ลูกกลัวหมอฟันเด็กควรจะทำยังไงดี?
![](https://sv1.picz.in.th/images/2022/03/18/reN0Lg.jpg)
ทำไงดี เมื่อลูกน้อยกลัวคุณหมอฟันเด็ก - เด็กกับความหวาดกลัวถือเป็นเรื่องที่คู่กัน เด็กจะกลัวในเรื่องที่จำฝังใจ อย่างเช่น การกลัวการปวด กลัวคนที่ไม่รู้จัก ความหวาดกลัวสถานการณ์ใหม่ๆที่ยังไม่เคยเจอมาก่อน ซึ่งความกลัวจะเกิดขึ้นในช่วงหนึ่งของชีวิตเพียงแค่นั้น โดย ความหวาดกลัวนั้นจะขึ้นอยู่กับตัวเด็กอีกครั้งว่าเด็กนั้นก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาพ่อแม่อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีเหตุที่ทำให้เด็กกลัว ทันตแพทย์เด็กหรือกลัวการรักษาทางด้านทันตกรรมเด็ก ยกตัวอย่างเช่น ประสบการณ์การดูแลและรักษาทางทันตกรรมเด็ก ในอดีต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเด็กเข้าการดูแลและรักษาฟันขณะที่เด็กเจ็บอยู่ฟัน รวมทั้งอาจจะก่อให้เด็กอีกทั้งเจ็บแล้วกลัวและฝังลึกในใจเลยกระตุ้นให้เกิดความกลัว รวมทั้งอาจส่งผลให้เด็กกลัวแพทย์ที่ใส่ชุดสีขาว หรือกลัวการเข้าไปรักษาในโรงพยาบาลหรือคลินิกทันตกรรมต่างๆและการฟังจากคำพูดจากเครือญาติ ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้อง แล้วก็เด็กอาจจะรับรู้ได้จากพฤติกรรมบางสิ่ง หรือจากสีหน้าท่าทางที่มีความรู้สึกไม่สบายใจที่บิดามารดาแสดงออกมาแบบไม่ทันรู้ตัว เป็นต้น
การตระเตรียมลูก ในการมาพบแพทย์ฟันครั้งแรกทันตกรรมเด็กกับการจัดเตรียมเด็กที่ดีนั้นมีผลเป็นอย่างมากต่อพฤติกรรมของเด็กรวมทั้งความสำเร็จสำหรับการรักษา โดยเหตุนี้คุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่จำเป็นจะต้องเลี่ยงคำพูดที่น่ากลัวหรือแสดงความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเกี่ยวกับหมอฟันเด็กที่ให้บริการทัตนบาปเด็ก และไม่ควรจะใช้ทันตแพทย์หรือกระบวนการทำฟันเป็นเครื่องมือในการข่มขู่ลูก ดังเช่นว่า “ถ้าเกิดไม่ยินยอมแปรงฟันนะ จะจับไปให้แพทย์ถอนฟันเลย” ซึ่งจะยิ่งทำให้ลูกฝั่งดวงใจรวมทั้งกลัวทันตแพทย์มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนี้คุณพ่อและก็คุณแม่อาจช่วยส่งเสริมทัศนคติในทางบวกต่อวิธีการทำฟันให้แก่ลูก ยกตัวอย่างเช่น “แพทย์จะช่วยทำให้หนูมีฟันงามและแข็งแรง” ยิ่งไปกว่านี้เมื่อพบว่าลูกมีฟันผุก็ควรพาลูกมาทำฟันตั้งแต่ขณะที่ยังไม่มีอาการปวด หากรอคอยให้มีอาการปวดก่อนเด็กจะยิ่งมีความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจสำหรับในการทำฟันเพิ่มมากขึ้น
เมื่อมาหาหมอฟันแล้ว ถ้าเกิดลูกกลัวทันตแพทย์ ไม่ร่วมมือผู้ปกครองและทันตแพทย์ ควรทำเช่นไรเด็กแต่ละคนที่มีความกลัวก็จะแสดงพฤติกรรมที่แตกต่างกันออกไป เด็กที่มีความกลัวและไม่ร่วมมือ จำเป็นมากที่หมอฟันควรต้องพินิจพิจารณาหาสาเหตุของความกลัวของเด็ก เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการไตร่ตรองเลือกใช้กรรมวิธีการจัดการความประพฤติ ซึ่งบิดามารดาจะมีส่วนช่วยอย่างยิ่งสำหรับในการให้ข้อมูลเบื้องต้นกลุ่มนี้ ต่อจากนี้ก็จะเป็นหน้าที่ของ ทันตแพทย์ที่จะเลือกใช้แนวทางปรับพฤติกรรมต่างๆเพื่อให้เด็กให้ลดความกลัว ความรู้สึกไม่สบายใจ และก็ยอมให้ความร่วมแรงร่วมมือสำหรับในการทำฟันเด็ก โดยแนวทางที่ใช้มากที่สุดก็คือ การปรับพฤติกรรมโดยวิธีทางจิตวิทยาไม่ว่าจะเป็นการเสวนา ปลอบประโลม ชมเชย สนับสนุนให้กำลังใจ การเบี่ยงเบน ความพึงพอใจ หรือการแยกผู้ปกครอง ดังนี้ขึ้นกับอายุของเด็ก ระดับของความร่วมมือ และก็จำนวนงานหรือ ความเร่งรีบของการรักษาด้วย อย่างเช่น ในเด็กเล็กต่ำลงมากยิ่งกว่า 3 ขวบ ที่ยังเสวนาสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง หรือเด็กที่ไม่ให้ ความร่วมมืออย่างมาก ทันตแพทย์ก็อาจจะจะต้องขออนุญาตใช้ผ้าห่อตัวเด็ก (Papoose board) ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของเด็กเพื่อให้สามารถให้การรักษาได้ทางด้านทันตกรรมเด็กโดยสวัสดิภาพรวมทั้งมีประสิทธิภาพเยอะขึ้นเรื่อยๆ หรือบางครั้งอาจจะพรีเซนเทชั่นลู่ทางการดูแลรักษาทางทันตกรรมภายใต้การทานยาให้สงบหรือการสูดยาสลบให้แก่ผู้ดูแลเป็นผู้ตัดสินใจ
สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่จะทำให้ลูกน้อยไม่กลัวหมอฟันเด็ก
สิ่งที่ดีที่สุดของการมาใช้บริการ
ทันตกรรมเด็ก ที่จะทำให้ลูกของคุณไม่กลัวหมอฟันคือ การดูแลช่องปากของลูกไม่ให้มีฟันผุ โดยควรจะพาลูกมาเจอทันตแพทย์ตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้นหรือด้านในขวบปีแรก รวมทั้งตรวจฟันอย่างสม่ำเสมอทุกๆ 6 เดือน เมื่อลูกไม่มีฟันผุ เวลาทำฟันเด็กก็ไม่เจ็บ เมื่อไม่เจ็บก็มักจะไม่กลัวหมอฟัน แต่เมื่อลูกมีฟันผุแล้วพ่อกับแม่ก็ควรแข็งแกร่งที่จะพาลูกมารับการรักษาตามนัดอย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่าลูกจะร้องไห้ตั้งแต่อยู่ที่บ้านเมื่อรู้ดีว่าจะพามาทำฟันก็ตาม เพื่อให้ลูกของคุณมีสุขภาพช่องปากที่ดี ซึ่งเมื่อมีสุขภาพโพรงปากที่ก็ดีก็จะช่วยสนับสนุนให้เด็กมีวิวัฒนาการในด้านอื่นๆที่ดีตามไปด้วย