55
ห้องพูดคุยเรื่องเครื่องเสียงและ Home Theater / Re: ขอคำปรึกษาเรื่องแอมป์ครับ
« เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2016, 03:31:36 pm »
ผมยังสงสัยอยู่นิดหน่อย เรื่องการ match ลำโพงกับ แอมป์ไปคนละทางเช่น ลำโพงของเราเด่นแค่เรื่องเสียง dynamic โฟกัสแม่นยำ มา match กับแอมป์แนวเสียงอุ่นมีเนื้อ
ผลออกมาก็คิดได้สองอย่างคือ
1. ในแง่ดีก็คิดได้ว่าเสียง match กันเพราะเดิมลำโพงเสียงนักร้องบางมาก พอได้แอมป์มีเนื้อก็ทำให้เสียงนักร้องมีเนื้อน่าฟังขึ้นตามไปด้วย ส่วนแอมป์เดิมที่ focus ,dynamic ไม่ดีเท่าไหร่ แต่พอได้ลำโพงเสียงจัดก็ช่วยดึงเรื่องเสียงเครื่องดนตรี ฟังแยกชิ้นชัดแม่นยำขึ้นมา
2. ในแง่เสียคิดอีกแบบก็อาจกลายเป็นเสียของ เพราะลำโพง focus dynamic เดิมดีอยู่แล้วพอเอาแอมป์หนามาขับ เสียงเครื่องดนตรีเครื่องเคาะก็ปนแยกชิ้นได้ไม่ดีเท่าเดิม ฟังเพลงบรรเลงไม่เพราะ ส่วนแอมป์เดิมที่เสียงหนานุ่ม พอเจอลำโพงเสียงบางเสียงนักร้องก็ไม่นุ่มอุ่นเท่าที่ควรจะเป็น
สอบถาม พี่ๆน้าๆ ว่าปกติการ match ที่ถูกต้อง หมายถึงการ match ให้ลำโพงกับแอมป์ไปในทิศทางเดียวกัน หรือให้ match ไปคนละทิศทางเพื่อให้ปิดจุดด้อยของกันและกัน ผมมีความคิดว่า ถ้า match ไปทิศทางเดียวกัน ชุดนั้นก็จะเด่นไปด้านใดด้านหนึ่งจัดๆไปเลย จะเข้ากับเพลงบางแนวดีมาก แต่พอเจอเพลงผิดแนวก็จะแย่ไปเลย แต่ถ้า match แบบคนละทิศทางจะฟังเพลงได้หลากหลายแนวกว่า (แต่ไม่เด่นสักแนว)
-----------------------------------
ขออภัยที่สอบถามเยอะครับ จะว่าไปผมก็สนใจไปหมดครับ จะเก่าวินเทจ แอมป์หลอด ก็น่าลอง ส่วนตอนที่ผมเริ่มสนใจเครื่องเสียงหลายปีก่อน ผมเริ่มจากไปฟังร้านหนึ่งเขาอธิบายเรื่อง digital audio เขาว่ายุคใหม่ต้นฉบับเสียงถูกเก็บเป็นไฟล์ดิจิตอลกันหมดแล้ว ที่มาฟังผ่านแผ่น CD แล้วบอกว่าเสียง analog ดีกว่าก็คิดไปเอง (อันนี้วิทยากรเขาบรรยายนะครับ ไม่ใช่ผม) เพราะจะมีขั้นตอนในการเขียนแผ่น CD ที่ไม่แน่นอน ถ้าให้ดีสุดในเมื่อต้นทางเป็น digital resolusion สูงๆเราก็ควรหาและเล่นเพลง เป็น digital ในกระบวนการตั้งแต่ต้นทางไปถึงปลายทางลำโพงให้มากที่สุด
ความที่ผมรู้เรื่องคอมเยอะกว่าเรื่องเครื่องเสียง ผมก็ลุยเลย กะว่ามาถูกทางแล้ววุ้ย มีงบ 20000 ครึ่งหนึ่งผมไปซื้อ active speaker อีกครึ่งนึงร่วมหมื่นไปซื้อ DAC ซึ่ง DAC ตัวนี้เป็น pure DAC คือทำอะไรไม่ได้เลย เป็น pre ก็ไม่ได้แถม color เยอะด้วย แต่ผมก็ไม่เข้าใจ ต่อฟังเพลงจากคอม ฟังแล้วผมว่าเพราะก็มีความสุขมาเรื่อยๆ จนมาช่วงปีก่อนเริ่มขยับหาข้อมูลอีกรอบ ถึงได้มาเข้าใจว่าจริงๆแล้ว