ผู้เขียน หัวข้อ: เคล็ดลับเลือก''แหวนเพชร''สวยตรงใจ  (อ่าน 312 ครั้ง)

ออฟไลน์ Thanitanitan

  • Flat TV member
  • *
  • กระทู้: 54
    • ดูรายละเอียด
เคล็ดลับเลือก''แหวนเพชร''สวยตรงใจ
« เมื่อ: มิถุนายน 21, 2019, 11:06:25 pm »
เรียนรู้เคล็ดลับ "การเลือกแหวนเพชร" ให้สวยตรงใจในวันสำคัญได้ง่ายๆไม่ยากอย่างที่คิด ที่ใช้เวลาเพียง 10 นาที!

เมื่อถึงวันสำคัญของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นพิธีหมั้น หรืองานสมรส ย่อมจะขาดสิ่งสำคัญอย่างแหวนเพชร ที่ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญในวันแสนพิเศษนี้ไปไม่ได้ แม้กระนั้นเชื่อว่า หลายท่านคงจะสงสัยไม่ใช้น้อยว่า "วิธีการเลือกแหวนเพชร" ให้คุ้มและก็ตรงความต้องการที่สุดนั้นต้องเป็นยังไง?

วันนี้ พวกเราจะพาไปไขข้อข้องใจ พร้อมขั้นตอนการเลือกซื้อ "แหวนเพชร" ได้ง่ายๆ
 

กำหนด Budget แหวนเพชรในใจ

 
เป็นสิ่งที่พวกเราควรจะทำเป็นขั้นแรก เพื่อไม่ให้งบประมาณเกินเลยไปไกลกว่าที่คิด การจัดสรรงบประมาณในการเลือกซื้อเครื่องเพชรนั้น จะต้องมีสัดส่วนอยู่ที่ แหวน 50% สร้อยคอ 30% ตุ้มหูแล้วก็สร้อยข้อมือหรือกำไล อีก 20%

