ขออ้างอิงโพสต์เทพของท่านเซียนเต้าในเวปนี้นะครับ ของคุณแมวเหมียวรีวิวไว้ครับ ไว้เป็นความรู้เบื้องต้นของผู้เริ่มสนใจที่จะมาลงทุนกับเต้าผนัง
ปล. ทุกตัวที่คุณแมวเหมียวได้รีวิวไว้ ก็ผ่านมือผมมาหมดแล้วเหมือนกัน และยังมีอยู่ไว้ลองไปเรื่อย ใครมีข้อสงสัยว่าเข้ากับ system ของท่านได้ไหม ถามได้ครับ
wattgate 381 gold (5500บาท)
เบสเยอะ กลางใหญ่ แหลมละเอียดดี(แต่ไม่แสบหู) dynamicเสียงกินขาดปลั๊กอื่นๆในตลาดแบบขาดลอย
สามารถแจกแจงรายละเอียดของดนตรีที่มีความซับซ้อนสูง หรือมีเครื่องดนตรีเยอะๆ จำพวก ออเครสต้า หรือ โอเปร่าได้ดีมาก
รูปวงใหญ่ เวทีเสียงโอ่อ่า อลังการ ความกระชับของเนื้อเสียงดีมาก การหักลำ +ควบแน่น +เข้มข้น ของเสียงสุดยอดไร้ตัวเปรียบ
อิมเมจเสียงขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ชี้ตำแหน่งดนตรีได้ชัดเจน จึงให้เสียงที่มีความเป็นกึ่งสามมิติสูง
ข้อเสีย - ให้เสียงแนว "ยอมหักไม่ยอมงอ" อารมณ์เสียงจจริงจัง บ้าพลัง แรงปะทะสูง มีความกระด้างในเนื้อเสียง
ด้วยความกระชับของเนื้อเสียงที่สูงมาก เสียงจึงมิใช่แนวออดอ้อนพิรี้พิไร เพราะให้เสียงร้องที่จริงจังมาก
เหมือนฟังการแสดงสดที่เค้นพลังในตัวโน๊ตซะมากกว่า
ใช้กับระบบภาพให้ รายละเอียดและcontrastสูงกว่าปลั๊กทั่วไป การไล่เฉดสีแม่นยำ รายละเอียดดี
แต่ก็มีอาการเนื้อภาพกระด้างอยู่บ้า
wattgate 381 RH (7000บาท)
โดยรวมแล้วพื้นฐานของเสียงจะคล้ายๆ 381 gold แม้ว่า RH จะให้ไดนามิค ที่น้อยกว่า goldอยู่บ้าง
แต่ RH ก็ดีกว่าในภาพรวมไม่ว่าจะเป็น เนื้อเสียงที่สะอาด ฉ่ำ เนียนกว่า และมีความกระด้างในเนื้อเสียงน้อยกว่า gold
ให้เสียงที่ฟังแล้วผ่อนคลายกว่า โดยที่ ไดนามิคของเสียงก็ยังถือว่าสูงตามสไตล์ยี่ห้อ wattgate
ให้ช่องไฟที่เป็นธรรมชาติไม่บีบเค้น เน้นแรงปะทะจังหวะโคนเกินไป
และ RH เมื่อใช้กับระบบภาพจะให้ภาพที่กระจ่าง สว่าง สะอาด contrastสูงมากๆ สีสันมีความสดเข้ม
การใช้งานนั้นครอบคลุมทุกประเภททั้งภาพและเสียง อย่างที่ปลั๊กตัวอื่นๆในตลาดไม่สามารถทำได้
สำหรับผมแล้วwattgate 381 RH ถือเป็นปลั๊กที่ประสิทธิภาพดีที่สุดตัวหนึ่งเลยครับ
เสียง wattgate 381RH ดีกว่า wattgate 381AU(gold)
ภาพ wattgate 381RH ก็ดีกว่า wattgate 381AU(gold) เช่นกัน
..............
