แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - postz168

หน้า: [1] 2 3
1
เวลาสาวๆหรือหนุ่มๆก็แล้วแต่ จับได้ว่าแฟนของคุณนั้น นอกใจ!!! อย่าทำอะไรโดยที่ขาดสติเด็ดขาด เพราะมิเช่นนั้นคุณอาจจะเสียเขาหรือเธอไปได้ง่ายๆเลยนะ .. ท่องไว้ ยุบหนอ พองหนอ รวบรวมสมาธิแล้วเก็บรายละเอียดเรื่องราวไว้ จากนั้นค่อยๆเปิดใจคุยกัน แต่จะมีวิธีทำยังไงหล่ะ มาดู 10 วิธีปราบแฟนนอกใจ กันเลย

1.อย่าโวยวาย
เริ่มจาก นับ หนึ่ง สอง สาม ในใจ. แล้วนิ่ง เฉยไว้ก่อน อย่าปล่อยให้อารมณ์หึงทำให้ คุณหุนหันพลันแล่น ตีโพยตีพายไปก่อน หรือปล่อยให้ความเสียใจ ทำให้คุณตัดสิน ใจอะไรผิด ๆ เรื่องแค่นี้อาจเป็นความ ผิดพลาด ชั่วครั้งชั่วคราวยิ่งทำไม่รู้ไม่ชี้ ไว้ก่อนยิ่งดี

2.ห้ามใช้วิธีรุนแรงโดยเด็ดขาด
พยายามทำตัวเป็นนางเอกเข้าไว้ (อย่าเป็น นางร้ายซะเอง)ข่มใจไว้ อย่าลุกขึ้นอาละวาด หรือทำร้ายฝ่ายตรงข้าม เพียงเพราะต้องการแก้แค้นให้สาสม กับที่คุณเจ็บปวด เพราะ มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นซ้ำร้ายมันอาจทำให้ ปัญหาลุกลามใหญ่โต

3.คุณคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
ถ้าเค้าจะนอกลู่นอกทาง ไปตื่นเต้นกับ ของใหม่ ก็ปล่อย ๆไปบ้าง แต่ที่สำคัญคือคุณ ต้องแสดงให้เค้าเห็นว่า เราเป็นผู้หญิงที่มีคุณค่า และเหมาะที่จะเป็นภรรยา และแม ่ของลูกมากที่สุด ของดี? ใครๆ ก็อยากได้? จริงไหม ทำดีต่อเค้า ให้มาก เพื่อพิสูจน์ว่าคุณยอมรับเค้าได้ในทุกเรื่อง

4.อย่ามัวแต่ระแวงการนอกใจ
แม้จะร้ายแรง แต่ไม่ถึงขั้น "ฆ่าคนตาย" นะจ๊ะ ถ้าต่อจากนั้น คุณเอาแต่จ้องจับผิดว่าเค้าจะไปไหน ทำอะไร กับใคร คอยเช็คไปซะทุกเรื่องมันก็ยิ่งทำให้เค้า เบื่อหน่าย และรำคาญ (แทนที่จะสำนึกผิด)แค่แสดงให้เค้ารู้ว่าเรารู้ แต่นิ่งเฉยไว้ ปล่อยให้สำนึกผิดเองได้ผลกว่า

5.ไร้ประโยชน์ที่จะฟื้นฝอย หาตะเข็บ
จำไว้ว่าการขุดคุ้ยอดีต ที่เป็นแผลของ อีกฝ่ายเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ทั้งไม่ได้ ประโยชน์ และรังแต่จะตอกย้ำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น กลายเป็นชนวน ของการทะเลาะเบาะแว้งกันไปปล่าวๆ และยิ่งตอกย้ำว่าคุณยังฝังใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

6.การให้อภัย
แม้ว่า"การให้อภัย" จะเป็นสิ่งที่ทำยากที่สุด อย่างหนึ่งในชีวิตคนเราแต่ถ้าการที่เราเลือก ที่จะคบใครสักคน และจะประคองความรัก ไปให้ตลอดรอดฝั่งก็ควรยกโทษให้กับคนที่ เรารัก เพราะเค้าเองก็เป็นแค่คนธรรมดา คนหนึ่งที่ทำผิดพลาดได้เสมอ

7.อย่าประชดชีวิต
ควรวางตัวเองให้มีคุณค่า อย่าคิดประชดคนรัก ด้วยวิธีเดียวกันคือหันไปหาคนอื่นบ้าง เพราะ วิธีนี้จะทำให้เค้าเป็นฝ่ายเลือกที่จะไปหาคนอื่น การใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง ใช้ไม่ได้ผลกับความรักนะจะบอกให้

8.เอาใจใส่ตัวเองมากขึ้น
อย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัว ทำตัวให้ดูดี ดูสวยเข้าไว้เอาแบบที่รียกว่า แม้แต่คนรักของคุณยังตาค้าง ผมที่ยุ่ง ๆ ฟู ๆก็จัดการซะให้เรียบร้อย เช็ด คราบน้ำตาทิ้ง แล้วหันมาเอาใจใส่ให้สวยปิ๊งดีกว่าเป็นไหน ๆ เราไม่ใช่ของตายของใคร นะเออ

9.หันหน้าเข้าหากัน
สาเหตุของการนอกใจส่วนหนึ่งมาจากปัญหา ระหว่างคุณและเค้า ซึ่งคุณเองอาจมีข้อบกพร่องในบางสิ่ง ควรหันมาพูดคุยกัน เพื่อปรับความ รู้สึกเข้ากับอีกฝ่ายรวมทั้งให้เวลาและเอาใจใส่ คนรักให้มากขึ้น

10.ไม่ควรเอาเรื่องนี้ไปประจาน กับคนอื่น
ปัญหานี้เป็นเรื่องของคนสองคนระหว่างคุณ และเค้า ทางที่ดีอย่านำความผิดของเค้าไป โพนทะนาหรือประจานให้เพื่อนหรือบุคคล ใกล้ชิดฟัง เพราะจะทำให้คนรักของคุณรู้สึกเสียหน้า และเข้าหน้าคนใกล้ชิดของคุณ ไม่ติดแล้วแม้ว่าต่อไปเค้ากับคุณจะคืนดีกัน หรือไม่ก็ตาม

ขอบคุณบทความดีๆจาก : http://www.mthai.com
ส่งต่อบทความดีๆ : http://www.detectivethai.com/?p=736

สายตรง โทร.0845020688 นักสืบณรงค์
Email : [email protected]



5
อย่าปล่อยให้สามีทำร้าย เมื่อเกิดเหตุการณ์สามีมีเมียน้อย คุณคิดกำจัดสามีไปพ้นๆ หรือคิดกำจัดเมียน้อยกันแน่