เลือกสรร "แหวนเพชร" ให้ตรงใจที่สุด
เมื่อเรามีงบประมาณในใจแล้ว ต่อมาคือการเลือกแหวนเพชรให้ตรงความต้องการที่สุด ซึ่งเพชรมีพื้นฐานอยู่ 4 ประการ หรือเรียกว่า 4 Cs ได้แก่ Carat Weight (กะรัต) Cut (การเจียระไน) Color (สี) แล้วก็ Clarity (ความสะอาด)
- "กะรัต (CARAT)" เป็นหน่วยที่ใช้ชั่งน้ำหนักของเพชรแล้วก็อัญมณีต่างๆหรือภาษาง่ายๆก็คือ การเลือกขนาดของเม็ดเพชรนั่นเอง ซึ่งกะรัตจะใช้ตัวย่อว่า "ct" โดยใน 1 กะรัตจะแบ่งหน่วยย่อยออกเป็น 100 หน่วยเรียกว่า Point หรือที่รู้จักกันว่า "ตัง" ดังเช่น เพชรขนาด 0.50 ct จะเรียกว่า 50 Point หรือ 50 ตัง ดังนั้น เพชรที่มีน้ำหนักเท่ากัน อาจจะมีราคาที่ต่างกันได้ ซึ่ง "ขนาดของเม็ดเพชร" ก็จะมีผลต่อราคามากที่สุด ยิ่งเพชรเม็ดใหญ่ขึ้นมากขนาดไหน ราคาก็สูงมากขึ้นตามไปด้วย
- "การเจียระไน (cut)" รูปทรงของเพชรได้มาจากการเจียระไนอีกเช่นเดียวกัน "เพชรจะส่องประกายได้สวยมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับการเจียระไน" ต่อให้เป็นเพชรคุณภาพดี แต่ว่าถ้าเกิดได้รับการเจียระไนที่ผิดรูปทรง จะไม่มีประกาย แต่ถ้าหากยิ่งเจียระไนรูปทรงของ แหวนเพชร ดีขนาดไหน ก็จะยิ่งทำให้สะท้อนแสงแวววาวได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน ซึ่งการดู "สัดส่วนของเพชร" นั้นพวกเราไม่สามารถมองดูได้ด้วยตาเปล่า แต่ว่าให้ดูจากใบรับรองที่ได้มาตราฐาน (Certificate) โดยให้พิจารณาจาก 3 ส่วน ดังต่อไปนี้ 1.Cut Grade: Excellent 2.lish: Excellent รวมทั้ง 3.Symmetry: Excellent ทั้งสามอย่างนี้เกรดที่ได้จะต้อง 3 Excellent เพียงเท่านั้นนั่นหมายถึงเพชรที่เจียระไนได้บริบูรณ์
- "สี,น้ำ (Color)" โดยทั่วไปพวกเราชอบพบเพชรที่มีลักษณะเป็นสีขาวหรือไร้สี การลำดับสีของเพชรนั้นเริ่มจากไร้สีไปจนถึงปนเหลือง โดยสีของเพชรจะถูกแบ่งแยกเริ่มตั้งแต่เพชรที่ใส ไม่มีสี(Colorless) ,จนเริ่มมีสีนวลขึ้นในระดับที่สายตาเริ่มพินิจได้(Near Colorless) ,สีเหลืองจาง (Yellow Tinge) แล้วก็เป็นสีเหลืองอ่อน(Light Yellow) และก็ถ้าหากใช้มาตรฐานของ GIA จะสามารถแบ่งระดับสีหรือที่นิยมเรียกกันว่า "น้ำ"โดยใช้อักษรตั้งแต่ D เท่ากันกับน้ำ 100 ต่อมาเป็น E ซึ่งเทียบเท่ากับน้ำ 99 และก็ F เท่ากับน้ำ 98 ไล่ลำดับจนถึง Z ซึ่งจะสีออกเหลืองไปเลย
- "ความสะอาด (Clarity)" ซึ่งก็คือรอยตำหนิที่เกิดจากธรรมชาติของเพชร เพชรที่สะอาดก็คือเพชรที่มีตำหนิน้อย เพราะฉะนั้นเพชรยิ่งมีตำหนิน้อยมากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น
เลือกทรงของแหวนเพชรให้ตรงใจที่สุด
โดยการเลือก "เพชรเม็ดกลาง" ควรจะเลือกเพชรพรีเมี่ยม โดยขนาดของเพชรเม็ดกลางที่เลือก จะช่วยทำให้เลือกแบบของแหวนได้ง่ายขึ้นหลังจากนั้นพวกเราก็มาเลือกการออกแบบตัวเรือนของแหวนเพชร ก็จะมีให้เลือกหลายแบบ แต่ละแบบสามารถทำให้แหวนเพชรมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน โดยในปัจจุบันเป็นที่ชื่นชอบ 3 แบบด้วยกันดังต่อไปนี้
- "แหวนเกลี้ยงเพชรเม็ด (SOLITAIRE)" นับว่าเป็นแหวนเพชรสุดคลาสสิค เรียบหรู เป็นทรงที่ใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย แล้วก็สำหรับแหวนทรงนี้โดยมาก จะนิยมเลือกหนามเตยเล็กๆเพื่อเพิ่มพื้นที่ในการโชว์เม็ดเพชรให้ส่งประกายได้มากขึ้น
- "ฝังเพชรหรือพลอยด้านข้าง (SIDESTONES/DIAMOND BAND)" ตัวเรือนจะมีการฝังเพชรเม็ดขนาดรองเพิ่มขึ้นมาเป็นแถว ซึ่งจำนวนเพชรอาจจะมีตั้งแต่ข้างละ 2 เม็ดไปจนกระทั่งรอบนิ้ว
- "เพชรล้อมเม็ดกลาง (HALO)" เป็นลักษณะของเพชรเม็ดเล็กๆล้อมเพชรเม็ดกลางของแหวน ซึ่งจะทำให้เพชรเม็ดกลางแลใหญ่และก็เด่นขึ้น เหมาะกับคุณผู้หญิงที่อยากได้ความพิเศษเพิ่มขึ้นจากดีไซน์แหวนเรียบ
4 หนามเตยจะช่วยยึดเพชรกับตัวเรือนให้เพชรมองมีขนาดใหญ่มากเพิ่มขึ้น แล้วก็
6 หนามเตยจะเพิ่มความแข็งแรงให้กับการยึดเพชรกับตัวเรือนมากกว่า แต่ก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนัก เนื่องจากเพชรยอดจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก
 
หลังจากที่เราเลือกดีไซน์แหวนเพชร กันได้แล้ว หลังจากนั้นจึงมาเลือก "วัสดุที่ใช้ในการทำตัวแหวน" ซึ่งวัสดุที่ใช้ทำตัวเรือนของแหวนจะมีทั้งหมด 3 ประเภท ซึ่งจะมีทองผสมในสัดส่วนที่ต่างกันคร่าวๆ เป็น ทองขาว – 18k ทองคำ – 22k และพิงก์โกลด์ – 18k


สุดท้ายที่สำคัญที่สุด เป็นการเลือก "ร้านเพชรที่มีบริการหลังการขาย"
เนื่องจากว่ามูลค่าของแหวนเพชรที่เราซื้อไปนั้น ใครๆก็ย่อมที่อยากเก็บไว้นานๆฉะนั้นควรที่จะเลือกร้านที่มีบริการหลังการขาย อีกทั้งบริการล้าง ทำความสะอาด ไปจรวมถึงบริการซ่อมแซม มีอุปกรณ์ครบครันสำหรับเพื่อการตรวจดูเพชร พร้อมทั้ง Certificate จาก GIA แล้วก็ Certificate จากทางร้าน เพราะขึ้นชื่อว่า "เพชร" แล้ว... เป็นอัญมณีที่เลอค่าทุกยุคสมัยรวมทั้งที่สำคัญคือสัญลักษณ์แทนความรักที่มอบให้แก่กันอย่างตีราคาไม่ได้

 
เมื่อทราบเทคนิค "การเลือกแหวนเพชร" ให้สวยงามตรงใจในวันสำคัญได้ง่ายๆกันแล้ว ก็เข้าไปเลือกดูแหวนเพชรงามๆให้ผู้ที่เรารักกันได้




Tags : แหวนเพชร,-