ผู้เขียน หัวข้อ: ข่าวกีฬาไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล บาสเกตุบอล ความบันเทิงถึงบ้านคุณ  (อ่าน 268 ครั้ง)

ออฟไลน์ komgrit1989

  • Full LED TV member
  • ****
  • กระทู้: 2,901
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
"บอลออนไลน์" title="ข่าวสารกีฬาฟุตบอล"
เว็บวาไรตี้ความบันเทิงกึฬ่า ให้คุณได้ติดตามข่าวสารกีฬ่าฟุตบอลได้ก่อนใคร กับ https://sportkk99.blogspot.com/

ออฟไลน์ penpaka2tory

  • Full LED TV member
  • ****
  • กระทู้: 2,771
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
ชาติในเอเชียที่ได้เคยไปเล่นบอลโลกตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันว่ามีผลงานอย่างไรบ้าง

เริ่มจากเพื่อนบ้านเราก่อนเลย ทีมชาติ อินโดนิเซีย (ในนาม ชาวฮอลันดาอีสต์อินดีส) ในปี 1938 ตอนนั้นมี 18 กลุ่ม เตะรอบแรกแบบแพ้ให้ออก ชาวฮอลแลนด์ อีสต์ อินดีส์ ถูกฮังการียิงไป 6-0 ตกรอบแรกไป และโน่นคือ ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายนัดเดียวในประวัติศาสตร์ ของอินโดนีเซีย

ทีมชาติ ประเทศคูเวต ที่ช่วงๆข้างหลังเป็นตอนที่ผลงานค่อนข้างตกลงไปพอสมควร โดยผ่านเข้ารอบ บอลโลก ปี1982 โดยหยุดอยู่แค่รอบแรก แต่ว่าสามารถเก็บได้ 1 แต้มได้ ในการชิงชัยได้โดยเสมอ กับ ทีมชาติเช็กโกสโลวาเกีย แต่แพ้สองครั้งให้กับทีมชาติอังกฤษ รวมทั้งกลุ่มชาติฝรั่งเศส

ทีมชาติ อิรัก ทีมแชมป์เอเชียปัจจุบันในปี2007 ก็ยังเคยได้เล่นฟุตบอลโลกกับเขาแบบเดียวกัน โดยได้เข้าร่วมในปี 1986 แม้กระนั้นก็ไม่เข้ารอบแรก

ทีมชาติ สหรัฐอาหรับเอมิเรตหรือทีมชาติ UAE ซึ่งเป็นทีมคู่รักคู่แค้นของทีมชาติไทย ที่เคยได้สัมผัสกับฟุตบอลโลกมาแล้วในปี1990 ที่อิตาลี แต่ก็ตกรอบแรกอย่างเดิม

มั่นใจว่าคนจำนวนไม่น้อยยังจำกันได้ฟุตบอลโลกที่เอเชีย ปี2002 ทีมชาติ จีน ได้ผ่านรอบคัดเลือกเป็นครั้งแรกใประวัติศาสตร์โดยปีนั้นทวีปเอเชียได้โควต้าเพียงแค่ 2 กลุ่มครึ่งเพราะประเทศเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นได้เข้าไปยืนรอในฐานะเจ้าของงานแต่ว่าในผลงานบอลโลกของจีนทำเป็นเพียงแต่รอบแรกเท่านั้น

ทีมชาติ ประเทศอิหร่าน ที่พักหลังเจอกับทีมชาติไทยบ่อยครั้งและก็เพิ่งจะเขี่ยทีมชาติไทยไม่เข้ารอบเอเชี่ยนคัพรอบเลือกก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นชาติที่มีนักเตะที่ความสามารถส่วนตัวดี สามารถไปเล่นในกลุ่มใหญ่ๆในยุโรปได้คนไม่ใช่น้อย แม้กระนั้นรอบเลือกสรรปี 2010 ก็พลาดท่าตกรอบคัดไปอย่างน่าช้ำใจซึ่งประเทศอิหร่าน สามารถผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 3 ครั้งเป็น ปี 1978,1998,2006 แต่ทั้ง 3 ครั้งก็ไม่เข้ารอบแรกหมด

