ผู้เขียน หัวข้อ: คุณอยู่กับ facebookมาหลายปี แต่คุณรู้จักเค้าดีพอรึยัง?  (อ่าน 594 ครั้ง)

ออฟไลน์ witwit89

  • Full LED TV member
  • ****
  • กระทู้: 815
    • ดูรายละเอียด
    • ÃѺâ¾ÊàÇ纺ÍÃì´


ปีเตอร์ธีล (Peter Thiel) หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal ช่วยให้Facebook ได้เปิดตัวด้วยเงินจำนวน 500,000 เหรียญสหรัฐฯผู้ใช้งาน 400 ล้านคน ล็อกอินเข้าไปในโปรไฟล์ส่วนตัวบน Facebook อย่างน้อย 1 ครั้งต่อเดือน ด้านความเป็นสากลของ Facebook นั้น บ่งชี้ได้จากจำนวนผู้ใช้งาน 70 เปอร์เซ็นต์ อยู่นอกพื้นที่สหรัฐฯ นอกจากนี้ Facebook ยังพัฒนาให้มีมากกว่า 70 ภาษา (ประชากรกึ่งหนึ่งของเดนมาร์กมีโปรไฟล์บน Facebook เป็นของตัวเอง หากมองในลักษณะของตัวเลข จะเท่ากับ 2,421,380 คน จากทั้งหมด 5,484,723 คน)

การจัดอันดับเว็บไซต์ยอดนิยมจาก Traffic แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบัน Facebook ได้รับความนิยมมาเป็นอันดับ 2 รองจาก Google ที่ยังคงรั้งที่ 1 ไว้ได้เสมอ ส่วนที่ 3 เป็นของ Youtubeส่วนเว็บไซต์สังคมออนไลน์อื่น ๆ ยังคงไม่ติดฝุ่น โดย Twitter นั้นอยู่ในอันดับที่ 11 ขณะที่ Myspaceอยู่ที่ 19
ในปี 2006? Yahoo พยายามขอซื้อ Facebook จาก มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เป็นเงิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ถูกปฏิเสธ
ในปี 2009 Facebook มีมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

วันนี้มูลค่าของ Facebook พุ่งทะยานราว 7.9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ถึง 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ
เพจยอดนิยมของ Facebook :
อันดับ 1. ไมเคิลแจ๊กสัน
อันดับ 2. ตัวการ์ตูน โฮเมอร์ซิมสัน
อันดับ 3. Facebook เอง
อันดับ 4. บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
อันดับ 5. กาแฟสตาร์บั๊ก

ในเดือนหนึ่งๆ ผู้ใช้งาน Facebook เข้ามาใช้เวลาในโปรไฟล์รวม 8.3 พันล้านชั่วโมง, แต่ละโปรไฟล์มีเพื่อนเฉลี่ย 130 คน, มีการใช้งานแอพพลิเคชั่น กว่า 550,000 แอพพลิเคชั่น (จำนวนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน)
ผู้หญิงอายุ 55 ปีขึ้นไป ในสหรัฐฯ ใช้งาน Facebook เพิ่มมากขึ้น

สิ่งสำคัญที่สุด :
-Facebook มีสิทธิ์ทุกประการในข้อมูลของมูลใช้งาน แม้ผู้ใช้งานจะยกเลิกแอคเคาท์แล้วก็ตาม
-Facebook ได้รับความนิยมมาก กระทั่งนักจิตวิทยายกให้เป็นโรคความบกพร่องทางด้านจิตใจประเภทหนึ่ง หรือเรียกว่า Facebook Addiction Disorder
-ในประเทศออสเตรเลีย Facebook แทรกซึมเข้าไปในกระบวนการยุติธรรมของศาล
Facebook สร้างรายได้จากการขายโฆษณาและผลิตภัณฑ์ได้มากมายมหาศาล
ปี 2007 ทำได้ 150 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ปี2008 ทำได้ 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ปี2009 ทำได้ 600-700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ปี2010 ทำได้ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
Status Update ของผู้ใช้งาน Facebook ในปี 2009 ที่ได้รับความนิยมสูง คือ เรื่องราวเกี่ยวกับ แอพพลิเคชั่นบน Facebook มาเป็นอันดับ 1 ส่วนอันดับ 2 คือเรื่องราวในชีวิตประจำวัน อันดับ 3 เป็นเรื่องของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่วนที่น่าสนใจคืออันดับ 12 เลดี้กาก้า อันดับ 13 เรื่องสวน อันดับ 14 คือเรื่องของศาสนา

ลักษณะการทำงานของ  Facebook

มีลิงก์จากเพื่อนส่งเข้ามาหาและถ้าตอบตกลง sign up เข้าไปก็จะเข้าไปอยู่ในเครือข่ายของ  Facebook ทันที ขณะเดียวกันก็สามารถส่งลิงก์ เชื้อเชิญเพื่อนคนอื่นให้เข้ากลุ่มเป็นลูกโซ่ ต่อไปได้ โดยใน Facebook จะมีการแบ่งปันข้อมูลประสบการณ์ของแต่ละคน อัพเดตรูปภาพที่ได้ไปเที่ยวกันมา พูดคุย ติดต่อ เมาท์ หรือแม้แต่เข้าไปยุ่งเรื่องคนอื่นก็ได้

