ผู้เขียน หัวข้อ: มารู้จักแหล่งที่มาของไคโตซาน กันเถอะ  (อ่าน 511 ครั้ง)

ออฟไลน์ parple1199

  • Flat TV member
  • *
  • กระทู้: 45
  • ?????????????????????
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์

แหล่งกำเนิดไคโตซาน[/url]  [/b]
ไคโตซาน (Chitosan) เป็นสารอนุพันธ์ที่ไม่ละลายน้ำของไคติน ซึ่งอาจสกัดได้จากเปลือกของกุ้งขนาดกลางและเล็ก  กุ้งกร้ามกราม หรือปู
ไคติน (Chitin) เป็นพอลิเมอร์ชีวภาพเกิดในธรรมชาติ จัดอยู่ในกลุ่มคาร์โบไฮเดรตผสม  ประกอบด้วยอนุพันธ์ของน้ำตาลกลูโคสที่มีธาตุไนโตรเจนอยู่ในโครงสร้างทำให้มีคุณสมบัติที่โดดเด่น และหลากหลาย ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงเป็นสารที่มีความปลอดภัยในการใช้กับมนุษย์ สัตว์และสิ่งแวดล้อม สารไคติน-ไคโตซานนี้มีลักษณะพิเศษในการนำมาใช้ดูดซับและจับตะกอนต่างๆ สารละลาย แล้วสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ซึ่งเป็นการหมุนเวียนตามระบบธรรมชาติ
โครงสร้างทางเคมีของสารไคติน  (Poly (1,4-2-acetamido-2-deoxy--D-glucosamine)) คล้ายคลึงกับเซลลูโลส คือ สารพอลิแซ็กคาไรด์ที่มีกลูโคสเป็นองค์ประกอบหลัก ไคตินที่เกิดในธรรมชาติมีโครงสร้างของผลึกที่แข๊งแรงมีการจัดตัวของรูปแบบของผลึกเป็น 3 ประเภทได้แก่ แอลฟ่าไคติน, บีต้าไคติน, และแกมม่าไคติน ไคตินที่เกิดในเปลือกกุ้งและปู และส่วนใหญ่อยู่ในปลาหมึกพบว่าส่วยใหญ่เป็นบีต้าไคติน และซึ่งทั้งสองชนิดมีความแตกต่างในการจัดเรียงตัวของโครงสร้างตามธรรมชาติ โดยพลว่าแอลฟ่าไคตินมีคุณชนิดของเสถียรภาพทางเคมีสูงกว่าบีต้าไคติน  ดังนั้นจึงมีโอกาสที่บีต้าไคตินอาจจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปเป็นแอลฟ่าไคตินได้ในสารละลายของกรดแก่ เช่น กรดเกลือ เป็นต้น  ส่วนแกมม่าไคตินเป็นโครงสร้างผสมระหว่างแอลฟ่าและบีต้าไคติน

ไคติน (Poly (1, 4-2- acetamido-2-deoxy--D-glucosamine)) ไคตินมีสูตรทางเคมีของโมโนเมอร์ คือ C  H  NO ประกอบด้วย C  47.29%   H   6.45%  N 6.89%  และ O  39.37%  พบได้ในเปลือกของสัตว์  เช่น  กุ้ง  ปู  หมึก  แมลง ตัวไหม  หอยมุก  และผนังเซลล์ของพวกรา  ยีสต์ และจุลินทรีย์อีกหลายชนิด  ไคตินในธรรมชาติเป็นของแข็งอันยรูปในทางปฏิบัติไคตินละลายได้ในกรดอนินทรีย์  เช่น  กรดเกลือ  กรดกำมะถัน  และกรดฟอสฟอริกกรดฟอร์มิกที่ปราศจากน้ำ แต่ไม่ละลายในน้ำต่างเจือจาง แอลกอฮอล์  และตัวทำละลายอินทรีย์อื่นๆ โครงสร้างของไคตินแสดงไว้ในรู
ไคโตซาน คือ สารธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีในสัตว์กระดองแข็งและขาเป็นปล้อง เช่น เปลือกกุ้ง กั้ง และกระดองปู ซึ่งเมื่อนำมาสามารถสกัดแยกเอาแคลเซียม และโปรตีน และแร่ธาตุที่ไม่ต้องการออกไป ก็จะได้สารสำคัญที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายเซลลูโลส เรียกว่า "ไคติน" (chi-tin) ไคโตซานถูกค้นพบในปี 1859 โดยศาสตราจารย์ C.Rouget
ไคโตซาน (Poly (1, 4-2- amino-2-deoxy--D-glucosamine))
            ไคโตซานเกิดจากปฏิกิริยาการกำจัดหมู่อะซีติล (Deacetylation) ของไคตินด้วยด่างเข้มข้น ทำให้โครงสร้างของไคตินบางส่วนเปลี่ยนแปลงไป โดยมีการเปลี่ยนหมู่ฟังก์ชันที่มีหมู่อะเซตามิโด (-NHCOCH)เปลี่ยนไปอยู่ในรูปของหมู่อะมิโน (-NH) ที่ตำแหน่งคาร์บอนตัวที่ 2 สมบัติทางกายภาพและทางเคมีของไคโตซานเป็นโพลิมเมอร์สายยาว มีประจุบวก เนื่องจากเกิดโปรโตเนตหมู่อะมิโน (ในรูป-NH) ปกติไคโตซานละลายได้ดีในกรดอินทรีย์  เช่น กรดอะซีติกกรดโพรพาโนอิก กรดแลคติก เป็นต้น pK ของไคโตซานขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของโพลิเมอร์ขอบเขตของความสะเทินของประจุและค่าระดับการกำจัดหมู่อะซีติล (%DD) ที่มีเศษส่วนโมลเดียวกันกับคู่กรดที่ถูกสะเทิน pK ของไคโตซานมีค่าอยู่ในช่วง 6.2 และ 6.8 สารละลายของไคโตซานมีความเหนียวใส มีพฤติกรรมแบบนอน - นิวโตเนียน (non-newtonian)
 
ไคโตซาน (chitosan) เป็นสารธรรมชาติที่รู้จักกันมานานกว่า ๑๐๐ ปีแล้ว แต่ไม่ได้มีการศึกษาเพื่อนำมาใช้ จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้มีการรวมตัวกันของนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เพื่อค้นหา|วิจัย|หา|ค้นคว้า}เกี่ยวกับคุณสมบัติของสารตัวนี้ ซึ่งคุณสมบัติพื้นฐานของไคโตซาน ที่นักวิทยาศาสตร์ต่างค้นหา|วิจัย|หา|ค้นคว้า}ออกมาได้ผลตรงกัน คือ ไคโตซานเป็นสารที่มีประจุบวก จึงสามารถดักจับไขมันต่างๆที่เป็นประจุลบได้ โดยมีการวิจัยใช้สารไคโตซานครั้งแรกในการบำบัดน้ำเสียแบบชีวภาพที่ประเทศญี่ปุ่น และซึ่งหลังจากนั้นไคโตซานก็ได้เข้าไปมีบทบาทในวงการอุตสาหกรรมหลายสาขา

 

Tags : ไคโตซาน,ไคติน