที่สำคัญที่ผู้ประกอบการโรงงานต้องมีมาตรการควบคุมเสียงเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายหรือเกิดการร้องเรียนตามมา

กฎหมายกรมสวัสดิการ ฯ ได้กำหนดว่า เสียงที่มีความดังในระดับ 85 เดซิเบลเอขึ้นไป เป็นอันตรายต่อพนักงานที่ปฏิบัติงาน 8 ชั่วโมงของการทำงานในแต่ละวัน และเป็นระดับเสียงที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภทที่ใช้เครื่องจักร ดังนั้น ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมจึงควรทำความเข้าใจเรื่องการลดและป้องกันเสียงดังด้วยกัน รวมถึงการใช้แผ่นกันเสียงและฉนวนกันเสียง มาช่วยในการควบคุมระดับเสียงในโรงงานให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน


มาทำความรู้จักกับแผ่นซับเสียงกับฉนวนกันเสียงว่าแตกต่างกันอย่างไร

แผ่นซับเสียง คือ วัสดุที่มีความสามารถในการดูดซับเสียง เพื่อป้องกันเสียงสะท้อนกลับจากฝ้าเพดาน พื้น หรือผนัง ทำให้พื้นที่นั้นมีเสียงสะท้อนน้อยลง หรือไม่มีเสียงก้อง โดยปกติแล้วจะทำมาจากเส้นใยต่าง ๆ เช่น ใยแก้ว ฟองน้ำ หรือแผ่นโฟมสำเร็จรูป ซึ่งมักจะหุ้มผิวด้านนอกด้วยผ้า หรือวัสดุกันความชื้นพิเศษที่กันน้ำ

ฉนวนกันเสียง คือ วัสดุที่มีความสามารถในการป้องกันเสียง ซึ่งจะเป็นการลดเสียงที่ผ่านจากห้องหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่ง โดยผลิตขึ้นมาจากวัสดุฉนวนเส้นใยต่างๆ ทำเป็นแผ่นสำเร็จรูป ใช้สำหรับกันเสียงระหว่างผนัง หรือใช้ต่อเติมร่วมกับผนังอื่นๆ เช่น ผนังเบา ผนังสมาร์ทบอร์ด ผนังยิบซั่ม หรือผนังอื่นๆ ก็ได้ เพื่อประสิทธิภาพในการกันเสียงให้ดียิ่งขึ้น

แผ่นซับเสียงและฉนวนกันเสียง เป็นวัสดุที่ช่วยในการลดเสียงเช่นเดียวกัน แต่มีข้อแตกต่างกันที่ “แผ่นซับเสียง” ใช้ซับเสียง ลดการสะท้อนกลับของเสียง และลดเสียงก้องภายในห้อง ส่วน “ฉนวนกันเสียง” เป็นวัสดุที่กันเสียงไม่ให้ผ่านออกไปภายนอกห้อง หรือเพื่อกันเสียงจากภายนอกเข้ามารบกวนภายในห้อง


จะรู้ได้อย่างไรว่าแผ่นซับเสียงและฉนวนกันเสียงเลือกอันไหนได้ผลดีที่สุด

การเลือกใช้งานแผ่นซับเสียงและฉนวนกันเสียงที่ถูกต้อง ขึ้นอยู่กับระดับความดังของเสียงสภาพแวดล้อมของพื้นที่นั้น และวัตถุประสงค์ที่ต้องการแก้ไข เช่น ถ้าต้องการป้องกันเสียงดังจากเครื่องจักรหรือมอเตอร์ แต่ไปเลือกใช้แผ่นซับเสียง ก็จะไม่สามารถลดปัญหาเสียงดังได้ แต่ถ้าต้องการแก้ไขปัญหาเสียงให้ได้ผลดีที่สุดสามารถใช้ทั้งแผ่นซับเสียงและฉนวนกันเสียงร่วมกันได้ ซึ่งจะทำให้เสียงไม่สามารถเดินทางผ่านออกด้านนอกและไม่มีเสียงจากด้านนอกมารบกวน รวมทั้งไม่มีเสียงสะท้อน หรือเสียงก้องอยู่ภายในห้องอีกด้วย ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับความดังของเสียง ซึ่งจำเป็นต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรมงานเสียงโดยเฉพาะ ที่มีความรู้พร้อมให้คำแนะนำเรื่องแผ่นซับเสียงและฉนวนกันเสียง เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดในการแก้ไขปัญหาเรื่องเสียง

 ปัญหาเสียงรบกวน เสียงดังเกินค่ามาตรฐาน เสียงก้อง และเสียงสะท้อน ไม่ว่าจะเกิดจากเครื่องจักรหรือเกิดจากกระบวนการผลิตหรือกิจกรรมใดก็ตามที่ทำให้เกิดเสียง ถือเป็นเสียงรบกวนที่ไม่พึงประสงค์ ส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนควรให้ความสำคัญในการศึกษาทำความเข้าใจเพื่อแก้ไข ควบคุม และลดปัญหาเสียงต่าง ๆ ให้ลดลง สามารถทำได้โดยการใช้วัสดุที่มีความสามารถในการลดเสียงและควบคุมแก้ไขปัญหาเสียงให้อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ อย่างเช่น ใช้ฉนวนกันเสียงและแผ่นซับเสียง ที่มีคุณภาพ รวมไปถึงบริการแก้ปัญหาเสียงด้วยมาตรการทางวิศวกรรมโดย บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการลดเสียง มีสินค้าคุณภาพสูงในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงในโรงงานที่ผ่านมาตรฐาน และได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าต่าง ๆ มากมายที่ไว้วางใจใช้บริการ ยินดีให้คำแนะนำและออกแบบแนวทางลดเสียงทั้งภายในและภายนอก

แผ่นซับเสียงกับฉนวนกันเสียง แตกต่างกันอย่างไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://noisecontrol365.com/

263
Sena Viva รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง ทาวน์โฮมจาก SENA โครงการตั้งอยู่บนทำเลติดถนนใหญ่บางกรวย-ไทรน้อย เดินทางสะดวกสบาย เพียง 6 นาที* ถึง รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีคลองบางไผ่ ใกล้ตลาดบางบัวทอง เพียง 250 ม.* ใกล้ Central Westgate,  สถานศึกษาชั้นนำ, โรงพยาบาล และ Community Mall หลากหลายรูปแบบ

เสนา วีว่า รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง เป็นโครงการทาวน์โฮม 2 ชั้น ตัวบ้านออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น สีสันสดใสด้วยสีฟ้าที่ให้ความรู้สึกเย็นสบาย บนเนื้อที่โครงการทั้งหมด 22-2-99.2 ไร่ จำนวนบ้านพักอาศัยทั้งหมด 261 หลัง ที่ดินบ้านเริ่มต้น 18 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 103-113 ตร.ม. บ้านหน้ากว้าง 5.7 เมตร ฟังก์ชันบ้าน 3-4 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 1-2 คัน

