แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17 18 ... 24
271
จัดฟันบางนา: เหงือกร่น มีสาเหตุมาจากอะไร การดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟัน เป็นกิจวัตรประจำวันที่เราทุกคนจะต้องปฏิบัติและให้ความเอาใจใส่ เพราะการที่เรามีสุขภาพช่องปากที่ไม่ดีก็ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเราและอาจจะก่อให้เกิดปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะฉะนั้น เราจึงควรดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน เพื่อให้มีสุขภาพที่แข็งแรงและปราศจากโรคที่เกี่ยวกับช่องปาก ซึ่งโรคที่เกี่ยวกับช่องปากที่มักจะพบได้บ่อยคือ โรคเหงือกอักเสบและอาการเหงือกร่น ซึ่งวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงอาการเหงือกร่นว่าเกิดจากอะไร และสามารถป้องกันได้อย่างไร

สำหรับอาการเหงือกร่นนั้น คือการที่เนื้อเยื่อขอบเหงือกรอบๆ ฟันร่นออกไปจนเห็นเนื้อฟันหรือรากฟันมากขึ้น ซึ่งเกิดเป็นช่องว่างระหว่างฟันและเหงือก โดยบริเวณนี้จะกลายเป็นแหล่งสะสมของคราบสกปรกและแบคทีเรียต่างๆ หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ต้องสูญเสียฟันธรรมชาติไป แต่อาการเหงือกร่น อาจจะไม่สามารถรักษาให้หาย หรือกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ ทำได้เพียงป้องกันเหงือกร่นลงไปอีก นอกจากนี้ ผู้ป่วยยังควรรักษาอาการเหงือกร่น เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้เกิดความเสียหายของกระดูกฟันได้ ทั้งนี้เราควรที่จะสังเกตอาการผิดปกติต่างๆที่เกิดขึ้น โดยอาการของเหงือกร่นที่เห็นได้คือ ลักษณะเหงือกที่เปลี่ยนไป คือเนื้อเหงือกจะร่นลงจนเห็นตัวฟันมากขึ้น หากเป็นมากๆ ก็อาจจะทำให้เห็นบริเวณคอฟันหรือรากฟันได้ชัด นอกจากนี้ ยังอาจพบอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น อาการเสียวฟัน เหงือกบวมแดง มีเลือดออกขณะแปรงฟัน ลมหายใจมีกลิ่น และอาการฟันโยก ซึ่งอาการทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า คุณกำลังมีอาการเหงือกร่น

สำหรับสาเหตุของอาการเหงือกร่นนั้น สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่ร้ายแรงที่สุดคือ เกิดจากโรคปริทันต์ ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดเหงือกร่นแล้วยังนำมาสู่ปัญหาอื่นๆที่ร้ายแรงตามมาได้ จนอาจทำให้สูญเสียฟันได้ ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดเหงือกร่น ได้แก่ การดูแลรักษาความสะอาดฟันที่ผิดวิธี เกิดอาการบาดเจ็บที่เหงือก โรคปริทันต์อักเสบ การสูบบุหรี่ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดอาการเหงือกร่น อันดับแรกเราจะมาพูดเรื่องของการแปรงฟันที่ผิดวิธี เพราะการแปรงฟันด้วยการถูไปมาในแนวนอน อาจทำให้เหงือกร่นและคอฟันสึกได้ โดยอาการเหงือกร่นที่เกิดจากการแปรงฟันมักเกิดขึ้นบริเวณฟันเขี้ยว ฟันกรามน้อย ต่อมาคือสาเหตุที่เกิดมาจากโรคปริทันต์อักเสบ เป็นโรคเกี่ยวกับการติดเชื้อแบคทีเรียที่ส่งผลให้เหงือกอักเสบ

โรคนี้ถือเป็นสาเหตุหลักของอาการเหงือกร่นเลยก็ว่าได้ และถ้าหากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เนื้อเยื่อเหงือกและกระดูกที่รองรับฟันเสียหาย เหงือกร่น และตามมาด้วยฟันหลุดร่วงได้ นอกจากนี้ พฤติกรรมการสูบบุหรี่ส่งผลเสียต่อสุขภาพปากและฟัน ทำให้เกิดคราบที่ฟัน เหงือกอักเสบ และเหงือกร่นได้ เห็นมั้ยว่าสาเหตุที่กล่าวมานั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพช่องปากและฟันมาก ซึ่งวิธีง่ายๆของการป้องกันอาการเหงือกร่นหรือปัญหาช่องปากอื่นๆ นั่นก็คือ การดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกต้อง เข้าตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน กับทันตแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หรือ ทุกๆ 6 เดือน เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันอาการเหงือกร่นได้

อย่างไรก็ตาม อาการเหงือกร่นนั้น ก็สามารถรักษาและป้องกันได้ โดยทันตแพทย์จะรักษาอาการเหงือกร่นตามสาเหตุ รวมถึงการทำความสะอาดคราบหินปูนบนฟันและผิวรากฟันใต้เหงือก พร้อมกับทำให้ผิวรากฟันที่โผล่ขึ้นมาเรียบกว่าเดิม เพื่อที่แบคทีเรียจะได้เกาะตัวได้ยาก นอกจากนี้ ผู้เข้ารับการรักษาอาจได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดแบคทีเรียอันตรายที่ยังหลงเหลืออยู่ด้วย

ซึ่งหากมีอาการไม่รุนแรง ไม่นานเหงือกก็จะกลับมาเป็นปกติดังเดิม แต่ในกรณีที่ยังคงมีเหงือกร่นเหมือนเดิม แม้จะรักษาที่ต้นเหตุไปแล้ว หรือกรณีที่ไม่อาจทำความสะอาดคราบหินปูนได้ เนื่องจากกระดูกและเบ้าฟันที่เสียหายนั้นอยู่ลึกมาก ทันตแพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยวิธีอื่น ทั้งนี้ ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อให้มีสุขภาพช่องปากที่แข็งแรง หากสนใจเข้ารับการรักษา สามารถติดต่อหรือขอคำแนะนำจากทันตแพทย์ของทางคลินิกได้ ทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างเต็มที่อย่างแน่นอน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

จัดฟันบางนา: เหงือกร่น มีสาเหตุมาจากอะไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

272
สิ่งหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งสำหรับการจัดงานเลี้ยงคือ “อาหาร” เพราะอาหารอร่อยจะช่วยให้คนเรามีความสุข และผ่อนคลาย ซึ่งนอกจากรสชาติความอร่อยของอาหารที่ต้องใส่ใจแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ควรให้ความสำคัญด้วย เพื่อให้การจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ ออกมาสมบูรณ์แบบและประทับใจแขกที่มาร่วมงานได้มากที่สุด


1. แขกของเราคือใคร?

ปัจจัยแรกที่เราต้องพิจารณาในการจัดงานเลี้ยงคือ “แขกของเราคือใคร” ชอบอาหารแบบไหน เป็นผู้ใหญ่หรือเป็นวัยรุ่น คำตอบของคำถามเหล่านี้จะช่วยกำหนดประเภทอาหารและวิธีการจัดเสิร์ฟให้แก่งานเลี้ยงของคุณได้ เนื่องจากแขกบางกลุ่มชอบอาหารไทย บางกลุ่มชอบอาหารฟิวชั่น บางกลุ่มชอบอาหารตะวันตก และถ้าเป็นกลุ่มผู้ใหญ่หรือผู้สูงวัย การจัดเป็นโต๊ะจีนน่าจะสะดวกกว่าการจัดบุฟเฟ่ต์หรืองานค็อกเทล


2. งบประมาณมีเท่าไร?

ก่อนตัดสินใจเลือกอาหาร เราควรจะมีงบประมาณในการจัดงานเลี้ยงเอาไว้ในใจว่าจะใช้งบประมาณในส่วนนี้ประมาณเท่าไร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบริษัท Catering ต่างๆ จะมีแพคเกจราคาอาหารเตรียมไว้ให้เราเลือกตามงบประมาณที่มีอยู่แล้ว ซึ่งจะช่วยให้การตัดสินในของเราง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม การพิจารณางบประมาณจะต้องสัมพันธ์กับจำนวนแขกผู้ร่วมงาน เราจึงต้องประเมินจำนวนผู้ร่วมงานอย่างแม่นยำ เพื่อเกิดปัญหาอาหารไม่พอหรืองบประมาณบานปลา


3. อาหารแบบไหนจึงจะถูกใจแขก?

เมื่อเลือกประเภทอาหารได้แล้ว สิ่งต่อมาที่เราต้องทำคือ การชิม เพราะทุกการจัดงานเลี้ยง ถ้าอาหารไม่อร่อย อาจสร้างความผิดหวังให้แก่ผู้มาร่วมงานได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะมีคนแนะนำว่าร้านนี้ดีหรืออร่อยมากแค่ไหน ในฐานะเจ้าภาพเองก็ควรชิมอาหารด้วยตัวเองทุกครั้งก่อนตัดสินใจเลือก นอกจากนี้ยังต้องเลือกอาหารให้มีความหลากหลายเพื่อให้เหมาะกับแขกที่มาร่วมงานด้วย เช่น มีอาหารประเภทผักหรือซุปที่เหมาะกับผู้ใหญ่ หรือเลือกอาหารที่สามารถถือทานได้ง่ายหากในงานมีจำนวนโต๊ะรับรองไม่มาก เป็นต้น


4. รูปแบบงานเลี้ยงของเราเป็นอย่างไร?

หากว่าเป็นงานเลี้ยงที่กึ่งทางการ เน้นการพบปะพูดคุย เป็นงานเลี้ยงน่ารักๆ การเลือกอาหารค็อกเทลก็อาจจะเหมาะสมกว่าแบบอื่น แต่ถ้าเป็นช่วงกลางวันหรือเย็นที่เน้นให้แขกรับประทานเป็นมื้อหลัก การเลือกโต๊ะจีน หรือบุฟเฟต์อาจจะมีความเหมาะสมมากกว่าง


5. ผู้ให้บริการเช่าสถานที่เป็นมืออาชีพหรือไม่?

สิ่งสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่นๆ คือ ความน่าเชื่อถือของบริษัทที่จัดงานเลี้ยง เพราะหากว่าเราได้ผู้จัดเลี้ยงที่ไม่มีความรับผิดชอบ หรือทีมงานไม่สุภาพ ขาดความเป็นมืออาชีพ อาจจะทำให้การจัดงานมีปัญหา หรือทำให้แขกผู้ร่วมงานรู้สึกไม่ดี ในเบื้องต้นเราอาจจะสอบถามจากเพื่อนที่เคยใช้บริการ หรืออ่านรีวิวประกอบการพิจารณา เพื่อความมั่นใจ

“อาหาร” เป็นสิ่งสำคัญของการจัดงานเลี้ยงที่เราต้องคำนึงถึง ซึ่งไม่เพียงแค่ “อร่อย” แต่ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เพื่อให้ถูกใจทั้งคนจัดงานและแขกผู้ร่วมงาน เราจึงควรต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ ก่อนการตัดสินใจ



สิ่งที่ต้องคำนึง ก่อนตัดสินใจเลือกอาหารในการจัดงานเลี้ยง การจัดเลี้ยงนอกสถานที่ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

273
หากใครที่กำลังวางแผนจะเดินทางท่องเที่ยวทะเลใต้ โดยเฉพาะทริปเที่ยวเกาะที่ขึ้นชื่อว่า โด่งดังไปทั่วโลก อย่างโปรแกรม “เกาะพีพี” คงกำลังจะมองหาที่พักที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือ ใกล้แหล่งท่องเที่ยว อยู่ไม่ห่างจากหน้าหาด ที่สำคัญ ราคาสบายกระเป๋า วันนี้ แอดมินมาแนะนำ ที่พักปังๆ โซนอ่าวนาง รับรองได้เลยว่า ถูกใจทุกๆท่านอย่างแน่นอน จะมีที่ไหนบ้าง มาดูกันเลยจ้าาา

1. Panan Krabi Resort
ที่พักหรูหรา มีสไตล์ มองเห็นได้ทั้งวิวภูเขาและวิวทะเล ไม่ไกลจากหน้าหาดอ่าวนาง หากใครที่กำลังมองหาที่พักสวยๆราคาไม่แพงแนะนำที่นี่เลยจ้า


2. Sea seeker Krabi Resort
ที่พักสวย เงียบสงบ มองเห็นทิวทัศน์ตระการตา ที่พักโดดเด่นแต่ราคาไม่แพงในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นและหรูหรา


3. Cosi Ao-nang Krabi
ที่พักไลฟ์สไตล์ใหม่ล่าสุด นำเทรนด้วยสไตล์ทันสมัย เรียบง่าย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่สำคัญมีจุดถ่ายรูปมากมายถูกใจสาวๆแน่นอนจ้า


4. Bluesotel Krabi
ที่พักสวย สีขาวสะอาดตา อยู่ห่างจากหน้าหากเพียงแค่ 5 นาที สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกได้จากสระว่ายน้ำของที่พัก ที่สามารถมองเห็นทั้งวิวทะเลและวิวภูเขา โรแมนติกมากๆเลยจ้า


5. Ao-nang Viva Resort
ที่พักสวยสีขาวสะอาดตา มาพร้อมกับสวนสนุกติดสระว่ายน้ำส่วนตัว กับบรรยากาศห้องพักที่เงียบสงบ บอกเลยว่าต้องถูกใจครอบครัวที่มีน้องๆหนูไปพักผ่อนด้วยแน่นอนเลยจ้า


6. Ao-nang Phu Petra
ที่พัก 4 ดาว ตั้งอยู่หน้าวิวภูเขาแบบพาโนรามา ตกแต่งด้วยสไตล์ไทยร่วมสมัยผสมผสานกับกลิ่นอายของภาคใต้ มีความเป็นส่วนตัว เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนมากๆจ้า


7. Ao-nang Buri Resort
ห้องพัก 4 ดาว ตกแต่งสไตล์ไทยร่วมสมัย บรรยากาศเงียบสงบร่มรื่น อยู่ไม่ไกลจากชายหาด


8. The Phu Beach Hotel
ที่พักหรูหรา ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นทันสมัย ตื่นตาตื่นใจไปกับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่เรียกได้ว่า ต้องถูกใจทุกๆท่านที่เข้าพัก บรรยากาศเงียบสงบ มาพร้อมกับมุมถ่ายรูปสวยๆจ้า


9. Andaman Breeze Resort
ที่พัก 4 ดาว มองเห็นหน้าผาหินปูนที่สวยงามของกระบี่ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางภูเขาอันเงียบสงบ ห่างจากความเร่งรีบและคึกคักของถนนสายหลัก แต่ยังสะดวกต่อการเข้าถึงร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยการเดินเพียง 15 นาที หากใครที่ชื่นชอบในความสงบแนะนำที่นี่เลยจ้า
ที่พัก ราคาถูก กระบี่

