แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - wm5398

หน้า: 1 ... 19 20 [21] 22 23 ... 27
361
ทดสอบและใช้งานโปรแกรม SEO PowerSuite


นักรบจะฝึกการใช้งาน SEO PowerSuite ประมาณ 1-2 เดือนครับ โดยจะทำการทดสอบการทำ SEO กับเว็บไซต์ตัวเอง ด้วยจำนวนคีย์เวิร์ด 640 Keywords, Search Volume 200,000 ครั้ง/เดือน กับเว็บไซต์ตัวเอง ให้ได้ผลก่อน เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่าได้ผลจริงครับ ทุกองค์ความรู้ที่ทดสอบ จะถูกเผยแพร่ในหน้าเว็บไซต์แห่งนี้ครับ หลังจากนั้นจะตกผลึกประสบการณ์, ศึกษาความรู้จาก Blog ต่างประเทศ และสรุปแนวทางในการทำคอร์สเรียน เพื่อสร้างนักการตลาดออนไลน์รุ่นใหม่ ที่สนใจประกอบอาชีพนี้ ได้มีพื้นฐานไปสมัครงานและทำงานในบริษัทครับ

โดยผมจะเน้นที่ SEO Technical Specialist โดยเฉพาะครับ (อ่าน SEO Job Requirment ได้ที่ https://goo.gl/tGq1hT) ส่วน SEO สาย Content สามารถเรียนได้ที่ https://warrior.in.th/classroom ถ้าจังหวะดีๆ ผมจะจัดตั้งสถาบันการอบรม พัฒนาทักษะสร้าง Digital Marketer ใหม่ๆในอนาคตอีกด้วยครับ

สรุปรายละเอียด
หัวข้อเรื่อง : ทดสอบและใช้งานโปรแกรม SEO PowerSuite เหมาะกับ : นักการตลาดออนไลน์ และ เจ้าของธุรกิจ พื้นฐานที่ควรมี : มีพื้นฐาน SEO แล้ว ระยะเวลา : 1-2 เดือน
 
ข้อมูลโปรแกรม SEO PowerSuite โปรแกรมสามารถ Download & Testing ได้ฟรีที่ https://www.link-assistant.com (ค่าลิขสิทธิ์โปรแกรม 299-699$) (ค่าอัพเดท 19.95 – 39.95 $/Mo)
https://warrior.in.th/freelance-seo/job/technical-seo/seo-powersuite-testing/

362
Blog คือ อะไร? ทำไมนักการตลาดออนไลน์ถึงควรใช้ WordPress (CMS)


ลองไปถามคนรอบตัวเราเล่น ๆ ดูสิครับว่า Blog คืออะไร, รู้จัก CMS มั้ย, ทำ WordPress เป็นรึเปล่า ? มันเลยทำให้ผมต้องเขียนบทความนี้ขึ้นมานั่นเองครับ
วันนี้ผมจะมาไขข้อข้องใจทั้งหมดให้เพื่อน ๆ ร้องอ๋อ  ไล่ตั้งแต่ Blog คืออะไร CMS คืออะไร มีอะไรบ้าง WordPress คืออะไร มีกี่ประเภท แตกต่างกันยังไง และปิดท้ายด้วยเรื่องของ Theme WordPress รับรองบทความนี้บทความเดียว “จบ” ได้ความรู้ไปเต็ม ๆครับ


เริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า Blog คือ อะไร?
เราน่าจะเคยได้ยินคำว่า Blog มาตั้งนานหลายปีแล้วใช่มั้ยครับ ซึ่ง Blog เนี่ยก็เป็นเว็บไซต์แบบนึงนี่แหละ แต่ออกแนวเป็นคล้าย ๆ บันทึกส่วนตัวมากกว่า ให้อารมณ์เหมือนการเขียนไดอารี่ เพราะบทความที่ใหม่สุดก็จะอยู่บนสุด ส่วนบทความเก่า ๆ ก็จะอยู่ลึกลงไปข้างล่าง ถ้าใครอยากอ่านก็อาจต้องค้นหากันไล่ลงไปเรื่อยๆ ระบบ Blog มันก็มีความยุ่งยากในตัวของมันเอง แต่ที่คนชอบใช้กันก็เพราะ มันไม่เสียตังค์นั่นเอง เราเลยจะเห็น “Blogger” หน้าใหม่ ๆ โผล่ขึ้นมาเป็นดอกเห็ด คอยเขียนเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป บางคนให้ความรู้จนเป็นที่โด่งดัง กลายเป็นคนมีชื่อเสียงไปเลยก็มี บางคนรับรีวิวสินค้า โฆษณาเข้า ทำเงินไปเป็นหมื่นเป็นแสน กลายเป็นอาชีพหลักไปเลยก็ได้เหมือนกัน หรือบางคนมีสินค้าเจ๋ง ๆ อยากขาย ผมก็เห็นเค้าใช้ Blog เนี่ยแหละเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกระจายสินค้า การสร้าง Blog จึงเป็นการลงทุนที่ไม่ต้องเสียเงินสักบาท อาศัยแค่แรงใจและความชอบก็สามารถเกิดเป็นช่องทางสร้างรายได้ได้แล้ว

CMS คือ อะไร เกี่ยวข้องกับ Blog ยังไง?
แต่กว่าจะออกมาเป็น Blog ให้ใช้งานกันได้สะดวกสบายแบบทุกวันนี้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ เพราะนักพัฒนาเค้าต้องทำการบ้านกันอย่างหนัก ในการผลิตระบบขึ้นมาตัวหนึ่งชื่อว่า Content Management System หรือที่เรียกกันว่า CMS นั่นเอง ซึ่งมันคือ ระบบที่เน้นในการจัดการเนื้อหาและบทความ ทำให้คนธรรมดาที่เขียนโปรแกรมไม่ได้ อ่านภาษาคอมฯ ไม่ออก ก็สามารถสร้าง Blog สร้าง Website ของตัวเองขึ้นมาได้ ซึ่ง CMS นี่แหละครับที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความง่ายทั้งหมดทั้งมวลของโลกออนไลน์

แล้วโปรแกรม CMS มีอะไรบ้างล่ะ?
ถ้าจะให้ไล่ยาวทั้งหมด 3 วันก็คงไม่จบ ก็ตัวโปรแกรม CMS มันมีเยอะแยะมากมายตั้งแต่ WordPress, Joomla, PhpBB, Magento, Prestashop, Simple Machines, Open Cart, etc. แต่ละโปรแกรมก็จะมีจุดแข็งจุดอ่อนที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการสร้างเว็บไซต์ของเรามากกว่าว่าเหมาะกับ CMS ตัวไหน บางตัวก็ช่วยในเรื่องการขายของออนไลน์ บางตัวก็เด่นในเรื่องนำเสนอคอนเทนต์ แต่ตัวที่เราจะมาเจาะลึกกัน วันนี้คือเจ้าตัว WordPress ที่ขึ้นแท่น CMS อันดับ 1 ของเมืองไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเองครับ

WordPress คือ อะไร? มาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน
WordPress นี่ก็เป็นโปรแกรมสำเร็จรูป CMS ที่เอาไว้สร้าง Blog สร้าง Website นั่นแหละ ตอนแรกเลยเนี่ย WordPress เกิดมาเพื่อทำหน้าที่เป็น Blog เฉย ๆ แต่เพราะมันปรับแต่งได้หลากหลาย ลูกเล่นเยอะเหลือเกิน มีตั้งแต่ Plug-in ไปจนถึง Theme มากมายให้เลือกใช้กันไม่ถูก เลยทำให้คนเอาไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย จนตอนนี้ WordPress กลายเป็นทั้ง Blog ร้านค้าออนไลน์ เว็บไซต์ และกระดานข่าวสารไปแล้ว! และด้วยกับข้อดีทุกอย่างที่บอกไป ทั้งใช้ง่าย สวย ลื่น ฟรี ลูกเล่นเยอะ และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตอนนี้มีผู้ใช้งาน WordPress มากกว่า 200 ล้านเว็บไซต์ ทิ้งห่าง CMS ตัวอื่นแบบชนิดที่ว่าไม่เห็นฝุ่นกันเลยทีเดียว

ความแตกต่างระหว่าง WordPress.com และ WordPress.org
ถ้าใครได้ลองเข้าไปสมัครใช้งาน WordPress คงจะเห็นว่าจริง ๆ แล้วมันมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ แบบ .com และ .org ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้มีข้อดีข้อเสียต่างกันเล็กน้อยตามนี้เลยครับ

WordPress.com คือ อะไร?
ตัว WordPress.com ก็เหมือนกับ Blog ทั่วไปที่เปิดให้บริการฟรี ๆ มีธีมให้เลือกว่าเราอยากได้หน้าตาเว็บไซต์แบบไหน แถมมีโดเมนมาให้พร้อมเลย แต่โดเมนตรงนี้จะเป็น .wordpress.com นะครับ เช่น เราตั้งชื่อเว็บไซต์ว่า warrior ก็จะเป็น warrior.wordpress.com นั่นเอง

ข้อดีของ WordPress.com คือ
         - ฟรีทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ (สามารถ Upgrade ใช้ Function ทีมากขึ้นได้ด้วยการจ่ายเงินเป็นรายเดือน)
         - ไม่ต้องเสียค่า Hosting เพราะข้อมูลถูกเก็บไว้บนเซิฟเวอร์ของ com
         - มีการอัพเดตระบบอยู่ตลอดเวลา
         - มี Plug-in จำเป็นให้บริการพร้อม ไม่ต้องไปติดตั้งเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก


ข้อเสียของ WordPress.com คือ
         - ชื่อโดเมนมีคำว่า .com ต่อท้าย (แก้ไขโดยการชำระเงินค่าโดเมนเพิ่ม)
         - ปรับแต่งได้ก็จริง แต่ได้น้อยมาก เต็มที่ก็ได้แค่สีกับธีมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น
         - โหลด Plug-in เพิ่มไม่ได้

WordPress.org คือ อะไร?
มาถึงด้านของ WordPress.org ต้องบอกเลยครับว่าเจ้าตัวนี้ก็เหมือนตัวข้างบนทุกอย่าง แต่ WordPress.org จะเป็นเหมือนการถอดมาแต่เฉพาะระบบเท่านั้น เราต้องหา Hosting เอง จดโดเมนเอง เลือกธีมเอง เสริม Plug-in ใหม่ทั้งหมดเอง (แต่ก็ไม่มีอะไรยากเกินใจเราหรอกครับ อยากใช้ของดีก็ต้องขวนขวายกันหน่อย)

ข้อดีของ WordPress.org คือ
         - ปรับแต่งได้ทุกแบบตามใจเรา อยากเฟี้ยว อยากแนวแค่ไหน เนรมิตได้หมด
         - Plug-in ก็เยอะสุด ๆ ช่วยเสริมนั่น เพิ่มประสิทธิภาพนี่ อำนวยความสะดวกเว่อร์
         - ใครเขียนโค้ดเป็นก็ปรับแต่งทุกอย่างเองได้เลย
         - เลือก Hosting เจ้าที่ต้องการได้
         - และสุดท้ายนะครับorg มีธีมให้เลือกใช้งานเยอะมาก แล้วคุณจะสนุกกับการเลือกธีมจนลืมสร้างเว็บไซต์ไปเลยล่ะครับ

ข้อเสียของ WordPress.org คือ
         - มีค่าใช้จ่ายในเรื่อง Hosting และ โดเมน ที่จำเป็นต้องเสีย
         - ไม่ง่ายเท่ากับแบบ wordPress.com

เดี๋ยวนะ แล้ว Theme WordPress คือ อะไร ?
ไหน ๆ เพื่อน ๆ ก็อุตส่าห์ติดตามอ่านกันมาจนถึงตรงนี้แล้ว ผมขอเซอร์วิสทุกคนด้วยการอธิบายถึงเรื่อง Theme WordPress กันหน่อยดีกว่า ถือเป็นการปิดฉากแบบสวย ๆ ไปด้วยเรื่องนี้เลยแล้วกัน ลูกเล่นที่ทำให้ WordPress พุ่งทะยานขึ้นมาแซงหน้าทุก CMS ได้ผมว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องของ ธีม นี่แหละครับ เพราะบน WordPress เนี่ยเราสามารถเปลี่ยนแปลงหน้าตาทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย เหมือนเปลี่ยนเคสโทรศัพท์ยังไงยังงั้นแหละ แถมมีแบบให้เลือกเยอะมากกกกก เยอะจนตาลายเลยแหละครับ เข้าไปครั้งแรกกว่าจะตัดสินใจได้ลงตัวว่าจะเอาอันไหน ใช้เวลาไป 2-3 วันก็มี และที่สำคัญเลยก็คือ มัน “ฟรี” นี่แหละ (ถึงจะมีแบบเสียเงินด้วย แต่แค่แบบฟรีนี่ก็ครอบคลุมทุกอย่างแล้วครับ) แต่ก่อนจะเลือกธีม WordPress มาใช้งานสักอัน เราต้องดูด้วยนะครับว่า มันเหมาะสมกับสิ่งที่เราจะเอาไปใช้งานมั้ย ไม่ใช่มองแต่ความสวยอย่างเดียว เพราะแต่ละทีมก็อาจจะมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย ถ้าเราเลือกผิดมันก็จะแสดงศักยภาพออกมาได้ไม่เต็มที่ ไหน ๆ จะเสียเวลาทั้งทีก็เลือกให้มันดี ๆ ไปเลยดีกว่าครับ บทความด้านบนนี้เขียนโดน Freelance

5 เหตุผลที่นักรบเลือกใช้ WordPress
เหตุผลหลักๆที่เลือกใช้ WordPress เพราะเหมาะสมที่สุดในการต่อยอดการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ เมื่อเว็บไซต์ติดอันดับใน Google ด้วยคีย์เวิร์ดสร้างยอดขาย (Commercial Keywords) จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่ออย่างไรกังวลใน Google Search ครับ
         1. ประหยัดเงินทำเว็บไซต์ได้ 1-3 หมื่นบาท หากเลือกสร้างเว็บไซต์เองด้วย WordPress
         2. รองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ๆเสมอ เพราะมีอาสาสมัครทั่วโลกค่อยพัฒนาอย่างเป็นระบบ
         3. รองรับการทำ SEO และ รองรับการใช้ Marketing Tools ได้หลากหลาย
         4. สามารถ Update และปรับแต่งได้เองเต็มที่
         5. รองรับการขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น รองรับคนเข้าได้มากขึ้นสูงถึง 5,000 คน/วัน (สำหรับผู้เริ่มต้น)

หากใครสนใจสร้างอาชีพด้วยการรับทำเว็บไซต์ด้วย WordPress ลองอ่าน Freelance รับทำเว็บไซต์ WordPress และ การขายของออนไลน์ด้วย WordPress ดูครับ ส่วนใครอยากจะต่อยอดการทำ WordPress SEO ก็อ่านบทความ ฟรีแลนซ์รับทำ SEO ได้ต่อครับ สุดท้ายถ้าจะต่อยอดเป็นระดับ SEO Agency ลองอ่านบทความ แชร์วิธีการสร้าง Small SEO Agency
ขอให้สนุกกับโลก Digital Marketing ครับ ลุย!!!
https://warrior.in.th/wordpress/blog-is/

363
สินเชื่อบ้าน Home Loan อัตราดอกเบี้ยธนาคาร


สินเชื่อบ้าน Home Loan
สินเชื่อบ้าน หรือ สินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย หมายถึง เงินกู้ที่สถาบันการเงินปล่อยกู้เพื่อการซื้อหรือสร้างที่อยู่อาศัย โดยธนาคารหรือสถาบันการเงิน จะกำหนดวงเงินกู้โดยประเมินวงเงินจากราคาทรัพย์สิน และรายได้ของผู้กู้ ธนาคารกำหนดระยะเวลาให้กู้ระยะยาว ตั้งแต่ 10-40 ปี โดยให้ผู้กู้ผ่อนชำระเป็นงวดๆ ในแต่ละเดือน เป็นเงินต้นรวมกับดอกเบี้ย ซึ่งการกู้ซื้อบ้านนั้น จะมีการทำนิติกรรม “จำนอง” ที่สำนักงานที่ดิน

วิธีการคิดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารมี 2 วิธี ได้แก่
     - อัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดตัวเลขแน่นอน ส่วนใหญ่จะเป็นดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรกของการผ่อนชำระ เช่น อัตราดอกเบี้ย 2.85% 3 ปีแรก เป็นต้น
     - อัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่มีการเปลี่ยนแปลง ปรับขึ้นลงตามสถานการณ์ของตลาดการเงิน ไม่สามารถกำหนดได้ โดยทั่วไปดอกเบี้ยเพื่อที่อยู่อาศัยจะใช้อัตราดอกเบี้ย MRR และ MLR เป็นหลัก

