ผู้เขียน หัวข้อ: รวม 9 วัคซีน จำต้องฉีด เสริมสร้างภูมิต้านทานโรค  (อ่าน 115 ครั้ง)

ออฟไลน์ mooky555

  • Edge LED TV member
  • ***
  • กระทู้: 732
    • ดูรายละเอียด


     วัคซีน

     ตอนนี้ ‘วัคซีนโควิด-19’ กำลังเป็นที่เอ๋ยถึงอย่างยิ่ง เพราะว่าเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้พวกเราชนะวัววิด-19 ได้ และก็สามารถกลับมาดำรงชีวิตได้ตามธรรมดากันอีกที เสมือนที่ในสมัยก่อนมนุษยชาติเคยใช้ วัคซีน ต่อสู้กับโรคร้ายหลากหลายประเภท จนถึงวัคซีนกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนควรต้องได้รับเพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และก็ในเนื้อหานี้พวกเราก็จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับวัคซีนที่ต้องแต่ละชนิดว่าจำพวกไหนจำเป็นจะต้องฉีดเมื่อใด และก็ฉีดอย่างไรบ้าง


     วัคซีน เป็นอย่างไร
     สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ได้บอกความหมายของ ‘วัคซีน’ ว่า ชีววัตถุหรือแอนติเจน (Antigen) ที่สร้างขึ้นจากเชื้อโรคหรือพิษของเชื้อโรคที่ถูกทำให้ไม่สามารถก่อโรคได้ แต่ยังคงกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้หรือภูมิคุ้มกันได้ ด้วยเหตุดังกล่าว ที่รู้เรื่องกันว่าวัคซีนเป็นแอนติบอดี้หรือภูมิคุ้มกันโรคนั้น เป็นความรู้เรื่องที่ผิดต้อง เพราะโดยความเป็นจริงแล้ววัคซีนคือแอนติเจนหรือเชื้อโรคต่างหาก แต่ว่าเป็นเชื้อโรคที่ไปทำให้ร่างกายกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคได้

     เพราะเหตุไรถึงจำเป็นต้องฉีดยา


     การฉีดวัคซีน เป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันโรคในร่างกาย จุดประสงค์สำหรับเพื่อการฉีดยานั้นก็เพื่อปกป้องโรคติดต่อร้ายแรง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนทุกวัย โดยสำหรับทารกจนถึงช่วงอายุ 1 ปีนั้น จะยังไม่มีภูมิต้านทานที่ดีพอเพียงในการต้านทานเชื้อโรคต่างๆหากได้รับเชื้อโรคอันตรายก็อาจเป็นอันตรายถึงแก่กรรมได้ ส่วนคนแก่และก็คนชราก็จำต้องได้รับการฉีดยาด้วยเหมือนกัน เนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นจะก่อให้ภูมิคุ้มกันโรคลดน้อยลง เสี่ยงต่อการรับเชื้อแล้วก็เป็นโรคต่างๆสูง และเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย

     หาแพทย์ฉีดวัคซีน

     วัคซีนที่ต้องมีอะไรบ้าง


     วัคซีนคุ้มครองปกป้องไข้หวัดใหญ่ ควรให้ในเด็กแก่กว่า 6 ข้างขึ้นไป ถ้าเกิดฉีดในเด็กอายุน้อยกว่า 9 ปี ให้ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน หากเริ่มให้ในเด็กที่อายุมากกว่า 9 ปี ให้ฉีด 1 เข็ม จากนั้นฉีดซ้ำปีละ 1 ครั้ง ห้ามให้วัคซีนคุ้มครองไข้หวัดใหญ่ในคนที่แพ้ไข่แบบรุนแรง ผู้ที่เจ็บป่วยฉับพลัน คนที่เป็น Guillain Barre Syndrome ข้างใน 6 สัปดาห์ รวมทั้งคนที่มีลักษณะอาการรุนแรงวันหลังได้รับวัคซีนครั้งที่ผ่านมา โดยยิ่งไปกว่านั้นคนที่ได้รับเคมีบำบัดจำเป็นต้องหยุดยาแล้ว 3 สัปดาห์ก็เลยจะให้ได้ ภายหลังได้รับวัคซีนอาจจะมีลักษณะของการปวดเมื่อยตามตัว หรือปวด บวมแดงรอบๆที่ฉีด