10. Ao-nang Orchid Resort
อีกหนึ่งที่พัก ที่อยู่ไม่ห่างจากหาดอ่าวนาง ห้องพักมีหลายขนาดพร้อมกับสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ อยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ รับรองได้เลยว่าเงียบ สงบ เหมาะแก่การพักผ่อนมากๆจ้า


ที่พัก ราคาประหยัด วิวหลักล้าน @อ่าวนาง กระบี่ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ bit.ly/3VfCErf

274
การปลูกรากฟันเทียมเพื่อรองรับสะพานฟัน แบบทั้งขากรรไกร

ทันตกรรมรากฟันเทียม ให้การรักษาโดยอาจารย์ทันตแพทย์รากเทียมระดับแนวหน้าของเมืองไทย เรานำเข้ารากเทียมแบรนด์ชั้นนำที่มีคุณภาพและมาตรฐาน รากเทียมมีหลากหลายราคา ขึ้นอยู่กับปัญหาช่องปากและความต้องการของคนไข้ เรายินดีให้คนไข้ของเราผ่อนชำระเป็นรายงวดหากไม่สะดวกจ่ายเต็มจำนวน เพื่อให้คนไข้เกิดความสะดวกและเข้าถึงการบริการ การทำรากฟันเทียมได้


ประเภทของการปลูกรากฟันเทียมแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ

    การปลูกรากฟันเทียมแบบเดี่ยว
    การปลูกรากฟันเทียมแบบหลายซี่
    การปลูกรากฟันเทียมทั้งปาก


การทำรากเทียมทั้งปาก

การรักษาด้วยการปลูกรากเทียมทั้งปาก เพื่อรองรับสะพานฟันหรือฟันปลอมแบบทั้งขากรรไกร ทดแทนฟันที่หายไปทั้งปาก ไม่ว่าจะเป็นฟันด้านบนหรือด้านล่าง เป็นการทำรากฟันเทียมแบบติดแน่น สามารถช่วยทดแทนฟันที่สูญเสียไป และช่วยให้อัตราการละลายตัวของกระดูกบริเวณที่ฝังรากฟันเทียมช้าลง ช่วยรักษาโครงหน้าเดิมเอาไว้ได้ ใช้บดเคี้ยวอาหารได้ดี มีความแข็งแรง โดยทันตแพทย์จะทำการฝังรากเทียมจำนวน 2 , 4 ,6 หรือ 8 ตัวต่อ 1ขากรรไกร หรือขึ้นอยู่กับคุณภาพของกระดูกรองรับฟัน ความต้องการของคนไข้ และดุลยพินิจของทันตแพทย์


ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมทั้งปาก

การปลูกรากฟันเทียมเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดีที่สุดในการทดแทนฟันที่สูญเสียไป ควรเข้าพบทันตแพทย์ผู้ให้การรักษาทันตกรรมรากเทียมที่มีประสบการณ์สูงเพื่อรับคำแนะนำ และวางแผนการรักษาได้ถูกต้องเหมาะสม


1. ก่อนเข้ารับบริการ

ทันตแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยและการถ่ายเอ๊กซเรย์เพื่อการวิเคราะห์และวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
รากฟันเทียม ครอบฟัน


2. ขั้นตอนการปลูกรากฟันเทียม

เริ่มต้นด้วยการปลูกรากฟันเทียมบนกระดูกรองรับฟัน โดยจำนวนของรากฟันเทียมที่จะนำมาฝังนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของกระดูกรองรับฟันและดุลยพินิจของทันตแพทย์ผู้ให้การรักษา หลังจากนั้นทันตแพทย์จะทำการเตรียมฟันปลอมแบบชั่วคราวให้แก่ผู้เข้ารับบริการในกรณีที่ทำการปลูกรากฟันเทียมแบบทั่วไป

หรือทำการติดสะพานฟันแบบชั่วคราวให้แก่ผู้เข้ารับบริการสำหรับการปลูกรากฟันเทียมแบบทันที เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการสามารถรับประทานอาหารและทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ขณะรอการสมานตัวของกระดูกรองรับฟันและรากฟันเทียม


3. ขั้นตอนการติดสะพานฟัน

ขั้นตอนสุดท้าย เป็นการติดยึดสะพานฟันแบบถาวรลงบนรากฟันเทียมไททาเนียม
ทำรากเทียมทั้งปาก


4. ผลลัพธ์

ฟันชุดใหม่ที่ได้จะมีความสวยงาม มีประสิทธิภาพในการใช้งานดี มีความใกล้เคียงฟันธรรมชาติ ลดความรำคาญและความไม่สะดวกสบายจากการใส่ฟันปลอมแบบธรรมดา


7 ข้อดี ของการทำรากเทียมทั้งปาก

1.    เป็นการทดแทนฟันที่สูญเสียไปทั้งขากรรไกรแบบติดแน่นและถาวร
2.    ช่วยให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดี
3.    มีความแข็งแรงและมั่นคงกว่าฟันปลอมแบบทั่วไป
4.    ช่วยรักษารูปหน้า และลดปัญหาการละลายตัวของกระดูกรองรับฟัน
5.    ช่วยให้สามารถมีรอยยิ้มที่แลดูเป็นธรรมชาติได้
6.    เป็นวิธีการแก้ปัญหาระยะยาว สามารถใช้งานแทนฟันแท้ได้อย่างถาวร
7.    สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ



รากฟันเทียมทั้งปาก ราคา: รากฟันเทียมทั้งปาก แบบติดแน่น แทนฟันที่สูญเสียไปทั้งขากรรไกร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://bit.ly/3P3AQ21

275
ภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาหรือยืดออกจนหัวใจมีขนาดโตผิดปกติ สูบฉีดเลือดได้ลำบากขึ้น ซึ่งอาจเกิดขึ้นชั่วคราวหรือถาวร โรคหัวใจโตสามารถควบคุมดูแลได้

โรคหัวใจโต คือภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจหนาหรือยืดออกจนหัวใจมีขนาดโตผิดปกติ สูบฉีดเลือดได้ลำบากขึ้น ภาวะดังกล่าวอาจเกิดขึ้นชั่วคราวหรือถาวร อย่างไรก็ตามโรคหัวใจโตสามารถควบคุมดูแลได้และผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพต่อไปได้

อาการ
โรคหัวใจโตอาจไม่แสดงอาการใด ๆ แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการดังต่อไปนี้   

    เหนื่อยล้าและวิงเวียนศีรษะ
    ใจสั่น
    หายใจไม่ทัน
    มีอาการบวมน้ำในช่องท้อง ขา และเท้า

ผู้ป่วยโรคหัวใจโตจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหัวใจล้มเหลวสูงกว่าคนทั่วไป


สาเหตุ
เวลาที่คนเราออกกําลังกาย กล้ามเนื้อจะใหญ่ขึ้น เช่นเดียวกับหัวใจ เมื่อหัวใจต้องทํางานหนักมากขึ้น กล้ามเนื้อหัวใจก็จะขยายใหญ่และเหยียดตัวขึ้นได้เช่นกัน โดยโรคที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นจนหัวใจโต ได้แก่

    เส้นเลือดหัวใจ
    ความดันโลหิตสูง
    โรคลิ้นหัวใจ
    กล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ
    โรคหัวใจพิการแต่กําเนิด
    ยาและแอลกอฮอล์
    ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ


ปัจจัยเสี่ยง

    การใช้ชีวิตแบบเนือยนิ่ง
    ผู้ป่วยหรือคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคหัวใจวายหรือหัวใจโต
    ความดันโลหิตสูง
    การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป


การตรวจวินิจฉัย

แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการ โรคประจำตัว และประวัติทางการแพทย์ของคนในครอบครัว และอาจสั่งให้ทำการตรวจวินิจฉัยดังต่อไปนี้

    เอกซเรย์ทรวงอกสําหรับตรวจประเมินปอดและสภาพหัวใจ
    การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เพื่อตรวจสอบกระแสไฟฟ้าของหัวใจ
    การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram) เพื่อประเมินลักษณะทางกายภาพของหัวใจ การทำงานของลิ้นหัวใจและการไหลเวียนของเลือด
    การตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) เพื่อบันทึกวิดีโอของสภาพหัวใจและการไหลเวียนของเลือด
    การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อสร้างภาพหัวใจโดยละเอียด


การรักษา

แพทย์จะทำการวินิจฉัยสาเหตุของโรคหัวใจโตและทำการรักษาด้วยการรับประทานยา ฝังอุปกรณ์ หรือผ่าตัดรักษา


ยาสำหรับโรคหัวใจโต

    ยาขับปัสสาวะ
    ยากลุ่ม Beta-Blockers เพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจและระดับความดันโลหิต
    ยาลดความดันโลหิตหรือยาขยายหลอดเลือด
    ยารักษาเบาหวานบางกลุ่ม โดยที่ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเบาหวาน


การผ่าตัด

    การแก้ไขหลอดเลือดที่อุดตัน
    การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียม
    การฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ ICD
    การจี้ไฟฟ้าหัวใจ


การป้องกัน

ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจโตควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนป้องกันความเสี่ยงในการเกิดโรค การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตก็สามารถช่วยป้องกันโรคได้เช่นกัน

    รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
    ออกกําลังกายเป็นประจํา อย่างน้อย 30 นาทีทุกวัน
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
    ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต
    ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ
    เลิกสูบบุหรี่หรือใช้สารเสพติด


ภาวะแทรกซ้อน

ผู้ที่เป็นโรคหัวใจโตมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการทางโรคหัวใจดังนี้

    ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หากหัวใจเต้นเร็วหรือช้าเกินไปเนื่องจากโรคหัวใจโต
    เสียงฟู่ของหัวใจ หากการทำงานของลิ้นหัวใจบกพร่อง
    หัวใจล้มเหลวหากมีภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายโต
    หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง เนื่องจากกาวะลิ่มเลือดอุดตัน


สถานการณ์ฉุกเฉิน

โดยปกติแล้วโรคหัวใจโตไม่ใช่ภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ แต่ถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์

    เจ็บหน้าอก
    รู้สึกชาหรือปวดกราม คอ แขน และหลัง
    หายใจไม่ทัน
    เป็นลมหมดสติ

โรคหัวใจโตทั้งแบบชั่วคราวและถาวรสามารถควบคุมได้ด้วยการรักษาที่เหมาะสมเพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดี การดูแลสุขภาพและหมั่นขยับเคลื่อนไหวร่างกายช่วยป้องกันหรือลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจโตได้


โรคหัวใจโตคืออะไร อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/

276
SILK พหลโยธิน-หลักสี่ โครงการจาก KSAS Development ตั้งอยู่บน ถนนพหลโยธิน แขวงอนุเสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. ใกล้ถนนพหลโยธิน, ถนนวิภาวดีรังสิต, รถไฟฟ้าสายสีเขียว และ สายสีชมพู สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ

ซิลค์ พหลโยธิน-หลักสี่ เป็นคอนโด High Rise 15 ชั้น 1 อาคาร พื้นที่โครงการขนาด 2-2-17 ไร่ จำนวนห้อง 274 ยูนิต มีห้องพักให้เลือกแบบ 1-2 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้น 33-51 ตร.ม. โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ปี 2014

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการครบครัน อาทิ โถงต้อนรับ, กล่องจดหมาย, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, สวนหย่อม, ลิฟต์โดยสาร, ประตู Key Card, กล้องวงจรปิด CCTV พร้อมรปภ. 24 ชม. ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท* (วันเปิดตัว)


ชื่อโครงการ                               ซิลค์ พหลโยธิน – หลักสี่ SILK Pahonyothin – Laksi
เจ้าของโครงการ                       เคเอสเอเอส ดีเวลอปเม้นท์ KSAS Development
ลักษณะห้องและขนาดห้อง       – 1 Bed  – 2 Bed
เนื้อที่ทั้งหมด                               2 ไร่ 2 งาน 17.00 ตร.ว.
จำนวนตึก                               1 อาคาร
จำนวนชั้น                               15 ชั้น
จำนวนห้อง                               274 ยูนิต
ที่จอดรถทั้งหมด                       n/a
โซน                                       เขตบางเขน
ขนส่งสาธารณะ                       n/a
รถโดยสารที่ผ่าน                       n/a
ที่ตั้ง                                       ถนนพหลโยธิน แขวงอนุเสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
กำหนดการ                               n/a
ปีที่สร้างเสร็จ                               พ.ศ. 2557
ราคา                                       เริ่มต้น 1,590,000 บาท (ณ. วันเปิดตัว)
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม               เริ่มต้น 49,700 บ./ตร.ม.


สถานที่สำคัญใกล้เคียง    

1. ห้างสรรพสินค้า เทสโก้ โลตัส
2. ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลรามอินทรา
3. โรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัล
4. มหาวิทยาลัยเกริก
5. มหวิทยาลัยราชภัฏพระนคร
6. มหาวิทยาลัยศรีปทุม
7. ศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก


สิ่งอำนวยความสะดวก    

– สระว่ายน้ำ (พร้อมสระเด็ก), ฟิตเนส, รปภ., กล้องวงจรปิดโครงการ, ประตู Key Card, ร้านซัก อบ รีด, สวนหย่อม, Wi-Fi Internet บริเวณ Lobby, อื่นๆ (สนามเด็กเล่น, ห้องจดหมาย, ระบบป้องกันน้ำท่วม)


จุดเด่นของโครงการ    

“คอนโดมิเนียมสุดยอดทำเลบนถนนพหลโยธิน ในบรรยากาศที่เงียบสงบ และเป็นส่วนตัว พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สะดวกทุกการเดินทางสู่จุดหมายปลายทาง แวดล้อมด้วยสถาบันการศึกษา ศูนย์การค้าและแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ ร้านอาหาร ธนาคาร โรงพยาบาลผู้เชี่ยวชาญ และสถานบันเทิง”




คอนโดติดรถไฟฟ้า ซิลค์ พหลโยธิน-หลักสี่ SILK Pahonyothin-Laksi ใกล้ BTS วัดพระศรีมหาธาตุ อ่านบทความเพิ่มติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/condo/publictransport/

277
การสอนอย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากการมีทักษะการสอนที่ดีแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญก็คือเทคโนโลยีดิจิทัล สำหรับครูที่ใช่ การมีเครื่องมือที่สามารถช่วยให้คุณครูสามารถสอนได้อย่างลื่นไหล ลดภาระงานการสอน และรู้สึกเหนื่อยน้อยลงในแต่ละภาคการศึกษา


5 สุดยอดเทคโนโลยีการศึกษาสำหรับคุณครู ลดภาระงาน ช่วยการสอนให้ลื่นไหล


1.   Starfish Class

อาจฟังดูเหมือนเป็นการอวยเทคโนโลยีการศึกษาที่ได้รับการพัฒนาโดยทีมผู้พัฒนาของ Starfish Labz แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อพูดถึง EdTech สำหรับคุณครูที่ได้รับความนิยมและความสนใจมากที่สุดในปัจจุบันก็คือ Starfish Class หรือแพลตฟอร์ม เครื่องมือที่คุณครูสามารถใช้เพื่อสร้างการประเมินทักษะหรือสมรรถนะของเด็กๆ ได้อย่างดีเลยนั่นเองค่ะ