oyaide R1 (3800บาทไม่มีกล่อง 4300บาทมีกล่อง)
เด่นในแง่ของความกลมกลืนต่อเนื่องของความถี่ ต่ำ-กลาง-สูง น้ำหนักเสียงดีมากๆ มีการแยกความอ่อน-แก่ ของเสียง
เสียงจะออกแนวเรียบร้อยนิ่งๆ เหมาะกับเพลงช้าๆ เครื่องดนตรีน้อยชิ้น
ใช้กับระบบภาพ ให้ภาพที่สีมีความเป็นธรรมชาติสูง มวลภาพหนา ภาพดูมีเนื้อหนัง มีน้ำหนัก และมีความเป็น filmlookสูงสุดเท่าที่ลองเทียบมา
ข้อเสีย แม้จะไล่เสียงความถี่ต่ำ กลาง สูง ได้ดี แต่เนื้อเสียงยังคงมีความแข็งกระด้างอยู่
timming ค่อนข้างช้า จังหวะโคนเสียงต่างๆจึงดูไม่แม่นยำ ความสดใสในเนื้อเสียงมีน้อย เสียงขาดความฉ่ำน้ำ
จึงฟังแล้วเหมือนเนื้อเสียงด้าน บวกกับ timmingที่อืดช้า น้ำหนักเสียงเยอะ นั่นทำให้ฟังแล้ว"บางคน"รู้สึกอัดอัด
r1เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้งานในเครื่องกรองไฟ โดยใช้กับแหล่งต้นทางจำพวก player หรือ source ต่างๆจะให้ผลลัพธ์ไปทางบวก
oyaide GX (3300 บาท)
แม้จะเป็น ยี่ห้อเดียวกับตัวข้างบนนี้ แต่แนวเสียงนั้นกลับไม่เหมือนกันเลยสักนิด
เวทีเสียงและรูปวงนั้นจะใกล้เคียงกัน คือเป็นรูปวงกลม โดยที่สเกลเสียงGXเล็กกว่าR1เล็กน้อย
แต่ GX ให้เสียงที่ อิ่ม เนียน ฉ่ำ เนื้อเสียงมีความสด โดดเด้ง เกลี้ยงเกลา เสียงจึงดูมีชีวิตชีวา ฟังง่าย ไม่อึดอัด
ข้อเสีย เสียงฟังดูเด้งๆเกินไปหน่อย จนเสียความเป็นธรรมชาติ และไม่เหมาะกับระบบภาพเป็นอย่างยิ่ง
เพราะทำให้สีเพี้ยนออกแนวสีสังเคราะห์ไปซะหมด มิติภาพแม้ว่าดูมีมวลแต่ก็จะดูเรียบๆเท่ากันไปหมด
* oyaide เป็นปลั๊กที่เสียบสายไฟแน่นที่สุดเลยครับ ถอดออกยากมากๆ
...............

ps audio power port premier (3000บาท)
เบสกระชับ เสียงกลางเนียนเด่น แหลมเนียน เนื้อเสียงมีความละเมียดละไมสูง จังหวะโคนเสียงแม่นยำ คล่องแคล่ว ช่องไฟของตัวโน๊ตทำได้ดีมาก
เวทีเสียงวางตำแหน่งเหมือนกับ oyaide แต่ในแง่ของการชี้ตำแหน่งเครื่องดนตรีนั้นๆ ps audio แม่นยำกว่ามาก
เสียงหลักๆจะลอยเด่นแล้วถูกห่อหุ้มด้วยบรรยากาศเสียงรอง
คือเนื้อเสียงหลักจะกลมกลึงขึ้นเป็นรูปเป็นร่างคล้ายๆ wattgate 381 gold
และที่โดดเด่นที่สุด คือ ลีลาเสียง เสียงร้องและเสียงดนตรีจะมีอารมณ์เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ที่โด่ดเด่น
เป็นอารมณ์เสียงที่ผสานระหว่างความพิรี้พิไรและความคล้องแคล่วกระฉับกระเฉงไว้อย่างลงตัว(ไม่มียี่ห้อไหนทำได้)
เสียงเพลงร้องจึงมีความออดอ้อน แต่ยังคงมีเรี่ยวแรง มีไดนามิค จึงสามารถฟังเพลงได้ทุกแนว
ดูหนังการโยนเสียงข้ามลำโพง และการชี้ตำแหน่งวัตถุก็เหนือกว่าปลั๊กตัวอื่นๆแทบทั้งหมด
ใช้กับระบบภาพสีจะอิ่ม สด เนียน ออกโทน digital มิติระหว่างวัตถุกับฉากก็ตัดแบ่งชั้นกันอย่างเด็ดขาด
