7 ข้อควรทราบก่อนกินยาคุมฉุกเฉิน1.ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่อาจจะป้องกันโรคติดต่อได้
ยาชนิดนี้มีประโยชน์ในการป้องกันการตั้งท้องแค่นั้น ไม่อาจจะป้องกันโรคจากเซ็กซ์ได้ ถ้าเกิดต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ควรใช้การสวมถุงยางอนามัยจะปลอดภัยที่สุด
2.ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มีผลกระทบสูงมาก
ยาคุมฉุกเฉินมีผลข้างเคียงสูงมากมาย ยาคุมฉุกเฉินจะออกฤทธิ์ต่อสิ่งแวดล้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก ก็เลยส่งผลต่อฮอร์โมนและทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวผู้ใช้ อาทิเช่น มีประจำเดือนผิดปกติ คลื่นไส้ อาเจียน|อ้วก และก็หากรับประทานบ่อยๆอาจมีความเสี่ยงต่อการท้องนอกมดลูกได้
3.จำต้องรับประทานทันที หลังมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 72 ชั่วโมง
ยาคุมกำเนิดชนิดนี้ จะต้องรับประทานหลังมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 72 ชั่วโมง หากพ้นเกินกว่านี้แล้ว ยาคุมฉุกเฉินบางทีอาจไม่มีผลในการป้องกันการมีครรภ์
4.ควรจะรับประทานยานี้ในยามฉุกเฉินจริงๆ
ควรรับประทาน
ยาคุมฉุกเฉินเมื่อจำเป็นจริงๆเท่านั้น เพราะว่าบางทีอาจไปกระตุ้นเซลล์มะเร็งหรืออาจมีผลกระทบต่อรังไข่รวมทั้งมดลูกได้
5.ประสิทธิภาพค่อนข้างจะต่ำ
ประสิทธิภาพของ
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะไม่สูงเท่ายาคุมแบบอื่น คือสามารถป้องกันได้เพียงแค่ 85-95% จึงเกิดข้อผิดพลาดได้สูง ทางที่ดีควรรับประทานยานี้ภายใน 1 วันหลังมีเซ็กส์
6.ต้องกินตามเวลาที่กำหนดอย่างเคร่งครัด
ยาคุมฉุกเฉิน 1 กล่อง มีตัวยา 2 เม็ด ควรจะกินทั้ง 2 เม็ด โดยรับประทานเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งรับประทานเม็ดที่สองเมื่อครบ 12 ชั่วโมงหลังจากกินเม็ดแรกแล้ว ซึ่งจะช่วยให้ยามีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ก็ส่งผลกระทบมากเช่นกัน
7.ทำให้ขาดแคลเซียม
จากผลงานวิจัยระบุว่า ร่างกายของเพศหญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดต้องการปริมาณแคลเซียมสูงถึง 1,000 มิลลิกรัม หากได้รับแคลเซียมน้อยจึงอาจมีผลเสียต่อมวลกระดูกเป็นอย่างมาก ก่อให้เกิดสภาวะกระดูกพรุน กระดูกแตกหักง่ายและก็เปราะ เมื่อมีอายุมากขึ้น โดยหญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดอาจเพิ่มปริมาณแคลเซียมด้วยการดื่มนมวันละ 3 แก้ว กินโยเกิร์ตวันละ 3 ถ้วย กินเนยหรือซีเรียล หรือดื่มน้ำผลไม้แบบเสริมแคลเซียมวันละ 3 มื้อ
จะเห็นได้ว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ได้มีเพียงแค่ประโยชน์อย่างเดียว แต่ว่าอาจทำให้เป็นผลกระทบในภายหลังได้ด้วย หากไม่จำเป็นจริงๆก็ควรป้องกันด้วยวิธีอื่นดีกว่า ซึ่งเพศหญิงควรรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแค่ไม่เกิน 2 ครั้งในชีวิตเพียงแค่นั้น หากเกินกว่านี้อาจเป็นอันตรายได้มากทีเดียว
ขอบคุณบทความดีๆ จาก
https://www.honestdocs.co/emergency-pill
