วิเคราะห์การลงทุนตลาดหุ้น

[ttads2522]

วิเคราะห์การลงทุนตลาดหุ้น
หลายๆ ท่านที่กำลังเริ่มต้นการลงทุนตลาดหุ้นในหุ้นใหม่ๆนั้น แน่นอนว่า ช่วงแรกๆ ต้องเจอกับปัญหาเกี่ยวกับการวิเคราะห์หุ้นกันบ้างแน่นอน

บางคนอ่านหนังสือหุ้นมาบ้างอ่านเว็บหุ้นมาก็แล้วแต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มวิเคราะห์หุ้นที่ตรงไหน ผมมีแนวทาง และแนวคิดแบบง่ายๆ สำหรับนักเล่นหุ้นมือใหม่มาฝาก เพื่อจะได้นำไปต่อยอดกันต่อไปครับ
แนวทางที่ว่านั้นก็คือ ดู 3 อย่าง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ของตัวหุ้น

(หลายท่านอาจสงสัยว่าตกลงแล้ว เราจะมาวิเคราะห์การลงทุนตลาดหุ้นเพื่อ ดูหุ้นหรือว่า ดูหมอ กันแน่ ขอฟันธงว่า วิเคราะห์การลงทุนตลาดหุ้นนะครับ!! แต่เอาให้จำง่ายๆจะได้เอาไปต่อยอดต่อไปนะครับ )

เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาแยกดูรายละเอียดของการวิเคราะห์การลงทุนตลาดหุ้นเบื้องต้นในแต่ละตัวดีกว่าครับ

วิเคราะห์การลงทุนตลาดหุ้น โดยดูจากข้อมูลในอดีต

ในส่วนนี้เราจะเน้นดูในอัตราส่วนทางการลงทุนตลาดหุ้น การเงินต่างๆว่าเป็นอย่างไร ดูดีหรือไม่ เช่น ดูค่า PE  ROE  ROA  D/E เป็นต้น(รายละเอียดแต่ล่ะตัวเป็นอย่างไร ไว้เราค่อยมาเจาะลึกกันอีกทีนะครับ
เพราะค่อนข้างยาวเหมือนกัน )

ซึ่งอัตราส่วนทางการเงินการลงทุนตลาดหลักทรัพย์พวกนี้จะเป็นตัวบอกผลงานของตัวหุ้น ผลงานของตัวบริษัทหลักทรัพย์ในอดีตว่า ผู้บริหารทีฝีมือดีมีการดำเนินงานมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี การลงทุนตลาดหุ้น หรือเติบโตมาตลอดหรือไม่จะเป็นการเสริมความมั่นใจว่าเราถือหุ้นได้ถูกตัว

ถ้าเราดูแค่ข้อมูลพวกนี้อย่างเดียว การลงทุนตลาดหุ้น จะไม่ต่างจากการขับรถโดยดูแต่กระจกมองหลังซึ่งไม่ปลอดภัยแน่ ถ้าไม่จบลงที่ชนท้ายคันหน้าก็ กองอยู่ข้างทาง ดังนั้นเราควรจะไปวิเคราะห์การลงทุนตลาดหุ้น เพิ่มกันต่อในข้อถัดไปด้วยนะครับ

วิเคราะห์หุ้นโดยดูจากข้อมูลในปัจจุบัน

ส่วนนี้จะเป็นการดูงบการลงทุนตลาดหุ้น การเงินว่ามีเงินสดอยู่เท่าไหร่ มีหนี้สินเท่าไหร่เป็นต้น

ตัวนี้จะมีประโยชน์ในการสร้างความมั่นใจให้เราว่า หุ้นของบริษัทนี้ ตัวบริษัทการลงทุนตลาดหุ้น นี้มีความแข่งแกร่งเพียงใดมีความพร้อมต่อการลงทุนการลงทุนตลาดหุ้นเพิ่ม หรือการขยายโครงการในอนาคตที่ทางบริษัทออกมาคุย(โม้)ไว้หรือไม่ ถ้าบอกจะขยายธุรกิจแต่ในบัญชีมีหนี้สินพะรุงพะรังแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