ผู้หญิงเก่งหรือผู้หญิงทำงาน มักจะยื่นคำขาดให้ฝ่ายชายเลือกคนใดคนหนึ่ง นพ.สุขเจริญ ตั้งวงษ์ไทย จิตแพทย์ประจำภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงทางเลือกของผู้หญิงหลังพบสามีปันกาย แต่ผู้หญิงอีกกลุ่มที่มีบุคลิกค่อนข้างพึ่งพิงผู้อื่น หรือกลุ่มแม่บ้าน ก็จะยอมและยอมเก็บความเจ็บช้ำไว้ในใจ ค่อยๆ ปรับตัวทำใจยอมรับ แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงบุคลิกเข้มแข็งหรือไม่ ภาวะที่สามีไปมีคนอื่นนั้น ทำร้ายจิตใจรุนแรงจนอาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิต
ผมเจอคนไข้ถึงขั้นฆ่าตัวตายหลังทราบข่าวสามีไปมีเมียน้อย รศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ เล่าจากประสบการณ์ ท่านเป็นหัวหน้าโครงการ ศูนย์นารีรักษ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งให้ความช่วยเหลือผู้หญิงที่ประสบปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และมองว่าภาวะสามีมีเมียน้อยจัดเป็นความรุนแรงที่ทำร้ายจิตใจผู้หญิงไม่ต่างจากการถูกผู้ชายทำร้ายทุบตี ด่าว่า
ผู้หญิงเมื่อเจอสภาพนี้ นานวันเข้าอาจพัฒนาไปมีอาการของโรคซึมเศร้า รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีสมาธิ นอนไม่หลับ กินไม่ได้ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง หมดอาลัยตายอยาก บางคนพัฒนาไปมีอาการวิตกกังวลไปทุกเรื่อง กังวลแบบประสาท กลัวนั่นกลัวนี่ กลัวไปหมดโดยไม่มีสาเหตุ หนักๆเข้าก็เกิดโรคประสาททางกาย มีอาการปวดหัวไม่มีสาเหตุ กลัวเป็นมะเร็งในสมอง มีอาการแน่นหน้าอก ใจสั่น กลัวเป็นโรคหัวใจ เกิดเป็นโรคทางกายที่หาสาเหตุไม่เจอ
ขณะที่ฝ่ายชายเมื่อถูกยื่นคำขาดให้เลือกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ก็มักตัดสินใจไม่ได้ ผู้หญิงบางคนอาจตัดใจเลยว่า เธอไม่เลือก ฉันเลิกเอง ไม่เช่นนั้นก็ปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังจนกว่าจะทำใจได้ หากทำใจไม่ได้นานวันเข้า โอกาสจะมีอาการประสาทก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ผู้ชายที่มีเมียน้อย คุณหมอรณชัยเล่าจากประสบการณ์ในการทำจิตบำบัด จะบอกว่ายังรักเทิดทูนภรรยาอยู่เสมอ เกินกว่าครึ่งยังอยากที่จะคงไว้ซึ่งครอบครัวเดิม ไม่คิดที่จะแยกทางหรือเลิกกับภรรยาหลวง เพียงให้ภรรยายอมรับว่าเขายังมีอีกคนหนึ่ง
ยังไม่มีการศึกษาที่ชี้ให้เห็นแนวทางการตัดสินใจของผู้หญิงไทยในเรื่องนี้ แต่การศึกษาในประเทศอิสราเอลโดย Charny IW. และ Parnass S. พบว่าประมาณ 1 ใน 3 ของผู้หญิงที่รู้ว่าสามีมีเมียน้อย ตัดสินใจหย่าร้าง อีก 1 ใน 3 ไม่หย่าแต่อยู่อย่างมีปัญหาในชีวิตสมรสเรื่อยมา และอีก 1 ใน 3 ยังคงชีวิตสมรสโดยไม่มีปัญหามากนัก
ผู้หญิงไทยก็คงมีสภาพไม่แตกต่างไปจากสตรีอิสราเอลเท่าไหร่ แล้วแต่ใครจะเลือกตัดสินใจเป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มไหนเท่านั้น
ภูมิคุ้มกันเมียน้อย
น่าแปลกใจที่ปัญหาเมียน้อยไม่ได้มีสาเหตุจากความล้มเหลวในชีวิตแต่งงานดั่งที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจ
จากการศึกษา สาเหตุการมีเมียน้อยในชายไทย 20 ราย ของ พญ. นงพงา ลิ้มสุวรรณ และ นพ. รณชัย คงสกนธ์ พบว่า 60% ของคู่แต่งงานที่มีปัญหานี้ แต่งงานด้วยความรัก ขณะที่มีเมียน้อยร้อยละ 60 ก็ยังมีความสุขในชีวิตสมรส ที่มีปัญหาในชีวิตสมรสจริงๆ แค่ 5%  แม้การวิจัยชิ้นนี้จะใช้กลุ่มตัวอย่างที่ค่อนข้างแคบ(เพียง 20 ราย) คำตอบอาจไม่สะท้อนภาพรวมของปัญหาส่วนใหญ่ แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า ผู้หญิงเราแม้จะประสบความสำเร็จในการครองเรือนก็อาจหนีปัญหาเมียน้อยไม่พ้น
ในทัศนะคุณหมอสุขเจริญ ชีวิตแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ คู่สมรสต้องคอยปรับตัวเข้าหากันตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ 2-3 ปีแรกของการแต่งงาน แต่ตลอดชีวิตแต่งงาน ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มความต้องการทางใจและทางกายของกันและกันได้ ซึ่งเพียงเท่านี้ก็ยากเพียงพอ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นภูมิคุ้มกันปัญหาเมียน้อย
ต้องคอยป้องกันไม่ให้ผู้หญิงอื่นเข้าใกล้ชิดสามีคุณ เป็นข้อแนะนำจากคุณหมอรณชัย และมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ สมัยก่อนลูกเยอะลูกยิ่งเยอะ ก็ยิ่งทิ้ง แต่ปัจจุบันลูกน้อย พ่อแม่ทุ่มความรักเต็มที่ พอมีลูก สามีทุ่มความรักเต็มที่ไปที่ลูก เรื่องไปยุ่งข้างนอกจะน้อยลง"
[img width=600,height=400]http://www.thai-detective.com/S/p4.png[/img]
ผู้ชาย 4 ประเภทอันตราย
แต่ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในการครองเรือนปรับตัวเก่ง เกิดมาพร้อมเรด้าร์ ได้กลิ่นทันทีที่ผู้หญิงอื่นเข้าใกล้สามีเธอ ยังเจอปัญหาเมียน้อยก็มี คำตอบอาจอยู่ที่บุคลิกภาพของฝ่ายชาย มีผู้ชายบางประเภทที่พร้อมจะเป็นขุนแผน ซึ่งคุณหมอสุขเจริญ ได้แยกไว้คร่าวๆ 4 บุคลิก 4 ประเภท พร้อมวิธีสังเกตผู้ชายแต่ละประเภท แต่ย้ำว่า นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม ยังไม่ถือเป็นข้อสรุปทางวิชาการ ยังต้องผ่านการวิจัยอีกมาก
ผู้ชายหลงตัวเอง : มักเป็นคนเก่ง ความเก่งทำให้หลงตัวเอง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จมาเป็นระยะๆ ได้รับความชื่นชมและยอมรับจากผู้อื่นจนเคยชิน เป็นคนที่อยู่กับตัวเอง จึงไม่สามารถเข้าอกเข้าใจคนอื่น บางคนมีปัญหาในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ขาดหิริโอตัปปะ จะฉลาดมากและเอาเปรียบคนอื่นในสังคม ผู้ชายกลุ่มนี้มีโอกาสได้เจอผู้หญิงเยอะ เนื่องจากผู้หญิงจะให้ความสนใจด้วย ดูเก่ง ฉลาด ในการไขว่คว้าหาความรักความสนใจจากคนอื่น และจากผู้หญิงที่ไม่ใช่คู่จะยิ่งช่วยเสริมความภาคภูมิใจ
