ผู้เขียน หัวข้อ: งานวิจัยอังกฤษชี้ฉีดวัคซีนครบสองโดส ยังติดใหม่และแพร่เชื้อให้คนในบ้านได้  (อ่าน 132 ครั้ง)

ออนไลน์ Chigaru

  • Hologram 3D TV member
  • ******
  • กระทู้: 20,135
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์

ผลการศึกษาครัวเรือนในสหราชอาณาจักรพบว่า ผู้ได้รับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ครบทั้งสองโดสแล้วแต่ยังติดโควิดนั้น สามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อาศัยในบ้านหลังเดียวกันได้มากพอ ๆ กับผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Lancet Infectious Diseases พบหลักฐานบ่งชี้ว่า แม้ผู้ติดเชื้อเหล่านี้ไม่แสดงอาการป่วย หรือมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย แต่ก็มีโอกาส 2 ใน 5 หรือ 38% ที่พวกเขาจะแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาก่อโรคโควิด-19 ไปสู่ผู้อยู่อาศัยในบ้านหลังเดียวกันที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน


บรรดาผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เนื่องจากบ้านเป็นสถานที่ที่ผู้คนแพร่เชื้อโรคโควิดสู่กันมากที่สุด ดังนั้นการที่สมาชิกทุกคนที่มีสิทธิได้รับวัคซีนจึงควรเข้ารับการฉีดให้ครบถ้วนตามที่ทางการจัดให้

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า บ้านเป็นสถานที่ที่ผู้คนแพร่เชื้อโรคโควิดสู่กันมากที่สุด
การศึกษาเรื่องนี้มีขึ้นระหว่าง ก.ย. 2020 ถึง ก.ย. 2021 โดยนักวิจัยได้ตรวจหาเชื้อโรคโควิดด้วยวิธีพีซีอาร์กับประชาชน 440 ครัวเรือนในกรุงลอนดอน และเมืองโบลตัน ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ และได้ข้อมูลที่บ่งชี้ว่า

คนที่ได้รับวัคซีนครบสองโดสมีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่ยังมีโอกาสที่จะติดเชื้อโรคโควิดสายพันธุ์เดลตา เมื่อเทียบกับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

ดูเหมือนว่าผู้ได้รับวัคซีนครบถ้วน จะสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้มากพอ ๆ กับคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
ผู้ได้รับวัคซีนครบถ้วนจะหายจากการติดเชื้อได้รวดเร็วกว่า แต่ช่วงที่มีปริมาณเชื้อไวรัสในร่างกายสูงสุด ซึ่งเป็นช่วงที่แพร่เชื้อได้มากที่สุดนั้นมีลักษณะเดียวกับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
นี่จึงอาจช่วยอธิบายว่า ทำไมพวกเขาจึงยังสามารถแพร่เชื้อไปสู่ผู้ที่อาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันได้

ทีมนักวิจัยชี้ว่า ผลการศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า การที่ผู้คนเข้ารับการฉีดวัคซีนต้านโควิดเพื่อสร้างภูมิต้านทานโรคมีความสำคัญเพียงใด พร้อมเตือนว่า ผู้ที่ยังไม่ยอมฉีดวัคซีนไม่อาจจะพึ่งพาคนรอบตัวให้ฉีดวัคซีนเพื่อลดความเสี่ยงการติดโควิดได้




ศาสตราจารย์ อาจิต ลัลวานี จากอิมพีเรียลคอลเลจ ลอนดอน หนึ่งในผู้นำการวิจัยชิ้นนี้กล่าวว่า “การแพร่เชื้อที่เราเห็นในหมู่ผู้ได้รับวัคซีนแล้ว ทำให้เห็นถึงความสำคัญที่ผู้ยังไม่ได้รับวัคซีนควรเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อปกป้องตนเองจากการติดเชื้อ และการป่วยรุนแรงจากโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผู้คนจะต้องใช้เวลาอยู่ใกล้กันภายในอาคารในช่วงฤดูหนาวนี้”

ศาสตราจารย์ ลัลวานี ระบุว่า เพียงไม่กี่เดือนหลังจากประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนโดสที่สองแล้ว ก็พบกรณีที่คนมีความไวต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงแนะนำให้ผู้มีสิทธิได้รับวัคซีนกระตุ้นภูมิรีบเข้ารับการฉีดโดยเร็ว

ประสิทธิผลของวัคซีนในการป้องกันโควิด-19 ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
BBC
วัคซีนต้านโควิดมีประสิทธิผลดีมากในการป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิตจากโรคนี้ แต่มีประสิทธิผลน้อยลงในการยับยั้งการติดเชื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับแต่มีอุบัติการณ์ของเชื้อสายพันธุ์เดลตา ที่กำลังเป็นเชื้อหลักที่แพร่ระบาดในสหราชอาณาจักร และหลายประเทศ

นอกจากนี้ ความสามารถในการป้องกันโรคของวัคซีนยังเริ่มลดลงเมื่อเวลาผ่านไป จึงทำให้ต้องได้รับการฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพิ่มอีก

ดร.อนิกา ซินกานายากัม จากอิมพีเรียลคอลเลจ ลอนดอน ผู้ร่วมทำงานวิจัยอีกคน ระบุว่า ผลการศึกษาเผยให้เห็นความสำคัญของการให้วัคซีนต้านโควิด-19 ในภาวะที่มีเชื้อกลายพันธุ์ชนิดใหม่ ๆ อุบัติขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังช่วยอธิบายว่าเหตุใดเชื้อสายพันธุ์เดลตาจึงยังคงทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก แม้แต่ในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูง

เธอกล่าวทิ้งท้ายว่า “ดังนั้นการใช้มาตรการทางสาธารณสุขและทางสังคมเพื่อควบคุมการแพร่เชื้อต่อไป เช่น การสวมหน้ากาก การเว้นระยะห่างทางสังคม และการตรวจหาเชื้อ จึงยังคงเป็นสิ่งสำคัญ แม้แต่ในหมู่ผู้ได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้ว”