แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - Dakanda

หน้า: [1]
1
จ่ายเบี้ยประกันทั้งที คิดจากอะไร เลือกทำประกันรถยนต์อย่างไรให้คุ้ม

   โดยทั่วไปแล้ว ราคาเบี้ยประกันรถยนต์ จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของความคุ้มครองที่เลือกรับซึ่งในส่วนนี้ถือว่าเป็นส่วนที่สมัครใจเลือกรับความคุ้มครอง โดยต้องยอมแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเมื่อต้องการความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้พฤติกรรมการใช้รถไม่ว่าจะเป็นการขับรถด้วยตัวเองหรือการใช้รถร่วมกับคนอื่น แม้กระทั่งการจอดรถในบ้านหรือนอกบ้านริมถนน ย่อมส่งผลต่อการคำนวณเบี้ยประกันด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เราอาจจะได้ส่วนลดเพิ่มเติมในกรณีที่เรามีการใช้รถยนต์ไม่มากนักซึ่งตามมาตรฐานสากลจะมีการคำนวณ อัตราการใช้รถโดยดูจากเลขไมล์และเอามาคำนวณเป็นรายปี นอกจากนี้การติดตั้งอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมให้กับตัวรถก็มีส่วนสำคัญในการนำไปเป็นส่วนลดหย่อนเบี้ยประกันรถยนต์ได้ด้วย ดังนั้นเราจึงควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อความคุ้มครองเพื่อให้คุ้มค่า และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากที่สุด




ก่อนทำกรุงเทพประกันรถยนต์ เรามาดูวิธีเลือกประกันรถยนต์กันก่อน


   การเลือกซื้อรถยนต์ บางประเภทและบางรุ่นจะมีผลต่อค่าใช้จ่ายในการทำประกันภัยรถยนต์ที่แตกต่างกันออกไป ในกรณีที่เลือกใช้รถหรูราคาแพงแน่นอนว่าอะไหล่แต่ละชิ้นย่อมมีมูลค่าสูงตามไปด้วยอาจจะส่งผลให้รถในกลุ่มนั้นมีเบี้ยประกันที่ค่อนข้างสูง ในทางตรงกันข้ามรถบางรุ่นมีระบบป้องกันความปลอดภัยสำหรับผู้ใช้รถโดยตรง ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษในการช่วยให้เราขับขี่ได้ปลอดภัยยิ่งขึ้น รถเหล่านี้ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของประกันภัยที่ถูกลง ขณะเดียวกันถ้าเป็นรถใช้งานหนักและมีการใช้งานอย่างต่อเนื่องก็มีโอกาสที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อความคุ้มครองที่สูงขึ้นอีกด้วย

   นอกจากนี้การเลือกความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเติมก็อาจส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรถยนต์สูงขึ้น เช่นการชดเชยค่าใช้จ่ายในการเช่ารถ และค่าเดินทางระหว่างซ่อม การมี Service ดูแลค่าใช้จ่ายในการ การลากรถ เป็นต้น อีกทั้งการเพิ่มข้อเสนอของความคุ้มครองในกรณีพิเศษเช่นไฟไหม้ รถถูกขโมย หรือเงื่อนไขอื่นๆ ย่อมส่งผลให้ขนาดของความคุ้มครองเพิ่มขึ้นนั่นหมายถึงการที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน


   ดังนั้นการซื้อประกันรถยนต์ในปีแรกแต่ไม่ได้หมายความว่าปีถัดไปเบี้ยประกันจะคงที่หรือถูกลงทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานรถยนต์ของเราโดยตรง ถ้าตลอดทั้งปีไม่มีการเคลม ไม่เกิดอุบัติเหตุ ก็มีโอกาสที่จะได้รับส่วนลดในการจ่ายเบี้ยประกันในปีถัดไปก็อาจเกิดขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ยังมีเงื่อนไขของอายุรถเป็นอีกหนึ่งปัจจัยเพราะการที่รถมีอายุการใช้มากขึ้น นั่นหมายถึงการเสื่อมสภาพซึ่งสามารถตีออกมาเป็นมูลค่า และจะถูกนำมาคำนวณเป็นราคาเบี้ยประกันเพื่อแลกกับความคุ้มครองที่สูงขึ้น


