สวัสดีนะครับ
ผม Pop FotoDio นักบอกเล่าประสบการณ์และอารมณ์ผ่านรูปถ่ายนะครับ
วันนี้จะขอมารีวิวเล่าเรื่องผ่านภาพแบบตื่นเต้นๆให้ชมกันครับผม
เหตุเป็นผลมาจาก ลำโพง Bluetooth ตัวโปรดของผม (ผมใช้ตัว JBL Charge 2) ถึงแก่อายุไขไปเป็นระเบียบเรียบร้อยเพราะแบตเตอรี่หมดอายุ ภายหลังการใช้งานอย่างโชกโชนมาตลอด 2 ปีเต็มๆ(ทุกเมื่อเชื่อวัน และตลอดวันอ่ะ 555) จะไปเปลี่ยนแปลงหรือซ่อมแซมก็คงจะไม่คุ้ม หรือจะคุ้มแต่ยังหาร้านมิได้อ่ะนะ ก็เลยมีความรู้สึกว่า ทุ่งนาทีนี้ หาใหม่น่าจะโอเคกว่า
ตัวลำโพง JBL Charge 2 ตัวเก่าเป็นทั้งลูกรักลูกหลงของผม ก็เพราะเหตุว่าเรื่องของประสิทธิภาพของเสียงเป็นหลักเลยนะครับ ตัวนั้นให้เสียงที่หนักรวมทั้งแน่นมากมาย เน้นเบสในแบบที่ผมชอบ ที่สำคัญ เวลาอารมณ์ฮีกเฮิมแล้วเปิดเสียงดังๆเสียงยิ่งหนักสาแก่ใจผมมากมาย (เพลงโปรดของผม ก็ ... X-Japan ไม่ก็ Dream Teater เลยครับผม อาจมี Metalica บ้างบางครั้ง 555) ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้ผมหลงเจ้าลำโพงตัวนี้แบบโงหัวไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว
ตอนนี้พอต้องหาลำโพงตัวใหม่มาแทน ก็เป็นเรื่องละสิ จะเอาตัวไหนดี ตัวผมเองก็ไม่ใช่ผู้ชำนาญด้านเสียงดนตรีและก็เครื่องไม้เครื่องมือรับฟังเพลงสักเท่าไหร่ (เปิดเพลงดังๆกับโยกหัวไปพร้อมกัน ไม่เกี่ยวนะ อิอิ) เอาไงดี ก็หาไปพบมา ตาม Internet นี่แหละ ท้ายที่สุดก็ไปเจอโฆษณาลำโพงตัวหนึ่งเข้า จาก Page 425Degree ที่ผม Follow อยู่ มันก็คือ EWA A150 โดยบังเอิญ
แวบแรก ก็มิได้ติดใจเท่าไร แต่มองมาดูไป เฮ้ย!! เสียงเบสดูดีมีเสน่ห์ น่าสนใจมากขอรับ แม้กระนั้นติดที่เรื่องของ ... ราคา !!
เอาจริงเอาจังๆเลยนะ
ไม่เคยมีความรู้สึกว่า ลำโพงราคาไม่ถึงพันบาทตัวนี้ จะสามารถให้เสียงในแบบที่พวกเราถูกใจไหวอ่ะ เรื่องนี้ผมไม่ได้จะดูถูกเหยียดหยามนะ แต่ว่าโดนกับตัวมาหลายตัวแล้วเช่นเดียวกัน ก็เลยไม่ไว้ใจอีกต่อไป ขณะนั้นก็เลยไปจบที่ JBL น่ะ แต่ว่าตัวนี้ เหมือนต้องชะตา ไม่เคยทราบเพราะเหตุใด แต่มีความคิดว่า ประวัติศาสตร์ไม่น่าจะซ้ำรอย
ทำไงดีต่อนี้ไป !