MRR (Minimum Retail Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี สำหรับเงินกู้ทุกประเภทที่มีกำหนดระยะเวลาแน่นอน
MLR (Minimum Loan Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี สำหรับประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา

https://goodhomeasset.com/blogs/home-loan

364
ทำตาสองชั้นและแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง Ep.1 by น้องเพ้นท์ ที่จาเรมคลินิก


สวัสดีค่ะ เพ้นท์นะคะ วันนี้นะคะก็เข้ามาทำสวยที่ Jarem Clinic เค้าก็จะอยู่ที่ RCA อาคาร D D-Dog นั่นเองจ้ะ เพื่อนๆก็จอดรถข้างใต้ได้เลยแล้วก็เดินขึ้นมาเผื่อแบบฟ้าฝนตก

โอเคค่ะ แล้วตอนนี้นะคะเราก็อยู่กันที่หน้าจาเรมคลินิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้นะคะเพื่อนๆอาจจะยังสงสัยอยู่ว่าเพ้นท์มาทำอะไรนะคะ ก็คือเพ้นท์อยากทำตาสองชั้น เพราะว่าเพ้นท์เป็นคนที่แบบชั้นหลบใน แล้วก็ต้องแบบติดสติกเกอร์ แบบเวลาเราแต่งหน้า เรารีบใช่ไหม การติดสติกเกอร์นี่คือมันกินเวลามาก ประมาณ 10-20 นาทีอะ บางทีก็ติดไม่เท่ากัน คือเซ็งเป็ด

ก็เลยตัดสินใจมาทำตาที่จาเรมนะคะ กับคุณหมอยุ้ย เพราะว่าไปอ่านมาว่าคุณหมอเป็นจักษุแพทย์เฉพาะทางก็แบบแผลเย็บรอยเย็บอะไรคือดี เพื่อนๆมันสำคัญมากเลยนะ เดี๋ยวจะปรึกษาคุณหมอแล้วก็เดี๋ยวทำเลย ก็มาดูกันนะคะว่าทำเสร็จออกมาเราจะสวยวิ๊งขนาดไหน ตมมาดูข้างในกันเลย เห็นรองเท้าไหม นี่คือเยอะมากเลยนะ บ่งบอกว่าคนมาทำเยอะ เข้ามาเลย เปิดประตูผิดด้านอะแก อายว่ะ

คำถาม : อันนี้ก็คือพี่พลอย Consult สุดสวยของเรา ถ้าใครที่อยากจะเข้ามาที่จาเรมคลินิก ต่อได้ทางไหนบ้างคะ
คำตอบ : ก็ติดต่อมาได้ทาง Facebook Inbox แล้วก็โทรเข้ามาได้ค่ะ คลินิกของเราเปิดทุกวัน ปิดแค่วันอาทิตย์วันเดียวค่ะ

คำถาม : เค้าปิดแค่วันอาทิตย์วันเดียว แล้วที่คลินิกเรานี้มีศัลยกรรมอะไรบ้างคะ
คำตอบ : แนะนำนะคะก็คือว่าหลักๆเลยนะคะ เราก็จะมีเรื่องของเสริมหน้าอกโดยคุณหมอหลุยส์นะคะ แล้วก็มีทำตาโดยคุณหมอยุ้ยที่เป็นจักษุแพทย์เฉพาะทางค่ะ

คำถาม : ชั้นตาเพ้นท์นี่เราควจะทำประมาณไหนคะ
คำตอบ : อันนี้จะเป็นเหมือนเป็นชั้นตาหลบใน แล้วก็ชั้นตาจะไม่ค่อยชัดเจน ถ้าแนะนำ แนะนำให้ทำ เดี๋ยวหลับตานะคะ ให้ทำชั้นตาให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เริ่มจากปรับกล้ามเนื้อตานิดนึงเพื่อให้ดวงตาดูโตขึ้น ดูสดใสมากขึ้น ประมาณนี้ชอบไหมคะ

คำถาม : ของเพ้นท์มันมีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อตาด้วยใช่ไหมคะ
คำตอบ : ใช่ค่ะ

คำถาม : แล้วถ้ากล้ามเนื้อตากับคนที่ปรับแบบชั้นตาปกตินี่ คือมันต่างกันอย่างไรคะ ?
คำตอบ : คือถ้าเราปรับกล้ามเนื้อตา การผ่าตัด วิธีการผ่าตัดจะซับซ้อนกว่า คือถ้าเราทำแค่ชั้นตามันจะทำให้ตาดำเราอยู่เท่าเดิม มันไม่ได้ทำให้ตาเราดูสดใสขึ้นแต่ถ้าเราปรับกล้ามเนื้อตามันจะเป็นการปรับโครงสร้างภายในค่ะ ก็คือจะทำให้ตาดำเราดูโตขึ้น ดูสดใสขึ้น แววตาเราก็จะเปลี่ยนไป
https://jarem.co.th/reviews-ptosis-surgery-14/


365
Good Home Asset รับฝากขายบ้าน คอนโด ที่ดิน อสังหาฯ ทุกประเภท



บริการของเรา
  • ให้คำปรึกษาการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์ ฟรี
  • ทำการวิเคราะห์ทรัพย์ ราคาทรัพย์ ประเมินค่าใช้จ่ายซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์
  • รับฝากขายบ้าน บ้านมือสอง คอนโด ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท
  • บริการถ่ายรูปทรัพย์ คลิปวีดีโอรีวิว เพื่อโปรโมทช่องทาง Youtube ฟรี
  • ทำการตลาดออนไลน์ ลงประกาศเวปไซด์อสังหาฯ ฟรี เช่น ddproperty.com, livinginsider.com เป็นต้น
  • ทำการตลาดออนไลน์ Social Marketing, Facebook Page
  • ทำการตลาดติดป้ายหน้าทรัพย์ ป้ายประกาศใกล้ทรัพย์ที่ขาย ฟรี
  • ติดต่อลูกค้า สกรีนลูกค้าก่อนนัดหมาย พาเข้าชมทรัพย์ ปิดการขาย
  • บริการรับฝากกุญแจบ้าน กรณีที่ไม่มีคนอยู่อาศัย เพื่อสะดวกในการพาลูกค้าเข้าชมทรัพย์
  • บริการช่วยจัดหาสินเชื่อ เดินเรื่องเอกสารยื่นกู้สินเชื่อให้กับผู้ซื้อฟรี
  • บริการประสานงานกับธนาคารเพื่อทำการประเมินทรัพย์
  • ทำเอกสารสัญญาซื้อขายอสังหาฯ ประสานงานผู้ซื้อ ผู้ขาย ธนาคาร
  • เดินเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ซื้อขาย ณ สำนักงานที่ดิน
  • บริการจัดหาบ้าน คอนโดและที่ดิน ให้กับผู้ที่กำลังมองหาเพื่ออยู่อาศัย เพื่อการลงทุน
  • บริการรับฝาก เช่าบ้าน เช่าคอนโดมิเนียม และอสังหาฯ ประเภทอื่น
  • รับจำนอง ขายฝากที่ดิน ขายฝากบ้าน

Our Website : https://goodhomeasset.com
Facebook Page : https://www.facebook.com/goodhome.asset
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCuaNsT-wz6cy6JUNh8elNPQ/videos

Contact Us.  098-095-8998, 098-394-5898
Line id :  @goodhome98

366
เสริมจมูก Jarem Clinic Discovery Health Tips 2

กลับมาพูดคุยกันต่อในช่วง Health Tips ครับ

คำถาม : เอาล่ะครับคุณหมอหลุยส์ ทีนี้เราอยากถามว่า เมื่อกี้เราคุยกันเรื่องซิลิโคนกันบ้างแล้วซิลิโคนจริงๆเมื่อกี้เราคุยมีกี่แบบเลยนะครับ มีข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบบยังไงบ้าง
คำตอบ : ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแบบ อยู่ที่รูปทรงซิลิโคนก่อน ก็คือสามารถแบ่งเป็นแบบบล็อกกับแบบทำสำเร็จมาแล้วนะครับ แบบบล็อกเนี่ย คุณหมอต้องมาเหลาต่อนะครับ มาเหลาตั้งแต่ต้นเลย ซึ่งก็อาจจะออกแบบรูปทรงได้ตามที่ต้องการ แต่ว่าข้อเสียก็มีเช่นเหลาเบี้ยวเหลาเอียง คือมันผิดตั้งแต่ตัวแพทย์ที่เหลาแล้วอันนี้ก็มีได้ สองก็คือการใช้เวลาที่นาน แบบที่ออกแบบมาแล้วก็ค่อนข้างจะมีหลายแบบ ทีนี้ขึ้นกับประสบการณ์ว่าเราจะเลือกแบบไหนให้เข้ากับคนไข้เอง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมาเหลาเพิ่มเติมอยู่ดีนะครับ อันนี้คือเรื่องรูปทรง ส่วนในแบบสำเร็จหรือว่าออกแบบมาแล้วเนี่ยก็ยังแบ่งย่อยอีกว่าเป็นแบบมีขา มีแกน มีหาง มีรอยประ มีมากมายหลายแบบครับ

คำถาม : นั่นคือชนิดของซิลิโคนรูปทรง ซึ่งก็คือจริงๆโดยคนเลือกดูเหมือนเป็นแพทย์เป็นคนเลือกว่าจะเหมาะกับหน้าแบบไหนหรือเปล่าครับ
คำตอบ : ใช่ครับ ต้องเป็นคุณหมอให้คำแนะนำ

คำถาม : แล้วก็เป็นเรื่องของความถนัดด้วย
คำตอบ : ครับ ส่วนอีกอย่างก็คือเป็นเรื่องของชนิดคุณภาพของซิลิโคนนั้นๆที่คนไข้เลือก เพราะบางคุณภาพเป็น Medical Grade เหมือนกันแต่คุณภาพก็แตกต่างกัน ราคานี้ถูกกว่า ราคานี้สูงกว่าก็มีเหมือนกันครับ

คำถาม : ครับผม เอาล่ะ ทีนี้ลักษณะจมูกของคนไทยเหมาะกับซิลิโคนประเภทไหนครับ
คำตอบ : ถามว่าก็คงต้องเป็นแบบที่นิ่มมากกว่า เพราะว่าคนไทยดั้งไม่ค่อยมีเยอะเท่าไหร่ การเสริมก็คืออยากเน้นให้มันสูงขึ้น สวยขึ้น มีรูปทรงที่โค้งขึ้น ก็อาจจะต้องใช้ซิลิโคนที่ชนิดเป็นนิ่มแล้วก็ค่อนข้างหนานิดนึงครับ

คำถาม : อ๋อ ซึ่งตัวที่นิ่มที่ว่านี้มันจะมีความหนาที่มากขึ้น
คำตอบ : มากขึ้นครับ สามารถใส่ได้หนามากขึ้น

คำถาม : อ๋อ ให้เห็นเพื่อว่าเหมาะสำหรับคนไทยที่ต้องการเสริมดั้งให้ดูเห็นชัด
คำตอบ : ครับ จะปลอดภัยไม่ทะลุครับ

คำถาม : อ๋อ ครับผม ของหมอหลุยส์เนี่ยรู้สึกว่าเหมือนจะมีเทคนิคพิเศษนะครับ ที่เป็นของส่วนตัวเนี่ย รู้สึกว่าเป็นเทคนิคยังไงนะครับ อยากให้ช่วยบรรยายนิดนึงครับผม
คำตอบ : คือการเสริมจมูกก็นอกจากให้โด่งแล้วเนี่ย เราต้องถามความต้องการของคนไข้ก่อนว่าอยากได้แบบไหน อยากได้แบบไหนก็คือโด่ง เรียว ปลายสวยไหม ปีกเป็นยังไง คือมันมีหลายอย่างครับ ส่วนเทคนิคส่วนตัว ก็คงไม่ใช่เรียกว่าส่วนตัวซะทีเดียว ก็คือมันเป็นวิธีการผ่าตัดที่หลากหลายมากกว่าอย่างเช่น ถ้าต้องการปลายเรียวร่วมด้วยก็จะเหลาซิลิโคนแบบนึง เลือกซิลิโคนความนิ่มระดับนึง รวมทั้งการผ่าตัดแบบ Open Technique ก็คือการผ่าตัดปลายจมูกและบางเคสอาจจะต้องทำปีกจมูกร่วมด้วย แต่ผมถนัดการใช้วิธีการ Open ก็คือการตกแต่งปลายจมูกมากกว่า มาร่วมกับการเสริมซิลิโคนที่ผมเลือกเข้าไปครับ

คำถาม : ตัวการผ่าตัด เอ้อ เสริมปลายจมูกเป็นตำแหน่งไหนนะครับเสริมปลายจมูก ตำแหน่งนี้
คำตอบ : จมูกที่ความจริงกระโหลกศีรษะจนถึงกระดูกแข็งของเรา มันอยู่แค่ถึงตรงกลางดั้งแค่นี้เอง หลังจากนั้นที่เป็นรูปทรงที่สามารถบิดได้ อันนี้คือเป็นกระดูกอ่อนของเรา ผมก็จะตกแต่งส่วนที่เป็นกระดูกอ่อนเพื่อให้มันเรียวสวยมากขึ้น

คำถาม : ซึ่งแต่งได้ด้วย
คำตอบ : แต่งได้ครับ

คำถาม : อ๋อ มันจะเป็นเรื่องของการปรับทรงปลายจมูก เพราะส่วนหนึ่งเราไม่ได้คุยกันแค่เรื่องของดั้งสูงไม่สูงอย่างเดียว แต่มันจะมีความที่ว่าปลายจมูกเป็นยังไง เอ๊ะ หยดน้ำ ไม่หยดน้ำ ปีกจมูกเป็นยังไง พวกนั้นหรือเปล่า
คำตอบ : ครับ ใช่ครับ

คำถาม : ทีนี้แล้ววิธีการดูแลตัวเองหลังจากผ่าตัดเสริมจมูกเนี่ย ต้องดูแลอะไรบ้างครับผม
คำตอบ : หลังการผ่าตัดเสริมจมูกเสร็จแล้วเนี่ย ก็คือคุณหมอก็จะเย็บแผลเสร็จใช่ไหมครับ การเย็บแผลก็ดูตั้งแต่เป็นไหมแล้วครับ ว่าใช้ไหมละลายหรือว่าไหมไม่ละลาย โดยส่วนตัวผมชอบไหมไม่ละลายเพราะมันแข็งแรงแล้วก็ทำความสะอาดได้ง่าย นั่นก็คือต้องนัดมาเจอกัน มาตัดไหม แต่พอทำเสร็จใหม่ๆเนี่ยขอให้ดูแลเรื่องสุขภาพจมูกนิดนึง การล้างหน้าอาจจะใช้เป็น Cleansing การใช้น้ำเต็มที่อาจจะไม่ได้ เพราะว่าน้ำอาจจะเข้าแผล แล้วก็พักผ่อนนอนยกหัวสูง แล้วก็ให้หาอะไรประคบระหว่างหน้าผากเย็นๆสักประมาณ 3 วันนะครับ แล้วก็พอผ่าน 3 วันก็อาจจะใช้อะไรอุ่นๆประคบต่อมันก็จะยุบบวมได้รวดเร็วมากกว่า

คำถาม : เป็นวิธีการทำให้ยุบบวม เย็นๆเพื่อให้เรื่องของหลอดเลือดหดตัว ส่วนประคบร้อน คำอธิบายมันอธิบายว่ายังไงครับ เวลาทำไมประคบ เอ๊ะ ทำไมถึงประคบเย็นก่อนแล้วทำไมถึงต้องประคบอุ่นตามมา
คำตอบ : ประคบเย็นอาจจะทำให้เลือดหยุดเร็วขึ้น หลังจากนั้นพอประคบอุ่นก็จะทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ก็คือผ่านช่วงที่หยุดเลือดไปแล้วทำให้เนื้อเจริญดีขึ้นไม่เกิดเลือดคั่ง