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ อาทิ อาคารคลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, สวนสาธารณะขนาดกว่า 1 ไร่, เข้า-ออกโครงการแบบ Access Card Control, กล้อง CCTV พร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ในราคาเริ่มต้น 2.65 ล้านบาท* (ก.ค. 66)


ชื่อโครงการ            เสนา วีว่า รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง / Sena Viva Rattanathibet-Bangbuathong
เจ้าของโครงการ    บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) / SENA
ลักษณะโครงการ    ทาวน์โฮม 2 ชั้น
พื้นที่โครงการ    22-2-99.2 ไร่
จำนวนบ้าน    261 หลัง
เนื้อที่บ้าน    เริ่มต้น 18 ตร.ว.
พื้นที่ใช้สอย    เริ่มต้น 103-113 ตร.ม.
จำนวนห้อง    3-4 ห้องนอน, 2 ห้องน้ำ
ที่จอดรถทั้งหมด    1-2 คัน
โซน    นนทบุรี

เส้นทางคมนาคม    

    ถนนชัยพฤกษ์
    ถนนราชพฤกษ์
    ถนนบางกรวย-ไทรน้อย
    ถนนรัตนาธิเบศร์
    รถไฟฟ้า MRT สถานีคลองบางไผ่

ที่ตั้ง    ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.โสนลอย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 11110
กำหนดการ    เปิดลงทะเบียน*
ปีที่สร้างเสร็จ    สร้างเสร็จพร้อมอยู่
ราคา    เริ่มต้น 2.65 ล้านบาท* (ก.ค. 66)
ค่าส่วนกลาง    รอข้อมูลจากทางโครงการ
สถานที่สำคัญใกล้เคียง    ห้างสรรพสินค้า

    Lotus’s บางกรวย-ไทรน้อย
    Makro บางบัวทอง
    Big C รัตนาธิเบศร์
    Index Living Mall บางใหญ่
    HomePro รัตนาธิเบศร์
    Central Westgate
    IKEA บางใหญ่

สถานศึกษา

    รร.สารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์
    รร.ดรุณวิทย์ศึกษา
    รร.เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นนทบุรี
    รร.กสิณธรเซนต์ปีเตอร์
    รร.สวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี

สถานพยาบาล

    รพ.บางบัวทอง
    รพ.เกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล รัตนาธิเบศร์
    รพ.ชลลดา
    รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์

สิ่งอำนวยความสะดวก    

    คลับเฮาส์
    สระว่ายน้ำ
    ฟิตเนส
    สวนสาธารณะขนาดกว่า 1 ไร่
    เข้า-ออกโครงการแบบ Access Card Control
    กล้อง CCTV
    เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.


ทาวน์โฮม เสนา วีว่า รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง Sena Viva Rattanathibet-Bangbuathong อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/house/townhouse-townhome/

264
หลอดลมพอง (โบราณเรียกว่า มองคร่อ) หมายถึง ภาวะที่หลอดลมบางส่วนเกิดการขยายตัว (โป่งพอง) กว้างขึ้นกว่าปกติอย่างถาวร ซึ่งเป็นผลมาจากผนังหลอดลมถูกทำลาย ทำให้มีการติดเชื้อบ่อย เกิดอาการไอมีเสมหะเรื้อรัง

ภาวะนี้อาจเกิดกับหลอดลมเพียง 1-2 แห่ง หรือหลายแห่งก็ได้ มักเกิดกับหลอดลมขนาดกลางเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งก็อาจเกิดกับหลอดลมขนาดเล็ก ซึ่งจะถูกทำลายกลายเป็นแผลเป็น ถ้าเกิดกับหลอดลมขนาดใหญ่มักสัมพันธ์กับโรคเชื้อราแอสเปอจิลลัสของทางเดินหายใจ (allergic bronchopulmonary aspergillosis)

โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย แต่พบมากในช่วงอายุ 20-40 ปี

บางรายอาจพบร่วมกับโรคไซนัสอักเสบเรื้อรัง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ถุงลมปอดโป่งพอง หรือหืด


สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อของทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส (เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หัด) แบคทีเรีย (เช่น ไอกรน เชื้อสูโดโมเนส เคล็บซิลลา สแตฟีโลค็อกคัส ไมโคพลาสมา) เชื้อรา (เช่น แอสเปอจิลลัส) รวมทั้งการติดเชื้อของปอด เช่น ปอดอักเสบ วัณโรคปอด ฝีปอด (lung abscess) เป็นต้น

บางครั้งการติดเชื้อดังกล่าว อาจมีสาเหตุชักนำ เช่น ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น เอดส์ มะเร็ง) การอุดกั้นของหลอดลม (จากสิ่งแปลกปลอม เนื้องอกหรือมะเร็ง)

ส่วนน้อยเกิดจาการสูดแก๊สพิษหรือสารพิษ เช่น ควันบุหรี่ แอมโมเนีย คลอรีน ฝุ่นถ่านหิน หรือซิลิกา เข้าไปทำลายผนังหลอดลม

นอกจากนี้ ยังอาจเกิดจากความผิดปกติของทางเดินหายใจโดยกำเนิด ซึ่งบางชนิดสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์

สาเหตุเหล่านี้ทำให้ผนังหลอดลมถูกทำลาย รวมทั้งขนอ่อน (cilia) ที่เยื่อบุหลอดลมหลุดลอก สูญเสียกลไกในการขับสิ่งคัดหลั่ง (เสมหะ) เกิดการสะสมของเสมหะ ซึ่งมีเชื้อโรค ฝุ่น และสารระคายเคืองเจือปนอยู่ ส่งผลให้หลอดลมขยายตัว (โป่งพอง) บางครั้งกลายเป็นกระเปาะหรือถุงเล็ก ๆ (เป็นที่กักเชื้อโรค ส่งผลให้ติดเชื้อง่าย) ดังนั้น ผู้ป่วยที่เป็นหลอดลมพองจะเกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงเป็นวงจรของ "การติดเชื้อ → การทำลายผนังหลอดลม → การสะสมเสมหะ (และเชื้อโรค) → การติดเชื้อ ..." กระบวนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว มักจะเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งจะค่อยเป็นค่อยไปจนถึงขั้นแสดงอาการเมื่อมีอายุมากขึ้น
 

อาการ

ที่สำคัญ คือ ไอเรื้อรังทุกวัน ออกเป็นเสมหะสีเหลืองหรือเขียวจำนวนมาก และมีกลิ่นเหม็น บางครั้งอาจออกมากถึงวันละ 1 แก้ว อาการไอจะเป็นมากเวลาตื่นนอนตอนเช้า และเวลาอยู่ในท่านอนตะแคง ลมหายใจมักมีกลิ่นเหม็น

ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วย จะมีอาการไอออกเป็นเลือด (เนื่องจากผนังหลอดลมที่อักเสบมีการเพิ่มจำนวนหลอดเลือด ซึ่งมักจะเปราะและแตกง่าย) ลักษณะเป็นเลือดปนกับเสมหะ หรืออาจเป็นเลือดสดล้วน ๆ ก็ได้ มักออกเล็กน้อยและหยุดได้เอง ส่วนน้อยอาจมีเลือดออกจำนวนมาก บางรายอาจไม่มีอาการไอเรื้อรังมาก่อนอยู่ดี ๆ หรือหลังเป็นไข้หวัด ก็ไอออกเป็นเลือด

โดยทั่วไป ผู้ป่วยมักไม่มีไข้ เจ็บหน้าอก อ่อนเพลีย หรือหอบเหนื่อยง่ายร่วมด้วย ยกเว้นเมื่อมีการติดเชื้อแทรกซ้อน ซึ่งอาจเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว

หากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา โรคจะค่อย ๆ ลุกลามจนเป็นรุนแรง ผู้ป่วยจะมีอาการหอบเหนื่อยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาใช้แรงมากและน้ำหนักลด


ภาวะแทรกซ้อน

ที่พบบ่อยคือ ปอดอักเสบ ซึ่งกำเริบได้บ่อย

อาจไอออกเป็นเลือดจำนวนมาก

อาจทำให้เกิดภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งถ้าเป็นรุนแรงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ได้แก่ ภาวะการหายใจล้มเหลว และภาวะหัวใจวาย ดังที่เรียกว่า โรคหัวใจเหตุจากปอด (cor pulmonale)


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

การตรวจร่างกายระยะแรกอาจตรวจไม่พบสิ่งผิดปกติชัดเจน

ในรายที่ไอมีเสมหะมาก ถ้านำเสมหะของผู้ป่วยใส่แก้วตั้งทิ้งไว้จะพบว่าแยกออกเป็น 3 ชั้น ชั้นล่างสุดเป็นหนองข้น ชั้นกลางเป็นของเหลวใส และชั้นบนสุดเป็นฟอง

การใช้เครื่องฟังตรวจปอด มักได้ยินเสียงกรอบแกรบ (crepitation) เสียงอึ๊ด (rhonchi) และ/หรือเสียงวี้ด (wheezing) โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรวจบริเวณปอดส่วนล่าง

ในรายที่เป็นมาก อาจพบอาการนิ้วปุ้ม (clubbing of fingers)

บางรายอาจพบมีอาการของไซนัสอักเสบร่วมด้วย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการเอกซเรย์ปอด ตรวจเสมหะ ตรวจเลือด บางครั้งอาจต้องใช้กล้องส่องตรวจหลอดลม (bronchoscopy) เพื่อค้นหาสาเหตุ (เช่น สิ่งแปลกปลอม เนื้องอก) ทำการทดสอบสมรรถภาพของปอด เพื่อประเมินความรุนแรงของโรค รวมทั้งการตรวจหาสาเหตุอื่น ๆ ที่สงสัย เช่น เอดส์ วัณโรค เชื้อรา
 

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ในรายที่ไอมีเสมหะเหลืองหรือเขียวโดยสุขภาพทั่วไปแข็งแรงดี (ไม่มีอาการหอบเหนื่อย เจ็บหน้าอก และน้ำหนักลด) ให้การดูแลรักษาดังนี้

    ให้ยาปฏิชีวนะ (เช่น อะม็อกซีซิลลิน โคอะม็อกซิคลาฟ อีริโทรไมซิน ร็อกซิโทรไมซิน โคไตรม็อกซาโซล เป็นต้น) นาน 7-10 วัน
    ให้การรักษาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ถ้ามีเสียงวี้ดให้ยากระตุ้นบีตา 2 สูดหรือกิน เป็นต้น
    แนะนำให้ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ (วันละ 8-12 แก้ว) ควรงดบุหรี่ หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีควันบุหรี่ ฝุ่น ควันมลพิษในอากาศ
    ในรายที่มีเสมหะออกมาก หมั่นระบายออกในท่านอนระบายเสมหะ (postural drainage)โดยการนอนคว่ำพาดกับขอบเตียงและวางศีรษะบนพื้น โดยใช้มือหรือหมอนรอง ทำวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 5-10 นาที

2. ถ้าไม่ดีขึ้น หรือไอออกเป็นเลือด หายใจหอบ เท้าบวม หรือกำเริบบ่อย แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้ยาปฏิชีวนะตามชนิดของเชื้อที่เป็นสาเหตุ ให้การรักษาตามอาการ (เช่น ให้น้ำเกลือ ให้เลือดออกซิเจน ยาขยายหลอดลม) และแก้ไขโรคที่เป็นสาเหตุ และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น ในรายที่ดื้อต่อยา หรือมีเลือดออกมาก อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

ผลการรักษา ในรายที่เป็นระยะแรกไม่รุนแรง การได้รับการรักษาอย่างถูกต้องแต่เนิ่น ๆ มักจะได้ผลดี อย่างไรก็ตาม ผลการรักษายังขึ้นกับความรุนแรงของโรค สาเหตุ และภาวะแทรกซ้อน


การดูแลตนเอง

หากมีอาการไอเรื้อรังหรือไอเป็นเลือด ควรปรึกษาแพทย์

หากตรวจพบว่า เป็นหลอดลมพอง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

1. ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ที่สำคัญคือ เลิกสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด และหลีกเลี่ยงมลพิษในอากาศ ดื่มน้ำมาก ๆ (วันละ 8-12 แก้ว) เพื่อช่วยขับเสมหะ

2. ใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ โดยเรียนรู้วิธีใช้ยาที่ถูกต้อง และติดตามการรักษาตามที่แพทย์นัดอย่างต่อเนื่อง

3. ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไข้สูง หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย
    เจ็บหน้าอกมาก หายใจหอบ หรือหายใจลำบาก
    ไอมีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว หรือไอเป็นเลือด
    เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
    นอนราบไม่ได้ (เพราะรู้สึกหายใจลำบาก) หรือเท้าบวม
    ใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ  2-3 วันแล้วไม่ดีขึ้น   
    หลังกินยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    มีความวิตกกังวล


การป้องกัน

1. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพื้นฐานตั้งแต่วัยเด็ก

2. เมื่อเป็นโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจ ควรรับการรักษาอย่างถูกต้องแต่เนิ่น ๆ

3. ป้องกันการสำลักสิ่งแปลกปลอม

4. ไม่สูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการสูดฝุ่นหรือสารพิษเข้าปอด


ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยควรติดตามรักษากับแพทย์อย่างจริงจัง และเมื่อมีโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจเกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาแต่เนิ่น ๆ

2. ผู้ป่วยควรหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ กินอาหารที่มีประโยชน์ และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค



ข้อมูลโรค: หลอดลมพอง (Bronchiectasis)  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions

265
“จะทำอย่างไรให้บ้านไม่ร้อน…เมื่อโลกร้อนขึ้นทุกวัน” หนึ่งในคำถามที่นักออกแบบ และเจ้าของบ้าน พยายามหาวิธีร่วมกันเพื่อให้บ้านอยู่แล้วเย็นสบายในสภาวะอากาศปัจจุบัน เพราะบ้านร้อนเกิดจากความร้อนภายนอกที่เข้าสู่บ้านได้หลายช่องทางจนเกิดเป็นความร้อนสะสม ดังนั้น หากต้องการอยู่บ้านเย็นสบายแบบพึ่งเครื่องปรับอากาศให้น้อยที่สุด จึงจำเป็นต้องเลือกใช้วัสดุที่ช่วยป้องกันความร้อน วันนี้มีเคล็ดไม่ลับ ผ่าน 5 เทคนิคที่จะช่วยให้บ้านลืมความร้อนจากยิปซัมตราช้าง มาแนะนำกัน


1. เทคนิคสะท้อนความร้อน

เมื่อพระอาทิตย์สะท้อนผ่านมาทางด้านบน หลังคา ฝ้า เพดานจึงเป็นปราการด่านแรกที่ต้องเจอกับแสงแดด และความร้อน ดังนั้นวิธีการลดความร้อนจึงทำได้ตั้งแต่ การติดสปริงเกอร์พรมน้ำบนหลังคา หรือการติดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อนใต้แผ่นหลังคา ก็สามารถช่วยลดอุณหภูมิจากแสงแดดที่มาปะทะโดยตรง และความร้อนที่ทะลุสู่ตัวโถงหลังคาก็จะน้อยลง หรือเลือกใช้ แผ่นฮีทบล็อค ตราช้าง กันร้อน ที่สามารถป้องกันความร้อน โดยมีการบุแผ่นสะท้อนรังสีความร้อนหรืออลูมิเนียมฟอยด์ด้านหลังแผ่น ทำให้สามารถสะท้อนรังสีความร้อนได้ถึง 89% ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน JIS R 3106 ช่วยลดความร้อนบริเวณฝ้าเพดานใต้หลังคา ห้องใต้ชั้นดาดฟ้า รวมถึงผนังด้านที่โดนแดดโดยตรงได้เป็นอย่างดี แนะนำให้เลือกใช้ขนาด 9 มม.สำหรับฝ้าเพดาน หากต้องการนำมาใช้สำหรับผนังกั้นภายใน เลือกขนาด 12 มม.



2. เทคนิคกักเก็บความเย็น

เมื่อข้างนอกบ้านร้อน เราก็ต้องหาวิธีกักเก็บความเย็นในบ้านเอาไว้ให้นานที่สุด ตัวเลือกที่คนนิยมใช้ คือการติดฉนวนกันความร้อน ที่นอกจากจะสร้างเกราะป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ภายนอกแล้ว ยังช่วยทำให้พื้นที่ภายในบ้านเย็นสบายและน่าอยู่ขึ้น นอกจากฉนวนกันความร้อนแล้วสามารถเลือกใช้แผ่นยิปซัมมาตรฐาน ตราช้างสำหรับฝ้าเพดาน และงานผนัง ทำให้ห้องเย็นสบาย และไม่ลามไฟ ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ และสวยงาม น้ำหนักเบา แต่แข็งแกร่งทั่วแผ่น ไม่แอ่นตัว ทนทานใช้งานได้นาน



3. เทคนิคระบายอากาศ

การระบายอากาศภายในบ้านทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้พัดลมเพดานช่วยระบายอากาศ ช่วยคลายร้อน การปรับขนาดหน้าต่างให้เหมาะสม ควรเลือกหน้าต่างที่มีความสูง 1 เมตรขึ้นไป หรือแม้แต่การเลือกฝ้าชายคาระบายอากาศ ควรเลือกฝ้าที่มีรูหรือช่องระบายอากาศผ่านเข้าออกได้ เพื่อรับลมเย็นและระบายความร้อนที่สะสมใต้โถงหลังคา อย่างเช่นแผ่นเวเทอร์บล็อค ตราช้าง ฝ้าภายนอก รุ่นระบายอากาศ ทนน้ำ ไร้รอยฉาบ ปราศจากคราบรา



4. เทคนิคป้องกัน บังแดด

การติดฟิลม์กระจกกันความร้อน สามารถช่วยลดปริมาณแสงแดด กันความร้อนไม่ให้เข้ามาในห้อง ทำให้ห้องเย็นลง โดยเลือกติดฟิล์มเฉพาะห้องที่โดนแดดโดยตรงก่อน หรือการเลือกใช้กระจกที่ย้อมสีชาก็สามารถช่วยลดแสงจ้า รวมทั้งกันรังสียูวีได้ด้วย นอกจากนี้ ยังเพิ่มตัวช่วยในการบังแดดด้วยการติดม่านกันยูวี ซึ่งจะทึบแสงกว่าม่านทั่วไป เคลือบผิวด้วยวัสดุสะท้อนความร้อนและยูวี ทำให้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ภายนอกเข้ามาในห้องได้น้อยลง ส่งผลให้ห้องของเราเย็นขึ้น หรือจะเปลี่ยนเป็นม่านม้วน ม่านพับ และบานพับ ก็จะช่วยสะท้อนแสงได้ดีเช่นกัน ตลอดจนการเปลี่ยนสีผ้าม่านเป็นโทนอ่อน หรือติดตั้งม่านโปร่งแสงเสริมเข้าไป


ขายบ้านโคราช: เทคนิคที่จะช่วยให้บ้านลืมความร้อน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://homes-realestate.com/homes2/

266
สุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม เพราะฟันของเด็กนั้น ส่งผลต่อการขึ้นของฟันแท้ หากฟันมีปัญหาตั้งแต่ยังเป็นฟันน้ำนม อาจจะส่งผลให้การขึ้นของฟันแท้มีปัญหาได้ ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาบุตรหลานของท่านไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลง และจะได้แก้ไขได้ทันเวลา ในวัยเด็กนั้น เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เด็กในวัยนี้มักจะชอบรับประทานของหวาน เช่น ลูกอม ช็อกโกแลต หรือขนมหวานที่มีส่วนผสมของน้ำตาลจำนวนมาก