ทดลองก็ลอง !! ก็ไม่น่าเชื่อเช่นเดียวกันว่า สำหรับเจ้าลำโพงตัวนี้ ไม่รู้จักอะไรดนจิตใจ ผมนี่ตกลงใจเร็วมาก ถามคำถามว่าได้ทดลองเสียงมั้ย ก็บอกเลยว่า เปล่าเลย ไม่ได้ทดลอง ที่ได้มองเห็นได้อ่านได้ดูก็จากใน Internet ทั้งหมดเลย ยังไม่แม้แต่มองเห็นตัวเป็นๆแม้กระนั้นสัญชาติญาณกล่าวว่าใช่ ก็จำต้องทดลองละทีนี้ อีกประเด็นที่ทำให้สามารถตัดสินใจซื้อตัวนี้ได้กล้วยๆก็อาจจะเนื่องจากว่าเรื่องของราคาก็ได้ มันไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ตัวที่แพงมากมาย อย่างตัวอื่นๆที่ผมกำลังมองหา หรือเล็งๆไว้ตอนแรก ก็เลยตกลงใจง่ายด้วยน่ะครับผม
ผมหาร้านค้าเพื่อซื้อลำโพงตัวนี้ ก็จากใน Facebook ที่ผมได้บังเอิญไปเห็นนั่นแหละ ที่ Page ของร้านค้า 425 ดีกรี ซึ่งที่ร้านค้านี้ผมเองก็แวะเวียนไปส่องพวกอุปกรณ์เคสโทรศัพท์มือถืออยู่บ่อยๆแบบเดียวกันนะ แม้กระนั้นยังไม่เคยซื้อของจาแข็งนี้สักครั้ง แม้กระนั้นลำโพงตัวนี้ก็ทำให้ผมได้เป็นลูกค้าร้านนี้เข้าจนได้ (ง่ายๆขี้เกียจคร้านหา คาใจ อยากได้ละ)
สั่งสินค้าไป 2 วัน ก็มีพัสดุมาส่งเป็นระเบียบเรียบร้อย
หนแรกที่มองเห็น ก็กระปรี้กระเปร่าครับ ร้านนี้เค้าแพคผลิตภัณฑ์ที่ผมสั่งมาให้อย่างยอดเยี่ยมครับผม ในกล่องเป็นระเบียบ (กล่องสวยด้วยนะ มีชื่อร้านด้วย ... ผมยังต้องการทำบ้างเลย) ภายในก็มี Bubble รองมาให้อีกชั้นนึงด้วย เรื่องบริการ ร้านนี้ผมถือว่าโอครับ
มาเข้าเนื้อหาลำโพงของพวกเรากัน
ลำโพงตัวนี้ เป็นลำโพง Bluetooth ขนาดเล็กกระทัดรัดสำหรับนำเอา นะครับ ยี่ห้อ EWA รุ่น
A150 ขอรับ ซึ่งจากที่ลองหาข้อมูลใน Internet มอง เจ้าลำโพงตัวนี้ เป็นรุ่นที่พัฒนามาจาก ERA A109 นะครับ
Packaging ของลำโพงตัวนี้ มาในกล่องพลาสติกแข็งทรงกระบอกพอดีสำหรับใส่ตัวลำโพงเลยขอรับ ถือว่าตระการตามาก ด้วยความที่ผมเป็นคนที่ถูกใจงาน Design ต่างๆอยู่แล้ว มาเห็น Packaging ที่ดูดี มองมีรายละเอียดอย่างนี้ผมถูกใจนะ ปิ๊งเลย พอเพียงหมุนฝาเปิดออกมา ก็จะเจอกับสาย USB สำหรับชาร์จไฟมาให้ พร้อมด้วยคู่มือ (คู่มือถึงจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่ว่าดูง่ายมากครับผม ข้อมูลครบด้วย ) แนบรวมกันอยู่ใต้ฝา ... โหยย Packaging สวยมากอ่ะ
ตัวที่ผมสั่งมา เป็นสีดำนะครับ จากสีทั้งหมดที่มี 5 สี คือ ชมพู ฟ้า ดำ เงิน ทองคำ ขอรับ
