ผู้เขียน หัวข้อ: ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่เล็งบาทแข็งช่องทางทองลงทุนเมกะโปรเจค  (อ่าน 216 ครั้ง)

ออฟไลน์ tobe4421

  • Flat TV member
  • *
  • กระทู้: 33
    • ดูรายละเอียด
    • à¤Ã×èͧ¤Ó¹Ç³¾×é¹·Õè
    • อีเมล์

นายมนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเปิดปากว่า การแข็งค่าของเงินสกุลต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาเคลื่อนไหวในระดับต่ำกว่า 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ นั้น มีปัจจัยสำคัญมาจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของสหรัฐฯ ที่ไปมาตรการเพิ่มส่วนแบ่งเงิน QE3 และ QE4 โดยอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ 8.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน รวมถึงการจากนโยบายอัดฉีดเงินของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่ทำให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่ประเทศไทยอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นไปอีกสักระยะ อย่างไรก็ตาม มองว่า ภาวการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในขณะนี้จะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทยมากกว่าจะไปเครียดกับตัวเลขการส่งออก ทั้งนี้ เนื่องจากในช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ประเทศไทยอยู่ระหว่างเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการเพิ่มขีดความทำได้การแข่งขันของประเทศ ด้วยการลงทุนธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่โครงสร้างพื้นฐาน ที่รัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนกว่า 2.27 ล้านล้านบาท จึงถือเป็นหนปกติที่ภาครัฐต้องเร่งลงทุน และเป็นจังหวะเหมาะในการนำเข้าของซื้อของขายทุนจากต่างประเทศมาใช้ปลูกสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะนำเข้าได้ในราคาที่ต่ำลง ขณะเดียวกัน ภาคเอกชนที่มีหนี้สกุลเงินตราต่างประเทศ สามารถเร่งรัดนำเงินไปคลี่คลายหนี้เพื่อลดเงินต้นและข้อผูกมัดดอกเบี้ยได้อีกด้วย "ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นอย่างติดต่อกัน ส่งผลทั้งแง่บวกและลบ อยู่ที่จะมองมุมไหน และดำเนินงานจัดการอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งในช่วงที่ประเทศจำเป็นต้องลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน การที่เงินบาทแข็งค่าก็ถือเป็นช่วงที่เหมาะเจาะ เพราะเราสามารถนำเข้าสินค้าทุนในราคาที่ถูกลง เช่น นำเข้าเครื่องคำนวณพื้นที่ นำเข้ารถไฟฟ้าได้ในราคาที่ถูก หรือสินค้าที่เราขาดไม่ได้ต้องนำเข้าจำนวนมากอย่างเช่นน้ำมัน ที่เมื่อบาทแข็งค่า ทุนเดิมพลังงานก็ไม่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยกดตัวเลขสภาวะเงินเฟ้อไม่ให้สูงอีกด้วย"นายมนตรี กล่าว ผู้อำนวยการหลักสูตร MPA สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวด้วยว่า ส่วนภาคเอกชนที่มีความจำเป็นต้องลงทุนนั้น ช่วงนี้จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะลงทุนวิวัฒน์ด้านเทคโนโลยีด้านการผลิต โดยสั่งซื้อเครื่องจักรที่ล้ำสมัยจากต่างประเทศเข้ามาใช้เพื่อลดใช้ผู้ใช้แรงงานคนเพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการด้านการผลิตให้เงินลงทุนต่อหน่วยต่ำที่สุด หรือจะเลือกใช้ลงทุนขยายกิจการด้วยรูปแบบการร่วมทุนหรือซื้อกิจการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการประชัน รองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ส่วนกรณีที่มีความกังวลว่า หากเงินบาทแข็งค่า ผลิตภัณฑ์ไทยจะส่งออกไม่ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งหมด เพราะสินค้าส่งออกของไทยมีหลายประเภท จึงจำเป็นต้องมีการสืบสวนเป็นรายอุตสาหกรรม หากเป็นสินค้าที่นำเข้าวัตถุดิบมาผลิตภายในประเทศ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ หรือกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบกว่า 50-70% เพื่อใช้ผลิตและส่งออก ก็ถือเป็นกลุ่มที่ได้ผลกำไรจากค่าเงินบาทแข็ง ขณะที่กลุ่มสินค้าเกษตรที่มีความเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารอาจจะได้รับความกระทบกระเทือนมากหน่อย แต่เนื่องจากสินค้ากลุ่มนี้เป็นสินค้าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต แม้ว่าราคาสินค้าจะแพงขึ้น แต่ก็เชื่อว่าจะด้วยคุณลักษณะของสินค้าไทยยังทำให้สามารถประกวดได้ในตลาดโลกได้อย่างแน่นอน