ผู้เขียน หัวข้อ: ลักษณะทั่วไปของกระชายดำสรรพคุณประโยชน์กระชายดำ  (อ่าน 188 ครั้ง)

ออฟไลน์ anonchobpost

  • Full LED TV member
  • ****
  • กระทู้: 2,867
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์

กระชายดำ ประโยชน์สรรพคุณ และงานวิจัยข้อดีข้อเสีย
ชื่อสมุนไพร กระชายดำ
ชื่ออื่นๆ/ ชื่อท้องถิ่น กระชายม่วง , ว่านเพชรดำ , ขิงทราย (มหาสารคาม) , ว่านนิ่งงัน , ว่านพญานกยูง , ว่านกั้นบัง ,ว่านกำบัง , ว่านกำบังภัย , กะแอน . ระแอน (ภาคเหนือ)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Kaempferia parviflora Wallich. ex Baker
ชื่อวงศ์Zingiberaceae
ถิ่นกำเนิดกระชายดำ
มีบ้านเกิดในเอเซียอาคเนย์ พบได้หนาแน่นในแถบมาเลเซีย เกะสุมาตรา เกาะบอร์เนียว อินโดจีน และในประเทศไทย และมีเขตการกระจายพันธุ์ทั่วๆไปในเอเชียเขตร้อน ในประเทศจีนตอนใต้ อินเดีย และก็ประเทศพม่า สำหรับเมืองไทยนั้นมีการปลูกกระชายดำมากในจังหวัดเลย ตาก กาญจนบุรี และก็จังหวัดอื่นๆทางภาคเหนือ
ลักษณะทั่วไปของกระชายดำ
กระชายดำจัดเป็นไม้ล้มลุกมีอายุหลายปีมีเหง้าอยู่โต้ดิน โดยในแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังนี้