ทีมชาติ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของเอเชียที่ย้ายเข้ามาร่วมเล่นในทวีปเอเชียไม่กี่ปีนี้เอง โดยสามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย 3 ครั้งคือ 1974, 2006, 2010 ในปี 1974 นั้นไม่เข้ารอบแรก แต่ในปี 2006 นั้นทำผลงานได้ดีเลิศโดยผ่านไปเล่นในรอบที่2 และปี 2010 ก็สามารถผ่านรอบเลือกเฟ้นได้อีกทีและเป็นครั้งแรกที่ผ่านการคัดสรรในโควต้าของเอเชีย

กลุ่มชาติ ซาอุดิอาระเบีย ที่ตอนหลังๆสามารถเข้าไปเล่นบอลโลกมาตลอด แต่รอบคัดเลือกปี 2010 ตกรอบโดยแพ้บาห์เรนในรอบเพลย์ออฟเพื่อชิงโควต้าไปเพลย์ออฟกับนิวซีแลนด์เเชมป์ของโซนโอเชเนียอปิ้งโชคร้าย ซาอุสามารถร่วมฟุตบอลโลกถึง 4 ครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 1994 -2006 ซึ่งในปีที่ความจำก็เป็นปี1994 ซึ่งเป็นปีแรกที่ได้เล่นฟุตบอลโลก และทำผลงานได้อย่างสุดยอดในการผ่านเข้าไปเล่นรอบ2ได้ หลายๆคนคงจำลูกลากไปยิงครึ่งสนามของนักเตะซาอุนัดหมายที่พบประเทศเบลเยี่ยมได้ แม้กระนั้นผลงานที่น่าอับอายที่สุดของซาอุเป็นในฟุตบอลโลกปี 2002 ที่โดนกลุ่มชาติเยอรมัน สอนบอลไป 8-0 แบบสู้ไม่ได้เลย

กลุ่มชาติ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสมัยของฟุตบอลที่เฟื่องฟูที่สุดในระยะหลังที่สามารถไปเล่นฟุตบอลเป็นยุคที่ 4 แล้ว ซึ่งญี่ปุ่นผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในปี 1998 รวมทั้งสามารถเข้ารอบได้สม่ำเสมอจนถึงปีปัจจุบัน 2010 ซึ่งปีที่เด่นที่สุดก็อาจจะไม่พ้นปี 2002 ที่เป็นเจ้าภาพร่วมเพราะเหตุว่าสามารถผ่านรอบแรกมาเป็นชั้น 1 ของกรุ๊ปแต่รอบ 16 กลุ่มท้ายที่สุดที่ไปแพ้ตุรกีอย่างโชคร้าย ส่วนปี 1998 และ2006 หยุดอยู่ที่รอบแรก

ทีมชาติ ประเทศเกาหลีใต้ เป็นกลุ่มที่เล่นบอลโลกได้มากที่สุดของเอเชีย โดยได้ผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกถึง 8 ยุคโดยเข้าร่วมในปี 1954, 1986, 1990, 1994, 1998, 2002, 2006 , 2010 โดยมากจะตกรอบแรกหมดยกเว้นปี 2002 ซึ่งสามารถผ่านเข้าถึงรอบ 4 กลุ่มท้ายที่สุดซึ่งเขี่ยอิตาลี รวมทั้ง ประเทศสเปน แบบช็อกโลก ซึ่งเป็นความพึงใจของชาวเอเชียครับผม

จบท้ายด้วยทีมชาติ ประเทศเกาหลีเหนือ ที่ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ในปี 2010 ซึ่งก่อนเลือกอาจจะไม่มีผู้ใดคาดหมายว่าจะผ่านรอบคัดเลือกได้ โดยโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมหักปากกาเซียนแทรกแซงทั้งอิหร่านแล้วก็ซาอุเข้ารอบเป็นที่2 ของกรุ๊ปตามประเทศเกาหลีใต้ คว้าตั๋วไปแอฟริกาใต้โดยทันทีและเป็นครั้งแรกที่ 2 ชาติเกาหลีเล่นบอลโลกร่วมกัน เมื่อย้อนในอดีตในปี 1966 ที่เกาหลีเหนือเล่นบอลโลกหนแรกที่อังกฤษ โดย เอาชนะอิตาลี 1-0 ในรอบแบ่งกลุ่มแล้วก็ ผ่านเข้าถึงรอบ 8 กลุ่มท้ายที่สุด ในขณะที่ขึ้นนำประเทศโปรตุเกสถึง 3-0 แม้กระนั้นยูเซบิโอ พลิกสถานการณ์ยิงคนเดียว4 ลูกรวด ช่วยโปรตุเกสแซงกลับมาชนะ 5-3 ในที่สุด ซึ่งผมได้เคยดูเทปย้อนหลังคู่นี้ ยังแอบเสียดายเลยถึงแม้ว่าทราบผลก่อนดูเทปแล้ว