วิธีสังเกต : เป็นคนที่พูดถึงแต่เรื่องของตัวเอง คุยโวโอ้อวดความเก่ง ไม่แคร์ความรู้สึกของคนที่ตนอยู่ด้วยเท่าไร ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น แต่จะอ่อนไหวต่อคำวิพากษ์วิจารณ์มาก เมื่อตัวเองถูกวิจารณ์แม้เพียงแหย่เล่นก็จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบรุนแรง
ผู้ชายบุคลิกอ่อนแอ : เป็นคนไม่ชอบตัดสินใจ อารมณ์อ่อนไหว เปลี่ยนแปลงง่าย มักปล่อยตัวปล่อยใจไปตามเหตุการณ์จะพาไป ไม่ควบคุมตัวเอง ไม่ตัดสินใจทำอะไรที่ควรจะทำ
วิธิสังเกต : ไม่ค่อยตัดสินใจด้วยตนเอง
ผู้ชายบุคลิกอันธพาล : มีนิสัยก้าวร้าว ชอบแสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจ และสิ่งแปลกใหม่ในชีวิต มีแนวโน้มที่จะใช้สารเสพติดสูง คนกลุ่มนี้อาจโตขึ้นมาอย่างเด็กที่ขาดผู้ปกครองเป็นแบบอย่างที่ดีให้ ไม่มีคนสอนในเรื่องคุณธรรมจริยธรรมในวัยเด็ก (ซึ่งควรปลูกฝังตั้งแต่ก่อนอายุห้าขวบ เมื่อเลยห้าขวบ การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้เด็กมีหิริโอตัปปะในตัวเองจะยาก)
วิธีสังเกต : มักมีพื้นอารมณ์ที่วู่วาม ชอบเที่ยว พูดโกหกบ่อย และไม่ค่อยรู้สึกผิดเวลาทำความผิด ไม่มีหิริโอตัปปะ จะไม่ทำความผิดเพราะมีการควบคุมจากภายนอก ไม่ใช่ไม่ทำผิดเพราะรู้สึกไม่สบายใจ ผู้ชายกลุ่มนี้จึงถามหาความซื่อสัตย์ยาก
ผู้ชายสับสนในเอกลักษณ์ : ภาพตัวเองในใจตนเองสับสน ปกติคนเราจะมีภาพที่ชัดเจนว่าตนเองเป็นใครชอบอะไร นิสัยเช่นไร แต่ถ้าถามคนกลุ่มนี้ บางชั่วขณะจะตอบว่าตนเองเป็นคนดียังงั้นยังงี้ บางชั่วขณะตอบว่าตัวเองมีแต่ข้อเสีย อายุมากแล้วก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตอยากเป็นอะไร ไม่มีภาพพจน์ของตนเองที่ชัดเจนมั่นคง แต่จะเปลี่ยนได้เสมอตามสิ่งกระตุ้น
วิธีสังเกต : เป็นคนอ่อนไหว หุนหันพลันแล่น เจ้าอารมณ์ ชอบทำอะไรประชดประชัน สำส่อนทางเพศ มีประวัติฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตนเองบ่อย ความสัมพันธ์กับคนอื่นก็ดูแย่ ไม่สามารถจะมองความสัมพันธ์กับคนที่ผูกพันด้วยเป็นสีเทา ทุกอย่างเป็นขาวกับดำหมด วันใดคนใกล้ชิดดีด้วย ก็จะมองเป็นเทวดา วันรุ่งขึ้นคนใกล้ชิดขัดใจ ก็จะผิดหวังมองว่าเลวร้ายสุดๆ เป็นเช่นนี้สลับไปมา แต่ผู้ชายบุคลิกเช่นนี้จะพบไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิง และคนกลุ่มนี้มีโอกาสที่จะนอกใจคู่เพียงเพื่อแก้เผ็ดหรือประชดคู่ตนเองสูง
ในทัศนะของคุณหมอสุขเจริญ ปัญหาเมียน้อยเมื่อเกิดขึ้นแล้วจัดการลำบาก ยิ่งฝ่ายชายมีบุคลิกภาพแบบอันธพาล หรือสับสนในเอกลักษณ์ตนเอง ก็ยิ่งแก้ยาก ถ้าผู้ชายมีบุคลิกภาพแบบหลงตนเอง มักจบลงที่ผู้หญิงยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าผู้ชายมีบุคลิกภาพแบบอ่อนแอ มีโอกาสที่ความสัมพันธ์จะกลับคืนมาเพราะการนอกใจของผู้ชายกลุ่มนี้ จะขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่ไม่อาจเติมเต็มความรู้สึกของฝ่ายชายเป็นสำคัญ ถ้าแก้ไขและปรับความสัมพันธ์ ให้อีกฝ่ายรู้สึกได้รับการเติมเต็ม ทุกอย่างจะดีขึ้น
ขั้นตอนรับมือกับเมียน้อย
แม้คนส่วนใหญ่จะมองว่า เมียน้อยเป็นปัญหาคู่โลกยากจัดการ แต่คุณหมอรณชัยกลับมองว่าปัญหานี้แก้ได้ และได้เสนอ 7 ขั้นตอนรับมือเมื่อสามีมีเมียน้อย
ขั้นที่ 1 : ทันทีที่ผู้หญิงทราบว่าสามีมีเมียน้อย จะโกรธสามี พูดจากระแทกกระทั้น เรียกร้องสิทธิตนเองซึ่งถูก แต่ผลที่ได้ไม่คุ้มกัน สามีให้ความเป็นธรรมไม่ได้แล้ว ผ่านช่วงนั้นไปแล้ว ความสัมพันธ์เกิดขึ้นแล้ว จะให้เลิกทันทีก็คงไม่ได้ ควรหันมาประเมินตนเองว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน และปรับปรุง
ขั้นที่ 2 : ต้องพยายามคงไว้ซึ่งหน้าที่ความเป็นแม่และแม่บ้าน ถ้าผู้หญิงทิ้งหน้าที่ตรงนี้ สภาพครอบครัวจะยุ่งเหยิง ยิ่งเป็นประเด็นครอบครัวคืนสู่ภาวะปกติไม่ได้ ถ้าบทบาทแม่บ้านยังคงชัดเจน ทุกอย่างเป็นระเบียบ ภาพเราในสายตา ของฝ่ายชายจะดีขึ้นมาก แสดงว่าเรายังรับผิดชอบทุกอย่าง ดูแลครอบครัวได้ดี
ขั้นที่ 3 : จำไว้เสมอว่า เราเป็นเจ้าของแท้ๆของสามี ผู้หญิงอื่นเสมอเป็นนางบำเรอ ไม่ใช่คู่แข่งเรา ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเมียน้อย การไปฟาดฟันกับเมียน้อย เมียน้อยจะรู้สึกว่า ได้รับการยกระดับมากเท่าทียม ยิ่งฟาดฟันเมียน้อยก็ยิ่งเขยิบฐานะสูง สามีอยู่ตรงกลาง ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
ขั้นที่ 4 : พยายามอดทน อย่าใส่จกับการราวีของเมียน้อย เมื่อเราไม่ไปราวีเมียน้อย เมียน้อยจะมาราวีเอง นั่นเป็นธรรมชาติ เพราะถึงจุดจุดหนึ่ง เมียน้อยจะรู้สึกว่าต้องเขยิบฐานะขึ้น จะคอยโทรมาบอกว่าสามีอยู่กับเขานะ คอยกระตุ้นอารมณ์เรา เพราะฉะนั้นต้องอดทน ทะเบียนสมรสมีใบเดียว ยังไงฝ่ายโน้นก็ไม่ได้
ขั้นที่ 5 : จำไว้ประโยคหนึ่ง ลูกมีพ่อ ดีกว่าลูกไม่มีพ่อ ผลวิจัยทางวิชาการบอกไว้ชัดเจนว่า ถึงพ่อจะอยู่ด้วยไม่เต็มที่ ก็ยังดีกว่าลูกขาดพ่อ แม้สามีจะกลับบ้านเป็นครั้งคราว ครอบครัวคงต้องอยู่ในสภาพเหมือนปกติ ลูกยังรู้สึกอบอุ่น แล้วสามีจะเริ่มเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งนำไปสู่ข้อถัดไป
ขั้นที่ 6 : จำไว้เสมอว่า ถ้าเรามั่นคง ในขณะที่สามีเราอยู่ในจุดที่ไม่มั่นคง เพราะเขาไปมีเมียน้อย ซึ่งจะนำความวุ่นวายมาให้ เมื่อเมียน้อยไม่มีฐานะดีขึ้น ก็จะเรียกร้องมากขึ้น สามีเริ่มรู้สึกยุ่งยากแล้ว สามีจะปล่อยตรงนั้นง่ายขึ้นและกลับมาสู่ครอบครัวเดิม เพราะทุกอย่างมั่นคงกว่า ส่วนตรงนั้นมีแต่ความวุ่นวาย สามีจะเห็นเอง
ขั้นที่ 7 : เป็นภรรยา ต้องกุมเศรษฐกิจให้ได้ จะใช้เทคนิควิธีใดก็ได้ คุมเงินให้อยู่ เพื่อที่สามีจะลำบากในการไปยุ่งกับเมียน้อย พอลำบากปุ๊บ เมียน้อยจะกลับมาราวี เป็นวงจรอยู่อย่างนี้ เราต้องพยายามอยู่นอกวง ปล่อยให้สามีกับผู้หญิงคนนั้นทะเลาะกันไป สุดท้ายสามีจะกลับมา
คุณหมอรณชัยยังย้ำว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มักแก้ปัญหากลับกัน คือตามไปทะเลาะให้วุ่นวายหวังให้สามีกลับใจ บางคู่ก็กลับมาได้ แต่เทียบเปอร์เซ็นต์แล้ว คุณหมอเห็นว่าพังมากกว่าดี
เพราฉะนั้นในกรณีเหล่านี้ การมีสติจึงสำคัญที่สุดในการแก้ปัญหา