พระเอกของระบบเครื่องเสียง ก็คือลำโพง (ถ้าผมคิดแบบมีสติก็น่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่รู้ก่อนนู้นหลงไปได้ไง) รองมาก็แอมป์ แล้วก็พวกเส้นเสียงต่างๆ ส่วน DAC นี่จะว่าไปไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณภาพเสียงเลย คือเป็นแค่ขั้นตอนนึงของการแปลงเสียงจากสำเนาที่เราเก็บไว้ ถ้าเรามี CD ก็ใช้เครื่องเล่น ถ้ามีเป็นไฟล์บนคอมพิวเตอร์ก็ต้องใช้ DAC ซึ่งจริงๆ แล้วในงบเท่ากันเครื่องเล่น CD ให้คุณภาพเสียงดีกว่า DAC มาก
ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้เข็ดเรื่อง digital สักเท่าไหร่ เพราะพออ่านไปเยอะๆ เครื่องเสียงรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้เขามีตัว "D" พ่วงมาในชื่อรุ่น มีเยอะขึ้นเรื่อยๆ อย่างแอมป์ NAD D3020 เป็นรุ่นต่อยอดจากรุ่นในตำนาน เขาว่าเอามาเพิ่มภาค DAC ลงไปในตัว สามารถต่อตรงจากคอมพิวเตอร์ด้วย USB ได้เลย แล้วถ้าขยับรุ่นไปอีกมีประเภทที่มีช่องต่อ LAN ในตัว เรียกว่าไม่ง้อ PC อีกแล้ว สามารถต่อเข้ากับ router เล่นไฟล์เสียงที่เก็บไว้บน NAS โดยตรงเลย ถูกใจคนที่เล่นเพลงผ่านไฟล์เสียงอย่างมาก
แต่อย่างไรตอนนี้ผมคงพยายามหาแอมป์มาขับลำโพงผมก่อนครับ ผมว่าตอนนี้เสียงที่ผมขับอยู่ผ่านแอมป์จีนตัวจิ๋ว ได้สัก 60% ของที่ผมฟังจากร้านตอนซื้อ ดังนั้นถ้าผมหาแอมป์ได้ถูกต้องเสียงน่าจะต้องดีขึ้นอีกพอควร ขอสัก 80% ขึ้นไปก็น่าจะดีแล้วที่เหลือค่อยไปหาสายต่างๆมาเปลี่ยน
ผลออกมาก็คิดได้สองอย่างคือ
1. ในแง่ดีก็คิดได้ว่าเสียง match กันเพราะเดิมลำโพงเสียงนักร้องบางมาก พอได้แอมป์มีเนื้อก็ทำให้เสียงนักร้องมีเนื้อน่าฟังขึ้นตามไปด้วย ส่วนแอมป์เดิมที่ focus ,dynamic ไม่ดีเท่าไหร่ แต่พอได้ลำโพงเสียงจัดก็ช่วยดึงเรื่องเสียงเครื่องดนตรี ฟังแยกชิ้นชัดแม่นยำขึ้นมา
2. ในแง่เสียคิดอีกแบบก็อาจกลายเป็นเสียของ เพราะลำโพง focus dynamic เดิมดีอยู่แล้วพอเอาแอมป์หนามาขับ เสียงเครื่องดนตรีเครื่องเคาะก็ปนแยกชิ้นได้ไม่ดีเท่าเดิม ฟังเพลงบรรเลงไม่เพราะ ส่วนแอมป์เดิมที่เสียงหนานุ่ม พอเจอลำโพงเสียงบางเสียงนักร้องก็ไม่นุ่มอุ่นเท่าที่ควรจะเป็น
สอบถาม พี่ๆน้าๆ ว่าปกติการ match ที่ถูกต้อง หมายถึงการ match ให้ลำโพงกับแอมป์ไปในทิศทางเดียวกัน หรือให้ match ไปคนละทิศทางเพื่อให้ปิดจุดด้อยของกันและกัน ผมมีความคิดว่า ถ้า match ไปทิศทางเดียวกัน ชุดนั้นก็จะเด่นไปด้านใดด้านหนึ่งจัดๆไปเลย จะเข้ากับเพลงบางแนวดีมาก แต่พอเจอเพลงผิดแนวก็จะแย่ไปเลย แต่ถ้า match แบบคนละทิศทางจะฟังเพลงได้หลากหลายแนวกว่า (แต่ไม่เด่นสักแนว)