     วัคซีนคุ้มครองโรคคอตีบ โรคบาดทะยัก โรคไอกรน ให้วัคซีน 3 ครั้ง เมื่ออายุ 2 เดือน 4 เดือน และก็ 6 เดือน แต่ว่าห้ามให้ในเด็กที่แก่น้อยกว่า 6 อาทิตย์ หรือในเด็กที่แก่มากกว่า 7 ปี แล้วก็คนแก่ เด็กที่กำลังป่วยไข้หรือกำลังเริ่มจะมีไข้สูง สำหรับวัคซีนป้องกันโรคไอกรน อีกทั้งแบบ whole cell (DTwP-HB) แล้วก็ acellular (DTaP-HB) ห้ามให้ในคนที่มีลักษณะทางสมองหรือมีโรคทางสมอง ด้วยเหตุว่าจะไปกระตุ้นอาการให้ชั่วโคตรลงรวมทั้งกระตุ้นอาการชักได้ ปฏิกิริยาที่เจอได้ข้างหลังได้รับวัคซีน อาทิเช่น ปวด บวม แดงเฉพาะที่ บางทีอาจเกิด systemic reaction ดังเช่นว่า จับไข้ ชัก ซึม ตัวอ่อนนุ่มนิ่มไม่ตอบสนอง (HHE) ปฏิกิริยาแพ้ anaphylaxis รวมทั้ง arthus like reaction (ปวด บวม แดงลามมาถึงศอก) เป็นผลมาจากการได้รับวัคซีนปกป้องโรคบาดทะยักมากจนเกินความจำเป็น

     วัคซีนปกป้องโรคอีสุกอีใส ให้ในเด็กอายุ 1-12 ปี 2 เข็ม เข็มแรกฉีดเมื่ออายุ 12-18 เดือน เข็มที่ 2 ให้เมื่อ 4-6 ปี หรือมีการระบาด หากจะฉีดก่อนอายุ 4 ปี จำเป็นต้องห่างจากเข็มแรกอย่างน้อยที่สุด 3 เดือน และถ้าอายุ 13 ปีขึ้นไปให้ 2 เข็ม ห่างกัน 4-8 อาทิตย์ โดยวัคซีนจำพวกนี้ห้ามให้ในเด็กที่มีภูมิต้านทานผิดปกติ ผู้ที่มีเกล็ดเลือดต่ำกว่า 100,000 เซลล์/ลบ.มม. คนที่ติดโรค HIV รวมทั้งมีค่า CD4 น้อยกว่าจำนวนร้อยละ 15 คนที่กินยาสเตียรอยด์ ผู้ที่ได้ plasma หรือ immunoglobulin หญิงตั้งท้อง และก็คนที่แพ้ยายาปฏิชีวนะ neomycin, kanamycin, erythromycin แบบรุนแรง ข้างหลังรับวัคซีนอาจจะมีลักษณะของการปวด บวม แดงรอบๆที่ฉีด รวมทั้งเป็นไข้ภายหลังจากฉีด 5-26 วัน

     วัคซีนคุ้มครองโรคปอดอักเสบ มี 2 ประเภท เป็นต้นว่า PCV13 ซึ่งครอบคลุมการคุ้มครองป้องกันเชื้อ Pneumococcus 13 สายพันธุ์ แล้วก็ PPSV23 ที่สามารถปกป้องเชื้อได้ 23 สายพันธุ์ ซึ่งควรจะฉีดทั้ง 2 ประเภท โดยจะฉีด PCV13 หลังจากนั้นอีก 8 อาทิตย์ จะฉีด PPSV23 ซึ่งจะสามารถป้องกันเชื้อ Pneumococcus ได้ครบและก็นานอย่างต่ำ 5 ปี ควรจะให้ในผู้ที่มีความเสี่ยงสำหรับเพื่อการติดเชื้อปอดอักเสบ เช่น คนแก่ตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป เด็กอายุต่ำลงมากยิ่งกว่า 2 ปี คนที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง ผู้เจ็บป่วยที่มีสภาวะภูมิคุ้มกันขาดตกบกพร่องหรือคนที่ได้รับยากดภูมิต้านทาน คนป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ รวมทั้งผู้ที่สูบบุหรี่บ่อยๆหรือเป็นโรคหอบหืดเรื้อรัง อาจมีลักษณะของการปวดบวมบริเวณที่ฉีดซึ่งมักไม่ร้ายแรงและก็หายได้เองใน 2-3 วัน