  • เหง้ากระชายดำ นั้นมีลักษณะเป็นทรงกลม เป็นปุ่มป่นเรียงต่อกัน รวมทั้งมักมีขนาดเท่าๆกัน มีหลายเหง้าและก็อวบน้ำ ผิวเหง้ามีสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาบเข้ม รวมทั้งบางทีอาจเจอรอยที่ผิวเหง้าเป็นรอบๆที่จะแตกหน่อของต้นใหม่ ส่วนเนื้อภายในชองเหง้ามีสีม่วงอ่อน สีม่วงเข้ม ไปจนกระทั่งม่วงดำ เหง้ามีกลิ่นหอมหวนเฉพาะบุคคล แล้วก็มีรสชาติขมเล็กน้อย โดยกระชายดำที่ดีนั้นจะต้องมีสีม่วงเข้มถึงสีดำ
  • ใบกระชายดำ มีใบเป็นใบลำพัง ลักษณะเป็นรูปรีหรือรูปไข่ มีความกว้างราวๆ 5 - 10 ซม. และก็ยาวราวๆ 10 - 15 ซม. ปลายใบแหลม ขอบใบหยักตามเส้นใบ ผิว ในเป็นร่องคลื่นตลอดใบตามแนวของเส้นใบ ใบมีสีเขียวสด ส่วนโคนก้านใบมีลักษณะเป็นกาบห่อลำต้นไว้ ขอบก้านใบมีสีแดงตลอดความยาวของก้าน ศูนย์กลางก้านเป็นร่องลึก
  • ดอกกระชายดำ ดอกออกเป็นช่อแทรกขึ้นมาจากโคนกาบใบ ก้านช่อดอกมีความยาวประมาณ 5 - 6 ซม. กลีบดอกไม้ที่ส่วนโคนเชื่อมเป็นหลอด ยาวโดยประมาณ 3 - 3.2 เซนติเมตร ที่ปลายแยกเป็นแฉก เกสรตัวผู้เป็นหมัน มีสีขาว ลักษณะเป็นรูปขอบขนาด มีความกว้างราวๆ 3 มิลลิเมตร แล้วก็ยาวราวๆ 10 -13 มิลลิเมตร ส่วนกลีบปลายมีสีม่วง
การขยายพันธุ์กระชายดำ[/url][/size][/b]
ขยายพันธุ์โดยการใช้หัวหรือแยกหน่อ ปลูกได้ตลอดปี แม้กระนั้นฤดูที่สมควรอยู่ในระหว่างมีนาคม - พ.ค. การเตรียมหัวกระชายดำสำหรับปลูก หัวกระชายดำหัวหนึ่งจะมีหลายแง่ง ให้บิ (หัก) ออกมาเป็นแง่งๆหากแง่งเล็กก็ 2 - 3 แง่ง หากแง่งใหญ่สมบูรณ์ก็แค่แง่งเดียวก็พอ เนื่องจากเมื่อกระชายดำโตขึ้น กระชายดำก็จะแตกหน่อ และเกิดหัวกระชายดำหัวใหม่ขึ้นมาแทน รวมทั้งจะขยายหัวและก็หน่อออกไปเรื่อยๆจะมากหรือน้อยขึ้นกับการรักษา ส่วนหัวหรือแง่งที่ใช้ปลูกเอาไว้ในตอนแรกที่เหี่ยวเฉาและก็แห้งไปท้ายที่สุด ก่อนนำไปปลูก ควรจะทารอยแผลของแง่งกระชายดำที่ถูกลบมาด้วยปูนกินหมาก หรือจะจุ่มลงไปในน้ำยากันเชื้อราก็ได้ แล้วผึ่งในที่ร่มกระทั่งหมดหรือแห้ง และหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปปลูก การปลูกกระชายดำก็อย่างกับการปลูกกระชายธรรมดาโดยทั่วไป สามารถปลุกเจริญในดินร่วนซุย การระบายน้ำดี แต่ว่าระวังอย่าให้น้ำหลากขัง เพราะเหตุว่าจะก่อให้หัวหรือเหง้าเน่าได้ง่ายส่วนในดินเหนียว รวมทั้งดินลูกรังไม่ค่อยจะสมควรนัก โดยธรรมชาติรวมทั้งกระชายดำขอบขึ้นตามร่มไม้ในป่าดงดิบ แล้วก็ป่าเบญจพรรณทั่วๆไป แต่ในที่โล่งแจ้งก็สามารถปลูกได้
องค์ประกอบทางเคมีของกระชายดำ
ข้อมูลทางด้านวิทยาศาสตร์พบว่า ในเหง้ากระชายดำมีน้ำมันหอมระเหยแต่ว่าเจอในปริมาณน้อย (ราวปริมาณร้อยละ 1 - 3) น้ำมันหอมระเหยของกระชายดำมีสารเคมีหลายชนิด ได้แก่ 1.8-cineol,camphor, d-borneol รวมทั้ง methyl cinnamate น้ำมันหอมระเหยที่พบส่วนน้อย ดังเช่น d-pinene, zingiberene , zingiberone, curcumin และก็ zedoarin ยิ่งไปกว่านี้ ยังเจอสารอื่น อาทิเช่น กลุ่มไดไฮโดรซาลโคน pincocembrin แล้วก็กล่มุซาลโคน (เป็นต้นว่า 2 , 4 , 6-trihydroxy chalcone รวมทั้ง cardamonin)(ณาตยา ธนะศรีวัฒนา, สุนิดาในตะกั่วทุ่ง, ธนนันต์ ฐานะจาโร,2540)
สูตรส่วนประกอบทางเคมีสารกลุ่ม chalconeที่มา Rein (2005)
สูตรองค์ประกอบทางเคมีสารกรุ๊ป Anthocyanin
ที่มา Castaneda-Ovando et al. (2009)