ขอบคุณบทความดีๆจาก : นิตยสาร Lisa

ขอบคุณ : http://www.detectivethai.com/?p=732

6
อย่าปล่อยให้สามีทำร้าย เมื่อเกิดเหตุการณ์สามีมีเมียน้อย คุณคิดกำจัดสามีไปพ้นๆ หรือคิดกำจัดเมียน้อยกันแน่

ผู้หญิงเก่งหรือผู้หญิงทำงาน มักจะยื่นคำขาดให้ฝ่ายชายเลือกคนใดคนหนึ่ง นพ.สุขเจริญ ตั้งวงษ์ไทย จิตแพทย์ประจำภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงทางเลือกของผู้หญิงหลังพบสามีปันกาย แต่ผู้หญิงอีกกลุ่มที่มีบุคลิกค่อนข้างพึ่งพิงผู้อื่น หรือกลุ่มแม่บ้าน ก็จะยอมและยอมเก็บความเจ็บช้ำไว้ในใจ ค่อยๆ ปรับตัวทำใจยอมรับ แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้หญิงบุคลิกเข้มแข็งหรือไม่ ภาวะที่สามีไปมีคนอื่นนั้น ทำร้ายจิตใจรุนแรงจนอาจกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิต
ผมเจอคนไข้ถึงขั้นฆ่าตัวตายหลังทราบข่าวสามีไปมีเมียน้อย รศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ เล่าจากประสบการณ์ ท่านเป็นหัวหน้าโครงการ ศูนย์นารีรักษ์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งให้ความช่วยเหลือผู้หญิงที่ประสบปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และมองว่าภาวะสามีมีเมียน้อยจัดเป็นความรุนแรงที่ทำร้ายจิตใจผู้หญิงไม่ต่างจากการถูกผู้ชายทำร้ายทุบตี ด่าว่า
ผู้หญิงเมื่อเจอสภาพนี้ นานวันเข้าอาจพัฒนาไปมีอาการของโรคซึมเศร้า รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีสมาธิ นอนไม่หลับ กินไม่ได้ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง หมดอาลัยตายอยาก บางคนพัฒนาไปมีอาการวิตกกังวลไปทุกเรื่อง กังวลแบบประสาท กลัวนั่นกลัวนี่ กลัวไปหมดโดยไม่มีสาเหตุ หนักๆเข้าก็เกิดโรคประสาททางกาย มีอาการปวดหัวไม่มีสาเหตุ กลัวเป็นมะเร็งในสมอง มีอาการแน่นหน้าอก ใจสั่น กลัวเป็นโรคหัวใจ เกิดเป็นโรคทางกายที่หาสาเหตุไม่เจอ
ขณะที่ฝ่ายชายเมื่อถูกยื่นคำขาดให้เลือกฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ก็มักตัดสินใจไม่ได้ ผู้หญิงบางคนอาจตัดใจเลยว่า เธอไม่เลือก ฉันเลิกเอง ไม่เช่นนั้นก็ปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังจนกว่าจะทำใจได้ หากทำใจไม่ได้นานวันเข้า โอกาสจะมีอาการประสาทก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ผู้ชายที่มีเมียน้อย คุณหมอรณชัยเล่าจากประสบการณ์ในการทำจิตบำบัด จะบอกว่ายังรักเทิดทูนภรรยาอยู่เสมอ เกินกว่าครึ่งยังอยากที่จะคงไว้ซึ่งครอบครัวเดิม ไม่คิดที่จะแยกทางหรือเลิกกับภรรยาหลวง เพียงให้ภรรยายอมรับว่าเขายังมีอีกคนหนึ่ง
ยังไม่มีการศึกษาที่ชี้ให้เห็นแนวทางการตัดสินใจของผู้หญิงไทยในเรื่องนี้ แต่การศึกษาในประเทศอิสราเอลโดย Charny IW. และ Parnass S. พบว่าประมาณ 1 ใน 3 ของผู้หญิงที่รู้ว่าสามีมีเมียน้อย ตัดสินใจหย่าร้าง อีก 1 ใน 3 ไม่หย่าแต่อยู่อย่างมีปัญหาในชีวิตสมรสเรื่อยมา และอีก 1 ใน 3 ยังคงชีวิตสมรสโดยไม่มีปัญหามากนัก
ผู้หญิงไทยก็คงมีสภาพไม่แตกต่างไปจากสตรีอิสราเอลเท่าไหร่ แล้วแต่ใครจะเลือกตัดสินใจเป็น 1 ใน 3 ของกลุ่มไหนเท่านั้น
ภูมิคุ้มกันเมียน้อย
น่าแปลกใจที่ปัญหาเมียน้อยไม่ได้มีสาเหตุจากความล้มเหลวในชีวิตแต่งงานดั่งที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจ
จากการศึกษา สาเหตุการมีเมียน้อยในชายไทย 20 ราย ของ พญ. นงพงา ลิ้มสุวรรณ และ นพ. รณชัย คงสกนธ์ พบว่า 60% ของคู่แต่งงานที่มีปัญหานี้ แต่งงานด้วยความรัก ขณะที่มีเมียน้อยร้อยละ 60 ก็ยังมีความสุขในชีวิตสมรส ที่มีปัญหาในชีวิตสมรสจริงๆ แค่ 5%  แม้การวิจัยชิ้นนี้จะใช้กลุ่มตัวอย่างที่ค่อนข้างแคบ(เพียง 20 ราย) คำตอบอาจไม่สะท้อนภาพรวมของปัญหาส่วนใหญ่ แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่า ผู้หญิงเราแม้จะประสบความสำเร็จในการครองเรือนก็อาจหนีปัญหาเมียน้อยไม่พ้น
ในทัศนะคุณหมอสุขเจริญ ชีวิตแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ คู่สมรสต้องคอยปรับตัวเข้าหากันตลอดเวลา ไม่ใช่แค่ 2-3 ปีแรกของการแต่งงาน แต่ตลอดชีวิตแต่งงาน ต่างฝ่ายต่างเติมเต็มความต้องการทางใจและทางกายของกันและกันได้ ซึ่งเพียงเท่านี้ก็ยากเพียงพอ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นภูมิคุ้มกันปัญหาเมียน้อย
ต้องคอยป้องกันไม่ให้ผู้หญิงอื่นเข้าใกล้ชิดสามีคุณ เป็นข้อแนะนำจากคุณหมอรณชัย และมีลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจ สมัยก่อนลูกเยอะลูกยิ่งเยอะ ก็ยิ่งทิ้ง แต่ปัจจุบันลูกน้อย พ่อแม่ทุ่มความรักเต็มที่ พอมีลูก สามีทุ่มความรักเต็มที่ไปที่ลูก เรื่องไปยุ่งข้างนอกจะน้อยลง"
[img width=600,height=400]http://www.thai-detective.com/S/p4.png[/img]
ผู้ชาย 4 ประเภทอันตราย
แต่ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในการครองเรือนปรับตัวเก่ง เกิดมาพร้อมเรด้าร์ ได้กลิ่นทันทีที่ผู้หญิงอื่นเข้าใกล้สามีเธอ ยังเจอปัญหาเมียน้อยก็มี คำตอบอาจอยู่ที่บุคลิกภาพของฝ่ายชาย มีผู้ชายบางประเภทที่พร้อมจะเป็นขุนแผน ซึ่งคุณหมอสุขเจริญ ได้แยกไว้คร่าวๆ 4 บุคลิก 4 ประเภท พร้อมวิธีสังเกตผู้ชายแต่ละประเภท แต่ย้ำว่า นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม ยังไม่ถือเป็นข้อสรุปทางวิชาการ ยังต้องผ่านการวิจัยอีกมาก
ผู้ชายหลงตัวเอง : มักเป็นคนเก่ง ความเก่งทำให้หลงตัวเอง เป็นคนที่ประสบความสำเร็จมาเป็นระยะๆ ได้รับความชื่นชมและยอมรับจากผู้อื่นจนเคยชิน เป็นคนที่อยู่กับตัวเอง จึงไม่สามารถเข้าอกเข้าใจคนอื่น บางคนมีปัญหาในเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ขาดหิริโอตัปปะ จะฉลาดมากและเอาเปรียบคนอื่นในสังคม ผู้ชายกลุ่มนี้มีโอกาสได้เจอผู้หญิงเยอะ เนื่องจากผู้หญิงจะให้ความสนใจด้วย ดูเก่ง ฉลาด ในการไขว่คว้าหาความรักความสนใจจากคนอื่น และจากผู้หญิงที่ไม่ใช่คู่จะยิ่งช่วยเสริมความภาคภูมิใจ