คำถาม : ทีนี้อยากให้หมอหลุยส์ฝากคำแนะนำเกี่ยวกับซิลิโคนและการดูแลรักษาให้คุณผู้ชมทางบ้านหน่อยครับผม
คำตอบ : ก็อยากจะบอกคุณผู้ชมว่าตอนนี้เสริมจมูกค่อนข้างเป็นเรื่องปกติของสังคมไทยไปแล้วคือว่าเราไม่ปิดกั้นตัวเอง ศัลยกรรมการเสริมจมูกพบได้แพร่หลายมากแล้วก็มีสถานที่ที่ให้เราเลือกใช้บริการมากขึ้น แต่อยากให้ท่านผู้ชมเนี่ยตรวจสอบนะครับ สถานที่นั้นๆก่อน ตรวจสอบแพทย์ที่จะลงมือผ่าตัดให้เราว่าเป็นแพทย์ศัลยกรรมที่ทำการผ่าตัดได้ถูกต้อง ถูกวิธี อย่าเห็นถึงราคาโปรโมชั่นที่ถูกล่อตาล่อใจชักนำไป เพราะฉะนั้นก็จะเกิดปัญหาอย่างเช่นที่เป็นในข่าวได้นะครับ แล้วก็การดูแลรักษาตัวเองก็สำคัญ ไม่ใช่ผ่าตัดไปแล้ว แล้วหวังว่าให้มันสวยเลย 50 เปอร์เซ็นต์ เราต้องดูแลตัวเองด้วยครับผม

เป็นยังไงบ้างครับคุณผู้ชม เราได้รู้กันเรื่องของการผ่าตัดเสริมจมูก อาจจะใช้ซิลิโคนหรือเทคนิคต่างๆนะครับ เทคนิคของการผ่าตัดนั้นสามารถใช้ซิลิโคนแบบไหนได้บ้างนะครับ เทคนิคของคุณหมอหลุยส์ซึ่งชอบใช้เทคนิคไหนเป็นพิเศษและมีข้อดียังไงนะครับ แล้วก็คำแนะนำต่างๆในเรื่องของการดูแลหลังการผ่าตัดเสริมจมูกครับ

สำหรับวันนี้ต้องขอขอบคุณ Jarem Clinic ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ในการถ่ายทำรายการและที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลยต้องขอขอบคุณนายแพทย์พลเดช สุวรรณอาภาที่มาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ให้ความรู้กับเราในวันนี้ ขอบคุณครับ

และขอขอบคุณผู้สนับสนุนรายการน้ำมันพืชมรกต บริษัท Medtronic และ Temmarine Clinic ครับ

กลับมาเปิดโลกทัศน์และเปลี่ยนมุมมองใหม่ๆกับสุขภาพในด้านการแพทย์ทางเลือกกับรายการ Discovery Health Tips ครับ ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ทางช่อง MCOT Family สำหรับวันนี้สวัสดีครับ
https://jarem.co.th/rhinoplasty-discovery-health-tips-ep2/


367


Yoast & XML Sitemap ใน Search Console

ถ้อยคำจากวีดีโอ
วิธีที่นักรบแนะนำมี 2 วิธี คือ
1. เพิ่มจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์
       ถ้าเราเพิ่มคนเข้าชมเว็บไซต์จะเป็นการส่งสัญญาณให้ Google Bot จับว่าหน้าเว็บไซต์และบทความตัวนี้มีคนสนใจเยอะ และจัดอันดับให้ติด google search โดยมีวิธีการคือ Copy URL แชร์ลงใน Facebook Fanpage ของเรา ยิ่งมีคนติดตามเพจเรามากเท่าไร จะช่วยให้เพิ่มสถิติเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรามากขึ้นวิธีเช็คว่าบทความของเราว่าติดอันดับที่เท่าไหร่ใน Google Search  ให้พิมพ์คำว่า site : ตามด้วย URL ของบทความนั้นในการค้นหาบน Google หากติดอันดับจะปรากฏบทความของเราขึ้นมาทันที      การโปรโมทบทความของเราตามงบประมาณ จะช่วยเร่งสปีดคนเข้าเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีเว็บไซต์ WordPress มีการเขียนบทความดีตอบรับความชอบของคนส่วนใหญ่ที่เล่น Social media

2. การตั้งค่า SiteMap ใน Google Search Console
     เมนู > SiteMap เพื่อบอก google ว่า เรามีโครงสร้างเว็บไซต์แบบนี้ แจ้งให้กูเกิลเช็คทุกหน้า สำหรับท่านที่ไม่มีโครงสร้างจาก SiteMap แบบนี้ นักรบจะแนะนำการติดตั้งปลั๊กอินการสร้าง Auto SiteMap ไปที่เว็บไซต์ของเรา เมนู ปลั๊กอิน > เพิ่มปลั๊กอินใหม่ นักรบใช้ปลั๊กอินของ Yoast SEO นอกจากทำ SEO ได้แล้วยังใช้ทำ SiteMap ได้อีกด้วย เมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ให้มองหาเมนูที่ชื่อว่า XML SiteMap     เราจะพบว่าปลั๊กอินนี้ได้สร้าง SiteMap มาให้เราเรียบร้อยแล้ว ให้นำไปวางใน Google Search Console กลับไปที่ Google Search Console ทำการกดเพิ่ม SitMap สังเกตว่า เรามี URL อยู่แล้วให้เติมส่วนด้านหลัง จากนั้นเช็คและกดส่ง ทำจนครบทุก SitMap การเช็คการจัดอันดับของเรา ให้คลิกเมนู > “ดัชนี Google ” เราจะพบว่า Google ได้จัดอันดับของไว้เรียบร้อยแล้ว นี้คือการเร่งจัดอันดับหน้าเว็บไซต์เรา     หากเว็บไซต์ที่มีคนเข้าเยอะ จะรอประมาณ 1-2 วัน  ตัวอย่างบทความล่าสุดที่นักรบพึ่งทำ พึ่งโพสต์ไปไม่กี่วัน ยังไม่มีการจัดอันดับ แต่หากโพสต์นานแล้วจะมีการจัดอันดับเรียบร้อยแน่นอนวิธีที่ดีสุดที่นักรบแนะนำสำหรับคนที่พึ่งสร้างเว็บไซต์ควรทำการ Submit Sitemap ก่อน ตามด้วยการเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซด์ผ่านช่องทาง Social Media ครับ
https://warrior.in.th/wordpress/call-google-bot-rank-wordpress/

368
Content SEO ชนะกันที่มีเนื้อหา ดี เร็ว บ่อย ตรงประเด็น


การทำการตลาดออนไลน์  Google SEO จะชนะกันที่เนื้อหา (Content) ไม่ว่าจะเป็น บทความ (Articles), ภาพ (Images), เสียง (Audio) หรือ วีดีโอ (Videos) ที่ปล่อยมาถี่, ปล่อยมาบ่อย, ปล่อยแล้วยังมีคุณภาพ อ่านแล้วเข้าถึงอารมณ์ ได้ประโยชน์มากพอ จะเกิดการแชร์ การบอกต่อ และการกล่าวถึงแบบปากต่อปากเองโดยธรรมชาติ

หากจะเดินกลยุทธ์การทำการตลาดผ่าน Google SEO เป็นสำคัญ คนทำธุรกิจออนไลน์ควรที่จะเขียน และเล่าเรื่องสินค้าหรือบริการของตัวเอง เพราะจะเล่าได้ดีที่สุด และจะเล่าได้ดีขึ้นเรื่อยๆส่งผลดีในระยะยาว

เริ่มต้น ปรับรายจ่ายให้ต่ำสุดๆ / เดือน
การทำธุรกิจออนไลน์ โดยใช้การตลาด Google SEO จะต้องมองผลลัพธ์ระยะยาว ฉะนั้นมองข้ามเรื่องรายได้หรือยอดขายระยะสั้นไปได้เลย (หากต้องการยอดขายระยะสั้นให้ใช้ Ads เช่น Adwords หรือ Facebook Ads)

เริ่มต้นปรับรายจ่ายให้ต่ำที่สุด/เดือน และยิ่งในยุคนี้แล้ว ต้นทุนการทำธุรกิจออนไลน์มันต่ำสุดๆอยู่แล้วด้วย เพื่อทีจะไม่เครียดเรื่องรายได้ และให้เอาสมาธิจัดตางรางกิจวัตรประจำวัน เพื่อสร้างเรื่องราว (Story) เล่าเรื่องราวสินค้าและบริการของเราให้โดนใจ และเป็นประโยชน์กับคนโดยสามารถสร้างเนื้อหา (Content) ไว้ล่วงหน้าและตั้งเวลาโพสได้

สร้างความน่าเชื่อถือด้วย Content & SEO
ก่อนขายของออนไลน์ ควรสร้างภาพลักษณ์ที่ดี สะท้อนความเป็นตัวเอง และอุดมการณ์ในการทำธุรกิจเสียก่อน โดยค้นหาคุณประโยชน์ธุรกิจออนไลน์ของตัวเองให้เจอ และใช้มันเป็นพลังในการขับเคลื่อนธุรกิจ การสร้างความน่าเชื่อถือด้วย Content คือการสร้างเนื้อหาที่ดีสม่ำเสมอๆเกิดการ Like&Share ได้เรื่อยๆ

สิ่งตอบแทน
หลังจากนั้น Google จะจัดอันดับเว็บไซต์ดีขึ้นเรื่อยๆ มีคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้นเรื่อยๆ และ Facebook จะตอบแทนด้วย การแชร์บอกต่อกันใน Social Media จนทำให้ธุรกิจออนไลน์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ในชนิดที่แบบได้ทั้งเงิน และได้ทั้งความรักจากลูกค้า ส่งเสริมให้ท่านรักงานนี้มากยิ่งๆขึ้นไปอีกด้วยครับ
" สร้างคุณประโยชน์ให้ลูกค้าก่อน ผ่าน Website และ Fanpage แล้ว Google & Facebook จะตอบแทนคุณ ด้วยชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ ในอีกชื่อหนึงที่เรารู้จักกันดี คือ Personal Brand นั้นเอง "
https://warrior.in.th/freelance-seo/job/seo-content/seo-content-for-online-marketing-is-king/

369
15 คำถาม ที่คุณต้องถามหมอแน่ๆ ถ้าคิดจะเสริมหน้าอก ทำนม

คำถามที่พบบ่อย
สวัสดีครับ ผมหมอหลุยส์ Jarem Clinic ครับ วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเสริมหน้าอกนะครับ
คำถาม 1 : เสริมหน้าอกผ่าแผลตรงไหนดี
คำตอบ : แผลของการเสริมหน้าอกที่ในปัจจุบันนี้มีอยู่ 3 ทางนะครับ คือแผลอยู่ที่ใต้ราวนม ปานนมและรักแร้ ซึ่งแต่ละแผล แต่ละที่ก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกันไป ผมอาจจะไม่ได้พูดในที่นี้ เดี๋ยวอาจจะต้องไปดูคลิปอื่นนะครับ

คำถาม 2 : ต้องเปลี่ยนซิลิโคนทุกกี่ปี
คำตอบ : เสริมหน้าอก ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนนะครับ คือใช้แล้วอยู่ได้ตลอดชีวิตเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับซิลิโคนที่เราใส่ต้องมีคุณภาพมีมาตรฐาน โดยจะดูจากว่ามีบัตรรับประกันไหม เป็นซิลิโคนที่มีกล่องให้กลับบ้านหรือเปล่า ถ้าเป็นซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐาน อย่างเช่นของประเทศจีนหรือว่าอะไรที่ยังไม่ผ่านอย.ไทย หรือว่าอย.ต่างประเทศ อันนี้ก็มีความเสี่ยงที่อาจจะต้องก่อน 10 ปีครับ

คำถาม 3 : เสริมหน้าอกมีลูกได้ไหม
คำตอบ : เสริมหน้าอกสามารถมีลูกได้ แต่ว่าการเสริมหน้าอกแบ่งเป็น เหนือกล้ามเนื้อและใต้กล้ามเนื้อ หากเราใส่ใต้กล้ามเนื้อ เราไม่ได้ไปยุ่งกับเนื้อนมด้านบนเลย คือให้นมลูกได้ปกติ แต่ถ้าเราใส่เหนือกล้ามเนื้ออาจจะเบียดเนื้อนมเวลามีนมหรือว่ามีบุตรอาจจะทำให้มีอาการเจ็บหรือว่าหน้าอกเสียรูปทรงได้ครับ

คำถาม 4 : เสริมหน้าอกบีบแรงได้ไหม
คำตอบ : เสริมหน้าอกการบีบแรงแรงไม่เป็นผลดีกับหน้าอกนะครับ เพราะว่าถ้าหน้าอกยังไม่เข้าที่ เพิ่งทำเสร็จ การบีบแรงแรงจะทำให้มีอาการเจ็บ เนื้อเยื่อบาดเจ็บหรือว่าทำให้ซิลิโคนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องได้ครับ แต่ว่าถ้าเวลาผ่านไปแล้วประมาณสัก 3 เดือนขึ้นไป ซิลิโคนอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง มีพังผืดมารัดพอสมควร เราสามารถบีบด้วยความแรงระดับหนึ่งได้ สามารถออกกำลังกายได้ครับ

คำถาม 5 : หลังเสริมหน้าอกออกกำลังกายได้ไหม
คำตอบ : ข้อนี้อยู่ในเรื่องการบีบแรงที่กล่าวมาแล้ว สามารถออกกำลังกายได้ครับ แต่ว่าในช่วงแรก 1 เดือน ขอให้เป็นออกกำลังกายเบาๆอย่างเช่น การเดิน Jogging การใช้ยกดัมเบลที่ไม่ได้หนักเกินไป ส่วนถ้านมเข้าที่แล้วมีพังผืดมารัดรอบนม 3 เดือนขึ้นไปก็สามารถออกกำลังกายหนักๆได้วิ่ง Jogging ออกกำลังกายชกมวยอะไรแบบนี้ก็สามารถทำได้ครับ

คำถาม 6 : ก่อนเสริมหน้าอกต้องตรวจเลือดอะไรบ้าง
คำตอบ : ถามกันเข้ามาเยอะเลยว่าก่อนเสริมหน้าอกที่ Jarem Clinic ต้องทำอะไรบ้าง การเตรียมตัวก็เป็นสิ่งสำคัญในการเสริมหน้าอก การเจาะเลือดก็เป็นสิ่งสำคัญ ให้คนไข้เจาะเลือดก็คือมีผลแล็บ CBC HIV แล้วก็ HBS Antigen ก็คือดูว่าเกล็ดเลือดเรามีเยอะไหม เกล็ดเลือดเราเป็นอย่างไรบ้าง เรามีผล HIV Postive หรือว่า Negative ไวรัสตับอักเสบบีเราเป็น Positive หรือว่าเรามีภูมิคุ้มกันเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับวิธีการล้างเครื่องมือแพทย์แล้วก็เป็นความปลอดภัยกับคนไข้คนต่อๆไปด้วย

คำถาม 7 : ต้องตรวจแมมโมแกรมไหม
คำตอบ : Mammogram แตกต่างกับ เอกซเรย์นะครับ Mammogram ก็คือการตรวจเนื้อเต้านมว่าเนื้อเต้านมเรามีสิ่งแปลกปลอมไหม อย่างเช่น มีก้อนซีสต์ มีมะเร็ง มีแคลเซียมมีอะไรอยู่หรือเปล่า ถามว่าการเสริมหน้าอกไม่ได้ทำให้เกิดเป็นมะเร็งเต้านม แต่ว่าการทำ Mammogram ก่อนที่จะเสริมหน้าอกก็มีผลดีครับ คือเราจะได้รู้ว่าหน้าอกของเราปลอดภัย ไม่มีก้อนมะเร็ง ไม่มีก้อนอะไรแปลกๆเพราะว่าภายหลังเสริมหน้าอกไปแล้วเป็นระยะเวลานึง เราจะไม่สามารถทำ Mammogram ได้ครับ

คำถาม 8 : เป็นซีสต์ เสริมหน้าอกได้ไหม
คำตอบ : เป็นซีสต์เสริมหน้าอกได้ไหม ถ้าซีสต์นั้นได้ตรวจเช็กแล้วว่าเป็นซีสต์ที่ปลอดภัย ไม่ใช่ซีสต์อันตราย เราสามารถเสริมหน้าอกได้ครับและอีกอย่างหนึ่งก็คือผมจะทำเสริมหน้าอกซิลิโคนใต้กล้ามเนื้ออยู่แล้ว ไม่ได้ไปยุ่งกับเนื้อนม เพราะฉะนั้นภายหลังถ้าก้อนซีสต์มันมีการเติบโตใหญ่ขึ้น เราต้องการเจาะตรวจหรือว่าตรวจเช็กชิ้นเนื้อ เราก็สามารถผ่าตัดได้ปกติ แม้ว่าเราจะเสริมซิลิโคนไปแล้วก็ตาม

