ผู้เขียน หัวข้อ: งานวิจัยครั้งสำคัญของโลก ภูมิสมดุลกับการดูแล"สุขภาพดวงตา"ทำได้อย่างไรใน 15 วัน?  (อ่าน 187 ครั้ง)

ออฟไลน์ SdSuperTt99Mm

  • Flat TV member
  • *
  • กระทู้: 74
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
[size=[^_^]]
ครั้งสำคัญของโลก วิธีดูแล"สุขภาพดวงตา"แนวใหม่"
[size=[^_^]]
โดยอาศัยหลักการ "ปรับภูมิสมดุลในร่างกาย"
Operation Bim(Bim100) สร้างภูมิสมดุล มิติใหม่ของการดูแลสุขภาพ
ด้วยวิทยาการภูมิคุ้มกันสากลล่าสุด ในศตวรรษที่ 21 ปลอดภัย ไร้ผลข้างเคียง


[size=[^_^]]Line ID : @plazapatana[/size]


ปัญหาของตา เกิดจากเนื้อเยื่อของตาเสื่อมตามธรรมชาติ เช่น วุ้นตาเสื่อม สายตายาว ต้อกระจก ต้อหิน ม่านตาอักเสบ จอประสาทตาเสื่อม และเกิดจากอาการแพ้ภูมิตัวเอง เช่น เบาหวานขึ้นตา พังผืดที่ตา นักภูมิคุ้มกันวิทยาพบว่าอาการเหล่านี้ เกิดจากการสร้างสารจากเม็ดเลือดขาวที่ก่อการอักเสบ (Proinflammatory cytokines) มากเกินไป เช่น IL-1 beta, IL-6, IL-17, TNF-alpha และ IFN-gamma

คณะนักวิจัย Operation Bim (Bim100) ได้วิจัยและพัฒนาสารเสริมประสิทธิภาพจากสารสกัดมังคุด งาดำ ถั่วเหลือ ฝรั่ง และบัวบก จนได้แคปซูลเสริมอาหารที่พิสูจน์โดยศูนย์วิจัยเทคโนโลีชีวการแพทย์ แล้วว่า ภายใน 15 วัน ลด IL-1 beta (6%), IL-6 (27%), TNF-alpha (93%) และ IFN-gamma (10%) จากนั้นนำสูตรที่ได้นี้ไปพัฒนาต่อจนมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นอีก

เดิมทีเราทราบกันว่า ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตาส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็น วุ้นตาเสื่อม ต้อกระจก ต้อหิน สายตาสั้น สายตายาว จอประสาทตาเสื่อม ทั้งหมดเกิดจากภาวะความเสื่อมของดวงตา ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่เม็ดเลือดขาวมีการหลั่งสารภูมิคุ้มกัน"มากเกินไป"แล้วทำให้เกิดการอักเสบและความเสื่อม เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะสามารถปรับภาวะที่ผิดปกติได้ หากเราสามารถปรับการหลั่งสารของเม็ดเลือดขาวให้กลับสู่ภาวะสมดุลอีกครั้ง

อาการที่พบได้บ่อยที่สุด คือ วุ้นตาเสื่อมซึ่งเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เพราะใช้สายตาที่หนัก หักโหม จากการ จ้องคอมพิวเตอร์ หรือ โทรศัพท์มือถือ ที่มีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา โดยมีอาการคือ เหมือนมีตัวหนอนหรือหยากใย่อยู่ในตา แล้วลอยไปลอยมา ทั้งในขณะที่กวาดตาขึ้นลงหรือจากซ้ายไปขวา ก่อให้เกิดความรำคาญเวลาที่เรามองอะไร ถ้ายังไม่เป็นมาก สมองของเราก็จะปรับตัว มองข้ามสิ่งเหล่านี้ ดูเหมือนว่ามันหายไปเอง แต่ถ้าเราใช้ตาอยู่เรื่อยๆ อาการมันก็จะมากขึ้นๆ บางครั้งจะมองเห็นเหมือนฟ้าแลบ เกิดที่หัวตาหรือหางตาของเรา เป็นความเสื่อมของน้ำวุ้นตา

วุ้นของตามนุษย์ 99% ประกอบด้วยน้ำ อีก 1% เป็นอาหารหรือโปรตีน และไขมัน ซึ่งภาวะ 1% ดังกล่าวอาจแยกตัวออกมา ไม่ละลายอยู่ในน้ำอีกต่อไป และกลายเป็นของแข็ง เกิดการบังแสงเวลาที่เรามองอะไร เหมือนว่ามีเศษอะไรมาติดที่เลนส์กล่อง แล้วเราไม่ได้เช็ดออก

ต้อกระจก ต้อหิน เกิดขึ้นจากความเสื่อม ที่มีผลต่อการมองเห็น ทำให้ตามัวหรือตาบอดได้

สายตาสั้น สายตายาว เกิดขึ้นจากเนื้อตาไม่ทำงาน เมื่อสายตาเราปกติ เวลาเรามองไปยังวัตถุ ตาของเราจะทำการ ปรับโฟกัสโดยอัตโนมัติ (Auto focus) กล้ามเนื้อตาของเราจะคอยควบคุมการนูนของเลนส์ ทำให้แสงมาตกกระทบที่่จอประสาทตา ถ้าแสงมาตกหน้าจอประสาทตา เรียกว่า สายตาสั้น ถ้าแสงมาตกกระทบหลังจอประสาทตา เรียกว่า สายตายาว เมื่อกล้ามเนื้อที่คอยควบคุมเริ่มเพี้ยน ก็เริ่มควบคุมยาก เมื่อเราปรับสมดุลให้ปกติ กล้ามเนื้อตาก็จะสามารถทำงานได้ดีอีกครั้งหนึ่ง และกลับคืนเป็นปกติได้ ถ้าอาการไม่รุนแรงเกินไป

อาการจอประสาทตาเสื่อมมี 2 ชนิด คือ ชนิดแห้ง และ ชนิดเปียก ทั้ง 2 ชนิดเกิดจากมีโปรตีนและไขมันรวมตัวกันติดอยู่ที่จอประสาทตา ทำให้มองภาพได้ไม่ชัดเจนและบิดเบี้ยวไป ในกรณีมีเลือดไหลออกจากจอประสาทตา เราเรียกว่าเป็นชนิดเปียก ซึ่งถ้ามีเลือดออกมามากจะทำให้ตาบอดได้ ทั้ง 2 อาการของประสาทตาเกิดขึ้นจากภาวะเสื่อมทั้งสิ้น

โดยสรุปแล้ว หากมีภาวะสายตาเสื่อม ไม่ว่าจะอาการใดๆ ที่กล่าวมา เพียงเราปรับภูมิคุ้มกันและเม็ดเลือดขาวให้สมดุล สภาพสายตาก็จะกลับสู่สภาวะปกติดังเดิม


[size=[^_^]]Line ID : @plazapatana[/size]