http://www.108grass.comหญ้าเทียมกับสภาพอากาศของประเทศไทย การใช้วัสดุเทียมเลียนธรรมชาติในยุคนี้มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีในการผลิตมีความก้าวหน้า และวัตถุดิบที่นำมาผลิตมาคุณภาพอีกทั้งองค์ความรู้ต่าง ๆ ก้าวหน้าขึ้นมาก ทำให้วัสดุต่าง ๆ ที่ถูกผลิตขึ้นมานั้นมีความเหมือนจริง และให้คุณสมบัติต่าง ๆ ใกล้เคียงหรือดีกว่าวัสดุจากธรรมชาติด้วยซ้ำ
หญ้าเทียมก็เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่นิยมใช้มากขึ้น เนื่องจากการความรวดเร็วในการติดตั้ง และง่ายต่อการดูแลรักษา ทำให้มีผู้ใช้หญ้าเทียมในหลายอุตสาหกรรมต่าง ๆ สนามกีฬา รวมถึงอาคารบ้านเรือนทั่ว ๆ ไปด้วย ถึงแม้การปูหญ้าเทียมในพื้นที่กว้าง ๆ จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นสูงกว่าหญ้าจริงแต่เมื่อเทียบกับค่าดูแลรักษา จ้างคนมาตัดหญ้า รดน้ำพรวนดิน รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในระยะยาวก็มากมายไม่แพ้กัน แต่เมื่อเทียบความทนทานกันแล้ว ดูเหมือนหญ้าเทียมจะมีภาษีที่ดีกว่า อีกทั้งให้พื้นที่สีเขียวได้แทบจะทันทีเลยทีเดียว เมื่อพูดถึงความทนทานแล้ว ประเทศไทยของเราก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีสภาพภูมิอากาศหลากหลาย ทั้งแดดแรง ฝนตก หนาวรวมถึงน้ำท่วมด้วย แต่สภาพวะอากาศแบบนี้ไม่ได้มีผลต่อ
หญ้าเทียมมากนัก เนื่องจากหญ้าเทียมส่วนใหญ่ถูกผลิตมาได้มาตรฐานจากโรงงานที่ได้คุณภาพ วัตถุดิบ 100% เป็น Polyethylene (PE) ซึ่งเป็นพลาสติกสังเคราะห์ใหม่ทั้งหมด ทำให้ทนแดดได้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส ยิ่งกับความชื้นด้วยแล้วแทบจะไม่มีผลต่อหญ้าเทียมเลย เพราะรูระบายด้านล่างทำการระบายน้ำขังและความชื้นออกได้เป็นอย่างดี กลับสู่สภาวะปกติได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งเป็นสนามฟุตบอลหรือสนามกอล์ฟหญ้าเทียมแล้ว สามารถใช้งานหลังฝนตกได้แทบจะทันที ลองนึกสภาพสนามฟุตบอลหญ้าจริงหลังฝนตก ที่เต็มไปด้วยน้ำขังหรือโคลนสกปรกแล้วก็ไม่น่าลงไปทำการแข่งขันกันเลยทีเดียว แต่หากเป็นสนามหญ้าเทียม เมื่อมีคราบโคลนเปื้อนหรือสกปรกก็สามารถใช้สายยางฉีดทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ส่วนอายุการใช้งานนั้น
หญ้าเทียมหากเป็นเกรดธรรมดา มีอายุการใช้งาน 6-8 ปี แต่หากเป็น
หญ้าเทียมเกรดพรีเมี่ยมแล้ว มีอายุการใช้งาน 10 ปีขึ้นไป เมื่อบวกกับความทนต่อสภาพอากาศบ้านเราแล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจที่หลาย ๆ ที่หันมาใช้หญ้าเทียมกันเรียบร้อยแล้ว
http://www.108grass.com