วิธีสังเกต : เป็นคนที่พูดถึงแต่เรื่องของตัวเอง คุยโวโอ้อวดความเก่ง ไม่แคร์ความรู้สึกของคนที่ตนอยู่ด้วยเท่าไร ไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของคนอื่น แต่จะอ่อนไหวต่อคำวิพากษ์วิจารณ์มาก เมื่อตัวเองถูกวิจารณ์แม้เพียงแหย่เล่นก็จะมีปฏิกิริยาโต้ตอบรุนแรง
ผู้ชายบุคลิกอ่อนแอ : เป็นคนไม่ชอบตัดสินใจ อารมณ์อ่อนไหว เปลี่ยนแปลงง่าย มักปล่อยตัวปล่อยใจไปตามเหตุการณ์จะพาไป ไม่ควบคุมตัวเอง ไม่ตัดสินใจทำอะไรที่ควรจะทำ
วิธิสังเกต : ไม่ค่อยตัดสินใจด้วยตนเอง
ผู้ชายบุคลิกอันธพาล : มีนิสัยก้าวร้าว ชอบแสวงหาความตื่นเต้นเร้าใจ และสิ่งแปลกใหม่ในชีวิต มีแนวโน้มที่จะใช้สารเสพติดสูง คนกลุ่มนี้อาจโตขึ้นมาอย่างเด็กที่ขาดผู้ปกครองเป็นแบบอย่างที่ดีให้ ไม่มีคนสอนในเรื่องคุณธรรมจริยธรรมในวัยเด็ก (ซึ่งควรปลูกฝังตั้งแต่ก่อนอายุห้าขวบ เมื่อเลยห้าขวบ การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้เด็กมีหิริโอตัปปะในตัวเองจะยาก)
วิธีสังเกต : มักมีพื้นอารมณ์ที่วู่วาม ชอบเที่ยว พูดโกหกบ่อย และไม่ค่อยรู้สึกผิดเวลาทำความผิด ไม่มีหิริโอตัปปะ จะไม่ทำความผิดเพราะมีการควบคุมจากภายนอก ไม่ใช่ไม่ทำผิดเพราะรู้สึกไม่สบายใจ ผู้ชายกลุ่มนี้จึงถามหาความซื่อสัตย์ยาก
ผู้ชายสับสนในเอกลักษณ์ : ภาพตัวเองในใจตนเองสับสน ปกติคนเราจะมีภาพที่ชัดเจนว่าตนเองเป็นใครชอบอะไร นิสัยเช่นไร แต่ถ้าถามคนกลุ่มนี้ บางชั่วขณะจะตอบว่าตนเองเป็นคนดียังงั้นยังงี้ บางชั่วขณะตอบว่าตัวเองมีแต่ข้อเสีย อายุมากแล้วก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตอยากเป็นอะไร ไม่มีภาพพจน์ของตนเองที่ชัดเจนมั่นคง แต่จะเปลี่ยนได้เสมอตามสิ่งกระตุ้น
วิธีสังเกต : เป็นคนอ่อนไหว หุนหันพลันแล่น เจ้าอารมณ์ ชอบทำอะไรประชดประชัน สำส่อนทางเพศ มีประวัติฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตนเองบ่อย ความสัมพันธ์กับคนอื่นก็ดูแย่ ไม่สามารถจะมองความสัมพันธ์กับคนที่ผูกพันด้วยเป็นสีเทา ทุกอย่างเป็นขาวกับดำหมด วันใดคนใกล้ชิดดีด้วย ก็จะมองเป็นเทวดา วันรุ่งขึ้นคนใกล้ชิดขัดใจ ก็จะผิดหวังมองว่าเลวร้ายสุดๆ เป็นเช่นนี้สลับไปมา แต่ผู้ชายบุคลิกเช่นนี้จะพบไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะพบในผู้หญิง และคนกลุ่มนี้มีโอกาสที่จะนอกใจคู่เพียงเพื่อแก้เผ็ดหรือประชดคู่ตนเองสูง
ในทัศนะของคุณหมอสุขเจริญ ปัญหาเมียน้อยเมื่อเกิดขึ้นแล้วจัดการลำบาก ยิ่งฝ่ายชายมีบุคลิกภาพแบบอันธพาล หรือสับสนในเอกลักษณ์ตนเอง ก็ยิ่งแก้ยาก ถ้าผู้ชายมีบุคลิกภาพแบบหลงตนเอง มักจบลงที่ผู้หญิงยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ถ้าผู้ชายมีบุคลิกภาพแบบอ่อนแอ มีโอกาสที่ความสัมพันธ์จะกลับคืนมาเพราะการนอกใจของผู้ชายกลุ่มนี้ จะขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่ไม่อาจเติมเต็มความรู้สึกของฝ่ายชายเป็นสำคัญ ถ้าแก้ไขและปรับความสัมพันธ์ ให้อีกฝ่ายรู้สึกได้รับการเติมเต็ม ทุกอย่างจะดีขึ้น
ขั้นตอนรับมือกับเมียน้อย
แม้คนส่วนใหญ่จะมองว่า เมียน้อยเป็นปัญหาคู่โลกยากจัดการ แต่คุณหมอรณชัยกลับมองว่าปัญหานี้แก้ได้ และได้เสนอ 7 ขั้นตอนรับมือเมื่อสามีมีเมียน้อย
ขั้นที่ 1 : ทันทีที่ผู้หญิงทราบว่าสามีมีเมียน้อย จะโกรธสามี พูดจากระแทกกระทั้น เรียกร้องสิทธิตนเองซึ่งถูก แต่ผลที่ได้ไม่คุ้มกัน สามีให้ความเป็นธรรมไม่ได้แล้ว ผ่านช่วงนั้นไปแล้ว ความสัมพันธ์เกิดขึ้นแล้ว จะให้เลิกทันทีก็คงไม่ได้ ควรหันมาประเมินตนเองว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน และปรับปรุง
ขั้นที่ 2 : ต้องพยายามคงไว้ซึ่งหน้าที่ความเป็นแม่และแม่บ้าน ถ้าผู้หญิงทิ้งหน้าที่ตรงนี้ สภาพครอบครัวจะยุ่งเหยิง ยิ่งเป็นประเด็นครอบครัวคืนสู่ภาวะปกติไม่ได้ ถ้าบทบาทแม่บ้านยังคงชัดเจน ทุกอย่างเป็นระเบียบ ภาพเราในสายตา ของฝ่ายชายจะดีขึ้นมาก แสดงว่าเรายังรับผิดชอบทุกอย่าง ดูแลครอบครัวได้ดี
ขั้นที่ 3 : จำไว้เสมอว่า เราเป็นเจ้าของแท้ๆของสามี ผู้หญิงอื่นเสมอเป็นนางบำเรอ ไม่ใช่คู่แข่งเรา ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเมียน้อย การไปฟาดฟันกับเมียน้อย เมียน้อยจะรู้สึกว่า ได้รับการยกระดับมากเท่าทียม ยิ่งฟาดฟันเมียน้อยก็ยิ่งเขยิบฐานะสูง สามีอยู่ตรงกลาง ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
ขั้นที่ 4 : พยายามอดทน อย่าใส่จกับการราวีของเมียน้อย เมื่อเราไม่ไปราวีเมียน้อย เมียน้อยจะมาราวีเอง นั่นเป็นธรรมชาติ เพราะถึงจุดจุดหนึ่ง เมียน้อยจะรู้สึกว่าต้องเขยิบฐานะขึ้น จะคอยโทรมาบอกว่าสามีอยู่กับเขานะ คอยกระตุ้นอารมณ์เรา เพราะฉะนั้นต้องอดทน ทะเบียนสมรสมีใบเดียว ยังไงฝ่ายโน้นก็ไม่ได้
ขั้นที่ 5 : จำไว้ประโยคหนึ่ง ลูกมีพ่อ ดีกว่าลูกไม่มีพ่อ ผลวิจัยทางวิชาการบอกไว้ชัดเจนว่า ถึงพ่อจะอยู่ด้วยไม่เต็มที่ ก็ยังดีกว่าลูกขาดพ่อ แม้สามีจะกลับบ้านเป็นครั้งคราว ครอบครัวคงต้องอยู่ในสภาพเหมือนปกติ ลูกยังรู้สึกอบอุ่น แล้วสามีจะเริ่มเห็นอะไรบางอย่าง ซึ่งนำไปสู่ข้อถัดไป
ขั้นที่ 6 : จำไว้เสมอว่า ถ้าเรามั่นคง ในขณะที่สามีเราอยู่ในจุดที่ไม่มั่นคง เพราะเขาไปมีเมียน้อย ซึ่งจะนำความวุ่นวายมาให้ เมื่อเมียน้อยไม่มีฐานะดีขึ้น ก็จะเรียกร้องมากขึ้น สามีเริ่มรู้สึกยุ่งยากแล้ว สามีจะปล่อยตรงนั้นง่ายขึ้นและกลับมาสู่ครอบครัวเดิม เพราะทุกอย่างมั่นคงกว่า ส่วนตรงนั้นมีแต่ความวุ่นวาย สามีจะเห็นเอง
ขั้นที่ 7 : เป็นภรรยา ต้องกุมเศรษฐกิจให้ได้ จะใช้เทคนิควิธีใดก็ได้ คุมเงินให้อยู่ เพื่อที่สามีจะลำบากในการไปยุ่งกับเมียน้อย พอลำบากปุ๊บ เมียน้อยจะกลับมาราวี เป็นวงจรอยู่อย่างนี้ เราต้องพยายามอยู่นอกวง ปล่อยให้สามีกับผู้หญิงคนนั้นทะเลาะกันไป สุดท้ายสามีจะกลับมา
คุณหมอรณชัยยังย้ำว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่มักแก้ปัญหากลับกัน คือตามไปทะเลาะให้วุ่นวายหวังให้สามีกลับใจ บางคู่ก็กลับมาได้ แต่เทียบเปอร์เซ็นต์แล้ว คุณหมอเห็นว่าพังมากกว่าดี
เพราฉะนั้นในกรณีเหล่านี้ การมีสติจึงสำคัญที่สุดในการแก้ปัญหา