Starfish Class ถือเป็น EdTech ที่ได้รับการออกแบบและพัฒนามาเพื่อคุณครูในประเทศไทยโดยเฉพาะ รองรับการใช้งานตามหลักสูตรการศึกษาฐานสมรรถนะ (CBE) ด้วยรูปแบบการประเมินสมรรถนะอย่างครอบคลุม คุณครูสามารถสร้างรายการสมรรถนะที่ต้องการประเมินด้วยตนเองได้ และการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ (Active Learning) ที่กระตุ้นให้คุณครูประเมินอย่างโปร่งใส ตามหลักฐานการเรียนรู้จริงๆ ภายในการประเมิน มีช่องหลักฐาน (Evidence) ที่สามารถใส่ได้ทั้งในรูปของตัวอักษร, ภาพ และไฟล์ เมื่อประเมินแล้ว ยังสามารถบันทึกออกมาเป็น Digital Portfolio ในรูปไฟล์ PDF. สำหรับเด็กๆ แต่ละคนได้ และในหน้าผลลัพธ์ยังมี Visual Presentation หรือ Graphic แสดงภาพรวมการประเมิน ช่วยให้คุณครูมองเห็นทิศทางการพัฒนาของเด็กๆ แต่ละคนได้อย่างแจ่มแจ้งอีกด้วยค่ะ


2.   Book Creator

สำหรับคุณครูที่อยากสร้างสื่อการสอนในรูปเอกสารหรือหนังสือดีๆ ให้เด็กๆ สักเล่มหนึ่งแต่ไม่รู้จะเริ่มที่ไหน ขอแนะนำ Book Creator เทคโนโลยีการศึกษาที่สามารถช่วยคุณครูสร้างสื่อการสอนหนังสือหรือเอกสารได้อย่างง่ายๆ ในเพียงไม่กี่ขั้นตอน จะเป็นหนังสือในรูป Interactive หรือสำหรับพิมพ์ออกมาจริงๆ Book Creator ก็มีให้ แถมยังมีเทมเพลตดีๆ ช่วยสร้างสื่อการสอนมากมายในหลากหลายวิชาตั้งแต่วิชาสามัญไปจนถึงทักษะใหม่ๆ ต่างๆ สำหรับคุณครูท่านใดที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาลองทำสื่อการสอนเป็นรูปหนังสือหรือเอกสารคุณภาพดีๆ สักชุดหนึ่ง Book Creator ถือว่าเป็นเครื่องมือที่ใช่เลยค่ะ


3.   Wakelet

เคยไหมคะ มีสื่อการสอนหรือแหล่งเรียนรู้ที่ดีมากมาย อยากรวบรวมเป็นกรุปเดียวกันให้เด็กๆ เข้าถึงได้ง่ายๆ แต่ก็แสนลำบาก สำหรับคุณครูสายแชร์และชอบการแบ่งปันแลกเปลี่ยนอย่างเป็นระบบและระเบียบ อีกหนึ่ง EdTech ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ Wakelet เครื่องมือที่สามารถช่วยให้คุณครูสามารถสร้าง Collection รวบรวมลิงก์และเนื้อหาต่างๆ อยู่ในหน้าเดียวกันเพื่อให้เด็กๆ สามารถเข้าถึงได้แสนง่ายแค่ในคลิกเดียว แต่ละ Collection มีความเป็นส่วนตัวและโดดเด่น แบ่งปันง่าย เปิดดูง่าย แถมยังมีความเป็นระบบ ระเบียบ จะแบ่งปันเป็นเนื้อหาวิชาสำคัญหรือสื่อการเรียนรู้เพิ่มเติมก็ได้ทั้งหมดเลยค่ะ


4.   Quizizz

เปลี่ยนการเรียนรู้ให้กลายเป็นกิจกรรมแสนสนุกกับ Quizizz อีกหนึ่ง EdTech คล้าย Kahoot! แต่ให้ความสนุกสนานที่แตกต่างกันและใช้งานง่าย Quizizz คือแพลตฟอร์มเทคโนโลยีการศึกษา ออกแบบมาให้คุณครูสามารถสร้างชุดคำถามให้เด็กๆ ตอบได้อย่าง Interactive ในห้องเรียน รวมไปจนเป็นการบ้าน ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Quizizz ก็คือการมี Option ให้คุณครูเลือกได้ว่าอยากควิซเด็กๆ แบบเดี่ยวๆ หรือแบบทั้งคลาส ซึ่งจะให้ผลต่างกัน สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ที่แตกต่างภายในเครื่องมือ นอกเหนือจากตัวอักษร คุณครูยังสามารถแอดรูปภาพและกิมมิค Gamification (การเรียนรู้ในลักษณะเกม) เล็กๆ น้อยๆ ที่สามารถช่วยให้เกิดความสนุก เช่น Bonus Points รับคะแนนพิเศษเพิ่มเมื่อตอบถูก, Supersonic รับคะแนนพิเศษเพิ่มเมื่อตอบถูกภายใน 20 วิ, Double Jeopardy รับคะแนนพิเศษเมื่อตอบถูกในทุกคำถามแต่ถ้าตอบผิด คะแนนลดลง หรือ Option การเลือกว่าจะให้ใครเป็นคนนำกิจกรรมคำถามระหว่างคุณครูและนักเรียนเมื่อจบควิซแล้ว ตัวเครื่องมือยังมีหน้าแสดงผลลัพธ์ที่ช่วยให้คุณครูมองเห็นคะแนนของเด็กๆ แต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบถูกกี่ % อยู่ที่ลำดับเท่าไหร่ในห้อง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอดเครื่องมือการสอนที่พลาดไม่ได้เลยค่ะ


5.   readAwrite

มีเครื่องมือการสอนในห้องเรียนแล้ว อีกหนึ่งเครื่องมือสุดท้ายที่ Starfish Labz อยากแนะนำก็คือ readAwrite ในหมวดของการช่วยตรวจการสะกดภาษาไทยที่คุณครูสามารถใช้ได้ในการเตรียมการสอนไปจนถึงการทำงานเอกสารยาวๆ ค่ะ

ตัวเว็บไซต์จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นเทคโนโลยีการศึกษาโดยเฉพาะ แต่เป็นเว็บไซต์นิยายและมีสุดยอดเครื่องมือการช่วยตรวจการสะกดที่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ได้อย่างฟรีๆ เพียงแค่ล็อกอิน แม้เราจะอ่านรอบหนึ่งแล้ว แต่ตรวจด้วยเครื่องมืออีกรอบก็ไม่เสียหาย หรือถ้าไม่ได้เป็นงานที่ทางการมากนัก อยากเช็กแค่ผ่านๆ ขอแนะนำ readAwrite เลยค่ะ

และนี่ก็คือ 5 เทคโนโลยีการศึกษาสำหรับคุณครูที่วันนี้ Starfish Labz ได้นำมาฝากกัน ทั้งสำหรับการสอนในห้องเรียน นอกห้องเรียน และไปจนถึงในการทำงานด้านอื่นต่างๆ 5 เทคโนโลยีนี้ถือว่าเป็นสุดยอดเครื่องมือที่พลาดไม่ได้ เหมาะกับการใช้ในหลากหลายโอกาส

สุดยอดเทคโนโลยีการศึกษาสำหรับคุณครู ลดภาระงาน ช่วยการสอนให้ลื่นไหล อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/

278
หลายคนคงเคยกังวลในเรื่องของปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน เพราะนอกจากจะเป็นปัญหาทางด้านสุขภาพในร่างกายของเราแล้ว ยังทำให้ขาดความมั่นใจในรอยยิ้มและบุคลิกภาพของตัวเองอีกด้วย เนื่องจากมีปัญหาฟันซ้อนเก ฟันห่าง หน้าอูม ทำให้ต้องยิ้มแบบเหนียมอาย ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ด้วยการจัดฟัน ถือว่าเป็นการช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของผู้ป่วยได้เป็นอย่างมาก และเพิ่มความมั่นใจในการดำเนินชีวิตประจำวัน


สำหรับปัญหาเกี่ยวกับการสบฟัน ทำให้กัดฟันแล้วชนเหงือก ริมฝีปาก กระพุ้งแก้ม เป็นผลให้รับประทานอาหารได้ไม่สะดวก บดเคี้ยวอาหารก็ไม่ละเอียด บางรายกัดเส้นก๋วยเตี๋ยวก็ไม่ขาด เป็นที่มาของโรคทางระบบทางเดินอาหาร เช่นกระเพาะอาหารอักเสบ หรือกรดไหลย้อน ซึ่งก็ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย ในบางกรณีการจัดฟันยังช่วยในเรื่องของการปรับโครงสร้างของใบหน้าในเด็กได้อีกด้วย เพราะการจัดฟันสามารถช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของใบหน้าของเด็กได้ เพราะเด็กยังมีโครงสร้างของใบหน้าและขากรรไกรที่ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ การจัดฟันก็จะช่วยในเรื่องของการปรับโครงหน้าได้ และส่งผลต่อการขึ้นใหม่ของฟันแท้อีกด้วย

 

สำหรับการจัดฟันในเด็กนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนยังมองว่า ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็น แต่นั่นเป็นความคิดที่ผิด เพราะเนื่องจากเด็กบางคนมีความผิดปกติของฟันมาตั้งแต่เล็กๆ เด็กบางคนมีขนาดขากรรไกรเล็ก ไม่สมดุลกับจำนวนซี่ฟัน จนทำให้ฟันซ้อน เด็กบางคนขากรรไกรยื่น ฟันสบคร่อม ซึ่งความผิดปกติเหล่านี้ สาเหตุใหญ่จะเกิดจากกรรมพันธุ์ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สามารถแก้ไขได้ด้วยการจัดฟัน รวมไปถึงการที่เด็กมีพฤติกรรมต่างๆ เช่น การที่เด็กติดดูดนิ้ว อาจไม่มีผลเสียหายอะไร หากยังอยู่ในช่วงเด็กเล็ก แต่ถ้าหากเด็กยังติดการดูดนิ้ว ไปจนถึงอายุ 5-6 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ฟันแท้เริ่มขึ้นก็อาจเป็นสาเหตุทำให้ฟันหน้าอยู่ผิดตำแหน่ง ทำให้เกิดการสบฟันที่ผิดปกติขั้นรุนแรงได้


สำหรับการสบฟันที่มีความผิดปกติในเด็กนั้น สามารถสังเกตได้จากพฤติกรรมและสภาพฟันของเด็ก โดยจะมีอาการคือ ฟันซ้อน ฟันขึ้นผิดตำแหน่ง ฟันหน้ายื่น ฟันน้ำนมหลุดเร็วเกินไป หรือหลุดช้าเกินไป หรือต้องเสียฟันน้ำนมแบบไม่ปกติ ฟันสบลึก หรือฟันสบคร่อม ฟันหรือลักษณะขากรรไกร ดูผิดสัดส่วน เด็กยังติดการดูดนิ้วจนอายุเกิน 5 ปี สามารถกัดหรือบดเคี้ยวอาหารลำบาก และชอบหายใจทางปาก นั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า เด็กอาจจะมีความผิดปกติของฟัน และควรที่เข้ารับการจัดฟัน แม้การจัดฟันแบบเบื้องต้นในเด็ก อาจไม่ได้จำเป็นสำหรับเด็กทุกคน หากในช่วงอายุ 7-10 ปี และหากพบสัญญาณของความผิดปกติ ก็จะได้รีบแก้ไขตั้งแต่เนิ่น อาจแก้ไขได้ เพราะเป็นช่วงที่กระดูกขากรรไกรกำลังเจริญเติบโตนั่นเอง


สำหรับประโยชน์ของการจัดฟันในเด็ก นอกเหนือจะทำให้เด็กมีรอยยิ้มที่สวยงาม สดใสสมวัยแล้ว ยังทำให้เด็กมีความมั่นใจ เพราะการจัดฟันในเด็กยังช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กได้หลายอย่าง ที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ เมื่อเด็กมีฟันที่เรียงสวยงามเป็นธรรมชาติ ไม่ซ้อนเก เด็กก็จะแปรงฟันได้ง่ายขึ้น ทำความสะอาดได้ดีขึ้น ซึ่งเรื่องความสะอาดในช่องปาก ถือเป็นเรื่องสุขอนามัยเบื้องต้นที่จะอยู่กับเด็กไปตลอดชีวิต

นอกจากนั้นทันตแพทย์ผู้ทำการจัดฟัน อาจมีส่วนช่วยหาทางบรรเทา ภาวะหยุดหายใจขณะหลับในเด็กได้ด้วย สามารถช่วยบำบัดพฤติกรรมเด็กที่ติดการดูดนิ้ว ซึ่งสามารถสร้างผลเสียหาย ต่อการสบฟันในอนาคต ช่วยวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับการออกเสียง การหายใจ และการบดเคี้ยวอาหารของเด็กได้เป็นอน่างดี สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง ท่านใดสนใจ จะพาบุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟัน สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้จากทางคลินิกได้ ทางเรามีบริการจัดฟันในเด็ก โดยทันตแพทย์ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก จึงมั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีรอยยิ้มที่สดใส สมวัยอย่างแน่นอน

ประโยชน์ของการจัดฟันเด็ก อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

279
ม่านกันเสียง อีกประเภทของ ฉนวนกันเสียง ซึ่งนิยมใช้กันเสียงในโรงงานมากกว่าใช้กันเสียงในอาคารพักอาศัย เนื่องจากน้ำหนักและความแข็งตัวของม่านกันเสียงที่มีมากกว่าม่านทั่วไป ทำให้การใช้งานในบ้านหรือห้องชุดไม่เป็นที่นิยม มีหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าม่านกันเสียงจะมีลักษณะของวัสดุคล้ายหรือเหมือนกับม่านบังแดดและบังตาโดยทั่วไป แต่โดยความเป็นจริงแล้วม่านกันเสียง จะมีน้ำหนักมากกว่าม่านธรรมดาหลายเท่าตัว


ม่านกันเสียงเหมาะกับการใช้งานแบบไหน

ม่านกันเสียงเหมาะกับการใช้ลดเสียงจากกระบวนการผลิตในโรงงาน หรือเสียงดังรบกวนจากเครื่องจักรที่ส่งผลกระทบกับพนักงาน เหมาะกับงานลดเสียงที่หวังผลประมาณ 5-10 dBA (ขึ้นอยู่กับพลังงานเสียง) หรืองานเก็บรายละเอียดหลังจากที่ทำห้องกันเสียงหรือติดแผ่นซับเสียงแล้ว แต่ระดับเสียงยังคงสูงกว่าความคาดหวังหรือเป้าหมายที่ต้องการลดเสียง ม่านกันเสียงจะมาช่วยลดระดับเสียงลงได้ในขั้นตอนสุดท้าย