-----------------------------------
ขออภัยที่สอบถามเยอะครับ จะว่าไปผมก็สนใจไปหมดครับ จะเก่าวินเทจ แอมป์หลอด ก็น่าลอง ส่วนตอนที่ผมเริ่มสนใจเครื่องเสียงหลายปีก่อน ผมเริ่มจากไปฟังร้านหนึ่งเขาอธิบายเรื่อง digital audio เขาว่ายุคใหม่ต้นฉบับเสียงถูกเก็บเป็นไฟล์ดิจิตอลกันหมดแล้ว ที่มาฟังผ่านแผ่น CD แล้วบอกว่าเสียง analog ดีกว่าก็คิดไปเอง (อันนี้วิทยากรเขาบรรยายนะครับ ไม่ใช่ผม) เพราะจะมีขั้นตอนในการเขียนแผ่น CD ที่ไม่แน่นอน ถ้าให้ดีสุดในเมื่อต้นทางเป็น digital resolusion สูงๆเราก็ควรหาและเล่นเพลง เป็น digital ในกระบวนการตั้งแต่ต้นทางไปถึงปลายทางลำโพงให้มากที่สุด
ความที่ผมรู้เรื่องคอมเยอะกว่าเรื่องเครื่องเสียง ผมก็ลุยเลย กะว่ามาถูกทางแล้ววุ้ย มีงบ 20000 ครึ่งหนึ่งผมไปซื้อ active speaker อีกครึ่งนึงร่วมหมื่นไปซื้อ DAC ซึ่ง DAC ตัวนี้เป็น pure DAC คือทำอะไรไม่ได้เลย เป็น pre ก็ไม่ได้แถม color เยอะด้วย แต่ผมก็ไม่เข้าใจ ต่อฟังเพลงจากคอม ฟังแล้วผมว่าเพราะก็มีความสุขมาเรื่อยๆ จนมาช่วงปีก่อนเริ่มขยับหาข้อมูลอีกรอบ ถึงได้มาเข้าใจว่าจริงๆแล้ว พระเอกของระบบเครื่องเสียง ก็คือลำโพง (ถ้าผมคิดแบบมีสติก็น่าจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้ว ไม่รู้ก่อนนู้นหลงไปได้ไง) รองมาก็แอมป์ แล้วก็พวกเส้นเสียงต่างๆ ส่วน DAC นี่จะว่าไปไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณภาพเสียงเลย คือเป็นแค่ขั้นตอนนึงของการแปลงเสียงจากสำเนาที่เราเก็บไว้ ถ้าเรามี CD ก็ใช้เครื่องเล่น ถ้ามีเป็นไฟล์บนคอมพิวเตอร์ก็ต้องใช้ DAC ซึ่งจริงๆ แล้วในงบเท่ากันเครื่องเล่น CD ให้คุณภาพเสียงดีกว่า DAC มาก
ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้เข็ดเรื่อง digital สักเท่าไหร่ เพราะพออ่านไปเยอะๆ เครื่องเสียงรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้เขามีตัว "D" พ่วงมาในชื่อรุ่น มีเยอะขึ้นเรื่อยๆ อย่างแอมป์ NAD D3020 เป็นรุ่นต่อยอดจากรุ่นในตำนาน เขาว่าเอามาเพิ่มภาค DAC ลงไปในตัว สามารถต่อตรงจากคอมพิวเตอร์ด้วย USB ได้เลย แล้วถ้าขยับรุ่นไปอีกมีประเภทที่มีช่องต่อ LAN ในตัว เรียกว่าไม่ง้อ PC อีกแล้ว สามารถต่อเข้ากับ router เล่นไฟล์เสียงที่เก็บไว้บน NAS โดยตรงเลย ถูกใจคนที่เล่นเพลงผ่านไฟล์เสียงอย่างมาก
แต่อย่างไรตอนนี้ผมคงพยายามหาแอมป์มาขับลำโพงผมก่อนครับ ผมว่าตอนนี้เสียงที่ผมขับอยู่ผ่านแอมป์จีนตัวจิ๋ว ได้สัก 60% ของที่ผมฟังจากร้านตอนซื้อ ดังนั้นถ้าผมหาแอมป์ได้ถูกต้องเสียงน่าจะต้องดีขึ้นอีกพอควร ขอสัก 80% ขึ้นไปก็น่าจะดีแล้วที่เหลือค่อยไปหาสายต่างๆมาเปลี่ยน