และปลั๊กตัวนี้ผลิตโดยบริษัท hubbell เป็น isolate ground จึงทำให้หน้ากากและน๊อตที่ใช้ร่วมไม่ว่าจะใช้แบบไหนก็แทบไม่มีผล
เทียบคุณภาพกับราคาแล้ว power port premier เป็นปลั๊กที่ครอบคลุม คุ้มค่าที่สุด และประสิทธิภาพก็ถือว่าสูงกว่าปลั๊กหลายๆตัวที่แพงกว่าด้วย
ข้อเสีย - เนื้อเสียงจะกระทัดรัด ติดบางนิดหน่อย ต้องจัดวางระบบเสียงให้ดี เพราะมันขี้ฟ้องมาก
และเนื่องจากเอกลักษณ์เสียงที่โดดเด่นเกินไป จึงอาจทำให้เสียงของsystemเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ
ระบบภาพถ้าใช้กับทีวีประเภท plasma จะทำให้เสียสมดุลสีในความเป็นfilmlook

ps audio power port premier รุ่นเก่า
เป็นปลั๊กผนังที่มีนักเล่นเครื่องเสียงบางกลุ่มตามหากันซึ่งในปัจจุบันไม่มีขายแล้วจึงกลายเป็นของ rare ไปโดยปริยาย
เนื้อเสียงมีความละเมียดละไมและมีความนุ่มนวลมากกว่า power port premier รุ่นใหม่หน้ากากสีเทาตัวข้างบนไปอีกเล็กน้อย
โดยที่ความกระฉับกระเฉง และความกระชับ จะผ่อนปรนกว่า จึงทำให้รุ่นนี้จะเหมาะสมในการฟังเพลงมากกว่ารุ่นด้านบน
ส่วนเรื่อง colour และส่วนอื่นๆในระบบภาพนั้นแทบไม่ต่างกัน นั่นคือให้สีออกโทน digital และมิติที่แบ่งชั้นระหว่างฉากกับวัตถุได้ดี
ps audio power port classic (1700บาท)
เอาเป็นว่า ห่วยกว่า power port premier ในทุกด้านเลยละกัน เสียงบางกว่า แห้งกว่า แสบหูกว่า
ความละเมียดของเสียง เวทีเสียง รายละเอียดเสียง รวมทั้งระบบภาพไม่มีอะไรสู้ power port premier ได้
ถ้าจะเล่นปลั๊ก ps audio ให้เก็บเงินเพิ่มแล้วไปเล่นรุ่น power port premier ดีกว่า ๕๕๕๕๕๕๕๕
...............
[^_^] FPX gold (3000บาท)
เสียงจะออกโทนbright เจิดจ้า เปิดโปร่ง สะอาด เด่นในแง่ของ บรรยากาศอณูเสียงที่ห่อหุ้มรอบตัวโน๊ต เวทีเสียงจะกว้างฉีกไปทางด้านข้าง
รายละเอียดเสียงถือว่าสูงมากๆเมื่อเทียบกับปลั๊กในระดับค่าตัวเดียวกัน เสียงเล็กๆน้อยๆหยุมหยิบได้ยินครบ
เสียงในแต่ละตัวโน๊ตมีความกังวานสูง ปลายแหลมพลิ้ว ทอดตัวไปได้ไกล ระยิบระยับดีมาก
ไดนามิคเสียงก็ถือว่าโดดเด่น ในช่วงที่เสียงคนร้องpeakก็เค้นอารมณ์ได้ดีมาก
และในช่วงที่เสียงดนตรีโหมกระหน่ำเช่นเพลงพวกโอเปร่า ก็ขยายเวทีเสียงจากแผ่วเบาที่สุดไปยังเสียงดังที่สุดได้ดีเยี่ยม
โดยรวมแล้วแนวเสียงจะคล้ายๆกับการเปิด loundness หรือ stereo wide ของเครื่องเสียงยุคเก่าๆประมาณนั้น
ข้อเสีย - ใช้กับระบบภาพแล้วกากมากๆ ภาพสว่าง คม แสงฟุ้ง ดูมั่วๆไปหมด
เนื้อเสียงบางมากๆ เบสบางไม่กลมกลึงขึ้นเป็นลูกๆ คนที่ชอบเสียงแนวมีเนื้อมีหนังไม่น่าชอบ
และ[^_^] FPX gold เป็นปลั๊กที่ขี้ฟ้องมากตัวหนึ่ง ต้องจัดเสียงใน system ให้เหมาะสม
เนื่องจากแนวเสียงของมันเข้ากับอุปกรณ์อื่นๆได้ยากพอสมควร
.............