ส่วนประกอบของม่านกันเสียง

ม่านกันเสียงมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบใส แบบทึบ ยังไม่นับรวมถึงวิธีการติดตั้งและวิธีการใช้งาน ที่มีทั้งแบบกึ่งอัตโนมัติและแบบใช้งานธรรมดา ส่วนประกอบของผนังกันเสียงจึงมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความต้องการลดเสียงจากแหล่งกำเนิดและเสียงที่ปลายทางหรือผู้รับเสียงต้องการ ตัวอย่างส่วนประกอบหลักของม่านกันเสียงได้แก่ ผ้าสักหลาดหนา ผ้าใยสังเคราะห์ที่มีความหนาแน่นสูง แผ่นโปลีเอสเตอร์หนา แผ่นวัสดุจำพวกเทอร์โมพลาสติค ผ้าเคลือบสารกันลามไฟ เป็นต้น


ตัวอย่างการใช้งานม่านกันเสียง

    การติดตั้งม่านกันเสียงบริเวณประตูเข้าออก ของห้องไฮดรอลิคปั๊ม
    การติดตั้งม่านกันเสียงบริเวณที่พนักงาน ทำงานอยู่ใกล้เครื่องจักร
    การติดตั้งม่านกันเสียงรอบเครื่องตัดน้ำแข็ง หรือ freezing tower
    การติดตั้งม่านกันเสียงรอบเครื่องแยกขนาด (sieving machine) เพื่อลดเสียงสะท้อน
    การติดตั้งม่านกันเสียงบริเวณประตูห้องเครื่องอัดอากาศ เพื่อลดเสียงรบกวน


ข้อเด่นและข้อจำกัดของม่านกันเสียง

ในงานแก้ปัญหาเสียงรบกวนม่านกันเสียงเป็นทางเลือกที่ลงทุนน้อยสุด ทำได้รวดเร็วและลดระดับเสียงได้ในระดับที่น่าพอใจ แต่ม่านกันเสียงเหมาะกับงานลดระดับเสียงที่เกินความต้องการอยู่ไม่มาก และเนื่องจากไม่ได้เป็นการป้องกันเสียงทุกทิศทางเหมือนห้องกันเสียงหรือตู้กันเสียง ทำให้ต้องออกแบบความสูงและเลือกใช้วัสดุให้สอดคล้องกับคลื่นความถี่และความยาวคลื่นจากแหล่งกำเนิดเสียง ม่านกันเสียงจะใช้ได้ผลดีกับลักษณะงานที่มีการเดินทางของเสียงออกมาทิศทางเดียว เช่น ม่านกันเสียงหน้าประตูของห้องเครื่องจักร เพื่อลดเสียงรบกวนจากเครื่องจักรที่ได้ยินออกมานอกห้อง (เสียงออกจากห้องได้ทางประตูเท่านั้น)


การดูแลรักษาม่านกันเสียง

ม่านกันเสียงแทบจะทุกแบบไม่สามารถนำมาซักล้างได้ แต่สามารถดูแลทำความสะอาดได้โดยการเช็ดถูหรือดูดฝุ่น หากเป็นการใช้ในโรงงาน ต้องดูแลมิให้มีความเสี่ยงที่จะโดนของมีคม กรดหรือด่างที่มีความเข้มข้นสูง รวมไปถึงจาระบีหรือน้ำมันหล่อลื่นบางประเภทที่มีฤทธิ์ทำให้ม่านเสียหายหรือลุกติดไฟ



ประโยชน์และข้อจำกัดของ ม่านกันเสียง ฉนวนกันเสียง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://noisecontrol365.com/

280
ปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ เชื้อโรคในอากาศ อีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญ
“กระชายพลัส เอ็มเมด” สารสกัดกระชายขาวที่มีคุณภาพ ผสมเบต้ากลูแคน จากงานวิจัยและควบคุมคุณภาพโดยมหาวิทยาลัยมหิดล
เพื่อการมี สุขภาพดี ปอดแข็งแรง ภูมิต้านทานที่ดี ของคุณและคนที่คุณรัก ทานแค่ วันละ 1 แคปซูล กระปุกละ 359 บาท เท่านั้น
ราคาโปรโมชั่นเพียง
1 กระปุก      359    บาท
2 กระปุก      680    บาท
5 กระปุก      1400   บาท
10 กระปุก    2300   บาท

✅ คุณประโยชน์ของสารสกัดกระชายขาว ที่ช่วยลดและยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ในอากาศได้
✅ เมื่อปอดแข็งแรง การแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนจากลมหายใจเข้าสู่อวัยวะต่างๆของร่างกาย ผลิตเป็นพลังงานให้กับเซลล์
✅ และกำจัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากเซลล์ จึงส่งผลให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานที่ดี เราจึงไม่เหนื่อยหอบง่าย ไม่อ่อนเพลีย
“กระชายพลัส เอ็มเมด” โดยมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อการมีสุขภาพดี ปอดแข็งแรง พร้อมเผชิญกับปัญหาฝุ่นพิษ และโรคติดต่อทางเดินหายใจ ที่แพร่ระบาด
สุขภาพปอดดี จะวิ่ง จะเดิน จะเวท ไม่เหนื่อยง่าย ไม่เพลีย

“กระชายพลัส เอ็มเมด”
ด้วยมาตรฐาน MST Standard จากมหาวิทยาลัยมหิดล จึงมั่นใจได้ว่า เมื่อคุณทาน กระชายพลัส เอ็มเมดคุณจะได้คุณประโยชน์จากสารสกัดที่มีคุณภาพ ในการช่วยดูแลร่างกายให้แข็งแรง ปอดมีสุขภาพดี

ส่วนประกอบสำคัญ
👉 สารสกัดกระชาย 200 มก.
👉 ยีสต์ เบต้า-กลูแคน 70% 100 มก.
👉 แคลเซียม แอสคอร์เบต ไดไฮเดรต (VitC) 60 มก.
👉 วิตามิน บี1, วิตามิน บี6, วิตามิน บี12
1 ขวด บรรจุ 30 แคปซูล (470 มิลลิกรัม/แคปซูล)
เลข อย. 13-1-02954-5-0548
รับประทานครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหาร
สนใจสั่งซื้อ กระชายพลัส เอ็มเมด (กระชายมหิดล)

โทร: 064-662-4421
ไลน์ OA  : https://page.line.me/565blcje?openQrModal=true
Page FB : https://web.facebook.com/MMEDBrand/?_rdc=1&_rdr
เว็บไซด์: https://mmed.com/products/


281
บ้านสำเร็จรูป ประหยัดงบประมาณ ค่าวัสดุ ค่าผู้รับเหมา และระยะเวลาในการก่อสร้าง ปัจจุบัน บ้านสำเร็จรูป กำลังเป็นที่นิยม เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความต้องการในแต่ละด้านดังที่กล่าวมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ, บ้านสำเร็จรูป มีอยู่หลายรูปแบบและแตกต่างกัน, โดย 3 รูปแบบหลัก ๆ ที่แยกออกตามระบบของการประกอบ ได้แก่


1.ระบบคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete System)

เป็นการนำชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปแต่ละชิ้น เช่น พื้น ผนัง เสา มาประกอบรวมกันเป็นบ้าน ในส่วนของหน้างาน, โดยภายในผนังคอนกรีตสำเร็จรูปจะมีระบบทางเดินสายไฟและระบบท่อติดตั้งมาในตัว

การหล่อคอนกรีตสำเร็จรูปถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบดังนี้

    หล่อสำเร็จจากโรงงาน (Plant Cast Units)
    หล่อสำเร็จบนพื้นที่ก่อสร้าง (Site Cast Units)



2.ระบบน็อคดาวน์ (Knock Down System)

เป็นการนำเอาชิ้นส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ไปประกอบในพื้นที่หน้างาน นิยมใช้โครงสร้างเป็นแบบ เหล็ก ไม้ และคอนกรีต สามารถสร้างได้ทั้งบ้านขนาดเล็กและขนาดใหญ่ แต่เราจะพบเห็นได้มากที่สุดคือการเอาตู้คอนเทรนเนอร์มาดัดแปลงให้เป็นบ้านแบบน็อคดาวน์

บ้านน็อคดาวน์มีต้นทุนที่ตำกว่า บ้านสำเร็จรูป ชนิดอื่น ๆ มาก เนื่องจากติดตั้งด้วยระบบขันน็อต เพื่อให้ง่ายต่อขั้นตอนการประกอบหรือถอดแยกส่วนในภายหลัง นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งแบบถาวรได้ด้วยวิธีการเชื่อม



3.ระบบโมดูลาร์ (Modular System)

เป็นระบบการก่อสร้าง บ้านสำเร็จรูป ที่พัฒนามาจากระบบทั้ง 2 ระบบด้านบนที่กล่าวมา (ระบบคอนกรีตสำเร็จรูป และระบบน็อคดาวน์) นิยมใช้สำหรับการสร้างบ้านระดับไฮคลาส, มีการสร้างชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในโรงงาน ด้วยการควบคุมคุณภาพในการผลิตขั้นสูง ใช้โครงสร้างเป็นเหล็ก วัสดุสำหรับทำชิ้นส่วนแต่ละชิ้น จะเป็นวัสดุมาตรฐานเดียวกันกับงานก่อสร้างทั่วไป


บ้านจัดสรรโคราช: บ้านสําเร็จรูป ประหยัดงบประมาณ สวยงามในแบบที่คุณเลือกเองได้  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://homes-realestate.com/home3/

282
หากคุณเป็นสายชอปปิง สายท่องเที่ยว และอยากสมัครบัตรเครดิตไว้ซักใบ ของต้องมี "บัตรเครดิตยูโอบี พรีเมียร์" บัตรเครดิตที่เค้าเคลมว่าเป็นที่สุดแห่งพรีเมียมไลฟ์สไตล์ จะพรีเมียมขนาดไหน สายช้อปสายเที่ยวตามมาดูเลย!

 
แนะนำบัตรเครดิตยูโอบี พรีเมียร์

บัตรเครดิตยูโอบี พรีเมียร์ เป็นบัตรเครดิตค่ายมาสเตอร์การ์ด ที่แค่เห็นหน้าบัตรก็รู้สึกได้ถึงความหรูหรา พรีเมียม ทั้งสีเทาเงินของตัวบัตร และลวดลายโค้งมนบนหน้าบัตร ที่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว ส่วนข้อมูลสำคัญต่างๆ เช่น เลขที่บัตร วันหมดอายุของบัตรรวมถึงเลข CVV ก็จะอยู่ที่ด้านหลังบัตรค่ะ

และเรื่องสำคัญที่เราจะมารีวิวกันในวันนี้ คือ เค้าเคลมว่า ผู้ที่ถือบัตรเครดิตใบนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์แบบพรีเมียม และครบครันเลยค่ะ จะมีสิทธิประโยชน์อะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปดูกันเลย

 สิทธิประโยชน์สำหรับสายช้อปตัวยง - ชอปปิงอย่างมีระดับ เติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์
แน่นอนค่ะว่าเมื่อเราต้องการชอปปิงซื้อสินค้าต่างๆ เราก็มักจะนึกถึงห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะว่าจะมีของหลากหลายให้เราได้เลือกสรร และวันนี้เราจะพาทุกคนมาชอปปิงกันแบบเต็มคาราเบลที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงเทพ "Central World" นั่นเองค่ะ ตามมาดูเลยว่า "บัตรเครดิตยูโอบี พรีเมียร์" จะสร้างความพรีเมียมให้กับเรายังไงบ้าง

เริ่มกันตั้งแต่การเข้าไปจอดรถที่ห้างสรรพสินค้ากันก่อนเลยค่ะ
 
จุดเช็กพอยต์แรกของการมาห้างสรรพสินค้าคือ ที่จอดรถค่ะ และสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือ "บัตรเครดิตยูโอบี พรีเมียร์" อันดับแรกเลยก็คือ
 
 ได้รับบริการที่จอดรถสำรองพิเศษที่ศูนย์การค้า เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เดอะมอลล์ บางแค เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพระราม 9 และ สยามเซ็นเตอร์ แล้ววันนี้เรามาช้อปที่เซ็นทรัลเวิลด์ ที่จอดสำรองพิเศษอยู่ตรงไหน ไปดูกันค่ะ
 
ที่จอดรถสำรองพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตยูโอบี พรีเมียร์/อินฟินิท/พรีวิไมลส์

อยู่ที่ชั้น B1 ช่องจอด R26 - R28 รวม 6 ช่องจอด
 
*ระยะเวลาการใช้สิทธิ์ ตั้งแต่ 1 กันยายน 2565 - 31 กรกฎาคม 2566 และสำหรับที่จอดสำรองพิเศษที่สยามเซ็นเตอร์ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไปค่ะ เป็นยังไงคะสะดวก และก็พรีเมียมสุดๆ ไปเลย จอดรถเรียบร้อยก็มาเริ่มชอปปิงกันดีกว่า

heart เป้าหมายในวันนี้ คือ อยากได้เครื่องสำอางค์ใหม่ไว้แต่งเสริมความเฮงบนใบหน้า อยากได้กระเป๋าใหม่ไว้เก็บเงินที่จะหลั่งไหลเข้ามาของปีนี้ค่ะ และเค้าบอกว่าถ้าเราใช้ "บัตรเครดิตยูโอบี พรีเมียร์" เราจะได้รับสิทธิพิเศษอีกด้วยนะคะ ยังไงบ้างตามมาค่ะ
 
 รับคะแนนยูโอบี รีวอร์ด พลัส 4 เท่า เมื่อใช้จ่ายที่ห้างสรรพสินค้า*  (คะแนนสะสม 4 เท่า จะไม่นับรวมยอดที่เกิดจากการผ่อนชำระ ยอดใช้จ่ายจากรายการผ่อนชำระที่ห้างสรรพสินค้า หรือ ร้านค้าปลอดภาษีจะได้รับคะแนน 2 เท่าเช่นเดียวกันกับยอดใช้จ่ายในประเทศปกตินะคะ) แบบนี้ก็ช้อปกันเพลินไปเลยสิคะซิสwink
 
แลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 15%  พิเศษขึ้นไปอีกกับสิทธิพิเศษในการแลกคะแนนรับเครดิตเงินคืน 15% เพียงมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ทุกๆ 1,000 บาท/เซลส์สลิป และแลกคะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด พลัส ณ ห้างสรรพสินค้าที่ร่วมรายการ

 
ลงทะเบียนเพื่อรับความพิเศษทุกครั้งที่ทำรายการเพื่อรับสิทธิ์ พิมพ์ MALL เว้นวรรค ตามด้วยเลขบัตร 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4545111 (ครั้งละ 3 บาท)
 
 เลือกทำรายการแบ่งชำระ 0% 3 เดือน สำหรับยอดจากการใช้จ่ายในหมวดแฟชั่น ตั้งแต่ 10,000 บาท - 200,000 บาท/เซลส์สลิป สายแฟชั่นไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงค่ะ เพราะนอกจากจะได้ช้อปของที่ถูกใจแล้ว ยังสามารถเลือกทำรายการแบ่งชำระ 0% จ่ายกันแบบสบายกระเป๋าอีกด้วย
 