   แต่หากเรากำลังมองหาบริษัทประกันที่มีความมั่นคงและเป็นที่ไว้วางใจ ต้องขอแนะนำ ประกันรถยนต์กรุงเทพประกันภัย จากบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) ที่มีแผนประกันรถยนต์หลายรูปแบบให้เลือกได้ตามความต้องการ โดยพิจารณาจากพฤติกรรมการขับขี่ การใช้งานของรถ อายุและสภาพรถ งบประมาณ อีกทั้งราคาเบี้ยประกัน ยังขึ้นอยู่กับจำนวนเงินวงเงินที่เอาประกัน, การระบุผู้ขับขี่, ค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งประกันรถยนต์กรุงเทพประกันกันภัย เป็นบริษัทที่มีจุดเด่นทางด้านการติดต่อเคลมง่าย ติดต่อเรียกค่าชดเชยเสียหายสะดวกรวดเร็ว และมีเครือข่ายอู่ซ่อมรถที่มีคุณภาพหลายแห่ง เป็นที่ไว้วางใจของลูกค้า ทำให้ผู้ใช้บริการไม่ต้องกังวลว่าจะมีความยุ่งยากในคราวที่เกิดอุบัติเหตุต้องชดเชยค่าเสียหาย เป็นอีกหนึ่งช่องทางดีๆของการมีประกันรถยนต์ไว้เพื่อความอุ่นใจและประกันความเสี่ยงในชีวิต


สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกรุงเทพประกันรถยนต์ได้ที่นี่ คลิกเลย

2
การใช้ชีวิตไม่ประมาทก็เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการใช้ชีวิต แต่การทำประกันก็ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ควรมีเพิ่มเติมเข้ามาในชีวิตเช่นกัน เพราะอย่างน้อยๆ ในวันที่ฟ้าไม่เป็นใจ เราก็ยังมี  แบบประกันเมืองไทยประกันชีวิต โครงการ มนุษย์เงินเดือน คุ้มชัวร์ จากเมืองไทยประกันชีวิต คอยซัพพอร์ตคุณอยู่




ข้อมูลแบบประกัน โครงการ มนุษย์เงินเดือน คุ้มชัวร์ เมืองไทยประกันชีวิต

คุ้มชัวร์… ช่วยเติมเต็มสวัสดิการ ค่ารักษาพยาบาลที่มี เพราะมีวงเงินแบบเหมาจ่ายเมื่อนอนรพ. รวมสูงสุด 375,000 บาท/ปี (1)
คุ้มทุกที่… เติมเต็มความอุ่นใจ เจ็บป่วยที่ไหนก็ดูแล เข้ารับการรักษาในรพ. ได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยไม่ต้องสำรองจ่าย (2)
คุ้มทุกบาททุกสตางค์... จ่ายเบี้ยน้อยเริ่มต้นแค่หลักร้อยต่อเดือน (3)
คุ้มได้อีก… เบี้ยประกันภัยนำไปใช้สิทธิหักลดหย่อนภาษีได้
ทำได้ตั้งแต่อายุ 15 – 55 ปี


หมายเหตุแบบประกันเมืองไทยประกันชีวิต โครงการ มนุษย์เงินเดือน คุ้มชัวร์

สำหรับแผน 2
กรณีในประเทศแสดงบัตรประชาชน เฉพาะโรงพยาบาลคู่สัญญาเท่านั้น กรณีต่างประเทศใช้ได้ตามสิทธิ์
สำหรับผู้เอาประกันภัยเพศชายและเพศหญิง แผน 1 อายุ 15-40 ปี

ส่วนเงื่อนไขความคุ้มครองเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด และการพิจารณารับประกันภัยจะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของบริษัทฯ

 
หลักเกณฑ์ในการรับประกันภัยของแบบประกันเมืองไทยประกันชีวิต โครงการ มนุษย์เงินเดือน คุ้มชัวร์ จากเมืองไทยประกันชีวิต

ระยะเวลาเอาประกันภัย และระยะเวลาชำระเบี้ยประกันภัย แบบประกันภัยคุ้มครองภายในระยะเวลา 10/10 : 10 ปี
สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพ แบบเหมาจ่าย : 1 ปี (ชำระเบี้ยประกันภัยได้ถึงอายุ 64 ปี และให้ความคุ้มครอง ถึงอายุ 65 ปี)

อายุของผู้เอาประกันภัย : 15 ปี – 55 ปี และให้ความคุ้มครองถึงอายุ 65 ปี
การชำระเบี้ยประกันภัย : รายปี ราย 6 เดือน ราย 3 เดือน และรายเดือน
การตรวจสุขภาพ : ไม่มีการตรวจสุขภาพ (การแถลงสุขภาพเป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณารับประกันภัย หรือพิจารณาจ่ายเงินตามสัญญาประกันภัย)

ตัวอย่างความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติม การประกันภัยสุขภาพแบบเหมาจ่าย

ผู้เอาประกันภัยเพศหญิง อายุ 30 ปี สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง เลือกแผน 1 ชำระเบี้ยรายเดือน เดือนละ 764 บาท ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย 50,000 บาทต่อครั้ง สูงสุดไม่เกิน 250,000 บาทต่อปี

อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ เงื่อนไข และความคุ้มครอง จะเป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ฉะนั้นผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครอง และเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้งนะคะ

3
ประกันชั้น 2+ และประกันชั้น 2 ต่างอย่างไร รู้ไว้ก่อนตัดสินใจทำประกันรถ

   ความนิยมในการซื้อรถยนต์ยังเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับตลาดรถยนต์ที่มีแนวโน้มยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามยิ่งจำนวนปริมาณรถยนต์เพิ่มมากขึ้นบนท้องถนน เราในฐานะผู้ขับขี่ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือการทำประอุบัติเหตุภัยรถยนต์เพื่อเป็นการประกันความเสี่ยงและเพิ่มความสบายใจให้กับเจ้าของรถ แต่แบบประกันอุบัติเหตุรถนั้นก็มีหลายระดับด้วยกัน ตั้งแต่ประกันชั้น 1, ชั้น2+, ชั้น2, ชั้น 3+, ชั้น 3 ซึ่งแต่ละระดับของแบบประกันก็จะมีความคุ้มครอง สิทธิประโยชน์ และเบี้ยประกันลดหลั่นกันตามลำดับ โดยประกันที่มูลค่าการคุ้มครองและสิทธิประโยชน์สูงสุดคือประกันชั้น 1 และขณะเดียวกันก็มีอัตราเบี้ยประกันก็แพงที่สุดด้วยเช่นกัน ส่วนประกันชั้นรองลงมาคือ ประกันชั้น 2-3 แม้ว่าจะเป็นประกันที่มีมูลค่าและสิทธิประโยชน์ต่ำกว่า ประกันชั้น 1 ปัจจุบันบริษัทประกันรถก็ได้เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้รถคือการเพิ่มระดับประกันชั้น 2+ และ 3+ (เรียกว่า ประกันชั้นสองพลัส และ ประกันชั้นสามพลัส) ซึ่งในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบกัน โดยยกตัวอย่างประกันชั้น 2+ และ ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้างและความแตกต่างกันอย่างไร





ประกันชั้น 2 ความคุ้มครองเป็นอย่างไร?