ซึ่งในอีกแง่หนึ่งก็คือของหวานเหล่านี้ เป็นสาเหตุของการเกิดฟันผุ และปัญหาฟันอื่นๆตามมา ในเรื่องของพฤติกรรมหรือของที่เด็กชื่นชอบ พ่อแม่ควรจัดให้ในปริมาณที่เหมาะสมกับลูกน้อย หรืออาจจะใช้ของว่างอื่นๆทดแทนขนมหวาน ซึ่งนอกจากจะดีต่อสุขภาพช่องปากและฟันแล้ว ยังดีต่อสุขภาพของลูกๆอีกด้วย สำหรับวันนี้ทาง คลินิกเราจะมาแนะนำอาหารว่างที่ดีต่อสุขภาพฟันของเด็กๆ เพื่อเป็นแนวทางให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้ปรับเปลี่ยนเมนูอาหารว่างให้เด็กๆ ได้


สำหรับอาหารของเด็กๆในวัยนี้ ควรที่จะมีส่วนในการช่วยป้องกันการเกิดโรคฟันผุได้เป็นอย่างดี เศษอาหารที่ตกค้างอยู่บนรูและร่องฟันในด้านบดเคี้ยว หรือตามซอกฟันที่จะมีผลให้เกิดโรคฟันผุได้ ได้แก่ อาหารประเภทแป้งและน้ำตาล โดยเฉพาะอาหารที่มีความหนืดหรือเหนียว และสามารถติดฟันได้นาน ๆ เป็นการให้โอกาสแก่เชื้อจุลินทรีย์ในปาก ใช้อาหารเหล่านี้ในการเจริญเติบโต และสร้างเป็นกรดทำลายฟัน นอกจากนี้ร่างกายของเด็กมีความต้องการอาหารประเภท โปรตีน เช่น เนื้อ นม ไข่ และอาหาร ประเภทแร่ธาตุ เช่น ผัก ผลไม้ เพื่อใช้ในการเสริมสร้างความเจริญของร่างกายเป็นพิเศษ โดยอาหารประเภทนี้ แม้บางชนิดจะมีความเหนียว เช่น เนื้อ ผักบางชนิด แต่อาหารเหล่านี้ เชื้อจุลินทรีย์ในปากไม่สามารถใช้ในการเจริญและสร้างกรดให้เกิดโรคฟันผุได้

สำหรับอาหารที่ดีต่อสุขภาพฟัน ได้แก่ นม เพราะอุดมไปด้วยแคลเซียมและฟอสฟอรัส ไม่ใช่แค่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง แต่ยังช่วยป้องกันเคลือบฟัน ทำหน้าที่ผลิตแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพฟันมาทดแทนส่วนที่ถูกแบคทีเรียทำลายไปอีกด้วย ต่อมาคือ ชีส นอกจากจะมีแคลเซียมสูงแล้ว แบคทีเรียบางชนิดอย่างโปรไบโอติคที่อยู่ในชีสยังช่วยยับยั้งแบคทีเรียป้องกันฟันผุ นอกจากนี้ ปลา ที่ประกอบด้วยโอเมก้า-3 ในน้ำมันปลา จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงโรคปริทันต์ หรือรำมะนาดได้ ยิ่งกว่านั้นปลาทะเลเขตหนาวอย่างปลาทูน่าและแซลมอนยังเป็นแหล่งของวิตามินดี และไขมันที่ดีต่อร่างกาย

 

สำหรับผลไม้ ที่พ่อแม่ผู้ปกครองสามารถนำไปให้ลูกน้อยรับประทานเพื่อเป็นเมนูอาหารว่าง ทางคลินิกของแนะนำก็คือ แอปเปิ้ล เพราะแอปเปิ้ล มีฉายาว่า ยาสีฟันธรรมชาติ ช่วยลดการสร้างแบคทีเรียที่ทำให้เกิดฟันผุ การเคี้ยวแอปเปิ้ลยังช่วยลดความเป็นกรดในช่องปาก และช่วยขจัดสิ่งสกปรก และเศษอาหารที่ตกค้างได้อย่างดี หรือจะเลือกรับประทาน แครนเบอร์รี่ เพราะในแครนเบอร์รี่มีสารที่ช่วยลดแบคทีเรียที่เกาะอยู่ที่ฟัน และสารที่เกิดจากจุลินทรีย์ที่เคลือบร่องฟันและโคนฟัน


จัดฟันบางนา: อาหารว่าง ที่ดีต่อสุขภาพช่องปากของเด็กๆ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

267
ประเภทสินค้าที่นิยมในการสร้างแบรนด์ของตัวเอง

1.สร้างแบรนด์เสื้อผ้า

เสื้อผ้าถือเป็นประเภทสินค้าที่มีคนนิยมนำมาทำสินค้าแบรนด์ตัวเองมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ เพราะเสื้อผ้านั้นถือเป็นปัจจัยหลักในการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปแค่ไหนเสื้อผ้าก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอยู่ดี


2.สร้างแบรนด์เครื่องสำอาง

เครื่องสำอางกับความสวยความงามนั้นถือว่าเป็นของคู่กัน ดังนั้นเครื่องสำอางจึงถือว่าเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นและมีความเหมาะสมที่จะนำมาทำแบรนด์สินค้าของตัวเองเป็นอย่างมาก


3.ทำแบรนด์รองเท้า

เป็นอีกหนึ่งประเภทสินค้าที่มีการนำมาสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ต่างต้องใส่รองเท้าด้วยกันทั้งนั้น สำหรับใครที่กำลังอยากสร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง รองเท้าก็ถือว่าเป็นสินค้าทางเลือกอันดับต้นๆ


4.สร้างแบรนด์[^_^]

เท่าที่มีการสำรวจพบว่า[^_^]เป็นสินค้าที่ติด Top 5 อันดับสินค้าที่มีการนำมาสร้างแบรนด์ตัวเอง เพราะผู้คนในยุคนี้นั้นให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพ จึงทำให้[^_^]นั้นกลายเป็นสินค้าที่ขายดีมากๆ


5.ทำแบรนด์ของตกแต่งบ้าน

นับว่าเป็นอีกหนึ่งประเภทสินค้าที่กำลังมาแรงมากๆในปัจจุบัน เนื่องจากว่าผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับที่อยู่ ทำให้ของตกแต่งบ้านนั้นเป็นที่นิยมและมีการผลิตแบรนด์เป็นของตัวเองให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ


สิ่งที่ต้องระวัง ! หากอยากทำแบรนด์ของตัวเองให้ปัง

1.การสต๊อกสินค้า

การจัดการสต๊อกสินค้าเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดในการสร้างแบรนด์สินค้าของตัวเอง ควรใส่ใจในเรื่องของการผลิตและควรระวังไม่ให้สินค้าขาดสต๊อก เพราะอาจจะทำให้ไม่มีสินค้าขายให้กับลูกค้า และเสียลูกค้าไปได้ ซึ่งปัจจุบันจะนิยมใช้ระบบจัดการคลังสินค้าที่เรียกว่าระบบ WMS (Warehouse Management System) เพื่อจัดการงานต่างๆ ในคลังสินค้า ตั้งแต่การรับสินค้า จัดเก็บ การเคลื่อนย้ายและจัดส่งสินค้า