อย่างไรก็ช่วยเหลือกันเชียร์ทีมชาติในทวีปเอเชียในฟุตบอลโลก 2010 ด้วยครับ เพราะเป็นทวีปของพวกเราเอง ถือได้ว่าตัวเเทนทีมชาติไทยเเล้วกัน

ออฟไลน์ ManUThai2017

  • Full LED TV member
  • ****
  • กระทู้: 2,881
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด บอล คลับ เกิดขึ้นทีแรกในช่วงต้นทศวรรษ 1870 เมื่อบุคลากรการรถไฟกลุ่มหนึ่งได้ก่อตั้งกลุ่มฟุตบอลขึ้นมา ซึ่งพวกเขาใช้ชื่อว่า เดอะ แลงคาเชียร์ แอนด์ ยอร์คเชียร์ เรียลเวย์ ฟุตบอล คลับ รวมทั้งต่อมาได้เปลี่ยนเป็น นิวตัน ฮีธ ในปี 1878 โดยพวกเขาพยายามเข้าร่วมบอลลีกถึงสองครั้งแม้กระนั้นก็ล้มเหลว เพราะเหตุว่าไม่มีสโมสรใดให้การส่งเสริม แต่ว่าในที่สุดพวกเขาก็ได้รับการยอมรับเมื่อฟุตบอลลีกมีการแบ่งได้เป็นสองดิวิชั่นในเวลาถัดมาไม่นาน
บอลออนไลน์ เกมลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ นิวตัน ฮีธเป็นดารมพ่ายต่อ กางล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-4 แต่ชัยนัดแรกก็มาถึงเร็วนี้ๆ เมื่อพวกเขาจัดการถล่มเอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ไปได้ถึง 10-1 แต่ว่าต่อไปกลุ่มกลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อคว้าชัยชนะได้เพียงแค่ 6 จาก 30 นัดหมายแค่นั้น จนทำให้พวกเขาตกไปอยู่ในอับดับบ๊วยของตาราง แม้กระนั้นพวกเขาก็รอดการตกชั้นได้ ภายหลังที่เอาชนะ สมอลล์ ฮีธ ไปได้ 5-2 ที่สนาม บรามอลล์เลน
แต่แล้วพอถึงปีถัดมาทีมยังคงเล่นแย่ดังเดิมและก็จำต้องตกชั้นไปสุดท้าย โดยแม้จะมีการยุบลีก รวมทั้งตั้งขึ้นมาใหม่ แต่ว่าทีมก็มีปัญหาสำหรับในการร่วมลีกอีกที เนื่องด้วยสถานะด้านการเงินที่ไม่ดีนัก ก่อนที่จะพวกเขาจะล้มละลายเมื่อเข้าปี 1902 โชคดีที่มีผู้อำนวยการโรงกลั่นเบียร์สดที่ชื่อ จอห์น เดวี่ส์ มาลงทุนกับสมาคม ทำให้เขาแปลงเป็นผู้อำนวยการ รวมทั้งประธานสมาพันธ์ในท้ายที่สุด ต่อจากนั้นกลุ่มก็เปลี่ยนแปลงชื่อมาเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ใช้อยู่ในตอนนี้
แล้วก็อีกไม่นาน เออร์เนสต์ แมกนัลล์ ก็ถูกแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของทีมในปี 1903 โดย แมกนัลล์ ได้นำพาไต่ขึ้นมาจากดิวิชั่น 2 ได้ และก็จากสไตล์การเล่นที่เร็ว แล้วก็ งดงาม ในฤดูกาล 1907-08 "ปีศาจแดง" ก็สามารถคว้าชัยชนะลีกมายังถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร แถมในปีต่อมาพวกเขายังได้แชมป์เอฟเอ คัพ ไปครองได้อีกต่างหาก
The 1908 championship-winning side
The 1908 championship-winning side.