 
แต่ถ้าจะร่วมรับสิทธิพิเศษนี้ ผู้ถือบัตรต้องลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมรายการแบ่งชำระล่วงหน้าอย่างน้อย 5 วันทำการนะคะ และก่อนวันครบกำหนดวันสรุปยอดบัญชีของสมาชิกบัตรค่ะ ผ่าน SMS โดยการ พิมพ์ PRE วรรค ตามด้วยหมายเลขบัตร 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4545111 (ครั้งละ 3 บาท)
 
และผู้ถือบัตรจะได้รับ link จากธนาคารทาง SMS เพื่อกรอกรายละเอียดผ่านทางออนไลน์ เพื่อทำรายการแบ่งชำระ 0% 3 เดือน ทั้งนี้ ผู้ถือบัตรต้องลงทะเบียนทุกครั้ง เมื่อมีการใช้จ่ายตามเงื่อนไขที่กำหนด และต้องการทำรายการแบ่งชำระ 0% 3 เดือน
 
*จำกัดการทำรายการ 1 ครั้ง/เดือน/ผู้ถือบัตร (บัตรหลัก 1 ครั้ง บัตรเสริม 1 ครั้ง)
 
ได้ของที่ต้องการครบแล้ว ไปช้อปของกินของใช้เข้าบ้านสักหน่อยดีกว่าค่ะ
 
ลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวเพื่อรับสิทธิ์ พิมพ์ PRS เว้นวรรค ตามด้วยเลขบัตร 12 หลักสุดท้าย ส่งมาที่ 4545111 (ครั้งละ 3 บาท)
 
 รับเครดิตเงินคืน 5% เมื่อใช้จ่ายตั้งแต่ 800 บาทขึ้นไป/เซลส์สลิป ณ ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ร่วมรายการ (เฉพาะการใช้จ่ายใน Central Food Hall, Tops Supermarket, Gourmet Market, Home Fresh Mart, Villa Market และ Foodland Supermarket ไม่ร่วมการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และอีวอลเล็ทนะคะ)
 
*จำกัดเครดิตเงินคืนสูงสุด 500 บาท/ผู้ถือบัตร (รวมบัตรหลักและบัตรเสริม)/เดือน/รวมทุกซุปเปอร์มาร์เก็ต
 
ระยะเวลาโปรโมชัน (รับเครดิตเงินคืน 5%) : ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธ.ค. 66 ยาวๆ เลยค่ะ แต่อย่าลืมลงทะเบียนก่อนรับสิทธิ์ด้วยนะคะ

ช้อปมาเหนื่อยแล้ว แวะพักหาอะไรเย็นๆ ดื่มเติมพลังกันหน่อยดีกว่าค่ะ
 
รับเครื่องดื่มฟรี ที่ร้าน Cafe Kitsune / %Arabica / Pacamara Coffee / CPS Coffee / DEAN & DELUCA / PAUL / TWG  อีกหนึ่งสิทธิพิเศษที่คุณจะได้รับเมื่อถือบัตรเครดิตยูโอบี พรีเมียร์
 
โดยผู้ถือบัตรสามารถรับเครื่องดื่มฟรีได้ที่ CPS Coffee, Dean & Deluca, Paul, TWG, PacamaraCoffee, Cafe Kitsune และ %Arabica ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 66 - 31 ธ.ค. 66 จำกัด 1 แก้ว/ผู้ถือบัตร (รวมบัตรหลักและบัตรเสริม)/เดือน/รวมทุกร้านค้า *จำกัด 1 แก้ว/ผู้ถือบัตร (รวมบัตรหลักและบัตรเสริม)/เดือน/รวมทุกร้านค้านะคะ
 
 
ช้อปกับแบบจุใจ เต็มคาราเบลเรียบร้อย ก็ถึงเวลากลับบ้านแล้วค่ะ ต้องบอกเลยว่า มาช้อปด้วย "บัตรเครดิตยูโอบี พรีเมียร์" วันนี้ รู้สึกว่าคุ้มค่ามากๆ เพราะมีสิทธิพิเศษครบครันอย่างที่เค้าเคลมไว้จริงๆ ค่ะ yes
 
สิทธิพิเศษสำหรับสายท่องเที่ยว เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ
หรือหากใครกำลังคิดจะเดินทางไปต่างประเทศ ของต้องมีที่ขาดไม่ได้เลยคือ "บัตรเครดิตยูโอบี พรีเมียร์"  ค่ะ เพราะนอกจากจะสะดวกเรื่องการใช้จ่ายแล้ว ยังมีสิทธิพิเศษดีๆ อีกเพียบเลยค่ะ
 
สิทธิพิเศษเมื่อช้อปที่ ร้านค้าปลอดภาษี รับคะแนนยูโอบี รีวอร์ด พลัส 2 เท่า* สำหรับการใช้จ่ายในประเทศและการใช้จ่ายที่เป็นสกุลเงินต่างประเทศ
 
 3 คะแนน แลกเป็น 1 ไมลล์สะสม ใช้คะแนนสะสมยูโอบี รีวอร์ด เพียง 3 คะแนน แลกเป็น 1 ไมลล์สะสมจากหลากหลายสายการบินชั้นนำ

    Thai Airways – Royal Orchid Plus
    Air Asia – คะแนน airasia point
    Singapore Airline – KrisFlyer
    Cathy Pacific – Asia Miles

Miracle Lounge บริการห้องรับรองพิเศษที่สนามบินสุวรรณภูมิ บริการห้องพักรับรองพิเศษ Miracle Lounge ที่สนามบินสุวรรณภูมิ 2 ครั้ง/ปีปฏิทิน บริการห้องพักรับรอง Miracle Lounge ที่สนามบินสุวรรณภูมิ สำหรับเส้นทางภายในประเทศ (เฉพาะ 1 ม.ค. 66 – 31 มี.ค. 66) และ เส้นทางระหว่างประเทศ 1 ม.ค. 66 – 31 ธ.ค. 66 (รวมบัตรหลักและบัตรเสริม)
 
 Priority Pass TM บริการห้องรับรองพิเศษ ณ สนามบินกว่า 1,300 แห่งทั่วโลก ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ผ่านบัตร Priority Pass™
 
 ประกันการเดินทาง หมดความกังวลทุกทริปการเดินทางด้วยประกันภัยการเดินทาง

    รับความคุ้มครองด้วยแผนประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางวงเงินคุ้มครองสูงสุด 20 ล้านบาท
    วงเงินสูงสุด 40,000 บาท สำหรับเที่ยวบิน หรือ กระเป๋า ล่าช้า
    วงเงินสูงสุด 40,000 บาท สำหรับกระเป๋าสูญหาย หรือ ล่าช้า

และนอกจากนี้ ยังมีบริการทั่วไปสำหรับผู้ถือบัตรที่จะช่วยอำนวยความสะดวกได้ตลอดเวลา
 
 บริการเลขาส่วนตัว ตลอด 24 ชั่วโมง
 
 บริการความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน ด้วยบริการ ช่างซ่อมฉุกเฉิน ยกรถฉุกเฉิน หรือ จองห้องพัก และรถเช่าให้


ชอบความพรีเมียม กับ "บัตรเครดิตยูโอบี พรีเมียร์" สมัครบัตรเครดิตที่เป็นที่สุดแห่งพรีเมียมไลฟ์สไตล์ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/creditcard/

283
โรคเบาหวาน คือ อะไร?

ภาวะปกติของร่างกาย หมายถึง เมื่อรับประทานอาหารเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น หลังจากนั้นร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลินจาะนำพาน้ำตาลเข้าสู่เซลล์

โรคเบาหวาน หมายถึง โรคที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่าปกติอย่างต่อเนื่องและเรื้อรัง เกิดจากความผิดปกติของตับอ่อน ทำให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินได้น้อยกว่าปกติ หรือเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่


โรคเบาหวานแบ่งเป็น 4 ชนิด ได้แก่

    โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลิน ส่วนใหญ่พบในเด็ก จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาอินซูลิน
    โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคเบาหวานที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน ส่วนใหญ่พบในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ มักมีประวัติคนในครอบครัวเป็นเบาหวานร่วมด้วยในระยะแรกสามารถรับประทานยาลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ถ้าเป็นนานๆ บางรายจำเป็นต้องใช้ยาอินซูลิน
    โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ วินิจฉัยขณะตั้งครรภ์ และภาวะนี้มักหายไปหลังจากคลอด
    โรคเบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะ เช่น ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง โรคที่ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อบางชนิด หรือการรับประทานยาที่มีสารสเตียรอยด์


ปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2

    อายุ 35 ปีขึ้นไป
    มีโรคอ้วน หรือ รอบเอวเกินมาตรฐาน (มากกว่า 90เซนติเมตรในผู้ชาย หรือ 80 เซนติเมตรในผู้หญิง) และมีพ่อ แม่ พี่ น้องเป็นโรคเบาหวาน
    มีโรคความดันโลหิตสูง หรือรับประทานยาความดันโลหิตอยู่
    ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ (ระดับไตรกลีเซอไรด์ มากกว่า 250 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือระดับคอเลสเตอรอล เอสดีแอล < 35มิลลิกรัม/เดซิลิตร)
    มีประวัติเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
    เคยได้รับการตรวจพบระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ เช่น ระดับน้ำตาลขณะอดอาหาร 100 – 125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือระดับน้ำตาลสะสม 5.7 – 6.4 %
    มีโรคหัวใจและหลอดเลือด


อาการเริ่มแรกของโรคเบาหวาน คือ

ผู้ป่วยเบาหวานในระยะแรกที่ระดับน้ำตาลในเลือดยังไม่สูงมาก อาการจะไม่เด่นชัดอย่างไรก็ตาม อาจไปพบแพทย์ด้วยอาการต่างๆ ดังนี้

    อาการของระดับน้ำตาลในเลือดสูง ได้แก่ รับประทานเก่งขึ้น หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย ถ้าระดับน้ำตาลสูงนานๆ และยังไม่ได้รับการรักษาจะมีน้ำหนักตัวลดลงตามมา
    อาการของภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง เช่น ตามัว ไตวาย ชาปลายมือปลายเท้า โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดสมอง
    อาการของน้ำตาลสูงเฉียบพลัน เช่น อ่อนเพลียมาก คลื่นไส้อาเจียน หายใจหอบเหนื่อย ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง ซึมลง หรือหมดสติ
    อาการหรือโรคที่สัมพันธ์กับโรคเบาหวาน เช่น แผลเรื้อรังหรือแผลหายช้ากว่าปกติ โรคติดเชื้อบางชนิด เช่น การติดเชื้อราที่ช่องคลอด การติดเชื้อราที่ผิวหนัง
    ตรวจพบจากการตรวจเช็คสุขภาพหรือก่อนทำการผ่าตัด


น้ำตาลสะสม หรือน้ำตาลเฉลี่ยคืออะไร?

น้ำตาลสะสม หรือ น้ำตาลเฉลี่ย หรือฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1C) คือ ค่าที่ช่วยบ่งชี้การควบคุมระดับน้ำตาลในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และช่วยแพทย์ในการเฝ้าติดตามผู้ป่วยเบาหวานว่าสามารถควมคุมระดับน้ำตาลได้ดีเพียงใด ควบคู่ไปกับการดูระดับน้ำตาลหลังงดอาหาร 6-8 ชั่วโมง (Fasting plasma glucose; FPG) โดยแนะนำให้ตรวจระดับน้ำตาลสะสมอย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน


ภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลันของโรคเบาหวาน

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นภาวะที่ร่างการยมีระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร

เมื่อมีอาการภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ควรตรวจดูค่าน้ำตาลปลายนิ้วเพื่อยืนยันถ้าค่น้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เข้าเกรณฑ์ว่ามาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

หลักการแก้ไขภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำกรณียังรู้สึกตัว คือ 15, 15

รับประทานคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม เช่น 

ตรวจน้ำตาลปลายนิ้วซ้ำ 15 นาที หลังรับประทานคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม

หากค่าน้ำตาลยังน้อยกว่าหรือเท่ากับ 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ให้รับประทานคาร์โบไฮเดรต 15 กรัมซ้ำ และอีก 15 นาที ให้ตรวจดูค่าน้ำตาลปลายนิ้วอีกครั้ง
หากค่าน้ำตาลน้อยกว่าหรือเท่ากับ 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ให้ทำซ้ำเช่นเดิม
หากค่าน้ำตาลมากกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ให้รับประทานอาหารมื้อหลักทันที เมื่อถึงมื้ออาหาร


หากมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำระดับรุนแรง อาจทำให้มีอาการชักถึงขั้นหมดสติไม่รู้สึกตัว ห้าม! ให้อาหารทางปากเด็ดขาด เพราะอาจสำลักลงหลอดลมแนะนำควรส่งโรงพยาบาลใกล่เคียงทันที


ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเฉียบพลัน แบ่งเป็น 2 ภาวะ ได้แก่

1. ภาวะคีโตเอซิโดซิส (Diabetic Ketoacidosis; DKA)
คือ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงที่มีระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 250 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ร่วมกับภาวะกรดเมตาบอลิกจากกรดคีโตนคั่งในร่างกาย

2. ภาวะไฮเปอร์ไกลซีมิกไฮเปอร์ออสโมล่าร์ (Hyperosmolar Hyperglycemic State; HHS)
คือ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงที่มีระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 600 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แต่ไม่มีภาวะกรมเมตาบอลิกจากกรดคีโตนคั่งในร่างกาย


ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังของโรคเบาหวาน ได้แก่

1. ภาวะแทรกซ้อนที่หลอดเลือดขนาดเล็ก

    เบาหวานขึ้นตา
    ไตวาย
    เส้นประสาท ได้แก่ ชาปลายเท้า เจ็บเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง

2. ภาวะแทรกซ้อนที่หลอดเลือดขนาดใหญ่

    กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
    อัมพฤกษ์ อัมพาต
    หลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน ทำให้เกิดแผลที่เท้าง่าย และมีโอกาสถูกตัดนิ้ว/ขา

ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้สามารถป้องกันและชะลอได้ โดยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงปกติ และควบคุมโรคร่วมที่สำคัญ เช่น โรคความดันโลหิตสูงและโรคไขมันในเลือดสูง เป็นต้น


คำแนะนำในการปฎิบัติตัวสำหรับผู้เป็นเบาหวาน

    ควรดื่มน้ำสะอาดมากกว่า 8 แก้วต่อวัน
    ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต ไขมันในเลือดและน้ำหนักตัวให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
    รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ครบทั้ง 3 มื้อ แม้จะไม่หิวก็ตาม ลดหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานของว่างที่ไม่จำเป็น
    รับประทานข้าว/แป้งไม่ขัดสีในปริมาณที่หมาะสม (1-3 ทัพพีต่อมื้อ)
    รับประทานผลไม้สดเป็นประจำ 2-3 มื้อต่อวัน ปริมาณ 6-8 ชิ้นคำต่อมื้อ หากเลือกผลไม้ขนาดกลาง ½ ผลต่อมื้อ หรือขนาดค่อนข้างเล็ก 1-2 ผลต่อมื้อ
    รับประทานเนื้อสัตว์ไม่ติดหนังและไม่ติดมันในปริมาณที่เหมาะสม
    เน้นผักใบให้มาก
    ใช้น้ำมันพืชในการประกอบอาหารได้ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงน้ำมันจากสัตว์ น้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าว
    แนะนำให้ดื่มนมรสจืดพร่องมันเนย หรือขาดมันเนยประมาณ 250 มิลลิลิตรต่อวัน หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติไม่เกิน 1 ถ้วยต่อวัน
    อ่านฉลากโภชนาการก่อนเลือกซื้ออาหารทุกครั้ง
    ออกกำลังกายวันละ 30 นาที ย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
    รับประทานยา หรือฉีดยาตามคำสั่งแพทย์
    สำรวจเท้า และทาโลชั่นทุกวันทันทีหลังจากทำความสะอาด หากพบความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์
    ควรตรวจฟันและช่องปากทุก 6 เดือน
    ลดการรับประทานอาหารหวาน เครื่องดื่มที่มีรสหวาน หรือให้ใช้น้ำตาลเทียม หรือสารให้ความหวานเทียมแทนน้ำตาล
    ลดการรับประทานอาหารมัน เช่น อาหารจานเดียว อาหารทอดและอาหารที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ รวมถึงเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน หมูยอ กุนเชียง เป็นต้น
    ลดการรับประทานอาหารเค็ม เช่น ขนมมกรุบกรอบ อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารหมักดอง อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง และเครื่องปรุงรส เป็นต้น รวมถึงการลดการรับประทานน้ำซุปต่างๆ หรือใช้หลักการตักเนื้อทิ้งน้ำ และลดการรับประทานน้ำจิ้ม
    งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์


โรคเบาหวาน คือ อะไร?