hubbell ig8300 ( 1100-1700บาท)
ปลั๊กยอดนิยมของคนเริ่มเล่นเครื่องเสียง
hubbell เสียงจะออกแนวดิบๆ เนื้อสากๆ เนื้อๆ
เหมาะสำหรับชุดที่ต้องการเสียงที่ไม่แต่งแต้มสีสันอะไรมาก เพื่อทดสอบเสียงที่บริสุทธิ์ที่สุด
สำหรับรุ่นที่ผ่านการ cryo ราคาจะสูงขึ้น และเสียงจะเปลี่ยนไป แหลมไปได้ไกลขึ้น รายละเอียดดีขึ้น
แต่เนื้อเสียงจะบางลง และมิติเวทีเสียงจะค่อนข้างแบน
ใช้งานกับระบบในส่วนของภาพได้กลางๆครับ
...........
Copper Colour EX-126 HE BE (1400บาท)
เสียงเบสเรื่อยๆกระชับเล็กน้อย กลางเนียนอิ่ม แหลมรายละเอียดดี เสียงมีไดนามิคและมีเนื้อหนังกำลังงาม
ใช้กับระบบภาพแล้ว สีมันดูเนียนแบบแปลกๆ ดูแล้วเหมือนอุณหภูมิสีมันเพี้ยนๆ อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน๕๕๕๕
รอยต่อระหว่างเสียง ทุ้ม กลาง แหลม อาจจะยังไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะเสียงแหลมในบางความถี่ที่ฟังดูจะมีเสียงซิบๆ ซ่าๆ แตกๆหน่อย
แต่ถ้าฟังเอาสนุก มีรสชาติ ไม่จืดชืด ปลั๊กรุ่นนี้ถือว่าใช้ได้ดีทีเดียวครับ
J living power (ปัจจุบันราคา 2400บาท)
หรือปลั๊ก american denkiเดิม ที่ผ่านการอัพเกรดโดยเคลือบน้ำยา j liquid และเคลือบ platinum ที่ช่อง N
นักเล่น audiophile หลายๆท่านชอบปลั๊กรุ่นนี้มากกว่า wattgate 381RH เสียอีก
แต่ถ้าถามว่า J living power ดีกว่า wattgate 381RH หรือไม่ คำตอบคือ ดีกว่าในบางแง่เท่านั้นครับ
ปลั๊ก J living power เด่นในเรื่องของการฟังเพลง audiophile จำพวกเพลงร้องช้าๆเครื่องดนตรีน้อยชิ้นซะมากกว่า
เสียงร้องจะลอยเด่นไหลลื่นต่อเนื่อง total balance ดีมากๆ ไม่มีเสียงย่านไหนเด่นล้ำหน้าไปกว่ากัน
แนวเสียงออกไปทางอะคูสติก จูนเสียงให้โปร่ง ลอย เสียงทุ้มปริมาณพอดี เสียงกลางนุ่มนวล เสียงแหลมทอดตัวกังวานไปได้ไกล
ปลายเสียงจางหายไปอย่างช้าๆเป็นธรมชาติ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายมากกว่ารุกเร้าจริงจัง
แต่สำหรับการดูหนังรวมไปถึงเพลงที่เครื่องดนตรีเยอะๆ หรือเพลงที่ต้องการไดนามิคของเสียงที่รุนแรง อาจจะไม่ได้โดดเด่นนัก
อีกทั้งผลต่อระบบภาพก็ยังไม่โดดเด่นเช่นกัน
ในขณะที่ wattgate 381RH นั้นจะครอบคลุมการใช้งานทุกอย่างตั้งแต่ดูหนัง ฟังเพลงทุกประเภท รวมถึงระบบภาพด้วยครับ