ผู้เขียน หัวข้อ: ลูกกลัวหมอฟันเด็กควรจะทำอย่างไรดี?  (อ่าน 69 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chanapot

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 19,304
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
ลูกกลัวหมอฟันเด็กควรจะทำอย่างไรดี?



เอายังไงดี เมื่อลูกน้อยกลัวคุณหมอฟันเด็ก - เด็กกับความหวาดกลัวถือเป็นเรื่องที่คู่กัน เด็กจะกลัวในเรื่องที่จำฝังใจ ตัวอย่างเช่น การกลัวการเจ็บปวด กลัวคนที่ไม่รู้จัก ความหวาดกลัวเหตุการณ์ใหม่ๆที่ยังไม่เคยประสบมาก่อน ซึ่งความกลัวจะเกิดขึ้นในช่วงหนึ่งของชีวิตเพียงแค่นั้น โดย ความกลัวนั้นจะขึ้นกับตัวเด็กอีกครั้งว่าเด็กนั้นก่อนหน้านี้พ่อแม่อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีปัจจัยที่ส่งผลให้เด็กกลัว หมอฟันเด็กหรือกลัวการรักษาทางด้านทันตกรรมเด็ก เช่น ประสบการณ์การรักษาทางทันตกรรมเด็ก ในอดีต โดยยิ่งไปกว่านั้นการพาเด็กเข้าการรักษาฟันในช่วงเวลาที่เด็กเจ็บอยู่ฟัน และอาจจะทำให้เด็กทั้งยังเจ็บแล้วกลัวและก็ฝังลึกในใจเลยนำไปสู่ความกลัว และก็อาจจะก่อให้เด็กกลัวหมอที่ใส่ชุดสีขาว หรือกลัวการเข้าไปรักษาในโรงหมอหรือคลินิกทันตกรรมต่างๆและก็การฟังจากคำกล่าวจากเครือญาติ ลูกพี่ลูกน้อง เพื่อนฝูง และเด็กบางทีก็อาจจะรับทราบได้จากความประพฤติปฏิบัติอะไรบางอย่าง หรือจากสีหน้าที่มีความรู้สึกกังวลใจที่พ่อแม่แสดงออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว เป็นต้น

การจัดเตรียมลูก สำหรับในการมาเจอแพทย์ฟันทีแรก

ทันตกรรมเด็กกับการตระเตรียมเด็กที่ดีนั้นมีผลอย่างมากต่อพฤติกรรมของเด็กและความสำเร็จสำหรับเพื่อการรักษา เพราะฉะนั้นคุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่จำเป็นต้องหลบหลีกคำบอกเล่าที่น่าสยดสยองหรือแสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับหมอฟันเด็กที่ให้บริการทัตนกรรมเด็ก และไม่ควรใช้ทันตแพทย์หรือแนวทางการทำฟันเป็นสิ่งที่ใช้ในการขู่ลูก อย่างเช่น “หากไม่ยินยอมแปรงฟันนะ จะจับไปให้แพทย์ถอนฟันเลย” ซึ่งจะยิ่งทำให้ลูกฝั่งจิตใจแล้วก็กลัวทันตแพทย์มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้คุณพ่อกับคุณแม่อาจช่วยส่งเสริมทัศนคติในทางบวกต่อกระบวนการทำฟันให้แก่ลูก ตัวอย่างเช่น “คุณหมอจะช่วยให้หนูมีฟันสวยและก็แข็งแรง” ยิ่งกว่านั้นเมื่อพบว่าลูกมีฟันผุก็ควรจะพาลูกมาทำฟันตั้งแต่ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีอาการปวด ถ้าหากรอให้มีลักษณะอาการปวดก่อนเด็กจะยิ่งมีความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจสำหรับเพื่อการทำฟันเพิ่มมากขึ้น

เมื่อมาหาหมอฟันแล้ว ถ้าหากลูกกลัวหมอฟัน ไม่ร่วมมือผู้ดูแลแล้วก็หมอฟัน ควรจะทำอย่างไร

เด็กแต่ละคนที่มีความหวาดกลัวก็จะแสดงพฤติกรรมที่ต่างกันออกไป เด็กที่มีความกลัวและไม่ให้ความร่วมมือ จำเป็นอย่างยิ่งที่หมอฟันจึงควรวิเคราะห์หาสาเหตุของความกลัวของเด็ก เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบสำหรับการใคร่ครวญเลือกใช้วิธีการจัดแจงพฤติกรรม ซึ่งบิดามารดาจะมีส่วนช่วยอย่างใหญ่โตสำหรับเพื่อการให้ข้อมูลพื้นฐานกลุ่มนี้ ภายหลังจากนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของ ทันตแพทย์ที่จะเลือกใช้วิธีปรับพฤติกรรมต่างๆเพื่อให้เด็กให้ลดความหวาดกลัว ความรู้สึกกลุ้มใจ และก็ยินยอมให้ความร่วมแรงร่วมใจในการทำฟันเด็ก โดยแนวทางที่ใช้เยอะที่สุดก็คือ การปรับพฤติกรรมโดยวิธีทางจิตวิทยาไม่ว่าจะเป็นการเสวนา ปลอบประโลม ยกย่อง เกื้อหนุนให้กำลังใจ การเบี่ยงเบน ความพอใจ หรือการแยกผู้ปกครอง ทั้งนี้ขึ้นอยู่อายุของเด็ก ระดับของความร่วมมือ และก็จำนวนงานหรือ ความรีบของการดูแลและรักษาด้วย เช่น ในเด็กเล็กต่ำลงยิ่งกว่า 3 ขวบ ที่ยังสนทนาติดต่อสื่อสารกันไม่เข้าใจ หรือเด็กที่ไม่ให้ ความร่วมแรงร่วมมือเป็นอย่างมาก หมอฟันก็อาจจะต้องขออนุญาตใช้ผ้าห่อตัวเด็ก (Papoose board) ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของเด็กเพื่อสามารถให้การรักษาได้ทางด้านทันตกรรมเด็กอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น หรืออาจจะพรีเซ็นท์ลู่ทางการดูแลและรักษาทางทันตกรรมภายใต้การทานยาให้สงบหรือการสูดยาสลบให้แก่ผู้ปกครองเป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่จะทำให้ลูกน้อยไม่กลัวหมอฟันเด็ก

สิ่งที่เหมาะสมที่สุดของการมาใช้บริการทันตกรรมเด็ก ที่จะทำให้ลูกของคุณไม่กลัวหมอฟันคือ การดูแลโพรงปากของลูกไม่ให้มีฟันผุ โดยควรจะพาลูกมาพบทันตแพทย์ตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้นหรือภายในขวบปีแรก แล้วก็ตรวจฟันอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 6 เดือน เมื่อลูกไม่มีฟันผุ เวลาทำฟันเด็กก็ไม่เจ็บ เมื่อไม่เจ็บก็มักจะไม่กลัวทันตแพทย์ แต่เมื่อลูกมีฟันผุแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็ควรจะแข็งแกร่งที่จะพาลูกมารับการรักษาตามนัดอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ลูกจะร้องไห้ตั้งแต่อยู่ที่บ้านเมื่อรู้ดีว่าจะพามาทำฟันก็ตาม เพื่อลูกของคุณมีสุขภาพโพรงปากที่ดี ซึ่งเมื่อมีสุขภาพโพรงปากที่ก็ดีก็จะช่วยส่งเสริมให้เด็กมีความก้าวหน้าในด้านอื่นๆที่ดีตามไปด้วย