ภาวะปกติของร่างกาย หมายถึง เมื่อรับประทานอาหารเข้าสู่ร่างกาย จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น หลังจากนั้นร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลินจาะนำพาน้ำตาลเข้าสู่เซลล์

โรคเบาหวาน หมายถึง โรคที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่าปกติอย่างต่อเนื่องและเรื้อรัง เกิดจากความผิดปกติของตับอ่อน ทำให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนอินซูลินได้น้อยกว่าปกติ หรือเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่


โรคเบาหวานแบ่งเป็น 4 ชนิด ได้แก่

    โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากร่างกายขาดฮอร์โมนอินซูลิน ส่วนใหญ่พบในเด็ก จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยาอินซูลิน
    โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เป็นโรคเบาหวานที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากร่างกายมีภาวะดื้ออินซูลิน ส่วนใหญ่พบในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ มักมีประวัติคนในครอบครัวเป็นเบาหวานร่วมด้วยในระยะแรกสามารถรับประทานยาลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แต่ถ้าเป็นนานๆ บางรายจำเป็นต้องใช้ยาอินซูลิน
    โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ วินิจฉัยขณะตั้งครรภ์ และภาวะนี้มักหายไปหลังจากคลอด
    โรคเบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะ เช่น ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง โรคที่ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อบางชนิด หรือการรับประทานยาที่มีสารสเตียรอยด์


ปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวาน ชนิดที่ 2

    อายุ 35 ปีขึ้นไป
    มีโรคอ้วน หรือ รอบเอวเกินมาตรฐาน (มากกว่า 90เซนติเมตรในผู้ชาย หรือ 80 เซนติเมตรในผู้หญิง) และมีพ่อ แม่ พี่ น้องเป็นโรคเบาหวาน
    มีโรคความดันโลหิตสูง หรือรับประทานยาความดันโลหิตอยู่
    ระดับไขมันในเลือดผิดปกติ (ระดับไตรกลีเซอไรด์ มากกว่า 250 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือระดับคอเลสเตอรอล เอสดีแอล < 35มิลลิกรัม/เดซิลิตร)
    มีประวัติเป็นโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
    เคยได้รับการตรวจพบระดับน้ำตาลในเลือดผิดปกติ เช่น ระดับน้ำตาลขณะอดอาหาร 100 – 125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือระดับน้ำตาลสะสม 5.7 – 6.4 %
    มีโรคหัวใจและหลอดเลือด


อาการเริ่มแรกของโรคเบาหวาน คือ

ผู้ป่วยเบาหวานในระยะแรกที่ระดับน้ำตาลในเลือดยังไม่สูงมาก อาการจะไม่เด่นชัดอย่างไรก็ตาม อาจไปพบแพทย์ด้วยอาการต่างๆ ดังนี้

    อาการของระดับน้ำตาลในเลือดสูง ได้แก่ รับประทานเก่งขึ้น หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย ถ้าระดับน้ำตาลสูงนานๆ และยังไม่ได้รับการรักษาจะมีน้ำหนักตัวลดลงตามมา
    อาการของภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง เช่น ตามัว ไตวาย ชาปลายมือปลายเท้า โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหัวใจล้มเหลว โรคหลอดเลือดสมอง
    อาการของน้ำตาลสูงเฉียบพลัน เช่น อ่อนเพลียมาก คลื่นไส้อาเจียน หายใจหอบเหนื่อย ระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง ซึมลง หรือหมดสติ
    อาการหรือโรคที่สัมพันธ์กับโรคเบาหวาน เช่น แผลเรื้อรังหรือแผลหายช้ากว่าปกติ โรคติดเชื้อบางชนิด เช่น การติดเชื้อราที่ช่องคลอด การติดเชื้อราที่ผิวหนัง
    ตรวจพบจากการตรวจเช็คสุขภาพหรือก่อนทำการผ่าตัด


น้ำตาลสะสม หรือน้ำตาลเฉลี่ยคืออะไร?

   น้ำตาลสะสม หรือ น้ำตาลเฉลี่ย หรือฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1C) คือ ค่าที่ช่วยบ่งชี้การควบคุมระดับน้ำตาลในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา และช่วยแพทย์ในการเฝ้าติดตามผู้ป่วยเบาหวานว่าสามารถควมคุมระดับน้ำตาลได้ดีเพียงใด ควบคู่ไปกับการดูระดับน้ำตาลหลังงดอาหาร 6-8 ชั่วโมง (Fasting plasma glucose; FPG) โดยแนะนำให้ตรวจระดับน้ำตาลสะสมอย่างน้อยปีละ 1 – 2 ครั้ง ในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน


ภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลันของโรคเบาหวาน

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เป็นภาวะที่ร่างการยมีระดับน้ำตาลในเลือดน้อยกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร

เมื่อมีอาการภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ควรตรวจดูค่าน้ำตาลปลายนิ้วเพื่อยืนยันถ้าค่น้ำตาลในเลือดน้อยกว่า70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เข้าเกรณฑ์ว่ามาภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ

หลักการแก้ไขภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำกรณียังรู้สึกตัว คือ 15, 15

รับประทานคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม เช่น 

ตรวจน้ำตาลปลายนิ้วซ้ำ 15 นาที หลังรับประทานคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม

หากค่าน้ำตาลยังน้อยกว่าหรือเท่ากับ 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ให้รับประทานคาร์โบไฮเดรต 15 กรัมซ้ำ และอีก 15 นาที ให้ตรวจดูค่าน้ำตาลปลายนิ้วอีกครั้ง
หากค่าน้ำตาลน้อยกว่าหรือเท่ากับ 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ให้ทำซ้ำเช่นเดิม
หากค่าน้ำตาลมากกว่า 70 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ให้รับประทานอาหารมื้อหลักทันที เมื่อถึงมื้ออาหาร


หากมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำระดับรุนแรง อาจทำให้มีอาการชักถึงขั้นหมดสติไม่รู้สึกตัว ห้าม! ให้อาหารทางปากเด็ดขาด เพราะอาจสำลักลงหลอดลมแนะนำควรส่งโรงพยาบาลใกล่เคียงทันที

ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเฉียบพลัน แบ่งเป็น 2 ภาวะ ได้แก่

1. ภาวะคีโตเอซิโดซิส (Diabetic Ketoacidosis; DKA) คือ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงที่มีระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 250 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ร่วมกับภาวะกรดเมตาบอลิกจากกรดคีโตนคั่งในร่างกาย

2. ภาวะไฮเปอร์ไกลซีมิกไฮเปอร์ออสโมล่าร์ (Hyperosmolar Hyperglycemic State; HHS) คือ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงที่มีระดับน้ำตาลในเลือดมากกว่าหรือเท่ากับ 600 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แต่ไม่มีภาวะกรมเมตาบอลิกจากกรดคีโตนคั่งในร่างกาย


ภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังของโรคเบาหวาน ได้แก่

1. ภาวะแทรกซ้อนที่หลอดเลือดขนาดเล็ก

    เบาหวานขึ้นตา
    ไตวาย
    เส้นประสาท ได้แก่ ชาปลายเท้า เจ็บเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง

2. ภาวะแทรกซ้อนที่หลอดเลือดขนาดใหญ่

    กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
    อัมพฤกษ์ อัมพาต
    หลอดเลือดแดงส่วนปลายอุดตัน ทำให้เกิดแผลที่เท้าง่าย และมีโอกาสถูกตัดนิ้ว/ขา

ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้สามารถป้องกันและชะลอได้ โดยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงปกติ และควบคุมโรคร่วมที่สำคัญ เช่น โรคความดันโลหิตสูงและโรคไขมันในเลือดสูง เป็นต้น


คำแนะนำในการปฎิบัติตัวสำหรับผู้เป็นเบาหวาน

    ควรดื่มน้ำสะอาดมากกว่า 8 แก้วต่อวัน
    ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต ไขมันในเลือดและน้ำหนักตัวให้ได้ตามเป้าหมาย เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน
    รับประทานอาหารให้ตรงเวลา ครบทั้ง 3 มื้อ แม้จะไม่หิวก็ตาม ลดหรือหลีกเลี่ยงการรับประทานของว่างที่ไม่จำเป็น
    รับประทานข้าว/แป้งไม่ขัดสีในปริมาณที่หมาะสม (1-3 ทัพพีต่อมื้อ)
    รับประทานผลไม้สดเป็นประจำ 2-3 มื้อต่อวัน ปริมาณ 6-8 ชิ้นคำต่อมื้อ หากเลือกผลไม้ขนาดกลาง ½ ผลต่อมื้อ หรือขนาดค่อนข้างเล็ก 1-2 ผลต่อมื้อ
    รับประทานเนื้อสัตว์ไม่ติดหนังและไม่ติดมันในปริมาณที่เหมาะสม
    เน้นผักใบให้มาก
    ใช้น้ำมันพืชในการประกอบอาหารได้ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกทานตะวัน เป็นต้น ควรหลีกเลี่ยงน้ำมันจากสัตว์ น้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าว
    แนะนำให้ดื่มนมรสจืดพร่องมันเนย หรือขาดมันเนยประมาณ 250 มิลลิลิตรต่อวัน หรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติไม่เกิน 1 ถ้วยต่อวัน
    อ่านฉลากโภชนาการก่อนเลือกซื้ออาหารทุกครั้ง
    ออกกำลังกายวันละ 30 นาที ย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
    รับประทานยา หรือฉีดยาตามคำสั่งแพทย์
    สำรวจเท้า และทาโลชั่นทุกวันทันทีหลังจากทำความสะอาด หากพบความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์
    ควรตรวจฟันและช่องปากทุก 6 เดือน
    ลดการรับประทานอาหารหวาน เครื่องดื่มที่มีรสหวาน หรือให้ใช้น้ำตาลเทียม หรือสารให้ความหวานเทียมแทนน้ำตาล
    ลดการรับประทานอาหารมัน เช่น อาหารจานเดียว อาหารทอดและอาหารที่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ รวมถึงเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก เบคอน หมูยอ กุนเชียง เป็นต้น
    ลดการรับประทานอาหารเค็ม เช่น ขนมมกรุบกรอบ อาหารกึ่งสำเร็จรูป อาหารหมักดอง อาหารแปรรูป อาหารกระป๋อง และเครื่องปรุงรส เป็นต้น รวมถึงการลดการรับประทานน้ำซุปต่างๆ หรือใช้หลักการตักเนื้อทิ้งน้ำ และลดการรับประทานน้ำจิ้ม
    งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์




โรคเบาหวาน รู้ทันป้องกันได้ (Diabetes) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/

284
อาการปวดหัว (Headaches) เกิดจากโครงสร้างภายในศีรษะที่ไวต่อการรับรู้ถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยที่ทำให้รู้สึกปวดหัว โดยมีสาเหตุจากการทำงานที่ผิดปกติภายในศีรษะ เกิดจากโรค หรือความผิดปกติของโครงสร้างภายใน


ปวดหัวตรงไหน บอกอะไร (What your headache locations tells you)

อาการปวดหัว (Headaches) เกิดจากโครงสร้างภายในศีรษะที่ไวต่อการรับรู้ถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยที่ทำให้รู้สึกปวดหัว โดยมีสาเหตุจากการทำงานที่ผิดปกติภายในศีรษะ เกิดจากโรค หรือความผิดปกติของโครงสร้างภายในหรือภายนอกกะโหลกศีรษะ อาการปวดหัวเกิดจากหลากหลายปัจจัย โดยตำแหน่งของอาการปวดหัวมีความสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุอาการปวดหัวชนิดต่าง ๆ และเป็นแนวทางที่จะนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้อง รวมทั้งเพื่อให้สามารถรับมือกับความเจ็บปวด และเพื่อให้สามารถตัดสินใจได้ว่าเมื่อใดควรไปพบแพทย์


อาการปวดหัวและตำแหน่งที่พบได้บ่อย มีกี่ประเภท?