คำถาม 9 : อายุที่เหมาะสมในการเสริมหน้าอกและอายุเยอะเสริมอกได้ไหม
คำตอบ : อายุเกี่ยวกับการเสริมหน้าอกนะครับ ร่างกายก็คือให้เจริญเติบโตให้เต็มที่ก่อน ไม่ใช่ว่าเรายังเป็นวัยรุ่นอยู่เลย เนื้อนมเรายังไม่เจริญเติบโตเต็มที่แล้วมาเสริมหน้าอกก็อาจจะเกิดการเจ็บ แน่นหน้าอกได้ แนะนำอายุที่พร้อมก็คืออายุ 20 ปีขึ้นไป ส่วนอายุเท่าไหร่ที่ยังสามารถเสริมหน้าอกได้อยู่ อันนี้ก็แล้วแต่สุขภาพร่างกาย ถ้าอายุค่อนข้างเยอะ มีโรคประจำตัวเยอะ อันนี้ก็ไม่แนะนำให้เสริมหน้าอกครับ

คำถาม 10 : เสริมหน้าอกสูบบุหรี่ได้ไหม
คำตอบ : เสริมหน้าอกสูบบุหรี่ได้ไหม ความจริงก่อนที่จะมาเสริมหน้าอกเราควรจะงดบุหรี่นะครับ เพราะว่านิโคตินมันมีผลทำให้แผลไม่ดี ผิวหนังอักเสบได้ง่ายกว่าคนปกติ หลังเสริมหน้าอกไปก็ไม่แนะนำให้สูบบุหรี่อยู่ดี คือถ้าเลิกได้ก็เลิกไปเลย เพราะมันก็มีผลทำให้เกิดพังผืด แผลอักเสบหลังผ่าตัดได้ครับ

คำถาม 11 : เสริมหน้าอกกี่เดือนถึงจะเข้าที่
คำตอบ : ถามว่าหน้าอกจะเข้าที่สวยให้เนื้อเยื่อหายดีก่อน ประมาณ 2-3 เดือนขึ้นไปครับ หน้าอกจะเข้าที่ขึ้น แต่ว่าถ้าเราได้ดูแลตัวเองดี ใส่บรากระชับหน้าอก กินอาหารที่สะอาด คุณค่าทางอาหารสูง พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ทำงานหนัก ดูแลตามที่แพทย์พูดก็อาจจะเข้าที่เร็วมากขึ้นครับ

คำถาม 12 : เสริมหน้าอกพักฟื้นกี่วัน
คำตอบ : เสริมหน้าอกที่ Jarem Clinic ขอเวลาพักฟื้นอยู่กับบ้านสัก 2-3 วันก็เพียงพอครับ แต่ว่าถ้าจะไปทำงานเลยก็ขึ้นอยู่กับว่างานที่ทำนั้นเป็นงานอะไร ถ้าเราเป็นงานที่ค่อนข้างสบาย ไม่ได้ใช้แรงแขนเยอะ ไม่ได้ยกของหนักมากเกินไปก็สามารถเริ่มได้เร็ว แต่กรณีที่เป็นงานที่ต้องใช้แขนเยอะ ต้องใช้การขับรถตลอดเวลาก็ขอให้ 1-2 อาทิตย์ขึ้นไปครับ

คำถาม 13 : เสริมหน้าอกกี่วันถึงจะนอนตะแคงได้
คำตอบ : เรื่องนอนตะแคง ท่าทางการนอนนี่เป็นคำถามที่พบบ่อยมาก คุณผู้หญิงท่านใดชอบที่จะนอนตะแคง นอนคว่ำ ช่วงแรกนี่อาจจะลำบากหน่อยเพราะว่าถ้าหน้าอกยังไม่เข้าที่ การนอนตะแคงจะเป็นการทำให้เกิดความดันขึ้นในหน้าอก ซิลิโคนมีโอกาสพลิกได้ ให้เวลาสัก 2-3 สัปดาห์ขึ้นไปถึงจะเริ่มนอนตะแคง แต่ถ้าให้ดีใส่บราล็อกนมไว้เวลานอนตะแคงก็จะไม่เกิดแรงดัน

คำถาม 14 : ควรนวดหน้าอกตอนไหน
คำตอบ : การนวดหน้าอกถามว่าจำเป็นหรือเปล่า มีหลายทฤษฎีที่ว่าการนวดหน้าอกไม่ได้ช่วยอะไร การนวดหน้าอกก็ช่วยให้นมนิ่มขึ้น โดยส่วนตัวของผม การนวดหน้าอกจะเป็นการทำให้เนื้อเยื่อได้ผ่อนคลาย ทำให้น้ำเหลืองระบายได้ดี ผมจะแนะนำให้นวดหน้าอกเมื่ออาการเจ็บหายดีแล้ว บางคนก็อาจจะเริ่มได้เลยอาทิตย์แรกหรือว่าบางคนก็อาจจะเริ่มที่ประมาณ 1 เดือนครับ

คำถาม 15 : หลังเสริมหน้าอกทาน[^_^]และคอลลาเจนได้ไหม
คำตอบ : [^_^]ที่ผมแนะนำคนไข้หลังเสริมหน้าอกไปส่วนใหญ่จะเป็นวิตามินซี วิตามินบี ส่วนคอลลาเจนมีคนทานเพื่อให้ผิวพรรณเต่งตึง แต่คอลลาเจนมีการศึกษาแล้วว่าทำให้เกิดพังผืดในหน้าอกง่ายขึ้น ถ้าอยากจะทานคอลลาเจนจริงๆขอให้นมเข้าที่ก่อน ประมาณสัก 3 เดือนขึ้นไป แล้วก็คอลลาเจนที่ทานขอให้เป็นแบรนด์ที่เชื่อถือได้

คำถามเหล่านี้ก็เป็นคำถามเบื้องต้นที่ผมได้พบเจอกับคนไข้ของผม หากผู้ใดมีคำถามอื่นๆสามารถมาทัก Inbox หรือว่าเข้ามาปรึกษาที่ Jarem Clinic ได้ครับ
https://jarem.co.th/q-a-questions-about-breast-augmentation/

370
3 รูปแบบแห่งการใช้ชีวิต เพื่อทำธุรกิจออนไลน์


นักรบทดสอบกับตัวเองเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี เพื่อค้นหา ลักษณะนิสัย การคิด และการชีวิตแบบไหน ? ที่จะทำให้ทำธุรกิจออนไลน์ได้ประสบความสำเร็จ
3 รูปแบบของการใช้ชีวิตดังนี้
        1. นักวางแผน ทำธุรกิจออนไลน์ ต้องวางแผน ตามตำรา ตามที่เรียนมา
        2. นักบันเทิง ทำธุรกิจออนไลน์ แบบชิวๆ ตามอารมณ์ เน้นความสุขและ Feeling
        3. นักรบ ทำธุรกิจ ทำก่อนคิดทีหลัง ใช้เงินให้น้อย ล้มแล้วลุกใหม่ เอาบาดแผลสร้างวิสัยทัศน์

นักวางแผน
ฟังดูดี เหมือนจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่น่าจะเลือก และนักรบก็ใช้วิธีนี้ในการทำธุรกิจส่วนตัว เริ่มทำธุรกิจออนไลน์เป็นของตัวเอง แต่นักรบกลับพบว่า วิธีนี้ผิดอย่างสิ้นเชิงสำหรับคนเริ่มต้นธุรกิจ การเป็นนักวางแผนได้ ต้องผ่านการเป็นนักรบ เน้นลงมือทำมาก่อน เพราะ สิงที่เราวางแผน มันก็แค่ออกมาจากตำรา หรือแค่ไปฟังคนอื่นมาเท่านั้น ประสบการณ์จริงไม่มีเลย มันใช้ไม่ได้จริงในธุรกิจ การเป็นนักวางแผน ทำให้ผมรู้สึกโง่มากๆ เมือมารู้ทีหลังว่าสิ่งที่ทำมันไม่เวิร์ค มันห่วย ช้า และไม่ได้ผล อีกทั้งมันง่ายที่จะหาเหตุผลมาอ้างโน่นอ้างนี้ เวลาอยากเลิก หรือปลอบตัวเองไปวันๆอีกต่างหาก

นักบันเทิง
ทำธุรกิจแบบ ชิวๆ คิดว่าค่อยๆทำ ตามอารมณ์ เพราะ เคยเป็นนักวางแผน แล้วเครียด ทำอะไรก็ไม่เวิร์ค เหมือนที่คิด ที่อ่านมาจากตำรา แต่ใจก็อยากทำธุรกิจอยู่ เลยทำธุรกิจแบบตามอารมณ์ เน้นหาแรงบันดาลใจจากคนอื่น จากหนังสือ จากคำพูดและจากงานสัมมนาต่างๆ มันช่วยให้มีพลังเป็นพักๆ แต่เอาเข้าจริง พลังมันมาเร็วไปเร็ว สุดท้ายก็ไม่เวิร์คอยู่ดี ไม่ใช่เพราะสิ่งที่อ่าน สิ่งที่ฟังมามันไม่ดีหรอก มันเป็นเพราะเราต่างหากที่ไม่มีประสบการณ์โชกโชนเพียงพอ โอกาสเข้ามาก็ไม่เห็นและคว้าไว้ไม่ได้ หนำซ้ำความสามารถที่มีก็ไม่เพียงพออันเนื้องมาจากทำอะไรชิวๆไปวันๆ นั้นเอง

นักรบ
เน้นลงมือทำ ทำให้เร็ว ไม่วางแผน ใช้เงินให้น้อยที่สุด ล้มแล้วลุกใหม่ วิธีนี้เวิร์ค สุดๆ เพราะมันช่วยแก้ไขปัญหาสำคัญของนักธุรกิจมือใหม่ได้อย่างชะงัก ทั้งเรื่อง ความคิดที่แคบเกินไป, ประสบการณ์ที่น้อย และความชำนาญแบบพื้นๆ การลงมือทำจะช่วยเติม ความคิดให้มองกว้าง, ประสบการณ์ให้โชกโชน และความชำนาญ ปราดเปรื่อง ยิ่งทำ ยิ่งเก่ง ยิ่งทำยิ่งแก้ไขปัญหาได้ ถึงแม้เจ๊ง ก็ใช้เงินน้อย เดือนหน้าเอาใหม่ ลุกใหม่ได้ มันเวิร์คสุดๆ ทำให้ความสามารถโตเร็วแบบพรั่งพรู การเคลื่อนไหว ทั้งร่างกาย การกระทำ ความคิด และสมอง มันแล่นเร็วกว่าปรกติอย่าน้อย 1.5-2 เท่า ทำให้มีเวลามากว่าคนอื่น และมีเวลามากกว่าตัวเองในอดีตมากมาย นั้นก็เพราะเราเคลื่อนไวเร็ว คิดเร็วนั้นเอง

ความสามารถในการลงมือทำเร็ว ทำให้มีความมั่นใจสุดๆ ว่าจะชนะและก้าวเป็นอับดับ 1 ในสิ่งที่ทำได้
และเมื่อทำไปมากเข้า คุณภาพของงานจะดีขึ้นเอง มันจะวางแผนได้เป็นอัตโนมัติเอง ไม่ต้องคิดมากเลย เพราะทำเยอะ ลุยเยอะ แก้ไขปัญหาเยอะนั้นเอง มันเป็นเหตุเป็นผล ทีเข้าใจได้ง่ายทีเดียวทำให้นักรบ ค้นพบสูตรสำเร็จของวิธีคิดในการทำธุรกิจเข้าให้แล้ว

นักรบเชื่อว่า สูตรสำเร็จของวิธีคิด มีอยู่จริง และวิธีคิดที่ดีจะสร้างสูตรสำเร็จของวิธีการได้เรื่อยๆ และปรับเปลี่ยนได้เรื่อยๆ ให้ทันยุคทันสมัย ส่งผลต่อให้เขาเป็นผู้นำทางความคิดและการกระทำในสาขาธุรกิจที่ทำอยู่ได้

สูตรสำเร็จของวิธีคิดมีอยู่จริง
เพราะเราเห็นคนที่เคยประสบความสำเร็จแล้ว ก็ประสบความสำเร็จอีก ด้วยพื้นฐานวิธีคิดที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหา การเข้าใจลูกค้า และการทำการตลาด รวมทั้งภาพรวมในการทำธุรกิจ สิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ถูกฝึกปรือมาอย่างดี ผ่านความล้มเหลว ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ทำให้เข้าใจว่า เราจะสามารถหาสูตรสำเร็จของวิธีคิดในการแก้ไขปัญหาได้ ต้องผ่านการลงมือทำมาเยอะพอสมควร และปัจจัยที่ทำให้ลงมือทำเยอะ ก็คือความเร็วในการลงมือทำนั้นเอง

ความเร็วในการลงมือทำ
อยู่ในแทบทุกๆคำพูดของคนทำธุรกิจขนาดเล็ก หรือคนที่เริ่มต้นในการทำธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จแล้วบ้าง ความเร็วในการลงมือทำ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เกิดผลงานเยอะเท่านั้น และยังส่งผลทางอ้อม ขจัดปัญหาพื้นๆ ที่คนส่วนใหญ่ติดอีกด้วย เช่น ความขี้เกียจและความกลัว โดย 2 สิ่งนี้สร้างความเครียดให้คน ก่อนที่จะได้ทำซะอีก ความเร็วในการลงมือทำ ส่งผลให้ทำงานได้ออกมาอย่างมากมาย ถึงแม้ช่วงแรก จะไม่ดีที่สุด แต่มันได้ลองผิดลองถูก และเรียนรู้อย่างรวดเร็ว จนตกผลึกทางความคิด วิธีการ และความชำนาญในสิ่งที่ทำไปพร้อมๆกัน ด้วยความเร็วนี้ ส่งผลให้นักรบ พัฒนาฝีมืออย่างเร็วมากๆ และทำให้อะไรต่อมิอะไรได้อย่างคล่องแคล่ว เสมือนทหารในสนามรบก็มิปาน

หากนักรบจะบอกเคล็ดลับเพียง 1 ข้อ ที่เป็นอาวุธลับส่วนตัว สิ่งนั้นคือ " ความเร็ว ในการลงมือทำ "
https://warrior.in.th/warrior-life/3-styles-of-living-to-do-business-online/

371
ผลลัพธ์ – 5 คนทำธุรกิจส่วนตัวออนไลน์ ดีใจที่นักรบมีส่วนช่วยครับ


ภูมิใจที่มีส่วนช่วยใครหลายๆคนผ่านคอร์สเรียนและบทความให้ความรู้การทำการตลาดออนไลน์ครับ จริงๆแล้วก็มีหลายคนที่อยากจะแนะนำ แต่วันนี้ขอพูดถึงเพียงเท่านี้ก่อนครับ อ๋อ ลืมบอกไป นักรบอาจจะมีส่วนช่วยเหลือบ้าง เช่นการทำเว็บไซต์ หรือแบ่งปันความรู้ในคอร์สเรียนครับ โดยทั้ง 5 ท่านนั้นมีทักษะที่จำเป็นอื่นๆ และมีความสามารถอื่นๆติดตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งมีส่วนช่วยเป็นอย่างมากที่ทำให้ทำธุรกิจส่วนตัวออนไลน์ของแต่ละท่านได้ผลดีครับ

ท่านที่ 1 : พี่หลินและพี่ต้น เรียนจีนให้ได้จีน

วันแรกที่เจอ เราแลกเปลี่ยนคอร์สเรียนซึ่งกันและกัน ทำให้ได้ความรู้ อีกทั้งยังได้รับทำเว็บไซต์ให้กับพี่หลินอีกด้วยครับ โดยก่อนหน้านี้พี่หลินใช้เว็บไซต์ของ blogspot.com อยู่ครับ นักรบจึงแนะนำระบบเวิร์ดเพรสให้ เพราะเห็นว่าพี่ต้นซึ่งเป็นแฟนพี่หลินนั้น มีศักยภาพในการดูแลเว็บไซต์นี้ครับ

ท่านที่ 2 : น้องพัน Nine100.com

น้องพันเป็นผู้เรียนคอร์สเรียน SEO รุ่นแรกๆเลยของนักรบครับ มีความตั้งใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทำเพจนายร้อยด้วยการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการสอบเข้านายร้อย ทำให้มีคนติดตามในแฟนเพจทะลุหลักแสนภายใน 1 สัปดาห์ทีเดียวครับ ซึ่งความสามารถในการแบ่งปันความรู้นี้นั้น เป็นความสามารถของทีมงานและตัวน้องพันเองครับ ส่วนนักรบดีใจที่มีส่วนช่วยในการรับทำเว็บไซต์และแบ่งปันความรู้ในคอร์สเรียนให้คร๊าบบบ