ขอบคุณบทความดีๆจาก : นิตยสาร Lisa

ขอบคุณ : http://www.detectivethai.com/?p=732

9
เมื่อ 'คุณ' หรือ 'คนรัก' ถูกจับได้ว่ามีคนอื่น แทนที่จะเลิกรากันเพราะความผิดแค่ครั้งเดียว ทำไมไม่ลองต่อสู้เพื่อรักนี้ดูเล่า? วารสาร Comparative Family Studies เผยว่าปัจจุบันนี้ คนทั่วไปกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ ยอมรับว่าเคยนอกใจแฟน ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางท่านมองว่า 'ตัวเลขนี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ' ใจเย็นเข้าไว้...ฟ้ายังไม่ถล่มหรอก คุณไม่ใช่คนแรกที่โดนคนรักนอกใจ

สาวๆ หลายคนรับไม่ได้และตัดสินใจจบความสัมพันธ์ด้วยการเลิกรา "แต่การเลิกกันไม่ใช่ทางออกเดียวในการรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น" เราไม่อยากให้คุณเลิกกับเขา...เพราะเพื่อนยุ แม่แนะนำ หรือใครสักคนบอกมา  และเราก็ไม่ได้บอกให้คุณหูหนวกตาบอดไม่รู้ไม่ชี้เรื่องเขานอกใจ ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายผิดก็ตาม ถามตัวเองดูว่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ คุ้มค่าที่จะเยียวยาหรือไม่? ถ้าคำตอบของคุณคือ 'ใช่' เรามาแสวงหาหนทางกัน                                นักสืบมืออาชีพ
1. เลิกติดต่อกับกิ๊กอีกเด็ดขาด : เมื่อตัดสินใจจะรักษาความรักเอาไว้ 'คุณต้องกำจัดกิ๊กออกไปจากชีวิตให้เด็ดขาด' ไม่ต้องอาลัยอาวรณ์กันอีกต่อไป วิธีนี้ง่ายที่สุดแต่ก็เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดเช่นเดียวกัน  คุณทั้งสองต้องรับมือกับช่วงเวลาที่นอยด์ที่สุดหลังจากความเชื่อใจพังทลาย คุณจะไม่เชื่อคำพูดของเขาว่าตัดผู้หญิงคนนั้นออกไปจากชีวิตแล้ว และอย่าคิดว่าเขาจะเชื่อคำพูดของคนที่เคยนอกใจเขาเช่นเดียวกัน
'ช่วงที่คำพูดของคนผิดไม่มีความหมายกลายเป็นอากาศธาตุนี้ แทนที่จะพูดอย่างเดียวต้องพิสูจน์ให้เห็นด้วยการกระทำว่าจะไม่มีการติดต่อ หรือเลิกยุ่งกันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป' ให้เขียนจดหมายหรืออีเมลหากิ๊ก 'แต่อีเมลฉบับนี้ต้องเขียนต่อหน้าแฟน โดยใช้ข้อความประมาณว่า เราไม่สามารถเจอกันได้อีก เพราะฉันอยากสร้างความสัมพันธ์กับเขาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ดังนั้น ไม่ต้องโทรศัพท์หรือส่งข้อความมาอีก' ประโยคประมาณนี้จะทำให้มือที่สามจุกอก และรับรู้ว่าบุคคลที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุดคือตัวจริงไม่ใช่กิ๊ก
2. ถ้าต้องเจอกับกิ๊กหน้าด้าน : ที่ไม่ว่าคุณจะเพียรบอก ห้าม เตือน หรือสั่งให้หยุด แต่ชู้ก็ยังวนเวียนอยู่ในชีวิตรักของคุณ คนประเภทนี้ไม่เคารพขอบเขตความสัมพันธ์ของคุณ "จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณทั้งสองต้องคุยกันให้ชัดเจนว่าจะรับมือกับคนแบบนี้อย่างไร" สก็อตต์ ฮัลซ์แมน (Scott Haltzman) หมอจิตวิทยาที่เมืองเนเบิลส์ รัฐฟลอลิดา และเจ้าของหนังสือ Secret of Surviving Infidelity แนะนำให้มองกิ๊กเป็นเหมือนอากาศธาตุ ไม่ต้องใส่ใจ ทำเหมือนว่านี่คือสิ่งไม่มีชีวิต
คุณต้องเรียกความมั่นใจของเขากลับคืนมาด้วยการแสดงความจริงใจ คุณทั้งสองต้องเปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้ามาในโลกส่วนตัวของคุณมากกว่าที่เคย อย่างให้เขาเช็กข้อความในเฟซบุ๊ก อีเมล มือถือ แม้กระทั่งบัญชีธนาคารและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ "ทุกความพยายามของคุณ คือหนทางที่ทำให้อีกฝ่ายกลับมาเชื่อใจคุณอีกครั้งหนึ่ง นี่คือขั้นตอนที่จะแสดงให้ดาร์ลิ่งเห็นว่า...ตอนนี้คุณไม่มีอะไรต้องหลบซ่อนอีกต่อไป" และไม่มีรอยรั่วใดๆ ให้มือที่สามกระแซะเข้ามาอีกได้แน่
ถ้าคุณเห็นอดีตกิ๊กของแฟนส่งข้อความมา 'อย่าเพิ่งไปอาละวาดใส่คนของเราโดยไม่สอบถามข้อเท็จจริงก่อน' แต่หากเป็นกรณีของคุณเอง กิ๊กเก่าดันส่งข้อความมาก็อย่าปิดบัง ใจเย็นๆ ให้คุยกันให้เข้าใจว่าคุณไม่ได้เริ่ม หรือพยายามติดต่อเขาอีกเลย
3. ตรวจสอบหาความจริง : หากไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกประการ คุณจะปิดคดีนี้ได้อย่างไร? ดังนั้นสอบสวนมันเข้าไป 'เพื่อดูปฏิกิริยาและไขข้อข้องใจของตัวเอง วิเคราะห์ว่าปัญหามันลึกล้ำขนาดไหน' นึกถึงซีรี่ส์ CSI สิ วิธีนี้คือ ถามๆๆๆ และตอบๆๆๆ 'นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีในการรับมือปัญหา สอบถามข้อมูลต่างๆ ที่คุณอยากรู้เมื่อถูกนอกใจ' เช่น นางเป็นใคร มาจากไหน รู้จักกันได้อย่างไร คนโดนนอกใจย่อมอยากรู้ว่ามีอีกคนนานแค่ไหนแล้ว "หากคุณเป็นฝ่ายโดนสวมเขา ลองตั้งคำถามจี๊ดใจและวัดเอาจากคำตอบว่าคุณยังอยากอยู่กับผู้ชายคนนี้ไหม ถ้าเกิดเขาตอบอะไรแรงๆ มา โดยถามตัวเองก่อนว่า 'ถ้าเขาบอกว่าเคย...ฉันจะทนอยู่กับเขาอีกต่อไปไหม" แต่ถ้าคุณเป็นฝ่ายตอบ 'จงตอบทุกข้อสงสัยของแฟนอย่างซื่อสัตย์ชัดเจน แม้แฟนจะถามตรงๆ ว่าคุณมีเซ็กซ์ท่าไหนกับกิ๊ก หรือใช้เซ็กซ์ทอยหรือเปล่า' ความซื่อสัตย์จะเป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า ที่ผ่านมาการโกหกกลายเป็นอดีตไปแล้ว "แต่ถ้าเขาไม่ได้ถามคุณอย่างละเอียด ก็ไม่ต้องชี้แจงแบบหาเหาใส่หัว คุณควรกลั่นกรองก่อนตอบ" (เพราะไม่จำเป็นต้องเปิดปากเลยว่า ที่นอกใจเขาเป็นเพราะอีกฝ่ายหล่อโคตรๆ)                                          นักสืบประเทศไทย
4. ฮันนีมูนหลังนอกใจ : สิ่งนี้จะเยียวยาแผลรักได้ดีที่สุด เพราะทั้งคุณและเขาไม่ต้องมาคอยรับฟังความคิดเห็นจากคนภายนอก เป็นวิธีหลีกหนีจากเพื่อนๆ การงาน ครอบครัวและทุกอย่าง เพื่อสานสัมพันธ์ให้อยู่รอด วิลลาร์ด เอฟ ฮาร์ลีย์ (Willard F. Harley) ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและเจ้าของงานเขียน His Needs, Her Needs บอกเราว่า 'ขั้นตอนนี้เกี่ยวพันกับอารมณ์ความรู้สึกล้วนๆ  ถ้าลึกๆ คุณไม่อยากเลิกกับเขา คุณก็ควรเปิดใจตัวเองอีกครั้งหนึ่ง' ทริปนี้ไม่ควรมีกิจกรรมมากมาย หรืออยู่ท่ามกลางคนเยอะๆ เป้าหมายของเราคือต้องการหาเวลาอยู่ร่วมกัน 'หลีกเลี่ยงสถานที่สำหรับคู่หวาน หรือที่ๆ จะบิลด์อารมณ์ให้ของขึ้น แค่อยู่ด้วยกันและทำให้โรแมนติกที่สุด เท่าที่จะทำได้ก็พอ และหากคุณพร้อมก็ควรจะมีเซ็กซ์กับเขา (ในแบบที่ปราศจากความโกรธหรือไม่ซื่อสัตย์) เพราะการเชื่อมโยงทางกาย...เป็นสิ่งที่จะทำให้คุณทั้งสองรู้สึกถึงสิ่งที่ทำร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง'
5. ต้นตอของปัญหา : "การนอกใจเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่สาเหตุของการเลิกรา" มาร์กาเร็ต คลอว์ (Margaret Klaw) ผู้เขียน Keeping It Civil กล่าว 'หลายคู่ยอมรับว่านอกใจกันจริง แต่ชีวิตสมรสจบลงนานแล้ว' การแยกเตียงกันอยู่จนอีกฝ่ายมีคนใหม่ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ คนที่ไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้ ให้กันไว้ดีกว่าแก้ แทนที่จะหาทางรับมือกับมัน ให้คุณหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดการนอกใจดีกว่า คุณหมอวิลลาร์ด แนะนำว่า "อย่ากลับไปหากิจวัตรเดิมๆ เช่น แทนที่จะทำงานเป็นบ้าเป็นหลังเหมือนเก่า ลองหาเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น เพื่อสร้างความโรแมนติกที่ขาดหายไป เติมเต็มความรู้สึกทางใจและทางกาย หากิจกรรมที่คุณทั้งคู่ชอบทำร่วมกัน อย่างการหาร้านอร่อยๆ หรือชวนกันไปออกกำลังกาย" และอย่าลืมเรื่องความจริงใจและซื่อสัตย์ แต่ถ้าทุกข้อที่กล่าวมาไม่ทำให้คุณรู้สึกว่าความสัมพันธ์จะอยู่รอด หนทางสุดท้ายคือการปรึกษานักบำบัด หรือผู้ให้คำปรึกษาด้านความสัมพันธ์ เพื่อช่วยให้คุณฟันฝ่าอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้ และรู้ว่าควรรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร...แต่ทั้งหมดนี่ เพราะคุณเห็นว่ามันคุ้มค่าจริงๆ นะ ที่จะรักษาเขาและความรักของคุณเอาไว้
 
 
ขอบคุณบทความดีๆจาก : http://www.detectivethai.com

สายตรง โทร.0845020688 นักสืบณรงค์
Email : [email protected]



14
ปัญหาเล็กปัญหาน้อยที่เคยว่ากันมา ยังไงเสียก็ไม่มีเรื่องไหนใหญ่หลวงเท่ากับเรื่องนี้ ก็จริงนะครับ ในชีวิตครอบครัว ไม่มีเรื่องไหนที่จะใหญ่ไปกว่า...เมื่อรู้ว่าสามีมีเมียน้อย!