อาการปวดหัวและตำแหน่งที่พบบ่อย ที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากโรคร้าย หรือความผิดปกติภายในโครงสร้างของศีรษะ มีดังต่อไปนี้
ปวดหัวจากกล้ามเนื้อตึงตัว (Tension-type headache)

ปวดหัวจากกล้ามเนื้อตึงตัว (Tension-type headache) เป็นอาการปวดหัวทั้งสองข้างของศีรษะ หรือปวดรัดรอบศีรษะโดยมีสาเหตุจากความเครียด ความวิตกกังวล ความเหนื่อยล้า การอดนอน หรือความโกรธจนนำไปสู่อาการปวดหัว อาการปวดหัวจากกล้ามเนื้อตึงตัว เป็นอาการปวดหัวประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด มักมีอาการปวดหัวระดับเล็กน้อยจนถึงปานกลาง โดยมักเริ่มมีอาการปวดแบบปวดบีบหรือปวดแน่นรอบศีรษะ หรือปวดที่บริเวณหน้าผาก ขมับ และหลังศีรษะร้าวไปที่คอ

โดยทั่วไป ผู้ที่มีอาการปวดหัวจากกล้ามเนื้อตึงตัว ยังสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ เช่น ก้มตัว เดินขึ้น-ลงบันได หรือนอนราบ โดยระยะเวลาในการปวดจะมีอาการตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไปจนถึงปวดต่อเนื่องนานหลายวัน และอาจมีอาการปวดหัวแบบไมเกรนร่วมด้วย อาการปวดหัวจากกล้ามเนื้อตึงตัว สามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวดที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไปจากร้านขายยาโดยเภสัชกร


ปวดหัวไมเกรน (Migraine headache)

ปวดหัวไมเกรน (Migraine headache) มักมีอาการปวดหัวข้างเดียว ปวดร้าวไปที่กระบอกตา หน้าผาก ขมับถึงท้ายทอย โดยมีที่มาจากหลายสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมองหรือการทำงานของหลอดเลือด กรรมพันธุ์ ฮอร์โมนในเพศหญิงโดยเฉพาะช่วงตั้งครรภ์หรือมีประจำเดือน การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เช่น อากาศร้อน อาหารบางชนิด เช่น อาหารที่มีส่วนผสมของสารกันบูด ยาบางชนิด เช่น ยาขยายหลอดเลือด การอดอาหารที่ทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ

อาการปวดหัวไมเกรนเป็นอาการปวดหัวที่พบได้บ่อยเป็นอันดับสองรองจากอาการปวดหัวจากกล้ามเนื้อตึงตัว โดยเฉพาะในเพศหญิงที่พบได้บ่อยกว่าเพศชาย ผู้ที่มีอาการปวดหัวไมเกรนมักมีอาการปวดหัวระดับปานกลางจนถึงรุนแรง โดยมีอาการปวดหัวข้างเดียวแบบตุบๆ ตามจังหวะชีพจร อาจมีอาการไวต่อแสงหรือเสียงที่ทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน

โดยทั่วไป ปวดหัวไมเกรนจะมีระยะเวลาการปวดตั้งแต่ 4 ชั่วโมงจนถึง 3 วัน อาการปวดหัวไมเกรนแบบไม่รุนแรงสามารถบรรเทาได้ด้วยยาตามใบสั่งแพทย์ หรือการบำบัดกับผู้ชำนาญการที่โรงพยาบาล โดยการฝึกการควบคุมร่างกายเพื่อสร้างสมดุล (Biofeedback) การฝังเข็ม หรือแม้กระทั่งการฉีดโบท็อกซ์



ปวดหัวคลัสเตอร์ (Cluster headache)

ปวดหัวคลัสเตอร์ (Cluster headache) เป็นอาการปวดหัวข้างเดียวอย่างรุนแรง หรือปวดที่บริเวณกระบอกตาร้าวไปจนถึงขมับ มีอาการปวดหัวแปล๊บๆ หรือหัวปวดตุบๆ เป็นชุด ๆ จนรู้สึกหงุดหงิด กระสับกระส่าย บางรายปวดมากจนน้ำตาไหล น้ำมูกไหล เหงื่อออก หนังตาตก หรือรูม่านตาหดร่วมด้วย อาการปวดหัวคลัสเตอร์เป็นการปวดหัวที่รุนแรงกว่าอาการปวดหัวไมเกรน และมักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง

อาการปวดหัวคลัสเตอร์มีสาเหตุเกิดจากปฏิกิริยาเคมีในสมอง หรือความผิดปกติในการทำงานของระบบประสาทของสมองคู่ที่ 5 รวมถึงเส้นเลือดบริเวณโดยรอบ ส่งผลให้มีอาการปวดหัวเป็นชุด ๆ 1 - 3 ครั้งต่อวันนาน 2 สัปดาห์ถึง 3 เดือนอาการปวดจึงหายไป อาการปวดหัวคลัสเตอร์สามารถบรรเทาได้ด้วยยาตามใบสั่งแพทย์ และการให้ออกซิเจนที่โรงพยาบาลเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหัว


ปวดหัวไซนัส (Sinus headache)

ปวดหัวไซนัส (Sinus headache) เป็นอาการปวดทั่วทั้งใบหน้าตามบริเวณโพรงไซนัส เช่น กระบอกตา โหนกแก้ม หน้าผาก ดั้งจมูก มีอาการคัดจมูก มีเสมหะ น้ำมูกไหล เป็นไข้ หรือใบหน้าบวม โดยจะรู้สึกปวดอย่างชัดเจนเมื่อก้มศีรษะ หรือก้มตัว

อาการปวดหัวไซนัส จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ต้นเหตุเพื่อบรรเทาอาการปวด หากสาเหตุของอาการเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราในโพรงไซนัส แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านเชื้อรา หากอาการปวดไซนัสมีที่มาจากโรคภูมิแพ้ แพทย์จะพิจารณาให้ยาแก้แพ้ที่เกิดจากโรคภูมิแพ้ หรือหากอาการปวดไซนัสเกิดจากการเป็นไข้หวัด แพทย์จะพิจารณาให้ยาลดน้ำมูกเพื่อช่วยลดอาการบวมของไซนัส


ปวดหัวจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (Hormonal headaches)

ปวดหัวจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (Hormonal headaches) เป็นอาการปวดหัวข้างเดียว ข้างใดข้างหนึ่งของศีรษะ ช่วงก่อนหรือระหว่างมีประจำเดือน นอกจากนี้ การอดนอน ความเครียด รวมถึงผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิดหรือการบำบัดทดแทนฮอร์โมนก็อาจส่งผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายได้เช่นกัน โดยจะมีอาการปวดหัวตุบ ๆ เป็นจังหวะ และมีอาการร่วม เช่น วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เมื่อยล้า เป็นสิว และจะมีอาการปวดหัวเพิ่มมากขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสง สี เสียงคล้ายอาการปวดหัวไมเกรน

อาการปวดหัวจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สามารถบรรเทาได้ด้วยยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) โดยควรเริ่มใช้ 2-3 วันก่อนมีประจำเดือนและควรใช้ยาไปตลอดรอบประจำเดือน ทั้งนี้ยาตามใบสั่งแพทย์ เช่น triptans สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหัวจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนได้เช่นกัน


ปวดหัวจากภาวะร่างกายขาดน้ำ (Dehydration headaches)

ปวดหัวจากภาวะร่างกายขาดน้ำ (Dehydration headaches) เป็นอาการปวดหัวทั่วศีรษะ โดยมีสาเหตุจากภาวะร่างกายขาดน้ำ เนื่องจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือท้องเสียอย่างรุนแรง อาการปวดหัวจากภาวะร่างกายขาดน้ำมีหลายระดับตั้งแต่อาการปวดหัวเล็กน้อยไปจนถึงปวดหัวรุนแรง มีอาการปวดหัวแบบตื้อ ๆ หรือปวดหัวแบบจี๊ด ๆ ไปทั่วศีรษะ อาจปวดที่ตำแหน่งเดียว เช่น ปวดหัวด้านหลัง ปวดหัวด้านหน้า หรือปวดหัวด้านข้าง และมีอาการปวดมากขึ้นเมื่อเคลื่อนไหวร่างกาย และอาจมีอาการอื่นๆ ร่วม เช่น วิงเวียนศีรษะ มึนงง ปากแห้ง กระหายน้ำ ปัสสาวะสีเข้ม มองเห็นภาพเบลอ และมีอาการเหน็บชาตามร่างกาย

อาการปวดหัวจากภาวะร่างกายขาดน้ำสามารถบรรเทาได้ด้วยการดื่มน้ำเปล่า การจิบผงเกลือแร่ โอ อาร์ เอส (ORS-Oral rehydration salt) การพักผ่อน การประคบเย็นบนศีรษะ และอาจบรรเทาอาการด้วยกลุ่มยาแก้ปวดชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) โดยการแนะนำของเภสัชกร


ปวดหัวต่อเนื่องทุกวัน (New daily persistent headaches: NDPH)

ปวดหัวต่อเนื่องทุกวัน (New daily persistent headaches: NDPH) เป็นอาการปวดหัวทั่วศีรษะแบบไม่ระบุตำแหน่งอย่างกระทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการปวดหัวในระดับเล็กน้อยจนถึงปานกลางต่อเนื่องนานหลายสัปดาห์ถึงหลายเดือน อาการปวดหัวต่อเนื่องทุกวัน (NDPH) มีอาการคล้ายอาการปวดหัวไมเกรน โดยอาจมีสาเหตุเกิดจากการอักเสบภายในโครงสร้างบริเวณรอบศีรษะ การติดเชื้อ เนื้องอกในสมอง หรือปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดที่จำเป็นต้องได้การตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยแพทย์เพื่อแยกโรค มีรายงานการพบผู้ที่มีอาการปวดหัวต่อเนื่องรายวันแบบใหม่ (NDPH) เกิดขึ้นกับผู้ที่เคยเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือผู้ที่มีภาวะลองโควิด (Long COVID) หลังจากที่เคยป่วยด้วยโรคโควิด 19


ปวดหัวเรื้อรังไม่หาย สัญญาณอันตราย ที่ควรรับการตรวจ

อาการปวดหัวส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างแท้จริง การระบุตำแหน่งและประเภทของอาการปวดหัวเป็นกุญแจสำคัญที่จะไปสู่การรักษา
อาการปวดหัวได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพ

แม้อาการปวดหัวส่วนใหญ่มักไม่เป็นอันตรายและสามารถบรรเทาได้ด้วยยาแก้ปวด แต่หากอาการปวดหัวทวีความรุนแรงมากขึ้น ปวดหัวหลังจากที่เคยประสบอุบัติเหตุ หรือได้รับการกระทบกระเทือนที่ศีรษะ มีอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลันรุนแรงและมีอาการร่วม เช่น เป็นไข้ไม่หายขาด มีอาการคอแข็งเกร็ง เหน็บชาหรือไร้ความรู้สึก รู้สึกสับสน พูดลำบาก หรือมองเห็นภาพเบลอ ควรรีบพบแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางด้านประสาทวิทยาเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการปวดหัวโดยละเอียดและรับการรักษาที่เหมาะสมเพื่อให้อาการปวดหัวหายขาด หรือเพื่อช่วยให้อาการปวดหัวทุเลาเบาคลาย และสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้


ดูแลสุขภาพ: ปวดหัวตรงไหน บอกอะไร (What your headache locations tells you) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.healthyhitech.net/

285
ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังใหม่ และบ้านหลังเก่าที่อยู่มานาน เจ้าของบ้านจะเริ่มมีความคิดในการขยับขยาย รวมไปถึงการรีโนเวทบ้านด้วย ซึ่งทางเลือกที่ดีและประหยัดที่สุดกว่าการซื้อบ้านใหม่หรือซื้อบ้านให้ตรงตามความต้องการร้อยเปอร์เซ็นต์ คือ การต่อเติมบ้าน ดังนั้น ควรศึกษาข้อควรระวังเบื้องต้นในการต่อเติมบ้านก่อนลงมือทำ เพราะการต่อเติมบ้าน มีผลกับโครงสร้างทั้งหลัง อาจทำให้บ้านถล่มหรือเกิดอันตรายต่อผู้อยู่อาศัยได้


1. ข้อควรระวังในการต่อเติมบ้าน คือ โครงสร้างบ้านของตัวเอง

สิ่งแรกที่ต้องรู้ก่อนต่อเติมบ้านเลยคือ โครงสร้างของบ้านที่เราอยู่ ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่อยู่มานาน หรือบ้านหลังใหม่ที่พึ่งสร้าง ว่าเราสามารถต่อเติมได้หรือไม่ และต้องต่อเติมบ้านแบบใด เช่น ผนัง เสาส่วนไหนสามารถต่อเติมแล้วปลอดภัยที่สุด ซึ่งแน่นอนว่าทุกแบบบ้านมีโอกาสเกิดการแตกร้าวได้ ยิ่งเป็นส่วนของผนังบ้านด้านที่ทำการต่อเติมแล้วนั้น ต้องทำใจเลยว่าเกิดความเสียหายอย่างแน่นอน ดังนั้น การรู้โครงสร้างบ้านของตัวเอง จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งก่อนต่อเติมบ้าน


2. ข้อควรระวังในการต่อเติมบ้าน คือ เรื่องของผิดกฎหมายต่อเติมบ้าน

 นอกจากต้องรู้โครงสร้างบ้านของตัวเองแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ต้องศึกษาและรู้ก่อนต่อเติมบ้าน คือ เรื่องของกฎหมายในการต่อเติมบ้าน พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร อาทิ บ้านสามารถต่อเติมได้ความสูงต้องอยู่ที่เท่าไหร่ และมีระยะร่น-การเว้นที่ว่างได้ที่เท่าไหร่ตามกฎหมาย เป็นต้น หากฝ่าฝืนหรือไม่ได้รับอนุญาตให้ทำการต่อเติมอาจมีโทษทางกฎหมายมาสู่ตัวเจ้าของบ้านได้ อีกทั้งยังรวมไปถึงเรื่องความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและเพื่อนบ้านใกล้เคียงอีกด้วย ดังนั้น การต่อเติมบ้านที่ดีห้ามทำตามใจตัวเองโดยไม่สนรอบตัวเด็ดขาด


3. ข้อควรระวังในการต่อเติมบ้าน คือ เรื่องเงิน ค่าใช้จ่าย และคุณภาพของในการต่อเติมบ้าน

มีเงินจำนวนนึงในการต่อเติมบ้านอย่างเดียวคงไม่พอ เจ้าของบ้านจะต้องทำการวางแผนการใช้จ่ายเงินทั้งหมด ทั้งในส่วนของงบประมาณการจ่าย เงินสำรองไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน รวมไปถึงการหาผู้รับเหมาที่ทำงานได้คุณภาพและไม่ทิ้งงานโกงเงินแล้วหนีไป ซึ่งทั้งหมดจะต้องทำการวางแผนและพูดคุยกับผู้รับเหมาเขียนสัญญาการว่าจ้างเป็นลายลักษณ์อักษร และแนะนำให้ผ่อนชำระเป็นงวด เพราะป้องกันผู้รับเหมาโกงและได้เงินก้อนไปทั้งหมดโดยที่งานยังไม่เสร็จ ซึ่งผู้รับเหมาที่เลือกมานั้นจะต้องดูรีวิว และค้นหาข้อมูลให้ละเอียดเสียก่อน


4. ข้อควรระวังในการต่อเติมบ้าน คือ การคิดเองทำเอง มั่นใจในตัวเอง  เพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

ขึ้นชื่อว่าผู้เชี่ยวชาญแล้วนั้น ต้องดีกว่าการคิดเองทำเองแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสถาปนิกหรือวิศวกรก็ตาม เพิ่มเงินอีกเล็กน้อยเพื่อขอคำปรึกษาและช่วยดูในส่วนของโครงสร้างบ้าน รูปแบบที่ต้องการต่อเติมเพิ่ม ว่าทั้งหมดที่เจ้าของบ้านต้องการทำสามารถทำได้หรือไม่ รวมไปถึงต้องระวังเรื่องการวางระบบน้ำประปา ระบบไฟฟ้า ที่อาจเสียหายจากการต่อเติมได้ และเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยเองด้วย