     วัคซีนป้องกันโรคงูสวัด ฉีดเพียง 1 เข็ม ครั้งเดียวไม่ต้องกลับมาฉีดอีก สามารถคุ้มครองป้องกันได้ตลอดชาติ ผู้ที่ควรได้รับวัคซีนคุ้มครองป้องกันงูสวัด ดังเช่น คนแก่ที่แก่มากยิ่งกว่า 60 ปี ทั้งๆที่เคยเป็นและไม่เคยเป็นโรคงูสวัด หรือโรคอีสุกอีใสมาก่อน คนแก่ที่แก่ 50-59 ปี ที่เคยมีประวัติเป็นโรคอีสุกอีใสหรือโรคงูสวัดมาก่อน ส่วนคนที่ควรจะงดเว้นรับวัคซีนคุ้มครองปกป้องงูสวัด ดังเช่น ผู้ที่มีภาวะภูมิต้านทานขาดตกบกพร่องรุนแรง หญิงมีครรภ์ จับไข้สูงหรือเจ็บไข้ได้ป่วยทันควัน โดยข้างหลังรับวัคซีนปกป้องงูสวัดบางทีอาจเจอลักษณะของการปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายเองได้ใน 1-2 วัน

     วัคซีนคุ้มครองปกป้องโรคมะเร็งปากมดลูก ให้ในเด็กสาวอายุ 11-12 ปี ควรจะให้ 3 เข็ม เดือนที่ 0, 1-2 และก็ 6 ฉีดได้ทั้งสองประเภท ส่วนในผู้ชายฉีดเหมาะอายุ 9-26 ปี ใช้ประเภท quadrivalent สำหรับคนที่มีเซ็กส์แล้วสามารถฉีดได้แต่ความสามารถของวัคซีนบางทีอาจต่ำลง และไม่ชี้แนะให้ฉีดในหญิงมีท้อง หลังฉีดอาจเจอลักษณะของการปวด บวม คัน รอบๆที่ฉีด ถ้าหากฉีดเป็นกลุ่มในสถานศึกษาให้ระวังภาวะอุปาทานหมู่ บางทีอาจเป็นลมหรือรู้สึกอ่อนล้าพร้อมเพียงกันคนไม่ใช่น้อย

     วัคซีนคุ้มครองปกป้องโรคโปลิโอ มี OPV รวมทั้ง IPV ให้หยอด bivalent OPV จำนวน 5 ครั้ง ตอนอายุ 2,4,6,18 เดือนและ 4 ปี สามารถให้เพิ่มในช่วงมีการรณรงค์ได้ ไม่มีผลเสียอะไรก็ตามแต่ห้ามหยอด OPV ในคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือเด็กที่มีคนภายในบ้านมีภาวการณ์ภูมิคุ้มกันต่ำ ห้ามหยอดในหญิงมีครรภ์และก็เด็กสุดที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ให้ใช้ IPV แทนได้ และก็ห้ามให้ IPV ในคนที่มีภาวะแพ้ร้ายแรงต่อยายาปฏิชีวนะ streptomycin, neomycin และก็ polymycin B หลังรับวัคซีน OPV ส่งผลใกล้กันน้อยมาก ส่วน IPV อาจมีปฎิกิริยาเฉพาะที่ ปวด บวม แดง รวมทั้งเป็นไข้