   เริ่มจากประกันชั้น 2 ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่ามีความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 แต่ถ้าหากใครกำลังสงสัยว่า ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง ก็อธิบายอย่างง่ายๆเลยว่า เวลาเกิดเหตุรถชนรถแล้วเราเป็นฝ่ายผิด ทางประกันจะให้ความคุ้มครองด้วยการซ่อมรถคู่กรณี และชดใช้ค่าเสียหายต่อการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของคู่กรณีด้วยวงเงินตามสัญญาประกัน ส่วนตัวเราในฐานะผู้เอาประกันก็จะได้รับการคุ้มครองกรณีได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ทางประกันไม่คุ้มครองความเสียหายของรถเรา และประชั้น 2 ยังคุ้มครองกรณีรถหายและไฟไหม้ แต่ก็ไม่ได้คุ้มครองทรัพย์สินภายในรถ ส่วนประกันชั้น 2+ ให้ความคุ้มครอง ทั้งการบาดเจ็บและเสียชีวิตทั้งคู่กรณีและผู้เอาประกัน รวมทั้งให้ค่าใช้จ่ายกรณีซ่อมแซมรถคู่กรณีและรถของเรา (ซึ่งจำนวนวงเงินขึ้นอยู่กับที่ระบุไว้ในสัญญาประกัน แต่จำนวนวงเงินที่อนุมัติจะน้อยกว่าประกันชั้น 1) และในกรณีผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิดหรือเป็นผู้ที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุต้องจ่ายเงินให้กับค่าเสียหายส่วนแรกเป็นเงิน 2,000 บาทนอกจากนี้คุ้มครองรถของผู้เอาประกันกรณีไฟ้ไหม้ (บางแผนประกันอาจให้ความคุ้มครองครอบคลุมถึงกรณีเหตุน้ำท่วม) หรือสูญหายเช่นเดียวกับประกันชั้น 2 ดังนั้นความแตกต่างระหว่างประกันชั้น 2+ กับประกัน 2 จึงอยู่ที่ขอบเขตความคุ้มครองของแผนประกัน ที่ระบุถึงการชดเชยค่าเสียหายทั้งกับฝ่ายคู่กรณีและฝ่ายผู้เอาประกัน แต่ประกันชั้น 2+ ก็เป็นที่ได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อยเนื่องจากจ่ายเพิ่มมากกว่าประกันชั้น 2 อยู่ไม่มาก แต่ได้ความคุ้มครองเกือบใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 นั่นเอง

   สำหรับใครที่ยังลังเลว่าจะเลือกประกันชั้น 2+ หรือ ประกันชั้น 2 นั้น คงต้องกับมาพิจารณาที่ตัวเราทั้งความสามารถในการขับขี่ อายุการใช้งานของรถ และเช็คสภาพการเงินของเราว่าเพียงพอต่อการจ่ายประกันรถในระดับไหน เพื่อที่เราจะได้เลือกใช้ประกันที่ให้ประโยชน์กับเราสูงสุด เมื่อเรารู้แล้วว่า ประกันชั้น 2+ และ ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง ก็คงจะตัดสินใจได้ไม่ยาก

4
ไขข้อสงสัย บัตรกดเงินสด ktc อนุมัติกี่วัน?

โดยส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าจะธนาคารหรือสถาบันทางการเงินที่มีผลิตภัณฑ์บัตรกดเงินสด รวมถึงบัตรกดเงินสด ktc ด้วย มักจะโฆษณาว่าบัตรกดเงินสดว่าอนุมัติไวมาก ได้เงินก้อนไว พอฟังอย่างนี้หลายคนคงสงสัยใช่ไหมคะ ว่าเจ้าบัตรกดเงินสด ktc อนุมัติกี่วัน ที่บอกว่าอนุมัติเร็วมันเร็วแค่ไหนกันเชียว งานนี้ใครที่กำลังสังสัยอยู่ละก็ เราจะมาไขข้อสงสัยให้คุณเองค่ะ