Yahoo.com เสนอซื้อกิจการด้วยมูลค่า สูงลิ่วถึง $ ๑.๖ พันล้าน แต่ได้รับการปฏิเสธจาก Mark Zuckerberg
Google ก็อยากได้ Facebook มาไว้ในครอบครอง   ด้วยการยื่นข้อเสนอทุ่ม  ๒.๖ พันล้าน ดอลล่าสหรัฐ


ขายหุ้นให้ไมโครซอฟท์
บิลล์เกตส์  ผู้สร้างตำนานลาออกจากมหาวิทยาลัย  เพื่อมาก่อตั้งไมโครซอฟท์  เป็นนักลงทุนรายแรก ที่ยอมควักกระเป๋าจ่ายเงิน  ๒๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ  แลกกับหุ้นเฟชบุ๊กเพียงแค่  ๑.๖  %  เมื่อปลายปี  ๒๕๕๐ต้งแต่เฟซบุ๊กให้บริการมาได้แค่ ๓ ปี และมีผู้ใช้บริการเพียง ๕๐ ล้านคน
การตัดสินใจของไมโครซอฟท์หนุนส่งให้มูลค่าตลาดของเฟซบุ๊กเพิ่มขึ้นเป็น  ๑,๕๐๐  ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในชั่วข้ามคืน ช่วงเวลานั้น  มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า  ไมโครซอฟท์คงกินยาผิด ถึงได้ตัดสินใจขี่ช้างจับตั้กแตนขนาดนั้น  แต่นักวิเคราะห์ที่รู้จริงกลับเดาทาง ถูกว่า  เงินแค่ ๒๔๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ  เป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมาก  เมื่อเทียบกับ สิ่งที่ไมโครซอฟท์หมายมั่นปั้นมือ
นั่นคือ  การแลกกับสินทรัพย์มหาศาลที่มองไม่เห็นในงบดุล  จากการเข้าถึงฐานลูกค้าจำนวนหลายสิบหลายร้อนล้านคนของ Facebook โดยเฉพาะลูกค้าต่างประเทศ  และลูกค้าในวัยหนุ่มสาว ซึ่งไมโครซอฟท์ยังเข้าไม่ถึง

ขายหุ้นให้กับ  DST  สัญชาติรัสเซีย
นอกจากนี้  ดีลประวัติศาสตร์อีกครั้งของ  Facebook  ก็คือตกลง ขายหุ้นนิดหน่อยให้กับกลุ่มนักลงทุนอินเตอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ สัญชาติรัสเซีย “ดิจิตอล สกายเทคโนโลยีส์”  หรือ  DST  เพื่อแลกกับการเจาะตลาด Facebook ในแถบรัสเซีย และยุโรปตะวันออก  ซึ่ง  DST เป็นเจ้าของธุรกิจ และนายทุนใหญ่คุมตลาดอินเตอร์เน็ตทั้งภูมิภาคดังกล่าว
ดีลประวัติศาสตร์นี้ ตกลงกันสำเร็จเมื่อเดือน พฤษภาคม ปีที่แล้ว โดยฝ่ายนายทุนหมีขาวใจป้ำยินดีจ่ายเงิน  ๒๐๐  ล้านดอลลาร์สหรัฐ  แลก เปลี่ยนกับหุ้นบุริมสิทธิแค่  ๑.๙๖ %  ของหุ้น Facebook  ซึ่งขณะนั้นมีมูลค่า รวม  ๑๐,๐๐๐  ล้านดอลลาร์สหรัฐ  พร้อมรับปากว่าจะไม่มีตัวแทนในบอร์ด บริหารและไม่ก้าวก่ายเรื่องการบริหาร  ซึ่งถือเป็นแนวทางสำคัญของ Facebook  ตลอดมา

ชีวิตส่วนตัว ของ Mark  Zuckerberg



ถึงแม้จะร่ำรวยทั้งเงินทองและชื่อเสียงชนิดหาตัวจับยาก  แต่ทุกวันนี้  CEO หนุ่มแห่ง  Facebook  ยังคงใช้ชีวิตสมถะไม่แตกต่างจากเดิมเขาชอบสวมสเวตเตอร์เชิ้ตสีน้ำตาล กับกางเกงสแล็กสีกากีง่าย ๆ และรองเท้าแตะอาดิดาสคู่โปรดยังคงเช่าอพาร์ตเมนต์เล็กๆ อยู่ใกล้ออฟฟิศทำงานย่าน พาโล อัลโต  ซึ่งเป็นซิลิคอน วัลเลย์  ในรัฐแคลิฟอร์เนีย  เหมือนเมื่อครั้งเริ่มก่อตั้งFacebook ใหม่ๆ  ภายในห้องมีแค่ฟูกนอนราคาถูก  โต๊ะทำงานตัวเดียว กับเก้าอี้สองตัว
ส่วนอาหารเช้าของมหาเศรษฐีก็ยังเป็นซีเรียลใส่นมในชามกระดาษกับช้อนพลาสติกและใครจะเชื่อว่าเขายังขี่จักรยานหรือไม่ก็เดินไปทำงานทุกวัน นอกจากความสามารถในการจับพฤติกรรมของคนมาใส่ไว้ใน Facebook อย่างแนบเนียนแล้ว ความสมถะของ CEO ท่านนี้

ข้อมูลจากYes! Business School ทองหล่อ