แม้กระนั้นหลังจากที่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เจอปัญหาจนได้ เมื่อสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เกิดใช้การไม่ได้ รวมทั้งนักเตะบางคนก็แก่ขึ้น ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่โดยการเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลุ่มร่วมเมือง เพื่อขอใช้สนาม เมน โร้ด เป็นสนามเหย้า พร้อมกับแต่ง แม็ตต์ บัสบี้ เป็นผู้จัดการกลุ่มชุดนั้น แต่ว่าคนไหนกันแน่จะไปรู้ได้ว่าชายผู้นี้แหละที่ได้สร้าง "เร้ด เดวิลส์" ให้กลับขึ้นมาผงาดอีกที เมื่อเขาพาทีมที่มีเด็กแคว้นเป็นองค์ประกอบหลักครองแชมป์ลีกในช่วงฤดูกาล 1951-52 และก็บับแล้วต่อจากนั้นมันก็ได้เปลี่ยนเป็นจุดเริ่มของยุค บัสบี้ เบ๊บส์ อันยิ่งใหญ่
แชมป์ลีกในฤดูกาล 1955-56 ตกเป็นของพวกเขา แล้วก็ในบอลยุโรป บัสบี้ ก็สามารถพาทีมลุยเข้ารอบ ยูโรเปี้ยน คัพ และก็ไปถึงรอบรองชนะเลิศ ได้เสร็จก่อนที่จะตกรอบไป แต่ยังดีที่พวกเขาคว้าแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งได้อีกยุค แล้วก็จะได้กลับมายุโรปใหม่ในปีต่อไป แม้กระนั้นเหตุกลับไม่เป็นเหมือนอย่างที่คิดเมื่อสมาคม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเผชิญอุบัติเหตุครั้งใหญ่ เมื่อเครื่องบินโดยสารทีมที่ลงจอดในกรุงมิวนิค เกิดอุบัติเหตุขณะกำลังบินขึ้นฟ้า ทำให้ผู้เล่นของกลุ่ม 8 รายเสียชีวิตทันที รวมทั้งโน่นก็เป็นเรื่องโศกเศร้าที่เศร้าโศกที่สุดในวงการกีฬาทั่วโลกในขณะนั้น
ภายหลังจากเหตุดังที่ได้กล่าวมาแล้ว แม็ตต์ บัสบี้ ได้กระทำการตกลงใจสร้างกลุ่มขึ้นมาใหม่เพื่อสานฝันที่จะครองแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ ให้ได้ โดยแกนนำยังเป็นนักฟุตบอลที่รอดชีวิตมาจากเหตุเครื่องบินตก รวมกับผู้เล่นจากทีมสำรอง, ทีมเยาวชน แล้วก็นักฟุตบอลที่ซื้อเข้ามาใหม่ จนถึงทีมเริ่มกลับมาเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับ แล้วก็เมื่อฝันร้านค้าร้ายได้ผ่านไปพวกเขาก็กลับมาคว้าชัยชนะได้อีกทีในถ้วย เอฟเอ คัพ ปี 1963 ซึ่งในช่วงฤดูกาลนั้นเองนักเตะอย่าง จอร์จ เบสต์ ,เดนนิส ลอว์ และ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน แจ้งเกิดมาได้เสร็จ แล้วก็ดูเหมือนกับว่าช่วงนี้จะตรงเวลาที่ดีเยี่ยมที่สุดนับตั้งแต่ตั้งสมาพันธ์ เมื่อพวกเขาคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ 2 ยุคในรอบ 3 ปีข้างหลัง แล้วก็แน่นอนเป้นหมายถัดไปของพวกเขาย่อมอยู่ที่ ยูโรเปี้ยน
จนสุดท้ายความฝันของ แม็ตต์ บัสบี้ ก็เป็นจริง เมื่อ ลูกทีมของเขา ไล่ถล่มเอาชนะ เบนฟิก้า กลุ่มชื่อดังของเมืองฝอยทองคำซึ่งนำทัพมาโดย ยูเซบิโอ นักฟุตบอลชื่อก้องโลก ไปถึงที่กะไว้สนาม เวมบลีย์ ด้วยสกอร์ 4-1 และคว้าชัยชนะถ้วยสมาพันธ์ใบใหญ่สุดของยุโรปไปได้อย่างงดงาม ก่อนที่จะ บัสบี้ จะวางมือในเวลาถัดมาซึ่งนั่นดูท่าจะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของกลุ่มอีกรอบ เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1970 วิลฟ์ แม็คกินเนสส์, แฟร้งค์ โอ ฟาร์เรลล์ แล้วก็ ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้ ที่เข้ามารับงานต่อจากเซอร์บัสบี้ ต่างก็ทำผลงานได้ทรุดโทรมจนกระทั่งกลุ่มจะต้องตกชั้นลงไปเล่นในดิวิชั่น 2 ในเวลาไม่นาน