ท่านที่ 3 : คุณหนุ่ม เกษตรอินทรีย์

คุณหนุ่มคือเพื่อนใน Facebook ครับ และได้เห็นผลงานการทำเว็บไซต์และวีดีโอเกี่ยวกับ ” ทุกเรื่องราวการทำเกษตรอินทรีย์ ” ซึ่งเรื่องนี้นักรบเองยังไม่เห็นใครทำเป็นจริงเป็นจังเท่าคุณหนุ่ม อีกทั้งยังทำเว็บไซต์และเนื้อหาออกมาได้มากมายพอที่จะเก็บอยู่ในเว็บไซต์อีกด้วยครับ ดูแล้วน่าอ่านมากๆ ดีใจที่คุณหนุ่มบอกว่า บทความของนักรบมีส่วนช่วยให้คุณหนุ่มสร้างเว็บไซต์นี้ได้สำเร็จอีกด้วยคร๊าบบ

ท่านที่ 4 : เชฟหมวย สอนทำสลัด

เชฟหมวย คือ คนที่นักรบช่วยเหลือมากที่สุดครับ โดยจะช่วยในเรื่องการสร้างเว็บไซต์เวิร์ดเพรส, การถ่ายรูป, ตกแต่งรูปประจำบทความ, อัดวีดีโอ และเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์แบบครบวงจรอีกด้วย เนื่องจากเชฟหมวยมีต้นทุนที่ดีในเรื่องการทำอาหารอยู่แล้วครับ นักรบจึงช่วยฝึกให้เชฟหมวยสามารถเขียนบทความและเผยแพร่บทความวิธีการทำอาหารได้เอง จนได้รับการแชร์สูงถึง 18,000 เฟสบุ๊คแชร์ และติดกะทู้ Trend ใน Pantip คร๊าบบ

ท่านที่ 5 : น้องขวัญ Bathmetender

น้องขวัญเป็นลูกเจ้าของโรงงานผลิตน้ำยาทำความสะอาดครับ และก็ได้ออกสินค้าของตัวเองเป็นผลิตภัณฑ์แชมพูออร์แกนิค ซึ่งน้องขวัญออกแบบและจัดทำข้อมูลเองหมดเลย เก่งมากครับ อีกทั้งน้องขวัญยังขยันเรียนกับคอร์สเรียนของนักรบมากกว่า 4 คอร์สแล้ว นักรบเลยขอฟังรีวิวจากน้องขวัญมาคร๊าบบบ น้องขวัญ : ” ได้มีโอกาสเรียนคอร์ส SEO, Adwords, WordPress: The7 กับทางนักรบ ได้ความรู้เยอะมากๆในแต่ละคอร์ส คุณนักรบรวบรวมเทคนิคที่จำเป็นไว้ให้มากมาย อัดแน่นภายในวันเดียว ครบเกือบทุกอย่างที่ผู้ประกอบการในยุค Digital Marketing ควรเรียนรู้ ขอบคุณมากๆนะคะ ”

กล่าวตอนท้าย
นี้เป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งที่นับรบพอจะหยิบยกมาได้บ้าง เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับเรื่องราวที่นักรบได้มีส่วนช่วยเหลือไม่มากก็น้อย โดยจะเห็นได้ว่าแต่ละท่านมีต้นทุนที่เป็นความชอบ ความรัก ทักษะที่ทำดีอยู่แล้ว นักรบเพียงเพิ่มในส่วนของเว็บไซต์และการตลาดออนไลน์ให้ครับ
https://warrior.in.th/seo-goal/five-online-business-owner/

372
สวัสดีค่ะ ชื่อพี่จุ๋มนะคะ ปัจจุบันทำธุรกิจหลังคาเมทัลชีทนะคะ แล้วก็งานเหล็กทุกประเภท ตอนนี้ทำแบรนด์ Delita Acela 3B แล้วก็ Whey Isolate ซึ่งเป็นแบรนด์ของตัวเองนะคะเป็นเกี่ยวกับเวย์โปรตีนค่ะ

คำถาม : ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงที่พบเจอ
คำตอบ : ตอนแรกคือชั้นตาของพี่จุ๋มมันตกลงมานะคะ รู้สึกว่ามันไม่เท่ากันชัดเจนแต่อดทนมาประมาณ 2 ปีค่ะ แล้วก็เริ่มศึกษาหาข้อมูล เสิร์ชข้อมูลจากทางอินเตอร์เน็ต Pantip แล้วก็วงใน หาหลายๆที่แล้วเริ่มหาชั้นตาที่เวลาที่คุณหมอทำออกมาแล้วแบบว่าเราถูกใจ พอใจ ก็เลยตกลง Consult กับทางคุณหมอยุ้ยที่ Jarem Clinic ค่ะ

คุณหมอพูดได้ตรงประเด็นมาก แบบพี่จุ๋มประทับใจมากเพราะว่าคุณหมอวิเคราะห์ตาพี่จุ๋มอย่างละเอียดมาก คุณหมอบอกว่าพี่จุ๋มไม่จำเป็นต้องทำตาทั้งสองข้างเพราะเป็นแค่ข้างเดียว คุณหมอแบบมีความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดแล้วก็ประเมินชั้นตาค่ะ

คำถาม : ทำไมตัดสินใจแก้ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงกับจาเรมคลินิก
คำตอบ : และสิ่งสำคัญในการที่พี่จุ๋มเลือกทำตากับคุณหมอยุ้ยที่คลินิกจาเรมเลยนะคะ เพราะว่าพี่จุ๋มมั่นใจค่ะว่ายังไงการแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงของพี่จุ๋ม พี่จุ๋มจะได้รักษากับคุณหมอยุ้ยโดยตรง ซึ่งท่านเป็นจักษุแพทย์ ซึ่งจะไม่เหมือนกับที่อื่นที่เราแบบระบุหมอไม่ได้

คำถาม : ใช้เวลาทำนานไหม ความรู้สึกหลังทำเป็นอย่างไร
คำตอบ : วันที่ผ่าตัดพี่จุ๋มใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง คือจำได้เลยว่าช่วงให้ท้ายๆแล้ว มุมมองครั้งแรกที่เห็น เหมือนเราได้ดวงตาใหม่เลย หลังจากที่เราผ่าตัดเสร็จแล้ว จะบอกว่าวันนั้นกลับไปไม่มีรอยช้ำเลยนะคะ คือลูกก็ยังไม่รู้ว่าเราไปทำตามา จนอีกวันนึงถึงจะมีอาการช้ำ รักษาอาการช้ำประมาณแค่ 15-16 วันค่ะ หลังจากนั้นตาพี่จุ๋มก็โอเคแล้ว เดือนนึงนี่แบบก็สวยงามแล้วค่ะ

คำถาม : ปัจจุบันชีวิตหลังทำเป็นอย่างไร
คำตอบ : ปัจจุบันใช้ชีวิตได้แบบว่าดีมาก ชั้นตาเราสวยขึ้น การมองเห็น มุมมองชัดเจนขึ้นแล้วก็กว้างขึ้น การใช้ชีวิตเนี่ยช่วยเหลือได้มาก การขับรถหรืออะไรแบบนี้ค่ะ มันมองเห็นชัด เราไม่ต้องแบบเอียงข้างไปมอง ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นมากๆค่ะ แล้วก็ประทับใจกับทั้ง Jarem Clinic เลยค่ะ คือทั้งให้คำปรึกษาแล้วก็ดูแลรักษา แล้วก็หลังการมารับการรักษาก็แบบว่าดูแลอย่างดีเลยค่ะ

คำถาม : ข้อคิดที่ได้หลังจากการแก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
คำตอบ : อันดับแรกสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงแล้วเนี่ย อย่าทิ้งไว้นะคะ อย่างที่สองคือสิ่งที่คุณจะต้องทำคือคุณต้องหาคลินิกหรือว่าโรงพยาบาลหรือสถาบันที่มีจักษุแพทย์ ขอแนะนำว่าให้เป็นจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษากล้ามเนื้อตาอ่อนแรงนะคะ ที่จุ๋มตัดสินใจเลือกคุณหมอยุ้ยเพราะว่าอย่างที่บอกไป ว่ายังไงก็คือได้รับการรักษากับคุณหมอยุ้ยโดยตรง คุณหมอยุ้ยเป็นคนผ่าตัดให้เราโดยตรง ฝากจาเรมคลินิกไว้ด้วยนะคะ

สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องกล้ามเนื้อตาอ่อนแรงหรือคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับชั้นตานะคะ สำคัญนะคะคือต้องรักษากับจักษุแพทย์เท่านั้นนะคะ สำหรับวันนี้ก็ขอขอบคุณนะคะแล้วก็สวัสดีทุกคนนะคะ
https://jarem.co.th/reviews-ptosis-surgery-8/


373
อุปกรณ์เริ่มต้นสร้างคอร์สออนไลน์ SEO


อุปกรณ์สำหรับการสร้างคอร์สออนไลน์ SEO นักรบใช้เพียง Notebook และไมโครโฟนดีๆก็เพียงพอ แต่ถ้าอยากให้ใช้งานได้ดีและคล่องตัวขึ้น ก็ซื้อกล้อง Webcam เพิ่มอีกสักตัว จะทำให้อัดภาพผู้สอนชัดเจนมากยิ่งขึ้น อยากรู้ว่าอุปกรณ์สร้างคอร์สออนไลน์มีอะไรบ้าง ก็เลื่อนอ่านด้านล่างกันได้เลยครับ

Notebook หรือ PC และ ไมโครโฟนเสียงดีๆสักอัน
ราคา Notebook จะอยู่ในช่วง 10,000 – 20,000 บาท ก็สามารถใช้งานได้แล้วครับ หรือใครจะใช้ PC ก็ได้นะไม่ว่ากัน


Webcam และ Mouse
ถ้าเว็บแคมที่มากับโน๊ตบุ๊คไม่ชัดดีพอ ให้มองหากล้อง logitech c920 ราคาประมาณ 3,500 บาท (มีรุ่นใหม่ออกมาแล้ว ลองเช็คดูนะครับ) ส่วนเม้าส์เลือกที่ชอบจะได้ทำงานได้ง่าย เอาแบบไร้สายก็ดีนะ
ภาพตัวอย่างใกล้ๆของกล้องเว็บแคม Logitech 920 ครับ

หูฟังพร้อมไมโครโฟน ก็ใช้ง่ายๆราคาแค่ 210 บาทเอง แต่ถ้าอยากได้เสียงชัดๆ แนะนำให้ซื้อไมแยกดีกว่าครับ

เมาส์ไร้สายราคาประมาณ 400 บาท

อุปกรณ์เท่านี้ก็เพียงพอที่จะเริ่มต้น “สร้างคอร์สออนไลน์ สร้างรายได้ Passive Income ” แล้วนะคร๊าบ อ๋ออย่างลืมใช้สัญญาณ Internet แรงๆด้วยนะครับ ส่วน Software ที่ใช้นั้นมีอะไรบ้าง วันหน้าจะมาบอกคร๊าบ
https://warrior.in.th/entrepreneur/how-to-prepare-hardware-create-courses-online/


374
เสริมหน้าอก กับหมอหลุยส์ Jarem clinic | วาไรตี้สุขภาพ เนชั่นทีวี


สวัสดีค่ะ สวัสดีครับ พบกับ รายการวาไรตี้สุขภาพดีนะครับเป็นประจำกับเราสองคน ภัสและพลอยนะครับ เราก็จะเอาเคล็ดลับในการดูแลสุขภาพมานำเสนอให้คุณผู้ชมได้นำไปปรับใช้กัน เพื่อที่จะได้สุขภาพดีตลอดเวลาครับ

ใช่แล้วค่ะ วันนี้เราพูดถึงเรื่องความสวยความงามพี่นภัส โดยเฉพาะผู้หญิงนะคะ เรื่องของรูปร่างเป็นเรื่องสำคัญ บางคนไม่มั่นใจในสรีระของตัวเอง หลายๆคนกำลังหาข้อมูลอยากจะทำหน้าอก จะได้ใส่อะไรก็ดูสวย วันนี้คุณผู้ชมห้ามพลาดเลยค่ะ เพราะว่าเราจะพูดคุยกับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญค่ะ เป็นศัลยแพทย์เฉพาะทางนะคะ ประจำ Jarem Clinic ค่ะ คุณหมอพลเดช สุวรรณอาภา หรือว่าคุณหมอหลุยส์นั่นเอง สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับคุณหมอครับ

คำถาม : วันนี้รู้สึกดีใจมากๆ เพราะว่าเป็นหนึ่งในสาวๆหลายๆคนที่อยากจะทำหน้าอกค่ะ เพราะว่าเราไม่มั่นใจในสัดส่วนของตัวเองคุณหมอ แต่ว่าคำถามแรกที่หลายๆคนมักจะถามกันเลยก็คือว่ามันเจ็บจริงๆหรือเปล่า เพราะว่ามีหลายคนพูดเลยบอกว่าทำหน้าอกเจ็บเหมือนโดนสิบล้อทับจริงๆแล้วเจ็บขนาดนั้นไหมคะคุณหมอ

คำตอบ : เป็นคำถามที่ผมต้องตอบคนไข้ทุกวัน นะครับว่าเจ็บจริงหรือเปล่า ขนาดนั้นหรือเปล่า สิบล้อทับหรือเปล่า คำถามนี้มันอยู่ที่หลายปัจจัยเหมือนกัน อยู่ที่สถานที่ที่คุณไปทำด้วยนะครับส่วนหนึ่ง วิธีการผ่าตัดก็เป็นผลที่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดด้วยหรือเปล่า

คือสมัยก่อนการผ่าตัดการทำหน้าอก พอเปิดแผลเข้าไปแล้ว คุณหมอก็จะใช้อุปกรณ์หนึ่งเป็นเหล็กอันใหญ่คล้ายๆเคียวนะครับ เข้าไปแล้วก็ปึ๊บๆๆ ทำพื้นที่อย่างรวดเร็วแล้วก็ใส่ซิลิโคนเข้าไป ซึ่งซิลิโคนก็จะใหญ่เท่าไหร่ก็เต็มที่เข้าไปเลย ใช่ไหมครับ ด้วยปัจจัยนี้ก็มีอาการเจ็บปวดเกิดขึ้นได้นะครับ

แต่ปัจจุบันการผ่าตัดวิธีการมันเปลี่ยนไปแล้ว ซิลิโคนก็เปลี่ยนไป ซิลิโคนดีขึ้น นิ่มขึ้น วิธีผ่าตัดเนี่ย การผ่าตัดเราก็เปิดทีละชั้นอย่างเบาๆนะครับ เปิดเข้าไป เปิดแผลเบาๆแผลเล็กๆเปิดเข้าไปแล้วก็เปิดกรีดทีละชั้นอย่างเนียนๆหยุดเลือดทีละเส้นเลือด เลือดไม่มีไหล ไม่มีออก การวางซิลิโคนให้เหมาะสมกับร่างกายแค่นี้เราก็ไม่เจ็บครับผม

คำถาม : แล้วปกติเวลาที่เสริมหน้าอก เวลาที่เราพาเข้าไป ซิลิโคนที่เราใช้มันจะไปอยู่ส่วนไหนของผิวหนัง
คำตอบ : อยากจะบอกทุกท่านว่าแผลรักแร้ ปานนม ใต้ราวนม แผลมันเป็นแค่ประตูทางเข้า พอเปิดเข้าไปแล้ว ซิลิโคนที่เราใส่เข้าไป เราสามารถวางไว้บนกล้ามเนื้อก็ได้ ใต้กล้ามเนื้อก็ได้นะครับ อันนี้คือบางคนอาจจะเข้าใจผิด อย่างเช่นแผลใต้ราวนมก็คือใต้กล้ามเนื้อ รักแร้คือเหนือกล้ามเนื้อซึ่งไม่ใช่นะครับ อย่างที่บอกแผลคือแผลนะครับ พอใส่เข้าไปเหนือกล้ามเนื้อ ใต้กล้ามเนื้อส่วนใหญ่จะวางไว้แบบนี้