2.คู่แข่งขายตัดราคา

เรื่องนี้มักจะเจอกันอยู่บ่อยๆจนกลายเป็นสิ่งที่ต้องควรระวังให้ดี เพราะถ้าใครเจอคู่แข่งขายตัดราคาเมื่อไหร่ ก็มีโอกาสที่สินค้านั้นจะขายได้ยากมากขึ้น ดังนั้นจึงควรมีการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้สินค้าคุ้มราคามากขึ้น


3.การถูกลอกเลียนแบบ

การถูกลอกเลียนแบบจากคู่แข่ง ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องระวังในการสร้างแบรนด์ของตัวเอง ซึ่งใครที่อยากสร้างแบรนด์ตัวเองควรจะต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงสินค้าอยู่เสมอ โดยอาจจะปรับเปลี่ยนในเรื่องของบรรจุภัณฑ์สินค้า ให้มีความแตกต่างไปจากเดิม เพื่อป้องกันการถูกลอกเลียนแบบ


4.จัดการต้นทุนให้ดี

เป็นสิ่งที่ต้องควรระวังให้ดีในการลงทุนทำแบรนด์ของตัวเอง เพราะการทำแบรนด์ของตัวเองนั้นจะต้องใช้เงินลงทุนที่สูง ซึ่งหากว่าจัดการต้นทุนได้ไม่ดีพอ ก็มีโอกาสที่จะมีต้นทุนสูง เกิดต้นทุนจม ส่งผลให้ธุรกิจขาดทุนและไม่ประสบความสำเร็จได้

ประเภทสินค้าที่นิยมในการสร้างแบรนด์ของตัวเอง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://businesssmarttools.com/

268
อยากหนีไปพักผ่อนชิลล์ๆ ริมทะเลท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบที่โดดเด่นด้วยทิวทัศน์สวย น่าควงแขนแฟนไปพักผ่อนนอนแช่น้ำไปรีเฟรชร่างกายหลังจากที่ทำงานกันมาอย่างยาวนาน วันนี้ขอแนะนำ 5 ที่พักกระบี่ติดทะเล บรรยากาศดี ราคาสบายกระเป๋า ที่บอกเลยว่าคนกระเป๋าเบาแต่อยากเที่ยวต้องถูกใจอย่างแน่นอน เอาเป็นว่าใครที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนริมทะเลชิลล์ๆ แถมได้พักผ่อนแบบเป็นส่วนตัวแต่ก็จ่ายเงินราคาสบายกระเป๋าด้วยต้องแวะมา 5 ที่พักกระบี่ติดทะเล บรรยากาศดี ราคาสบายกระเป๋า

1.อัญญาวี ทับแขก บีช รีสอร์ท, กระบี่ (Anyavee Tubkaek Beach Resort)

Anyavee Tubkaek Beach Resort ที่พักสุดชิลล์ติดทะเลกระบี่ที่มีห้องพักสวยสุดเรียบง่ายตกแต่งสไตล์โมเดิร์นเข้าถึงง่าย เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สวยแต่ใช้งานได้ครบทุกฟังก์ชั่น พร้อมทั้งยังมีห้องพักให้เลือกหลากหลายทั้ง Superior, Deluxe, Deluxe Family, Deluxe Pool Access, Deluxe Jacuzzi Sea View, Deluxe Connecting Room, Jacuzzi Villa, Jacuzzi Villa Pool Access, 1-Bedroom Jacuzzi Villa, Beachfront Pool Villa และ 2-Bedroom Beachfront Pool Villa ที่จัดเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะมาพักผ่อนง่ายๆ กับเพื่อน หรือพาครอบครัวมานอนก็มีห้องพักสุดไพรเวทรองรับได้อย่างดีแน่นอน

    Location: 146 หมู่ 3 หาดทับแขก ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่
    Phone: 075 607 200
    Price: ราคาเริ่มต้น 1,000 บาท (ราคาห้องพักอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาโทรสอบถามอีกครั้ง)


2.ทับแขก ซันเซ็ต บีช รีสอร์ท, กระบี่ (Tup Kaek Sunset Beach Resort)

Tup Kaek Sunset Beach Resort ที่พักสุดปังติดริมทะเลที่มีสระว่ายน้ำหน้าห้องพักทุกห้องให้ออกมาแช่น้ำได้แบบฉ่ำๆ มีห้องพักให้เลือกหลากสไตล์ทั้ง Deluxe Building, Deluxe Garden, Deluxe Pool Access, Deluxe Beach Front และ Deluxe Jacuzzi ภายในห้องพักตกแต่งสไตล์โมเดิร์นผสมผสานความเป็นธรรมชาติด้วยการเลือกใช้วัสดุธรรมชาติในการตกแต่งห้องพักเข้ากับบรรยากาศของท้องทะเลได้เป็นอย่างดี ใครที่อยากหนีมานอนมองวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลฟินๆ กับแฟนต้องจัดเลย!

    Location: 109 หมู่ 3 หาดทับแขก ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่
    Phone: 075 628 600
    Price: ราคาเริ่มต้น 1,755 บาท **ราคาอ้างอิงจาก Agoda วันที่ 31 สิงหาคม 2564 (ราคาห้องพักอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาโทรสอบถามอีกครั้ง)
   

3.ไร่เลย์ เกรท วิว รีสอร์ท & สปา, กระบี่ (Railay Great View Resort & Spa)

Railay Great View Resort & Spa ที่พักสวยที่จะมาเปลี่ยนวันพักผ่อนของคุณให้พิเศษกว่าที่เคย ด้วยบรรยากาศสบายๆ มาพร้อมความเงียบสงบด้วยบ้านพักแบบส่วนตัวบนเนินเขาที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติวิวทะเลสวย 2 แบบ คือ Grand Deluxe Cottages และ Deluxe Cottages ภายในห้องพักเน้นการตกแต่งแบบชิลล์ๆ มองมุมไหนก็สบายตา พร้อมด้วยอ่างอาบน้ำให้นอนแช่ได้แบบดีต่อใจ ใครที่อยากหนีมานอนเงียบๆ ต้องแวะมาที่ ไร่เลย์ เกรท วิว รีสอร์ท & สปา

    Location: 588 หมู่ 2 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่
    Phone: 098 670 5131, 075 819 472
    Price: ราคาเริ่มต้น 1,000 บาท (ราคาห้องพักอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาโทรสอบถามอีกครั้ง)


4.อ่าวนาง ปริ้นซ์วิลล์ วิลล่า รีสอร์ท & สปา, กระบี่ (Aonang Princeville Villa Resort & Spa)

Aonang Princeville Villa Resort & Spa ที่พักสวยติดทะเลกระบี่ที่มาพร้อมบรรยากาศของการตกแต่งสไตล์ทรอปิคอลที่มาพร้อมความสะดวกสบายตั้งแต่เข้าพัก เป็นอีกหนึ่งที่พักที่น่าหนีมาผ่อนคลายไปกับธรรมชาติที่โอบล้อมที่พัก พร้อมด้วยห้องพักหลากไทป์ คือ Deluxe Boutique, Deluxe Jacuzzi Pool, Deluxe Pool Access, Grand Deluxe Family, Deluxe Suite และ Pool Villa ที่สามารถตอบโจทย์การพักผ่อนของคุณได้แบบครบทุกความต้องการอย่างแน่นอน!

