ผู้เขียน หัวข้อ: ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่แน่ใจปีนี้กำไรกว่า 4 พันล้านบาท  (อ่าน 242 ครั้ง)

ออฟไลน์ tobe4421

  • Flat TV member
  • *
  • กระทู้: 33
    • ดูรายละเอียด
    • à¤Ã×èͧ¤Ó¹Ç³¾×é¹·Õè
    • อีเมล์

นางพเยาว์ มริตตนะพร กรรมการผู้จัดการธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่ เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปีนี้มีดอกผลกว่า 4,000 ล้านบาท จากปี 2555 กำไรอยู่ที่ 2,254 ล้านบาท ส่วนหนึ่งประเมิน2,800 ล้านบาท เป็นกำไรที่ไม่ใช่ตัวเงิน เนื่องจากมีการปรับวิธี
ลงบัญชีจากการที่ธุรกิจเครื่องคำนวณพื้นที่เพิ่มสัดส่วนถือใบหุ้นในบริษัทเป็นจาก 20% จากเดิม 9% อีกส่วนหนึ่งเป็นกำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งมีสมัยปัจจุบันบวกหลายด้าน เช่น รายได้จากค่าผ่านทางที่มีปริมาณรถยนต์ผ่านทางเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันทางด่วนในเมืองมีอัตราเฉลี่ยวันละ 1.084 ล้านคน คาดว่าในปีนี้จะโตเพิ่มอีก 2% อยู่ที่วันละประมาณ 1.105 ล้านคัน ขณะที่ทางด่วนนอกเมืองมีความโน้มเอียงปริมาณรถยนต์ผ่านทางเพิ่มขึ้นถึง 7% สาเหตุที่ปริมาณรถยนต์ผ่านทางเพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจดี มีกิจกรรมทางธุรกิจมากขึ้น ผู้ใช้ทางได้รับความสะดวกจากทางด่วนเส้นใหม่ๆ เช่น วงแหวนใต้ ทำให้มีการเดินทางเชื่อมระบบทางด่วนเพิ่มขึ้น นอกจากนั้น ยังมีวัตถุปัจจัยบวกเรื่องการปรับค่าผ่านทาง ซึ่งจะถึงกำหนดปรับค่าผ่านทางในวันที่ 1 ก.ย.นี้ โดยจะมีการปรับทุกๆ 5 ปี และปีนี้บริษัทได้ตรวจดูและส่งหนังสือแจ้งไปยังการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แล้วว่าการพิจารณาดัชนีผู้บริโภคตลอด 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าจะต้องมีการปรับขึ้นค่าผ่านทาง แต่จะปรับขึ้นเป็นจำนวนเท่าใดนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของภาครัฐ โดยทุกทีจะปรับขึ้นที่ละ 5, 10 และ 15 บาท "ผลประกอบการปี 2555 มีกำไรสูงสุดเท่าที่ตั้งบริษัทมา โดยเป็นกำไรทั้งจากการดำเนินงาน และการลงทุนในบริษัทอื่นๆ ส่วนในปี 2556 ก็ถือว่าเป็นปีที่ดี เนื่องจากมีข่าวดีหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปริมาณรถยนต์ผ่านทางเพิ่มขึ้น ประกอบกับจะมีการปรับขึ้นค่าผ่านทาง และงานก่อสร้างโครงการทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก วงเงินลงทุนประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทเป็นผู้รับใบอนุญาตดำเนินการได้ก่อสร้างเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ปัจจุบันมีความคืบหน้าของงานก่อสร้างประมาณ 2% และจะเปิดให้บริการปลายปี 2559 คาดว่าโครงการนี้จะคุ้มทุนในปีที่ 17-18 จากระยะเวลาสัญญาสัมปทาน 30 ปี"นางพเยาว์ กล่าว สำหรับการปรับค่าผ่านทางนั้น บริษัทได้ดำเนินการตามขั้นตอนคือได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังกทพ.แล้ว ขณะที่กทพ.ได้ตั้งคณะอนุพิจารณาเรื่องดังกล่าว แต่ยังไม่ได้เชิญให้บริษัทส่งผู้แทนไปร่วมเพื่อสนทนา คาดว่าภายในเดือนส.ค.นี้จะต้องสรุปตัวเลขที่จะต้องปรับขึ้นค่าผ่านทาง เพื่อให้มีผลทันตามสนธิสัญญาที่จะต้องปรับในวันที่ 1 ก.ย.นี้ โดยปกติหลังปรับขึ้นค่าผ่านทางปริมาณรถยนต์จะลดลงประมาณ 2 เดือนแรก หลังจากนั้นจะทยอยเพิ่มขึ้น