ทำความรู้จักบัตรกดเงิน ktc

ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบว่าบัตรกดเงินของ ktc อนุมัติกี่วัน เรามาทำความรู้จักบัตรกดเงินสด ktc กันก่อนดีกว่า ว่าคืออะไร แล้วทำอย่างไรถึงจะมีบัตรกดเงินสดใบนี้ แล้วต้องทำอย่างไรถึงจะอนุมัติได้บ้าง
ซึ่งบัตรกดเงินสด ktc ก็คือสินเชื่อเงินสดที่ช่วยเพิ่มสภาพความคล่องทางการเงิน ไม่ว่าคุณจะร้อนเงินแค่ไหน หรือต้องการใช้เงินด่วน ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียนของลูก สินเชื่อเงินสดก็สามารถช่วยคุณได้ทุกเมื่อ
แต่ทั้งนี้บัตรกดเงิน ktc นอกจากจะช่วยให้สภาพการเงินของคุณดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทาง ktc ยังมอบความสะดวกสบายให้กับคุณ ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนคุณก็สามารถใช้บริการจากบัตรกดเงินสด ktc ได้ทุกเวลา แถมแบ่งชำระสินค้าได้นานถึง 24 เดือน อีกทั้งยังเป็นสินเชื่อพร้อมใช้รายแรกที่ฟรีกด ฟรีจ่าย ฟรีค่าธรรมเนียมทุกตู้เอทีเอ็ม แถมคุณยังสามารถใช้บริการแบ่งชำระ KTC Flexi ได้อีกด้วย ซึ่งระบบการแบ่งชำระนี้ก็ทำให้คุณสะดวกสบายได้ไม่น้อยเลยค่ะ

ทั้งนี้ใครที่สนใจอยากสมัครสินเชื่อ KTC ละก็ คุณจำเป็นต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
ผู้มีรายได้ประจำ เช่น เจ้าหน้าที่บริษัท ข้าราชการ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
สัญชาติไทย อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
รายได้ขั้นต่ำ 12,000 บาท / เดือน ขึ้นไป
มีอายุงานในสถานที่ทำงานปัจจุบันอย่างน้อย 4 เดือน
เป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบธุระกิจส่วนที่ตัวที่มีอายุกิจการตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป และมีรายได้ขั้นต่ำ 30,000 บาทต่อเดือน


ต้องการทราบรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติม คลิกที่นี่เลย

5
uob i cash ผ่านยากไหม?





สินเชื่อส่วนบุคคลของแต่ละที่นั้น อาจจะมีข้อเหมือนและหลากหลายข้อที่ต่างกันบ้าง อาทิ อัตราดอกเบี้ย คุณสมบัติผู้กู้ แต่อย่างไรคุณก็สามารถเปรียบเทียบข้อมูลที่เป็นจริงพร้อมรับฟังคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่สินเชื่อได้ เพื่อประมวลผลเก็บเป็นความรู้และประสบการณ์ ทำให้คุณนั้นสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง และวันนี้เรามีสินเชื่อส่วนบุคคล ธนาคารยูโอบี มาให้คุณพิจารณาเป็นแนวทางเลือกว่ามีความเหมาะสมกับคุณหรือไม่ และการตอบคำถามว่า “UOB I-Cash ผ่านยากไหม”


สินเชื่อส่วนบุคคลของ UOB เป็นธนาคารที่มีมาตรฐานการบริการและกลยุทธ์ในการบริหารระดับแนวหน้าของอาเซียน รวมถึงประเทศไทยด้วย เนื่องจากมีความชำนาญและเชี่ยวชาญมากประสบการณ์ให้สินเชื่อมาหลายประเทศทั่วโลก ในประเทศไทยนี้ จึงได้เสนอนโยบายสำหรับการบริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่มอบเป็นแนวทางเลือกให้คุณคือ UOB I-Cash เป็นสินเชื่อบุคคลที่ให้วงเงินตั้งแต่เล็กน้อย ไปจนถึงสูงสุดถึง 1 ล้านบาท เพื่อการใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ของลูกค้า โดยไม่จำเป็นต้องใช้หลักทรัพย์ในการค้ำประกัน แต่มอบระยะเวลาในการผ่อนชำระที่คุณสามารถผ่อนคืนได้อย่างไม่กระทบรายจ่ายประจำเดือน เพียงแค่คุณมีอายุตั้งแต่ 20 – 60 ปี พร้อมกับมีรายได้ประจำเดือนตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป คุณก็สามารถขอสินเชื่อยูโอบี ไอ-แคช ได้เลยที่ธนาคารยูโอบี ทุกสาขาทั่วประเทศ