ถ้าเราดูแต่อดีตผลงานดีมาก แถมปัจจุบันการเงิน การลงทุนตลาดหุ้นก็มั่นคง แต่ไม่ได้วิเคราะห์การลงทุนตลาดหลักทรัพย์แนวโน้มในอนาคต เราอาจจะได้หุ้นแกร่งแต่อยู่ในช่วงถดถอยก็ได้(หากแนวโน้มตลาดไม่โต) ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นราคาหุ้นก็จะไม่ไปไหน บางทีถือกันจนเหนื่อย

วิเคราะห์หุ้นโดยดูแนวโน้มในอนาคตการลงทุนตลาดหุ้น

อันนี้จะเน้นไปที่การวิเคราะห์การลงทุนตลาดหุ้น เชิงคุณภาพและดูแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคในธุรกิจที่บริษัทที่เราสนใจลงทุนอยู่ซึ่งมันจะบอกได้ว่า บริษัทหลักทรัพย์จัดอยู่ในประเภทไหน โตช้า ปานกลางหรือโตเร็ว
การดูแนวโน้มตลาดหลักทรัพย์นั้นเราก็ลองวิเคราะห์การลงทุนตลาดหุ้น หาข้อมูลดูว่าตลาดในธุรกิจที่บริษัทที่เราสนใจ(จะซื้อหุ้น)ลงทุนอยู่มีแนวโน้มเติบโตไปเรื่อยๆ หรือไม่ หรือว่าตลาดอิ่มตัวแล้วถ้าตลาดมีแนวโน้มโตได้อีก แบบนี้ หุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ที่อยู่ในตลาดนั้นๆก็น่าจะสามารถโตได้เช่นกัน
การลงทุนตลาดหุ้น ส่วนพฤติกรรมผู้บริโภคนั้น เราต้องไปดูแนวโน้มใหญ่ๆ (Mega Trends)ว่าเป็นไปในแนวทางไหน เช่น คนรุ่นใหม่ใช้อินเตอร์เนตเพิ่มขึ้นคนชอบความสะดวกและเข้าร้านสะดวกซื้อมากขึ้น สังคมบ้านเรามีผู้สูงอายุมากขึ้น
รถยนต์เพิ่มมากขึ้นจากโครงการรถคันแรก เป็นต้นครับ

จากนั้น เราก็ดูว่าบริษัทได้ออกแบบธุรกิจการลงทุนตลาดหุ้น เพื่อรองรับกับพฤติกรรมที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในระยะยาวหรือไม่ ถ้าบริษัทจับเทรดได้ หุ้นของก็จะเติบโตได้เร็วและแน่นอนว่ามันจะทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นได้อีกมากมายมหาศาลเลยทีเดียว

สรุปการวิเคราะห์หุ้น

โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า การเล่นหุ้น ลงทุนหุ้น เป็นเรื่องของการมองไปข้างหน้าการดูแนวโน้มในอนาคตจึงเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด

แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่ต้องวิเคราะห์ในส่วนอื่นนะครับ เพราะการวิเคราะห์การลงทุนตลาดหุ้น อดีตและปัจจุบันของหุ้นแต่ล่ะตัวเป็นการเตรียมตัวเราให้พร้อมที่จะคว้าโอกาสที่จะมาถึง เพราะหากเกิดแนวโน้มใหม่ๆ
เกิดขึ้น คนที่มีข้อมูลพร้อม และรู้จักธุรกิจหรือบริษัทเป็นอย่างดีเท่านั้น ที่จะเป็นคนแรกๆ ที่คว้าโอกาสงามๆ นั้นไป

ลองคิดดูนะครับว่า สมมติว่า ตลาดรถยนต์ตลาดชิ้นส่วนยานยนต์กำลังจะบูมอย่างมาก ใครจะเป็นคนคว้าโอกาสซื้อหุ้นดีดี ได้ก่อน
ระหว่างคนที่รู้จักธุรกิจนี้ดี และอ่านแงะ แกะงบการเงินมาแล้วทุกบริษัท กับคนที่รู้แค่ว่าตลาดนี้กำลังจะบูม

ผมจึงไม่ค่อยแปลกใจว่าทำไมวันๆ Warren Buffett ถึงเอาแต่อ่านรายงานประจำปี

asia plus
http://asiaplus.info/