รู้ได้อย่างไรว่าสามีแอบมี "กิ๊ก"

เรื่องนี้ อย่างน้อยคนที่เราแต่งงานอยู่กินกันมา เราก็คงรู้จักนิสัย กิจวัตรของเขาค่อนข้างดี ยิ่งถ้าอยู่บ้านเดียวกัน ต้องอยู่ด้วยกันทุกวัน ยิ่งจับได้ไม่ยาก หากอยู่กันคนละบ้าน ทำงานต่างจังหวัด นานๆ กลับบ้านที อย่างนี้ก็ลำบากหน่อย...แต่ความลับก็ไม่มีในโลก สักวันก็คงเผลอพิรุธออกมาเจอจนได้แหละครับ โดยผ่านสิ่งต่างๆ เหล่านี้

มีช่วงเวลาที่หายไป

หายไปโดยไม่มีใครรู้ไม่ได้ไปทำงาน ไม่ได้กลับบ้าน แล้วก็อธิบายไม่ได้ว่าไปไหน...คุณแม่บ้านบางคนเคยเล่าให้ฟังว่า ทุกคืนต้องแอบไปจดเลขไมล์บนหน้าปัดรถ แล้วมาจับได้เมื่อตอนสามีบอกว่าไปทำงานไม่ได้ไปไหนเล้ย..ที่ไหนได้เลขไมล์ ขึ้นแค่ระยะหน้าปากซอยนี่เอง

เริ่มมีความลับ

คนที่แต่งงานอยู่กินกันมาโดยมาก ไม่ค่อยมีเรื่องต้องปิดบังอะไรกันหรอกครับ แต่หากมีอาการลับๆ ล่อๆ แอบโทรศัพท์ไม่ให้เรารู้ แอบซื้อของมาแต่ไม่ให้เราเห็น แอบมีพวงกุญแจแปลกๆ ที่ไม่ใช่กุญแจที่ใช้ในบ้าน หรือแอบทำอะไรโดยที่ไม่อยากให้เราเห็น...อาการอย่างนี้ก็ต้องจับตาดูให้ดี

หัดโกหก

คนบางคนพอพูดโกหก สายตาและสีหน้าจะบอกว่ากำลังโกหกอยู่ ยกเว้นบางคนที่แสดงละครได้แนบเนียนอาจจะรอดตัว...หากจับได้ว่าสามีพูดโกหก ลองติดตามเรื่องต่อไปได้ว่าโกหกเรื่องอะไร เพราะอะไร เดี๋ยวเจอดีเอง

ความรักจืดจาง

ในเมื่อเขาต้องแบ่งปันความรักไปให้คน อื่นด้วย ใจเขาก็ไม่ได้อยู่ที่เราคนเดียว ตัวอยู่กับเรา ใจอาจไปไหนๆ แล้วก็ได้ การดูแลครอบครัวจะน้อยลง ความรับผิดชอบจะลดลง บางทีบางคนอาจจะเห็นอะไรในบ้านมันน่าเบื่อไปหมด...น้ำพริกถ้วยเก่ามันก็เซ็ง เป็นธรรมดา จะไปสดเหมือนน้ำพริกถ้วยใหม่ได้ยังไงล่ะครับ
แต่อาการทั้งหมดนี้เป็นแค่ลางเฉยๆ นะครับ จะไปสรุปเหมารวมเลยคงไม่ได้ เดี๋ยวเขาจะว่าอ่านคอลัมน์หมออานนท์แล้วระแวงกันไปเกินกว่าเหตุ...ต้องจับ ได้คาหนังคาเขาถึงจะชัวร์มีเมียน้อยแน่แท้ สามีฉัน

พอสรุปได้ดังนี้..อันดับแรกก็ต้องใจเย็นๆ ไว้ก่อน แล้วลองทำตามนี้ก็แล้วกัน


10 กลยุทธ์สู้เมียน้อย เมื่อจับได้ว่าสามีมีกิ๊ก

1.ทำใจกับข่าวร้าย ตื่นเช้ามาก็ยังดีๆ อยู่ ใครจะไปรู้ว่าวันนี้จะได้ข่าวใหญ่ในชีวิต มันก็ตั้งตัวไม่ทันเหมือนกันนะครับ เมื่อได้ข่าวร้าย ต้องมั่นใจก่อนว่าไม่ใช่ข่าวปล่อยของผู้ไม่หวังดี บางทีอารมณ์ชั่ววูบก็ยิ่งทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเก่า ขอเวลาให้ตัวเองสักครู่ ทบทวนทางเลือกของชีวิตให้ดี เรื่องนี้กระทบอะไร กับใครบ้าง ต้องคิดให้ดี ยิ่งมีลูก ยิ่งต้องคิดเผื่ออนาคตลูกไว้ด้วย เรื่องแบ่งสมบัติเอาไว้คิดทีหลัง ที่บอกว่าต้องใจเย็นๆ เพราะผู้หญิงบางคนอารมณ์ร้อน ใจร้อน เอะอะ โวยวาย ชวนทะเลาะเสียงดัง บางครั้งถึงลงไม้ลงมือ ถ้าถึงขั้นนี้ บางครั้งมันก็ไม่สามารถแก้ไขกลับมาให้ดีได้เหมือนเก่า หากใจเย็น ตั้งสติไว้ แล้วท่องคาถาไว้แค่ว่า "อย่าให้อะไรมันเลวร้ายลงมากกว่านี้" ค่อยๆ พูดกัน หาทางแก้ไขปัญหาโดยวิธีสันติ ดีกว่าการประกาศสงคราม หากอยากจะร้องไห้ อยากจะระบายก็ต้องให้คุณสามีตัวดีรับรู้ด้วยว่าเราไม่ได้อ่อนแอ เพียงแค่เสียใจที่คนที่เรารักทำอย่างนี้กับเราเท่านั้นเอง

2. สำรวจตัวเอง จากนั้นต้องดูตัวเองเป็นอันดับแรกแหละครับ เราจะไปรู้จักคนอื่นได้ดีได้อย่างไร หากไม่รู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน ดูว่าเราเปลี่ยนแปลงอะไรไปจากเดิมบ้าง คนที่สามีเรารักและแต่งงานด้วยกับตอนนี้มีอะไรที่ต่างกันหรือเปล่า เราเป็นฝ่ายเปลี่ยนไป ซึ่งทำให้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป หรือว่าเรายังคงเหมือนเดิม แต่เขาเป็นคนเปลี่ยนไปเอง ที่ให้สำรวจตัวเองก่อน เพราะบางครั้งเราไม่เคยรู้จักตัวเองเลยว่า ขี้โมโห เอาแต่ใจตัวเองยังไง จนกระทั่งวันที่เขาไปมีคนอื่น...ถึงตอนนี้ต้องหันกลับมาดูตัวเองแล้วว่ามี อะไรดี ไม่ดี มีอะไรเปลี่ยนไปจากคนที่เขาเคยรักบ้าง ทำตัวให้เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยรัก เคยขอแต่งงาน...ดีกว่าไปนั่งพูดเสียดสี กระแนะกระแหนให้ต้องทะเลาะกันเป็นไหนๆ

3.ทำความรู้จักสามีของตัวเองให้ดีขึ้น ผู้หญิงบางคนแทบจะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับงานการของสามีเลย เพื่อนฝูงของสามีก็ไม่รู้จัก บอกเอาไว้ก่อนว่ากรณีอย่างนี้เพื่อนฝูงตัวดีนี่แหละที่จะหาเมียน้อยมาให้ สามีเรา การที่เราไปสังคมกับเพื่อนๆ ของสามีบ้าง เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง อย่างน้อยเห็นหน้ากันบ่อยๆ จะได้เกรงใจกันบ้าง หรือบางทีหากสามีเราว่อกแว่กไปปิ๊งสาวคนไหน เพื่อนของสามีอาจจะรีบส่งข่าวให้เรา จะได้รีบตัดไฟเสียแต่ต้นลมสบายใจไป