สรรพคุณกระชายดำ
ใช้บำรุงกำลัง แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวแล้วก็อาการเหนื่อยล้า รวมทั้งเพิ่มสมรรถนะทางเพศขับลม เป็นยาอายุวัฒนะ แก้จุกเสียด แก้เจ็บท้อง หรือโขลกกับเหล้าขาวคั้นน้ำกิน แก้โรคมดลูกทุพพลภาพ มดลูกหย่อนยาน ใช้กวาดคอเด็ก แก้โรคตานซางในเด็ก หรือต้มดื่มแก้โรคตา ช่วยบำรุงรักษาฮอร์โมนเพศชาย แก้กามตายด้าน ด้วยการใช้เหง้ากระชายดำสดเอามาดองกับเหล้าขาวแล้วก็น้ำผึ้งแท้ (ในอัตราส่วน 1 โล : เหล้าขาว 3 ขวด : น้ำผึ้ง 1 ขวด) ดองทิ้งเอาไว้ราวๆ 9 - 15 วัน แล้วประยุกต์ใช้ดื่มวันละ 1 - 2 เป๊ก (กระชายดำไม่ได้เป็นยาเร้าอารมณ์ทางเพศ แต่ระยะเวลาการแข็งตัวที่นานขึ้น และสำหรับคนที่มิได้มีปัญหาดังที่ได้กล่าวมาแล้วก็สามารถรับประทานเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรกขึ้นได้)ถ้าหากคุณผู้หญิงทานแล้วจะช่วยในการปรับสมดุลของฮอร์โมนทางเพศ ช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ช่วยสำหรับในการนอน แก้อาการนอนไม่ค่อยหลับในค่ำคืน ช่วยทำให้นอนหลับดียิ่งขึ้น
รูปแบบ , ขนาดวิธีการใช้
สำหรับวิธีการใช้กระชายดำเพื่อเป็นยาอายุวัฒนะ ใช้เป็นยาพาราท้อง แก้โรคบิด และลมป่วงทุกประเภท

  • หากเป็นเหง้าสด ให้ใช้ราว 4 - 5 เอามาดองกับเหล้าขาว 1 ขวดก่อนเอามารับประทานเป็นข้าวเย็น ในปริมาณ 30 cc. หรือ จะฝานเป็นแว่นบางๆแช่กับน้ำดื่ม หรือเอามาดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1:1
  • แม้เป็นเหง้าแห้งก็ให้ใช้ดองกับน้ำผึ้งในอัตราส่วน 1 ต่อ นาน 7 วัน แล้วนำมาใช้ดื่มก่อนนอน
  • ถ้าเกิดเป็นแบบชงหรือแบบผง ให้ใช้ผงแห้ง 1 ซอง ชงกับน้ำร้าน 1 แก้ว (ขนาน 120 cc.) และก็แต่งรสด้วยน้ำผึ้งหรือน้ำตาลตามความปรารถนา แล้วเอามาดื่ม
การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของกระชายดำ

  • ฤทธิ์ต้านทานอักเสบ สาร 5,7 - ได้การบูชายัญอกซีฟลาโอ้อวดน (5,7-DMF) ที่แยกได้จากเหง้ากระชายดำ มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบเทียบได้กับยามาตรฐานหลากหลายประเภท คือ แอสไพริน , อินโดความรู้สิน , ไฮไดรคอร์ติโซน และเพรดนิโซโลน จากการเล่าเรียนฤทธิ์ต้านทานอักเสบของสารนี้ ในสัตว์ทดลองด้วยแนวทางต่างๆพบว่าสาร 5,7-DMF สามารถต่อต้านการอักเสบแบบกะทันหันได้ดีมากว่าแบบเรื้อรัง โดยแสดงฤทธิ์ยั้งการบวมของอุ้งเท้าหนูขาวจากสารติดอยู่ราจีนแนน แล้วก็เคโอลินได้ดียิ่งไปกว่าฤทธิ์ยับยั้งการสร้าง granuloma จากการฝังสำลีใต้ผิวหนัง ยิ่งไปกว่านี้ พบว่า สาร 5,7-DMF มีฤทธิ์ยับยั้งการเกิด exudation รวมทั้งการผลิตสาร prostaglandin อย่างเป็นจริงเป็นจัง เมื่อเรียนรู้ฤทธิ์ต้านการอักเสบในช่องปอดของหนูขาว (rat pleurisy) (วงศ์พัฒนา ทัศนียกุล แล้วก็อำไพ ปั้นทองคำ,2528)
  • ฤทธิ์ต้านเชื้อจุลินทรีย์ สาร 5,7,4'-trimethoxyflavone แล้วก็ 5,7,3' ,4' -tetramethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านทานเชื้อ Plasmodium falciparum ที่เป็นสาเหตุของโรคไข้จับสั่น ส่วนสาร 3,5,7,4'-tetramethoxyflavone และก็ 5,7,4'-trimethoxyflavone แสดงฤทธิ์ต้านเชื้อ Candida albicans แล้วก็แสดงฤทธิ์ต้านทานเชื้อ Mycobacterium อย่างอ่อน (Wattanapitayakui S, Nawinprasert A, Herunsalee A, et al,2003)
  • พิษต่อเซลล์มะเร็ง (cytotoxic activity) จากการทดสอบผลของฟลาโวนอยด์ 9 ชนิดของกระชายดำต่อเซลล์มะเร็ง ได้แก่ KB , BC หรือ NCI-H187 ไม่พบว่ามีสารใดกระตุ้นให้เกิดพิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็งที่ทดลอง (ตระกูลพัฒนา ทัศนียกุล แล้วก็สว่าง ปั้นทอง,2528)
  • ฤทธิ์ขยายเส้นเลือดแดง มีรายงานการวิจัยว่า สารสกัดด้วยเอธานอลของกระชายดำมีฤทธิ์ขยายหลอดเลือดแดงใหญ่ (aorta) ลดละการยุบเกร็งของ ลำไส้เล็กส่วนปลาย (ileum) ของหนูขาว แล้วก็ยับยั้งการเกาะกรุ๊ปของเกล็ดเลือดของคน.(Yenchai C, Prasaphen K, Doodee S, et al,2004)