ช่วงทศวรรษ 80 ภายหลังที่ ยูไนเต็ด กลับมาขึ้นมาในลีกสูงสุดอีกครั้ง พวกเขาก็ยังสร้างผลงานได้ไม่เป็นที่น่าประทับใจนัก ทำให้ทางเบื้องบนได้ตกลงใจที่จะดึงตัว รอน แอ๊ตกินสัน เข้ามาคุมทีมแทนที่ของ เดฟ เซ็กซ์ตัน ในปี 1981 โดยบิ๊กรอน ได้นำนักฟุตบอลใหม่ผู้คนจำนวนมากเข้ามาสู่กลุ่ม โดยเฉพาะในรายของ ไบรอัน ร็อบสัน กองกลางชาวอังกฤษที่เขาชำระเงินกว่า 1.5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 105 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าจ้างนั้นถือเป็นการซื้อที่เป็นสถิติการย้ายกลุ่มของเกาะอังกฤษเวลานี้เลย แต่จากนั้น ร็อบสัน ก็แสดงให้เห็นว่าเขาเล่นได้คุ้มค่าตัวทุกเพนนี แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงในรั่ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็ยังไม่หยุดลงเพียงเท่านี้ เมื่อทางกระดานบริหารได้เห็นเหมือนกันว่า การได้แชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัย นั้นน้อยเกินไปต่อสโมสรระดับนี้ นำมาซึ่งการทำให้ตำแหน่งผู้จัดการกลุ่ม ยูไนเต็ด เปลี่ยนมือมาจาก แอ๊ตกินสัน ไปสู่ผู้จัดการกลุ่มคนใหม่ที่ชื่อว่า อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
งานชิ้นใหม่ของ "เฟอร์กี้" ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขาจำต้องเจอหน้ากับแรงกดดันที่มากมาย และก็ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ผู้จัดการกลุ่มคนก่อนอย่าง แอ๊ตกินสัน จะต้องกระเด็นตกเก้าอี้ไป แน่นอนว่าแค่แชมป์เอฟเอ คัพ สิ่งเดียวไม่พอเพื่อตอบสนองความทะเยอทะยานแล้วก็ความจำเป็นของสมาพันธ์ยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ และงานนี้ของ "เฟอร์กี้"ก็ดูท่าจะต้องเจอกับความยากลำบาก เมื่อยุคนั้น ลิเวอร์พูล อริตัวฉจากของกลุ่มกำลังครอบครองความยิ่งใหญ่ในประเทศอยู่ โดยมี อาร์เซน่อล แล้วก็ เอฟเวอร์ตัน เป็นอีกสองทีมที่สูสี
18 เดือนแรกของ เฟอร์กี้ นั้นก็ดูเหมือนผ่านไปได้อย่างสะดวก เมื่อ ยูไนเต็ด จบซีซั่นชั้นสองของลีกในปี 1988 ด้อยกว่าเพียงแค่ ลิเวอร์พูล กลุ่มเดียวแค่นั้น แต่ว่าภายหลังจากจุดสูงสุดตอนนั้น ปีศาจแดง จำเป็นต้องกลับมาประสบพบเจอปัญหาอีกครั้ง ความแพ้พ่ายเสียหาย 1-5 รวมทั้งการพ่ายแพ้ต่อเพื่อนพ้องร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในพฤศจิกายน 1989 ซึ่งโน่นเป็นเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดกระแสเรียกร้องให้ปลดเขาออกจากตำแหน่ง โดยปีนั้นจบปีด้วยอันดับ 11 ของตาราง