ส่วนอีกวิธีหนึ่งก็คือใต้กล้ามเนื้อแต่ว่ามีบางส่วนออกนอกเหนือจากใต้กล้ามเนื้อออกมาเป็นเหนือกล้ามเนื้อ มันจะแฉลบกัน เราเรียกว่าเป็น Dual Plane นะครับ รูปแบบซิลิโคนในปัจจุบันถ้าดูจากรูปทรงก็เปรียบง่ายๆ ก็คือทรงกลมกับทรงหยดน้ำ แต่พอดูลึกเข้าไปอีกในแต่ละทรงก็จะมีความสูงความต่ำต่างกัน บางอันเป็นทรงกลมแต่ว่าเตี้ย กลาง พุ่งต่างกัน แล้วก็นอกเหนือจากนั้นก็เป็นเรื่องผิวนะครับ ผิวสัมผัส บางแบรนด์ก็จะมีเป็นผิวเรียบ ผิวทรายให้เลือก บางแบรนด์ แบรนด์ใหม่ๆแบรนด์ใหม่ตอนนี้ที่มาแรงก็มีผิวนาโนนะครับผม ซึ่งมันก็จะช่วยบรรเทาเรื่องพังผืด เรื่องอะไรต่างๆได้สัมผัสก็นิ่มเหมือนธรรมชาติมากขึ้น




คำถาม : แล้วยังมีปัญหาอะไรอีกคะที่อาจจะตามมาได้
คำถาม : เรื่องการไม่ธรรมชาติ คนไข้มาถามผมอยู่เรื่อยว่าทำหน้าอกอยากได้แบบธรรมชาติ ผมจะถามกลับไม่ธรรมชาติคืออะไร ไม่ธรรมชาติก็คือ มีหลาย ที่เข้าใจ ที่ถามกันเยอะๆก็คือ ที่คนไข้เพิ่งจะบอกก็คือความเป็นบล็อก เดินมารู้เลยว่าทำหน้าอก เห็นเป็นทรงชัดเจน เป็นทรงกลมบล็อกเลย หรือว่าเวลาผ่านไปนานๆเป็นริ้วขอบๆสัมผัสไม่ค่อยดี บางคนเห็นด้วยตาเปล่านะครับ มันมีปัจจัยก็คือคนเนื้อไม่ค่อยเยอะแล้วทำเป็นแบบเหนือกล้ามเนื้อก็อาจจะเกิดปัญหานั้นได้วิธีแก้ก็คือมาทำให้เป็นใต้กล้ามเนื้อ เลือกซิลิโคนที่เหมาะสมไม่ใหญ่เกินไปพอดีตัว ก็จะแก้ปัญหานี้ได้ครับ

คำถาม : อีกหนึ่งปัญหาที่หลายคนรู้สึกว่าน่าจะเป็นคำถามยอดฮิตกับคุณหมอเลยก็คือว่า ทำไปแล้วกลัวว่าจะเกิดพังผืดขึ้นบริเวณโดยรอบแล้วก็ในอนาคตจะต้องมาผ่าแล้วก็ต้องแก้ไข ทำใหม่
คำตอบ : การที่เราใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ไม่จำเป็นต้องเป็นซิลิโคนนมนะครับ ซิลิโคนจมูกก็ได้นะครับ พอใส่เข้าไปเซลล์ในร่างกายมันจะเห็นว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมแล้ว เค้าก็จะสร้างเซลล์ออกมาล้อมรอบสิ่งแปลกปลอมนั้นๆนั่นก็คือพังผืด เพราะฉะนั้นการเกิดพังผืดหน้าอกเกิดขึ้นทุกคนอยู่แล้วแต่ว่าที่บอกว่ามีปัญหานี่คือพังผืดที่เป็นปัญหานะครับ พังผืดที่เป็นปัญหาคืออะไร พังผืดจะแบ่งเป็นเกรด 1 2 3 4 ง่ายๆ เกรด 3 และ 4 ต้องรักษา เกรด 3 คือแข็งมาก แข็งเป็นหินเลย จับเหมือนจับหินเลยนะครับ ไม่ใช่ตึงๆแข็งมากเลย อันนี้ต้องรักษา ส่วนเกรด 4 คือนอกจากแข็งแล้ว แล้วเจ็บนะครับ บางทีเดินมานมคนละนั่นแล้วเพราะมันโดนดึงรั้งอย่างรุนแรง อันนั้นต้องรักษา การรักษาพังผืดก็คือต้องผ่าตัดใหม่ ใส่ซิลิโคนอันใหม่ เลือกชั้นที่เหมาะสมนะครับ การเกิดเนี่ยปัจจัยก็อยู่ที่ตั้งแต่ต้นเลย คือเราดูแลตัวเองดีไหม แพทย์ผ่าให้ดีหรือเปล่า ใช้ซิลิโคนที่เหมาะสมหรือเปล่า เราต้องควบคุม 3 ปัจจัยนี้ครับ



คำถาม : มีได้ยินมาอีกหนึ่งปัญหาคุณหมอ หน้าอกค่ะผิวแตกลายอันนี้เกิดจากอะไรคะเพราะบางคนทำให้ไม่มั่นใจในตัวเองไปเลยเวลาจะใส่เสื้อผ้า
คำตอบ : ครับ แตกลายก็มีถามเหมือนกัน เป็นคำถามที่ 1 ใน 10 เลย คำถามยอดฮิตเหมือนกัน ต้องดูก่อนนะครับว่าคุณแตกลายอยู่แล้วหรือเปล่า คนแตกลายอยู่แล้วจะเป็นคนที่อ้วนแล้ว[^_^]นะครับ คนที่มีลูกแล้ว แตกลายอยู่แล้ว ลายไม่ได้เพิ่มขึ้นครับ มันแค่ขยายมันก็จะเป็นลายสีขาวๆแต่ถ้าคุณแตกลายเสริมหน้าอกจะ เป็นลายสีแดงนะครับ การป้องกันก็คืออย่าใส่ใหญ่เกินไป แต่ว่าคุณหมอผู้เชี่ยวชาญที่ทำให้สามารถดูได้ ต้องตรวจก่อน

คำถาม : ถ้าหากว่าเสริมหน้าอกแล้วจะมีมะเร็งเต้านมเกิดขึ้นในอนาคตไหม เรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง
คำตอบ : ถ้าเสริมขึ้นไปแล้วเกิดมะเร็งขึ้นมาบางทีเค้าเข้าใจผิด เป็นมะเร็งเดียวกับที่มันเกิดขึ้นอยู่แล้ว ต้องตัดหน้าอก ซึ่งเป็นคนละตัวกันนะครับ อันนี้มีรายงาน 1 ต่อ 50,000 ถึง 1ต่อ 100,000 ที่เกิดขึ้นมาได้นะครับ แต่ว่าน้อยมากๆอยู่แล้วครับ แต่ว่ามันจะเป็นมะเร็งน้ำเหลืองซึ่งอยู่รอบๆซิลิโคนกับเนื้อนมเรานะครับ ไม่ใช่อยู่ในเนื้อนมเรา การรักษาก็ง่ายก็คือล้างให้หมด ตัดพังผืดออกให้หมด อาจจะต้องมีการให้รังสีหรือว่าเคมี แต่ว่าไม่มีถึงขนาดตัดหน้าอกแน่นอนครับ



คำถาม : มีโอกาสไหมคะคุณหมอที่ซิลิโคนจะแตกแล้วจะเป็นอันตราย
คำตอบ : ซิลิโคนแตกมีเกิดขึ้นได้ครับ ต่อให้ไม่ได้ทำอะไรก็มีรายงานว่ามันรั่วแตกได้เองเหมือนกัน ด้วยตัวของซิลิโคนเอง ไม่ว่าจะเป็นผิวเรียบหรือผิวทรายก็มีเกิดขึ้นได้ หนึ่งก็คือถ้ามันแตกขึ้นมาแล้วไม่ต้องกังวลไป มันอยู่ในผังผืดนั้นนั่นแหละ มันไม่ได้ไปไกลหรือว่าไปไหน

คำถาม : มันจะมีอาการบ่งบอกไหมคะคุณหมอ
คำตอบ : นมอาจจะผิดรูปขึ้นได้นะครับ แต่บางคนก็ไม่รู้เลยเพราะว่าเนื้อนมเราเยอะ ถามว่าแตกไหมแต่ว่าไม่มีปัญหาก็คือเราอาจจะต้องมาตรวจเช็ก Ultrasound ทำ Mammogram หรือว่าทำ CT Scan ดู แต่ถ้ามันไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเราก็เปลี่ยน ถ้าไม่ผิดรูปนะครับ

สำหรับคนที่สนใจจะเสริมหน้าอกนะครับ ก็อยากจะบอกว่าเราต้องรู้ก่อนว่าตัวเราเองอยากจะเสริมหน้าอกไปเพื่ออะไร แล้วต้องคุยกับแพทย์ เลือกแพทย์ที่ดีที่ให้คำแนะนำได้ แล้วเราจะได้รู้ว่าไซซ์ไหนเหมาะสมกับเรา วิธีการผ่าตัดอย่างที่บอกไปแล้ว มันสำคัญ มันมีผลในระยะยาว เราต้องดูด้วยว่าเราจะใช้วิธีผ่าตัดแบบไหนครับ แต่นอกเหนือนั้นก็การดูแลตัวเอง เตรียมตัวและการดูแลหลังผ่าตัดก็สำคัญครับ

โอโห วันนี้เราได้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำหน้าอกเยอะเลย เชื่อว่าเป็นประโยชน์กับคุณผู้ชมโดยเฉพาะสาวๆ ท่กำลังคิดตัดสินใจและหาข้อมูลจะทำหน้าอกนะคะ ต้องขอบคุณคุณหมอมากค่ะ แต่ว่าคุณผู้ชมคะ พรุ่งนี้คุณหมอยังอยู่กับเรา ยังมีข้อมูลอีกหลายอย่างที่เกี่ยวกับการทำหน้าอกที่น่าสนใจ ห้ามพลาดนะคะ

สวัสดีค่ะ สวัสดีครับ พบกับรายการวาไรตี้สุขภาพดีนะครับ พบกับเราสองคนเช่นเคย ภัสและพลอยนะครับ รายการของเราก็จะแนะนำเคล็ดลับในการดูแลตัวเองให้คุณผู้ชมมีสุขภาพที่แข็งแรงอยู่ตลอดเวลาครับ

ใช่แล้วค่ะ เมื่อวานนี้เราพูดคุยถึงเรื่องการทำหน้าอก ถึงปัญหาที่พบบ่อยหลังทำหน้าอกค่ะ วันนี้เราจะมาคุยกันว่าเราต้องเตรียมตัวอย่างไร ก่อนและหลังทำหน้าอกนะคะ ยังคงอยู่กับคุณหมอหลุยส์ค่ะ นายแพทย์พลเดช สุวรรณอาภา ศัลยแพทย์เฉพาะทางประจำ Jarem Clinic ค่ะ สวัสดีคุณหมอค่ะ / สวัสดีครับ

คำถาม : คุณหมอครับถ้าพูดถึงการทำหน้าอกแล้ว การเสริมหน้าอกแล้ว มีข้อปฏิบัติก่อนและหลังการเสริมอย่างไรบ้างครับ
คำตอบ : ครับ อันนี้การทำหน้าอกก็เป็นการผ่าตัดอันนึงนะครับเพราะฉะนั้นการเตรียมตัวและการดูแลหลังผ่าตัดก็เป็นสิ่งสำคัญ ส่วนการทำหน้าอกส่วนตัวผมก็เตรียมเหมือนการผ่าตัดทั่ว ๆ ไป ก็ต้องมีการตรวจร่างกาย ซักประวัติคนไข้ก่อน แล้วก็เช็กแล็บ เช็กเลือดนะครับ ถ้าแบบมาเจอแพทย์หรือว่าเจอคนที่ปรึกษาแล้วทำเลย แบบนี้ผมว่าไม่ถูกต้อง ก็ต้องคุยก่อนว่าเค้ามีโรคประจำตัวอะไรไหม อันนี้สำคัญอย่าโกหกมีโรคประจำตัวหรืออะไรบอกให้หมดเลยนะครับ

ผมก็จะตรวจร่างกาย ไปดูว่ามีโรคประจำตัวอะไรไหม แล้วก็มีการเตรียมตัว ไม่ใช่ทำวันนั้น เพราะว่าต้องใช้วิสัญญีดมยาสลบ ต้องมีการงดน้ำงดอาหาร บางคนที่มีโรคประจำตัวที่แบบเป็นเช่นเป็นกรดไหลย้อน อาจจะงดน้ำงดอาหารไม่ได้ เราก็ต้องคุยไปว่าเราทำไม่ได้ บางคนทานยาละลายลิ่มเลือดอยู่ เป็นโรคหัวใจอะไรแบบนี้นะครับ ก็ทำผ่าตัดไปเลือดอาจจะออกเยอะ ก็ทำไม่ได้เหมือนกัน มันมีหลายกรณี คนเป็นเบาหวานมีน้ำตาลเยอะ เราก็ไม่รู้นะครับ เราต้องเจาะเลือดก่อน เราถึงจะรู้ว่าเค้าเป็นจริงหรือเปล่าใช่ไหมครับ ถ้าไม่ได้มีการเจาะเลือด เราก็ไม่รู้ พอเป็นอันนี้แผลก็หายช้า อันนี้ก็อันตรายเหมือนกัน

คำถาม : ขณะที่ทำหน้าอกเรารู้สึกตัวไหมคะ
คำตอบ : การทำหน้าอกในปัจจุบันนะครับ ถ้าดูในอินเตอร์เน็ต ทำไมบางที่ก็ตื่น ไม่ต้องหลับ บางที่ก็สลบ แต่ผมอยากจะบอกว่ามันมีได้ 2 แบบ คือคุณจะทำแบบ Awake เรียก Awake คือฉีดยาชาทำได้ รู้สึกตัว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการทำแบบเนี่ยกล้ามเนื้อซึ่งก็ไม่ค่อยเจ็บ สามารถรู้สึกตัวได้ สำหรับคนที่กลัวดมยาสลบก็จะผ่าตัดได้นะครับ กับอีกแบบหนึ่งก็คือดมยาสลบ แต่บางที่บอกว่าสลบแต่ไม่ได้สลบจริง ๆ ฉีดยาหลับ อันตรายมากเลยครับ ไม่มีใครดูแลนะครับ อาจจะให้ผู้ช่วยหรือว่าพยาบาลที่ไม่เชี่ยวชาญฉีดยาแล้วก็หลับ แล้วก็บอกคนไข้ว่าเป็นการดมยาสลบ ไม่ใช่นะครับ การดมยาสลบที่ถูกต้องต้องมีการดูแลโดยวิสัญญีแพทย์ ไม่ใช่ใครก็ได้ทำ แล้วก็ต้องมีการใส่ Oral Airway ใส่ท่อช่วยหายใจอย่างดี ต้องมีคนมอนิเตอร์คนไข้ตลอดเวลาที่หัวคนไข้ ผมก็จะได้ผ่าตัดได้อย่างสบายใจ ไม่ใช่แพทย์เป็นคนที่ดมยาสลบให้ ผ่าไปมองไป ผ่าไปมองไป ก็อย่างที่เป็นข่าวที่ว่ามีปัญหาหลับไม่ตื่นก็มีใช่ไหมครับ

คำถาม : ทีนี้ความน่ากลัวล่ะครับคุณหมอ พอพูดถึงการผ่าตัดหน้าอกนะครับ หลายคนก็กลัวถึงแม้ว่าจะต้องดมยาสลบก็ตาม แต่ก็ยังกลัวอยู่ จริง ๆ แล้วมันน่ากลัวขนาดนั้นไหมครับ
คำตอบ : น่ากลัวขนาดนั้นไหม ผมคิดว่าถ้าเลือกสถานที่ที่ดี ได้คุยกับคุณหมอก่อน เรามั่นใจคุณหมอ เราได้ศึกษามาดี ผมว่าความน่ากลัวอาจจะน้อยลงจนอาจจะไม่น่ากลัวเลยก็ได้ อย่างเช่นคนที่มีประสบการณ์ในการทำศัลยกรรมมาบ้างแล้ว เช่นแบบผู้หญิงที่เคยผ่าตัดคลอดมาแล้ว เคยผ่าตัดอะไรมาแล้ว ผมว่าสบายมากครับ

คำถาม : แล้วมีการปฎิบัติตัวอะไรบ้างที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหรือว่าต้องเตรียมตัวเตรียมใจเป็นพิเศษคะ
คำตอบ : อาจจะต้องเป็นการเตรียมความพร้อมมาด้วยส่วนหนึ่ง อย่างเช่นเราอาจจะต้องลางานนะครับ หยุดงาน แล้วก็มีคนคอยดูแลตอนกลับ อาจจะมีคนคอยพากลับไม่ใช่กลับเองคนเดียวนะครับ อาจจะมีอาการมึนยาอะไรอยู่ก็อันตรายไป