การศึกษาทางพิษวิทยา
การศึกษาพิษเรื้อรังระยะเวลา 6 เดือน ของผงกระชายดำในหนูขาว ในขนาด 20 , 200 , 1000 และ 2000 มก/กิโลกรัม/วัน เทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ได้รับน้ำ พบว่า หนูที่ได้รับกระชายดำทุกกลุ่มมีน้ำหนักตัวที่มากขึ้น อาการและสุขภาพไม่ได้ต่างอะไรจากกรุ๊ปควบคุมหนูที่ได้รับกระชายดำขนาด 2000 มก/กก. มีน้ำหนักสโมสรของตับสูงกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง บางทีอาจเพราะว่ามีน้ำหนักตัวที่ต่ำกว่ากรุ๊ปควบคุม แล้วก็มีเม็ดเลือดขาวอิโอสิฟิสที่ได้รับกระชายดำ 2000 มก./กก. มีระดับซีรั่มโซเดียมสูงขึ้นมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญแต่ว่ายังอยู่ในตอนค่าธรรมดา ผลของการตรวจอวัยวะทางจุลพยาธิวิทยานั้นไม่เจอการเปลี่ยนแปลงที่บ่งชี้ว่าเกิดความเป็นพิษของกระชายดำ (ทรงพล ชีวะพัฒน์, ณุฉัตรา จันทร์สุการขาย, ปราณี ชวลิตทรง และคณะ.2547)
ข้อแนะนำ /{ข้อควรระวัง

  • กระชายดำสามารถรับประทานได้หญิง และชายโดยไม่เกิดผลข้างเคียงอะไรก็ตามยิ่งสำหรับผู้สูงอายุก็พบว่านิยมใช้กันมานานมากแล้ว
  • ผลกระทบของกระชายดำ การกินในขนาดสูง อาจส่งผลให้เกิดอาการใจสั่นได้
  • ห้ามใช้กระชายดำในเด็ก รวมทั้งในผู้เจ็บป่วยที่เป็นโรคตับ
  • การรับประทานเหง้ากระชายดำต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่นานๆ อาจส่งผลให้เหงือกร่น
  • แม้จะมีงานค้นคว้าในสัตว์ทดลองที่บอกว่ากระชายดำไม่พบว่ามีความเป็นพิษ แต่ว่ายังไม่มีรายงานการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยเพื่อประเมินประสิทธิผล ของการใช้กระชายดำในคนจำเป็นที่จะต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย



Tags : สรรพคุณกระชายดำ,ประโยชน์กระชายดำ