สินเชื่อเงินสด ยูโอบี ไอ-แคช (UOB I-Cash) พร้อมให้คุณใช้จ่ายอย่างสบายๆ ด้วยวงเงินสูงสุดถึง 1,000,000 บาท และให้คุณแบ่งจ่ายได้นานสูงสุด 60 เดือน ด้วยแผนผ่อนชำระเท่ากันทุกเดือนยาวนาน 60 เดือน จะช่วยให้คุณจัดการการเงินในแต่ละเดือนได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งการคำนวณดอกเบี้ยจะเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ช่องทางชำระเงินหลากหลาย เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้ ทั้ง เคาน์เตอร์ธนาคารยูโอบี เคาน์เตอร์เซอร์วิส เคาน์เตอร์ธนาคารพันธมิตร (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และธนาคารไทยพาณิชย์)



สินเชื่อเงินสด ยูโอบี ไอ-แคช (UOB I-Cash) สมัครเลย ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้า แล้วรอรับวงเงินสูงสุด!



UOB I-Cash ผ่านยากไหม? วันนี้มีคำตอบ
สำหรับคนที่สนใจก็อาจมีคำถามในใจว่า “ยูโอบี ผ่านยากไหม” นั่นหมายถึงผ่านการอนุมัติขอสินเชื่อครั้งแรก คำตอบคือง่ายนิดเดียวค่ะ เพราะถ้าส่งเอกสารครบถ้วน รอเพียง 3 วันก็ได้รับการอนุมัติได้รับวงเงินสูงสุดถึง 1,000,000 บาท แบบไม่ต้องมีหลักทรัพย์มาค้ำประกันเลยค่ะ

สินเชื่อส่วนบุคคล ของ ธนาคารยูโอบี (UOB) ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการจับจ่ายใช้สอย ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตอย่างรอบด้านให้แก่คุณ ภายใต้ข้อกำหนดที่เรียบง่ายและขั้นตอนการสมัครที่ไม่ซับซ้อน นับเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สำคัญสำหรับคนในยุคปัจจุบันนี้ทุกคน เพราะสมัครง่าย อนุมัติเร็ว ดังนั้น ลืมคำถามที่ว่า “ยูโอบี ไอ แคช ผ่านยากไหม” ไปได้เลยค่ะ


6
ประกันสุขภาพแบบเติมเงิน ประกันสุขภาพรูปแบบใหม่ ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย

หลายคนมักมีความคิดติดลบ กับการทำประกันสุขภาพ เพราะคิดว่าไม่จำเป็นและเป็นการเสียเงินไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่เมื่อเกิดการเจ็บป่วยอย่างรุนแรง หรือเกิดอุบัติเหตุจนต้องเข้าโรงพยาบาลทำให้หมดค่าใช้จ่ายไปหลักแสนเพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์มีการพัฒนาไปอย่างมาก สาเหตุนี้จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ค่ารักษาพยาบาลปรับตัวสูงขึ้น ทั้งโรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลของรัฐ และคลินิก

การทำประกันสุขภาพ จึงเป็นการช่วย แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรักษาพยาบาลได้อย่างดีที่สุด เพราะ การทำประกันสุขภาพถือเป็นการจ่ายเงินเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงเกี่ยวกับสุขภาพร่างกายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตของผู้เอาประกันไม่ว่าความเสี่ยงนั้นจะเป็นความเสี่ยง ด้านสุขภาพ การเจ็บป่วย การรักษาพยาบาลที่มีสาเหตุจากอุบัติเหตุ หรือ อาการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นหลังจากวันที่กรมธรรม์มีผลบังคับ หากคุณทำประกันสุขภาพไว้ ประกันสุขภาพจะช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายใช้จ่ายในส่วนนี้ไปได้เลย