แต่หลังจากสถานะการณ์นั้นทั้งหมดทุกอย่างก็ดูแปรไป และถ้าพวกเรามาดูกันการบรรลุผลในปัจจุบันต้องถือว่าการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดของบอร์ดภูติผีปีศาจแดงที่ปลดปล่อยให้ เฟอร์กูสัน ทำงานพิสูจน์ฝีมือต่อนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด ซึ่งประตูชัยของ มาร์ค โรบินส์ ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในเดือนมกราคม 1990 เปรียบได้เสมือนดั่งเป็นการปลุก "เร้ด เดวิลส์"ให้กลับสู่ยุคทองของสมาพันธ์อีกที
ซึ่งแชมป์แรกของพวกเขาภายใต้การนำกลุ่มของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็มีเหตุที่เกิดจากการคว่ำ คริสตัล พาเลซ ในรอบชิงแชมป์ นัดรีเพลย์ ศึก เอฟเอ คัพ แล้วในปี 1991 ถ้วยใบลำดับที่สองก็ตามมาติดๆเมื่อ ยูไนเต็ด ปราบยักษ์ใหญ่จาก ประเทศสเปน อย่าง บาร์เซโลน่า ไปได้ในนัดชิงชนะเลิศศึก คัพ วินเนอร์ส คัพ ที่ร็อตเตอร์ดัม ได้เสร็จ
อย่างไรก็ตาม เฟอร์กี้ นั้นก็ทราบว่าตำแหน่งแชมป์ลีกที่เขายังทำไม่ได้นั้นเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของทีมในตอนนั้น แม้กระนั้นพวกเขาก็ต้องพบเจอกับความผิดหวังอีกรอบเมื่อในปี 1992 เมื่อพวกเขาถูก ลีดส์ ยูไนเต็ด แซงแย่งแชมป์ไปแบบพลิกความคาดหมาย โดยที่ปีเดียวกันกลุ่มก็มีถ้วยรางวัลปลอบประโลมใจติดมือมา 1ใบเป็น ลีก คัพ
พ.ย. 1992 การเข้ามาของ เอริก คันโตน่า ก็เปรียบเป็นจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายของ เฟอร์กี้ ในการไล่ล่าแชมป์ ที่ปีศาจร้ายแดง รอคอยมานานถึง 26 ปี โดยกลุ่มสามารถได้แชมป์พรีเมียร์ชิพในปี 1993 มาครองได้เสร็จ แล้วก็หลังจากวันนั้นทีมก็แผ่รัศมีของการเป็นทีมบอลที่ดีสุดในประเทศอีกรอบ เมื่อพวกเขาคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ในปี 1994 ได้อบบตลอด แถมยังแทบเป็นทริปเบิ้ลแชมป์ด้วย ถ้าไม่เพราะความปราชัยในนัดหมายชิงชนะเลิศถ้วย ลีก คัพ
แม้กระนั้นจากการขาด เอริก คันโตน่า ในช่วงฤดูกาลถัดมา ด้วยเหตุว่าติดโทษแบนจากการไปมีเรื่องมีราวกับแฟนบอลพาเลซ ซึ่งนั้นก็ดูเหมือนจะทำให้เกิดผลเสียครั้งใหญ่ต่อการพลาดดับเบิ้ลแชมป์อีกสมัยของทีม เมื่อ ยูไนเต็ด เสียท่าในลีกต่อ กางล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในเกมท้ายที่สุด และต่อด้วยการแพ้ให้กับ เอฟเวอร์ตัน ในเกมนัดหมายชิงแชมป์ เอฟเอ คัพ ในไม่กี่สัปดาห์ถัดมา พอเพียงถึงช่วงซัมเมอร์ปี 1995 บรรดาผอง เร้ด อาร์มี่ ก็จำต้องช็อกกับเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ เฟอร์กี้ จัดการเปลี่ยนแปลงกลุ่มครั้งใหญ่ ด้วยแนวทางการขายผู้เล่นเกรดเออย่าง พอล อินซ์, มาร์ค ฮิวจ์ส แล้วก็ อังเดร แคนเชลสกี้ส์ ออกมาจากทีมเวลาไล่เลี่ยกัน แล้วหันมาใช้งานบรรดาดาวรุ่งรุ่นใหม่ของทีมอย่าง เดวิด เบ็คหมูแฮม, สองญาติพี่น้องเนวิลล์, พอล สวัวลส์ รวมทั้ง นิคกี้ บัตท์