คำถาม : เวลาในการพักล่ะคะ นานแค่ไหน บางคนอาจจะแพลนว่า ฉันจะลางานประมาณเท่าไหนดีเพื่อพักฟื้นตัวเอง
คำตอบ : อันนี้ต้องถามก่อนว่าทำงานอะไร ถ้าทำงานที่ไม่ได้หนักมาก อย่างเช่นนั่งเคาน์เตอร์ ทำงานโต๊ะเอกสารที่ไม่ได้ใช้แรงแขนแรงอะไรมาก ผมว่าประมาณสัก 3-5 วันก็โอเคแลเว แป๊บเดียวเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่ว่าคุณผ่าตัดแบบไหนนะครับ ผ่าตัดรุนแรงไปไหม ใส่ใหญ่ไปหรือเปล่า ถ้าอย่างที่วันก่อนที่ผมได้พูดไว้ ถ้าทำแต่พอดี อาการฟื้นตัวก็เร็วขึ้น

คำถาม : ทีนี้ข้อปฏิบัติหลังจากที่เสริมหน้าอกเสร็จแล้วล่ะครับคุณหมอ วิธีการดูแลต้องทำอย่างไรบ้าง
คำตอบ : การปฏิบัติหลังเสริมหน้าอกก็จะแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะยาว ระยะสั้น เราก็อาจจะต้องพักผ่อนนะครับ พักผ่อน แล้วก็ดูแลทำความสะอาดแผลตามที่แพทย์บอก แต่ถ้าเวลาผ่านไป เมื่อเราอาการเจ็บน้อยลง หน้าอกนิ่มขึ้น สามารถขยับได้ จับได้โดยไม่เจ็บ เรื่องการนวดก็สำคัญ แม้ว่าปัจจุบันจะมีทฤษฎีที่บอกว่าทำหน้าอกไม่ต้องนวด ก็ถูก ถ้าเป็นซิลิโคนที่ดี มีมาตรฐาน ผ่าตัดดีก็อาจจะไม่จำเป็น แต่โดยส่วนตัวผมการนวดก็จะทำให้ผ่อนคลาย ทำให้เนื้อนิ่มขึ้น ทำให้น้ำเหลืองไหลเวียนดีขึ้น ผมว่ามันก็ช่วยด้วยส่วนหนึ่ง ส่วนตัวผมแนะนำที่ 1 เดือนค่อยเริ่มนวดนะครับ อาจจะนวดด้วยตัวเอง นวดที่ร้าน หรือว่านวดที่คลินิก แต่เรื่องนวดที่ร้านนี่สำคัญมาก บางคนอาจจะเคยได้ยินว่านวดเพื่อสลายพังผืด ใช่ไหมครับ ไม่มีทางครับ ขอพูด ณ ที่นี้เลยว่า พังผืดแข็งและเหนียวมากเลย มีดผ่าตัดผมยังกรีดจะไม่ค่อยขาดเลย หมายความว่านวดแล้วสลายไม่ได้จริงๆ นวดไม่มีทางสลายได้ครับ แต่ว่าคุณอาจจะได้ยินคำว่าไปนวดป๊อกนมที่ทำให้นมนิ่มขึ้น อันนั้นคือซิลิโคนแตกไปแล้ว นวดจนซิลิโคนแตก ก็เลยดูนิ่ม แต่ว่าซิลิโคนมันยังอยู่ในพังผืดมันเลยไม่เสียรูปไงครับ อย่างที่ผมเล่าให้ฟัง มันก็เลยดูนุ่ม แต่ไม่มีครับนวดเพื่อสลายพังผืด แต่นวดเพื่อป้องกันพังผืด ทำได้ ก็คือเราควรจะรีบทำตั้งแต่ก่อนที่มันจะปล่อยไประยะยาวครับ


คำถาม : เวลาที่เรากลับมาจัดการที่เสริมหน้าอกเสร็จแล้ว เราควรที่จะนอนลักษณะแบบไหน นอนราบลงไปได้เลยหรือว่าต้องกึ่งนั่งกึ่งนอน
คำตอบ : อันนี้คนไข้นอนราบไม่ไหวอยู่แล้วเพราะว่าคนไข้จะเจ็บแล้วก็จะลุกตัวลำบากนะครับ ผมว่าเราเริ่มต้นที่นอนด้วย 45 องศาก่อน อาจจะมีหมอนอิงสักพัก สัก 1-2 อาทิตย์ ถ้าไหว ถ้าเรานอนแล้วเราไม่เจ็บแผลแล้ว เราก็อาจจะเอนตามลำดับเข้าไปได้ แต่ว่าการนอนเนี่ย เราอาจจะกลัวเรื่องตะแคงมากกว่า เช่นถ้าตะแคงแล้วจะไปโดนทำให้นมผิดรูปได้ในช่วงแรก บางกรณีถึงขนาดซิลิโคนพลิกได้เลยนะครับ เพราะฉะนั้นอาจจะต้องใส่ซัพพอร์ตบราที่ล็อกหน้าอกไว้แน่นๆอาจจะเป็นเรียกว่า Post Op Bra มากกว่า แล้วก็สามารถอาจจะนอนตะแคงได้บ้างเป็นบางเวลา แต่อย่านอนตะแคงหรือว่าคว่ำตลอดเวลาครับ

คำถาม : เมื่อสักครู่คุณหมอพูดถึงบราพอดีเลย เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆนี่แนะนำให้ใส่บราลักษณะไหนถึงจะกลับมาใส่บราปกติได้
คำตอบ : ขอให้เป็นบราอะไรก็ได้ที่กระชับและไม่มีโครงนะครับ ก็คือให้แน่นล็อกไว้ไม่ให้นมส่ายไปส่ายมานะครับ ให้มันนิ่งเข้าไว้ เราอาจจะใช้เป็นพวกบรา สปอร์ตบราที่ดูแข็งแรง มีราคานิดนึง ไม่ใช่แบบยวบยาบๆแล้วก็ใส่ด้วยผ้า Bandage ที่พันเวลาปวดข้อศอกแบบนี้ ทำให้มันแน่นขึ้นครับ

คำถาม : ผ้า Bandage นี่ต้องใส่นานแค่ไหนคะคุณหมอ
คำตอบ : ส่วนตัวผมอยากให้ประมาณสัก 1-2 อาทิตย์ก็พอ


คำถาม : แล้วแบบนี้เวลาขับรถล่ะคุณหมอ บางคนต้องคอยกางแขนขับรถอยู่ตลอดเวลา มันจะเสี่ยงไหมครับ
คำตอบ : อันนี้เสี่ยงแน่นอนเลยครับ มีเคสที่มาปรึกษาด้วยว่าแผลเป็นใหญ่ แผลอักเสบหลังจากการไปขับรถเร็วนะครับผม เพราะว่าคุณขับรถมันต้องเอี้ยวตัวอยู่แล้ว มันต้องเลี้ยวพวงมาลัยอยู่แล้ว ไม่มีใครขับรถได้เบาได้แรง ขับจากบ้านไปที่ทำงาน ขับรถออกจากบ้านไปที่ตลาด คุณเลี้ยว ลองนับดูคุณเลี้ยวหลายครั้งมากนะครับ อาจจะเป็น 100 ครั้ง ต้องหมุนพวงมาลัย ยังไงมันโดนแผลอยู่แล้ว ผมขอ 1 เดือน งดขับรถก่อนนะครับผม

คำถาม : แล้วหลังจากนั้นถึงจะกลับมาขับได้แต่ก็อย่าเฟี้ยวฟ้าวมาก อย่าเลี้ยวแรงมากเกินไป ได้ยินคุณหมอแนะนำแบบนี้แล้ว สนใจอยากที่จะไปคุยกับคุณหมอดู คลินิกของจาเรมเองมีข้อดีอย่างไรบ้าง หรือว่ามีจุดเด่นอย่างไรบ้างครับ
คำตอบ : ผมก็คือจะทำโดยอิงคนไข้เป็นหลักนะครับ ก็คือว่าต้องได้คุยกับผมแน่นอนทุกเคส ไม่ใช่คุยกับเซลล์หรือว่าใครแล้วก็ขึ้นผ่าตัดเลย

คำถาม : ก็คือคุยกับคุณหมอโดยตรง
คำตอบ : ใช่ แล้วที่คลินิกผมก็มีผมเพียงคนเดียวที่เป็นศัลยแพทย์ ไม่ต้องกลัวว่าจะได้ผ่ากับแพทย์คนอื่น แพทย์ไม่มีก็คือคนน้อย เจอคนน้อย เจอผมอยู่แล้ว

การทำหน้าอกหรือว่าศัลยกรรมใดๆในปัจจุบัน ผมว่ามันค่อนข้างเปิดกว้าง ไม่ได้เหมือนในอดีตที่ทำหลบๆซ่อนๆ เพราะฉะนั้นในสื่อออนไลน์หรือสื่อในโซเชียลก็จะมีเยอะขึ้น มีรีวิวเยอะขึ้นนะครับ โฆษณาชวนเชื่อเยอะขึ้น ราคาก็มีแตกต่างกันไปตั้งแต่น้อยมากจนถึงแพงมาก แต่ไม่ใช่ว่าคลินิกที่ทำราคาแพงก็ใช่ว่าจะดี แต่ว่าต้องดูให้ดีๆ แต่ว่าราคาถูกเกินไปนี่ไม่ดีแน่นอนนะครับ

การทำราคาผมว่าอยู่ที่การตัดสินใจว่าจะเลือกซิลิโคนหรือว่าเลือกอะไรด้วย ไม่ใช่ว่าซิลิโคนมันเหมือนๆกัน แต่คนที่ทำให้ แพทย์ที่ทำให้มีประสบการณ์หรือเปล่า มีฝีมือหรือเปล่า ดูแลก่อนและหลังผ่าตัดให้เราดีหรือเปล่า ไม่ใช่ทำแล้วก็ทิ้งส่งนะครับ

ฉะนั้นเราต้องดูจุดนี้ด้วย ไม่ใช่ว่าดูแค่ซิลิโคน ซิลิโคนยี่ห้อเดียวกัน ราคาต่างกัน ทำไม ก็ต้องดูจุดนี้ อย่างเช่นก็ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนแบบทำอาหารถูกไหมครับ กุ้งตัวเดียวกัน แม่ค้าหน้าบ้านทำราคาเท่านี้ ทำไมกุ้งตัวเดียวกันทำร้านภัตตาคารมิชลินสตาร์นี่ราคาแพงมาก ทั้งๆที่เป็นวัตถุดิบเดียวกัน ก็อยากให้นึกถึงจุดนี้ไว้ด้วย ก็อย่าเพิ่งตัดสินใจเชื่อใครในราคาที่ถูกเกินไปครับ

โอโห วันนี้ต้องขอบคุณคุณหมอหลุยส์มากๆเลยนะคะ มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำหน้าอกอย่างชัดเจนเลยคุณผู้ชม และตามที่คุณหมอบอกนะคะ เราต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ไปพูดคุยกับคุณหมอ แล้วก็ดูสภาพร่างกายของตัวเองด้วย ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ
https://jarem.co.th/jarem-clinic-variety-health-nation-tv/ - https://www.thaifranchisecenter.com/forumboard/index.php?action=post;board=111.0



375
5 เหตุผล ทำไมเลือกทำการตลาดในกูเกิลเป็นหลักแทนเฟสบุ๊ค


กลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์มีมากกว่า 1 วิธี แล้ววิธีไหนล่ะ ที่จะเหมาะกับธุรกิจของเพื่อนๆ มีแต่ได้ทดลองทำกับตัวเองแล้วเท่านั้นถึงจะรู้ จริงไหมครับ วันนี้นักรบขอแชร์วิธีการทำการตลาดออนไลน์ของตัวเอง ว่าทำไมถึงเลือก Google เป็นหลัก และใช้ Facebook เป็นรองในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้

5 เหตุผล เลือกทำการตลาดในกูเกิลแทนเฟสบุ๊ค
        1. Facebook ลดอัตราการเข้าถึงของ Fanpage ลงไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดที่จุดไหน
        2. Facebook ปรับ algorithm ทุกครั้งที่มี Feature ใหม่ๆเข้ามา เพื่อให้คนแห่ไปใช้ทำให้คนทำเพจต้องเหนื่อยกับการวิ่งตามไม่หยุดหย่อน (กูเกิลก็ปรับ Algorithm  SEO เหมือนกัน แต่เนื่องจากนักรบจับทางการทำ SEO ได้แล้วจึงไม่มีปัญหา)
        3. หยุดโพสเมื่อไหร่ Engagement ของ Fanpage ลดลงเข้าใกล้ 0ในขณะที่ ถ้าเลือกทำ Google SEO ให้เว็บไซต์ ถึงเดือนนี้ทั้งเดือนไม่มีบทความใหม่ ก็ยังมีคนเข้าเว็บไซต์จากบทความ SEO เก่าที่ทำไว้ไม่มีลดลง
        4. หลายธุรกิจเริ่มทำ Content Marketing ในเฟสบุ๊คมากขึ้น คนทำธุรกิจรายย่อยเสียเปรียบในอนาคตแน่นอน ถ้าไม่เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) และสร้างเนื้อหาเฉพาะด้าน (Niche Content)
        5. Google มีระบบ Search ที่รองรับ Niche Content ดีกว่า Facebook

ความจริงแล้วยังมีอีกหลายเหตุผล แต่ทว่าเพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ตัดสินใจเลือกสร้างเนื้อหาเฉพาะด้านในเว็บไซต์ (Niche Content Site) เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ทำการตลาดใน Google และเสริมทัพด้วย Social Media ครับ เพื่อนๆละครับ มีวิธีการทำการตลาดออนไลน์อย่างไรบ้าง?
https://warrior.in.th/freelance-seo/marketing/5-reason-why-use-google-marketing/

376
5 ทักษะการขายของออนไลน์ และ Digital Marketing


ทักษะการขายของออนไลน์ และ Digital Marketing ให้ประสบความสำเร็จ แนะนำฝึกฝนทักษะเหล่านี้
        1. ทักษะการเป็นนักธุรกิจ
        2. ทักษะการสร้างเว็บไซต์
        3. ทักษะการออกแบบ
        4. ทักษะการเล่าเรื่อง
        5. ทักษะการตลาดออนไลน์
ทักษะด้านบัญชีเป็นสิ่งจำเป็น แต่มักจะจ้างบริษัทรับทำบัญชีทำ

เป็นเจ้าของธุรกิจที่มีเงินทุน จ้างมืออาชีพด้านต่างๆ เช่น
        1. Online Business Consult ที่ปรึกษาธุรกิจ
        2. Webmaster ดูแลและพัฒนาเว็บไซต์
        3. Graphic Designer ดูแลการออกแบบ
        4. Content Writer ดูแลเนื้อหา
        5. Online Marketeer นักการตลาดออนไลน์

แต่เดียวก่อน ถ้าจ้างครบ 5 คน อาจต้องใช้เงินสูงถึง 75,000 – 150,000 บาท/เดือน โดยยังไม่รู้ว่าจะได้กำไรเดือนไหน มนุษย์เงินเดือน หรือธุรกิจขนาดเล็กไม่จ้างคนเยอะแบบนั้นแน่

วิธีในการหาทางออกของทั้ง 5 ข้อนี้คือ
        1. เรื่องธุรกิจ มักจะหาความรู้เอง ผ่านหนังสือ สัมมนา และสื่อต่างๆ
        2. เรื่องเว็บไซต์ มักเลือกใช้บริการ eMarketplace แบบมี Shopping Cart เสร็จสรรพ โดยมักใช้คำค้นหาว่า :” เปิดร้านค้าออนไลน์ “   หรือจ้างคนทำเว็บในราคา 15,000 บาทขึ้นไปโดยเฉลี่ย
        3. เรื่อง Graphic หรือภาพประกอบต่างๆ มักจะออกแบบเอง, ถ่ายรูปเอง ตกแต่งเอง หรือซื้อภาพ หาภาพจาก Internet ถ้าลงทุนสูงหน่อยก็จ้าง Graphic Designer ทำให้เป็นงานๆไป
        4. เรื่อง Content มักจะทำแค่ตอนแรกเท่านั้น โดยใส่ข้อมูลทั่วไป และเวลาส่วนใหญ่ก็ใช้ไปกับการใส่สินค้าทีจะขาย
        5. เรื่องการตลาดออนไลน์ มักใช้วิธีลงโฆษณาผ่าน Google Adwords, หรือ Facebook Ads หากลงทุนหน่อยก็จ้างบริษัทรับทำโฆษณา เช่น จ้างทำ SEO เป็นต้น