สิ่งของของตัวลำโพง ภายหลังลองจับดูก็มองแน่นแข็งแรงทนทานครับ ทางร้านค้าพูดว่าเป็น Stainless Steel ซึ่งก็ดีไซน์มาได้ดิบได้ดีเลยทีเดียวครับ ขนาดของตัวลำโพงก็ประมาณมือกำไม่มิดน่ะขอรับ (ชี้แจงไม่ค่อยถูก 555) แต่เรื่องน้ำหนักนี่หนักไปหน่อยถ้าเกิดเทียบกับขนาดตัว แม้กระนั้นก็ไม่ใช่หลักสำคัญ เพราะผมไม่ได้ใส่กระเป๋าเดินไปฟังไปอยู่แล้ว
การใช้แรงงานหลักๆของผมเป็น เอามาต่อกับ iPhone iPad เพื่อฟังเพลงครับผมนั่นคือวัตถุประสงค์หลักของผมครับผมแม้กระนั้นพอลองดูรอบๆตัวลำโพง กับอ่านดูในคู่มือ เจ้าลำโพงตัวนี้สามารถต่อเชื่อมกับเครื่องใช้ไม้สอยด้วยสาย Aux 3.5 มม. ได้ด้วย และยังสามารถรองรับการ์ด Micro SD ได้อีกด้วย ก็อารมณ์ทำนองว่าเสียบการ์ดที่มีเพลง MP3 เข้าไป ก็จะเปลี่ยนเป็นเหมือนเครื่องเล่น MP3 ได้ในตัวครับ (แม้กระนั้นถ้าหากอยู่ใน Mode ทิ่ม Micro SD Card อยู่ ก็จะไม่สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth ได้ครับผม)
มาถึงการใช้แรงงานจริงครั้งแรกแล้วครับ กับการเชื่อมต่อ Bluetooth กับ iPhone ของผม ซึ่งก็เป็นระเบียบดี ไม่มีปัญหาครับ ... เปิดเครื่องปั๊บ มองเห็นปุ๊บ ติดปั๊บ ใช้งานได้เลย
ไม่รอคอยช้า เปิดเพลงฟังโดยทันที ... ขณะเดียวกันนั้นเอง มีอึ้ง !!
ภาพการเชื่อมต่อ iPhone กับ ลำโพง Bluetooth รวมทั้งการทดสอบเล่นเพลงด้วย iTunes
สำหรับเสียงที่ได้ฟัง ขอสารภาพจากจิตใจว่า ซาบซึ้งใจมากๆครับ ด้วยความที่เป็นตัวลำโพงเล็ก แต่ว่าสามารถฟังเพลงได้ถึงอรรถรสมากมาย น้ำเสียงที่ได้ยินผ่านลำโพงตัวนี้ถือว่าหนักรวมทั้งแน่นกันเลยทีเดียว เป็นผมทดลองถือลำโพงนี้ไว้ในมือในขณะเล่นเพลงก็สามารถรู้สึกได้ขอรับว่าในมือผมกำลังเต้นเหม็นตุบ ตุบ เหม็นตุบ !! โดดเด่นมาก่อนเลยคือเสียงเบสนั่นเองครับผม ถึงแม้ว่าเนื้อเบสจะยังไม่ถึงน้ำหนักที่ผมรักเลิฟ แต่ว่าด้วยตัวเท่านี้ ซาบซึ้งใจผมไปเลย
ส่วนความดัง เห็นตัวเล็กๆแบบนี้ ดังไกลมากครับ ผมทดลองเปิดเสียงจาก iPhone ไว้ดังสุด แล้วก็เปิดเสียงของลำโพงไว้ดังสุดด้วยเหมือนกัน ทดลองเปิดเพลงไว้หลังบ้าน ดังถึงหน้าบ้านสบายๆครับผม เสียงไม่แตกด้วยหายห่วงได้
สำหรับไฟที่แสดงสถานะ (Status) ของลำโพงตัวนี้ ก็สามารถมองจากคู่มือได้ครับมีบอกมาไว้ละเอียดเลย
ว่ารวมทั้งรีบเรียกสติกลับมาด่วน ... จากที่เมื่อกี้มีอึ้งไปแล้ว กลับมาตั้งใจใช้งานกันต่อ