5. ข้อควรระวังในการต่อเติมบ้าน คือ ต้องแจ้งนิติบุคคลและเพื่อนบ้านก่อนล่วงหน้า

เอาใจเขามาใส่ใจเรา หากมีการก่อสร้างอยู่ใกล้บ้านเรา ส่งเสียงรบกวนและมีฝุ่นเกิดขึ้นมากมายโดยที่เราไม่รู้ล่วงหน้า ตัวเราเองก็คงไม่พอใจและไม่มีความสุขในขณะอยู่บ้าน เช่นเดียวกัน การต่อเติมบ้านของเราอาจส่งผลกระทบกับเพื่อนบ้านได้ นอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหากับเพื่อนบ้านได้ด้วย ในบางหมู่บ้านมีกฎระเบียบและข้อต้องลงอยู่ในสัญญา ดังนั้น ควรแจ้งนิติบุคคลและเพื่อนบ้านของคุณให้ทราบล่วงหน้า เพื่อให้เพื่อนบ้านและหมู่บ้านได้เตรียมตัวก่อน อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดปัญหาตามมาภายหลัง
 

บริการซ่อมบำรุงอาคาร: ข้อควรระวังในการต่อเติมบ้าน รู้ไว้บ้านไม่พัง อยู่อย่างสบายใจ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://snss.co.th/dt_post/technical-services/

286
ฃการจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟต์  ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมของงานเลี้ยง ทั้งงานทำบุญบ้าน งานทำบุญบริษัท งานประชุมสัมมนา มีข้อดีหลายอย่างที่คุณควรรู้ รวมถึงจุดที่ต้องคำนึงเพื่อให้การจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ถ้าคุณกำลังตัดสินใจหรือลังเลใจว่า งานเลี้ยงที่กำลังวางแผนให้ดี จนประทับใจแขกทุกคนที่มา “บุฟเฟ่ต์” เหมาะกับรูปแบบงานของคุณหรือไม่….ไปเช็คข้อดีของการจัดบุฟเฟต์พร้อมกันเลยค่ะ



ข้อดีของการจัดบุฟเฟ่ต์

1. เจ้าภาพเตรียมงานง่าย เพราะมีความยืดหยุ่นมาก ไม่ว่าจะเป็น

-    ปริมาณอาหาร การจัดบุฟเฟ่ต์จะคำนวณปริมาณอาหารมากกว่าความเป็นจริง เผื่อในกรณีที่แขกกินเยอะหรือแขกมาเกินจำนวน จึงตัดความกังวลใจเรื่องอาหารไม่เพียงพอได้เลยค่ะ
-    เวลาในการรับประทาน ตามธรรมเนียมแล้ว เราควรรอให้แขกมาพร้อมหน้าถึงเริ่มรับประทานอาหาร แต่หลายๆครั้งที่ไม่สามารถรอแขกให้ครบได้ การจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์จะมีความยืดหยุ่น ถึงแม้แขกจะมาช้าก็ยังรับประทานอาหารได้ อย่างไม่มีปัญหา แตกต่างจากการเสิร์ฟโต๊ะจีน ที่เมื่ออาหารลงไปแล้ว แขกที่มาทีหลังอาจจะต้องทานของที่ดูเหลือ หรือได้ทานแค่จานหลังๆที่ยังไม่ลง
-    ไม่ต้องกำหนดที่นั่งตายตัว แถมยังดีไซน์รูปแบบการจัดโต๊ะอาหารได้อย่างอิสระ อาจจะจัดเป็น long Table หรือโต๊ะกลมก็ได้ หรือในกรณีที่แขกมาเกินจำนวน ยังสามารถสละสละที่นั่งให้กับแขกท่านอื่นได้เช่นกัน

2. แขกเลือกได้ว่าจะรับประทานมากน้อยแค่ไหน เรียกว่าให้อิสระแขกได้เลือกเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกกินอาหารที่ชอบและการเลือกกินในปริมาณที่ต้องการ
จัดเลี้ยงอาหารบุฟเฟต์สวยๆงานบายเนียร์


การจัดบุฟเฟ่ต์งานเลี้ยงให้แขกประทับใจต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้

DO

-    ต้องมีที่นั่งให้แขก เพราะจานบุฟเฟ่ต์มีขนาดใหญ่ ถ้าจะให้แขกยืนถือจานคงไม่เหมาะ
-    จัดวางโต๊ะให้ง่ายต่อการเดินไปตักบุฟเฟ่ต์ คำนึงถึงช่องว่างระหว่างเก้าอี้แต่ละตัว เพื่อให้ง่ายต่อการลุก-นั่ง รวมถึงทางที่จะเดินไปตักอาหารจะต้องสะดวกไม่ว่าจะนั่งอยู่มุมไหนของงาน
-    วางผังที่นั่งแขกสำหรับงานขนาดใหญ่ ควรให้แขกที่สนิทกันนั่งใกล้กัน และจัดที่นั่งให้แขกที่มาเดี่ยวนั่งในกลุ่มที่พร้อมจะทำความรู้จักและพูดคุยกันได้ จะช่วยทำให้แขกไม่เบื่อและนั่งอยู่ในงานเลี้ยงได้นานขึ้น


DON’T

-    เลือกอาหารบุฟเฟต์ตามใจคนสั่งอย่างเดียว บางครั้งสิ่งที่เราชอบก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนชอบ การเลือกอาหารบุฟเฟต์งานเลี้ยงที่ดี ต้องดูที่ความชอบของแขก ว่าแขกที่มาเป็นใครชอบทานอาหารแนวไหน และเลือกประเภทอาหารที่หลายหลาย เพื่อให้ถูกใจแขกได้หลายๆกลุ่ม
-    สั่งอาหารบุฟเฟต์​น้อยกว่าจำนวนแขก การสั่งอาหารในงานจัดเลี้ยงน้อยกว่าจำนวนแขก นอกจากจะทำให้แขกไม่ได้ทานอาหารอย่างเต็มที่ จะมีผลต่อการบริการด้วย เพราะแขกที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมีพนักงานบริการเท่าเดิม การบริการก็จะไม่ทั่วถึง จำไว้เสมอว่า “เหลือดีกว่าขาด” และยิ่งถ้าคุณเลือก เคเทอริ่งที่เชี่ยวชาญด้านการรับทำอาหารจัดเลี้ยง รับรองว่างานนั้นแขกจะลุกไปตักอาหารกันไม่ต่ำกว่า 3 รอบแน่นอน


Special Tips: งานจัดเลี้ยงบุฟเฟต์

-    ทำให้งานเลี้ยงของคุณน่าสนใจด้วยธีม ขอแค่คุณมีไอเดียเก๋ๆ ก็เนรมิตการจัดเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ให้เก๋และน่าสนใจได้ไม่แพ้การจัดเลี้ยงแบบค็อกเทล
-    เพิ่มซุ้มอาหารปรุงสดเพิ่มความสนุกให้กับงานเลี้ยง เผื่อแขกบางคนชอบรับประทานอาหารปรุงสด การเพิ่มซุ้มอาหารก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ลองเลือกประเภทซุ้มอาหารที่แตกต่างจากประเภทอาหารในบุฟเฟ่ต์ เช่น ถ้าคุณเลือกบุฟเฟต์อาหารไทย เลือกซุ้มพาสต้าให้เชฟปรุงพาสต้าสารพัดเส้นจากซอสที่แขกเลือกเองได้ หรือจะเป็นซุ้มของหวานเอาใจเด็กๆ และยังสร้างสีสันให้งานเลี้ยงดูสนุกขึ้นอีกด้วย





งานจัดเลี้ยงนอกสถานที่ จัดเลี้ยงบุฟเฟ่ต์อย่างไรให้แขกประทับใจ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://thetastefood.com/

287
การจัดฟันนั้น หลังจากที่เข้ารับการรักษาแล้ว ก็อาจจะส่งผลข้างเคียงให้กับช่องปากของคุณ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะจัดฟันแบบไหน ก็สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะร่างกายของเราและช่องปากของเรายังไม่ชินกับการที่มีเครื่องมืออยู่ภายในช่องปากตลอดเวลา การจัดฟันแบบใส invisalign ก็เช่นเดียวกัน ในช่วงที่ใส่อุปกรณ์ไปแรกๆ ช่องปากก็อาจจะยังไม่ปรับตัว หรือยังไม่เข้าที่นั่นเอง

ซึ่งเมื่อเราได้ทำการใส่เครื่องมือการจัดฟันเข้าไปในช่องปาก โดยเฉพาะการ จัดฟันแบบใส invisalign เมื่อใส่เครื่องมือไปในช่วงแรกๆ ช่องปากยังไม่ปรับตัว ทำให้ผลิตน้ำลายมากกว่าปกติ ซึ่งผู้เข้ารับการรักษาก็ต้องปรับตัวให้ชินเช่นกัน แต่วิธีการแก้ปัญหาผลข้างเคียงนี้ แก้ได้ ด้วยการดื่มน้ำให้มากๆ ซึ่งการดื่มน้ำจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ และหลังจากนั้น เมื่อเครื่องเข้าที่ดีแล้ว ร่างกายสามารถปรับตัวเข้ากับเครื่องมือได้แล้ว ก็จะทำให้ช่องปากและฟันของคุณสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนเดิม

ซึ่งการจัดฟันทุกรูปแบบ มักจะมีปัญหาที่พบได้บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยที่บางกรณีอาจจะทำให้พูดไม่ชัดบ้าง หรือเกิดแผลในช่องปากบ้าง ก้ไม่ต้องตกใจ เพราะมันเป็นเรื่องที่ปกติมาก เพียงแต่หลังจากที่เข้ารับการจัดฟันเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อให้มีผลการรักษาที่ดี รวมไปถึงการใช้งานของฟันที่จะทำให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กลับมามีรอยยิ้มที่มั่นใจอีกครั้ง



อายุที่เหมาะสม ในการจัดฟันแบบใส invisalign !

การจัดฟันแบบใส ถือเป็นการจัดฟันรูปแบบที่ใช้นวัตกรรมรูปแบบใหม่ของอเมริกา และเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน การจัดฟันแบบใส invisalign เป็นการจัดฟันที่ออกแบบด้วยระบบคอมพิวเตอร์แบบ 3D ที่มองเห็นการเคลื่อนตัวของฟันไปในตำแหน่งที่ต้องการ ให้อยู่ในช่วงเวลาที่ทันตแพทย์ได้กำหนดไว้ ผู้เข้ารับการรักษาจะสามารถมองเห็นการเคลื่อนตัวของฟันและการวางแผนได้ก่อนเข้ารับการรักษา

การจัดฟันแบบใส invisalign สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ทุกช่วงอายุ ตั้งแต่กลุ่มวัยรุ่นไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ ที่มีฟันกรามครบสมบูรณ์แล้ว นอกจากนี้ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส ต้องดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี สำหรับการจัดฟันแบบใส invisalign จะรู้สึกระคายเคืองในช่วง 2-3 วันแรกหลังจากทำการจัดฟัน และอาการระคายเคืองจะหายไปเอง เมื่อฟันเข้าที่ดีแล้ว

หากสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส invisalign ทางคลีนิคเรามีทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการจัดฟัน สามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำเรื่องการจัดฟันแบบใส invisalign ได้ฟรี กับทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการจัดฟัน มีประสบการณ์อย่างยาวนาน และที่สำคัญได้รับการรับรองจากอเมริกาให้ทำการจัดฟันแบบใส invisalignได้ รวมไปถึงการบริการที่ประทับใจจากคลีนิคด้วย


ควรดื่มน้ำมากๆ ระหว่างการ จัดฟันแบบใส invisalign ! อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/

288
การตัดสินใจเลือกซินแสดูฮวงจุ้ยบ้านไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะยุคสมัยปัจจุบันมีซินแสเกิดขึ้นมากมาย และนับเป็นอีกหนึ่งอาชีพอีกด้วย ซึ่งซินแสจะทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและแนะนำบ้านของเรา ให้ถูกต้องตามหลักความเชื่อต่าง ๆ เพื่อนำโชคลาภ และความสุขในชีวิตมามอบให้กับการพักอาศัยภายในบ้าน ซึ่งเราจะมาบอก 5 ที่ควรรู้ก่อนเลือกซินแสดูฮวงจุ้ยบ้าน ดังนี้

         
1. สืบประวัติของซินแสดูฮวงจุ้ยบ้าน ทุกการจ้างงานกับบุคคลใดก็ตาม ควรสืบประวัติการทำงานที่ผ่านมา รวมถึงซินแสดูฮวงจุ้ยบ้านเช่นกัน อาจจะดูจากผู้ที่เคยใช้บริการ หรือคนรอบตัวที่เคยใช้บริการมาก่อน โดยดูว่ามีการจัดฮวงจุ้ยภายในบ้านแล้วชีวิตดีขึ้นหรือไม่ เช่น แก้ปัญหาสุขภาพ เรื่องงาน เรื่องเงินทอง และโชคลาภ เป็นต้น

         
2.ซินแสเข้าใจองค์ประกอบทั้ง ดวงจีน ฮวงจุ้ย และฤกษ์ยาม การดูฮวงจุ้ยบ้านจำเป็นต้องเข้าใจศาสตร์ทั้ง 3 ส่วนดังกล่าว หากขาดความเข้าใจส่วนใดส่วนหนึ่ง จะทำให้การปรับเปลี่ยนต่าง ๆ ภายในบ้านไม่สมบูรณ์ และอาจทำให้ผลที่ต้องการเกิดความล้มเหลว ซึ่งควรพิจารณาซินแสดูฮวงจุ้ยบ้านให้ดี ๆ ว่าเข้าใจหลัก 3 ส่วนนี้ได้ดีหรือไม่

         
3. ค่าบริการ สำหรับราคาค่าบริการของซินแสดูฮวงจุ้ยบ้าน อาจจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของซินแส และขนาดของพื้นที่บ้าน อย่างไรก็ตามควรสอบถามซินแสให้แน่ชัดว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ จากนั้นพิจารณาค่าใช้จ่ายว่ามีความสมเหตุสมผลหรือไม่

         
4. ไม่ควรพิจารณาฮวงจุ้ยเกิน 3 อย่าง ฮวงจุ้ยเป็นเรื่องของโหราศาสตร์ หากซินแสใช้วิชาโหราศาสตร์นอกเหนือ 3 ส่วนอย่าง ดวงจีน ฮวงจุ้ย และฤกษ์ยาม อาจทำให้เจ้าบ้านเกิดความสับสน เมื่อแนะนำสิ่งที่ต้องแก้ไข และเจ้าบ้านไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง จะทำให้ผลลัพธ์ไม่เกิดผลได้อย่างที่ต้องการ



5 ข้อที่ควรรู้ก่อนเลือกซินแสดูฮวงจุ้ยบ้าน อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/

หน้า: 1 ... 14 15 [16] 17 18 ... 24