เรื่องนี้ที่อังกฤษมีการกล่าวถึงกันอย่างมากถึงพฤติกรรมของ เฟอร์กี้ ครั้งนี้ แต่ว่าบรรดาดาวรุ่งทั้งหลายแหล่ก็ช่วยลบคำดูถูกรวมทั้งเสียงก่นดุด่าให้กับเจ้านาย ด้วยการนำปีศาจร้ายแดง ครอบครองดับเบิ้ลแชมป์สมัยที่ 2 ได้เป็นกลุ่มแรกของประเทศ ในปี 1997 ยูไนเต็ด ยังคงรักษาตำแหน่งกลุ่มลำดับต้นๆของประเทศไว้ได้ถัดไป แต่ว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลพวกเขาก็จำต้องพบกับการสูญเสียนักเตะประสิทธิภาพไปอีกหนึ่งรายหลังจากที่ เอริก คันโตน่า ประกาศอำลาสังเวียนอย่างช็อกคนทั้งยัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ในฤดูกาลต่อมา แม้พวกเขาจะนำโด่งเป็นจ่าฝูงกระทั่งไปสู่ช่วงโค้งสุดท้าย แม้กระนั้นจากอาการบาดเจ็บของนักเตะตัวหลักหลายราย นำมาซึ่งการทำให้ อาร์เซน่อล ที่เดินหน้าคว้าชัยชนะ 10 เกมติด แซงหน้าเข้าป้ายคว้าแชมป์ไปอย่างเจ็บแสบ และนอกจากนั้นไอ้ปืนใหญ่ ยังตีเสมอสถิติดับเบิ้ลแชมป์ 2สมัยได้ด้วย ภายหลังเอาชนะ นิวค้างสเซิ่ล ยูไนเต็ด คู่ต่อสู้ในเอฟเอ คัพไปได้เสร็จ
1998-99 ฤดูที่ได้ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ลูกหนังอังกฤษ แล้วก็คาดว่าจะอยู่ในความจำของชาวแฟน ปีศาจแดง ไปอีกนานเท่านาน เมื่อ เฟอร์กี้ ทุ่มเงินปริมาณ 27 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,025 ล้านบาท ในคว้า 3 ดาวเตะตัวใหม่อย่าง ดไวท์ ยอร์ค, ยาป สตัม แล้วก็ เยสเปอร์ บลอมควิสต์ มาเสริมทัพ และก็เงินทุกเพนนีที่จ่าไปเมื่อต้นซีซั่นนั้นก็ถูกตอบแทนด้วยผลสรุปที่เหนือความหวัง เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประกาศความยิ่งใหญ่ให้ทุกคนรู้ดีว่าพวกเขาไม่ใช่แค่สุดยอดสมาคมในระดับประเทศเพียงแค่นั้น เมื่อพวกเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่จากเยอรมัน ได้ในตอนทดเวลาบาดเจ็บในศึก ยูโรเปี้ยน คัพ พร้อมกับคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ได้อย่างมหัศจรรย์
สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นความทรงจำที่ดีของทีมไปอีกนานเท่านาน แต่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ในความเป็นจริงแล้วโลกลูกหนังนั้นก็ไม่สามารถมาหยุดกับการบรรลุเป้าหมายในสมัยก่อนได้เลย ซึ่ง เฟอร์กูสัน เองก็รู้เรื่องนี้ดี ทำให้เขาเริ่มที่จะถ่ายเลือดใหม่อีกที ซึ่งแม้กระทั้ง เดวิด เบ็คแฮม ที่เคยเป็นอย่างยิ่งสำคัญของทีมก็เป็นเลิศในผู้ที่จะต้องออกมาจากถิ่น โอลด์แทร็ฟฟอร์ดไป สู่ รีล มาดริด
ในเวลาเดียวกันนี้การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เกิดขึ้นอีกทีหลังจากที่ มัลคอล์ม เกลเซอร์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐฯ เจ้าของกลุ่ม แทมป้า เบย์ บัคคาเนียร์ส ในศึกอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล ได้เข้ามาเทคโอเวอร์ธุรกิจการค้าของสมาพันธ์ต่อจาก มาร์ติน เอ็ดเวิร์ด ผู้ครอบครองทีมคนเก่า รวมทั้งสะสมหุ้นมาสู่กำมือของเครือญาติแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งการเข้ามาคุมสโมสรของตระกูล เกลเซอร์ ครั้