กลับมาที่เจ้าตัวลำโพงนี้ กับการใช้แรงงานในการปรับเสียงลดเสียง ซึ่งเว้นแต่สามารถปรับความดังได้จากใน iPhone ผมแล้ว ผมก็ยังจะสามารถปรับลดความดังที่ตัวลำโพงได้อีกด้วย สำหรับการปรับที่ตัวลำโพง ก็สามารถปรับได้ กดปุ่ม +/- ที่อยู่ข้างล่างของตัวลำโพงค้างไว้ครับ หากกดเร็วๆตามเดิม จะเป็นการกด Skip เพลงครับผม ซึ่งส่วนตัวแล้วฟังก์ชั่นนี้ ผมรู้สึกงงงันๆน้อย ตอนใช้งานหนแรกครับ แม้กระนั้นก็ไม่ใช่ข้อความสำคัญอะไร พอเข้าใจแล้วก็เฉยๆแล้วนะครับ (แอบคิดอยู่ในใจคนเดียว ตอนที่ทดลองกดๆดูหนแรก เพราะเหตุไรเสียงไม่เพิ่ม ... มาถึงบางอ้อคราวหน้า จำต้องกดค้างถ้าจะเพิ่มลดเสียง ไม่ใช่กดเร็วๆแบบธรรมดา ^^')
สำหรับการชาร์จไฟ ขออธิบาย Status ตอนชาร์จไฟก่อนเผื่อคนใดที่เพิ่งใช้งานครั้งแรกๆจะสับสนๆกัน ก็คือ ไฟสีแดงติดคือกำลังชาร์จ และ ไฟสีแดงดับคือชาร์จเสร็จแล้ว
ระยะเวลาการใช้งานเมื่อชาร์จแบตเต็ม ที่ผมทดลองใช้งานดู ก็อยู่ได้โดยประมาณ 7 ชั่วโมงเลยครับผม บางทีอาจจะเป็นเพราะ ผมเปิดเสียงที่เบาๆไม่ดังมากมายก็ได้นะ เลยอยู่ได้นาน แต่หากใช้งานไปนานก็คงตามสภาพน่ะนะครับ
การใช้แรงงานลำโพงตัวนี้ โดยรวมแล้ว ผมพึงพอใจครับผม ถ้าหากเทียบเคียงคุณภาพกับราคาแล้วละก็ จัดว่าเป็นลำโพงนำเอาขนาดเล็กที่คุ้มตัวหนึ่งเลยครับ
ถ้าหากท่านใด อยากทราบ Spec กันแบบละเอียดยิบแล้วละก็ ชักชวนมองเพิ่มอีกได้ที่หน้าเวปของ 425 degree ได้เลยนะครับ
สำหรับเพื่อนพ้องๆที่กำลังมองหาร้านที่จะซื้อผลิตภัณฑ์นี้อยู่ หากถามคำถามว่าต้องซื้อที่นี่มั้ยผมก็ตามทีครับ มิได้บังคับกันอยู่แล้ว ขึ้นกับวิจารณญาณของแต่ละท่านเลยซึ่งหากว่ามีร้านประจำกันอยู่หรือมีตรงไหนที่ถูกอกถูกใจอยู่แล้ว ก็ตามสบายเลยขอรับ ... แต่ว่าถ้าหากถามว่าร้านนี้ โอเคมั้ย ก็จะบอกว่าโอเคครับผม บริการดี ตอบปัญหาอยู่ตลอด ไว้ใจได้ ไม่คดโกง อันนี้คือทัศนคติจากประสบการณ์ของผมล้วนๆนะครับ
ขอบคุณ สำหรับทุกคนที่ติดตามดูรีวิวของผมนะครับ รวมทั้งถ้าหากเนื้อหานี้มีสาระ ก็ฝากกด Like กด Share เป็นกำลังใจให้ผมด้วยครับ
ลืมไปเลย ท่านใดอยากชมภาพของรีวิวนี้แบบจุใจ ติดตามกันต่อได้ที่
Blog ผมที่นี่เลยนะครับ
======================
หรือถ้าเกิดท่านใดสนใจใช้บริการรีวิวแบบตรงไปตรงมาแบบงี้ สอบถามได้ครับ
Mobile : 0615469826
Line ID : @thefotodio
Email : thefotodio.com
Website :
http://www.thefotodio.comขอบคุณบทความจาก :
http://www.thefotodio.comTags : ถ่ายวีดีโอ,รีวิว,ลำโพงเสียงดี