ประกันเติมเงินยามป่วย ไทยประกันชีวิต เปลี่ยนประกันสุขภาพให้เป็นประกันแบบใหม่

สำหรับประกันสุขภาพที่น่าสนใจในยุคนี้ คือ ประกันเติมเงินยามป่วย โดยเฉพาะของไทยประกันชีวิตปรับสิทธิประโยชน์และการคุ้มครองให้เหมาะกับความต้องการที่ยืดหยุ่นของผู้บริโภคมากขึ้น มาดูกันว่า ประกันเติมเงินยามป่วยของไทยประกันชีวิตนั้น มีจุดเด่นอย่างไรบ้าง
แบบประกัน “ไทยประกันชีวิต เติมเงินยามป่วย” รับประกันตั้งแต่อายุ 16 - 60 ปี ระยะเวลาชำระเบี้ยประกันและระยะเวลาคุ้มครอง 5 ปี สามารถสมัครได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่า ทั้งความคุ้มครองชีวิต และเงินชดเชยรายได้ถึง 3 ต่อ คือ กรณีต้องรับเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งจากการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ รับเงินชดเชยค่ารักษาพยาบาลรายวันสูงสุดวันละ 3,000 บาท นานสูงสุดถึง 365 วัน กรณีผ่าตัดใหญ่ รับเงินชดเชยสูงสุด 60,000 บาทต่อการรักษาหนึ่งครั้ง เมื่อออกจากโรงพยาบาล ยังได้รับเงินปลอบขวัญสูงสุด 3,000 บาท และพิเศษมากกว่า หากไม่มีการเคลมสินไหมทดแทนทุกกรณีตลอดสัญญา จะได้รับเบี้ยประกันปีสุดท้ายคืน 100%

การทำประกันภัยก็เปรียบเสมือนการพกร่ม เพราะเวลาที่ฝนไม่ตก การพกร่มไว้ก็อาจดูจะเป็นภาระ เกะกะ ไม่คล่องตัว แต่เมื่อเวลาฝนตกหรือมีพายุลมแรง การมีร่มไว้ก็สามารถป้องกันไม่ให้เราเปียกฝนได้ การทำประกันภัยจึงจำเป็นที่จะต้องซื้อก่อนที่จะใช้ หรือเพื่อมีไว้ก่อนยามฉุกเฉิน การทำประกันภัยจึงเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้อุดรอยรั่วของเงินในกระเป๋าของเราไม่ให้รั่วไหล ช่วยลดปัญหาที่ตามมาจากความเสี่ยงภัยต่างๆ ให้น้อยที่สุดได้ โดยถ้าความเสี่ยงภัยหรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดนั้นมาถึง เมื่อทำประกันภัยไว้ เราก็จะมีบริษัทประกันภัยมาช่วยดูแล ชดใช้ค่าเสียหายให้ โดยเฉพาะ ประกันเติมเงินยามป่วย ของไทยประกันชีวิต


สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ https://rabbitfinance.com/health-insurance/thailife/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2/

7
"สินเชื่อซิตี้แบงค์" title="สินเชื่อบุคคล ซิตี้"

ในบางช่วงชีวิตของคนเรา อาจจะเกิดปัญหาทางการเงินได้ และสำหรับหลายๆ คนเลือกที่จะไปกู้เงินนอกระบบ เพื่อที่จะนำมาหมุนเวียนใช้จ่ายในครอบครัวก่อน ซึ่งสิ่งที่คุณต้องรู้ก็คือ ดอกเบี้ยของเงินนอกระบบเหล่านั้น สูงเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด และที่เลวร้าย ก็คือ วิธีการในการทวงเงิน ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณอับอาย ยังอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินได้ ทางออกที่เราอยากจะแนะนำสำหรับคนที่ต้องการเงินด่วนก็คือ สินเชื่อบุคคลซิตี้แบงค์ ซึ่งนอกจากจะกู้ง่ายแล้ว ดอกเบี้ยยังเบามากอีกด้วย ว่าแต่จะดีจริง หรือไม่ มาดูกันเลยดีกว่า

