4K oled LG 55EG920Tความเดิมจากกระทู้ที่แล้ว คือ ผมยุให้คุณบาสซื้อรุ่นนี้เมิ่อปลายปีที่ผ่านมา
ตอนนี้ผมได้มีโอกาสเดินทางไปบ้านคุณบาสจึงได้ทำการทดสอบ oled lg 55EG920T อย่างละเอียด
เพื่อเป็นข้อมูลให้กับเพื่อนๆคนอื่นในเวปครับ

ทดสอบภาพ แนวภาพของ EG920T คือ นวล โปร่ง เย็นตา เฉดสีต่างๆนั้นไปในทิศทางเดียวกับแนวภาพ LG ทั่วไป
คือ ให้สีสันอันอ่อนช้อย ไม่เน้นน้ำหนักสีให้เข้มข้นจนรู้สึกอึดอัด ทำให้ดูได้เรื่อยๆไม่เครียด
โทนสีเหลือง-เขียวจะดูบางเบา สีผิวคนจะดูอ่อนๆหน่อย สำหรับคนที่ใช้ทีวียี่ห้ออื่นมาตลอด
อาจจะรู้สึกแปลกตากับแนวสีแบบนี้ครับ
โหมดสำเร็จรูปมีให้มาหลายโหมด แต่จากการใช้งานพบว่าค่าที่ตั้งจากโรงงานมาค่อนข้างห่วย
สมกับเป็นยี่ห้อ LG ที่ผู้บริโภคมักจะต้องมาปรับภาพแก้ไขเองอยู่เสมอ ๕๕๕๕๕๕๕
แต่ก็มีโหมดที่ให้สีค่อนข้างถูกต้องอยู่นั่นคือโหมด cinema และ isf1 isf2
ซึ่งในการทดสอบผมใช้สามโหมดนี้เป็นหลัก (โหมดอื่นๆภาพไม่ไหวจะเคลียร์ - -)
แรกเริ่มทดสอบกับไฟล์วิดีโอความละเอียด 4K demo ต่างๆ ภาพที่ได้จัดว่าอยู่ในระดับสุดยอด
ทั้งรายละเอียด และมิติ กระจ่าง จะแจ้ง ชัดเจน ต่อให้เร่ง oled light เต็ม 100
ก็พบว่าแสงจากจอแทบไม่แยงสายตาเลย

ยิ่งเปิดไฟล์ demo ที่มีฉากหลังเป็นสีดำ แล้วมีวัตถุอยู่บนจอ จะยิ่งเห็นความลึกของมิติได้อย่างชัดเจน
รายละเอียดของแสงและเงาสามารถแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติ รายละเอียดเล็กๆน้อยๆในที่มืดๆ
สามารถแสดงได้อย่างหมดจด แม้ว่าจะเป็นรายละเอียดที่แผ่วเบามากๆ ก็ปราศจากอาการดำจมให้เห็น
ที่หลายท่านเห็นว่า oled ดำจมน่ะ มันคือโหมด vivid ที่เขาเปิดโชว์ในห้าง
โหมดนี้จะทำให้รายละเอียดเล็กๆในที่มืดกลืนไปกับสีดำหมด แต่ถ้าเป็นโหมด cinema หรือ isf ไม่มีอาการดำจมครับ
จะดำที่สุด ดำลึก ดำปานกลาง ดำน้อย ดำเทา ก็สามารถแสดงรายละเอียดในสีนั้นๆออกมาได้หมด
ซึ่งเท่าที่ผมทดสอบมายังไม่มี LED ตัวไหนแสดงความต่างของระดับสีดำได้ดีขนาดนี้
แม้แต่ plasmaรุ่นที่ดีที่สุดก็ยังทำไม่ได้เช่นกันครับ
ยิ่งถ้าปิดไฟดู จะทำให้มิติลึกสุดๆ ลึกว่า LED และ plasma ทุกตัว
ด้วยระดับสีดำของ oled นั้นทำได้ดำสนิทจริงมากกว่า 99.99%
ถ้าเป็นพวกฉากดวงดาวต่างๆ ดูแล้วเสมือนกับว่าเราไปยืนอยู่นอกอวกาศจริงๆเลยครับ
แถมประกายแสงจากวัตถุในฉากพื้นดำก็สวยงามซะมากๆ
ฉากอวกาศดำสนิท ตัดกับดวงดาวที่เจิดจริส รวมกันเป็นสุดยอดแห่งมิติ