หากมองผิวเผินก็พอจะทราบขั้นตอนที่หลายๆธุรกิจขนาดเล็กทำ โดยขั้นตอนส่วนใหญ่จะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดของเงิน เวลา และกำลังคนเป็นหลัก และขั้นตอนที่กล่าวมานี้มันมีจุดเสียเปรียบที่ทำให้ธุรกิจขนาดเล็กไม่สามารถสู้กับคู่แข่งที่มีขนาดใหญ่กว่าได้

จุดเสียเปรียบในการทำธุรกิจขนาดเล็กมีอะไรบ้าง ?
        1. การสร้างเว็บไซต์ มักใช้ของฟรี เน้นง่าย เน้นเร็ว ไม่ให้เวลากับมันเยอะเท่าทีควร สร้างทิ้งไว้เสร็จก็เอาไปโฆษณาต่อเท่านั้นเอง จุดอ่อนของเรื่องนี้คือ ไม่ได้ใช้เว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพเต็มที่วิธีแก้ไข
            เว็บไซต์ไม่ได้มีไว้ขายของ เก็บเงินจากลูกค้าเพียงอย่างเดียว มันยังสร้างประโยชน์ ให้ความรู้ ให้ลูกค้าหรือคนอ่านเอาไปบอกต่อผ่าน Social Media เช่น Facebook ได้ดีอีก เพิ่มหนทางการตลาดแบบปากต่อปากได้
        2. เรื่องการออกแบบ อันนี้แล้วแต่ความสามารถของเจ้าของเลย ออกแบบดี สินค้าน่าซื้อ ออกแบบห่วยสินค้าดูไม่มีราคา หากมีทุนเป็นเด็ก Art มีหัวศิลป์หน่อย ช่วยได้เยอะ เพราะเดียวนี้โปรแกรมแต่งรูป App แต่งภาพ เครื่องไม้เครื่องมือออนไลน์เยอะมากจริงๆ ใช้ง่าย สะดวกแนะนำ
            เรียนการถ่ายรูปง่ายๆ และหมั่นแต่งรูปสินค้าให้สวย อาจจะด้วย App pixlr  หรือ โปรแกรมแต่งรูปง่ายๆเช่น Photoscape หรือ Photoshop
        3. เรื่องเนื้อหา (Content) เจ้าของกิจการไม่ได้รู้เรื่องการตลาดออนไลน์มากนัก ว่าเดียวนี้เขาฮิตแนวไหนกัน ผู้บริโภคเขาคิดอะไรกัน ทำให้เวลาใส่เนื้อหาก็จะลงเพียงข้อมูลการซื้อขาย ข้อมูลผลิตภัณฑ์และเทคนิคการตลาดง่ายๆที่รู้กันในโลกออนไลน์ เช่น ลดแลกแจกแถม & รีวิวนั้นเองวิธีแก้ไข
            สร้างเนื้อหาที่ดีผ่านเว็บไซต์และ Social Media โดยให้ความรู้บ้าง ให้ประโยชน์อื่นบ้าง ไม่ใช่จะขายของเพียงอย่างเดียว สร้างการแชร์และการบอกปากต่อปากในโลกออนไลน์
        4. เรื่องการตลาดออนไลน์ คนทำธุรกิจขนาดเล็กทราบดีว่า Google และ Facebook ได้เงินจากการโฆษณา ฉะนั้น Google และ Facebook จะจัดกิจกรรมเยอะ หรือบอกผ่านสื่อมามากมายว่าให้ทำโฆษณากับ Google Adwords และ Facebook Ads สิ นั้นก็เพราะยิ่งมีคนทำเยอะ เขาก็ยิ่งได้เงินมาก แต่ Google กับ Facebook เขาไม่ได้บอกเรามากหรอกว่าทำยังไง ถึงจะได้ลูกค้ามากโดยใช้เงินให้น้อยและคุ้มค่าที่สุด เขาจะเน้นที่การโฆษณาเป็นหลัก ซึ่งธุรกิจขนาดใหญ่เล่นได้อยู่แล้วไม่มีปัญหา เขาจะไปซีเรียจเรื่อง Content มากกว่าที่จะทำให้เด่น ให้โดน แต่กับธุรกิจขนาดเล็กกลับไปเผลอเล่นเกมตาม เน้นโฆษณาก็จบสิครับ เสียเปรียบทุกอย่างวิธีแก้ไข
            ธุรกิจขนาดเล็ก สามารถเล่นโฆษณาได้ แต่ต้องเล่นการตลาดผ่าน Google SEO และ สร้าง Personal Brand ใน Social Media ด้วย ถึงจะชิงความได้เปรียบธุรกิจขนาดใหญ่ได้

สรุปโดยนักรบ
ธุรกิจขนาดเล็ก หรือ มนุษย์เงินเดือนทำธุรกิจ นอกจากต้องมีทักษะแบบเจ้าของธุรกิจแล้ว ควรศึกษาเรียนรู้ทักษะของการใช้งานเว็บไซต์, การออกแบบ, การเขียนเล่าเรื่อง และการตลาดออนไลน์ไว้ด้วย เพราะไม่มีเงินจ้างใครจึงต้องทำเอง
https://warrior.in.th/entrepreneur/5-skills-to-do-business-online/

377
เสริมหน้าอก 300cc Sexy เบาๆ ความสดใสมาเต็ม

สวัสดีค่ะ ชื่อมุกนะคะ อายุ 25 ปีค่ะ มุกก็ได้มาทำหน้าอกกับหมอหลุยส์นะคะที่ Jarem Clinic มุกทำเป็นซิลิโคน Mentor ค่ะ ผิวทราย 300cc ก็คือตอนแรกก็อยากได้ไซซ์นี้อยู่แล้ว แล้วก็คุณหมอก็ประเมินให้ไซซ์นี้พอดีเลยค่ะ

ทำมาแค่ประมาณ 3 เดือนเองนะคะแต่ว่าก็รู้สึกได้เลยว่านุ่มค่ะ ไม่แข็ง

แล้ววันนี้นะคะก็มีนัดมานวดหน้าอกค่ะ การนวดหน้าอกก็คือจะช่วยให้หน้าอกฟูขึ้นแล้วก็ลดโอกาสการเกิดพังผืดด้วยค่ะ

ไม่ผิดหวังเลยนะคะที่ได้มาทำหน้าอกกับหมอหลุยส์ที่ Jarem Clinic ค่ะ ถ้าใครอยากหน้าอกสวยนะคะก็มาเป็นลูกสาวหมอหลุยส์ที่ Jarem Clinic นะคะ
https://jarem.co.th/reviews-breast-augmentation-7/



378
เงินลงทุน 5,000 บาท ทำการตลาดออนไลน์ยังไงดี


คนเริ่มต้นทำธุรกิจออนไลน์เล็กๆ มีเงินลงทุนไม่มากมายประมาณ 1,000 – 5,000 บาท/เดือน ถ้าจะเอาเงินที่เหลือนี้มาใช้ทำการตลาดออนไลน์ จะทำอย่างไรถึงจะได้ผลดีสูงสุดล่ะ มาดูกันครับ

เริ่มต้นเข้าใจก่อนว่า การทำการตลาดออนไลน์มีหลายรูปแบบจริงๆ แต่นักรบจะแนะนำแค่วิธีหลักๆที่ได้ผลดีก่อน เพื่อจะได้จัดการได้ง่าย ทำเยอะเกินไปมันจะกินเวลาส่วนอื่นๆ

เริ่มต้นแบ่งเวลาในการทำการตลาดออนไลน์ก่อน โดยใช้เพียง 30% ของทั้งหมด

นักรบแนะนำทำการตลาดผ่าน Google และ Facebook เป็นหลัก เนื้องจาก Google และ Facebook มีคนไทยเล่นเยอะมากจริงๆเป็นโอกาสของการทำธุรกิจโดยแท้

แบ่ง ” เงินลงทุน ” เป็น 2 ส่วนเพื่อทำการตลาดออนไลน์ดังนี้
       1. แบ่งเงินเพื่อทำ Website รองรับการทำการตลาดผ่าน Google (Ads, SEO)
       2. แบ่งเงินเพื่อทำ Facebook Fanpage รองรับการทำการตลาดผ่าน การโปรโมทเพจ และการกระตุ้นโพส

เงินลงทุนเพื่อทำ Website
การทำเว็บไซต์เพื่อขายของออนไลน์, สร้าง Brand หรือ โปรโมทความสามารถของตัวเอง สามารถทำได้หลายวิธี โดยส่วนใหญ่มักนิยมเปิดเว็บไซต์ฟรีกับผู้ให้บริการทั่วไป แต่ถ้าท่านอยากทำธุรกิจออนไลน์จริงจัง  นักรบขอแนะนำเว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress ครับ เพราะในอนาคตมันต่อยอดได้อีกมากมาย เกื้อหนุนกับ SEO ดีเยี่ยม และรองรับ Ecommerce ในอนาคตอีกด้วย เรียกได้ว่าเรียนรู้ครั้งเดียว ต่อยอดได้อีก 10 ปี สำหรับเว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress ครับ

ทางนักรบเข้าใจปัญหาเรื่องนี้ดี จึงเตรียมข้อมูลและสอนการสร้างเว็บไซต์ไว้แล้วในเว็บไซต์แห่งนี้ หลังจากมีเว็บไซต์แล้ว ขั้นถัดไปคือการทำการตลาดผ่าน Google

Note : นักรบ ไม่ขอพูดถึงผู้ให้บริการเปิดเว็บไซต์ฟรีกับเจ้าอื่นๆ เพราะยังไม่ได้ทดสอบเต็มที่ ท่านสามารถศึกษาได้เองครับ

การตลาดผ่าน Google
การตลาดผ่าน Google มี 2 วิธีหลักๆดังนี้ คือ Google SEO และ Google Adwords
        1. ทำให้เว็บไซต์มีเนื้อหาดี ขึ้นอันดับดีๆใน Google Search วิธีการนี้ภาษานักการตลาด เรียก ” การทำ SEO “
        2. โฆษณากับ Google วิธีการนี้เรียกว่า ” การทำ  Adwords “

ทำ SEO ให้สร้าง Web Traffic
วิธีการทำ SEO จะสลับซับซ้อน ผู้ประกอบการไม่สามารถจัดการมันได้ ส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีจ้างทำ SEO ซึ่งจะได้ผลดีหรือไม่ดีนั้น ขึ้นอยู่กับคนรับทำเป็นสำคัญ อีกทั้งเจ้าของธุรกิจ SME ควรมีความรู้เบื้องต้นเพื่อตรวจเช็คผลการทำ SEO จากผู้รับทำ SEO ได้ครับ
 

ณ ตอนนี้มีเพียงบริษัทใหญ่ๆที่มีเงินทุนหนาๆเท่านั้น ที่จ้างแล้วได้ผลดี เพราะเขามีเงินจ้างนักการตลาดออนไลน์ SEO เก่งๆโดยเฉพาะได้ ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีครับ แต่สำหรับธุรกิจออนไลน์เล็กๆ SME  ทางนักรบแนะนำให้เรียนรู้วีธีการทำ SEO ด้วยตัวเองก่อน เวลาจ้างก็สามารถประหยัดและตรวจงานได้ครับ

เรียน SEO ที่ไหนดี ?
เราสามารถหาทีเรียน SEO & Content Marketing ได้ เพียงพิมคำค้นหา ” เรียน SEO , สอน SEO , การทำ SEO, วิธีการทำ SEO, สัมมนา SEO” ที่ Google ได้ครับ รับรองมีเพียบ แต่จะเลือกที่ดีๆทีเหมาะกับเราได้ ต้องใช้เวลาค้นหาและอ่านรายละเอียดของแต่ละที่เองครับ

ลงโฆษณา Google Ads
การลงโฆษณากับ Google Adwords นั้น เราจะได้ยินบ่อยมาก เพราะนี้เป็นช่องทางรายได้ของ Google เป็นหลัก เขาจะโฆษณาบ่อยๆ เพื่อเรียกยอดขายและเผยแพร่ให้คนนิยมใช้กันง่ายมากขึ้น อีกทั้งยังมีบริษัทเอกชนที่เป็น Partner ร่วมกับ Google มาออกคอร์สสอน จัดสัมมนา เป็นระยะๆอีกด้วย จึงไม่แปลกที่เราจะได้ยินได้ฟังเรื่องนี้มาค่อยข้างบ่อยครับ
ธุรกิจออนไลน์ขนาดเล็ก SME สามารถเริ่มต้นลงโฆษณา Google Ads ในงบที่กำหนดได้ และควรเสริมทัพด้วยการทำ SEO อีกแรง

การทำ Google SEO ช่วยทำให้ค่าโฆษณา Google Ads ถูกลงได้อย่างไร ?
คนทำโฆษณา Google Adwords จะทราบว่า มี 3 ปัจจัยหลักๆที่มีผลให้โฆษณาราคาถูกลง คือ อัตราการคลิ๊ก, ความเกี่ยวข้องโฆษณา และ ประสบการณ์ Landing Page ซึ่งปัจจัยตัวสุดท้ายนี้เหละครับ เป็นปัจจัยสำคัญ


ทำไม ประสบการณ์ Landing Page ใน Google Ads ถึงสำคัญ
เมื่อคนคลิ๊กโฆษณาจาก Google แล้ว จะเข้าสู่หน้า Landing Page หลังจากนั้น Google จะเช็คว่าคนเจอสิ่งที่เขาต้องการหรือไม่ โดยอาจจะวัดได้จาก เวลาโต้ตอบบนเว็บเพจเป็นสำคัญ เว็บเพจที่ดี จะตรึงให้คนอ่านได้นาน นั้นหมายความว่า เว็บเพจนั้นต้องเขียนดี ให้ข้อมูลดี มีภาพ วีดีโอประกอบดี ซึ่งการจะให้ข้อมูลประกอบดีได้ คนทำเว็บเพจต้องรู้จักสินค้าตัวเองดีเยี่ยม, กลั่นกรองออกมาได้มากพอ และเข้าใจง่ายดีด้วย

โดยส่วนใหญ่ คนที่ทำการตลาดออนไลน์ผ่าน Google SEO มาแล้ว จะมีทักษะการเล่าเรื่อง การเขียน และอธิบายสินค้าได้อย่างครบถ้วน ทำให้ Landing Page ดีไปด้วย ส่งผลสุดท้ายให้ค่าโฆษณา Ads ถูกตามไปด้วย อีกทั้งคนทำ SEO มาก่อน จะมีแนวโน้มที่จะเขียนคำโฆษณาใน Ads ดี เรียกได้ว่าครบสูตรปัจจัยการทำ Ads ให้ถูก ช่วยประหยัดเงินลงทุนนั้นเอง

เงินโฆษณา Facebook Fanpage
การทำการตลาดผ่าน Facebook ทำได้ง่าย ขั้นตอนไม่ซับซ้อน เพียงระบุกลุ่มเป้าหมาย ใส่เงินเข้าไป ก็จะโปรโมทเพจให้คนกดถูกใจแฟนเพจ หรือ จะโปรโมทโพสใดๆก็ได้ แล้วแต่ต้องการ (การลงโฆษณาใน Facebook มีหลายวิธี ณ ตอนนี้ยกตัวอย่างเพียง การโปรโมทเพจและโปรโมทโพสเท่านั้น)
        - วิธีการโปรโมทเพจ
        - วิธีกระตุ้นโพส
นักรบใช้เงินประมาณ 2-3,000 บาท/เดือน เพื่อทำโฆษณา Fanpage

สรุปโดยนักรบ
เราสามารถประหยัดเงินค่าโฆษณาออนไลน์ ด้วยการเขียนคำโฆษณาที่มีดีมีประโยชน์ ภาพน่าสนใจ เชิญชวนให้คนเข้าชม ติดตามเนื้อหาในเว็บเพจนั้นๆ โดยสามารถทำได้ทั้ง Google และ Facebook ซึ่งทักษะนี้สามารถฝึกกันได้ ด้วยการเป็นนักเขียน และการเล่าเรื่องสินค้าที่ดี

เมื่อโฆษณามีคุณภาพดี เพราะเป็นผลพวงจากการเขียนเนื้อหาดี จะทำให้งบการลงทุนของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก แม้มีเงินลงทุนน้อยไม่เกิน 5,000 บาท/เดือน ก็สามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจกลับมาได้มากมายครับ
https://warrior.in.th/freelance-seo/job/google-ads/5000-bath-online-marketing/

หน้า: 1 ... 19 20 [21] 22 23 ... 27