ขั้นตอนการขอกู้ไม่ยุ่งยากกับสินเชื่อส่วนบุคคลซิตี้แบงค์


หลายคนมักจะมีปัญหากับการยื่นขอสินเชื่อต่างๆ เพราะมักจะติดที่ขั้นตอนการพิจารณาที่ยุ่งยาก และต้องส่งเอกสารมากมายไปหมด แต่สำหรับ สินเชื่อส่วนบุคคล ซิตี้ นั้นง่ายกว่านั้นมาก เพราะว่าคุณสามารถที่จะทำการยื่นขอกู้ และส่งเอกสารการขอกู้ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ที่เว็บของซิตี้แบงก์ หรือเว็บไซต์ ที่เป็นพันธมิตรได้เลย และเพียงแค่เตรียมเอกสารให้พร้อม และรอรับโทรศัพท์ สอบถามข้อมูลจากทางสถาบันการเงินเท่านั้น

ให้มากกว่าด้วยการไม่ต้องวางค้ำประกัน กับสินเชื่อบุคคลของธนาคาร ซิตี้แบงค์


สิ่งที่ปิดกั้นคนทั่วไป จากสินเชื่อของสถาบันการเงินต่างๆ ก็คือ เรื่องของการค้ำประกัน ไม่ว่าจะเป็นการค้ำประกันด้วยทรัพย์สิน หรือการค้ำประกันด้วยบุคคลก็ตาม แต่สำหรับ สินเชื่อบุคคล ซิตี้ คุณสามารถที่จะทำการยื่นขอสินเชื่อได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีการค้ำประกัน ซึ่งนั่นทำให้สินเชื่อบุคคลของทางซิตี้แบงก์ กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับคนทำงาน และเจ้าของกิจการขนาดเล็กที่ยังไม่มีทรัพย์สินมากพอสำหรับการค้ำประกันเงินกู้

ขอสินเชื่อส่วนบุคคลได้สูงสุด 5 เท่าของเงินเดือน


การคำนวณสินเชื่อ สำหรับผู้ที่มาขอกู้สินเชื่อบุคคล ซิตี้ จะใช้ฐานเงินเดือนในการคำนวณ และเมื่อรวมกับเครดิตที่คุณมีอยู่ สำหรับบางคนอาจจะได้วงเงินสูงถึง 5 เท่าของเงินเดือน และหากคุณมีเงินเดือนที่สูงมากพอ ก็อาจจะยื่นขอกู้ได้มากถึง 1,000,000 บาท ขึ้นไป


ดอกเบี้ยต่ำสุดที่สินเชื่อชนิดนี้ให้ ไม่ถึง 14% อย่างแน่นอน



ถ้าคุณกลัวเรื่องดอกเบี้ย บอกได้เลยว่า สินเชื่อบุคคลซิตี้ นั้น กล้าให้คุณได้มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณผ่านหลักเกณฑ์ที่กำหนด ดอกเบี้ยที่กำหนดอาจจะต่ำถึง 13.99% นั่นหมายความว่า คุณสามารถที่จะจ่ายในอัตราที่ต่ำกว่าการกู้นอกระบบแน่นอน


สำหรับระยะเวลาในการอนุมัติสินเชื่อบุคคล ซิตี้ นั้นหากเอกสารที่คุณส่งครบถ้วน และกรอกข้อมูลตามความเป็นจริง ระยะเวลาในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ มักจะต่ำกว่า 1 สัปดาห์ ซึ่งถือว่ารวดเร็ว และทันต่อความต้องการในการใช้เงินอย่างเร่งด่วนของผู้ทำการขอกู้อย่างแน่นอน ซึ่งนี่ก็เป็นข้อดี และความน่าสนใจของสินเชื่อบุคคลที่เราอยากให้คุณได้ลองพิจารณา เพื่อประกอบการตัดสินใจในการมองหาแหล่งเงินด่วนต่อไป

หน้า: [1]