กลายเป็นทีวีที่ contrast ดีที่สุดไปโดยปริยาย
^
4K HDR
^
4K ปกติContent 4K ว่าสวยแล้ว พอได้ลอง 4K HDR พบว่าภาพยิ่งสวยขึ้นไปอีกหลายระดับ
ด้วยไฟล์ HDR จะให้แสงและเงาที่สวยกว่าไฟล์ทั่วไป รายละเอียดส่วนที่เป็นแสงเจิดจ้า
รายละเอียดส่วนที่เป็นเงาก็แสนสงัด ภาพที่ได้จากไฟล์HDRนั้นราวกับภาพถ่ายจากกล้องชั้นเยี่ยม
พอกลับมาดูไฟล์4Kปกติ แล้วจะรู้สึกว่าห่วยไปในทันที ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ตามมาตรฐาน HDR ระบุว่า ทีวีต้องสว่างเกิน1000nit ถึงจะแสดงประสิธิภาพ HDR ได้ดี
ซึ่งรุ่นนี้ทำได้แค่ 300nit แต่ภาพที่ได้จากHDRนั้นผมว่าสว่างและสวยงามมากมายแล้วครับ
LED ซัมซวย ทอปรุ่นใหม่ทำได้ถึง 1500nit จะดูกันให้ตาบอดไปเลยใช่ไหม ๕๕๕๕๕
^
4K
^
full HDสำหรับภาพยนตร์4Kนั้นยังมีไฟล์ให้โหลดน้อยมากๆ จึงได้ลองแค่2 เรื่องเท่านั้น
คือ The Matian 2015 และ เรื่อง salt 2010
Salt 4K เนื่องจากเรื่องนี้ถ่ายทำด้วยฟิล์ม35mm
ภาพที่ปราดฎจะมี noise ยิบๆตามสไตล์ฟิล์มเต็มไปหมดซึ่ง4K ก็ทำให้เห็น noise เยอะกว่าเดิมด้วย
ภาพจึงดูหยาบๆ โดยรวมแล้วภาพแทบมิได้แตกต่างกับ full HD
ส่วน The Matian เรื่องนี้ถ่ายทำด้วย กล้องความละเอียด 5K
เมื่อดูผ่านไฟล์ 4K แล้วจึงมีความแตกต่างจากไฟล์ full HD ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
ภาพของไฟล์ 4K จะมีความละเอียดมากกว่า แต่สิ่งที่ต่างมากๆกว่านั้นก็คือ
Dynamic contrast และสีของภาพ ภาพจากไฟล์ 4K จะมีสีที่อิ่ม แน่น เข้มข้น เป็นตัวเป็นตนกว่า
แสงและเงาที่ตกกระทบวัตถุต่างๆมีรัศมี มีความกระจ่างจะแจ้งกว่า full HD มาก
ภาพเคลื่อนไหวสำหรับ ภาพเคลื่อนไหวรุ่นนี้ผมจะแยกเป็นสองประเด็นนั่นคือ
1 response time
2 motion resolution
Response time ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม ไร้ghost ไร้เงาลากตามวัตถุที่เคลื่อนไหว
แต่ motion จะมีปัญหาบ้าง เพราะ resolution ค่อนข้างน้อย การเคลื่อนไหวจะเห็นอาการสั่นของวัตถุ
ทำให้วัตถุดูมัวๆ สั่นๆ ซึ่งสามารถเปิด true motion ใช้ระบบแทรกเฟรมภาพเข้าช่วยได้
True motion แบบสำเร็จรูปก็จะลื่นๆแปลกๆเหมือนที่โชว์ในห้าง แนะนำว่าควรใช้แบบ user แล้วปรับเอง
จะได้ motion ที่เคลื่อนไหวไม่สูญเสียความเป็นธรรมชาติไปมากนัก
โดยรวมแล้วภาพเคลื่อนไหวถือว่าสอบผ่านครับ ทำได้ดีกว่า LED full HD ระดับกลางๆ เช่น sony W800C
แต่ก็ยังทำได้ไม่ดีเท่า LED full HD ระดับทอปรุ่นเก่าๆ อย่างเช่น sony W904A