    Location: 164 หมู่ 2 หาดอ่าวนาง ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่
    Phone: 075 637 971
    Price: ราคาเริ่มต้น 1,200 บาท (ราคาห้องพักอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาโทรสอบถามอีกครั้ง)


5.บียอน รีสอร์ท กระบี่, กระบี่ (Beyond Resort Krabi)

Beyond Resort Krabi ที่พักสวยตั้งอยู่ติดริมทะเลที่มาพร้อมบรรยากาศสุดผ่อนคลาย มาพร้อมห้องพักหลากหลายไทป์ทั้ง Cottage, Superior, Villa Garden View, Deluxe Sea View, Villa Sea View, Grand Sea View Suite และ Villa Pamukale ภายในห้องพักเน้นการตกแต่งแบบเรียบง่ายตกแต่งสไตล์โมเดิร์นที่สามารถนอนมองวิวของท้องทะเลสีครามได้จากในห้องเลย พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันเรียกได้ว่าไม่ต้องพกอะไรมาเยอะก็ชิลล์สุดๆ ไปเลย สำหรับใครที่มองหาที่พักราคาเบาๆ หนีมาพักผ่อนในช่วงเงินในกระเป๋าเบาๆ แบบนี้แนะนำที่ บียอน รีสอร์ท กระบี่

    Location: 98 หมู่ 3 หาดคลองม่วง ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่
    Phone: 075 628 300
    Price: ราคาเริ่มต้น 999 บาท **ราคาอ้างอิงจาก Agoda วันที่ 27 สิงหาคม 2564 (ราคาห้องพักอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาโทรสอบถามอีกครั้ง)


ที่พักกระบี่ติดทะเล บรรยากาศดี ราคาสบายกระเป๋า อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ bit.ly/3VfCErf

269
เมื่อพูดถึงเครื่องแต่งกายที่แทบทุกคนควรมีไว้ติดตู้เสื้อผ้าที่บ้านแล้ว หนึ่งในนั้นคงต้องยกให้กับ ชุดสูท หรือเสื้อสูทนั่นเอง อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นชุดที่ให้ลุคที่ดูเป็นทางการ มีความน่าเชื่อถือ เสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีให้กับผู้ที่สวมใส่ วันนี้เราเลยนำวิธีการเลือกชุดสูท หรือเสื้อสูท มากระซิบบอกให้คุณผู้ชายที่อยากดูดีในชุดสูทสุดเนี้ยบให้ได้ทราบกันด้วยค่ะ

 

วิธีเลือกชุดสูท หรือเสื้อสูท

โดยทั่วไปแล้ว เสื้อสูท ชุดสูท ปกคอเสื้อแบบบางนั้นให้ลุคที่ดูทันสมัยมากกว่าแบบกว้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ปกคอเสื้อแบบกว้างกลับให้ความรู้สึกที่ดูคลาสสิกกว่า เอาเป็นว่าข้อนี้ก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละคน

ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดหน้าที่นำมาพับใส่ในกระเป๋าเสื้อสูท ชุดสูทนั้นควรเป็นเนื้อผ้ามัน เงาวับ เพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับผู้สวมใส่ ทว่าควรเลี่ยงไม่ให้ผ้าเช็ดหน้าแมตช์กับเนคไทที่ผูกล่ะ นั่นหมายถึงลวดลายและเนื้อผ้าเสื้อสูท ชุดสูทด้วยเช่นกัน เมื่อคิดที่จะซื้อชุดสูท หรือเสื้อสูทใหม่สักตัว สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามไปโดยเด็ดขาดคือ ความพอดีของชุดสูท หรือเสื้อสูทกับขนาดตัวผู้ใส่ โดยเฉพาะช่วงไหล่ เพราะหากไม่พอดีก็จะทำให้รู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายตัวสักเท่าไหร่ เอาเป็นว่าถ้าคุณเลือกสั่งตัด ก็ให้ช่างตัดเสื้อวัดความกว้างให้ดีเสียก่อน


ช่องว่างระหว่างปกคอเสื้อสูท ชุดสูทกับเชิ้ตด้านใน ไม่ควรมีช่องว่างมากเกินไป หรือชิดจนซ้อนทับกัน เวลาเลือกชุดสูท หรือเสื้อสูทหากเป็นไปได้ให้ลองเช็กตรงจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ด้วยก็ดี ลองเปลี่ยนมาสวมเสื้อสูท ชุดสูทสีถ่านหรือสีเทาแทนสีดำบ้างก็ได้ เพื่อความแปลกใหม่ ไม่จำเป็นต้องเป็นหนุ่ม Men in black อยู่ตลอดเวลา เว้นเสียแต่ว่าคุณจะต้องใส่สูทไปงานศพ

 
เข็มขัดที่เลือกใส่ควรเป็นเส้นเล็กและสีเดียวกับรองเท้าที่สวมใส่ เพื่อความเหมาะเจาะลงตัวกับชุดตั้งแต่หัวจรดเท้า ถ้าเลือกเสื้อสูท ชุดสูทที่ปลายเสื้อด้านหลังมีการตัดเย็บให้มีช่องว่างสักหน่อย ก็จะช่วยเพิ่มความทันสมัยและความเป็นแฟชั่นให้กับผู้สวมใส่ได้ ที่สำหรับคนที่มองหาเสื้อสูท ชุดสูทที่ลดความเป็นทางการลงนิดนึง แต่ก็อยากให้ดูติดเทรนด์ไปด้วยในตัว ทางเลือกที่แนะนำคือเสื้อสูท ชุดสูทแบบที่มีกระดุมอันเดียว