     วัคซีนรวมป้องกันโรคฝึก-คางทูม-โรคเหือด ควรฉีดให้เด็กทุกคนจำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกเริ่มที่อายุ 9 เดือน และก็ครั้งที่ 2 อายุ 2 ปีครึ่ง ห้ามให้ในหญิงตั้งท้อง ผู้ที่แพ้ neomycin หรือ gelatin แบบ anaphylaxis เด็กที่เปลี่ยนถ่ายไขกระดูกหรือเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ เด็กที่ติดเชื้อ HIV ที่มี CD4 น้อยกว่าร้อยละ 15 หรือมี clinical stage C คนที่ได้รับสเตียรอยด์ขนาดสูง (2mg/kg/day) มาแล้วมากกว่า 14 วัน คนที่ได้รับเลือดหรือสินค้าจากเลือด คนที่แพ้ไข่ขาวแบบรุนแรง และก็ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือบกพร่องอย่างมาก หลังฉีดอาจมีปฎิกิริยาเฉพาะที่ ผื่นผื่นคัน รอบๆที่ฉีด มีไข้ 5 -12 คราวหลังฉีด หรือมีเกล็ดเลือดต่ำ

     ฉีดยา

     วัคซีนคุ้มครองป้องกันวัววิด-19 หากแม้ช่วงนี้หลายประเทศทั้งโลกได้เริ่มทยอยฉีดวัคซีนวัววิด-19 นำร่องไปแล้ว แต่ว่าสำหรับประเทศไทยซึ่งรัฐบาลได้เริ่มขั้นตอนหาวัคซีนมาตั้งแต่ม.ย. 2563 นั้น ยังไม่สามารถที่จะนำวัคซีนมาฉีดให้กับพสกนิกรได้ โดยตามแผนเดิม กระทรวงสาธารณสุขวางแผนจะเริ่มฉีดยาให้พสกนิกรในมิถานายน 2564 เป็นต้น แต่ปัจจุบันนี้ได้มานะจัดแจงวัคซีนมาให้ได้ยังไม่ครบกำหนด เนื่องจากเกิดการระบาดระลอก 2 เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา

     ปัจจุบันนี้รัฐบาลไทยได้ลงลายลักษณ์อักษรจัดซื้อกับบริษัท AstraZeneca แล้ว 26 ล้านโดส รวมทั้งกำลังจะรับรองการจัดซื้อเพิ่มอีก 35 ล้านโดส รวมเป็น 61 ล้านโดส เมื่อได้รับวัคซีนแล้วจะทยอยฉีดเดือนละ 5 ล้านโดส ไปจนถึงท้ายปี ต่อจากนั้นจะหาเพิ่มอีกให้ครอบคลุมพลเมืองปริมาณ 50 ล้านคน และมีกลุ่มที่ไม่ต้องฉีดราว 20 ล้านคน โดยจะพิจารณาวัคซีนของบริษัทอื่นๆด้วย

วัคซีนที่จำเป็นจะต้องแต่ละประเภทที่ได้เอ่ยถึงไป เชื่อว่าผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยบางครั้งอาจจะได้รับมาหมดแล้ว เหลือแค่วัคซีนวัววิด-19 ที่ทุกคนกำลังรออยู่ ซึ่งถึงแม้ว่าการฉีดยาเป็นเรื่องสำคัญก็จริง แม้กระนั้นสิ่งที่สำคัญสิ่งหนึ่งมากมายๆรวมทั้งทุกคนสามารถทำเป็นในขณะที่รอวัคซีนวัววิด-19 ก็คือการกระทำตัวตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดทุกหนเมื่อออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน รวมทั้งที่สำคัญควรจะหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ หรือเลือกรับรองสุขภาพไว้ดูแลในวันที่โรคภัยถามถึง ซึ่งรับรองโรครุนแรงจาก Cigna เบี้ยเริ่มเพียง 250 บาทต่อเดือน แต่คุ้มครองป้องกันครบทุกโรคร้าย อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cigna.co.th/health-wellness/tip/vaccination

อ้างอิง

http://guruvaccine.com

http://guruvaccine.com/บทเรียน/บทที่-2-รู้ชนิด-รู้ติดตาม/

https://www.phyathai.com

http://theworldmedicalcenter.com

https://www.prachachat.net