4.หลายหัวดีกว่าหัวเดียว เรื่องละเอียดอ่อนอย่างนี้ บางครั้งการได้คุยได้ปรึกษากับคนใกล้ชิดที่ไว้ใจ อาจจะช่วยอะไรได้มาก หลายคนอาจมีประสบการณ์อย่างนี้มาก่อน ในช่วงเวลาอย่างนี้ การปลอบโยน การให้กำลังใจ การช่วยเหลือจากคนรอบข้างจะทำให้เรารู้สึกอบอุ่นขึ้นได้ ดีกว่าต้องนั่งอมทุกข์อยู่คนเดียว หลายๆ คนอาจจะอายที่ต้องบอกเรื่องนี้กับคนอื่น ถึงตอนนี้แล้วคำแนะนำจากใครสักคนน่าจะดีกว่า

5.คิดให้ดี จะทำอะไรต้องคิดก่อนล่ะครับ ความดีของเขาที่เคยดูแล ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาแต่กาลก่อน ก็เยอะเหมือนกัน ความผิดพลาดแค่ครั้งเดียว ก็ต้องคอยดูกันต่อไปว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ บางครั้งการแก้ปัญหาโดยการให้อภัยจะเป็นผลดีต่อครอบครัวมากกว่า...แต่ต้อง กำชับให้มั่นใจนะว่า "ต้องไม่มีครั้งต่อไปอีก" หากมีปัญหาในชีวิตครอบครัว ให้นึกถึงคำพระที่ท่านให้ไว้ตอนแต่งงานว่า "ให้ร่วมทุกข์ ร่วมสุข อดทน และให้อภัย" ไว้ การคิดแก้ปัญหาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อนเสมอ นั่นคือ "ทำอย่างไรให้ครอบครัวกลับมาอบอุ่นมีความสุขเหมือนเดิม" ลองเอาคำนี้เป็นจุดตั้งต้น แล้วค่อยๆ หาแนวทางที่จะทำให้เป็นไปได้ ที่จริงก็ยากนะ ที่จะประสานแก้วที่มันร้าวให้กลับเป็นแก้วสวยสดใสดังเดิม แต่ก็ควรพยายามเชื่อมประสานแก้วให้ไร้ร้อยให้มากที่สุด เพื่อความสุขของตัวเองและลูก นอกจากมันจะสุดปลายมือจริงๆ ที่จะรักษาแก้วนี้ไว้...มันก็จะตกแตกกระจาย..ไร้ค่าแปดเปื้อนธุลีดิน

6.ใช้ชีวิตร่วมกันให้มากขึ้น บางครั้งถ้าไม่เกิดปัญหา คนเราก็ไม่เคยหันมามองตัวเองหรอกครับ บางคู่อยู่บ้านเดียวกัน เจอหน้ากันแต่ไม่เคยได้คุยกันจริงๆ จังๆ เลยก็มี ยิ่งเดี๋ยวนี้ผู้หญิงทำงานนอกบ้านกันมากขึ้นยิ่งทำให้รู้สึกห่างเหินห่างไกล กันไปใหญ่ บางคู่ไม่เคยไปเที่ยวด้วยกันมา 4-5 ปีแล้วก็มี พอสามีไปมีบ้านเล็ก บางคนอาจจะสมน้ำหน้าตัวเองก็ได้ การได้มีเวลาอยู่ร่วมกันก็จะทำให้เราเข้าใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ได้พูดกัน คุยกัน ทำความเข้าใจกัน ประสานร้อยร้าว ความขัดแย้งที่มีต่อกันได้ ถึงตอนนี้คงต้องเลือกเอาครอบครัวเป็น หลักมากกว่าเรื่องงานแล้วล่ะครับ พยายามกลับบ้านให้เร็วขึ้น ทำกับข้าวตั้งโต๊ะกินพร้อมกัน พออิ่มแล้วก็นั่งเล่นเปิดเพลงฟัง คุยกันถึงเรื่องเก่าๆ ที่ทำให้มีความสุข อย่าได้มีการพูดประชดประชัน หรือขุดเรื่องร้ายๆ เก่าๆ มาตอกย้ำเป็นอันขาด ไม่ว่าจะคันปากสักเพียงไหน ต้องยึดหลักง่ายๆ ไว้อย่างเดียวว่า "อย่าให้อะไรมันเลวร้ายลงมากกว่านี้" ลองเอารูปเก่าๆ รูปวันแต่งงาน รูปที่เคยไปเที่ยวด้วยกันอย่างมีความสุขมาดูทำไมตอนนี้ถึงกลับไปมีความสุขอย่างนั้นไม่ได้ล่ะ

7. หาแนวร่วม ตอนนี้ตัวเราคนเดียวอาจไม่มีพลังความสามารถพอที่จะประสานรอยร้าวนี้ได้ ลองชวนกันไปเยี่ยมพ่อตาแม่ยายของเขา ไปเยี่ยมพ่อแม่สามีสักทีก็ยังดี ยังไงผู้ใหญ่เหล่านี้ก็เป็นคนเจิมหน้าผากรดน้ำให้ อาจช่วยเราได้บ้าง กลยุทธ์นี้บางทีก็เป็นไม้เด็ด...คุณสามีหัวหด กลายเป็นเด็กดีเลยเชียวล่ะ เพื่อนฝูงของครอบครัว เพื่อนของสามีคบไว้เหอะดี เพราะบางคนพอมีปัญหาอาจจะคุยกับเพื่อนมากกว่าคุยกับเมียตัวเองเสีย อีก...หลักง่ายๆ ของข้อนี้ก็คือ สร้างสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเขาให้อยู่ข้างเรา

8.ประเมินคู่ต่อสู้ รู้จักศัตรูย่อมมีชัยเหนือศัตรู แต่บางทีก็ยากเหมือนกันนะที่จะสืบเสาะหาข้อมูลของคู่ต่อสู้ แต่ถึงยากยังไงก็ต้องทำ จะได้รู้ว่าในสายตาของสามี เราเป็นนางเอกหรือเป็นนางร้าย หากฝ่ายโน้นเป็นนางเอก เอาอกเอาใจ เวลาสามีมีปัญหาไปอยู่ด้วยแล้วสบายใจ กลับบ้านทีไรก็เจอนางร้ายคอยบ่นคอยว่าอย่างนี้เห็นจะลำบาก บางครั้งฝ่ายโน้นอาจยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผู้ชายที่อยู่ด้วยมีลูกมีเมียมาก่อนแล้ว อย่างนี้ถ้าได้ลองคุยกัน เจรจาด้วยสันติดูก่อน หัวอกลูกผู้หญิงด้วยกัน คงคุยกันได้บ้างเป็นบางราย แต่บางคนทั้งที่รู้ว่ามีลูกมีเมียก็ยังเอา บางทีโทร.มาว่าเมียหลวงถึงบ้านก็มี เมื่อเรารู้จักคู่ต่อสู้ดีแล้ว ต้องสร้างบทให้เราเป็นนางเอกของเรื่องให้ได้ เพราะนางร้ายมักตายตอนจบทุกที!

9.สนใจเรื่องบนเตียงบ้าง บางครั้งเหตุที่สามีไปมีเมียน้อย ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไปมีรักใหม่หรอกนะครับ ส่วนมากมักจะเป็นเรื่องอย่างว่าเสียมากกว่า บางครั้งอยู่กับเมียหลวงเหมือนนอนกับท่อนไม้ ไม่มีจริตมารยา ไม่มีอารมณ์หรือความรู้สึกที่ดี พอไปได้ลองเจอสาวๆ ที่มีดีกว่า ก็ติดใจในกามรส ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักมากมายไปกว่าเราหรอกครับ ดังนั้น นางเอกของเรื่องนี้ก็ต้องปรับปรุงตัวเอง [^_^]ให้เอวเล็กเอวบางลงหน่อย เมื่ออยู่กับคุณสามีต้องดูดึงดูดบ้าง ไม่ใช่เจอแต่ม้วนโรลอยู่เต็มหัว แถมพอกหน้าก่อนนอน ดูแล้วหมดอารมณ์

10.สร้างพื้นฐานของครอบครัวที่ดี ครอบครัวที่มีความสุขย่อมเป็นภูมิคุ้มกันปัญหาเหล่านี้ แม้มีปัญหา ความสัมพันธ์ในครอบครัวจะสามารถเหนี่ยวรั้งเขากลับมาได้ เราต้องพยายามสร้างครอบครัวที่มีความรักระหว่างกันอย่างสมบูรณ์ คือมีทั้ง พ่อรักแม่ แม่รักพ่อ พ่อรักลูก ลูกรักพ่อ แม่รักลูก และลูกรักแม่ เส้นใยความรักในครอบครัว มีพลังมหาศาลที่จะช่วยทำให้ทุกอย่างจบลงด้วยดี
ขออวยพรให้ทุกครอบครัวมีความสุข ปราศจากส่วนเกินในชีวิต...ส่วนคนที่หลงผิด ขอให้คิดดูอีกทีว่า ไม่มีใครรักเราไปมากกว่าลูกกับเมียหรอกครับ

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก : นิตยสาร ModernMom

ส่งต่อบทความดีๆ  : http://www.detectivethai.com/?p=690
ต้องการปรึกษางานนักสืบ โทร.0845020688





หน้า: [1] 2 3