ในวันที่คุณต้องการความเป็นทางการชุดสูท หรือเสื้อสูทแบบที่มี 2 กระดุม ช่วยให้คุณดูเนี้ยบและเพิ่มความน่าเชื่อถือได้มากเลยทีเดียว วิธีเช็กว่าขนาดชุดสูท หรือเสื้อสูทพอดีกับตัวอีกหนึ่งวิธีก็คือ คุณต้องสามารถสอดมือเข้าไปด้านในได้แบบไม่ติดขัด เพราะนั่นหมายความว่าอย่างน้อยก็มีพื้นที่ว่างมากพอที่คุณจะเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก

 
ปลดกระดุมเสื้อสูท ชุดสูท ออกทุกครั้งก่อนที่จะนั่งลง ถ้าคุณไม่อยากให้ลุคดูแย่ และต้องทนนั่งอึดอัดในสภาพนั้นไปตลอด ถ้าคุณเลือกใส่เสื้อกั๊กไว้ด้านในเสื้อสูท ชุดสูท ด้วย แนะนำให้ปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายของเสื้อกั๊กออกเสมอ เพราะมันดูดีกว่าติดทุกเม็ดเยอะ


ความยาวของเสื้อสูท ชุดสูทควรยาวมากพอที่จะปกปิดซิปและกระดุมกางเกง ดีกว่าปล่อยให้มันออกมาจ๊ะเอ๋สู่สาธารณชน กระดุมข้อมือเชิ้ตด้านในควรโผล่พ้นเสื้อสูทออกมาอย่างน้อยครึ่งนิ้ว ทั้งนี้ คุณยังสามารถเพิ่มความเก๋ให้กับตัวเองได้ด้วยการเลือกกระดุมข้อมือแบบเท่ ๆ และแมตช์กับเสื้อผ้าชิ้นอื่น ๆ

ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ แต่อย่างน้อยก็หวังว่ามันคงช่วยให้คุณรู้วิธีการเลือกเสื้อสูท ชุดสูท รวมทั้งเทคนิคการมิกซ์ แอนด์ แมตช์ได้บ้าง แล้วคราวหน้าถ้าเรามีเคล็ดลับการแต่งตัวอะไรใหม่ ๆ มาอีก ก็จะรีบนำมาแนะนำให้ทราบทันทีเลยครับ



ชุดทำงาน เทคนิคการเลือกเสื้อสูท ชุดสูท เพื่อการสวมใส่สูทให้ดูดี!! อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://uniformdeluxe.com/

270
รู้ยัง! บัตรเครดิตเค้ามีสิทธิประโยชน์ร่วมกับแบรนด์รถยนต์ด้วยนะ... อย่าง "โตโยต้า" เองก็จัดเต็มโปรโมชั่นร่วมกับบัตรเครดิตอยู่หลายเจ้า ทั้งนี้ก็เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ขับโตโยต้าโดยเฉพาะเลยล่ะค่ะ บางคนอาจมีโอกาสใช้ประโยชน์จากบัตรเครดิตโตโยต้าบ้างแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่ทราบและเป็นลูกค้าโตโยต้า หรือมีแผนจะจับจองรถยนต์โตโยต้าซักคัน ไปเช็คสิทธิประโยชน์ที่คุณจะได้รับจาก "บัตรเครดิดโตโยต้า" กันดีกว่าค่ะ...


มากันที่บัตรเครดิตใบแรกค่ะ บัตรเครดิตเคทีซี - โตโยต้า ซาซ่า แพลตินัม มาสเตอร์การ์ด (KTC -Toyota Sasa Platinum Mastercard) บัตรเครดิตที่ให้สิทธิพิเศษเพื่อคนรักรถยนต์โตโยต้า


คุณสมบัติผู้สมัคร
บัตรหลัก

    อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    รายได้ 15,000 บาทขึ้นไป / เดือน
    รายได้ 50,000 บาทขึ้นไป / เดือน (สำหรับชาวต่างชาติ)

บัตรเสริม

    อายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สูงสุดไม่เกิน 80 ปี
    อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ต้องมีหนังสือยินยอมจากบิดา / มารดา / ผู้แทนโดยชอบธรรม เว้นแต่เป็นบุตรของผู้ถือบัตรหลัก
    แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของทั้งบัตรหลักและบัตรเสริมพร้อมใบสมัคร และสำเนาทะเบียนบ้านของบัตรเสริม

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : KTC PHONE โทร. 02-123-5000 หรือ https://www.ktc.co.th/


มาต่อกันที่บัตรเครดิตใบที่ 2 บัตรเครดิตวีซ่าแพลทินัม โตโยต้า ธนาคารกรุงเทพ (Bangkok Bank Visa Platinum Toyota Credit Card) พิเศษเหนือใคร คู่ใจคนรักโตโยต้า.. บัตรที่นำคุณสู่โลกแห่งสิทธิพิเศษจากโตโยต้า และร้านค้าชั้นนำทั่วโลก


คุณสมบัติผู้สมัคร
บัตรหลัก

    อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    รายได้ 15,000 บาทขึ้นไป / เดือน
    รายได้ 50,000 บาทขึ้นไป / เดือน (สำหรับชาวต่างชาติ)

บัตรเสริม

    อายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สูงสุดไม่เกิน 80 ปี
    อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ต้องมีหนังสือยินยอมจากบิดา / มารดา / ผู้แทนโดยชอบธรรม เว้นแต่เป็นบุตรของผู้ถือบัตรหลัก
    แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของทั้งบัตรหลักและบัตรเสริมพร้อมใบสมัคร และสำเนาทะเบียนบ้านของบัตรเสริม

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : โทร. 1333 หรือ https://www.bangkokbank.com/

และบัตรใบสุดท้าย บัตรเครดิตไทยพาณิชย์ โตโยต้า แพลทินัม (SCB Toyota Platinum) SCB TOYOTA PLATINUM... เอกสิทธิ์ของคนรักรถ รับส่วนลด 15% สำหรับค่าอะไหล่ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรที่ศูนย์บริการโตโยต้า


บัตรหลัก

    อายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
    รายได้ 15,000 บาทขึ้นไป / เดือน
    รายได้ 50,000 บาทขึ้นไป / เดือน (สำหรับชาวต่างชาติ)

บัตรเสริม

    อายุ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป สูงสุดไม่เกิน 80 ปี
    อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ต้องมีหนังสือยินยอมจากบิดา / มารดา / ผู้แทนโดยชอบธรรม เว้นแต่เป็นบุตรของผู้ถือบัตรหลัก
    แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของทั้งบัตรหลักและบัตรเสริมพร้อมใบสมัคร และสำเนาทะเบียนบ้านของบัตรเสริม

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม SCB CALL CENTER 02-777-7777 หรือ https://www.scb.co.th/


สมัครบัตรเครดิต เปรียบเทียบชัดๆ บัตรเครดิตคู่ใจคนขับรถโตโยต้า บัตรไหนน่าสมัคร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/creditcard/

หน้า: 1 ... 13 14 [15] 16 17 ... 24